โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เพิ่งรู้ว่าต้นลีลาวดีมีแม่นางอยู่มาก ปราญฯคงมีความหลังกับดอกไม้ชนิดนี้ ชอบใจเป็นพิเศษ เห็นที่ไหนเป็นต้องตรงรี่เข้าไปดอมดมดอกไม้นี้ เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกจะปนเศร้าเล็กก็จะทำให้รู้สึกเหงาๆ เศร้าๆทุกครั้งที่ได้ดมกลิ่น หากมีดอกใหม่ร่วงอยู่ก็จะเอ่ยปากว่า"ขอนะเจ้าคะ"แล้วเอามาทัดหูเล่นทุกทีไป แบบนี้จะมีใครตามมาอยู่ด้วยไหมนี่

    ท่านเจ้าของกระทู้สุขสบายดีไหมเจ้าคะ
     
  2. ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
     
  3. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ใช่แล้วครับ พระกฤษณะกับพระนารายณ์ จะเป็นเด็กสองคนนี้ล่ะ
    เชื่อหรือไม่เชื่อก็ดูเอาเอง แต่ท่านอธิฐานปิดกายในใว้ดูยากนิดหน่อย
    ดูๆไปแล้วก็ทำให้เกิดความเชื่อเรื่องแยกกายแยกจิต เห็นความซับซ้อน
    ของจิต ซับซ้อนแต่ไม่ยุ่งเหยิง ทำความเข้าใจได้ก็ไม่มีอะไรยาก

    พระฤาษีร่างในเป็นพระกฤษณะ ส่วนพระที่พาผมไปร่างในเป็นพระนารายณ์
    จะว่าเรื่องพวกนี้มันงมงายก็คงไม่ใช่เพราะหลายครั้งที่ผมไปกับพระ เดินไป
    ตรงที่เขากำลังทรงกัน ตอนแรกก็ไม่เห็นร่างทรงจะทักอะไรก็ธรรมดา ออกจะ
    อยากให้พระและพวกผมกราบร่างทรงด้วยซ้ำ จนพระท่านกางมือตบตรงหัวใจ
    แล้วบอกร่างทรงว่ามึงดูใหม่ ยังงี้จะให้กราบอีกใหม ร่างทรงร้องให้ ตัวสั่น
    แล้วคลานมากราบเท้าท่าน แถมบอกถูกว่าท่านพระนารายณ์เสด็จมา เป็นงี้
    ทุกๆร่างทรง ทั้งๆที่เราไปก็ไม่มีใครรู้จักแต่ทักเหมือนกันทุกคนไป ก็แปลกดี

    หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ว่าท่านเป็นพระนารายณ์แต่เขาพูดกันมากเข้าท่านก็หัวเราะ
    บอก "ลายก็ลายว่ะ" พระฤาษีท่านก็น้อยคนที่จะรู้ภายในท่านแต่ผมไม่ได้ติดตามพระฤาษี
    เลยไม่ค่อยมีเรื่องเล่าว่าท่านเคยถูกใครทักยังไงมั่ง คนสมัยนี้เห็นพระฤาษีต่างๆเป็นของต่ำ
    ชอบเอามาล้อเลียน หารู้ไม่ว่าฤาษีมีมาทุกยุคทุกสมัย เป็นอาจารย์พื้นฐานของอริยะเจ้า
    ยังไงเห็นพระฤาษีที่ไหนก็สำรวมให้เหมือนเห็นพระล่ะครับถึงถูกต้อง
     
  4. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เพลงเพราะดีครับ ตัดกิเลสให้เบาบางได้ดี ขอบคุณมากครับ
     
  5. angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ปราญฯ เพิ่งได้ยินชื่อพระฤาษีเกศแก้วครั้งแรกเมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เองค่ะ ตอนนั้นไปกราบครูบาหน่อแก้วฟ้าไชยาแล้วท่านกล่าวถึงชื่อนี้ แต่ความที่เป็นเด็กขี้สงสัยที่ไม่ค่อยกล้าตามหาคำตอบ จึงรู้แล้ววางทิ้งไว้เช่นนั้นจนได้มาทราบรายละเอียดจากท่านจิ-โปอีกก็ในคราวนี้

    ปราญฯอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการแยกกายแยกจิตจังเลยค่ะ เพราะไม่ได้ศึกษารายละเอียดอย่างลึกซึ้งเลยรู้สึกข้องใจอยู่ในเรื่องนี้ ท่านจิ-โปพอจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยจะได้ไหมคะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ^-^
     
  6. พลภัทร Mechanic Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +41
    สวัสดีทุกๆคนค่ะ เข้ามาอ่านกระทู้นี้ เวลาเข้ามาในเว็ปพลังจิตบ่อยๆ

    ขอขอบคุณทุกคนสำหรับภาพ และความรู้แปลกใหม่ ที่ให้เป็นวิทยาทานนะคะ
    เพราะมีหลายเรื่องที่น่าสนใจมาก ทั้งการทำสมาธิ เรื่องบุญกรรม ความเชื่อ คติสอนใจ แง่คิดต่างๆมากมาย รวมถึงเกร็ดความรู้ในสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย

    ตัวเองเป็นคนศรัทธาในพุทธศาสนา แต่ยังไม่สามารถข่มจิตใจให้เข้าถึงได้มากนัก
    ตอนนี้ให้กำลังใจตัวเองโดยเวลาทำบุญ หรือขอพรพระว่าขอให้ตัวเองเป็นคิดดี ทำดี และมีโอกาสได้ทำความดีอยู่เสมอ

    เรื่องสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบ้างแต่ไม่บ่อยนัก
    รู้แต่ว่าชอบสวดมนต์ แต่เรื่องสมาธิพยายามศึกษาแต่ปฏิบัติไม่ค่อยไปถึงไหน บ้างครั้งสงบรู้สึกดี บ้างครั้งร้อนนั่งไม่ได้เลยทั้งที่จิตไม่ได้โกรธ/ทุกข์ นั่งในห้องแอร์ เหงื่อไหลซึมร้อนไปหมด(ไม่เคยฝึกที่ไหน หรือสายไหน นั่งกำหนดให้จิตว่างหรือพุทโธเท่านั้น)ถ้าเกิดอาการวันนั้นนั่งสามาธิไม่ได้เลยต้องเลิก กำหนดว่าร้อนหนอๆก็ไม่ไหว

    อ่านประสบการณ์ของหลายๆท่าน รู้สึกอัศจรรย์ในการทำสมาธิเป็นอย่างมาก
    จะพยายามทำให้ได้ แต่คงตามบุญที่มีมาด้วย

    จะติดตามอ่านกระทู้นี้ต่อไปเรื่อยๆนะคะ แต่ไม่มีความรู้ด้านไหนพอจะสนทนาด้วยได้เลย จึงขอทำตัวเป็นผู้อ่านที่ดีจะดีที่สุด แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องใดอาจจะรบกวนขอถามบ้าง

    ...........................................ด้วยความนับถือ....................
    ---------------------------------คนที่ค้นหาทางสายกลาง-------------
     
  7. chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    สวัสดีท่านเจ้าของกระทู้และทุกท่านนะครับ "โดนขังวิญญาณ" ชื่อนี้น่าสนใจมากครับ ผมว่าเราทุกวันนี้ก็โดนขังวิญญาณอยู่ในโลกแห่งกิเลส โดยเราขังเราเองด้วยความเคยชินกับมัน ผมเองก็ด้วยครับ รู้ว่าทุกข์(อาจรู้ไม่ลึกไม่จริง) จึงยังชอบและเคยชินที่จะทุกข์ จึงยังไม่ไปจากทุกข์กัน
     
  8. wimolmas1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +22
    เนื่องจากมีพี่ที่ทำงานชื่อ Q เล่าว่าเพื่อนของพี่เขาสองคนไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทองปลายปี 53 เพื่อต้อนรับปีใหม่

    คนหนึ่งชื่อ A แนวมีสัมผัสที่หกไปวัดไปที่ใดที่มีวิญญาณจะมีความรู้สึกรับรู้ได้แต่ไม่เห็นอาจเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยยอมเปิดรับและไม่ยอมปฏิบัติ

    คนหนึ่งชื่อ B นั่งกรรมฐานจึงทราบได้ว่าวัดนั้นมีวิญญาณเยอะ และเมื่อ A ขยันทำบุญวิญญาณเหล่านั้นได้รับแผ่แต่ยังไม่ไปคิดจะเกาะติดตาม A (เคยตามจากวัดอื่นกลับบ้านด้วยในเดือนก่อนๆ แต่ถูก B ช่วยสกัดไว้หน้าบ้านเพราะไปไหนด้วยกันตลอด) และวัดนี้เช่นกันจะตาม A แต่ B ก็จะตะโกนก่อนขึ้นรถว่าไม่ให้ใครตามมีแค่ A กับ B เท่านั้น นอกนั้นห้ามตามจึงไม่ได้ตาม

    พี่ Q เล่าว่าได้ถาม B ว่าเขาตามมาปฏิบัติด้วยหรือไม่ B บอกว่าดูเหมือนจะมีหลายแนว อย่างแนวที่จะตาม A นั้นจะเป็นแนวไม่ปฏิบัติหรือไม่ได้มาอนุโมทนาสร้างบารมีด้วย หากแต่จะมาขอรับอย่างเดียวและจะรับสุดๆเต็มๆไม่มีคำว่าพอ เอาอย่างเดียวว่านั้น

    ประเด็นคือ กลางเดือนมีนาคม ว่าจะไปทำบุญที่วัดดังกล่าว ด้วยเพื่อนทั้งกลุ่มชวนและปฏิเสธไม่ได้ บอกเหตุผลไปก็จะขวางโลกอยู่ แต่จำต้องไปด้วย เช่นนี้พอจะมีท่านใดทราบไหมว่าจะป้องกันอย่างไรได้บ้าง ว่าแต่ถ้าใส่พระหรือตระกรุดจะป้องกันได้ไหม หรือต้องพกผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณจะป้องกันได้ไหม เพราะที่กำลังสงสัยอยู่คือ
    1) ขนาดในนั้นเป็นวัดยังมี ทั้งที่มีพระวิหาร มีอุโบสถ
    2) อย่างเพื่อนสมาชิกท่านที่มีกอดหลังอยู่ เป็นไปได้ว่าเขาตามเข้าบ้านคนได้ ทั้งที่บ้านหรือเจ้าตัวอาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (เพราะเป็นสมาชิกเว็บนี้น่าจะต้องเลื่อมใสสิ่งศักดิ์สิทธิ์แน่ๆค่ะ)

