โลกหลังความตาย-จักรวาล-บิ๊กแบง-เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของนาย Mellen T. Benedict

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 29 ตุลาคม 2010.

  1. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คำแนะนำในการอ่านกระทู้แนวๆของผมนะครับ

    ถ้าให้สรุปสั้นๆก็คือ

    "ต้องเปิดใจ และใช้วิจารณญาณเอาเอง" นะครับ

    จุดประสงค์ที่ผมนำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้
    มาแบ่งปันให้ท่านได้อ่านด้วย ก็เพราะว่า
    ผมเล็งเห็นถึงประโยชน์ของข้อความ
    ที่ปะปนอยู่ท่ามกลางเนื้อหาทั้งหมดนี้

    ซึ่งมันอาจจะเปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกของท่าน
    ไปตลอดกาลก็เป็นได้...

    ค้นหาให้เจอ..แล้วเลือกหยิบเอาไปใช้ประโยชน์ให้เป็นนะครับ

    ปล.ถ้าท่านได้ประโยชน์จากกระทู้นี้ ผมขอแนะนำว่า ยังมีอีกบางกระทู้
    ที่เกี่ยวข้องกัน และอธิบาย-ขยายความซึ่งกันและกันได้อยู่อีกนะครับ

    คือ
    แอนิต้า-ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น-และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน
    http://palungjit.org/threads/แอนิต้...วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน.265002/

    ข้อความจากต่างมิติ-การเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสารใน-dna-ผี-คือข้อมูลข่าวสารข้ามมิติ
    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...สารใน-dna-ผี-คือข้อมูลข่าวสารข้ามมิติ.282821/

    ข้อความจากต่างมิติ-ระบบบันทึกแห่งฟ้า-the-akashic-system-โดยครายออน
    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...แห่งฟ้า-the-akashic-system-โดยครายออน.284651/


    ...................................................
     
  2. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 1:



    (ภาพประกอบจากอินเตอร็เน็ต)


    ลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่งของประสบการณ์เฉียดตาย
    (Near Death Experience – NDE) ทั้งหลายก็คือ

    ไม่มีเคยเลยที่ใครๆจะมีประสบการณ์ที่เหมือนกันเป๊ะๆทั้ง 100%
    มันเหมือนกับว่า มันเป็นเรื่องเฉพาะของใครของมันอย่างนั้นแหละ

    แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังมีสาระสำคัญบางประเด็น ที่ทุกๆคนจะเจอเหมือนๆกันหมด นั่นก็คือ

    “การได้เห็นแสงสว่าง”


    ในข้อความการสื่อสารทางโทรจิตจากต่างมิติที่นาง Blossom Goodchild
    รับมาเมื่อวันที่ 22/10/10 ที่ผ่านมานั้น รูปธรรมชีวิตจากสหพันธ์แห่งกาแล็กซี่ (Galactic Federation)
    กล่าวไว้ว่า
    :

    (ที่มา: Blossom Goodchild - October 22, 2010)


    “เมื่อจิตวิญญาณของมนุษย์โลก ไม่สามารถที่จะอยู่บนโลกมนุษย์ได้อีกต่อไปแล้ว
    มันก็จะมีรูปแบบของเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น นับพันล้านรูปแบบ
    ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละจิตวิญญาณจะยินยอมให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์รูปแบบไหนเท่านั้นเอง


    แต่อย่างไรก็ตาม โดยไม่ต้องสงสัยและโดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อจิตวิญญาณของมนุษย์
    ออกจากร่างมนุษย์ไปแล้ว พวกเขาก็จะตระหนักรู้ถึง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น” เสมอ
    และการตระหนักรู้ที่ว่านี้ก็เช่นเดียวกัน มันจะเกิดขึ้นในหลายลักษณะ

    แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณดวงนั้น ก็ยังจะรู้สึกได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่สุด
    หรือแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ที่สุดนี้อยู่ดี

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้..ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณานี้...ความเข้าใจนี้...ความรักนี้
    คือสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “คริสต์” (หรืออาจจะเรียกว่า “พุทธะ” สำหรับชาวพุทธ – ผู้แปล)


    พวกเราอยากให้พวกคุณเข้าใจว่า พวกเราเข้าใจดีว่าชื่อของ “แสงสว่างนี้”
    ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใดเลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การเคารพและนับถืออย่างหมดใจ
    แก่ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด” นี้ต่างหาก"


    ประสบการณ์เฉียดตายของคนบางคนก็สั้นนิดเดียว ในขณะที่ของคนอื่นๆอาจจะยาวกว่า
    และของบางคนอาจจะสามารถนำออกมาเขียนหรือเอามาสอนกันได้หนังสือเป็นเล่มๆเลยก็มี
    ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประสบการณ์ของ Mellen Thomas Benedict.

    ซึ่งเรื่องราวของเขาก็คือเรื่องราวต่อไปนี้:



    …………….


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 2:


    (Mellen Thomas Benedict)

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> “ในปี 1982 ผมเคยตายเพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โรคที่ผมเป็นมันไม่สามารถรักษาได้
    ไม่ว่าจะด้วยวิธีการทำคีโมใดๆก็ตาม มันก็มีแต่จะทำให้ผมทรุดหนักลงไปอีกเท่านั้นเอง
    ตอนนั้นผมมีเวลาเหลืออีกแค่ 6 – 8 เดือนแค่นั้นเอง


    ก่อนหน้านั้นในราวๆช่วงปี 1970 ผมเคยเป็นพวกที่ชอบวิตกจริตกับข้อมูลต่างๆเสมอ
    และผมก็เริ่มท้อแท้สิ้นหวังกับปัญหาวิกฤตการณ์นิวเคลียร์, ปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาอื่นๆมากขึ้นเรื่อยๆ

    ด้วยเหตุนี้ และด้วยความที่ผมไม่มีพื้นฐานด้านจิตวิญญาณมาก่อนเลย ผมจึงเริ่มมีความเชื่อว่า
    ธรรมชาติได้กระทำผิดพลาดไปเสียแล้ว และผมก็เชื่อว่ามนุษย์น่าจะเป็นมะเร็งของดาวเคราะห์โลกดวงนี้

    ผมมองไม่เห็นทางออกที่เราจะสามารถแก้ปัญหาที่เราได้ก่อขึ้นกับตัวเราเอง และกับดาวเคราะห์โลกดวงนี้ได้เลย
    ผมมองเห็นมนุษย์เป็นเหมือนมะเร็งร้าย และก็เจ้ามะเร็งร้ายนั่นแหละคือสิ่งที่ผมได้รับเอามา
    เจ้ามะเร็งร้ายนั่นแหละที่เคยฆ่าผม


    เพราะฉะนั้น จงระมัดระวังทัศนคติในการมองโลกของคุณให้ดี
    เพราะว่ามันสามารถย้อนกลับมาหาคุณได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติในด้านลบ

    ผมก็เคยเป็นผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายเอามากๆคนหนึ่งเหมือนกัน
    และนั่นแหละคือสิ่งที่นำผมไปสู่ความตาย


    ผมได้พยายามใช้วิธีการบำบัดแบบทางเลือกทุกวิธีมาแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย



    ดังนั้น ผมจึงได้คิดว่า นี่คงเป็นเรื่องระหว่างผมกับพระเจ้าจริงๆซะกระมัง
    ผมไม่เคยเผชิญหน้ากับพระเจ้ามาก่อน หรือไม่เคยแม้แต่จะไปข้องเกี่ยวด้วย ด้วยซ้ำไป

    ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติจิตใดๆเลย แต่หลังจากนั้น
    ผมก็ได้เริ่มตระเวนค้นหา และเรียนรู้วิธีการต่างๆทางจิต และวิธีการบำบัดรักษาแบบทางเลือก

    ผมเริ่มอ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่พอจะทำได้ และเริ่มศึกษาอย่างเอาจริงเอาจังในเรื่องเหล่านี้
    เพราะว่าผมเองก็ไม่อยากรู้สึกประหลาดใจเมื่อไปถึงฟากฝั่งโน้นของชีวิตแล้ว

    ดังนั้น ผมจึงเริ่มอ่านหนังสือของศาสนาและปรัชญาต่างๆมากมาย ซึ่งทั้งหมดนั่น ผมว่าพวกมันน่าสนใจมาก
    และพวกมันต่างก็ให้ความหวังไว้เหมือนๆกันว่า “ที่ฟากฝั่งโน้น มีอะไรบางอย่างอยู่”

    และแล้วในที่สุดผมก็จบลงด้วยการเข้ารับการบำบัดสำหรับผู้ป่วยใกล้ตาย

    ผมจำได้ว่า เช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาประมาณ 4:30 น.และผมก็รู้ว่าวันนี้แหละ คือวันที่ผมจะต้องตายแน่ๆ
    ดังนั้น ผมจึงโทรหาเพื่อนของผมบางคนเพื่อบอกลาพวกเขา ผมปลุกพยาบาลผู้ดูแลผมอยู่ให้ตื่นขึ้น
    แล้วก็บอกกับเธอด้วย

    ผมมีข้อตกลงเป็นการส่วนตัวกับเธอว่า หลังจากที่ผมตายไปขอให้เธอทิ้งศพของผมไว้ก่อนซัก 6 ชั่วโมง
    เพราะว่าผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่า จะมีสิ่งที่น่าสนใจทั้งหมดเกิดขึ้นภายหลังจากที่คุณตาย

    แล้วจากนั้นผมก็กลับไปนอนต่อ



    .....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 3:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> สิ่งที่ผมจำได้ต่อมาก็คือ การเริ่มต้นขึ้นของประสบการณ์เฉียดตาย คือผมรู้สึกมีสติเต็มตื่นขึ้นมาทันทีทันใด
    แล้วผมก็ยืนขึ้น ในขณะที่ร่างกายของผมยังคงนอนอยู่บนเตียง รอบๆตัวผมเต็มไปด้วยความมืดมิด

    ผมเพิ่งรู้ว่าการได้ออกมาอยู่นอกร่างกายเนื้อของตัวเองเช่นนี้ มันรู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่าที่อยู่ในกายเนื้อซะอีก

    มันน่าตื่นเต้นมากๆเพราะว่าผมสามารถมองเห็นห้องทุกๆห้องที่อยู่ภายในบ้านได้
    ผมสามารถมองเห็นกระทั่งบนหลังคาบ้าน, รอบๆตัวบ้าน, และแม้แต่ใต้พื้นบ้านก็ด้วย



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    ผมมองเห็นแสงสว่างอย่างหนึ่งกำลังส่องแสงเรืองรองอยู่ ผมจึงหันไปทางแสงสว่างนั้น
    ซึ่งแสงสว่างนั้นช่างละม้ายคล้ายคลึงกับลักษณะ ที่ผู้ที่เคยมีประสบการณ์เฉียดตายทั้งหลาย
    พรรณาเอาไว้ซะเหลือเกิน มันสว่างเจิดจ้ามากๆ มันแจ่มชัดมากๆ จนคุณสามารถรู้สึกถึงมันได้

    มันน่าดึงดูดใจมากจนคุณอยากจะเข้าไปอยู่ในมัน เหมือนกับที่คุณอยากจะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่
    หรือคุณพ่อของคุณ อะไรแบบนั้นเลยหละ

    ยิ่งผมเข้าไปใกล้แสงสว่างนั้นมากเท่าไหร่ ผมก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่า ถ้าผมเข้าไปอยู่ในแสงสว่างนั้น
    ผมจะต้องตาย ดังนั้น ในขณะที่ผมกำลังเข้าไปใกล้แสงสว่างนั้น ผมก็พูดขึ้นมาว่า

    “โปรดรอสักครู่ โปรดหยุดสักประเดี๋ยวก่อน ผมอยากจะคิดอะไรก่อน ผมอยากจะคุยกับท่านก่อน ก่อนที่ผมจะไป”

    และก็น่าประหลาดใจ ที่ความรู้สึกทั้งหมด มันได้หยุดลงชั่วคราว ณ.เดี๋ยวนั้นเลย
    ผมเพิ่งรู้ว่าเราคือผู้ควบคุมชีวิตของเราเองหลังความตาย เราไม่ต้องเป็นไปตามกระแสที่บีบบังคับใดๆอีกต่อไปแล้ว

    ตอนนั้น คำขอของผมได้รับการให้เกียรติ แล้วผมก็สนทนากับแสงสว่างนั้นต่ออีกเล็กน้อย

    ซึ่งในระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น
    แสงสว่างนั้นเปลี่ยนรูปร่างรูปทรงไปมาอยู่ตลอดเวลา
    ทั้งเป็นพระเยซูคริสต์ เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระกฤษณะ
    เป็นมันดาลาแบบต่างๆ เป็นภาพและสัญลักษณ์ต้นแบบต่างๆมากมาย


    ผมถามแสงสว่างนั้นว่า

    “เกิดอะไรขึ้นที่นี่? ท่านแสงสว่าง ท่านได้โปรดแสดงตัวท่านให้ผมเห็นชัดๆได้ไหมครับ?
    ผมอยากทราบจริงๆว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจริงๆกันแน่”


    จริงๆแล้วผมอาจจะไม่ได้ใช้คำพูดตรงตามนี้ทั้งหมดหรอกนะครับ เพราะว่าตอนนั้นมันเป็นการสื่อสารทางโทรจิต


    แสงสว่างนั้นตอบกลับมา โดยถ่ายถอดข้อมูลมายังผมว่า

    “ชีวิตภายหลังความตาย ความเชื่อของคุณ
    จะเป็นตัวปรุงแต่งสิ่งที่จะย้อนกลับไปหาคุณ
    ก่อนที่คุณจะได้พบกับแสงสว่าง

    หากว่าคุณเป็นชาวพุทธ หรือชาวคาทอลิก
    หรือผู้เคร่งศาสนาคริสต์แบบยึดถือหลักคำสอนเก่า
    คุณก็จะได้พบกับสิ่งต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ
    ตามแบบของศาสนาของคุณเอง คุณจะได้มีโอกาส
    มองดูมันและพินิจพิเคราะห์มัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสเช่นนี้”


    ในขณะที่แสงสว่างนั้นเปิดเผยตัวตนต่อหน้าผม ผมก็พลันตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่นี้
    ก็คือ “แมตริกซ์ของตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกเราเอง” (our Higher Self matrix)



    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 4:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> พวกเราทุกคน ต่างก็มี “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” (Higher Self) ด้วยกันทั้งนั้น
    หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “จิตวิญญาณต้นธาตุ” (Oversoul) ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเราด้วย

    มันเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมันแก่ผม ซึ่งอยู่ในรูปแบบของพลังงานล้วนๆ
    มีเพียงวิธีเดียวที่ผมจะสามารถพรรณาให้พอมองเห็นภาพของมันได้ก็คือ “มันมีลักษณะเหมือนท่อ”

    จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีรูปร่างอย่างนั้นหรอกนะครับ เพียงแต่มันมีความเชื่อมโยงโดยตรงอยู่กับ
    “แหล่งกำเนิด” (The Source) ที่มีอยู่ในพวกเราแต่ละคน และมีอยู่ในพวกเราทุกๆคน

    พวกเราล้วนมีความเชื่อมโยงโดยตรงอยู่กับ “แหล่งกำเนิด” ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น แสงสว่างนั้น
    จึงแสดง “แมตริกซ์ของตัวตนที่สูงส่งกว่า” ให้ผมดู

    และเพราะว่าผมไม่ได้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งโดยเฉพาะ ดังนั้น นั่นจึงเป็นสิ่งที่ส่งกลับมาถึงผม
    ให้ผมได้เห็นหลังจากที่ผมได้ตายไปแล้ว

    เมื่อผมได้ขอร้องให้แสงสว่างนั้น ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจมากกว่านั้นอีก ผมจึงเข้าใจว่า
    “แมตริกซ์ของตัวตนที่สูงส่งกว่า” ที่ว่านั้นคืออะไร โลกของพวกเรามีโครงข่ายพลังงานห้อมล้อมอยู่
    ซึ่งโครงข่ายนี้เอง ที่เหล่าตัวตนที่สูงส่งกว่าทั้งหลายของพวกเราเชื่อมต่ออยู่

    มันจะเหมือนกับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ที่มีระดับพลังงาน หรืออาจจะเรียกว่าระดับจิตที่สูงกว่าเราอีกเล็กน้อย
    ล้อมรอบพวกเราอยู่



    จากนั้นอีกไม่นาน ผมก็ร้องขอความกระจ่างเพิ่มเติมอีก ผมต้องการรู้จริงๆว่าจักรวาลของเราเป็นอย่างไร
    และตอนนั้น ผมก็พร้อมแล้วที่จะไป ผมจึงพูดว่า “ผมพร้อมแล้ว พาผมไปเถอะ”



    ดังนั้น แสงสว่างนั้นจึงเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นอะไรบางอย่างที่สวยสดงดงามอย่างมาก
    อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันคือ “มันดาล่าแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์โลก” (Mandala of human souls)



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    พอมาถึงตอนนี้ ผมก็กลับมารู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้อยู่ในขณะนี้อีกแล้ว
    ดังนั้น ตามคำร้องขอของผม ที่ได้ขอให้แสงสว่างช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจให้กระจ่างแจ้งยิ่งขึ้นนั้น
    โดยผ่านทางมันดาล่าที่สวยงามอันนี้ ผมจึงมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราทุกคน,
    แก่นแท้ของพวกเราเองทุกคน ว่ามันช่างสวยสดงดงามเพียงใด
    ว่าพวกเราคือสิ่งที่มีความสวยสดงดงามมากที่สุด ที่ถูกสรรสร้างขึ้น

    จิตวิญญาณของมนุษย์, แมตริกซ์แห่งมนุษย์ ที่พวกเราทุกคนได้ร่วมกันสร้างขึ้น
    ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างยอดเยี่ยมซะเหลือเกิน, มันช่างสวยสดงดงาม และไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

    ผมบอกไม่ถูกเลยจริงๆว่า ณ.เสี้ยวขณะที่ผมได้เห็นภาพนั้น มันได้เปลี่ยนทัศนคติของผมที่มีต่อมนุษย์โลก
    ไปมากมายเพียงใด ผมได้แต่พูดว่า

    “โอ..พระเจ้าช่วย, ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกเราจะสวยงามถึงเพียงนี้”

    ไม่ว่าจะคุณจะอยู่ในชนชั้นไหนก็ตาม
    จะสูงหรือต่ำก็ตาม หรือไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ตาม
    แต่คุณก็ยังจะเป็นสิ่งที่สวยสดงดงามมากที่สุดอยู่ดี
    เพราะคุณเป็นอย่างนี้จริงๆ



    .....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 5:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> การเปิดเผยได้ดำเนินต่อไปจากแสงสว่างนั้น และดูเหมือนว่าจะดำเนินต่อไปอีกเรื่อยๆ
    ผมจึงถามแสงสว่างนั้นว่า

    “อันนี้หมายความว่ามนุษย์โลกจะได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยใช่หรือไม่?”

    ทันใดนั้น ก็มีเสียงคล้ายทรัมเป็ดถูกเป่าดังขึ้น พร้อมกับมีแสงสว่างหมุนวนเป็นเกลียวตกลงมาดังห่าฝน
    และแสงสว่างผู้ยิ่งใหญ่นั้นก็พูดว่า

    “จงจำไว้ และก็อย่าลืมเป็นอันขาดว่า คุณคือผู้ช่วยชีวิตตัวคุณเอง
    คุณคือผู้ไถ่บาป และบำบัดรักษาตัวคุณเอง
    คุณมีความสามารถนั้นอยู่แล้ว และก็จะมีอยู่ตลอดไปด้วย
    เพราะว่าพวกคุณถูกสร้างขึ้นมา ให้มีพลังอำนาจ
    ที่จะทำอย่างนั้นได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนการกำเนิดโลกซะอีก”


    ในชั่วขณะนั้น ผมตระหนักรู้ได้มากขึ้น ผมตระหนักรู้อย่างชัดเจนว่า
    “พวกเราปลอดภัยเสมอมาอยู่แล้ว และพวกเราก็ได้เคยช่วยชีวิตตนเองมาแล้ว
    เพราะว่าพวกเราถูกออกแบบมาให้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้ เหมือนกับสิ่งอื่นๆทั้งหมดในจักรวาล
    ที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้า นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์”


    ผมกล่าวคำขอบคุณแด่แสงสว่างแห่งพระเจ้าดวงนั้นด้วยความซาบซึ้งใจ
    สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นก็คือ คำพูดที่แสดงถึงความตื้นตันใจอย่างที่สุดสั้นๆเพียงไม่กี่คำ ว่า

    “โอ..พระเจ้าผู้เป็นที่รักของผม, จักรวาลอันเป็นที่รักผม, ตัวตนที่สูงกว่าอันเป็นที่รักของผม, ผมรักชีวิตของผม”



    แสงสว่างดวงนั้น ดูเหมือนจะดูดกลืนผมเข้ามาลึกมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดูเหมือนว่าแสงสว่างนั้น
    จะดูดกลืนผมเข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้วด้วยซ้ำไป ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ผมยังไม่รู้ว่าจะหาคำๆใด
    มาบรรยายถึงแสงสว่างแห่งความรักนี้ได้ถูกต้องเลย



    ……………………
     
  7. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 6:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ผมได้เข้าไปสู่ที่ๆหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่ล้ำลึกมากกว่าเมื่อกี้นี้อีก และผมก็สามารถตระหนักรู้
    ถึงบางสิ่งบางอย่างได้มากขึ้นกว่าเดิมอีก อย่างมาก

    มันคือกระแสธารแห่งแสงสว่างที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่เรืองรองและสว่างไสวไปด้วยแสงสว่าง
    ที่อยู่ลึกลงไปในใจกลางแห่งชีวิต ผมจึงถามว่านี่คืออะไร



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)



    แสงสว่างดวงนั้นตอบว่า “นี่คือสายธารแห่งชีวิต จงดื่มน้ำอมฤตนี้ ให้เต็มหัวใจของคุณซะสิ”
    ผมจึงดื่มมันเข้าไปหลายอึกใหญ่ ซึ่งพอดื่มชีวิตเข้าไปแล้ว ผมก็รู้สึกได้ถึงความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง


    จากนั้นแสงสว่างดวงนั้นก็พูดว่า “คุณมีความปรารถนาอยู่อย่างหนึ่งนี่นา”

    แสงสว่างนั้นรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผมเลย ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตของผม
    ผมจึงตอบเบาๆว่า “ใช่ครับ”



    ผมจึงขอไปดูส่วนอื่นๆของจักรวาลอีก ที่อยู่นอกระบบสุริยะของเรา ที่อยู่นอกขอบเขต
    ที่เป็นภาพลวงตาสำหรับมนุษย์ทุกๆคน

    แสงสว่างบอกกับผมว่า ผมสามารถลอยไปกับสายธารนั้นได้ ผมจึงลอยไปตามสายธารนั้น
    จนกระทั่งไปถึงแสงสว่างที่อยู่ปลายสุดอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์

    ผมรู้สึกได้และได้ยินเสียงระเบิดเบาๆติดต่อกันเป็นชุดๆ มันช่างมาถึงรวดเร็วอะไรอย่างนี้!


