ขอเตือน พระสงฆ์ เขาเป็นที่ข้างในจิต จิตใจเป็นพระสงฆ์ ไม่ได้เป็นที่กายเนื้อ ตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ หัดรู้ไว้ด้วย ท่านทั้งหลายรู้ได้อย่างไรว่าท่านดาราแฟร์มีกิเลสอะไรในใจ ท่านทั้งหลายเป็นพระพุทธเจ้าหรือ?
เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Dhamma2, 19 ตุลาคม 2018.
หน้า 172 ของ 395
-
ถามจริง ๆ น่ะ การเห็นดวงจันทร์ในเวลาบ่าย ๆ หรือ ตอนเช้า ๆ มันแปลกเหรอ
-
-
-
-
ประวัติพระเจ้าตากสิน-ในทางธรรม(ตอนที่๒)
เรือขุนนางก็ขึ้นค้างแรมวัดพระนอนฝั่งขวา เรือขุนนางผู้นั้น คือพระยาตาก
เมื่อเรือพระยาตาก พระอาจารย์สุก ไก่เถื่อน ล่องเรือเข้าคลองวัดพลับร้าง พระเจ้าตาก ขึ้นพักหลบภัยที่วัดพระนอน หรือวัดใหม่วิเชียร ซึ่งอยู่เยื้องไปทางเหนือฝั่งใต้ของวัดพลับ พระอาจารย์สุก ไก่เถื่อน ขึ้นฝั่งวัดพลับร้าง เยื้องมาทางใต้ ฝั่งตะวันออกของคลองแล้ว ๒ – ๓ วันต่อมา พระยาตาก ขึ้นมาสำรวจฝั่งตะวันออก ของคลองเห็นพระอาจารย์สุก ไก่เถื่อน นั่งสมาธิอยู่ ในกลด พระยาตากคลานเขาเข้าไปกราบ และนั่งคอยจนพระอาจารย์สุก ออกจากสมาธิ แล้วกล่าวว่ากับภิกษุองค์นั้นว่า กระผมชื่อพระยาตาก จะลงล่องใต้ไปทางเมืองระยอง พระอาจารย์สุกทราบด้วยญาณว่า บุคคลผู้นี้ จะกอบกู้เอกราชชาติไทยได้ พร้อมกับยื่นให้ตะกรุดปราบจักรวาล และลูกสะกดกัมมัฏฐาน ประจำกาย ให้พระยาตากไป พระยาตากก็ไม่ทราบนามของ พระภิกษุรูปนี้ๆ แล้วกล่าวอวยพร ให้เดินทางโดยปลอดภัย ประมาณสามเดือนต่อมา พระยาตากก็กอบกู้เอกราชได้ (โบราณเรียกว่า ลูกสะกดกู้ชาติ ตะกรุด ที่ หลวงปู่สุกให้พระยาตากเรียกว่า ตะกรุดปราบทั่วจักรวาล)
ต่อมา ตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวง เป็นราชานี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐ – ๒๓๒๕ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ครองราชย์สมบัติในกรุงธนบุรีได้ ๑๕ ปีเศษ ก็สละราชสมบัติ เมื่ออายุได้ ๔๘ พรรษา ดังมีเหตุการณ์ต่อไปนี้
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๒๒ – ๒๓๒๔ ปลายกรุงธนบุรีปลายพระชนม์ชีพของพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ท่านชอบเสด็จมาที่ป่าวัดพลับร้าง และวัดพระนอน ฝั่งตรงข้าม ที่พระองค์ท่านเคยมาพักหลบภัย ก่อนครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก และได้พบพระอริยะสงฆ์ในที่นั้น ได้พบกับพระอาจารย์ผู้ทรงอภิญญา คือหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน พระอธิการ วัดท่าหอย ในป่าวัดพลับร้างนี้
หลังพระราชวังพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งเป็นสวน เป็นป่าหมาก พระองค์ก็ทรงจำได้ว่าเคยพบพระอริยะสงฆ์องค์นั้น เมื่อ ๑๕ ปีล่วงมาแล้ว ณ ที่นี้
ปี ๒๓๒๔ นี้ท่านก็ได้พบกับพระภิกษุองค์เดิม ที่วัดพลับร้างแห่งนี้ จึงขอศึกษาพระกัมมัฏฐานโบราณมัชฌิมาแบบลำดับ ทบทวนของเก่า เพิ่มเติมจากหลวงปู่ สุก ไก่เถื่อน ท่านสอนให้แผ่เมตตาพรหมวิหารบัวบาน สอนวิชากระทบจิต ไว้พูดคุยทางจิตได้ แล้วสอนว่า ให้มีเมตตา เราคนไทยด้วยกัน อย่าฆ่ากันเอง แต่นั้นมาพระองค์ก็ทรงเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทบทวนองค์ฌานเป็นประจำ และได้ฟังธรรมจากหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน จนสำเร็จโสดาปัตติมรรค-โสดาปัตติผล พระอาจารย์สุก ไก่เถื่อน บอกให้พระองค์ทรงสละราชสมบัติ เพื่อบรรพชา-อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรับ เพราะหลุดพ้นกิเลสขั้นต้นแล้ว ทนทุกข์ยากลำบากมานาน จึงถึงวิปัสสนาได้เร็ว
