[ame=http://www.youtube.com/watch?v=nLHOTb8tNo0&feature=related]พญานาค 4 ตระกูล 1 - YouTube[/ame]
โดนขังวิญญาณ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.
หน้า 171 ของ 218
-
-
[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1626478/[/MUSIC]
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เอ ทำไมช่วงนี้เงียบ้เชียบจัง พี่จิโปไปไหนเนี่ย ทุกคนก็หายหมดเลย :z7
-
สงสัยไปจำศีลหมดแล้วครับ อิอิ :cool:
-
ยังอยู่ครับ มีอะไรโพสต์ถามใว้ครับ ช่วงนี้เหตุการณ์ปกติไม่มีอะไรแปลกๆเลย
-
สวัสดีตอนดึกค่ะทุกคน พี่จิโปหายไปนานเลยนะคะ
-
พี่จิโปคะมีเรื่องอยากถามค่ะ คือเวลาหนูนั่งสมาธิอะ พอเริ่มเข้าสู่ภวังมันจะดิ่งลงพอจิตนิ่งแล้วเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย เหมือนหลับไปเลยอะคะเป็นอย่างนี้สักพัก แล้วมันค่อยๆรับรู้กลับมาเหมือนเดิมทีละนิดจนลืมตา แต่ความรู้สึกในหูเหมือนมีคนกระซิบหรือคุยกันให้ได้ยิน ก่อนที่จะรู้สึกตัวกลับมาทีละนิดจนลืมตานะคะ อันนี้มันหมายความว่างัยค่ะ
-
ปกติเราจะแบ่งความรู้สึกส่วนใหญ่ใว้ที่สมาธิแล้วจะแ่บ่งออกมานิดหน่อยมาดูทั้ง
หมด แต่เมื่อยังทำไม่ได้ก็จะตกภวังค์ บางทีก็ดับบางทีก็สว่างมากๆ
ตอนที่จะออกจากภวังค์นี้จิตเราก็จะเริ่มปรับความละเอียดกลับมาที่กายหยาบ
ทำให้เรารับรู้หรือรู้เห็นอะไรบางอย่างเช่นเสียงดังที่ได้ยิน สำหรับบางคนก็จะ
ฝึกจิตฝึกสมาธิก็เพื่อปรับจิตให้ละเอียดให้หยาบได้ดังใจเพื่อรับรู้พวกนี้
มันก็เหมือนเราปรับวิทยุหมุนหาสถานี ส่วนจิตเราก็เป็นเครื่องรับวิทยุครับ
สิ่งที่เราอยากเห็นอยากคุยด้วยก็เป็นความถี่พิเศษที่จิตเราปรับเข้าหาโดยวิธี
ที่เรียกว่าสมถะแบ่งออกเป็นกสิณต่างๆครับ -
พี่จิโป ครับ เมื่อเย็นไปทำวัตร นั่งสมาธหลับตาไม่ได้ มีเหตุกวน (ยุงกัด) ก็เลย นั่งแบบ
ลืมตา แล้วก็มอง รูปวาดหลวงปู่มั่นไปเรื่อย ปกติไม่ค่อยมอง เพราะหน้าท่านดุ อิอิ
ก็นั่งมองไปเรื่อย จนรูปที่มองนั้น มันไม่ใช่รูป จะเห็นเป็น 3 มิติ แล้วจะเห็นสีขาวนวล
ไม่ใช่ทีรูปนะครับ ที่ตาผม พอทำวัตรเสร็จ ก็กลับบ้าน ตอนนี้ถ้ามองหลอดไฟสีขาว
จะเห็น หลอดไฟ แล้วก็สี 7 สี เรียงตามลำดับ ถ้าใกล้ ๆ จะไม่เห็น จะเห็นในระยะ
น่าจะประมาณ 100 เมตรได้ แบบนี้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ -
คุณจิโปค่ะ ขอเรียนสอบถามว่า ถ้าหากมีคนที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตอนนอนหลับอยู่นี่หลังจากวิญญาณออกจากร่างแล้วเค้าจะไปไหนได้ค่ะ ถ้าเราเอาจิตไปเกาะเกี่ยวเค้าไว้เค้าจะไปสู่สุคติภพได้หรือเปล่า ต้องทำอย่างไรเค้าถึงจะไปที่ดีๆได้ค่ะ
ขอความกรุณาด้วยค่ะ เพราะอยากให้วิญญาณดวงนี้ได้อยู่ในที่ดีๆบ้างน่ะค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะค่ะ -
กำหนดเอาก่อน ต่อมาภายหลังค่อยทำแบบลืมตามองภาพนิมิตจึงจะปรากฏ
ต่อหน้าเราเหมือนดังหลับตามอง เพราะในกาลก่อนก็มีพระภิกษุที่มองแสง
