ขอคุณตาให้ปลอดภัยครับ เดินทางระมัดระวังครับ
โดนขังวิญญาณ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.
หน้า 141 ของ 218
-
มองหาไม่เจอครับ อาศัยเจาะเข้าไปในหัวก็ไม่เห็นแสดงว่าไม่ใช่พี่น้องเป็นคน
อื่นแน่ๆ ส่วนเรื่องหวยก็ขำๆครับเขาทำให้เห็นยังงั้น เผื่อว่าจะได้ด้วยกันเพราะ
เข้าพรรษาทุกปีผมถูกตลอดเลย -
คนสร้างท้าวเวสสุวรรณได้ต้องมีบารมีเยอะและสื่อท่านได้เท่านั้นครับ ไม่งั้น
ทำออกมาแล้วตัวคนทำน่ะล่ะจะรับกรรมหนัก -
-
คะรุทาขอขอบพระคุณในไมตรีจิตของคุณจิ-โป ในทุกเรื่องค่ะ
-
คุณคะรุธา หายไปไหนมาตั้งนาน ไม่เห็นแวะเข้ามาคุยกันเลย สบายดีใช่ไหมคะ แล้วเรื่องยุ่งๆตอนนี้ ดีขึ้นแล้วใช่เปล่า...พรุ้งนี้ ศิลามณี ไปกรุงเทพแล้วคะจะไปชักพระ กับปฏิบัติธรรมร่วมกับญาติธรรมที่สุโขทัย กลับอีกทีก็วันจันทร์....คิดถึงน่า..ทีหลังอย่าหายไปนานๆนะ
-
นึกถึงเรื่องนี้แล้ว คิดถึงคุณตุ๋ย..ขึ้นมาเชียว :p ก็กะว่าจะไปหาดูอยู่เหมือนกันคะ ..พอเรียนแล้วจะได้ฝึกเองอยู่ที่บ้าน เอาแบบเก่งๆ .. เก่งแล้วก็จะเหาะไปหาที่อังกฤษไง ไม่ต้องเสียค่าเรือบิน...
ว่าแต่ว่า...เมื่อไหร่คุณตุ๋ย จะมาถือศีลที่เมืองไทยอีกละคะ ...แล้วคุณสามี ตอนนี้เป็นยังไง...หายดีแล้วยังคะ -
เรื่องหวยถึงจะขำแต่ก็ขอเอาด้วยแบบขำๆๆ ครับ เมื่อวานแฟนผมฝันว่าพระถังซำจั๋ง ท่านมาบอก มีเลข 9 ตัวเดียวครับ งวดที่แล้วก็มีมาบอก 751 คือไม่ค่อยจะเชื่อซักเท่าไร ก็เลยได้มาแค่ 1 ใบ -
ท่านเจท วัน.. ลองเข้าไปถามที่นี่ดูซิครับเผื่อท่านมีสร้างไว้ www.ponboon.com -
พอมันสงบเลยเห็นทางในการแก้ไขไปทีละเปาะค่ะ...เทวดาท่านบอกว่า คะรุทาทำเขาไว้เยอะ ใช้เขาซะ ปีนี้ทำ 10 ได้ 5 ให้อดทน ก็เลยอดทน ที่ไหนได้หวยออก 51..โง่จริงเรา... -
เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้โดยง่าย และ เร็ววันนะคะ...เมื่อกี้นี้ก็เพิ่งสดๆ ร้อนเลย ศิลามณี นะอยากจะร้องกรี๊ดๆๆๆ ดังๆ พร้องกับกระทืบเท้า :mad: ยิกๆๆ จริงๆเลย...คนกำลังรีบๆนะ กุณแจรถ ศิลามณี ก็ดันหายแวบไปไหน....หาไม่เจอ ..เลยต้องแอบเอากุณแจสำรอง :p ไปปั้มใหม่ ไม่ให้รู้..ปุเดี๋ยวโดนเอ็ดเอาละ -
เรื่องฝันไม่รู้ครับ แต่เรื่องโอภาสรู้
"โอภาสหมายถึงแสงสว่างที่ฉายออกจากกายซึ่งเกิดจากวิปัสสนา" เหมือนแสง
ที่เราแผ่ออกจากกายแบบกสิณที่กำหนดแสงด้วยใจครับ แต่โอภาสเกิดจากแสงแห่ง
ปัญญา ก็เหมือนโพสต์ธรรมข้างบนอันถัดมาที่ผุดออกมาน่ะล่ะ ไม่ได้หวังบอกใคร แต่
