แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. ลูกวัด

    ลูกวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,071
    ค่าพลัง:
    +5,194
    คุณเชน ถ้าตอนนี้มีกำลังพอที่จะหาเก็บได้ก็รีบเก็บเลยครับ มีคนศรัทธาหลวงพ่อเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ผมว่าไม่ควรมองข้ามพระนอกวัดที่หลวงพ่อไปปลุกเสกนะครับ ราคายังเบากระเป๋า
     
  2. นำทาง

    นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,181
    ค่าพลัง:
    +7,865
    น้ำท่วมปากช่อง...ไม่รู้ว่าสถานธรรมที่พีหนุ่มสร้างได้รับผลกระทบด้วยหรือเปล่าหนอ
     
  3. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรมทุกๆท่าน
     
  4. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    การปฏิบัติธรรมสามารถอธิษฐานขอได้ แต่สิ่งนั้นจะต้องไม่เหลือวิสัย

    เรื่องการอธิษฐานจิตหลังนั่งสมาธิแล้วคำอธิษฐานกลายเป็นจริง เป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่คนปฎิบัติธรรมมักจะได้พบ ในหนังสือกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญ ลูกศิษย์ของท่านจะมีเขียนถึงบ่อยๆเช่นกัน

    ประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อวันที่ 7 ตุลา 53 หลังนั่งสมาธิผมได้ลองอธิษฐานจิต โดยกำหนดเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงนั้นให้เกิดขึ้น และกำหนดเวลาด้วยว่า ขอให้เกิดขึ้นภายในเวลาวันสองวันนี้ ... คือตอนนั้นในใจเผื่อเวลาให้สองวันว่าจะเกิดขึ้นวันไหนก็ได้ เลยพูดออกไปว่าวันสองวันนี้ ... ผลปรากฎว่า เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น และเกิดขึ้นซ้ำอีกในวันถัดไป ครบสองวันเลย จนคนที่เกี่ยวข้องแปลกใจไปตามๆกัน

    ผมคงบอกไม่ได้ว่าการอธิษฐานทุกครั้งจะได้ผลทุกครั้งหรือไม่ เพราะนานๆผมจะอธิษฐานเรื่องทางโลกสักครั้ง ไม่ได้ทำบ่อยๆ ... แต่ก็ทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่า ชีวิตเราเดินมาถูกทางแล้ว ถึงไม่ใช้วัตถุมงคลหรือพระเครื่องใดๆเลย การปฎิบัติธรรมก็มีความอัศจรรย์ให้ชีวิตมีความสำเร็จก้าวหน้าได้
     
  5. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    แนะนำให้ทุกท่านศึกษาข้อมูลเส้นทางให้ดีครับว่า ถนนเส้นไหนน้ำท่วมสูง ถนนไหนไม่ท่วม หรือ ท่วมแต่พอผ่านได้

    ในอนาคตเหตุการณ์จะรุนแรงกว่านี้ ถ้าจำเป็นต้องเดินทางหลบภัยออกจากบ้านพักไปยังสถานที่ปลอดภัย จะได้เลือกเส้นทางที่ถูกต้องเหมาะสม
     
  6. cwtotobkk

    cwtotobkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอรูปหลวงพ่อด้วยครับ
     
  7. bigkk

    bigkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +258
    ขอรูปหลวงปู่ด้วยอีกคน
     
  8. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่าน


    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    รัตนสูตร สมัยพุทธกาล เมืองไพศาลี

    <HR color=#dddddd SIZE=1 width="100%"></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    ในสมัยพุทธกาล เมืองไพศาลี หรือเวสาลี นครหลวงแห่งอาณาจักรวัชชี มีการปกครองระบอบสามัคคีธรรม (คล้ายกับลักษณะสาธารณรัฐในปัจจุบัน) เป็นเมืองที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มีประชาชนอยู่หนาแน่นมีกำแพง ๓ ชั้น ซึ่งเรียกว่า "ตรีบูร" แต่ละชั้นห่างกันประมาณ ๔ กิโลเมตร มีปราสาทอุทยาน สระโบกขรณีเป็นจำนวนมาก ทางตอนเหนือของเมืองไพศาลีมีป่าใหญ่เป็นพืดขึ้นไปทางเหนือจนจดทิวเขาหิมาลัย เรียกว่าป่ามหาวันมีผู้สร้างกุฏาคารศาลา (เรือนยอด) ถวายไว้เป็นที่ประทับพระพุทธเจ้า

