แก้ไขเรื่องรับขันธ์และลงทรง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 31 ธันวาคม 2015.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ...สมัยที่หลวงปู่ดู่ท่านยังทรงธาตุขันธ์อยู่ มีญาติโยมที่ไปรับขันธ์ทรงเจ้ามาพึ่งบารมีท่าน บอกว่า ไม่ต้องการโดนลงทรง

    ท่านบอกว่า "...เวลาเอ็งมีอาการ จะเริ่มทรง ให้นึกถึงข้า..."




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ธันวาคม 2015
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ไม่ต้องการลงรายละเอียดมาก ขอบอกตรงนี้แค่เพียงว่า ให้สวดไตรสรณคมน์ หรือบทจักรพรรดิที่ทางวัดถ้ำเมืองนะ(หลวงตาม้า)ท่านเผยแผ่ ให้มากๆ ยืน เดิน นั่ง นอน
    ให้นึกสวดในใจก็ได้ นึกภาพหลวงปู่ดู่ได้ง่ายๆสบายๆ เหมือนนึกถึงพ่อแม่ญาติคนรัก ก่อนนอนให้สวดจนหลับ พอจะเริ่มมีอาการผิดปกติก็ตั้งสติสัมปชัญญะถึงหลวงปู่เลย หรือ เอาภาพท่านมาดู(อย่าเพ่งด้วยตา) ภาพของท่านทุกภาพมีชีวิต แล้วท่านจะทราบด้วยตัวท่านเอง หากมีโอกาสได้พบหลวงตาม้าหรือผู้ชำนาญวิชาของหลวงปู่ดู่ท่านอื่น ให้สอบถามวิธีการโดยละเอียดได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ธันวาคม 2015
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มกราคม 2016
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    <iframe width="888" height="555" src="https://www.youtube.com/embed/pF09bJyDNl8?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2016
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]


    ถ้าหลวงปู่ท่านยิ้มให้ และภาพที่เห็นไม่ใช่แค่ภาพที่นึกคิดเองแล้ว ให้อธิษฐานอาราธนาท่านแสดงภาพต้นเงือนของวิบากกรรมที่ต้องมาจองเวรต่อกันระหว่างเรากับเขาที่ต้องการมาเบียดเบียน ให้เค้ายอมรับกฏแห่งกรรม แล้วเลิกราต่อกัน มาคอยอนุโมทนาบุญกับเราไปตลอดจนจะสิ้นชีวิตหรือจนกว่าจะได้มรรคผลนิพพาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Fl6iWtpksXA?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    สอบถามเพิ่มเติมได้ ตามที่อยู่ด้านล่างภาพครับ

    [​IMG]





    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2016
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    จับหลวงปู่แม่นๆ

    จับหลวงปู่......แม่น ๆ

    ถ้ามีใครสักคนหนึ่ง ฝากของสำคัญกับเราไปถึงคน ๆ หนึ่ง เพื่อจะเป็นการกันข้อผิดพลาดจากการส่งของชิ้นนั้น ข้อมูลบุคคลปลายทางที่เราต้องการส่งของถึง น่าจะมีข้อมูลด้านใดบ้าง? นอกเหนือจาก ภูมิลำเนา ลักษณะเด่นของที่อยู่อาศัย ชื่อ สกุล รูปพรรณสัณฐาน ตำหนิหรือลักษณะเด่นของบุคคล คนนั้น
    จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเปลี่ยนจากถ้อยคำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของคน ๆ นั้นเป็นภาพถ่ายสักใบ ถ้าจะให้ดีก็น่าจะเป็นภาพถ่ายที่เป็นปัจจุบัน พร้อมกับภาพของที่อยู่อาศัยของเขา อย่างน้อย ๆ ไม่มีภาพถ่ายที่เป็นปัจจุบัน ก็ขอให้ใกล้เคียงที่สุดจะได้ประหยัดเวลาและสะดวกกว่ากัน ทุ่นแรงกว่ากันเยอะ ว่ามั้ย?