อาทิตย์แบบพระฤาษี เพ่งเอาเป็นเอาตาย แรกๆก็เป็นหมอกขาวแบบนี้ล่ะ ต่อ
มาเป็นรัศมีบ้างอันเกิดจากกระจกตาชำรุดเสียหายนะไม่ใช่ว่าเป็นการดี ต่อมา
ภิกษุนี้ก็ตาบอด แต่ก็ได้ตาทิพย์มาแทนมองเห็นทั้งในที่ลับและที่แจ้งโดยตาใน
แต่ตานอกนั้นบอดซะแล้วสิ เสี่ยงน่าดูนะ เผื่อว่าตานอกบอดตาในยังไม่ตื่นนี่สิ
จะลำบาก
ทางที่ดีให้ทำแบบหลับตาก่อน พอข้างในเห็นก็ค่อยลืมตามองมันจะซ้อนกัน
กับภาพที่เรามองธรรมดานี่ล่ะแต่ใช้ใจมองไม่ได้เพ่งความรู้สึกมาที่ดวงตาครับ -
หลายปีก่อนมีคนที่บ้านผมเป็นคนเคร่งครัดในศิลธรรมมากคนหนึ่ง ก็นุ่งห่มปกติ
แต่วันพระจะใส่ขาว เป็นผู้ชายยังหนุ่มอยู่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ แกก็นั่งสมาธิไปเห็น
พระภิกษุท่านว่า ท่านเป็นอาจารย์ของแกมาหลายภพชาติแล้ว นั่งสมาธิทีไรก็
เห็นพระรูปนี้แทรกเข้ามาอยู่ในนิมิตตลอด แกเลยเริ่มเชื่อว่าจริงก็เอามาเล่าให้
พรรคพวกเดียวกันมั่ง พระที่วัดมั่งว่าแกมีอาจารย์ดี
ต่อมาไม่นานแกก็นั่งสมาธิ แล้วตายไปในท่านั่งสมาธินี่เอง ทางบ้านคิดว่าแก
นั่งอะไรนานขนาดนั้นเลยไปจับดูปรากฏว่าตัวเย็นหมดแล้ว ตายซะแล้วสิ
ก็เลยนั่งดูปรากฏเห็นแกเดินถือย่ามเดินตามพระไปบิณบาตร(พระทางทิพย์)
เลยรู้ว่าอ้อ ที่แท้แกคิดจะทำบุญ ในระหว่างเข้าสมาธิเลยหลับไปแล้วไปเดิน
ตามหลังพระรูปนี้ไป เลยกลายเป็นวิญญาณบริสุทธิ์อีกนานมากเลยละถึงจะรู้
ตัวว่านั่นมันอีกมิติหนึ่ง จนกว่าสุขของแกที่ได้ทำบุญจะหมดไปถึงรู้ตัว ก็จะรู้ว่า
เราตายไปแล้ว อีกนานแค่ไหนไม่รู้กี่ภพชาติไม่รู้ จะช่วยให้ตื่นจากสุขก็ไม่ได้
มันเหมือนบอกเทวดาว่าตกสวรรค์เถอะครับ ใครจะยอมลงมาใช่ใหม ใครจะยอม
ทุกข์ทนยอมทิ้งความสุขได้
ก็ทำนองเดียวกันคนที่ตายด้วยหลับไปนั้นเอง จะมีมิติของตัวเองบ้าง ของ
คนอื่นทำให้เห็นเช่นนั้นบ้าง ทำให้หลงอยู่กับสิ่งลวงตา เสพอยู่กับอารมณ์ใน
ขณะที่นอนตายนั้นไปเรื่อยๆ การที่เราทำบุญให้ก็ยังไม่ได้รับ จนเมื่อเขาฟื้นตื่น
หลุดพ้นจากการปรุงในอารมณ์นั้นแล้ว บุญที่เราทำใว้ก็จะปรากฏต่อหน้าเขา
ทันที เขาก็จะรู้ว่าเราตายแล้ว ก็จะได้ใช้ของนั้นๆในตอนนั้นเอง
เราเองเอาจิตไปเกาะเกี่ยวเขาใว้ด้วยความห่วงใยก็ไม่มีผลอะไรกับเขาเพราะ
ตอนนี้เขาเองยังไม่ได้สติ ยังอยู่คนละมิติ ไม่เหมือนกับตายด้วยอย่างอื่นนะ
เราก็ไม่ต้องทำอะไร ทำบุญไปตามปกติเวลาเขาได้เขาก็จะอนุโมทนากับเรา
ในตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเราไปเกิดกี่ภพชาติแล้วไม่รู้สิ พอเขาได้บุญนั้นแล้วก็ไปเกิด
ใหม่ตามที่ตัวเองทำกรรมอะไรมานั่นเอง
อีกกรณีหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคืออุบัติเหตุมาก่อนแล้วตายด้วยทนพิษบาดแผล
ไม่ไหว ทั้งแบบที่หลับตาลืมตาไม่ขึ้นแต่หูได้ยินทั้งหมด ทั้งแบบที่เหมือนนอน
หลับแต่ไม่ได้หลับ อันนี้ไม่เหมือนแบบแรก เราทำบุญให้ตอนตายเขารับได้
หมดทุกอย่าง ทั้งทำบุญตอนไหนได้ปกติครับ เราเกาะเกี่ยวเขาใว้ก็ไม่มีผล