    ทันใดนั้น เหมือนกับผมพุ่งขึ้นไปลอยอยู่เหนือดาวเคราะห์โลก อยู่ในสายธารแห่งชีวิตนี้
    ผมมองเห็นโลกลอยห่างออกไป ผมมองเห็นระบบสุริยะ พร้อมทั้งความงดงามทั้งหมดของมัน
    ลอยละลิ่วห่างออก แล้วหายไป



    ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแสง ผมลอยไปจนถึงใจกลางของกาแล็กซี่ เมื่อผมไปถึงแล้ว
    ข้อมูลความรู้ทั้งหลาย ก็ซึมซับเข้ามาหาผม

    ผมได้เรียนรู้ว่ากาแล็กซี่นี้ และทุกๆกาแล็กซี่ทั่วทั้งจักรวาลนี้
    กำลังปะทุเอาสิ่งมีชีวิตรูปแบบต่างๆออกมาอยู่ตลอดเวลา
    ผมมองเห็นโลกหลายโลก ซึ่งข่าวดีก็คือว่า พวกเราไม่ได้อยู่ในจักรวาลนี้
    อย่างโดดเดี่ยวแต่อย่างใดเลย!


    ในตอนที่ผมล่องลอยไปกับสายธารแห่งจิตสำนึกนี้ ทะลุผ่านใจกลางของกาแล็กซี่นี้ไปนั้น
    สายธารนี้ ก็กลับขยายตัวกลายเป็นคลื่นพลังงานแห่งแฟรกตัลที่แปลกประหลาด

    กระจุกใหญ่แห่งกาแล็กซี่ (Super Cluster) พร้อมด้วยภูมิปัญญาโบราณทั้งหมดของพวกมัน
    ก็ลอยผ่านผมไป ตอนแรกผมคิดว่าผมกำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง จริงๆแล้วคือท่องไปที่ไหนสักแห่ง

    แต่ภายหลังผมจึงมารู้ตัวว่า ยิ่งกระแสธารแห่งจิตสำนึกนี้
    ขยายตัวออกไปมากเท่าไหร่ ความตระหนักรู้ของผม
    ก็จะยิ่งขยายตัวออกไปมากเท่านั้นด้วย จนสามารถสัมผัสรู้
    ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้เลยทีเดียว!


    ผมกลายเป็นเด็กมหัศจรรย์ตัวจริงไปซะแล้ว เด็กทารกในดินแดนมหัศจรรย์!


    …………………
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 7:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> มาถึงจุดนี้ ผมพบว่าตัวเองกำลังดำดิ่งอยู่ในสภาวะแห่งความเงียบสงบ รอบๆมีแต่ความเงียบสงัด
    ผมสามารถมองเห็นและสัมผัสรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และยิ่งกว่าไร้ขีดจำกัดเสียอีก
    เพราะผมกำลังอยู่ใน “ความว่างเปล่า”



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)



    ผมมาอยู่ในช่วงก่อนการสรรสร้างทั้งมวล ผมมาอยู่ในช่วงก่อนการเกิดบิ๊กแบง
    ผมข้ามผ่านมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นของกาลเวลา-จุดเริ่มต้นของโลกๆแรก-จุดเริ่มต้นของคลื่นความสั่นสะเทือนแรก

    มันคือภายใน “ดวงตาแห่งการสร้างสรรค์” (the Eye of Creation)

    ผมรู้สึกได้ประหนึ่งว่า ผมกำลังสัมผัสใบหน้าของพระผู้เป็นเจ้าอยู่อย่างนั้นแหละ
    มันไม่ใช่ความรู้สึกด้านศาสนา แต่มันเป็นเพราะว่าผมได้มาผสานรวมอยู่กับ
    “ชีวิตและจิตสำนึกที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แบบ” เท่านั้นเอง



    เมื่อผมพูดว่าผมสามารถมองเห็น และสัมผัสรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ผมหมายความถึงผมสามารถรับรู้ถึงทุกๆสรรพสิ่งที่กำลังก่อเกิดตัวมันเองอยู่ได้

    มันปราศจากจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด มันคือกระแสความคิดของจิตที่กำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆหรือเปล่านะ?



    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • the void-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.2 KB
      เปิดดู:
      4,594
  9. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 8:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายเข้าใจว่าบิ๊กแบง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของจักรวาล
    เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว แต่สิ่งที่ผมได้เห็นมาในช่วงที่ผมได้ตายไปนั้น ก็คือ

    บิ๊กแบงที่พวกเขากล่าวถึงกันนั้น มันเป็นเพียง 1 ในบิ๊กแบง
    จำนวนนับไม่ถ้วนจนเป็นอนันต์ ที่กำลังให้กำเนิดจักรวาลทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา
    อย่างไม่รู้จบ และก็กำลังเกิดขึ้นอยู่พร้อมๆกันหมดในเวลาเดียวกัน


    ซึ่งสิ่งที่พอจะนำมาเปรียบเทียบเพื่อให้มนุษย์พอมองเห็นภาพได้ใกล้เคียงมากขึ้นอีกหน่อย
    ก็น่าจะเป็นภาพแฟรกตัน (Fractals) ทั้งหลาย ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสมการเรขาคณิต
    โดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์




    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - แฟรกตัล)



    บรรพชนรู้เรื่องนี้กันดี พวกเขาจึงบอกว่าสร้างจักรวาลใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ
    โดยการหายใจออกเอาจักรวาลใหม่ออกมา และหายใจเข้าเอาจักรวาลอื่นๆเข้าไปสร้างใหม่อีก

    ซึ่งช่วงเวลาสำคัญแห่งการสร้างจักรวาลเหล่านี้เรียกกันว่า “กลียุค” (Yugas)
    ที่วิทยาศาสตร์ยุคใหม่เรียกกันว่าบิ๊กแบงนั่นเอง



    ผมได้มาอยู่ในจิตสำนึกอันบริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบหมดจดโดยสิ้นเชิง
    ผมสามารถมองเห็นและรับรู้ถึงการเกิดบิ๊กแบงหรือกลียุคได้ทุกๆครั้ง ซึ่งกำลังสร้างตัวมันเองขึ้นมา
    และรื้อสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา

    ในชั่วขณะนั้นเอง ผมเข้าไปในพวกมันทั้งหมด พร้อมๆกันและในเวลาเดียวกัน

    ผมสามารถมองเห็นได้ว่า ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ ไม่ว่ามันจะมีขนาดเล็กแค่ไหนก็ตามแต่
    พวกมันล้วนแล้วแต่มีพลังอำนาจในการสร้างสรรค์ด้วยเช่นเดียวกัน

    เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ ผมจึงไม่มีคำพูดอะไรที่จะนำมาใช้เพื่ออธิบาย



    หลังจากที่ผมฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์เฉียดตายนี้มาแล้ว
    ผมต้องใช้เวลาอยู่หลายปี เพื่อพยายามหาถ้อยคำที่พอจะนำมาใช้เทียบเคียง
    เพื่ออธิบายลักษณะของ “ความว่างเปล่า” นี้ให้ได้

    ตอนนี้ผมสามารถบอกคุณได้แล้วว่า

    “ความว่างเปล่าคือสิ่งที่เล็กน้อยซะยิ่งกว่าความไม่มีอะไรเลย
    แต่มันก็มากซะยิ่งกว่าคำว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่ทั้งหมด”