    ท่านใดพอทราบโปรดช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  9. Assarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอโทษด้วยนะคะคุณainteerati ที่เอากระทู้ขังวิญญาณเป็นที่ปรึกษาปัญหาวิญญาณไปซะแล้ว

    คือทิพย์ยังมองไม่เห็นเรื่องแบบนี้ ต้องหาที่ปรึกษาแบบคุณจิโปช่วย คุณจิโปคะทิพย์เล่าเรื่องนี้ให้พี่สาวฟังแล้ว

    เรื่องต้นลีลาฯน่ะค่ะ ดูพี่สาวเขาอาลัยอาวรณ์พอสมควรแบบที่คุณว่าเขามีอดีตอะไรต่อกันหรือคะมีวิธีใดที่เขา

    จะไม่ต้องเอาออกได้ไหมคะ แล้วผลร้ายที่จะตามมาถ้าหากเขาไม่เอาออกจะเป็นอย่างไรคะ

    บ้านนี้ก็อยู่กันมาเกือบสิบปีแล้วค่ะ มีอาม่าอากงที่เสียที่บ้านนี้ วิญญาณอาม่าอากงยังอยู่ที่บ้านไหมคะ

    ช่วยดูบ้านที่แม่อยู่ให้ด้วยได้ไหมคะ บ้านที่ระยองค่ะ

    คือหลังวันปีใหม่มะพร้าวได้หล่นมาใส่คนที่อาศัยอยู่ที่บ้านจนสลบ เขาไปทำอะไรให้เจ้าที่โกรธหรือเปล่าคะ
     
  10. ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    ยินดีที่ได้รู้จักนะครับมีอะไรก็แสดงความคิดเห็นกันได้นะครับความรู้แต่ละ
    ท่านอาจมีเหมื่อนกันบ้าง ต่างกันบ้างก็เป็นมุมมองจะได้มองได้หลายๆด้าน ในทุกที่ ทีมีแสงส่ว่างก็ย่อมมีเงามืดเป็นเรื่องธรรมดาเพียงแต่ว่าเรามองหาสิ่งไหนและต้องการอะไรและแยกแยะให้ได้แล้วนำแต่สิ่งที่ดีงาม
    ติดตัวไป ทางสายกลางสายแห่งความพอดีแต่ว่าจิตคนเราดวงน้อยๆนี้
    หาอะไรมาให้ก็ไม่ยอมเต็มสักที่มันก็น่าแปลกอยู่เหมื่อนกันนะครับ
    บ้างครั้งร้อนนั่งไม่ได้เลยทั้งที่จิตไม่ได้โกรธ/ทุกข์ นั่งในห้องแอร์ เหงื่อไหลซึมร้อนไปหมด ครับนี้ละปัญหาสำหรับนักปฎิบัติบางท่านอันเรียกสิ่งที่มาขัดขวางในการปฎิบัตินี้ว่าเป็นมารบ้างหรือมีชื่อนั้นชื่อนี้บ้างหรือบางคนพอเกิดอาการแบบนี้ก็ไม่อยากทำไม่อยากปฎิบัติแต่ที่จริงเมื่อเกิดเหตุการแบบนี้ควรอย่างยิ่งที่เราต้องฟันฝ่าเพื่อเอาชนะมารหรืออุปสรรคตรงนี้ไปให้ได้แล้วก็จะเจอความสงบที่ปราณีตยิ่งก่วาเดิมมากขึ้นเรื่อยๆแต่ถ้ามีครูอาจารย์ที่ะเก่งเวลาเกิดอาการแบบนี้ขึ้นแค่เราเข้าไปหาท่านอาการนี้ก็จะหายไปแล้วจะกลับมาสงบเหมื่อนเดิม...ถ้าเป็นอย่างนี้อีกช่วงทีี่เป็นนะครับเวลาจะนั่งติดต่อมาได้นะครับจะแก้ให้ครับ..


    ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ใช้นะครับที่ว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์แต่จะมีสักกี่คนละทีีมองเห็น เพราะเกิดมาครั้งแรกก็มาพร้อมทั้งน้ำตาและกำมือไว้แน่นเหมื่อนจะบอกโลกนี้ว่าต้องการเกิดมาเพื่อยืดมั่นถือมั่นพอทรงตัวอยู่ต่างก็ดิ้นรนด้วยปัญหามากมายเวลาตายไปแม้ว่าตัวเองไม่ร้องไห้แต่ก็เป็นเหตุให้คนอื่นหลั่งน้ำตาตาม...