    ลองพักเรื่องการรับฝากส่งของไว้ก่อน ย้อนนึกถึงเรื่องราวของ หลวงปู่และศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิด หรือผู้ที่ทันได้เห็น ได้กราบสังขารธรรมของท่านกันบ้าง นับว่าเป็นความโชคดี เป็นความได้เปรียบค่อนข้างมาก สำหรับโอกาสอย่างนั้น เพราะเป็นการสัมผัส พูดคุย นั่งมอง สบตา เห็นทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถของท่าน ซึมซับเอาพลังงานจากแหล่งตำรับ นับเป็นมงคลอย่างยิ่ง และ เป็นต้นทุนที่ทรงคุณค่า เห็นก็ได้เห็น ฟังเสียงก็ได้ฟังเสียง รับใช้ถวายงานท่านก็ได้สนองพระคุณท่านอย่างเต็มที่ กับองค์ท่านจริง ๆ โอกาสเช่นนี้คู่ควรแก่การโมทนาสักเพียงไหน เพราะการ “จับภาพท่าน” สำหรับทำกรรมฐาน น่าจะเป็นเรื่องที่ง่าย และสะดวกมาก เป็นการ “จับองค์ท่านของจริง....ที่มีชีวิต ดิ้นได้ พูดคุยได้ ตอบคำถามได้”
    ตรงกันข้ามกับศิษย์ผู้ห่างไกล ไม่ทันสังขารธรรมของท่าน เพียงได้อ่าน ได้ฟังข้อธรรมข้องท่านแล้วเกิดความศรัทธา ได้แต่มองภาพถ่ายของท่านแล้ว จดจำเอาไว้เป็น “องค์กรรมฐาน” และมีจำนวนไม่น้อยที่เกิดความน้อยอกน้อยใจในโชคชะตาตัดพ้อกับตนเองไปต่าง ๆ นา ๆ “มัวแต่ไปทำอะไรที่ไหนอยู่ จึงไม่ไปหาท่าน” หรือ “บุญน้อย เกิดมาไม่ทันท่าน” เหล่านี้เป็นถ้อยคำที่หลวงปู่ท่านเหมือนจะรู้ล่วงหน้า และดักทางเอาไว้ก่อนแล้ว ดังคำกล่าว (บ้างบอกว่าท่านอธิษฐาน) ของท่านว่า “ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า...”
    “มองภาพท่าน มองบ่อย ๆ มือกำพระ จิตอยู่ที่พระ ตาอยู่ภาพ” เป็นถ้อยคำที่หลวงตาม้าท่านได้เมตตาบอกกับลูกศิษย์อย่างนี้มานาน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากรุ่นสู่รุ่น คนแล้วคนเล่า ท่านก็เมตตาบอกอย่างนี้ “ให้ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ มองภาพท่านให้เกิดอาการ เกิดความรู้สึก ถ้าภาพท่านยิ้มเมื่อไหร่ก็จบละ...จบหลักสูตรถ้ำเมืองนะ” กรรมฐานนี้ที่หลวงตาท่านว่า “ไม่เห็นจะยากเลย !”
    ข้าพเจ้าเคยแอบค่อนขอดนินทาในใจเมื่อได้ฟังคำสอนของหลวงตาในครั้งแรก เพราะคิดและเข้าใจว่า ภาพปกติธรรมดา ๆ ของหลวงปู่ภาพหนึ่ง เปลี่ยนได้จริง ๆ นะหรือ ออกจะโม้เกินจริงไปหน่อยละมั้ง? ภาพอาจเปลี่ยนได้จริง ๆ ถ้าจ้องมองจนตาเหล่ หรือตาลาย น้ำตาไหลออกมา ถึงแม้ในเวลาที่ปฏิบัติกันจริง ๆ หลวงตาท่านกลับบอกว่า ให้ทำใจสบาย ๆ อย่าไปจ้อง อย่าเพ่ง อย่ากด อย่าอยาก ให้ทำตัวสบาย ๆ มองธรรมดา ๆ ความเลวในใจก็ยังคงค้านอยู่เช่นเดิมแหละ “มองนาน ๆ ตาก็คงเมื่อย เดี๋ยวก็ตากลับ ตาเพี้ยน พาลให้กรรมฐานเพี้ยนไปล่ะไม่ว่า !” แต่ถึงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์ทดลองทำ ทำอย่างที่ที่หลวงตาท่านสอน
    “ตา เห็นภาพ จิตเห็นนาม” ประโยคนี้อธิบายถึง “ความรู้สึก อันเนื่องมาจากการมองภาพหลวงปู่” เมื่อเรามองภาพวิว ทิวทัศน์ เราย่อมเกิดความรู้สึกคนละแบบกับภาพของหลวงปู่ เรามองภาพของคน ๆ หนึ่ง แม้จะเป็นพระสงฆ์เหมือนหลวงปู่ แต่ก็เกิดความรู้สึกทางใจที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเรามองภาพหลวงปู่ มองธรรมดา ๆ มองเฉย ๆ แล้วสังเกตความรู้สึกในใจไปด้วย บ่อยครั้งที่ความรู้สึกมัน “ไม่เหมือนเดิม” แต่ก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร รู้แต่เพียงว่ายิ่งมองยิ่งเพลิน ๆ ไปกับความรู้สึกในใจ