    ต่อมาเมืองไพศาลีเกิดข้าวยากหมากแพงฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าแห่งเหี่ยวตาย เกิดทุพภิกขภัยใหญ่และมีโรคระบาดพวกคนยากคนจนอดอยากล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ซากศพถูกนำไปทิ้งไว้นอกเมืองก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทพวกอมนุษย์ก็พากันเข้า เมืองคนยิ่งล้มตายกันมากขึ้น เกิดอหิวาตกโรคตามมา

    เมื่อเกิดภัย ๓ ประการคือ ทุพภิกขภัย (ข้าวยากหมากแพง)อมนุษยภัย (ภัยจากพวกอมนุษย์) และพยาธิภัย (ภัยที่เกิดจากโรคระบาด)ขึ้นในเมืองไพศาลีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กษัตริย์ลิจฉวีซึ่งมีจำนวนถึง ๗,๗๐๗ องค์ จึงให้ประชาชนประชุมพร้อมกันในสัณฐาคาร (ห้องประชุมใหญ่) เพื่อร่วมกันพิจารณาสอดส่องความประพฤติของบรรดากษัตริย์ทั้งหลายว่า ได้ทำความผิดอันใดไว้จึงทำให้เกิดภัยต่าง ๆ ดังกล่าว

    เมื่อไม่เห็นว่ากษัตริย์ทั้งหลายทำความผิดมีโทษอันใดจึงหาทางระงับภัย ๓ ประการนั้น โดยเห็นร่วมกันว่าควรกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่พระนครราชคฤห์ นครหลวงของอาณาจักรมคธ จึงได้ส่งเจ้าลิจฉวี ๒ องค์ เป็นฑูตนำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระเจ้าพิมพิศาร ณ พระนครราชคฤห์ กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ และกราบทูลของอนุญาตินิมนต์พระพุทธเจ้าเสด็จนครไพศาลี พระเจ้าพิมพิสารได้ตรัสให้เจ้าลิฉวีไปกราบทูลนิมนต์ด้วยพระองค์เอง

    เจ้าลิจฉวีทั้งสองจึงได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้วจึงทูลขอเวลา ตกแต่งหนทางตั้งแต่เมื่องราชคฤห์ ไปจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคาเป็นระยะทางประมาณ ๘๐ กิโลเมตร และโปรดให้สร้างวิหารไว้สำหรับพักตามระยะทางอีก ๕ หลัง พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้กั้นเศวตฉัตร (ร่มขาว) ถวายพระพุทธเจ้า ๒ คันและกั้นถวายภิกษุสงฆ์ที่ติดตามอีก ๕๐๐ รูป รูปละ ๑ คัน พระองค์ได้ตามเสด็จไปพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ทรงถวายเครื่องสักการบูชา ของหอมและทรงบำเพ็ญกุศลถวายทานตลอดทางไปจนถึงฝั่งขวาของแม่น้ำคงคาง และทรงส่งข่าวสารไปยังเมืองไพศาลีให้ทราบว่า บัดนี้พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงฝั่งแม่น้ำคงคาแล้ว

    พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้จัดเรือ ๒ ลำ ตรึงขนานเข้าด้วยกันให้สร้างมณฑปขึ้นบนเรือขนาน แล้วกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นประทับพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พระเจ้าพิมพิสารทรงพระดำเนินลงไปในน้ำลึกจนถึงพระศอ (คอ) แล้วทรงกราบทูลพระพุทธเจ้าว่าพรองค์จะรอคอยอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคานี้จนกว่า พระบลรมศาสดาจะเสด็จกลับ

    ทางเมืองไพศาลี ซึ่งตั้งอยู่ห่างฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาขึ้นไปทางเหนือประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เมื่อทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว ก็เตรียมปราบทางให้ราบเรียบตั้งแต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาไปจนถึงเมืองไพศาลี และสร้างวิหารประจำไว้จำนวน ๓ หลัง เตรียมทำการบูชาเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสารที่ทรงทำมาแล้ว เรือขนานนำพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป มาในแม่น้ำคงคาเป็นระยะทาง ๑๖ กิโลเมตร ก็ถึงเขตเมืองไพศาลี บรรดากษัตริย์ลิจฉวีก็พากันลุยนำลงรับเสด็จพระพุทธเจ้าในแม่น้ำคงคาถึกถึง พระศอเช่นกัน