    ของดีมีหลายระดับนะครับวิญญาณเหมื่อนกันก็มีหลายระดับทั้งเก่งและไม่เก่งที่กันได้ก็มีนะครับไอ้แบบที่กันไม่ได้ก็มีแต่คนทัวไปนั้นบอกได้เลยครับ
    ว่าอยากที่จะใช้อะไรแล้วป้องกันได้แบบ100%เพราะยังมีเชื้อแห่งสิ่งไม่ดีอยู่ในร่าง และในจิตชึงเป็นสื่อที่ใช้เชื่อมต่อกับสิ่งไม่ดีได้แต่ที่ป้องกันได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งนั้นพอมีส่วนใหญ่ที่เห็นก็แพงอยู่ แต่ผมมีอยู่อย่างเป็นตะกรุตป้องกันของและวิญญาณไดดีมาก..มีประสบการณ์มากเลยละสำหรับคนที่ใช้แบบว่้ามีประสบการณ์กันแทบทุกคน...แต่ก็อย่างที่บอกนั้นและหากเป็นเจ้ากรรมหรือคนทีี่มีส่วนเกียวข้องกับเราเขาก็อาจเข้าถึงตัวได้เหมื่อนกัน...

    ยินดีนะครับตามสบายเลยครับไม่ต้องเกรงใจหรอกมีอะไรแนะนำผมบ้างก็ได้นะครับแต่ว่าผมว่าพักนี้ถ้าได้ทำบุญบ่อยๆอะไรต่างๆคงจะดีขึ้นนะครับ.
     
  11. to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เฮ้อ! เบื่อมาก วันนี้เกิดความเบื่อหน่าย จริง ๆ
     
  12. ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    เคยพูดจาต่อกันมาพลันหาย
    เศร้าอาลัยหว่งถึงคนึงหา
    ความเคยชินกินใจในเวลา
    กลายกลับมาเป็นสายใยอาลัยกัน
    คำพูดจาบางคำยังจำจด
    ไม่อาจหมดหายไปในใจฉัน
    แม้คืนล่วงเลยกาลมานานวัน
    แต่เหมือนฝันพึ่งตื่นคืนนี้เอง
    ความโศกเศร้ารันทดปรากฎชัด
    เมื่อมาพลัดพรากไปไกลคนเก่ง
    คลาคิดถึงน้ำตาพี่กลับมีเอง
    ยามฟังเพลงที่เศร้ายิ่งเหงาใจ
    เขาตัดบัวยังเหลือเยื่อก่อนเมื่อขาด
    ตัดสวาทอนาถนักหักไม่ไหว
    ปล่อยให้เหงากืนน้ำตารักษาใจ
    ดีก่วาให้ตัดเจ้ายอมเศร้าตาย
    วันนี้พี่คิดถึงหนึ่งล้านเท่า
    บวกวันเก่าที่คิดถึงพึงจะหาย
    ได้ยินไหมคิดถึงเธอเพ้อร่ำไป
    จงรู้ไว้คิดถึงนะทุกนาที

     
  13. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ปราญฯอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการแยกกายแยกจิตจังเลยค่ะ เพราะไม่ได้ศึกษารายละเอียดอย่างลึกซึ้งเลยรู้สึกข้องใจอยู่ในเรื่องนี้ ท่านจิ-โปพอจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยจะได้ไหมคะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ^-^[/QUOTE]


    การแยกจิตออกจากกาย ตอนแรกก็คิดจะตอบตามแบบอย่างการแยกจิต
    ออกจากกายตามระบบฌาณสมาธิ แต่คาดว่าคงจะอยากรู้เรื่องการแยกจิตมา
    แฝงร่างมากกว่ากระมังเพราะเห็นคุยเรื่องนั้นกันอยู่

