โลกตะลึง!!พระกิน เณร เรื่องจริงหรือแต่งมาดูกัน

โปรดใช้ วิจรณาญาน ในการอ่าน (b-no)








เอามาอีกทีนึง(kiss)


1.:boo: เรื่องมีอยู่ว่า สมัยก่อนที่วัดแห่งหนึ่งใน นครสวรรค์
มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เป็นรูปปางยืน ขนาดเท่าตัวคนจริง
เป็นพระพุทธรูปที่หลอมขึ้นมาใหม่นำมาที่วัดได้ไม่นาน

ที่วัดนั้นมีเณรและพระมาบวชกันจำนวนมากพอสมควร มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีเหตุการณ์แปลก คือ
สามเณรที่วัดหายตัวไปทีละคน ตอนแรกเจ้าอาวาสก็ไม่ได้คิดอะไร
คิดว่าสามเณรคงจะหนีกลับบ้าน ก็ได้เพราะยังเด็กอยู่อาจคิดถึงบ้าน

แต่แล้วสามเณรก็หายไปมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าอาวาสก็เริ่มเอะใจ
จนมาเป็นเรื่องกันตอนที่โยมพ่อ โยมแม่ ของสามเณรที่หายมาหา
ก็บอกว่าไม่ได้กลับไปบ้าน ช่วงนั้นพระผู้ดูแลโบสถ์ท่านบอกว่า
เห็นว่ามีเศษผ้าจีวรขาดๆ ไปติดอยู่ที่ปากพระพุทธรูปที่ว่า
เอาออกหลายครั้งแล้วก็มีมาใหม่ทีแรกคิดว่าอาจมีใครเล่นพิเรนมากลั่นแกล้ง

แต่ท่านมาสังเกตุเห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่ขึ้น
จากตอนแรกท่านว่าขนาดเท่าคนจริง ตอนนี้สูงสัก 2 เมตรได้แล้วมั้ง
ท่านว่าท่านคงคิดมาก ก็ไม่ค่อยได้ติดใจอะไร แต่ก็กำชับไม่ให้พระ สามเณร
ออกมาข้างนอกตอนยามวิกาล แต่จะเห็นได้ว่าสามเณรที่หายตัวไป ส่วนมากจะอยู่กุฎิแถวๆพระพุทธรูปนั้น

แต่เหตุการณ์ก็ยังต่อเนื่องอยู่ สามเณรก็ยังคงหายตัวไปอีก
เจ้าอาวาสรู้สึกผิดสังเกตมาก จนพระท่านที่เฝ้าโบสถ์เรียกเจ้าอาวาส
วิ่งมาด้วยความตกใจ เรียกเจ้าอาวาสไปดูอะไรอย่างหนึ่ง เมื่อท่านเจ้าอาวาสมาพบก็ได้แต่ตะลึง
เพราะพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว จากตอนแรกที่ผมบอกว่าเป็นปางยืน ขณะนี้ได้อยู่ในท่าปางนอน
เป็นท่านอนตะแคงแล้วเอามือข้างหนึ่งดันเศียรเอาไว้ แล้วขนาดก็ใหญ่ขึ้นด้วย
ท่านบอกว่าตอนนั้นใหญ่กว่าคน 3 คนอีก

แล้วที่น่ากลัวคือ พบเศษจีวรติดที่แถวปากพระพุทธรูปนั้นอีกแล้ว
เห็นอย่างนี้ท่านเจ้าอาวาสก็ไม่รอช้า จัดเวรยามเฝ้าพระพุทธรูปองค์นี้จนเช้า
วันรุ่งขึ้นจึงจ้างช่างประตู ทำเป็นประตูเหล็กล้อมกรอบให้ขนาดใหญ่กว่าตัวพระพุทธรูปเล็กน้อย
ล้อมจนหมด นับจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์สามเณรหายอีกเลย
แล้วก็ไม่พบสามเณรที่สูญหายไปจนถึงเดี๋ยวนี้เช่นกัน