    เพลินกับการมองภาพท่าน สังเกตอารมณ์ใจของตนเอง ควบคู่กันไปด้วยจนลืม ลืมไปว่าภาพหลวงปู่ที่ยืนมองอยู่แต่เดิมเป็นภาพในท่านั่งห้อยขาแท้ ๆ ครั้นพอเกิดความรู้สึก “บางอย่าง” กลับมีภาพของ “หลวงปู่ทวดไปอยู่ตรงหน้าท้องของหลวงปู่” ชัดเจนอยู่ราว ๆ เกือบสิบวินาที ด้วยความตกตะลึง พาให้ลืมตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ขยี้ตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใจเต้นราวกับกลองรัว เหงื่อแตกพลั่ก ๆ ชา มึน ไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว รู้สึกเบาโหวงราวกับจะลอยออกไปจากที่ตรงนั้น ครั้นตั้งสติได้ ภาพหลวงปู่ทวดก็ค่อย ๆ จางหาย หายไป จนเหลือแต่ภาพหลวงปู่ดู่นั่งห้อยขาอยู่เหมือนเดิม
    หลังเหตุการณ์ในวันนั้นต้องกลับมาตั้งหลักทบทวนกันใหม่ “ไม่กด ไม่จ้อง ไม่เพ่ง” เป็นอย่างไร “ทำใจสบาย ๆ ทำตัวสบาย ๆ” ที่หลวงตาว่าเป็นอย่างไร? พลังงานคืออะไร? ภาพเปลี่ยนได้อย่างไร? จึงเป็นเรื่องที่ต้องค้นหา ครั้นจะถามเอาความรู้กับหลวงตาก็เกรงว่ามันจะง่ายไป รวบรัดตัดตอนเกินไป เสียดายอรรถรสของความดื้อรั้นไป “การงมโข่ง” จึงเป็นทางเลือกที่เต็มใจค้นหาต่อไป
    เมื่อผ่านขั้นตอนของการ “ไม่กด ไม่จ้อง ไม่เพ่ง ทำตัวสบาย ๆ ทำใจสบาย ๆ” จึงเข้าสู่โหมดของการทบทวนอารมณ์ใจสุดท้าย เป็นอารมณ์สุดท้ายก่อนที่จะเห็นภาพหลวงปู่ทวด ที่หน้าท้องหลวงปู่ดู่ ทำให้รู้ว่า “พลังงาน ในภาพหลวงปู่นั้น ใช้ระยะเวลาพอสมควร ที่จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกในใจ รับรู้ความรู้สึกในใจควบคู่กันไปกับการมองภาพ ความรู้สึกในใจเปลี่ยนไป ภาพก็เปลี่ยน” แต่ภาพที่เปลี่ยนนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะ “ความรู้สึกทางใจ อารมณ์ใจ....หรือพลังงานทำให้ใจแสดงอาการแล้วแสดงออกทางร่างกาย แสดงออกที่ตา....เราจึงรู้สึกว่าภาพนั้นเปลี่ยน” แท้จริงแล้ว ภาพก็คือภาพเดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งนี้เพราะภายหลังมาพิจารณาภาพก็ไม่เห็นมีร่องรอยของความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังคงเป็นภาพหลวงปู่นั่งห้อยขาอยู่เหมือนเดิมทุกประการ
    จะว่าไปแล้วจริง ๆ ภาพหนึ่งภาพแทนคำอธิบายนับพันนับหมื่น นับได้ว่าไม่เป็นการกล่าวเกินเลยไปแม้แต่น้อย ใครเลยจะคาดคิดว่า ภาพหลวงปู่ที่มองอยู่ ภาพที่นึกถึงอยู่นั้น ก็ยังเปลี่ยนกลับไปกลับมา มีทั้งยิ้ม ทั้งอ้าปากหัวเราะ ทั้งยักคิ้ว หลิ่วตา โบกมือ ขยับแข้งขา โยกตัว และฯลฯ อากัปกิริยาที่พบเห็นนี้ว่าแปลกแล้ว บางครั้งเป็นภาพของจอมกษัตริย์ บางครั้งเป็นภาพของนักบวช เป็นพระสงฆ์ที่คุ้นหน้า และเคยรู้จักหลายท่าน หลากอิริยาบถกันไป แต่ละภาพก็ให้ความรู้สึกทางใจที่แตกต่างกัน ถ้าจะสรุปความเรื่องพลังงานของท่านแล้ว บอกว่า “หลวงปู่เป็นพระสงฆ์” อาจไม่ผิด แต่ไม่ถูกทั้งหมด หรือบอกว่า “หลวงปู่เป็นพระสงฆ์ด้วย เป็นฤาษีด้วย” ก็คงไม่ถูกนัก แต่ “ความรู้สึก อันเนื่องมาจากภาพแต่ละภาพที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนมาในขณะที่เราทำกรรมฐานนั้นคือพลังงานที่เนื่องกันกับหลวงปู่” น่าจะครอบคลุมและเหมาะสมกว่า และสอดคล้องต้องกันอย่างน่าทึ่งกับคำบอกของหลวงตาที่ว่า “เพราะหลวงปู่ท่านเป็นโพธิสัตว์องค์ต้น ท่านอยู่หัวแถว นึกถึงองค์หัวแถว องค์ต่อแถวลำดับถัด ๆ ไปก็ต้องมา มาหมดแหละ นึกถึงท่านองค์เดียวก็เหลือเฟือแล้ว !”
    ในการปฏิบัติกรรมฐานด้วยภาพหลวงปู่นั้น เราเลียนแบบศิษย์รุ่นที่ทันสังขารธรรมของท่านด้วยการ มองภาพหลวงปู่ เพราะเราไม่เคยเห็นท่าน ไม่ทันสังขารธรรมของท่าน อาศัยอ้างอิงเอาจากคำบอกสอนของหลวงตา มองเพื่อให้ใจของเราได้ซึมซับพลังงานของท่านเข้าไป แล้วเอาพลังงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์ พลังงานทั้งหมดทั้งมวลอันเนื่องมาจากการมองภาพ หรือ “จับภาพหลวงปู่” ทยอยเข้าสู่ใจ ทีละนิดทีละหน่อย จนกระทั่งรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งที่ไม่มีอื่นใดมาเทียบได้อีก