    จิตของเทวดาหรือพระฤาษีที่แรงมากๆ ตอนตายกายสังขารไฟใหม้ไปหมด
    ก็ยืนดูร่างตัวเองโดนเผา จิตดวงนั้นขณะนั้นมีกำลังแรง ทั้งไม่นึกถีงสวรรค์นรก
    ย่อมอยู่ต่อไปได้ตราบเท่าที่ฤทธิ์ของดวงจิตนั้นจะเสื่อม คือเมื่อเขาปลงต่อ
    สิ่งที่ยึดมั่นได้ แล้วมองหาจุดยึดอื่นเช่นนิพพาน เขาก็จะไปนิพพาน
    ทีนี้ตอนที่ดวงจิตดวงนี้ไม่มีกายสังขาร ก็เข้าสู่สภาพของกระแสจิต ซึ่งถ้าเขา
    อยากจะมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์เพื่อกิจของเขา เขาก็หาร่างที่มีกรรมผูกพันกัน
    รู้ว่าร่างนั้นๆจะต้องตาย ก็เข้าแฝงร่างแล้วค่อยๆเข้าจนเต็มในจังหวะที่คนนั้นถึง
    คราชะตาขาด ก็ต้องตายไป ยมบาลท่านก็เอาไป แต่วิญญาณดวงนี้ยมบาลท่าน
    ไม่เอาไปเพราะว่าไม่มีหนี้ ไม่ต้องรับโทษทัณใดๆ ส่วนบุญของดวงจิตนี้ท่านก็
    ยังไม่ไปรับเอาก็เรื่องของท่าน เพราะท่านอยู่ด้วยฤทธิ์ จึงไม่ใช่หน้าที่ของ
    ยมบาลท่านเลย นอกจากดวงจิตนี้เอาร่างที่แฝงไปใช้ในทางไม่ดี ทำให้เป็นหนี้
    มีคนมาร้องเรียนหรือกรรมไปปรากฏในบัญชีท่านพระยายม อันนั้นท่านก็ต้องมา
    รับวิญญาณที่แฝงร่างนี้ไป การทำแบบนี้ย่อมอยู่ได้นานเปลี่ยนร่างไปเรื่อย
    แต่อย่าลืมว่าต้องทำแต่กรรมดีเท่านั้นเพื่อไม่ให้ปรากฏในบัญชีพระยายม
    ยากเอาการนะครับ บางท่านแฝงเปลี่ยนร่างมานับสองพันปี บางท่านก็นับอายุ
    ไม่ได้ นี่เรียกว่าแยกจิตแฝงร่างครับ โดยมากแล้วจะมาจากจิตผู้ฝึกกสิณไฟ
    ซึ่งวิญญาณมักจะออกจากร่างทำให้คนไม่รู้เผาร่างโดยชะตายังไม่ขาด เลย
    มีฤทธิ์บำเพ็ญต่อ หมดหนี้กรรมก่อนชะตาขาดเลยเลือกได้ว่าจะไปทางไหน
    แต่ทั้งนี้ต้องมีใจไม่อยากไปสวรรค์ด้วยนะแถมยังไม่อยากเข้านิพพานอีก
    อาจจะหวังอธิฐานว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเลยก็ได้ (ต่อจากใครก็
    ไม่อาจทำนาย ไกลมาก)

    ทางที่ดีอย่างเราๆท่านๆหวังพระนิพพานใว้ก่อน พอคลาดจากนิพพาน
    ก็จะได้ไม่ตกลงมาต่ำมาก

    มีเสียงถามมาจากผู้ไม่แจ้งชื่อ "ดวงจิตที่แฝงร่างไปเรื่อยๆโดยไม่
    จุติใหม่แล้วทำไมเขาไม่ไปนิพพาน หรือสวรรค์แต่อธิฐานเป็นพระพุทธ
    เจ้าองค์ต่อๆไปได้ เขาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าองค์ที่เขารู้เห็นมาสอน
    ซ้ำเหรอ? "

    ตอบว่าไม่เป็นเช่นนั้น "เพราะฤทธิ์ที่ดวงจิตเหล่านั้นพึงมี มาจากคำสอนขั้น
    ปกติที่มีตามธรรมชาติ แต่เหนือนั้นขึ้นมาเป็นแนวทางสอนเพื่อยกระดับจิต
    ให้หลุดพ้น ตรงนี้คือพุทธะ กาลต่อไป แนวทางที่ดวงจิตเหล่านี้คิดขึ้นมาเพื่อ
    สอนยกระดับจิตให้เหล่าสัตว์ในยุคนั้นๆหลุดพ้นจึงนับเป็นพระพุทธเจ้า
    คำสอนจึงไม่เหมือนกัน เหมือนกันตรงพ้นจากกิเลสโดยสิ้นเชิง"

    ชักเข้าลึก พอละครับ ต่อไปจะเป็นบาลีสลับภาษาไทยแล้ว ผมไม่ถนัดพิมพ์
    แค่นี้ก็เต็มกลืน นี่แค่แยกจิตออกจากกาย ถ้าท่านอธิบายสภาวะแบบบาลี
    แปลให้ฟังทุกชวนจิตจะหนาว มีนหัวไปหมด
     
  14. noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอบคุณ คุณจิ-โป และ คุณainteerati มากครับ ที่นำเรื่องต่าง ๆมาเล่าให้ฟังครับ
    บางครั้งอ่านไปก็งงไป เพราะไม่เข้าใจ แต่ก็ชอบครับ

    ขออนุโมทนาบุญ ทั้ง 2 ท่านเลยนะครับ
     
  15. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ท่าน ainteerati นั่งหัวเราะด้วยความพอใจ คงไม่ว่าอะไรพวกเราหรอกครับ
    ที่นอกเรื่อง ขนาดห้องเรียนเขายังมีการแอบคุยกันเลย

    ถ้าไม่อยากขุดออกก็ตัดแค่กิ่งที่ยื่นเข้ามาตัวบ้านสิครับ ต้นนี้มันตัดง่ายจะตาย
    ส่วนวิญญาณเขาก็อยู่ต้นใม้ไป บ้านคนก็คนอยู่ไป แยกกันให้เด่นชัด

    ส่วนมะพร้าวที่หล่นใส่หัวคนก็ต้องโทษว่า "ซวย"ละครับ ลงที่ไหนไม่ลง
    ดันมาลงหัวคน ดีนะที่ไม่ตาย ไม่งั้นวิมาณมะพร้าวจะกลายเป็นตอมะพร้าวไป
    ไม่ต้องไปคิดแทนเขาหรอกว่าเขาทำผิดอะไร คิดซะว่าทำดีได้ดี ทำชั่วก็ซวยครับ
     
  16. angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912

    การแยกจิตออกจากกาย ตอนแรกก็คิดจะตอบตามแบบอย่างการแยกจิต
    ออกจากกายตามระบบฌาณสมาธิ แต่คาดว่าคงจะอยากรู้เรื่องการแยกจิตมา
    แฝงร่างมากกว่ากระมังเพราะเห็นคุยเรื่องนั้นกันอยู่

    จิตของเทวดาหรือพระฤาษีที่แรงมากๆ ตอนตายกายสังขารไฟใหม้ไปหมด
    ก็ยืนดูร่างตัวเองโดนเผา จิตดวงนั้นขณะนั้นมีกำลังแรง ทั้งไม่นึกถีงสวรรค์นรก
    ย่อมอยู่ต่อไปได้ตราบเท่าที่ฤทธิ์ของดวงจิตนั้นจะเสื่อม คือเมื่อเขาปลงต่อ
    สิ่งที่ยึดมั่นได้ แล้วมองหาจุดยึดอื่นเช่นนิพพาน เขาก็จะไปนิพพาน
    ทีนี้ตอนที่ดวงจิตดวงนี้ไม่มีกายสังขาร ก็เข้าสู่สภาพของกระแสจิต ซึ่งถ้าเขา
    อยากจะมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์เพื่อกิจของเขา เขาก็หาร่างที่มีกรรมผูกพันกัน
    รู้ว่าร่างนั้นๆจะต้องตาย ก็เข้าแฝงร่างแล้วค่อยๆเข้าจนเต็มในจังหวะที่คนนั้นถึง
    คราชะตาขาด ก็ต้องตายไป ยมบาลท่านก็เอาไป แต่วิญญาณดวงนี้ยมบาลท่าน
    ไม่เอาไปเพราะว่าไม่มีหนี้ ไม่ต้องรับโทษทัณใดๆ ส่วนบุญของดวงจิตนี้ท่านก็
    ยังไม่ไปรับเอาก็เรื่องของท่าน เพราะท่านอยู่ด้วยฤทธิ์ จึงไม่ใช่หน้าที่ของ
    ยมบาลท่านเลย นอกจากดวงจิตนี้เอาร่างที่แฝงไปใช้ในทางไม่ดี ทำให้เป็นหนี้
    มีคนมาร้องเรียนหรือกรรมไปปรากฏในบัญชีท่านพระยายม อันนั้นท่านก็ต้องมา
    รับวิญญาณที่แฝงร่างนี้ไป การทำแบบนี้ย่อมอยู่ได้นานเปลี่ยนร่างไปเรื่อย
    แต่อย่าลืมว่าต้องทำแต่กรรมดีเท่านั้นเพื่อไม่ให้ปรากฏในบัญชีพระยายม
    ยากเอาการนะครับ บางท่านแฝงเปลี่ยนร่างมานับสองพันปี บางท่านก็นับอายุ
    ไม่ได้ นี่เรียกว่าแยกจิตแฝงร่างครับ โดยมากแล้วจะมาจากจิตผู้ฝึกกสิณไฟ
    ซึ่งวิญญาณมักจะออกจากร่างทำให้คนไม่รู้เผาร่างโดยชะตายังไม่ขาด เลย
    มีฤทธิ์บำเพ็ญต่อ หมดหนี้กรรมก่อนชะตาขาดเลยเลือกได้ว่าจะไปทางไหน
    แต่ทั้งนี้ต้องมีใจไม่อยากไปสวรรค์ด้วยนะแถมยังไม่อยากเข้านิพพานอีก
    อาจจะหวังอธิฐานว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเลยก็ได้ (ต่อจากใครก็
    ไม่อาจทำนาย ไกลมาก)

    ทางที่ดีอย่างเราๆท่านๆหวังพระนิพพานใว้ก่อน พอคลาดจากนิพพาน
    ก็จะได้ไม่ตกลงมาต่ำมาก

    มีเสียงถามมาจากผู้ไม่แจ้งชื่อ "ดวงจิตที่แฝงร่างไปเรื่อยๆโดยไม่
    จุติใหม่แล้วทำไมเขาไม่ไปนิพพาน หรือสวรรค์แต่อธิฐานเป็นพระพุทธ
    เจ้าองค์ต่อๆไปได้ เขาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าองค์ที่เขารู้เห็นมาสอน
    ซ้ำเหรอ? "

    ตอบว่าไม่เป็นเช่นนั้น "เพราะฤทธิ์ที่ดวงจิตเหล่านั้นพึงมี มาจากคำสอนขั้น
    ปกติที่มีตามธรรมชาติ แต่เหนือนั้นขึ้นมาเป็นแนวทางสอนเพื่อยกระดับจิต
    ให้หลุดพ้น ตรงนี้คือพุทธะ กาลต่อไป แนวทางที่ดวงจิตเหล่านี้คิดขึ้นมาเพื่อ
    สอนยกระดับจิตให้เหล่าสัตว์ในยุคนั้นๆหลุดพ้นจึงนับเป็นพระพุทธเจ้า
    คำสอนจึงไม่เหมือนกัน เหมือนกันตรงพ้นจากกิเลสโดยสิ้นเชิง"

