-
NoOTa
Super Moderator
ทีมงาน
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
<TABLE id=Table8 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD align=left width=155 height=42><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="HEIGHT: 2px" vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD class=message-normal vAlign=top align=middle height=10><SCRIPT>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2006/variety/7/19/24890_1.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2006/variety/7/19/24890_2.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2006/variety/7/19/24890_3.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2006/variety/7/19/24890_4.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('','','','');var picNo = new Array('0','1','2','3');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('/dailynews/pages/front_th/popup_news/popup_news_popuppic.aspx?ncId=' + ncId + '&NewsType=' + NewsType + '&picNum='+picNo[picNum],'','menubar=no,toolbar=no,location=no,directories=no,status=no,scrollbars=yes,resizable=yes,dependent,,');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100%
cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td bgcolor=#fbe5f2 class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;hlblTable.innerHTML=''+picturecontent+'';}</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=left width=11 background=/dailynews/images/front_th/bkk_local/bg_dot_up.gif height=42></TD><TD class=messageblack width="100%" height=42><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD class=headline-normal>
โคลิค</TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD class=messageblack>
ถือว่าเป็นหนังที่ให้ความรู้ใหม่กับผมจริง ๆ ครับ กับหนังเรื่อง "โคลิค" (เด็กเห็นผี) ที่นำเอาชื่อโรคประหลาดภาษาทางการแพทย์ที่น้อยคนนักจะรู้จัก มาเป็นแก่นของเรื่องราวไสยศาสตร์สยองขวัญ โดยทางการแพทย์ระบุไว้ว่า "โคลิค" เป็นชื่อของอาการที่เด็กทารกแรกเกิดจะร้องไห้โยเยอย่างไม่ทราบสาเหตุทุกวัน เป็นเวลาติดต่อกันประมาณ 3-6 เดือน อาการดังกล่าวก็จะหายไปเอง ซึ่งคนไทยสมัยก่อนจะเรียกอาการนี้ว่า "อ้อน 100วัน"
ซึ่งก็นับว่าเข้าทางเลยทีเดียวครับ กับแนวคิดที่จะเอาโรคประหลาด ๆ แบบนี้มาทำเป็นหนัง ชนิดที่จะเป็นหนังแบบอื่นไปไม่ได้ นอกจาก "หนังผี" ที่คราวนี้เป็นการเอาเด็กตัวน้อย ๆ มารับชะตากรรมตั้งแต่เกิด มีเซ้นส์เห็นผีเห็นวิญญาณที่มาวนเวียนอยู่ข้าง ๆ เปล
โคลิค เล่าเรื่องราวของ "แพร" หญิงสาวมาดมั่นที่มีความจำเป็นต้องลาออกจากงานขายโฆษณา เพื่อออกมาทำหน้าที่เป็นคุณแม่คนใหม่เลี้ยงดูลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก ทั้ง ๆ ที่ "ป้องภพ" แฟนหนุ่มช่างภาพ หรือแม้แต่ตัวแพรเอง ยังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อแม่คน ทั้งคู่จึงตัดสินใจย้ายไปใช้ชีวิตใหม่ที่บ้านย่านชานเมืองอาศัยอยู่กับแม่ของป้องภพ ก่อนทั้งคู่จะต้องพบเจอกับอาการประหลาดของ "น้องปั้น" ลูกน้อยที่เพิ่งเกิด หลังจาก "เบญ" น้าสาวของป้องภพเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในบ้านหลังที่ปลูกติดกันได้เพียงไม่กี่วัน
