สังโยชน์ 10 ประการ 3 ข้อ เป็นคุณธรรมของพระโสดาบันหรือสกิทาคามี คือ
- สักกายทิฏฐิ สำหรับพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ตัวนี้เป็นตัวปัญญานะ เป็นตัวตัดกิเลสทั้งหมด แต่ว่า พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พระโสดาบันก็ดี พระสกิทาคามีก็ดี มีปัญญาเล็กน้อย มีสมาธิเล็กน้อย แต่มีศีลบริสุทธิ์ ศีลบริสุทธิ์นี่ตามฐานะ ถ้าฆราวาสก็คือศีล 5 คือ ศีล 5 เป็นสำคัญ ยังไม่ถือศีล 8 ถ้าถือศีล 8 เป็นพระอนาคามี คือว่าถ้ามีศีล 5 บริสุทธิ์แน่นอน แล้วก็ใช้ได้ สักกายทิฏฐิ ถ้าญาติโยมมีความคิดอยู่เสมอว่าชีวิตต้องตาย เราไม่ประมาทในชีวิต หมายความว่าพยายามหลบความชั่ว คือบาปไว้เสมอ
- วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในความดีของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
- สีลัพพตปรามาส รักษาศีล 5 เคร่งครัด
.
.
.
รักษาศีล5 เคร่งครัด
- ครั้งนึง พระราชินีทรงถามหลวงพ่อพุธว่า การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนี่ สุดท้ายต้องเอาตัวไหมไปต้มเป็นการผิดศีลข้อ1 ปาณา
หลวงพ่อพุธท่านตอบว่า เป็นไปเพื่อการช่วยช่วยเหลือเหล่าเกษตรกรให้มีอาชีพ
ให้เลี้ยงชีพได้ กุศโลบายนี้ก็เป็นเป็นทางดีช่วยคนแต่ก็ผิดศีลได้เพราะเจตนาไม่ได้ชั่ว
งั้น
เราจริงจับปลามากินก็ได้ในแง่ของการหาเลี้ยงชีพ ไม่ฆ่าเล่นสนุกสนานเมามันส์
ลึกๆถ้าสะใจขึ้นมามันก็ผิดศีลข้อ1ทันที กิเลสพร้อมจะหลอกทันที
อย่างเตือนกันนี่ก็หวังดี แต่เตือนมันส์ไปหน่อยเจตนา
จะด่าแอบแฝงมาก็ผิดข้อ2ไปอีก
สรุปคือเรื่องศีลแม้ต้องเคร่งครัดแต่เมื่อถือเจตนาเป็นประธาน
งั้นก็ต้องเจอกับกิเลสอยู่ดี
แนวทางปฏิบัติธรรม ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ( เรียบเรียงโดย : อุบาสกนิรนาม )
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 28 ตุลาคม 2009.
หน้า 10 ของ 14
-
ความเพ้อเจ้อไม่เคยสิ้นสุดเลยจริงๆ
-
เหล็กร้อน ถูกจับด้วยชาย2คน ผู้หนึ่งรู้ว่าร้อน ผู้หนึ่งไม่รู้ว่าร้อน ผลก้คือทั้ง2คนได้รับความร้อนเท่าๆกัน -
ผมแค่สะกิดพี่วิษณุเขาว่าอย่าติดเว็บบอร์ดมากนัก เพราะตนเองก็เคยเป็นมาก่อน เคยเห็นโทษของมันมาแล้ว จึงเตือนมิตรด้วยความหวังดี ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วาสนานะครับ :)
ส่วนคุณนาอินจังอย่าลากอดีต ปัจจุบัน อนาคตมารวมเป็นเรื่องเดียวกันสร้างโลกของความหวาดกลัวในใจตนเองออกมาเป็นนิยายซึ่งผมยอมรับว่าอ่านไม่รู้เรื่องครับ