    เมื่อนึกถึงท่านแล้วเกิดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลพร้อมกันพรึ่บเดียว หลวงปู่บังเกิดขึ้นแล้วในใจ ดิ้นได้ ขยับได้ เป็นหลวงปู่จริง ๆ มีชีวิตจริง ๆ ก็ถึงเวลาที่ต้อง “เลิกจับภาพท่าน” แล้วหันมาจับหลวงปู่จริง ๆ จะนึกถึงภาพทำไม นึกถึงท่านเลยตรง ๆ ในเมื่อหลวงปู่ท่าน องค์จริง ๆ ของท่านอยู่ในใจเราแล้ว เราสวด ท่านสวด เราเดินท่านเดิน พลังงานท่านอยู่กับเราแล้ว ถึงตรงนี้แล้วไม่มีความแตกต่างขององค์กรรมฐานระหว่างคนที่ทันสังขารธรรมของท่านกับเราผู้ไม่ทันสังขารธรรมท่านแล้ว หน้าที่ต่อไปคือ “รักษาท่านไว้ให้ดี” ถามว่ารักษาอย่างไร? “ดูจิตเรา....รักษาจิตเราให้มีท่านอยู่ มีความรู้สึกที่ท่านอยู่เป็นหนึ่งเดียวกับกายกับใจเรา แบบนี้พลังงานของท่านก็อยู่กับเราตลอดทุกอิริยาบถ อย่าให้ภาพหลวงปู่ บังหลวงปู่เสียเอง..!”