อาการประหลาดของน้องปั้นคือ จะส่งเสียงร้องไห้อย่างไม่รู้สาเหตุในทุกค่ำของทุก ๆ วัน ซึ่งแพทย์ระบุว่า เป็นลักษณะอาการของโรค "โคลิค"
หนังเรื่องนี้ เลือกนำเสนออาการของโรคโคลิคไปในเรื่องไสยศาสตร์ การ "เห็นผี" ของเด็กแรกเกิดที่ยังไม่ประสาด้วยซ้ำว่าผีคืออะไร มันน่ากลัวหรือไม่ แต่โดยรวมก็ค่อนข้างทำออกมาได้ดีและน่ากลัวพอสมควรครับ ซึ่งหากเทียบกับหนังผีไทยหลาย ๆ เรื่องที่เคยดูมา โคลิค ถือเป็นหนังผีที่ยังคงนำเสนอความตรงตัวของวิญญาณอาฆาต ชนิดที่ตัวละครหรือแม้แต่คนดูก็ยากที่จะคาดเดาได้ว่า วิญญาณเหล่านี้ต้องการอะไร ซึ่งจุดจบของเรื่องก็มักจะเป็นการหักประเด็นหักมุมให้เป็นเหตุเป็นผลมารองรับปมทั้งหมดของหนัง
ความน่ากลัวของ โคลิค อาจไม่ได้อยู่ที่ตัวผีที่คนดูพยายามจะคาดเดาว่าเป็นใคร มีที่ไปที่มาอย่างไร และจะมาหลอกอย่างไรหรือออกมาตอนไหน แต่กลับเป็นฉากการตายของแต่ละตัวละครที่จะมีจุดจบอย่างเสียวสยอง จากการตามเอาชีวิตของวิญญาณปริศนา (อย่างไร้เหตุผลสิ้นดี) ที่ต้องบอกว่า เป็นภาพที่ค่อนข้างจะรุนแรง ชนิดหักดิบอารมณ์บีบคั้นหัวใจให้คนดูรู้สึกเวทนากับตัวละครผู้เคราะห์ร้าย โชคดีที่หนังเรื่องนี้ใช้ตัวละครค่อนข้างประหยัด ทำให้ผมไม่ต้องทนนั่งลุ้นว่าจะมีใครต้องมีอันเป็นไปเป็นคนต่อไป
หลังจากดู โคลิค จบ จะมีผิดหวังก็แค่ความงี่เง่าของตัวละครหลักที่หนังวางบทมาให้แบบหลวม ๆ ทั้งแพรและป้องภพ ที่ตอนหลังต่างก็รู้ดีแล้วว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร แต่ทั้งคู่กลับไม่มีวิธีที่จะป้องกันตัวเองหรือแม้แต่ลูกน้อย แถมยังเปิดช่องให้ผีเข้ามาเล่นงานซะอ่วมทั้งเรื่อง ยิ่งบทของ "จีน" เพื่อนนางเอก ที่ดูแล้วบอกได้คำเดียวว่า "ไม่น่าเลย.."
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ขัดแย้งอยู่ในอารมณ์ตะหงิด ๆ หลังดูจบ ก็คือฉากสรุปของเรื่องครับ ที่หักประเด็นแบบฝืน ๆ ไปหน่อย เพราะเล่นโยงเอาเรื่องราวที่หนังพยายามเล่ามาตลอดให้มาเข้ากับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ (จริง) เอาแบบดื้อ ๆ ที่ดูยังไงก็ไม่สามารถทำให้เชื่อหรืออึ้งไปกับเรื่องราวทั้งหมดได้
แต่สิ่งเดียวที่หนังเรื่องนี้ จะเป็นที่จดจำของคนดูไปตลอด ก็คืออาการร้องไห้อย่างไม่รู้สาเหตุของเด็กทารก ที่หนังเรื่องนี้ได้สร้างจินตนาการใหม่ไปแล้วว่า โรคโคลิค หรือการที่ทารกแรกเกิดร้องไห้ไม่ยอมหยุดอาจเป็นเรื่องของการเห็นผี ซึ่งในทางการแพทย์จริง ๆ แล้ว (เน้นว่าจริง ๆ ) ก็ยังไม่มีผลสรุปเกี่ยวกับสาเหตุของอาการนี้ และสำหรับตัวของกระผมนายชิวชิวเองแล้ว ก็เพิ่งได้รู้จากปากแม่มาว่า ตอนเด็ก ๆ ผมก็เคยร้องไห้แบบไม่ลืมหูลืมตาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวเหมือนกัน...(บรึ๋ย!).
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา :