นิพพานไม่ใช่ทั้งสมมุติบัญญัติ และปรมัตถ์บัญญัติ หรอกครับ .. ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
เราทำนิพพานให้แจ้งไม่ได้ครับ ที่เราฝึกกันทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวกับนิพพานเลย
.
.
.
แต่เกี่ยวกับทุกข์
คือให้
1. จิตเห็นความทุกข์
2. จิตเบื่อสังขาร และให้
3.จิตมีอุเบกขาต่อกองสังขารทั้งปวง
นั้นเป็นเหตุ คล้ายๆเราปลูกต้นมะม่วง รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ทำเหตุต่างๆตั้งมากมาย เพื่อให้มะม่วงออกผล
ส่วนผล อาสวักขยญาณ นั้น เกิดเอง เมื่อทำเหตุถูกต้องอย่างเพียงพอ เหมือนผลมะม่วงที่สุกเอง
(ลองตอบแบบ จิตสู่จิต ถึงลุงหมานนะคับ)
เอาเฉพาะผู้ที่มีความรู้จริงๆ เดาเอาไม่ต้องเข้ามา
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 23 สิงหาคม 2015.
หน้า 3 ของ 3
-
เรื่องนิพพาน ผู้รู้จริงมีได้แต่พระอรหันต์และพระพุทธเจ้าเท่านั้น
-
-
-
-
-
-
-
มรรคทั้ง ๔ มีอะไรเป็นอารมณ์ ตอบไม่ได้ก็แสดงว่า ไม่รู้เรื่องนิพพาน -
-
หัวข้อกระทู้ก็บอกชัดเจนว่า.... -
ไม่ได้อวดรู้นะครับ ระหว่างคำว่า "รู้" กับว่า "รู้จริง" นั้นแตกต่างกันมาก
"รู้" หมายการรู้อย่างทั่วไป
"รู้จริง" คือรู้แจ้งเห็นจริงประจักษ์ด้วยตนเอง
ตามกระทู้คือ "รู้จริง"
ก็แค่นี้ละครับ
กระทู้เดิม - เอาเฉพาะผู้ที่มีความรู้จริงๆ เดาเอาไม่ต้องเข้ามา -
ผมขอตอบแบบผู้ไม่รู้ครับ
บัญญัติ คือสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นหรือบัญญัติชื่อขึ้นเพื่อให้เข้าใจ ความหมายซึ่งกันและกัน
นิพพานก็คือสิ่งที่สมมุติเป็นชื่อให้คนเข้าใจกัน ถ้าพูดถึงในรูปธรรมไม่แตกต่างกัน
แล้วทำไมต้องมีบัญญัติชื่อ นิพพาน ขึ้นมา เพื่อให้คนที่เดินทางเข้าใจว่าได้เดินถึงจุดไหน มีเป้าหมายปลายทางคือสิ่งใด ถ้าไม่มีเป้าหมายเป็นนิพพานหรือจุดยึดให้เดิน จิตใจคนก็จะอ่อนแอ ก็เหมือนพุทโธ ดูแก้ว เพ่งพระ เพื่อให้จิตมีที่ยึดก่อน สุดท้ายก็ทิ้งหมด
จึงมีการสมมุติขึ้น
ส่วนปลายทางนิพพานที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเป้าหมายคุณคือไปยืนที่ภูเขา จุดที่ยืนก็ต่างกัน แม้จะอยู่ภูเขาเดียวกัน อะไรที่ทำให้แตกต่างก็อยู่กับสิ่งที่สะสมมาซึ่งแต่ละคนก็มีไม่เท่ากัน พระอรหันต์แต่ละรูปก็รู้แจ้งในแต่ละเรื่องที่ไม่เท่ากัน แต่สิ่งมีเหมือนกันคือทิ้งสมมุติ หัวข้อต่างๆที่เขียนให้เรียนรู้ปกิบัติก็เป็นสิ่งสมมุติ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่
ส่วนโสดาบันนิพพานไหม ถ้านิพพานแบบรู้แจ้งแทงตลอดเวลาคงไม่ใช่ เน้นตรงตลอดทุกขณะจิต
เขียนแบบงงๆว่า คำถามนี้เปิดช่องเพื่อจะขยายอะไรให้อ่าน -
ผมขอตอบแบบผู้ไม่รู้ครับ
บัญญัติ คือสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นหรือบัญญัติชื่อขึ้นเพื่อให้เข้าใจ ความหมายซึ่งกันและกัน
นิพพานก็คือสิ่งที่สมมุติเป็นชื่อให้คนเข้าใจกัน ถ้าพูดถึงในรูปธรรมไม่แตกต่างกัน
แล้วทำไมต้องมีบัญญัติชื่อ นิพพาน ขึ้นมา เพื่อให้คนที่เดินทางเข้าใจว่าได้เดินถึงจุดไหน มีเป้าหมายปลายทางคือสิ่งใด ถ้าไม่มีเป้าหมายเป็นนิพพานหรือจุดยึดให้เดิน จิตใจคนก็จะอ่อนแอ ก็เหมือนพุทโธ ดูแก้ว เพ่งพระ เพื่อให้จิตมีที่ยึดก่อน สุดท้ายก็ทิ้งหมด
จึงมีการสมมุติขึ้น
ส่วนปลายทางนิพพานที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเป้าหมายคุณคือไปยืนที่ภูเขา จุดที่ยืนก็ต่างกัน แม้จะอยู่ภูเขาเดียวกัน อะไรที่ทำให้แตกต่างก็อยู่กับสิ่งที่สะสมมาซึ่งแต่ละคนก็มีไม่เท่ากัน พระอรหันต์แต่ละรูปก็รู้แจ้งในแต่ละเรื่องที่ไม่เท่ากัน แต่สิ่งมีเหมือนกันคือทิ้งสมมุติ หัวข้อต่างๆที่เขียนให้เรียนรู้ปกิบัติก็เป็นสิ่งสมมุติ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่
ส่วนโสดาบันนิพพานไหม ถ้านิพพานแบบรู้แจ้งแทงตลอดเวลาคงไม่ใช่ เน้นตรงตลอดทุกขณะจิต
เขียนแบบงงๆว่า คำถามนี้เปิดช่องเพื่อจะขยายอะไรให้อ่าน
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านแบบงงๆ -
เรียกว่า นิพพาน
อารมณ์นิพพาน ก็เย็นคล้ายๆ ละอองน้ำฟุ้ง
กระจายออกมาจากจิตที่บริสุทธิ์ ละอองน้ำ
ละอองธรรม ที่เปล่งออกมาถึงจะเย็นแบบ
ละอองน้ำสัมผัสแบบละอองน้ำจริงๆ
แต่กระทบกับผิวกายของผู้ทรงนิพพานเป็นอารมณ์กลับไม่เปียกด้วยละอองน้ำที่บังเกิดเป็นน้ำพุภายในตัว -
โลกสมมุติต้องมีแพ้มีชนะ ต้องดิ้นรนตลิอดเวลา
โลกนิพพานไม่มีแพ้ไม่มีชนะ ไม่มีการดิ้นรน -
บัญญัติ เป็นคำที่ใช้ยกตัวอย่างในสภาวะ วัตถุ คน สัตว์ ฯลฯ เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
หน้า 3 ของ 3