    [​IMG]



    https://www.facebook.com/ลูกแก้วจักรพรรดิ-707998162614344/
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]








    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/4HNV81D98mA?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มกราคม 2016
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    รับขันธ์ห้า???!!!!!!!

    รับขันธ์ ๕

    ประมาณปี ๒๕๓๑-๒๕๓๒ ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการ “หลวงปู่ดู่” ที่ “วัดสะแก” จะพบว่ามีขันและพานที่ใช้ในพิธีรับขันธ์ ๕ วางเรียงต่อกันหลายแถวหลายชั้นจนท่วมศีรษะ

    คนจำนวนไม่น้อยที่ "เข้าพิธีรับขันธ์ ๕".. นัยว่าเป็นการเปิดรับกายทิพย์ของหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ บ้างก็อ้างว่าเป็นดวงวิญญาณบุรพกษัตริย์ไทยในอดีต หรือเทพเจ้าชั้นผู้ใหญ่ เพื่อเข้ามาคุ้มครองป้องกันภัย หรือเสริมชีวิตให้เกิดความเป็นสิริมงคล แต่แท้จริงแล้ว..

    หลวงปู่กล่าวว่า..

    "ส่วนใหญ่นั้นหลอกลวงกันแทบทั้งสิ้น หากจะมีก็มักเป็นวิญญาณชั้นต่ำที่มาอาศัยกินเครื่องบวงสรวง.."

    หลวงปู่สอนมาโดยตลอดที่จะให้เราฝึกฝนอบรมจิตใจให้บริบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ แล้วด้วยเหตุใดคนเราจึงพากันยินดีปฏิบัติในทางตรงกันข้าม โดยให้สิ่งอื่นเข้ามาครอบงำกายใจของเราได้ !

    หลวงปู่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยในแต่ละวัน ๆ กับการสงเคราะห์พวกที่เคยไปรับขันธ์แล้วเปลี่ยนใจ เพราะต้องการความเป็นไทแก่ตัว ต้องการควบคุมตนเองให้ได้เหมือนเมื่อก่อน

    ไม่ใช่อยากจะร่ายรำ หรือพูดภาษาแปลก ๆ หรือตัวสั่นงันงกในที่สาธารณชน ก็ทำขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้

    นอกจากการแผ่ให้แก่ดวงวิญญาณที่มาสิงสู่ร่างเหล่านั้นออกไปแล้ว หลวงปู่ก็เน้นย้ำว่าตัวผู้ (ป่วย) นั้นก็ต้องช่วยตัวเองด้วยเช่นกัน ด้วยการ..

    "ทำภาวนาเพิ่มสติสัมปชัญญะให้กับตัวเอง"


    มิเช่นนั้นก็เหมือนประตูบ้านยังปิดไม่มิดชิด สิ่งแปลกปลอมก็อาจกลับเข้ามาใหม่ได้อีก หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    วิธีการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เป็นร่างทรงหรือแก้กรรมเมื่อโดนทักว่ามีร่าง

    จากการศึกษาของอาจารย์เป็นไปได้ คือ เป็นพลังงานเดิมที่เราทำมา หรือ พลังภายนอก เช่น เจ้าจะบอกเอามีองค์ หลวงปู่ทวด หรือเจ้าองค์นั้น องค์นี้ เพราะพลังงานท่านเหล่านี้กระจายไปได้ทั่ว คนทรงหรือเจ้าเองบางทีก็ไม่เข้าใจเมื่อทักแล้วบางคนเกิดความไม่สบายใจ เพราะกลัวป่วยไข้ ถ้าได้คนครอบที่ดีก็ดีไป มิเช่นนั้นเราต้องไปอยู่ในอาณัติของเขาเสมือนเขาเป็นอาจารย์ มีวิธีปฏิบัติของหลวงปู่ดู่สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะนำขันธ์ที่ไปรับมา แผ่เมตตาอุทิศกุศลให้ แต่ปัจจุบันท่านละสังขารไปแล้วขอให้ท่านปฏิบัติดังนี้
    ๑.ตั้งขันธ์ห้า ซึ่งมีธูปเทียนดอกไม้ อย่างละ ๕ หรือจะใช้เป็นธูป เทียน แพ บายศรี ก็ได้
    ๒.ตั้งจิตทำสมาธิ โดยสมาทานศีล ๕ สวดบทมหาจักพรรดิ์นั่งภาวนา อธิษฐานขอบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ เป็นที่สุด
    ๓.กล่าวคำอธิษฐานถวายขันธ์ ๕ คือ
    พุทธัง ชีวิตัง เมปูเชมิ
    ธัมมัง ชีวิตตัง เมปูเชมิ
    สังฆัง ชีวิตัง เมปูเชมิ
    ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายขันธ์ ๕ ทั้งรูปและนามจิตใจแด่องคิสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนึ่งแม้จะมีผู้ใดที่อยู่กับข้าพเจ้า ไม่ว่าเทวดาหรือเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าจะทำบุญครั้งใดก็ตาม เมื่อเกิดแสงสว่างของบุญขอให้ท่านได้รับโดยฉับพลันทันที โดยรอให้อุทิศให้ ไม่ว่าจะเป็นการทำทาน ศีล ภาวนา และขอท่านทั้งหลายเมื่อได้รับผลบุญของข้าพาเจ้าซึ่งรวมกับบุญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเป็นหนึ่งขอท่านจงรับและได้ โปรดอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    พุทธังอธิษฐานมิ ธัมมังอธิษฐานมิ สังฆังอธิษฐานมิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...