    ครั้นเรือขนาบเทียบถึงฝั่ง พอพระพุทธเจ้าทรงยกพระบาทแรกย่างเหยียบฝั่งแม่น้ำคงคา กลุ่มเมฆมหึมาซึ่งแผ่กระจายตั้งเค้ามืดมิดก็บันดาลให้ฝตตกลงมาห่าใหญ่ น้ำฝนไหลนองท่วมพื้นดินระดับน้ำสูงถึงเข่าบ้างถึงสะเอวบ้าง ถึงคอบ้าง พัดพาเอาซากศพลอยลงแม่น้ำคงคาไปหมด ทำให้ภาคพื้นดินบริสุทธิ์สะอาดโดยทั่วไป

    บรรดากษัตริย์สิจฉวีทั้งหลายก็นำเสด็จพระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปเข้าพัก ณ วิหารที่สร้างไว้ แล้วถวายทานมากมายเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสาร ให้กางเศวตฉัตรกั้นถวายพระพุทธเจ้า ๔ คันกั้นถวายพระภิกษุสงฆ์รูปละ ๒ คัน น้ำเสด็จพระพุทธดำเนินเป็นเวลา ๓ วัน ก็ถึงพระนครไพศาลี ขณะนั้นพระอินทร์ได้เสด็จพร้อมด้วยเหล่าทวยเทพมาชุมนุมอยู่ด้วย ทำให้พวกอมนุษย์ กรงกลัวอำนาจพากันหลบหนีไป

    พระพุทธเจ้าเสด็จถึงประตูเมืองไพศาลีในเวลาเย็น ได้ตรัสให้พระอานนท์เรียน "รัตนสูตร" เพื่อเดินจาริกทำพระปริตไปในระหว่างกำแพง ๓ ชั้น (ตรีบูร) ในเมืองไพศาลีกับบรรดากุมารลิจฉวีแล้วตรัส "รัตนสูตร" ขึ้นในกาลครั้งนั้น ที่เรียกพระสูตรนี่ว่า "รัตนะ" เพราะหมายถึง พระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ

    เมื่อพระอานนท์เรียนรัตนสูตรจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เอาบาตรของพระพุทธเจ้าใส่น้ำถือไปยืนที่ประตูเมือง พลางรำลึกถึงพระพุทธคุณตั่งแต่ทรงตั้งความปรถนาที่จะได้บรรลุพระโพธิญาณ จนถึงทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรและโลกุตรธรรม ๙ (คือมรรค ๔ ผล ๔ และนิพพาน ๑ ) แล้วเข้าไปภายในพระนคร เดินทำพระปริตไปในระหว่างกำแพงเมือง ๓ ชั้น ทำให้พวกอมนุษย์ที่ยังหลวงเหลืออยู่บ้างพากันหนีออกจากเมืองไปหมด พวกชาวเมืองจึงออกจากบ้านของตนถือดอกไม้และของหอม พากันตามบูชาพระอานนท์แห่ล้อมท่านมา พระอานนท์เดินทำพระปริตไปทั้งคืน

    ประชาชนชาวเมืองไพศาลีได้พร้อมใจกันตกแต่งสัณฐาคาร กลางพระนคร ด้วยของหอมและผูกเพดานประดับด้วยรัตนชาติ จัดตั้งอาสนะสำหรับพระพุทธเจ้า แล้วเชิญเสด็จพระบรมศาสดามาประทับในสัณฐาคาร พระภิกษุสงฆ์และกษัตริย์ลิจฉวี ตลอดจนประชาชนชาวเมืองไพศาลี ได้พากันมานั่งล้อมพระพุทธเจ้า พระอินทร์พร้อมเทพบริวารก็มาเฝ้าด้วย ครั้งพระอานนท์ทำพระปริตอารักขาทั่วพระนครแล้วก็กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาจึงตรัสรัตนสูตรอีกครั้ง หนึ่งรวม ๑๔ คาถา แล้วพระอินทร์ได้ผูกคาถา (ฉันท์) ต่ออีก ๓ คาถา

    พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่เมืองไพศาลี และตรัสเทศนารัตนสูตรทุกวันรวม ๗ วัน เมื่อทรงเห็นว่าภัยทุกอย่างสงบเรียบร้อยแล้วจึงตรัสลากษัตริย์ลิจฉวีและชาว วัชชีทั้งหลายเสด็จกลับราชคฤห์ครั้งนี้ มีประชาชนมาบูชาสักการะถวายแก่พระองค์เป็นการยิ่งใหญ่ เรียกว่า "คังโคโรหณสมาคม" คือการชุมนุมใหญ่ในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงแม่น้ำคงคา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  9. gungwan

    gungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,188
    อนุโมทนาบุญกับพี่เดชาและพี่โอสถครับ วันนี้พี่เดชาอย่าลืมแต่งดำไว้ทุกข์ให้อดีตผู้ว่าการนะครับผมได้รับข้อความทางโทรศัพท์เมื่อวาน ว่างๆวันนี้จะโทรไปคุยด้วยครับ
     