    “ความว่างเปล่าคือความเป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ,
    ความว่างเปล่าคือความไร้ระเบียบที่ก่อเกิดความเป็นไปได้ทั้งมวล”

    ความว่างเปล่าคือ ”จิตสำนึกที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แบบ” ที่บริสุทธิ์เหนือระดับกว่า
    ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงแห่งจักรวาลใดๆทั้งหมด


    ความว่างเปล่าคือความสูญ หรือ ความปราศจากสิ่งสรรสร้างที่อยู่ในรูปแบบทางกายภาพใดๆโดยสิ้นเชิง
    ความว่างเปล่าคือช่องว่างที่อยู่ระหว่างอะตอมต่างๆ และคือช่องว่างที่อยู่ระหว่างส่วนประกอบต่างๆภายในอะตอมด้วย



    วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ได้เริ่มศึกษาช่องว่างที่อยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างนี้มานานแล้ว พวกเขาเรียกมันว่า Zero Point

    แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพยายามจะวัดค่ามัน เครื่องมือวัดของพวกเขาก็จะออกนอกสเกลวัดไป
    หรือไม่ก็ได้ค่าออกมาเป็นอนันต์ อะไรทำนองนั้น ถ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ พวกเขาไม่มีทางเลย
    ที่จะสามารถวัดค่าที่เป็นอนันต์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แม้ว่าในร่างกายของพวกคุณเอง และในจักรวาลนี้
    มันจะมีช่องว่างที่เป็นศูนย์อยู่มากกว่าสิ่งอื่นๆก็ตาม



    ......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fractal.jpg
      ขนาดไฟล์:
      342.8 KB
      เปิดดู:
      5,782
  10. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอพักก่อนนะครับ
    เดี๋ยวค่อยมาต่อคราวหลังครับ

    ซึ่งเนื้อหาจะมันมากขึ้นเรื่อยๆครับ

    ................................
     
  11. Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    อ่านในข้อความที่ 9 ตรงส่วนที่ทำเป็นตัวเขียวแ้ล้วทำให้นึกถึงปรัชญาเต๋าเลย ขอลองยกอันที่ใกล้เคียงกับประโยคเหล่านั้นล่ะกัน ส่วนมากจะเอามาจากเวปนี้ http://fengshuithai.com/ ต้องขออ้างอิงก่อนเพราะว่าคัมภีร์ เต๋าเต็กเก็ง เห็นบางที่แปลต่างกัน ใช้คำต่างกัน แต่ความหมายก็ยังคล้ายๆ กันอยู่


    คัมภีร์บทที่ 1

    เต๋าและชื่อ
    “เต๋า” ที่กล่าวได้ มิใช่เต๋าอันนิรันดร์ ชื่อที่เรียกขานได้ มิใช่ชื่ออันยั่งยืน สิ่งที่ไร้ชื่อถึงจะเป็นต้นกำเนิดแห่งฟ้าดิน ชื่อจึงดุจดั่งมารดาแห่งสรรพสิ่ง
    ยามใดจิตผ่องใสไร้กิเลส ถึงจะสามารถเป็นแก่นแท้ของสรรพสิ่ง
    ยามใดจิตเต็มไปด้วยกิเลส ก็จะเห็นเพียงเปลือกนอกของสรรพสิ่ง
    ภาวะจิตสองแบบนี้ต่างกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็นจึงย่อมต่างกันอย่างน่าอัศจรรย์
    “เต๋า” เป็นวิชาที่น่าศึกษาเรียนรู้ยิ่งกว่าวิชาใด


    บทที่ 4

    คุณประโยชน์ของเต๋า
    แม้เต๋าจะดูคล้ายว่างเปล่าไร้ตัวตน แต่มันก็ให้กำเนิดพลังงานที่สามารถให้สรรพสิ่งนำไปใช้อย่างมิรู้จบสิ้น เต๋าลึกล้ำยิ่งใหญ่ดุจบรรพบุรุษแห่งสรรพสิ่ง เต๋าสุภาพอ่อนโยน มีคุณสมบัติในการแก้ไขความยุ่งเหยิง มันอยู่ทุกแห่งหน ทั้งในที่มืดและสว่าง เป็นที่ประจักษ์ว่า คุณประโยชน์ของมันกว้างขวางไร้ที่สิ้นสุด
    แม้นเต๋าจะมหัศจรรย์ปานนี้ แต่ก็ไร้ร่อยรอยที่จะค้นหา ข้าพเจ้าไม่แจ้งที่มาของเต๋า แต่มันน่าจะมีอยู่ก่อนมีพระเจ้า


    บทที่ 14

    ทฤษฎีของเต๋า
    มองไม่เห็นว่าเป็นอันใด เรียกว่า “ไร้รูป” ไม่ได้ยินว่าเป็นเสียงอันใด เรียกว่า “ไร้เสียง” สัมผัสไม่ถูก เรียกว่า “ไร้ตัวตน” สามประการดังกล่าว คือ ความพิสดารแห่งเต๋า ตามหลักการนี้ แม้นกล่าวแยกกันได้ แต่เนื้อแท้เต๋านั้นเป็นหนึ่งเดียว
    ส่วนโลกแห่งรูปธรรมนั้นต่างกัน ด้านหนึ่งสว่างอีกก้านหนึ่งก็มือ เช่น ด้านบนสว่าง ด้านล่างมืด
    เต๋าแทรกซ่านอยู่ทั่วฟ้าดิน ในจักรวาลก็ดูเหมือนจะมี แต่ยากจะยืนยัน เพราะมันเป็นสิ่งละเอียดมาก แม้นเต๋าจะให้กำเนิดสรรพสิ่ง แต่ก็ดูไม่ออกว่ามันให้กำเนิด นี้ก็คือ “รูป” ที่ไร้รูป “ตัวตน” ที่ไร้ตัวตน
    ฉะนั้นลางคนจึงว่า เต๋าเป็นเพียงราง ๆ ไม่แน่นอนจะว่ามีก็ดูคล้ายไม่มี ไฉนเป็นดังนี้เล่า? เพราะถ้าท่านใคร่จะอยู่ข้างหน้าต้อนรับมัน ก็มองไม่เห็นข้างหน้าของมัน ถ้าท่านใคร่จะอยู่ข้างหลังตามหลังมัน ท่านก็มองไม่เห็นหลังของมัน
    ฉะนั้น ปราชญ์จึงยึดหลักการของเต๋าที่มีแต่โบราณมาบริหารจัดการทุกสิ่งอย่าง ข้าพเจ้าคิดว่า ผู้ที่รู้จักเต๋า ก็คือคนที่รู้ระบบของเต๋าอย่างดี เพราะระบบของเต๋า ก็คือแก่นแท้ของเต๋า



    บทที่ 16

    รู้แจ้ง
    ผู้ที่รู้แจ้งถึงภาวะจิตว่าง ก็จักบรรลุถึงฌานสมาธิระดับสูงได้ เราสามารถนิมิตเป็นมิติทิพย์ทั้งของรูปและนามจากฌานสมาธิได้ แม้นสรรพสิ่งมีมากหลาย แต่เบื้องสุดท้ายล้วนต้องคืนสู่ต้นกำเนิดแห่งชีวิต นั่นคือกายทิพย์ (จิตวิญญาณ) ซึ่งเป็นกายแท้อันอมตะ
    ผู้ที่รู้ว่าอันใดคืออมตะ ชื่อว่ารู้แจ้งเรื่อง “กายแท้กายปลอม” ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณไม่สูญ มักเป็นคนเพ้อฝันหรือหลงมัวเมา เหตุนี้จึงปลงใจทางชั่วได้ง่าย วันใดก่อกรรมชั่วก็จักเป็นสื่อนำแห่งเภทภัยมาสู่ตน ผู้ที่รักถนอมกายแท้ ย่อมมิกล้าก่อกรรมชั่ว เขามีน้ำใจกว้างขวางสามารถรับรองทุกสิ่งอย่าง
    คนเยี่ยงนี้จึงจะถือว่า การฉุดช่วยชาวโลกเป็นภาระหน้าที่ของตน นี้ก็คือปราชญ์ คนเยี่ยงนี้จึงจะเข้าถึงเต๋าได้ ผู้ที่เข้าถึงเต๋า แม้นกายเนื้ออันจอมปลอมดับสูญ ก็มิต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก



    บทที่ 25

    หน้าตาอันแท้จริงของเต๋า
    หน้าตาอันแท้จริงของเต๋านั้น ความจริงไร้ชื่อ แต่เราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ใหญ่โตอย่างหนึ่ง มันมีอยู่ก่อนฟ้าดินจึงได้ว่า “เกิดก่อนฟ้าดิน” เต๋าอยู่เหนือสรรพสิ่ง มันไร้เสียงไร้รูปร่าง นับแต่โบราณกาลเต๋ามิเคยเปลี่ยนแปลง
    เต๋าวนเวียนอยู่ในโลกมิรู้หยุด สรรพสิ่งล้วนอาศัยมันในการอุบัติและเจริญเติบโต ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าเต๋าเป็นมารดาแห่งสรรพสิ่ง ปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์ ข้าพเจ้าไม่รู้จะเรียกมันฉันใด? ได้แต่สมมุติตั้งชื่อให้มันว่า “เต๋า” ถ้าจะตั้งชื่อใหม่น่าจะเรียกว่า “ใหญ่” ใหญ่ถึงที่สุดมิใช่สลายหรือ? ฉะนั้น “ใหญ่” อันนี้ก็ไม่เหมาะนัก น่าจะเรียกว่า “สลาย” สลายถึงที่สุด มิใช่ไกลหรือ? ฉะนั้นสลายอันนี้ก็ไม่เหมาะนักน่าจะเรียกว่า “ไกล” เมื่อไปไกลแล้วก็กลับมาได้ มิใช่กลับหรือ? ฉะนั้น “ไกล” อันนี้ก็ไม่เหมาะนัก น่าจะเรียกว่า “กลับ”
    ดังนั้น “เต๋า” ที่สามารถให้กำเนิดฟ้าดินและสรรพสิ่งจึงยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งใหญ่รองลงมา คือ ฟ้าที่สามารถครองสรรพสิ่งทั้งมวล รองลงมา คือ ดินที่สามารถรองรับสรรพสิ่งรองลงมา คือ พระราชาที่ปกครองแผ่นดินโดยธรรม



    บทที่ 34

    น้ำใจของฟ้าดิน
    พลังงานของฟ้าดินมีอยู่ทั่วทุกแห่งหน สรรพสิ่งอาศัยมันในการเจริญเติบโต ซึ่งมันก็ไม่เคยปฏิเสธ เมื่อมันหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งแล้ว ก็ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ มันหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งด้วยความรัก ดั่งพ่อแม่เอาใจใส่ดูแลบุตร แต่มันก็ยังมิได้คิดว่าเป็นมูลนายของสรรพสิ่งน้ำใจอันประเสริฐเยี่ยงนี้หาใดไหนปานมันช่างมันน้อย ดั่งว่ามันเล็กนิดเดียว
    ครั้นสรรพสิ่งเจริญเติบโตแล้ว ต่างก็กลับมาหามันมันก็ยังไม่รู้จักเป็นนาย เยี่ยงเดียวกับปราชญ์ ที่มิได้คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่นี้ถึงจะยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง



    บทที่ 35

    เต๋าอันมหัศจรรย์
    “เต๋า” ไร้รูปลักษณ์ ก็เพราะไร้รูปร่าง จึงกอบไปด้วยฟ้าดินและสรรพสิ่ง ผู้ที่มีจิตใจเหมือนดั่งเต๋าได้ ชาวหล้าย่อมเชื่อฟังเขา หากชาวหล้าเชื่อฟังเขา นับว่าดีมิน้อย เพราะเป็นนิมิตหมายว่า โลกหล้าใกล้เกิดสันติสุข แต่เมื่อเกิดสันติสุขแล้ว อย่าได้เอาแต่เสพสุข เพราะการเสพสุขเป็นดั่งอาคันตุกะมิยั่งยืน มีแต่เต๋าเท่านั้นที่ปรากฏอยู่กลางอากาศอันเวิ้งว้างจืดชืด ไร้รสชาติ
    ท่านจะมองมันก็ไม่เห็น จะฟังมันก็ไม่ได้ยิน แต่ยามท่านจะใช้มัน กลับใช้อย่างมิรู้หมด นี่มิใช่ความมหัศจรรย์ของเต๋าหรอกหรือ?


    บทที่ 40

    ความมีเกิดจากความไม่มี
    สรรพสิ่งล้วนเกิดดับเปลี่ยนแปรตลอดเวลา วงจรเหล่านี้ ล้วนเกิดจากเต๋า ซึ่งท้ายที่สุดก็ยังคงต้องคืนสู่ความสงบ ดั่งเช่นลม แม้นมันจะพัดรุนแรงปานใด แต่ไม่ช้าก็ต้องคืนสู่ความสงบอยู่ดี หรือเช่นฝน แม้นมันจะตกหนักแต่ไม่ช้าก็ต้องหยุดตกอยู่ดี
    สรรพสิ่งในโลกหล้าล้วนเกิดจาก “ความมี” (ไทเก๊ก) แต่ “ความมี” นี้ ก็ยังต้องเกิดจาก “ความไม่มี” (บ้อเก๊ก)


    บทที่ 42

    พัฒนาการของเต๋า
    ความจริง “เต๋า” ไร้ชื่อ ได้แต่เรียกว่า “1” จาก 1 แบ่งเป็น 2 นั่น “อิน” (ธาตุลบ) และ “หยาง” (ธาตุบวก) เมื่อมีสองขั้ว ย่อมมีตรงกลาง จึงเริ่มมี “3” ครั้นมี 3 จึงอุบัติสรรพสิ่ง “อิน” อยู่ด้านในทั้งมือและอ่อนแอ จัดเป็นพวกไร้รูปส่วน “หยาง” โอบอยู่ด้านนอก จัดเป็นพวกมีรูปร่าง “ชงชี่” คือตรงกลางที่เป็นช่องว่างระหว่างอินและหยาง
    ทุกคนต่างรังเกียจคำว่า ผู้น้อย ต่ำต้อย อนาถา แต่พระราชาผู้สูงส่งกลับชอบใช้เป็นสรรพนาม ซึ่งกลับส่งผลดีทำให้ประชาชนรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น นี้เป็นคำสอนของปราชญ์เมธีสมัยก่อน ข้าพเจ้าเลยนำมาเสนอแนะอีกที ข้าพเจ้าเอาหลักการเหล่านี้ เป็นเสมือนหนึ่งคำสอนของบิดาที่ไม่เคย


    บทที่ 51

    การปรากฏของเต๋า
    “เต๋า” ดุจดั่งมารดาแห่งสรรพสิ่ง สรรพสิ่งล้วนเกิดจากเต๋า แต่เมื่อสรรพสิ่งอุบัติขึ้นแล้ว ก็ยังต้องหล่อเลี้ยงด้วยคุณธรรม ในเมื่อสรรพสิ่งเกิดจากเต๋า และบำรุงหล่อเลี้ยงด้วยคุณธรรม แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเต๋าและคุณธรรม
    ดังนั้น สรรพสิ่งจึงเทิดทูนบูชาเต๋าและคุณธรรม เต๋าและคุณธรรมมีคุณูปการใหญ่หลวง แม้เต๋าจะเหมือนมูลนายของสรรพสิ่ง แต่เต๋าก็มิได้ควบคุมสรรพสิ่ง ฉะนั้น “เต๋า” จึงเปี่ยมด้วยคุณธรรมอันสูง