เขาก็ไปจุติใหม่เหมือนเดิมครับ
ก็ปลงนะครับถือเอาตามหลักที่ว่าเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทำสามอย่าง
แรกให้เขาแล้วเขาได้ไม่ได้ก็ต้องเอาจิตเรานี่ล่ะมาอยู่ที่อุเบกขาใว้ เราทำดีที่สุด
แล้วได้แค่นี้ ชีวิตคนก็มีเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ละครับ อยู่ร่วมกันไปตลอดกาล
ก็ไม่ได้หรอกวันใดวันนึงก็พรัดพรากครับ ถ้าจะถามแบบไม่ต้องให้ผมพิมพ์มาก
แบบทั่วๆไปเอาชื่อเล่นมาดีกว่าครับ จะได้ตอบสั้นๆตรงๆตัวไม่ต้องลำบากสายตา จะได้รู้ว่าเขาอยู่รึเขาไปแล้วรึยังไงเผื่อผมอาจจะรู้บ้างนิดหน่อย -
คุณจิโปเล่นเกมส์อะไรอยู่ครับ :cool: เผื่อผมจะเข้าไปแจม
-
เมื่อก่อนผมก็เล่น sni แต่เลิกแล้ว มีแต่โปร
จริง ๆ สู้ เค้าไม่ได้ 555 -
ขอบคุณครับ พี่จิโป ผมไม่ได้เพ่งหรอกครับ พอมองไปมันเห็นของมันเองอ่ะครับ เมื่อวาน
ก็เป็นครับ หลอดนีออน สีขาวทุกหลอด มองเห็นหมดจากระยะ ประมาณ 100 เมตร
เด๋วต้องรีบ ไปเช็คจอประสาทตา ซะแล้ว -
ขอบคุณค่ะคุณจิโปที่กรุณา คนที่เสียไปแล้วชื่อมนตรีค่ะ คือคิดว่าเคยเห็นวิญญาณเค้าหลังจากเสียใหม่ๆแต่ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วแต่บางทีก็เหมือนกับรู้สึกว่าวิญญาณเค้ายังอยู่ ก็เลยเริ่มกังวลน่ะค่ะ เพราะอยากให้เค้าได้อยู่ในที่ๆดีไม่ลำบากแม้ว่าจะไม่มีกายหยาบแล้ว และไม่ทราบว่าจะทำบุญด้วยวิธีไหนให้เค้าไปดีได้ค่ะ -
<center></center>
"แก้วเสด็จ" จะมารับอรุณทุกเช้าเวลาเจ็ดโมง
พระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามหน้าวิหารพระทรงชัยรัตนพลังแผ่นดิน
เวลานั้นให้หันหน้ารับอรุณ ตามองพระอาทิตย์ ใจสงบ ขอพรที่ปรารถนา
สัมฤทธิ สำเร็จ เป็นมหัศจรรย์
ดวงแก้วกายสิทธิ์ที่ปรากฏสามารถเห็นด้วยตาเนื้อ
เป็นดวงกลมสว่างแสงจ้าออกสีชมพูม่วง ๆ สวยมาก ๆ
เมื่อรับอรุณแล้วจะลอยกลับเข้าองค์พระ
<ins style="display:inline-table;border:none;height:125px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:125px"><ins id="aswift_0_anchor" style="display:block;border:none;height:125px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:125px"></ins></ins> -
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
[SIZE=+3]ลางบอกเหตุตามความเชื่อโบราณ [/SIZE]
>> เรื่องทั่วๆไปในทางไม่ดี
>ห้ามใส่ชุดดำเยี่ยมคนป่วย
> ชุดสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือนักถือหนาว่า เป็นสีแห่งความทุกข์โศก
>ใช้ใส่เฉพาะงานศพเท่านั้น หรือหากจะใช้แต่งกายสีดำ ก็ไม่ควรเป็นสีดำทั้งชุด
>ควรเป็นครึ่งท่องใส่ผสมกับสีอื่นๆ
> ชุดสีดำ จึงไม่นิยมใส่เข้าไปในงานมงคลต่างๆ เช่นงานวันเกิด งาน
>แต่งงาน หรือแม้กระทั่งไป เยี่ยมผู้ป่วยก็เหมือนกัน เท่ากับว่า เป็นการแช่งหรือ
>เดาเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ผู้ป่วยนั้นตายเร็วขึ้น ทำให้จิตใจผู้ป่วยหดหู่และหมด