  10. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัดีครับ ทุกท่าน
    พี่เดชามาแต่เช้าทุกวันเลยนะครับ ยังสบายดีอยู่นะครับพี่
     
  11. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ใช่ครับ ไม่รู้จะกระทบด้วยหรือเปล่า
    ส่วนบ้าน ผบทบ. ของผม น้ำก็ใกล้เข้าบ้านแล้วครับ น่าเห็นใจพี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยู่นครราชสีมามากครับ ดูข่าวในทีีวีแล้ว น้ำท่วมมากจริง ๆ
     
  12. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    สวัสดีตอนเช้าครับทุกๆท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 102468214.jpg
      102468214.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.1 KB
      เปิดดู:
      37
  13. ลูกวัด

    ลูกวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,071
    ค่าพลัง:
    +5,194
    สวัสดียามเช้าทุกๆท่านครับ ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆตลอดทั้งวันนะครับ
     
  14. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ผมก็เกือบเป็น สว.เหมือนกันกับพี่แล้วครับ เพราะตอนนี้ก็เกือบย่างเข้าเลข 4 แล้ว แต่ผมชอบนอนดึก ๆ แล้วก็ตื่นเอาประมาณ ตี 5 อีกไม่นานก็คงเป็น สว.อย่างเต็มภาคภูมิ 555 มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ
    เมื่อมองอีกมุมหนึง ก็รู้สึกดีเหมือนกันครับ เพราะอีกไม่นาน (สัก 15 ปีได้) ผมก็คงเกษียร และลูก ๆ ก็คงเรียนจบกันหมด และคงมีงานมีการทำกันแล้ว ตอนนั้นผมก็คงได้ทำในสิ่งที่ใฝ่ฝันมานาน ด้วยการได้อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ปลูกผัก เลี้ยงหลาน ว่าง ๆ ก็นำพระที่สะสมไว้มาดู อยู่แบบสบาย ๆ ตามอัตภาพ นึก ๆดูแล้ว ก็มีความสุขดีครับ
     
  15. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,431
    ค่าพลัง:
    +20,654
    ที่บ้านศรัทธาองค์พ่อ ร.5 ครับ ถ่ายรูปเสด็จพ่อร.5 ที่ภรรยาปักครอสติสตั้งแต่ปี 2537 ตอนตั้งครรภ์ลูกสาวคนแรกครับไว้บูชาที่บ้าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,431
    ค่าพลัง:
    +20,654
    ด้วยความศรัทธา และระลึกถึงพระองค์ท่านในวัยปิยะมหาราชที่จะมาถึง 23 ตค.53
     
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    สวัสดีตอนเช้าครับ ติดฝนและน้ำท่วมที่ปากช่องเสียสองวัน เลยขีดๆเขียนๆเรื่องราวมาฝากอ่านเล่นๆครับ ขณะนี้น้ำท่วมมากจริงๆที่ปากช่อง ปักธงชัย โคราช น่าห่วงมาก เป็นทะเลน้ำโอวัลตินไปหมดทุกหมู่บ้าน แต่ที่สถานปฏิบัติธรรมไม่ท่วมเพราะอยู่สูง 540 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่เส้นทางหลักขาดเสียหายต้องอ้อมไปทางอื่น ลำบากพอควร รถติดยิ่งกว่ากรุงเทพ
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    กุมารทองเฮี้ยน

    ปีที่แล้ว เพื่อนของผมคนหนึ่งได้ทำหน้าตาตื่นและละล่ำระลัก พูดด้วยอาการร้อนรนปนปลื้มใจว่า กุมารทองของเขามีอภินิหารมากมายไม่มีใครเกิน เมื่ออยากรู้ตามประสาคนคอเดียวกัน จึงถามดูว่าอาการเป็นอย่างไรที่บอกว่ามีอภินิหารมาก

    “อีชอบกินไก่เคเอฟซี กินได้ทุกวันและไม่ชอบไม่แตะผลไม้เลย ของเล่นที่วางไว้บนหิ้งล้มทุกวัน บางคืนกุมารทองย้ายที่ได้ด้วย”
    “เฮ้ย..หากเป็นอย่างนั้นก็แปลกจริงๆซิ ขอไปดูหน่อยซิว่าเป็นรุ่นไหน จะได้หามาไว้บ้าง”