ธรรมมันผุดออกมา สำหรับเจ้าตัวจะคล้ายเห็นธรรมแบบนี้ แต่สำหรับคนอื่นจะ
เป็นเราเปล่งแสงออกมา เรียกโอภาสครับ แสงแห่งวิปัสสนา
(เพิ่มให้เพราะไม่อยากโพสต์หลายครั้ง) ถวายเทียน 2 เล่ม+ธูปหอมยิ่งเยอะยิ่งดีอย่า
หวังแค่จะคิดให้ 1 กำ อย่าลืมซองปัจจัยครับ ปัจจัยอย่าใส่มากเดี๋ยวพระเกิดกิเลส -
อนุโมทนาด้วยครับ เวลาโล่งโปร่งเบาสบายนึกถึงผมบ่อยๆก็ดีครับ(งก) แต่ว่าถ้าจะ
ให้ดีกว่านั้นให้กำหนดเอาความสบายนี้ให้ไปที่คุณพ่อที่ไม่สบายนะครับ ท่านจะได้ดีขึ้น -
-
เองจะเหมือนธรรมมันผุดขึ้นมาแล้วสว่างแว๊ปแล้วดับ แต่อารมณืเบาสบายยังคง
อยู่ต่อ การสว่างที่ออกมาจากกายนี้เรียกโอภาสเหมือนที่เสียงบอกออกมาจากใจ
น่ะถูกแล้วครับ พระที่เป็นนักวิปัสสนาก็จะคล้ายแบบนี้คือจะมีธรรมผุดตลอด แล้ว
ก็อยากสอนคนตลอด แต่พระที่ทำสมถะจะไม่เป็นโอภาส ท่านจะนิ่งเงียบ ไม่ถาม
ก็ไม่ตอบถามมากเข้าก็เดินหนีไป
ในภาวะเช่นนี้ที่ธรรมผุดขึ้นก็อย่าพูดออกมาครับ ให้นิ่งเงียบแล้วคิดพิจารณา
เราจะได้ธรรมของเรา แต่ถ้าเราเปิดออกให้คนอื่น แสดงออกให้คนอื่นมันจะ
กลายเป็นธรรมะทั่วๆไปเป็นกลางๆ ไม่เข้มแข็งพอจะประหารกิเลสสำหรับตัว
ของคนๆนั้นครับ -
[FONT="]พอคลอดจากท้องแม่มาก็เป็นเด็กชายมีรูปร่างหน้าตาสดสวย ผิวพรรณงดงามมีไฝแดงที่หัวคิ้วขวา อันนี้ท่านพ่อให้โหรมาดู โหรทำนายว่าเด็กคนนี้มีบุญญาธิการมากสามารถปูพื้นฐานรวมไทยได้ตลอดถึงแหลมมลายูโน่น ท่านพ่อทำพิธีให้ลูก โดยนิมนต์พระมาสวด ในบรรดาพระที่มาสวดนี่มีพระผู้เฒ่า ๒ องค์ ผิวคล้ำหน่อยเพราะธุดงค์มาด้วย สวดเสร็จนั่งหลับตาปี๋ พอลืมตามาบอกว่า เด็กคนนี้มาจากพรหม หวังจะมากู้ชาติไทย มีสหชาติมาเกิดด้วยคือพ่อขุนน้าวนำถม จะเป็นคนปูพื้นฐานไทยให้เป็นไทตลอดไป ไทยจะไม่สลายตัว เพราะเด็กคนนี้สร้างไทยให้เป็นไทมานานแล้วเมื่อคราวไทยย่อยยับ จึงมาเกิดเพื่อรวมไทย [/FONT]
[FONT="]พอหลวงตา ๒ องค์ ทำนายอย่างนี้ ของขวัญมามากมาย ท่านพ่อท่านแม่ก็เริ่มวางแผนเอาสิ่งของที่เขานำมาให้ลูกชายเก็บทำเป็นธนาคารไว้ทำทุนในการสร้างอาวุธ ทำทุน ฝึกอาวุธ ฝึกระเบียบวินัย ทำทุนการศึกษา นี่ท่านพ่อเริ่มงานก่อน ขอมมันก็คน ไทยก็คนมันวิเศษจริงมันก็อยู่ มันแย่มัน[/FONT]
[FONT="]ตาย เราไทยกับขอมมันต้องตายกันข้างหนึ่ง นี่ท่านพ่อก็นักเลงเหมือนกัน ลูกชายคนนี้ท่านตั้งชื่อว่า [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]ขุนศรีเมืองมาน[/FONT][FONT="]” [/FONT][FONT="]ขุนศรีเมืองมานโตขึ้นก็ทำงานคู่กันกับพ่อขุนน้าวนำถม ให้พ่อขุนน้าวนำถมเป็นคนอ่อนน้อมต่อขอม [/FONT]