พอดีเวลานั้นพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงทราบข่าวเกิดกบฏ ณ กรุงเก่า พระอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาพระองค์นั้น คือหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน ได้บอกให้พระเจ้าตากสิน เสด็จกลับไปพระราชวังก่อน เพื่อจัดการปัญหาให้เสร็จสิ้น
พอดีขณะนั้น พระยาสรรคบุรี ลงมาอยู่ ณ กรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช จึงดำรัสสั่งให้ พระยาสรรคบุรี ขึ้นไป ณ กรุงเก่า ขึ้นไปปราบกบฏ และจับตัวพวกกบฏ เหล่าร้ายมาให้จงได้ พระยาสรรค์ก็ขึ้นไป ณ กรุงเก่า ตามรับสั่ง แต่กลับไปเข้า กับพวกนายบุญมาก หรือขุนสุระๆ จึงมอบให้ พระยาสรรค์บุรี เป็นนายทัพ ยกลงมาตีกรุงธนบุรี เวลานั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเจ้าพระยาสุรสีห์ ยกทัพขึ้นไปปราบการจลาจล ที่เมืองเขมรยังไม่กลับมา
เมื่อพระยาสรรคบุรี ไปกรุงเก่าแล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงเสด็จออกมาพบพระอาจารย์ผู้ทรงอภิญญา หรือหลวงปู่สุก ไก่เถื่อนๆ หรือพระอธิการวัดท่าหอย
หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน วัดท่าหอย บอกให้พระเจ้าตาก ทรงสละราชสมบัติ เสด็จออกผนวช เมื่อพระเจ้าตากทรงรับแล้วหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน ก็ปลงพระเกศา ให้พระเจ้าตาก ข้ามฝังไปผนวชพระเจ้าตากที่วัดพระนอน หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน ได้เตรียมอัฏฐะบริขาร ท่านได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
วัดพระนอน อยู่ตรงข้ามวัดพลับร้าง ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดใหม่วิเชียร เป็นวัดเล็กๆ ซึ่งเจ้ากรมสังการี ครั้งกรุงศรีอยุธยา มาสร้างไว้ เวลานั้นพระสงฆ์วัดใหม่วิเชียร หรือวัดพระนอน ออกรุกข์มูลกันหมด และหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน และคณะพระสงฆ์อภิญญา มาจากกรุงเก่า ๗ รูป ได้ทำการผนวชให้พระเจ้ากรุงธนบุรี ที่โบสถ์วัดพระนอน หรือ วัดใหม่วิเชียร จากนั้นพระภิกษุพระเจ้าตากสิน ก็ได้รับความช่วยเหลือจากภิกษุอภิญญา อีกหลายองค์ ช่วยแผ่เมตตาให้พระภิกษุพระเจ้าตากสิน พระองค์จึงเสด็จ ลงเรือสำเภาไปประทับ ล่องเรือไปประทับ ณ ที่วัดเขาขุนพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๒๔ ถึงเดือนเมษายน ก็ย่างเข้า ปี ๒๓๒๕ ปีไทย ขณะที่พระเจ้าตากสินทรงพระผนวช มีข้าราชบริพาร ทหารเอก คู่พระทัย พาครอบครัวย้ายจากกรุงธนบุรี มาถวายอารักขา และตั้งรกรากอยู่รอบวัดเขาขุนพนม ชาวบ้านรอบวัดจึงสืบเชื้อสายมาจากคนในวังกรุงธนบุรี กิริยามารยาทสุภาพ เรียบร้อย แตกต่างจากคนท้องถิ่น ภาษาที่พูดแม้จะติดสำเนียงใต้ ยังมีคำราชาศัพท์แทรกอยู่หลายคำ
และพระภิกษุพระเจ้าตากสิน ทรงจำพรรษาอยู่ที่นั่นตราบจนเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๓๖๘ รวมพระชนมายุได้ ๙๑ ปี พรรษา ๔๓ ในรัชกาลที่ ๓
ส่วนพระภิกษุอภิญญา หรือหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน วัดท่าหอย และคณะอีก ๗ รูป ก็ได้อธิษฐานจิตให้ ก้านไผ่อ่อนใน วัดพระนอน เสกเป็นรูปพระเจ้าตากทรงผนวช และอธิษฐาน ด้วยอภิญญา ให้ก้านไผ่อ่อนอีก ๗๘ อัน เป็นรูปขุนนางอีก ๗๘ ท่าน กลับไปพระราชวัง -
เราทำงานเพิ่งได้ว่างอ่าน...งึม งึม...