    เมื่อได้ไปบ้านของเจ้าเพื่อนคนนั้นแล้ว เขาได้พาดูหิ้งที่เขาวางกุมารทองไว้ที่ชั้นล่างของบ้าน ซึ่งวางกุมารทองอยู่ 3องค์ เป็นของวัดดังในนครปฐมทั้งสิ้น มองดูแล้วก็เป็นของเก่าจริง แต่สงสัยเรื่องที่ทำไมชอบกินไก่เคเอฟซีทุกวัน จึงขอเก้าอี้ปีนดูบนหิ้งจึงถึงบางอ้อ บนหิ้งมีแก้วน้ำและจานวางอาหาร มีทั้งกลิ่นฉี่แมวบนหิ้งโชยเข้าจมูก และยังมีขนแมวที่หลุดอยู่บนหิ้งอีกหลายเส้น เลยสรุปได้ในใจว่า ต้องเป็นกุแมวแน่นอน ไม่ใช่เดชของกุมารทองอะไรหรอก

    ด้วยไม่อยากทำลายศรัทธาของเพื่อน เลยบอกเพียงว่า ลองเปลี่ยนเป็นไหว้ด้วยผลไม้ดีกว่า กุมารคงไม่ชอบของคาวเลยกินเสียหมดและแสดงฤทธิ์เคลื่อนตัวให้เห็นหรือทำของเล่นตกหล่น ลองเอาผลไม้ไหว้สัก
    7 วันดูก่อน หากไม่อาละวาดทำของเล่นตกมาเสียหายก็แสดงว่าเขาชอบผลไม้ และอย่าลืมพ่นยากันยุงบนหิ้งกุมารทองด้วย หลังจากนั้นกุมารก็ไม่มีเคเอฟซีกิน และไม่ได้ทำของเล่นตกทุกวันอีกเลย
     
  19. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและทุกๆท่าน.........

    วันจันทร์อีกแว้วว...(>_<)..
     
  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    คลั่ง...พระขลัง

    เป็นเรื่องจริงของเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบพระเครื่องจนเกินขนาด ขาดวิจารณญาณในการสะสมและขาดความพอดีในความศรัทธา และเขาได้เสียชีวิตลงเมื่อสามปีก่อน เพราะการชอบพระเกินพอดีของเขา จึงเอามาเล่าพอเป็นข้อคิด ส่วนใครจะเก็บไปคิดหรือไม่คิด ก็ไม่ได้บังคับอะไร

    สมเดช นักสะสมพระชนิดคลั่งไคล้ไหลหลงคนหนึ่งประจำจังหวัดนนทบุรี เขาอายุไม่น้อยแล้ว แต่ชอบพระแทบทุกชนิดยิ่งพระขุนแผนละก้อ ได้ยินเป็นไม่ได้ต้องหูกางหางกระดิกวิ่งเข้าใส่ แม้จะอายุมากจนเลียตูดหมาไม่ได้แล้ว แต่เจ้าเพื่อนคนนี้ยังชอบแต่ทางเมตตาตะพึดตะพือ เขามีขุนแผนทุกสำนัก มีของทางเมตตา มหาเสน่ห์เป็นกระบุง เคยถามมันว่า ทำไมต้องหามามากมาย คำตอบที่ได้ง่ายๆคือ “ของมันชอบ” เขายังบอกว่าของเก่าที่ใช้อยู่เริ่มหมดมนต์ขลังก็ต้องหาใหม่

    เมื่อได้ของอะไรมาชิ้นใหม่ เขาจะแขวนอวดโชว์และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวัน นอนละเมอเพ้อพกฝันเป็นเรื่องเป็นราวได้ทั้งคืน วันดีคืนร้ายก็เอาพระหลายๆพวง คราวละห้าสิบกว่าองค์แขวนคอนอกเสื้อโชว์คนที่ผ่านไปมา ใครเห็นก็มองจนเหลียวหลังแทบทุกคน สาวคนไหนเห็นก็ไม่วายอมยิ้มให้ จะไม่อมยิ้มได้อย่างไรกัน เพราะพ่อเล่นเอาปลัดขิกอันเท่าแขนคล้องคอด้วยแบบนั้น สาวน้อยอายจนหน้าแดงและไม่กล้ามอง (อาจเพราะตกใจในขนาด) สาวใหญ่มองขำๆและหัวเราะคิกคัก (เพราะไม่เคยเจอแบบนี้) ส่วนสาวเต็มวัยมองแล้วต้องอมยิ้มแก้มปริ (เพราะเป็นพวกยังมีความฝัน) แต่กระเทยมองแล้วร้องว้าย พร้อมกับเดินบิดก้นจากไป แต่ยังไม่วายหันมามองอีกครั้งด้วยตาเป็นประกาย