>กำลีงใจ เกิดอาการทรุดลงได้ง่ายจึงไม่ให้ใช้สีดำ ควรเป็นสีที่สดใสและแสดง
>ใบหน้าที่สดชื่นอีกด้วย
>
>
>
>
>จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน
> จิ้งจกในปัจจุบันหาพบได้ง่ายกว่าตุ๊กแก มักจะเกาะอยู่ตามฝาผนัง
>ของบ้าน โดยปกติทั่วๆ ไป เรามักจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมากนัก จะ
>เป็นเพราะมีจำนวนน้อย หรือบางบ้านไม่มีให้เห็นเสียแล้ว หรือไม่ค่อยมีเวลาอยู่
>บ้านมากนัก จึงไม่ได้ยินเสียงของมัน
> ตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้อทัก จะกี่ครั้งก็ตาม
>ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศรีษะของคุณ ให้พยายามเลื่อนการเดินทาง
>เป็นเวลาอืน อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะอาจทำให้
>คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือซ้าย
>มือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชค
>ลาภ หรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ
>
>
>
>
>ตุ๊กแกร้องกลางวัน มีเหตุร้าย
> ตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ในบ้าน มักจะร้องตอนกลางคืน แต่
>ถ้าวันดีคืนดีเกิดร้องลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตาม ให้ถือว่า เป็นการ
>บอกเหตุร้ายว่า กำลังจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือภายในบ้าน ซึ่งโดย
>ปกติแล้วตุ๊กแกจะไม่ค่อยร้องในช่วยกลางวันอยู่แล้ว ( กลางวันในที่นี้หมายถึง
>ตั้งแต่เวลาเริ่มสว่างจนถึงมืดลง )
> คนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ ร่างที่วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไป
>แล้วมาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองเพื่อให้สัญญาณบอกเหตุแก่ลูกหลาน และ
>จะไม่เคยเห็นตุ๊กแกทำร้ายใครเลย
>
>
>
>
>
>นกแซกเกาะหลังคาบ้าน เกิดลางร้าย
> นกแซกเป็นนกที่ถือว่า ให้ความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง ไม่แต่เฉพาะ
>คนไทยเท่านั้นที่ถือในเรื่องนี้ฝรั่งเองก็ถือเคล็ดนี้เช่นกัน ก็เพราะโดยธรรมชาติ
>ของนกแซกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคนให้เห็นนัก
> หากเมื่อใดมีนกแซกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้ว ก็มักจะมีอะไรไม่ดี
>แก่บ้านนั้น เช่น คนป่วยเอยคนเจ็บอยู่ก็อาจเสียชีวิตก็ได้ จึงมักจะมีคนนิยมแก้
>เคล็ดให้ร้ายกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน สุรา บอกเล่าก็เพียง
>พอแล้ว คนโบราณบางท่านที่เคร่งมากๆ ก็อาจเพิ่มด้วย ข้าวสาร ข้าวตอก
>ผ้าแดง ผ้าขาวและเงินทอง
>
>
>
>
>นกถ่ายรดศรีษะ จะมีโชคคร้ายยย
> ปกติแล้วนกนี่มันก็บินไปทั่ว ถ้าไม่ใช่นกเลี้ยง จะชอบมาบินเกาะบน
>ท้องฟ้า ไม่ชอบมาอยู่กะคนเท่าไหร่และเมื่อใดที่คุณกำลังจะออกเดินทางแล้วจู่ๆ