[FONT="]แต่พ่อขุนศรีเมืองมานนี่เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าขอมพูดไม่ชอบใจก็เอาเลยบอกว่า [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]นี่ไทยนะ ไทยก็คน ขอมก็คน ถ้าจะเอาอะไรก็เอาแต่เพียงดี ๆ นะ ถ้าใช้อำนาจแบบนี้มันต้องใช้ดาบกันก่อน ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากตายละก็กลับไปก่อน แล้วมาพูดใหม่ถ้าอยากได้คนที่เขากลัวแก โน่น ขุนน้าวนำถมโน่น คนนั้นเขาก้มหัวให้แกได้ทุกอย่าง แต่นี่ฉันขุนศรีเมืองมานไม่ได้เกิดแต่ตัวนะ เอามือเอาเท้ามาด้วย แกจะนึกว่าแกเป็นนายฉันนะที่ฉันยอมให้แกทำตามชอบใจได้ก็เพราะฉันถือว่า มันเป็นประเพณีที่เคยเป็นมาก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นขอมมันก็คน ไทยก็คน ถ้าขอมฟันคอคนไทยขาดได้ ไทยก็ฟันคอขอมขาดได้เหมือนกันนะ[/FONT][FONT="]” [/FONT]
[FONT="]ตอนนี้ขอมชักถอยกรูด ต่อมามีลูกมีหลาน ขอมเห็นท่าไม่ได้การเลยเอาลูกเอาหลานไทยไปเป็นลูกเขย ลูกสะใภ้ เพราะท่าทางจะแข็งเมือง เป็นอันว่าสมัยนั้นก็ฝึกปรือลูกหลานในการรบ รู้จักรักคือรักความสามัคคีในชาติขึ้นชื่อว่าไทยด้วยกันอย่าโกงกัน อย่าข่มเหงกัน อย่าทำลายกัน แม้จะโกรธกันก็ควรให้อภัยกัน ทั้งผู้หญิงผู้ชายควรจะฝึกอาวุธ หาแหล่งทรัพยากร สอนวิธีทำทองขุดทองด้วยมีความร่ำรวย ขอมเห็นว่าไทยร่ำรวยก็มาขอให้ไทยส่งส่วยมากกว่าเดิม พ่อขุนศรีเมืองมานจึงไปสัมพันธ์กับขอม [/FONT][FONT="]([/FONT][FONT="]คือติดต่อพูดกับเขา[/FONT][FONT="]) [/FONT][FONT="]ว่า [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]จะเอาส่วยมากกว่าเดิม[/FONT] -
[FONT="]หรือจะไม่เอาเลย ไอ้ที่ให้อยู่นี่ก็เบียดเบียนกันมากเกินไปอยู่แล้ว ถ้าจ้องการมากกว่านี้ ก็จะไม่ให้เลย[/FONT][FONT="]” [/FONT]
[FONT="]ขอมทำตาปริบ ๆ เจอะคนบ้าเข้า ขอมเห็นท่าไม่ดีก็เลยบอก [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]งั้นขอเท่าเดิม[/FONT][FONT="]” [/FONT][FONT="]ท่านพ่อขุนศรีเมืองมานก็บอกว่า [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]เท่าเดิมจะให้ แต่จะให้ไปนานเท่าใดนั้นไม่แน่ อย่าใช้อำนาจให้มันมากเกินไปนะ เราเป็นคนเหมือนกันที่ให้ส่วยไปนี่ก็เอาเปรียบกันเกินไปอยู่แล้วผืนแผ่นดินนี่ขอมไม่ได้สร้างไว้นะ โลกนี้ขอมไม่ได้เป็นจ้าวโลกนะ ขอมไม่ได้เอาดินมาถมให้เป็นโลก อย่าใช้อำนาจให้มันมากเกินไปที่ยอมอ่อนย้อมกันอยู่นี้ก็ถือว่าเป็นประเพณีนะ ถ้าไม่รักประเพณีเสียอย่างเดียวขอมจะไม่มีที่อยู่[/FONT][FONT="]” [/FONT]