แล้วยังจะไปลากคุณผ่อนคลายมาอีก คุณผ่อนคลายแกเป็นผู้ใหญ่แล้วจะไปลากมาเล่นเรื่องเด็กๆ ที่คุณจินตนาการไปเองให้แกเสียผู้ใหญ่ทำไมครับ :) -
เพราะนั่นแหละ ครับ เกิดจากการให้ท้ายกัน ส่งเสริมกันในทางที่ผิด
คุยเล่นกัน สัพเพเหระ จนเกิดการแตกของจิต ที่เวลากิเลสเติบโตแล้ว ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
ครั้นพอหมั่นไส้ เพราะว่า กล่าวหาพวกตน ก็มาจับกลุ่มกันนินทากัน ไม่ได้ช่วยกันตักเตือน
ในกลุ่มนี้ ก็มี นายนิวรณ์ ขวัญ หลบภัย วิษณุ รักกันปานจะกลืน ขนาด มีคนๆ หนึ่ง 5th-lotus พูดจาบ้าๆ บอๆ กล่าวพาดพิงหลายอย่าง ก็มีสนับสนุนกัน กอดคอกัน
ไม่เตือนกัน แต่กลับมาเตือน นายขันธ์และเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ว่าอย่าแพร่ม บาปกรรมบ้าง น่าสงสารบ้าง
นี่แหละครับ การปฏิบัติผิดนำไปสู่ ทิฎฐิที่ผิด สร้างความเมาให้ตนเองและสังคม -
ผมขอยืนยันว่า คุณขวัญ ไม่เคยเข้าห้อง chat -
-
ผมขอเสริมนิดนึงว่า ที่คุณขันธ์เรียกว่า "ให้ท้าย" กันนี่ ที่จริงหากเรามองลงไปลึกๆ มันเกิดจากการรักตัวเองทั้งนั้น กลัวตัวเองจะไม่มีคนมาคุยเล่นสนุกด้วย มันจึงกระโจนออกไปปกป้องของเล่นของตนเอง แทนที่จะส่งเสริมให้เขาหลุดจากโคลนตม
มองให้เห็นการรักตัวเองที่ซ่อนอยู่ มันก็จะเห็นว่าเราทำออกไปเพื่ออะไร
ที่พูดมานี่ เคยเป็นมาก่อน ไม่ใช่ไม่เคย :) -
ส่วนคุณธรรมของ นานากร นั้น
ขอให้พิจารณา ความดั่งต่อไปนี้
ด้วยอะไรก็ตาม ที่ปรากฏ ประจักษ์แล้ว ที่ นานากร จนกระทั่ง พ่อ แม่ ที่อยู่ต่าง
ศาสนา ได้เกิดความศรัทธา และหันมาดำเนินกิจกรรมทางศาสนาพุทธบ้างนั้น
ตรงนี้ ก็ลองเอากลับไปพิจารณาว่า สิ่งใดได้ก่อเกิด หรือไม่ก่อเกิด
คนเรา ใช่ตัดสินเพียงแต่เท่าที่ตาแลเห็น
หากมีสมาธิจิต ดั่งอริยะเจ้า ก็ควรระลึกจรณะของพระพุทธองค์ ท่าน
จะกล่าวคำจริง ยืนยันว่าเป็นคำสอนได้จริง ก็ต่อเมื่อหยั่งลงในภพชาติ
นับพันนับหมื่นของคนๆนั้นแล้ว ใช่ลำพังอ่านเพียงบทความ คำพูด ก็อ้าง
ว่าสามารถสอนผู้หนึ่งผู้ไดได้ ก็อ้างว่าสามารถกล่าวธรรมที่เป็นอกาลิโกได้
นั่นเป็นความไม่รู้ ของสาวก ที่ ลำพองในธรรม ( คำว่า บ่มิลำพอง เป็นบทสวด
ที่ใช้ในบทสวดสรรเสริญ สังฆคุณ หากสงฆ์ใดก็ตาม ทำอาการลำพองในธรรม
สาวกผู้นั้น ชื่อว่าทำลายพระศาสนา ) -
-
นี่ขนาดเคยเป็น มาก่อนนะนี่ จะกล่าวอะไร ก็ควรรู้ชัดก่อน
.. ควรเอะใจบ้าง ว่าทำไมคนนั้น คนนี้ถึงมาแบบนี้ได้ ก่อน จะกล่าวอะไรไป -
ผมจะท้าวความให้ฟัง
ก่อนหน้านี้ เมื่อสองปีก่อน มีสันโดษ ขจรศักดิ์ คุยกันแบบนี้ ผมก็เข้าไปเตือน ก็มี ขวัญ นี่มาออกโรงหมั่นไส้กัน ปัจจุบันทั้งสองคน จิตแตก บ้าๆ บอๆ คุ้มดีคุ้มร้าย
ก่อนหน้านี้ มีเด็ก คนหนึ่งมาถามธรรม ชื่อ นานาคร ตอนนี้เปลี่ยนชือ แรกๆ ก็ถ้าทางจะไปได้ดี ตอนนี้เลอะเลือนใครเตือนไม่ฟัง
ก่อนหน้านี้ นายเล่าปัง ช่วยกัน กำจัด ตาที่สาม ตอนนั้น สติปัญญาคมกริบ ดุจดาบเหล็กน้ำพี้ ตอนนี้เหมือนสากไม้ผุๆ ตำน้ำพริกก็ไม่ได้ เอาไปทำอะไรก้ไม่ได้
ตอนนี้มาใหม่ มีอีปี้ บ้าๆบอๆ เพี้ยนๆ แต่ไม่ช่วยกันสอนให้ตรงทาง
จำเอาไว้ ว่าคนอ่อนไหว ทำอย่างไรมันก็ไปทางนั้น และมันชอบนักแหละ ทางต่ำ ทางสนุกเพลิดเพลิน จนคนจะมาหาสาระธรรมในนี้ไม่มีเลย -
-
เหตุเพราะไม่ระงับอินทรีย์ถือดีในตนคือมานะ ที่มีกันทุกคนนั่นแหละ การถือดีนั่นดีจริงๆนะแต่ต้องดีจริงๆ ไม่ใช่ดีอย่างเลื่อนลอย เช่น พระรัตนตรัยนั้นเป็นของสูงสำหรับเราทั้งหลายไม่ควรหลบหลู่ดูหมิ่น ทำสิ่งใดอยู่ที่ไหนก็ต้องมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และอื่นๆก็ตามมา เชื่อว่าต้องมีแน่ๆสิ่งนี้ทุกคน ทีนี้มาเรื่องว่า แล้วอะไรคือการแยกแยะที่ทุกคนขาดความจริงคือสติ ไม่ใช่อื่นไกลเลย บางคนมีธรรมมีพระไตรปิฏกปานจะต้มกินดื่มกินได้ แต่กลับไม่เข้าใจว่าเป็นของมีค่าแค่ไหน บ้างก็เห็นเป็นเพียงอุปกรณ์ไว้ประลองกำลังปัญญากัน(ปัญญาโง่ๆ) แต่กลับไม่เข้าใจถึงความเป็นสัจธรรมที่มีในนั้นเลย เห็นเป็นเรื่องกลุ่ม ก้อนความคิดที่แตกแยก ไม่ลงเอยกันได้ ผมจะบอกอะไรคุณให้รู้ไว้ทุกๆคนเลย คุณเป็นคนที่มีโอกาสดีที่สุดคนหนึ่งบนโลกใบนี้เลยจริงๆ ที่ได้เกิดมา ณ เวลานี้ ได้พบพระพุทธศาสนาอันมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีพระธรรมซึ่งใครก็ตามที่ไม่มีไม่รู้ถึง อินทรีย์๕ ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ มีพระอริยะสงฆ์สาวกทั้งหลายเป็นเครื่องยืนยันการมีอยู่จริงของพระสัทธรรมและพระศาสดา ซึ่งเวลานี้ทั้งหมดอยู่ในมือพวกคุณแล้วครับ คุณยังจะเห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่ศึกษาหาความจริงในตัวกิเลสนั้น ในจิตใจนั้น เป็นเรื่องน่ากระทำอีกหรือครับ ผมเชื่อว่ามีหลายท่านกำลังจะเข้าใจความเป็นไปของพระสัทธรรม และเข้าใจแล้วก็มีไม่น้อย ณ ที่นี้ คุณลองหาข่าวเรื่องที่ผมถามเกี่ยวกับวิทยุเสียงธรรมทั่วประเทศดูสิ ว่าจริงๆมันเกิดอะไรกับพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน เขาทั้งหลายเห็นคุณค่าอย่างแท้จริงอย่างนั้นเหรอถึงได้จำกัดการกระจายเสียง คนอื่นที่มีใจเป็นกุศลหรือไม่เคยรู้ไม่เคยได้ยินแต่พอได้ยินแล้วหูกระดิกไม่มีเลยหรือ เหตุเหล่านี้คืออะไร ผมคิดว่าที่นี้คือที่ ที่จะรักษาพระสัทธรรมเอาไว้ให้บุคคลอื่น ผู้อยากรู้และปฏิบัติธรรมที่ดีงาม ลดละกิเลสสืบต่อไปครับ