>นกก็ถ่ายรดที่ศรีษะ คนโบราณว่าไว้ ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนด
>ออกไปวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้น อาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุได้
> ในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในบริเวณบ้าน นกบินมาถ่ายรดศีรษะซึ่ง
>โอกาสจะมีน้อยมาก แต่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ให้เตรียมตัวรับเหตุการณ์ได้เลย
>เพราะจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนใจ หรือเกิดเหตุร้ายกะตัวเองแน่นอน
> ระวังเด้อ....
>
>
>
>
>
>เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน
> บ้านใดที่มีต้นไม้มากๆนั้น จะมีที่ที่ตัวเงินตัวทองมักจะปรากฎให้เห็น
>ตามที่ดังกล่าว มักจะไม่คลานในที่โล่งแจ้ง และก็หาแหล่งที่มาไม่พบอีกด้วยว่ามา
>จากที่ใด เพราะในหมู่บ้านกลางเมืองก็ยังมีปรากฎให้เห็นบ้าง
> ลักษณะตัวเงินตัวทอง บางคนว่าคล้ายจระเข้ แต่มีหางยาวมาก มี
>ขนาดตั้งแต่ตัวเล็กๆ เท่าจิ้งเหลนจนไปถึงตัวโดมากๆเท่ากับลูกจระเข้เลยทีเดียว
> ปกติตัวเงินตัวทองนี้จะไม่ทำร้ายใคร แต่คนโบราณท่านว่าเป็นตัว
>อัปมงคลอยู่ดี จึงมีชื่อเรียกเสียเพราะแก้เคล็ด หากบ้านใดมีเข้ามาให้เห็น ท่านว่า
>ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่ บางท่านก็ให้หาดอกไม้ธูปเทียนจุดบอกเล่า
>ให้กลายเป็นการนำเอาสิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน
>
>
>
>
>กลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ
> สำหรับบ้านในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน
>ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดฟงปิดไฟกันเลย คนโบราณจึงว่าว่า หากปิดบง
>ปิดบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวง
>วิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้
> แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านใน
>ยามวิกาลก็เป็นได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียก
>แล้วยังขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามาหรือเข้ามาในบ้านได้
>
>
>
>
>
>เลขนั้นสำคัญฉะไหน
> เลขต่างๆ ตั้งแต่ 1 - 10 หรือแม้กระทั่งเลขเกิน 10 ก็ตามมีความเชื่อ
>ไปต่างๆกัน บ้างก็เหมือนกันแล้วแต่ความถูกโฉลกของแต่ละบุคคล นั่นเป็นความ
>เชื่อ เช่น บางคนไม่ชอบเลข 13 เพราะถือเป็นเลขของความโชคร้ายของฝรั่ง ซึ่ง
>จะสังเกตว่าตามตึกใหญ่สูงๆ ภายในลิฟต์จะไม่มีชั้น 13 เนื่องจากคนก่อสร้างหรือ
>สถาปนิกเป็นฝรั่งจ้า เค้าว่ากันว่าทะเบียนเลขรถเนี้ยะ
>
>
>
>
>ผมหยิก หน้าก้อ คอต่อ คิ้วสั้น คบไม่ได้เด้อ
> คำกล่าวนี้ได้ยินมาน๊านนน นาน... .ซึ่งหากดูให้ครบลักษณะที่กล่าวมาก
>คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นๆ หักๆ คอหาแทบไม่เจอ จะด้วยเพราะอ้วนหรือ