[FONT="]ความจริงเวลานั้น เราพร้อมรบ แต่เรายังไม่รบ เพราะพวกเราอายุมากไปแล้วให้ลูกหลานรบ สั่งสอนลูกหลานคือ พ่อขุนผาเมือง กับพ่อขุนบางกลางท่าว ให้รับประเพณีนี้ไว้ เวลานั้นพ่อขุนศรีเมืองมานอายุ ๓๐[/FONT][FONT="]–[/FONT][FONT="]๔๐ ปี ช่วงนี้ ภรรยาคือแม่ศรีตาย [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]แม่ศรีไหนล่ะท่านปู่ ท่านบอกก็พรรณวดีศรีโสภาค เธอตาย ท่านพ่อขุนศรีเมืองมานจึงบวชหน้าไฟให้เมีย แล้วไม่สึกอีกเลย เวลานั้นมีเมียหลวงคนเดียวคือแม่ศรี และมีเมียราษฎร์อีก ๒๙ คน ไม่ไหว บวชแล้วไม่สึก มอบหน้าที่ให้พ่อขุนน้าวนำถมทีมฝ่ายฆราวาส ฝ่ายพระก็ตั้งมหาวิทยาลัยการรบ การปกครอง การเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ การคลัง สอนให้เด็กรู้จักความสามัคคี รักในธรรม ประพฤติในธรรม [/FONT]
[FONT="]แล้วหลังจากนั้นพระศรีเมืองมานก็ออกเดินธุดงค์ตั้งแต่เหนือยันนครศรีธรรมราช เพราะท่านทราบดีว่าคนไทยอยู่เกลื่อนกลาดตลอดไปหมด เป็นกลุ่มย่อย ๆ เวลาธุดงค์ไปก็เป็นคนเก่ง ใคร[/FONT]
[FONT="]อยากได้คาถาอาคม ค้าขายดี เมตตามหานิยม คงกระพัน หนังเหนียว มีทุกอย่าง คนไทยชอบ มาทำบุญใส่บาตรกันเป็นกลุ่ม ๆ ใหญ่ ๆ ในเวลาเดียวกันท่านก็ปลุกระดมไปในตัว ให้รู้จักว่า [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]เราเป็นคนไทยนะ คนไทยด้วยกันต้องรักความสามัคคี ต่อไปคนไทยต้องเป็นเอกราช ไม่เป็นทาสขอม ให้ทุกคนกลมเกลียวสามัคคีกันไว้ ฝึกปรือการรบไว้ฝึกปรือการสร้างสรรค์ด้านเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรืองเข้าไว้ด้วย ทำมาหากินได้เก็บเข้าไว้ ถ้าเกิดสงครามเราจะต้องจับจ่ายใช้สอยมาก จะได้ไม่ลำบากในการอุปโภค บริโภค[/FONT][FONT="]” [/FONT][FONT="]นี่พระธุดงค์สมัยนั้น นี่ถ้าจะไม่ใช่พระ เขาเรียกเดินดง ไม่ใช่ธุดงค์ เดินไปถึงนครศรีธรรมราช และไปยันสิงค์โปร์ ใช้เวลาเป็นปี [/FONT]
[FONT="]พอย้อนกลับมาอีกทีคนไทยดีขึ้นมาก งานขั้นต่อมาก็ส่งหน้าที่ให้พ่อขุนบางกลางท่าวกับพ่อขุนผาเมือง กลับมาถึงเมืองบอกลูกหลานว่า [/FONT][FONT="]“[/FONT][FONT="]งานเสร็จแล้ว ลงมือได้[/FONT][FONT="]” [/FONT][FONT="]พระพ่อขุนศรีเมืองมานมาเกิดเป็นวาระที่ ๕ นี้ก็สร้างสรรค์ความสามัคคีกันในความเป็นไทย แล้วก็ไปอยู่ที่วัดต้นจันทร์ ซึ่งอยู่ในป่าลึก ท่านก็เจริญสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน แล้วก็ตายในระหว่างฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม สบาย เกิด ๆ ตาย ๆ แบบนี้ไม่เป็นเรื่องลูกรัก [/FONT]