-เรื่องนี้ฟังมาจากผู้สูงอายุ แถวบ้านนะ ฟังหูไว้หู ที่จริงไม่อยากเล่าเท่าไรเพราะเกี่ยวเนื่องถึงพระพุทธรูป
อาจเป็นการทำลายศาสนาในทางลบได้ แต่มูลเหตมีจริง คนที่อยู่นครสวรร ถ้าอยากรู้ไปวัดวัดหนึ่ง
ที่อยู่แถวๆตีนเขา เข้าไปท่านจะเห็นพระพุทธรูปปางนอน ขนาดยาวประมาณ 3-4 ช่วงคน
ถูกตีประตูล้อมเอาไว้ขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย ไม่มีเครื่องหอมบูชา ไม่ให้กราบไหว้ แล้วก็ประตูถูกล็อคปิดตาย!!




2. :boo: พระป่าเลไลยก์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่วัดมา เท่าที่พบมาพระพุทธรูปปางประทับนั่งห้อยพระบาท หรือพระพุทธรูปปางเลไลยก์นี้ไม่มีพบใน สกุลช่างสมัยสุโขทัยเลย มีก็แต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา เข้าใจว่าได้รับอิทธิพลมาจากสมัยทวาราวดี เว่ากันว่าพระป่าเลไลยก์นี้มีฤทธิ์เดชร้ายกาจมากมีชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า "พระกินเณร" เพราะมีบ่อยครั้งที่มีโลหิตติดอยู่ที่พระโอษฐ์ของท่าน มีอยู่วันหนึ่งมีเณรไปกวาดวัดแล้วเณรได้หายไปก็ตามหากันทั่ววัดก็ไม่เจอ แต่ไปสะดุดที่เห็นจีวร และ รอยเลือดติดอยู่ที่พระโอษฐ์ทางวัดจึงได้ทำพิธีตอกตะปูตัวใหญ่ตรึงที่พระโอษฐ์ไว้และได้สร้าง "พระยอดธง" มาคอยกั้นไว้




เท็จจริงเปนไงบอกผมด้วย เพราะผมก้อ ไปก๊อปมา^^" :boo:

 

ไอ๋หย๋าาาาาาาา ส่งสัยตอนหล่อพระนี คงมีหมอผีแอบแสกคาถาก็ได้

 

อยากให้พี่ๆที่มีความรู้ ช่วยมาให้ความกระจ่างหน่อยอะค่ะ ว่ามีจริงหรือเป่า

 

พี่ ๆ ก้อเกิดไม่ทันอ่ะ น้องสาบ ที่ฟัง ๆ มา อ่าน ๆ ก้อมาจากคำบอกเล่าอ่ะ แต่เป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ เลย ไม่รุจริงเท็จประการใด

 

บ้าจัง เอาเรื่องไรมาลง ทำเราขวัญหนีหมดเลย

 

อยากรู้เหมียนกัน

 

ใจเย็นๆ ครับ ....ขวัญเอ๋ยขวัญ .... มาอยู่กับเนื้อกับตัว....

เอ้าเรียกขวัญให้แล้ว ............... ครับ

 

เคยได้อ่านมาจากพวกหนังสือเรื่องลึกลับ ยังไม่เคยไปพิสูจน์ด้วยตัวเองสักที
น่าจะเป็นข่าวโคมลอย

 

อ้าวคุณฉิม ก้อเคยอ่านรึครับ?

 

เรื่องนี้ผมเคยได้ยินมานานแล้ว .... ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นคุณย่าของผม หรือคุณยายของผม นี่แหล่ะเคยเล่าให้ฟ้ง (ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วครับ) .... คล้ายคลึงกับเจ้าของกระทู้มาก

จนกระทั่งทุกวันนี้ ผมยังมองพระพุทธรูปบางองค์สวยงามมาก เต็มไปด้วย บารมี และเมตตา
แต่พระพุทธรูปบางองค์ ผมยังมีความกลัว จนผมไม่กล้ามองท่านครับ (สงสัยผมจะเพี้ยนจัด)

...