>เหตุใดก็ตาม ประกอบกับมีคิ้วก็สั้นๆ รวมดูแล้ว ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่
> แต่อย่างไรก็ตามอย่าดูแค่รูปกายภายนอก ให้ศึกษานิสัยใจคอด้วยจ๊ะ
>
>
>
>
>
>ไทยเล็ก เจ็กดำ คบบ่ได้ จิงหรือ?
> โบราณท่านว่าไว้ว่า คนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้คบยากเหลือเกิน หากเป็น
>คนไทยก็ต้องตัวไม่เล็กแคระแกรน เนื่องจากคนไทยในสมัยโบราณตัวใหญ่ทั้งผู้
>หญิงและผู้ชาย หาคนตัวเล็กมีน้อยมาก และถ้าเป็นคนจีนก็ต้องตัวไม่ดำ
> "ไทยเล็ก เจ็กดำ" จึงติดปากมาจนทุกวันนี้ แต่หากจะพิจารณากันให้
>ถ่องแท้ คงจะต้องดูที่นิสัยรวมไปด้วย นั่นเป็นเพียงแต่การสันนิษฐานเบื้องต้นให้
>ได้ยินเท่านั้น ก็ลองใช้ดุลพินิจดูว่า จะเป็นจริงตามที่ท่านกล่าวมาไว้หรือไม่ ทั้งนี้
>คำกล่าวที่ว่า ไม่ได้รวมหมายถึง การงานของเขาเหล่านั้น ท่านหมายแต่เพียงว่า มัก
>จะมีนิสัยออกไปทางคนโกงเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอาเปรียบประมาณนั้น
>
>
>
>
>คนหลายเสียงคบไม่ได้
> คนทั่วไปตามปกติแล้ว หากไม่มีเสียงธรรมดาแล้ว ก็อาจจะมีเสียง
>แหลมเล็ก หรือทุ้มใหญ่ไปเลย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากคนใดมีหลายเสียงในขณะ
>ที่พูดคุยตามปกตินั้น เป็นคนคบยาก เพราะเท่ากับว่า หาความแน่นอนอะไรไม่ได้
>แม้แต่เสียงของตัวเองยังบังคับให้อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้เลย ขณะพูดคุย
>เดี๋ยวทำเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงใหญ่ เสียงเล็กไปเรื่อย
> แต่คนในลักษณะนี้หายาก และในเมื่อหายาก ก็ดูจะยิ่งเพิ่มความขลังให้
>ความเชื่อนี้แม่นยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเจอก็ให้ห่างๆ ไว้เป็นดี
>
>
>
>
>
>คนหัวล้านมักเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์
> คำกล่าวนี้ได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดีนั่นเอง ขุนช้างเป็นคน
>เจ้าชู้ ชอบหญิงสาวที่มีรูปงาม จุดเด่นของเรื่องในวรรณคดี มีการแย่งหญิงสาวอัน
>เป็นคนรักของขุนแผน โดนขุนช้างใช้เล่ห์ทุกวิถีทาง เพื่อหลอกให้คนรักของขุนแผน
>มาอยู่กับตน
> จึงถูกมองว่า ผู้ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับขุนช้างคือ หัวล้าน มีรูปร่างอ้วน
>ท้วม ขาวนั้น จะต้องมีนิสัยเช่นเดียวกับขุนช้างเสมอไปแต่ขุนช้างก็เป็นคนร่ำรวยมาก
>ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่แปลกว่า คนหัวล้านก็มักจะรวยเสียทุกคนเหมือนขุนช้างอีกด้วยซิ
>
>
>
>
>ชมีปาน แสดงว่าเคยเกิดมาแล้ว
> เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปานหรือเรียกว่า มีตำหนิ ในส่วนใดส่วน
>หนึ่งของร่างกาย คนโบราณถือว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง และถูกป้ายด้วยของ ทำ
>เป็นตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดงและหากเป็นปานดำ
>ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยถ่านเพราะถ้าหากมีบุญจริง อาจจะพบกันชาติหน้าและจำกันได้
>โดยให้สังเกตจากตำหนิ
> แต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว การเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม เป็นเพราะ
>ผิวหนังผิดปกตินั่นเอง
>
>
>
>
>ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูก
> เชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัด เป็นของสูงและสมควรอยู่
>ในวัดเท่านั้น ไม่ควรนำมาปลูกที่บ้าน จะทำให้บ้านนั้นตกอับ ไม่เจริญ เท่ากับเอาของสูง
>มาวางไม่ถูกที่ หากเกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้นำมาปลูก ก็ให้ถอนออกเสีย หากจะให้ดี ก็ให้
>นำไปไว้ที่วัดเสีย
> ต้นไม้ดังกล่าวอันได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นหวาย ต้นโมกข์ ต้นไทร ต้นนนทรีย์ ต้น
>ตะเคียน เป็นต้น
> แต่ทั้งนี้จะรวมถึงต้นไม้ที่ไม่เป็นสิริมงคลดวย เช่นต้นโศก ต้นระกำ ต้นยาง
>ที่มักนำมาทำโรงศพ ต้นสำโรงที่ดอกมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเหล่านี้ดูไม่เป็นสิริมงคล จึงไม่นิยม
>นำมาปลูกในบริเวณบ้านกัน
>
>
>
>
>ห้ามตัดผมวันพุธ
> วันพุธห้ามตัดผม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามกันนักห้ามกันหนาเชื่อกันว่า ตัดผม
>วันพุทธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิตทีเดียว จะเห็นได้ว่า ร้านตัดผมมักจะปิดร้านในวัน
>พุธกัน บ้างก็อ้างว่า ตัดผมในวันพุธหัวกุดท้ายเน่า
> ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรเชื่อเสียบ้าง ตัดในวันรุ่งขึ้นก็คงไม่นานเกินรอไป
>ได้ และก็ยังไม่ได้ยินเช่นกันว่า นิยมตัดผมกันในวันพุธ
>
>
>
>
>
>ตาเขม่น
> ฮิต ฮิต ฮิต เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของ
>ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออก
>เป็น 3 ช่วงคือ
> หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชค
>ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย
>ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกัน
>เกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป
> ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ในช่วงเวลาเย็นถือว่ามีโชคมีลาภ
>จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา
> แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน การเขม่นตาขวาจะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิด
>ขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าหากเขม่นตาซ้ายจะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า
>ขวาร้าย-ซ้ายดี
> การเขม่นตานี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิด
>เหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน
>
>
>
>
>เมื่อสัตว์ป่านเข้าบ้าน