    สมเดช อดไม่ได้ที่จะยกความดีทั้งหมดให้กับ ความขลังของพระและเครื่องรางที่เขาแขวนในวันนั้น เขาเชื่อว่าที่ทุกคนยิ้มให้เขานั้นเป็นเพราะอำนาจเสน่ห์เมตตาอย่างแน่นอน เขายิ่งดิ้นรนหาแต่พระทางเสน่ห์ทางผู้หญิงมากขึ้นทุกวัน จนวันหนึ่งเขาได้พระขุนแผนจากวัดดังแห่งหนึ่ง มาจากพรรคพวกนักสะสมที่ทนลูกอ้อนลูกตื้อของเขาไม่ไหว จึงแบ่งให้มาจนสมใจของเขา เมื่อได้มาแล้วเขาก็แขวนโชว์และขอลองเมตตาเสียเลย ด้วยการแอบส่งยิ้มให้แม่ค้าและสาวที่ผ่านไปมาทุกคน เขานับไว้เลยว่า มีกี่คนที่ยิ้มตอบกลับมาให้เขา แต่จนแล้วจนรอดก็ได้แต่มีแค่คนยิ้มให้ ยังไม่มีคนหยุดทักทายหรือทิ้งผ้าเช็ดหน้าให้เหมือนในนิยาย

    จนเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกันยุส่งไปว่า หากพระองค์นี้ดีจริงและขลังดังคำพูดที่บอกต่อๆกันมา จะต้องทำได้ดีกว่าแค่ยิ้มให้เท่านั้น และพนันกันว่าสมเดชจะทำได้ไหมว่า กล้าขึ้นไปเคาะประตูห้องพักชั้นบนของอพาร์ทเม้นหรู และชวนน้องคนสวยในห้องลงมากินน้ำข้างล่างได้ไหม หากทำได้เขาจะนับถือว่าพระองค์นั้นขลังจริงและให้เงินค่าน้ำอีก
    1000.บาท

    สมเดชไม่รอช้า ลูกผู้ชายชื่อไอ้แผน ไหนเลยจะมาหยามกันแบบนี้ พระที่ได้มาก็ขึ้นชื่อว่าสุดยอดในเมตตา สะกิดปุ๊บได้ปั๊บ เขาเดินมาดพระเอกหนังตะลุง ขึ้นไปเคาะห้องนั้นตามที่เพื่อนๆบอกอย่างมั่นใจ สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงผู้หญิงโวยวายและด่าดังลั่นลงมาจากชั้นบนตรงห้องนั้น อีกพักเดียวก็เห็นสมเดชเดินหน้าดำกลับลงมาอย่างกระฟัดกระเฟียด และหมดอารมณ์จะคุยกับใครต่อ เรื่องวันนั้นก็เงียบหายไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้น และในสองอาทิตย์ต่อมา สมเดชก็ถูกมือดีลอบยิงเสียชีวิตที่หน้าร้านค้าที่เขาชอบมานั่งคุยเรื่องพระเป็นประจำต่อหน้าเพื่อนฝูง

    ทุกคนรู้กันว่าเสี่ยคนที่อุปถัมภ์น้องนักร้องคนสวยในห้องนั้น โกรธมากที่สมเดชไปลูบคมเขาในครั้งนั้น และผูกใจคิดสั่งสอนแต่เผอิญสอนแรงไปหน่อย คนสอนก็มือหนักไปนิด สมเดชเลยต้องรับเคราะห์ไปอย่างน่าสงสาร คนที่ชอบพระชอบเครื่องรางของขลัง ก็ควรให้อยู่ในขอบเขตความเป็นไปได้และความพอดีพอเหมาะพอควร จึงจะได้ชื่อว่า เป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง อย่าเกินล้ำเส้นของความพอดีมากไปนัก เรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นเพราะเรื่องการขาดสติของทั้งสองฝ่าย คนกลางคืนเป็นชีวิตที่มากคาว และมักพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆได้มากมาย หากเลี่ยงได้ก็ไม่ควรไปข้องแวะ จึงฝากไว้เป็นอุทาหรณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...