    ชักเข้าลึก พอละครับ ต่อไปจะเป็นบาลีสลับภาษาไทยแล้ว ผมไม่ถนัดพิมพ์
    แค่นี้ก็เต็มกลืน นี่แค่แยกจิตออกจากกาย ถ้าท่านอธิบายสภาวะแบบบาลี
    แปลให้ฟังทุกชวนจิตจะหนาว มีนหัวไปหมด[/QUOTE]

    แบบที่ป้ายแดงไว้ก็อยากรู้ค่ะ อธิบายหน่อยจิ^-^
    ขออนุญาตถามต่ออีกนิดนะคะ แล้วการแบ่งดวงจิตอย่างที่ว่าข้างต้นกับที่ว่าจิตมีเพียงหนึ่งนี่มันยังไงอ่ะค่ะ แล้วที่คุณจิ-โปเล่าจะเหมือนกับการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ไหมคะ เมตตาเด็กน้อยผู้โง่เขลาสักคนเถิดนะเจ้าคะ

    ป.ล.ท่านเจ้าของกระทู้แต่งกลอนเพราะจังค่ะ หวังว่าสาส์นนี้คงส่งไปถึงคนๆนั้นที่ต้องการจะบอกนะคะ:cool:
     
  17. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    การแยกจิตออกจากกายนั้นไม่ยากและไม่ง่าย
    แบ่งออกตามกำลังสมาธิเป็น ฌาณ 1 2 3 4 ตามลำดับโดยแบ่งออกเป็นขั้นของสมาธิ
    ตามองค์ประกอบของฌาณ
    ตามปกติแล้วจิตเราจะรับวิญญาณธาตุจาก ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัสทางกาย มาปรุง
    เราจิตต้องหางานมาทำเพื่อล่อจิตให้มาปรุงสิ่งที่เราทำขึ้น เพื่อแยกจิตออกมาจากกาย
    นั่นคือ กรรมฐาน ลมหายใจ หรือกสิณต่างๆ เช่นกำหนดรูปแห่งดิน วงแห่งน้ำขึ้นมา
    แล้วมองให้จำ จำให้ติดตาติดใจ จนจิตเรายอมรับรูปที่เราทำขึ้นมาเป็นอายตนะหนึ่ง
    แห่งเราด้วย จิตนั้นจึงมีหน้าที่เพิ่มขึ้นจากขันธ์ห้า เวลาเรากำหนดรูปนั้นขึ้นมา จิตเราก็
    จะมาจับที่รูปเช่นเดียวกับเรานั่งมองวิวทิวทัศน์หรือดูจอคอมพ์ จิตมาจับที่ตาเราจึงเห็น
    ตรงนี้เองเมื่อจิตจับที่รูปที่เรานึกหน่วงขึ้นมา ก็จะมีอาการเรียกว่านิมิต จะเห็นเป็นรูป
    กลายเป็นแสงสีต่างๆ จนเป็นแก้วจึงสิ้นสุด ตรงจากที่เห็นรูปในใจเรานี้เอง
    เรียกว่าจิตแยกออกจากกายแล้ว จิตจับที่รูป25% ก็จับที่กาย 75% เรียกฌาณ 1
    เรื่อยขึ้นไป จิตจับที่รูป 75% ย่อมจับที่กาย 25% จนถึงฌาณสี่ จิตจับที่รูป 100 ย่อม
    ไม่จับที่กายเลย ทั้งลืมตาและหลับตา ตรงนี้ถามว่าแล้วเรายังรู้สึกตัวใหม ตอบว่ารู้
    เหมือนเรากำลังดู แต่ยังฟังเสียงได้นั่นเอง

    การที่จิตเราแยกไปจับสิ่งที่เรากำหนดขึ้นมาในใจเรานั้น ต้องทำได้ทั้งลืมตาและหลับตา
    ให้จิตเรายอมรับจนทำงานทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ "ใจ" ใจตัวนี้คือเราสร้างรูปนิมิต
    ขึ้นมา ไม่ใช่ใจแบบที่มาจากการปรุงขันธ์ห้าแล้วมาหลอกเราว่านี่ล่ะใจเรา ไม่ใช่นะ
     
  18. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    แบบที่ป้ายแดงไว้ก็อยากรู้ค่ะ อธิบายหน่อยจิ^-^
    ขออนุญาตถามต่ออีกนิดนะคะ แล้วการแบ่งดวงจิตอย่างที่ว่าข้างต้นกับที่ว่าจิตมีเพียงหนึ่งนี่มันยังไงอ่ะค่ะ แล้วที่คุณจิ-โปเล่าจะเหมือนกับการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ไหมคะ เมตตาเด็กน้อยผู้โง่เขลาสักคนเถิดนะเจ้าคะ

    ป.ล.ท่านเจ้าของกระทู้แต่งกลอนเพราะจังค่ะ หวังว่าสาส์นนี้คงส่งไปถึงคนๆนั้นที่ต้องการจะบอกนะคะ:cool:[/QUOTE]