> เรื่องของสัตว์ป่านั้น ตามธรรมชาติแล้วสัตว์ป่าก็ควรที่จะอยู่ตามป่าตามเขาจึง
>จะถูกต้อง แต่หากเมื่อใดสัตว์เหล่านี้เป็นต้นว่า งูต่างๆ ชนิด หรือแม้กระทั่งเต่า คำโบราณ
>ถือนักว่า ผิดธรรมชาติและหากจะให้สัตว์จำพวกนี้อยู่ในบ้านก็คงอยู่ไม่ได้ ถือว่านำความ
>อัปมงคลมาสู่ครัวเรือน ท่านให้แก้เคล็ดด้วยการ จุดธูปเทียน ดอกไม้บอกเล่าและเชิญให้
>ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้
> สัตว์ป่าที่เข้าบ้านนี้ ตามคำโบราณยังถือรายละเอียดอีกมากมายเกี่ยวกับว่า มา
>ทิศใดจะนำอะไรมาให้ ยกเว้น หากเป็นทางทิศตะวันตกและทิศเหนือจะได้รับโชคลาภ แต่ก็
>นั่นแหละตอนที่สัตว์ป่าเหล่านี้คลานมาคงไม่มีใครรู้ มาทางใดมารู้อีกทีก็อยู่ในบ้านเสียแล้ว
>ดังนั้นทางที่ดีก็อย่ามาเลยดีก่าเนอะ
>
>
>
>
>
>ห้ามเผาศพวันศุกร์
> คนโบราณถือว่า "เผาศพในวันศุกร์ให้ทุกข์กับคนเป็น" และโดยปกติทั่วไปจะ
>สังเกตว่า ไม่มีผู้ใดเผาศพในวันศุกร์ให้เห็นเลย เพราะเชื่อกันว่า วันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ
>วันแห่งความร่มเย็นเป็นสุข เหมาะที่จะมีงานมงคลมากกว่างานเผาศพน๊ะ
>
>
>
>
>หวีหัก โชคไม่ดี
> คนโบราณเชื่อกันว่า ในขณะที่กำลังสางหรือหวีผมนั้น ไม่ว่าจะใช้หวีไม้หรือหวี
>พลาสติกก็ตามแต่ แล้วหวีเกิดหักคาผมในขณะที่ยังหวีอยู่นั้น ท่านให้เชื่อได้เลยว่า จะเกิด
>เรื่องไม่ตีตามมาอย่างแน่นอน เป็นต้นว่า อาจมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น สูญเสียของรัก
>หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจให้หงุดหงิดได้
> การแก้เคล็ดด้วยการนำหวีนั้นทิ้งไปเลย ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่
>และจุดธูปบอกเล่าให้สิ่งร้ายกลายเป็นดีเรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบาเสีย
> แต่ความเชื่อของคนโบราณเรื่องหวีหักนี้ อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่รุนแรงนักก็ได้
>แล้วแต่โชคชะตาและดวงในตอนนั้นด้วย
>
>
>
>
>
>มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ
> ในยามวิกาลเสียงเงียบสงัด เมื่อใดได้กลิ่นธูปลอยมา โดยที่ไม่มีใครจุดธูปใน
>บริเวณนั้นๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา
>จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ท่านให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1
>ดอก ลอกเล่าให้ไปที่สงบๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลยบางคนอาจ
>ขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย
> แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณ
>พเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกันบอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ
>และนิยมใส่บาตรแผ่ส่วนกุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย
หน้า 171 ของ 218