-
ผมว่า มันคือ การระลึกได้เพื่อปรับปรุง และ ทบทวนมากกว่า ว่าเราเดินถูกทางหรือ เดินผิดทาง
หากระลึกอดีตไม่ได้ คุณจะทราบได้อย่างไร ว่าคุณเดินลง หรือ เดินขึ้น -
แล้วถ้าทำได้ ก็สาธยายด้วยว่า อีกหนึ่งปีข้างหน้า พวกเขาแต่ละคนเป็นอย่างไร
แล้วถ้าทำได้อีก ก็สาธยายเข้าไปอีกว่า พวกเขาเหล่านั้น แต่ละคนที่คุณใส่ใจจริง
จะสอนธรรมเขานั้น เขาเป็นอย่างไร
ถ้าทำไม่ได้ พูดถึงปัจจุบันไม่ได้ อีกทั้ง พูดอนาคตอันใกล้ไม่ได้ ก็ให้กลับไปทบทวน
ดูว่า ทำไมพูดได้แต่อดีต
กลับไปทบทวนด้วยว่า อกาลิโก นั้นจำกัดอยู่ที่ใคร
กลับไปทบทวนด้วยว่า อนัตตา นั้นใช้อธิบายอะไรได้บ้าง -
เตือนความจำคุณขันธ์
ในครั้งที่ผม ประกาศขอพร ขอให้คุณทำสัจจ เปล่งวาจาที่จะไม่สอนผมนั้น ในโพสเดียว
กันนั้น ผมได้ใส่คำว่า "ผมจะเป็นนิวรณ์ต่อคุณขันธ์" ไว้ด้วย ซึ่งคุณก็ได้ยอมรับคำประ
กาศนั้น อย่างองอาจ พูดสั้นๆ ไม่มากความว่า ได้
ตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งผมจึงได้พรทุกประการ ที่จะกระทำการขวางกั้นคุณ และขณะเดียว
กันก็ไม่ต้อง ฟังธรรมจากคุณด้วย ....การที่คุณกล่าวว่าผมเป็นอย่างไรนั้น ก็ขอให้ทราบไว้
ว่าผมทำตามประกาศดั่งกล่าว ที่คุณอนุญาติไว้เอง หากจะมาเดือดดาล ก็เป็นเรื่องที่คุณ
ต้องแก้ที่ใจคุณเอง ที่หลงลืมสัจจ ตบัสสัตย์ไปมา -
การเถียงไร้สาระ การไม่มีสติกับปัจจุบัน การกล่าวธรรมคลาดเคลื่อน ยังต้องให้สาธยายอีกหรือ
-
-
ถ้าสติกลับมาแล้ว ใจเย็นลงแล้ว ก็ค่อยๆคุยกันใหม่เริ่มต้นกันใหม่ ไม่มีคำว่าสาย หากยังไม่หมดลมหายใจ เพราะทั้งสองคนก็มีทั้งเหตุและผลที่ดีทั้งสองคนนั่นแหละครับ ในที่นี้ก็อยากจะบอกว่า หากพี่ทั้งสองช่วยเหลือพระพุทธศาสนาในฝ่ายโลกที่ด่านแรกของมิติมนุษย์ด่านนี้(อินเตอร์เนต)ได้ก็เท่ากับว่าได้ช่วยเชิดชูพระศาสนาได้มากแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามากเหลือเกิน ทั้งคนที่เข้ามาจะไม่คลาดเคลื่อนไปเวลาออกไปเจอพระสงฆ์องค์เจ้า มันน่าดีใจออกทั้งสองคนเลยครับ คนหนึ่งมีปัญญา รู้อะไรคือ ปัญญา คนหนึ่งรู้เหตุแห่งปัญญา น่าที่จะทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นได้นะครับ มันไม่มีคำว่าสายครับ หากยังไม่หมดลมหายใจ เสียก่อน สำหรับการเริ่มต้นกันใหม่นะครับ
หน้า 10 ของ 14