    จิตมีเพียงดวงเดียว แต่แบ่งออกมาทำงานหลายชวนจิตตอนยังไม่ตายครับ
    คือแบ่งออกมารับรู้อายตนะต่างๆ เพื่อเก็บเกี่ยว ข้องแวะ ซึมซับ ตามธรรมชาติ
    ของจิตล่ะครับ แต่ตอนตายนี่ร่างกายเราไม่มีแล้วใช่ใหม จิตดวงเีดียวนี้จึงไม่ต้อง
    แบ่งจิตที่เรียกว่าชะวะนะจิต นี้ออกมาเพื่อรับรู้อะไรแล้ว ไปจุตติก็เพียงหนึ่ง
    เดียวนี้
    ส่วนคนที่ผมพูดถึง มีความพิเศษ ตรงที่มีกำลังในใจที่กำหนดขึ้นมาอย่างที่ผม
    อธิบายเรื่องฌาณน่ะล่ะ ตานี้ไม่ได้มีแต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วนี่ มันมี นิมิต
    ด้วย นิมิตนี้เอง ตอนคนๆนี้ตาย จะมีดวงจิตหลายดวง คือ จิตเดิมและนิมิต
    ตรงนี้เองที่แตกต่าง ทำให้วิญญาณพระโพธิสัตว์ไม่จุติ หรือดวงจิตเดิมไปจุติ
    แต่ ชวนจิตในนิมิตยังอยู่ เพราะเข้มแข็งด้วยกำลังฌาณ จึงมีจิตหนึ่ง หรือ
    หลายๆดวงจิตไปช่วยคนต่างๆหลายภพชาตินั่นเองครับ
     
  19. จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ตัวเองเป็นคนศรัทธาในพุทธศาสนา แต่ยังไม่สามารถข่มจิตใจให้เข้าถึงได้มากนัก
    ตอนนี้ให้กำลังใจตัวเองโดยเวลาทำบุญ หรือขอพรพระว่าขอให้ตัวเองเป็นคิดดี ทำดี และมีโอกาสได้ทำความดีอยู่เสมอ

    เรื่องสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบ้างแต่ไม่บ่อยนัก
    รู้แต่ว่าชอบสวดมนต์ แต่เรื่องสมาธิพยายามศึกษาแต่ปฏิบัติไม่ค่อยไปถึงไหน บ้างครั้งสงบรู้สึกดี บ้างครั้งร้อนนั่งไม่ได้เลยทั้งที่จิตไม่ได้โกรธ/ทุกข์ นั่งในห้องแอร์ เหงื่อไหลซึมร้อนไปหมด(ไม่เคยฝึกที่ไหน หรือสายไหน นั่งกำหนดให้จิตว่างหรือพุทโธเท่านั้น)ถ้าเกิดอาการวันนั้นนั่งสามาธิไม่ได้เลยต้องเลิก กำหนดว่าร้อนหนอๆก็ไม่ไหว

    ...........................

    อาการยังงี้ผมแนะนำว่าให้ทำการฝึกกสิณสีแดงครับ จะเป็นเร็วได้ไว
    ยิ่งร้อนเท่าไร สีแดงยิ่งปรากฏให้เราเห็นชัดเจนขึ้น แล้วใจเราจะจับที่นิมิต
    สีแดงนั้น ก็จะไม่ร้อนแล้วครับ หาสติ๊กเกอร์สีแดง วงกลม มาแปะใว้พลาสติก
    แข็ง แดงล้วนนะครับ อย่าเอาแดงแบบมีเขาควายตรงกลางมาทำล่ะ นั่นเครื่อง
    หมายการค้าเขา

    แนะนำให้ทำอันเดียวครับ อย่าทำหลายอัน นั่งมองเพลินๆ วิธีฝึกก็ไปดูหน้า
    เวปนี้ล่ะครับ ทำตามนั้นเลย
    ผมเองตอนแรกก็ไม่ศรัทธาในพุทธศาสนาเท่าไหร่ ชอบศาสนาคริสต์มากกว่า
    เพราะพระเจ้ามีปีกด้วย เทวดาก็มีปีกเท่จะตาย แต่โดนบังคับให้นั่งสมาธิตั่ง
    แต่ ป.2 ป. 3 เรื่อยมา จนชินซะแล้ว มาตอนนี้ก็บอกตัวเองว่า ผมไม่มีปีกผมก็
    บินได้เหมือนกันครับ ชักสนุกกับพุทธศาสนาขึ้นเรื่อยๆ
     
  20. noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ผมมีเรื่องมารบกวนอีกแล้วครับ

    เคยไปอ่านกระทู้หนึ่งจำไม่ได้ เกี่ยวกับเรื่องสี ครับ แล้วคุณจิ-โป ก็พูดเรื่องสี
    ผมก็เลยสงสัยครับว่า สีที่ว่านี้เป็นยังไงครับ เหมือนกับที่ผมเห็นเป็น พวก สีต่างหรือเปล่า แต่มันจะกระจายไปทั่ว วิ่งวนไปวนมา
     

แชร์หน้านี้