[FONT="]เป็นอันว่าบุคคลคนเดียวกันคือพระเจ้ามังรายมหาราชมาเกิดวาระที่ ๕ เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน ลูกหลานก็ทำสงครามขับไล่ขอมไปจากแผ่นดินไทย จนกระทั่งพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์และแก่แล้ว พระพ่อขุนศรีเมืองมานจึงตาย การตายคราวนี้ ก่อนหน้าจะตายท่านละ[/FONT] -
ถ้าจะให้เก่งๆ ต้องแบบกสิน ยกกายเนื้อมาเลย มาทั้งตัวและหัวใจ ตุ๋ยจะกลับอีกทีก็ กลางๆ เดือนตุลาคม คะ เมื่อคืนฝันดีมาก ฝันว่าพระธาตุ เสด็จมาให้เยอะมากครื่งโหล แก้วเลย หลายหลาก มากสี สวยจริงๆ ตุ๋ยก็เลยเอาไปถวายวัดธรรมกายเลย พระอาจารย์ในฝันไมเชื่อ ว่าพระธาตุจะเสด็จมาให้ตุ๋ย ตุ๋ยก็ยืนยันในฝันว่า ท่านเสด็จมาได้จริงๆ เคยเสด็จเข้ามาในเมือแล้วหลายองค์ ท่านพระอาจารย์ก็เลยเชื่อ แล้วพูดขึ้นว่า โยมมีบุญมากนะ และพูดว่า สมัยนี้โยมผู้หญิงเข้าวัดกันเยอะ กว่า โยมผู้ชาย ท่านพูดเท่านนี้ ตุ๋ยก็ตื่น ก็นับว่าฝันดีอีกคืนคะ
คุณสามีของตุ๋ยหรือคะ ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร อีกไม่ช้าตุ๋ยคงจะต้องกลับมาอยู่อังกฤษ ถาวรช่วงปีหน้า นี้แน่นอน ถ้าเครียเรื่องเมื่องไทยเสร็จเรียบร้อยคงไม่ต้องบินไปบินมาอีกแล้วคะ -
ครับท่านจิโป ว่าแต่ว่า...ผมมีเหรียญที่เป็นรูปท้านกุเวรถือถุงเงินอยู่ พอจะใช้ไหม๊ครับ
-
ท่านจิโปครับ มีเรื่องเล่นนิดหน่อยครับ คือว่า...มีพรรคพวกบางคนเขาบอกว่า ผู้ที่สิงผมเป็นเจ้ากรรมนายเวรครับ และก้อน่าจะประมาณว่าเมียเก่าในอดีตชาติแล้วผมไปทำผิดกับเขาไว้มากๆจนเขาแค้นอะไรทำนองนี้อ่ะครับ พวกเขาบอกว่า..ยิ่งเขาเล่นเราแรงเท่าไหร่กรรมก็ยิ่งหมดเร็วขึ้นเท่านั้น..
แต่เมื่อคืนนี้ผมฝันว่า แฟนผมมาบอกผมว่า..."ลูกพี่จะปัญญาอ่อน" พอตื่นมาผมก็นึกๆใคร่ครวญดูก็คาดเดาเอาว่า...ลูกจะไปเกิดแล้วมีปัญหาเรื่องนี้รออยู่ ผมก็เลยไปหาซื้อหนังสือของหลวงปู้เกษม เขมโก มาถวายสงฆ์เพื่ออุทิศบุญบารมีไปช่วยเขาไว้ก่อน ปรากฏว่า..ระหว่าง
ขับมอเตอร์ไซด์ไปที่วัดนั้น...จู่ๆผมจีอาการอ๊วกไปเกือบตลอดทางคล้ายๆกับตอนที่ถอนของ
ออกจากตัวยังงัย..อย่างนั้นเลย อาการอย่างนี้พอจะลงความเห็นได้ว่าเป็นยังงัยบ้างครับ
หน้า 141 ของ 218