    บทที่ 52

    ต้นกำเนิดของเต๋า
    ฟ้าดินและสรรพสิ่งล้วนแต่มีต้นกำเนิด ต้นกำเนิดอันนี้ก็คือ “เต๋า” “เต๋า” สร้างฟ้าดินและสรรพสิ่ง ดังนั้น “เต๋า” เสมือนหนึ่งเป็นมารดาของฟ้าดินและสรรพสิ่ง
    เมื่อท่านรู้จักเต๋าแล้ว ก็ต้องตั้งอยู่ในเต๋า(ธรรม) ที่สร้างฟ้าดินและสรรพสิ่ง ยามละสังขารจึงจะไม่รู้สึกหวาดกลัวภัยอันตราย เพราะว่าท่านได้กลับสู่อ้อมอกของ “เต๋า” แล้ว ฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้พลัง สติ ลมปราณเสื่อม ก็ต้องอุดทวารแห่งกิเลสตัณหา (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)ถ้าผู้บำเพ็ญธรรมสามารถอุดทวารแห่งกิเลสตัณหาได้ก็ย่อมจักบรรลุธรรมได้โดยไม่ยากลำบากนัก แต่ถ้าไม่รู้จักอุดทวารแห่งกิเลสตัณหา รู้จักแต่ใช้ความสามารถตนไปต่อสู้ดิ้นรนทางโลก แบบนั้นก็สุดเยียวยา ผู้ที่สุภาพอ่อนโยน จึงจะเป็นผู้เข้มแข็งที่แท้จริง ผู้ที่สามารถสังเกตเห็นในสิ่งละเอียดได้ ถึงจะเป็นผู้เข้าใจเต๋า การเข้าใจ “เต๋า” ยังไม่เพียงพอ ยังต้องย้อนมองส่องตนถึงจะสามารถคืนสู่จิตแห่งความรู้แจ้งอันแท้จริง
     
  12. Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ขอบคุณ คุณ Chayutt มากครับ

    ผมรู้สึกมานานแล้วว่า การที่คนๆนั้นตายไปแล้วได้ไปเห็นเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าแต่งตัว

    อย่างไรมันเป็นเรื่องของจิตปรุงแต่ง เป็นนานาจิตตัง

    และผมว่าประสบการณ์ของ Mellen ได้บอกว่าผมคิดถูก


    มีพระท่านนึงก็บอก เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง

    ท่านก็คงหมายถึงอย่างนี้


    ทีนี้ถ้าคุณ Mellen จะได้รับรู้ศาสนาพุทธหลังจากนั้นจะดีไม่น้อย คงจะได้พัฒนาจิต

    วิญญาณและได้พบกับแหล่งกำเนิด หรือ กายธรรม ตั้งแต่มีชีวิตอยู่



    คุณ Mellen ช่างมีสติจริงๆ คนอะไรทะลึ่งถามก่อนเข้าอุโมงค์ อย่างนี้มันโกงความตาย

    กันนี่หว่า ขี้โกงว่ะ



    ปล. ถ้า Mellen ขออยู่ในความว่างเปล่านั้นไปตลอดกาล จะได้นิพพานป่าวหว่า
     
  13. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 9:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> สิ่งที่ผู้วิเศษทั้งหลายเรียกกันว่าความว่างเปล่านั้น มันไม่ใช่ความว่างเปล่า เพราะว่ามันเต็มไปด้วยพลังงานนานาชนิด
    ที่เป็นต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง ที่มีอยู่เป็นอยู่ ทุกสรรพสิ่งนับตั้งแต่การบิ๊กแบงเป็นต้นมาคือความสั่นสะเทือน
    จากโลกแรก ซึ่งก็คือความสั่นสะเทือนแรก

    คำว่า “I am” ในคัมภีร์ไบเบิลมันมีความหมายที่สำคัญซ่อนอยู่ภายใน “ฉันเป็น – สิ่งที่เป็นฉัน?”
    (“I am—What am I?”)


    ดังนั้น “สรรพสิ่ง” (creation) ก็คือ การที่พระเจ้าสำรวจตัวตนของตนเอง
    ผ่านทุกๆช่องทาง ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้

    และการสำรวจนี้ ก็กำลังดำเนินไปอยู่อย่างต่อเนื่อง
    มันเป็นการสำรวจที่ไม่มีวันสิ้นสุด
    ผ่านทางพวกเราทุกๆคน


    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ผมเริ่มมองเห็นในตอนที่ผมมีประสบการณ์เฉียดตายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่ ก็คือตัวเราเอง
    คือตัวเราเองจริงๆ คือตัวคุณเอง คือตัวผมเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเราเอง

    นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม พระเจ้าจึงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด แม้กระทั่งตอนที่ใบไม้ซักใบร่วงหล่นลงมา

    มันมีความเป็นไปได้ เพราะว่าไม่ว่าคุณจะกำลังอยู่ที่ไหนก็ตาม ที่นั่นก็คือใจกลางของจักรวาล
    ไม่ว่าอะตอมใดอะตอมหนึ่งจะกำลังอยู่ที่ไหนก็ตาม ที่นั่นก็คือใจกลางของจักรวาล

    เพราะว่ามันมีพระเจ้าอยู่ภายในนั้น และพระเจ้าก็คือความว่างเปล่า


    ตอนที่ผมเริ่มสำรวจดูความว่างเปล่า และ Yugas ทุกๆ yugas หรือสรรพสิ่งทุกๆสรรพสิ่ง
    ในขณะที่ผมกำลังมีประสบการณ์เฉียดตายอยู่นั้น ผมได้ออกไปนอกขอบเขตของช่องว่างและกาลเวลา
    ที่ผมเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง ในสภาวะแห่งการขยายตัวนี้ ผมได้ค้นพบว่า

    “สรรพสิ่งทั้งปวงก็คือจิตสำนึกอันบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แบบ หรือก็คือพระเจ้านั่นเอง
    ที่กำลังมาหาประสบการณ์แห่งชีวิต ในรูปแบบต่างๆอย่างที่พวกเรารู้จักกันนี่แหละ”


    เพราะว่าลำพังตัวความว่างเปล่าเอง จะไม่มีประสบการณ์ใดๆ เพราะว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน “ชีวิต”
    มันเกิดขึ้นมาก่อนคลื่นความสั่นสะเทือนแรก พระเจ้าเป็นอะไรที่มากกว่าการมีชีวิตอยู่และการตาย

    เพราะฉะนั้นแล้ว ในจักรวาลนี้ มันจึงมีประสบการณ์อื่นๆอีกมากมาย ที่นอกเหนือจากการมีชีวิตอยู่และการตาย
    ที่กำลังรอคอยให้ไปมีประสบการณ์อยู่


    เมื่อผมประจักษ์ได้ดังนี้ การสำรวจความว่างเปล่าของผมก็เสร็จสิ้นลง และผมก็ต้องการกลับมาสู่สิ่งสรรสร้างนี้
    หรือ Yugas อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะทำเช่นนั้นได้อยู่แล้ว

    คือพอคิดปุ๊บ ผมก็กลับคืนออกมา ผ่านทางแสงสว่างอันที่สอง หรือบิ๊กแบงโดยทันทีเลย
    ผมได้ยินเสียงระเบิดนุ่มๆเบาๆหลายครั้งขึ้น ผมล่องลอยออกมาตามกระแสธารแห่งความตระหนักรู้นั้น
    กลับออกมาสู่สรรพสิ่งทั้งปวง ซึ่งมันช่างเป็นการเดินทางที่รวดเร็วอะไรปานนั้น!