เดี๋ยวจะตามอ่าน...ตอนนี้ เริ่มงงละค่ะ / -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
พวกเราหลายคนก็เสียใจน่ะ ที่ท่านคิดอย่างนั้น
-
-
-
-
คุณดาราแฟร์เป็นคนดี
เขาก็แค่เชื่อสิ่งที่ตนรู้มา
และทำตามความเชื่อของตัวเองเท่านั้น -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เราจะอยู่ถึงวันที่เราบอกไว้นะ...ถ้าใครจะเข้ามาถามเรื่องปฏิบัติ หรือพูดคุยกัน...เราก็อยู่ถึงวันที่20ตามที่บอกไว้แต่แรก...หากยังมีการพูดคุยกันต่อหลังจากนั้น..แล้วมีข้อสงสัยที่หาคำตอบไม่ได้...เราอาจจะเข้ามาช่วยตอบให้...เราทิ้งทุกท่านไม่ได้หรอก...แต่เราขอพักเพื่อความสงบสักระยะสั้นๆ....
นิสัยสันดานมันชอบช่วยคนอื่น...มันเลิกไม่ได้หรอก.... -
-
ใครในที่นี้ไม่ทำตามความเชื่อบ้างล่ะ
คุณจิตยิ้ม จิตจักรวาล
ผู้สงบ พระยาธรรมสายป่า
เจ๊ตุ๊ด ความเท่าเทียม
ผม พุทธภูมิ... -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
-
หลายๆครั้งที่เห็นท่านสงเคราะห์คนจนไม่มีเวลาจะทานข้าวในแต่ละวัน ทั้งวัน แม้แต่น้ำหยดเดียวยังไม่ได้ดื่ม แถมอีกทั้งคืน ท่านยังไม่มีเวลาได้นอนเลย สว่างตาตา ฟ้าสางมาท่านก็ยังทำงานสงเคราะห์คนอีกทั้งวัน และอีกทั้งคืน สว่างตาตาอีก
ในหลายครั้ง ท่านไม่ได้กินทั้งวัน ไม่ได้นอนหลับทั้งคืน ติดต่อกันยาวนานถึงสี่วันสามคืน โดยไม่ได้กินไม่ได้นอน ท่านอาจารย์ดาราแฟร์อยู่ได้อย่างไร ท่านทั้งหลายทำอย่างอาจารย์ดาราแฟร์ได้หรือยังในการสงเคราะห์คน เห็นท่านมีแต่ให้
เราอยู่ในเหตุการณ์ติดตามท่านมาโดยตลอดและยาวนาน เรารู้ดีว่าท่านอาจารย์ดาราแฟร์ทำอะไรอยู่ จึงเขียนมาให้รู้กัน วันนี้ท่านออกมาเขียนโพสต์เพื่อถามหาความยุติธรรม แล้วทำไมจึงไปกล่าวหาท่านอย่างนี้เล่า กล่าวหาท่านว่าใส่ชุดขาวเอาพระพุทธศาสนามาหากินใส่ไส้ท่าน ทำไมถึงได้ย่ำยีหัวใจท่านล่ะ
ขอบอก ท่านอาจารย์ดาราแฟร์ ท่านเคารพรักพระพุทธศาสนาและเคารพรักพระรัตนตรัยสุดชีวิตและจิตใจ หากผู้ใดที่มาหาท่านและไม่เคารพรักพระรัตนตรัยในพระพุทธศานา ท่านดุที่สุด ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศสนาไม่จริงจัง ไม่จริงใจ ไม่เข้มข้น ไม่เคร่งครัด ท่านดูผ่าซากที่สุด เราโดนท่านอาจารน์ดุมาแล้ว หลายครั้งด้วย ขอบอกให้รู้กันนะ
หน้า 172 ของ 395