 

โห่ มีขนาดนี้เลยหยอ อืม ก้อยไม่ค่อยเชื่อเท่าไรหรอกค่ะ แต่ถ้าแต่เก่าดั้งเดิม พระพุทธรูปก็เป็นประภัสสรอยู่แล้ว

 

แบบนี้คงไม่กล้าไหว้ พระประธานเวลาอยู่คนเดียวไปอีกนาน T^T

 

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้

 

.....เคยได้ยินคนเล่าให้ฟังตอนเด็กๆอ่ะครับ ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลยกลัวไม่กล้าเข้าในโบสถ์คนเดียว สมัยเด็กๆชอบไปเตะบอลกันข้างๆโบสถ์ เวลาลูกบอลลอยไปตกในเขตโบสถ์ยังเกี่ยงกันแทบแย่กว่าจะหาใครจะไปเก็บลูกได้ ตลกดีครับ
.....ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่ไหนครับ เพราะไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย คนที่เล่าให้ฟังก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้วอ่ะครับ ถ้าใครรู้ก็บอกได้ครับผมอาจจะลองไปสักครั้ง เพราะผมก็เป็นคนนครสวรรค์โดย"ก๋ำเหนิด"(เป็นสำเนียงของคนนครสวรรค์)
.....ส่วนตัวคิดว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิด หรือการเล่าปากต่อปากจนเรื่องราวมันเวอร์กว่าความเป็นจริงอ่ะครับ

 

เรื่องนี้ก็ไม่รู้จริงหรือเท็จเน๊าะ ก็ได้ยินแบบในเวบนี้แหละ.....แต่ที่ได้ยินมาอีกก็คือว่า มีคนเล่านะ จริงเท็จไม่ทราบได้....คนโบราณเขาใส่ปรอทไว้ แต่ใส่มากเกินไป...ใส่แล้วพระพุทธรูปจะศักดิ์สิทธิ์....ปรอทนั้นแหละที่กินคน....ใช้มือจับไม่ได้ต้องใช้อะไรตัก มีทั้งที่เป็นแสง ของเหลว ของแข็งก็มี ที่เป็นของแข็ง คนเขาใช้วิชาหล่อให้เป็นไปตามแบบที่เขาต้องการ...เรียกว่ามันตายแล้ว แต่ก็พอมีความขลังอยู่บ้าง.........

และบางคนเล่าว่าเป็นเรื่องหลอก ไม่ให้คนไปเล่นใกล้พระ หรือคิดขโมยพระพุทธรูป.

แต่อย่างไรก็ตาม เห็นพระพุทธรูปที่ไหน สวยไม่สวยอย่างไรไม่สำคัญ เพียงรูปว่าเป็นพระพุทธรูป เสมือนองค์แทนองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ก็กราบได้อย่างสนิทใจเหมือนได้กราบองค์ท่านจริง ๆ.

พิมพ์เสร็จแล้วต้องไปขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว....เพราะเรื่องนี้จริงเท็จประการใดไม่อาจทราบได้ เล่าตามที่เคยได้ยินมา เป็นอย่างนั้น.

 

อีกแล้ว ได้ยินอีกแล้ว มีหลายที่เหมือนกันแฮ่ะ

(u) สมัยที่ผมเรียนที่ สิงห์บุรี ก็มีเรื่องเล่าอย่างนี้หละครับ แล้วเป็นวัดดัง พระดังระดับประเทศเสียด้วยสิ ไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร

(b-green)

 

เล่ารุ่นสู่รุ่นกันไปเรื่อยๆ แน่

 

พระพุทธรูปกินเณร 555 ไหนว่าเป็นศิษย์พระพุทธองค์ ถ้าเรื่องแค่นี้วิเคราะห์ไม่ได้....ก็น่าเศร้าใจแล้วครับ...แต่ถ้าพระตุ๋ยเณรล่ะก็.....ผมเชื่อ...(จริงๆแล้วคือเหตุคนจัณไรหัวล้านห่มเหลือง ตุ๋ย เด็กโกนหัวห่มเหลือง.....นรกจะกินกบาล...)

 

วัดนั้นเณรเยอะ และซุกซน ชอบไปเล่นกันแถวพระพุทธรูป หลวงพ่อกลัวพระพุทธรูปจะตกหล่านได้รับความเสียหาย จึงแต่งเรื่องขึ้นมา หลอกเณรทั้งหลายประการฉะนี้

 

ไม่มีเด็ดขาด........... คนคอนหวัน