    .........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lifestream.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      4,577
  14. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 10:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> กระจุกใหญ่หรือ Super clusters ของกาแล็กซี่ทั้งหลาย เคลื่อนตัวเข้ามาหาผมและผ่านผมไป
    ด้วยความเข้าใจลึกซึ้งมากยิ่งกว่าเดิมซะอีก ผมลอยผ่านมาจนมาถึงใจกลางของกาแล็กซี่ของพวกเรา
    ซึ่งมันจะมีหลุมดำอยู่

    หลุมดำคือผู้ดำเนินการ (Processor)
    หรือผู้นำมาสร้างใหม่ (recycler) แห่งจักรวาล


    คุณรู้ไหมว่าอีกด้านหนึ่งของหลุมดำคืออะไร? ก็คือพวกเรานี่เอง คือกาแล็กซี่ของพวกเรา
    ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกรอบ (reprocess) จากจักรวาลอื่น

    ในโครงสร้างทางพลังงานทั้งหมดของมัน กาแล็กซี่จะดูเหมือนเป็นเมืองแห่งแสงสว่างอันน่ามหัศจรรย์


    พลังงานทั้งหมดที่นำมาใช้ในการเกิดบิ๊กแบงก็คือ “แสงสว่าง” ทุกๆอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม,
    ทุกๆอะตอม, ดาวฤกษ์ทุกดวง, ดาวเคราะห์ทุกดวง และแม้แต่ตัวจิตสำนึกเอง
    ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงสว่างด้วย และทั้งหมดนี้ ก็จะมีคลื่นความถี่ และ/หรืออนุภาคอยู่ระดับหนึ่งเสมอ


    แสงสว่างคือสิ่งมีชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ก้อนหินสักก้อนหนึ่ง
    ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมด



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาจากแสงสว่างของพระเจ้า
    ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมีภูมิปัญญาอยู่ในตัวเองอย่างแท้จริง



    ในขณะที่ผมล่องลอยไปกับกระแสธารนั้นไปเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็ได้มองเห็นแสงสว่างขนาดมหึมา
    กำลังเข้ามาหาผม ผมรู้ว่ามันคือแสงสว่างแรก

    มันคือเมตริกซ์แสง หรือแสงสว่างที่เป็นต้นกำเนิดของตัวตนที่สูงส่งกว่าของระบบสุริยะของเรา
    ซึ่งภายหลังการสร้างนี้ ระบบสุริยะทั้งระบบนี้ ก็ปรากฏขึ้นมาในแสงสว่างนั้น พร้อมๆกับเสียงระเบิดอันนุ่มนวล


    ผมสามารถมองเห็นพลังงานทั้งหมด ที่ระบบสุริยะของเราสร้างขึ้นมาได้ และมันก็คือการแสดงดอกไม้ไฟ
    ที่สวยงามตระการตาจนไม่น่าเชื่อ!

    ผมสามารถได้ยินเสียงดนตรี ที่แว่วดังออกมาจากดวงดาวต่างๆที่อยู่ในระบบสุริยะนี้
    ระบบสุริยะของเรา ซึ่งก็เหมือนกับเทหะวัตถุอื่นๆทั้งหมด กำลังสร้างเมตริกซ์แห่งแสงสว่าง, เสียง
    และความสั่นสะเทือนของพลังงาน ที่มีความพิเศษเฉพาะเป็นของตัวเองอยู่


    รูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงทั้งหลายจากระบบดวงดาวอื่นๆ สามารถระบุหรือจำแนก
    สิ่งมีชีวิตต่างๆในจักรวาล อย่างที่พวกเรารู้จักได้ จากลักษณะเฉพาะของระดับความสั่นสะเทือนของเมตริกซ์
    หรือ พลังงานของเมตริกซ์นี้


    …………………….
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 11:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> มันคือการละเล่นของเด็กๆ เด็กๆผู้น่าพิศวงแห่งดาวเคราะห์โลก (มนุษย์โลก)
    กำลังสร้างเสียงที่ดังระงมไปทั่วอยู่ในขณะนี้ เหมือนเด็กๆกำลังเล่นกันอยู่ในสนามเด็กเล่นแห่งจักรวาลเลยทีเดียว



    แสงสว่างนั้นได้อธิบายให้ผมฟังว่า มันไม่มีหรอกนะการตาย
    เพราะว่าพวกเราคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตาย
    และพวกเราก็มีชีวิตอยู่ชั่วนิจนิรันดรมาแล้ว


    ผมประจักษ์ว่าพวกเราคือส่วนหนึ่งของระบบชีวิตของธรรมชาติ ที่กำลังรีไซเคิ้ลตัวเองอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีวันจบสิ้น



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผมจะต้องได้กลับมาอีก ผมรู้แต่ว่าผมอาจจะได้กลับมาเท่านั้นเอง
    สิ่งที่ผมได้เห็นในระหว่างที่ผมกำลังมีประสบการณ์เฉียดตายอยู่นั้น มันเป็นธรรมชาติล้วนๆ

    ผมไม่รู้ว่า ถ้านับตามเวลาบนโลกแล้ว ผมได้ใช้เวลาอยู่กับแสงสว่างนั้นนานแค่ไหนแล้ว
    แต่มันเหมือนกับว่าเป็นเวลาแค่แป๊บเดียวเอง ตอนที่ผมรู้ว่าคำถามทั้งหมดของผมถูกตอบไปหมดแล้ว
    และก็ใกล้จะถึงเวลาที่ผมต้องกลับมาแล้ว


    เมื่อผมพูดว่าคำถามทั้งหมดของผมถูกตอบหมดแล้ว เมื่อตอนที่อยู่อีกฟากฝั่งโน้น ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ
    เพราะว่าทุกๆคำถามของผมได้รับคำตอบแล้วจริงๆ

    มนุษย์แต่ละคนต่างก็มีวิถีชีวิตเป็นของตนเอง และก็มีชุดคำถามที่ต้องไปค้นหาคำตอบเป็นของตนเองด้วย

    คำถามบางคำถามของพวกเราก็เป็นคำถามที่เป็นสากล แต่ว่าพวกเราแต่ละคนต่างก็กำลังค้นหาคำตอบ
    ของคำถามเหล่านั้นจากสิ่งที่พวกเราเรียกว่า “ชีวิต” นี้ ไปกันคนละแบบ ตามสไตล์เฉพาะของตนเอง

    ก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ทุกๆชนิด นับตั้งแต่ภูเขา ไปจนถึงใบไม้แต่ละใบบนต้นไม้โน่นแหละ

    และพวกเราทั้งหมดในจักรวาล ต่างก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะว่าแต่ละชีวิต
    ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น ล้วนเป็นส่วนเติมเต็มแห่งชีวิตด้วยกันทั้งสิ้น


    อันที่จริงแล้ว พวกเราคือพระเจ้าที่กำลังสำรวจตัวเองอยู่ ผ่านทางรูปแบบชีวิตชนิดต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วน

    ความเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะของตัวคุณเอง คือสิ่งที่จะไปส่งเสริมชีวิตอื่นๆทุกๆชีวิต


    ในขณะที่ผมกำลังกลับเข้ามาสู่วงจรชีวิตของตนเองใหม่อีกครั้งหนึ่งอยู่นั้น ผมไม่ได้รู้สึกอะไรสักเท่าไหร่เลย
    และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะต้องกลับมาอยู่ในร่างเก่าอีก แต่มันไม่สำคัญเลย เพราะว่าในตอนนั้น
    ผมมีความเชื่อมั่นในแสงสว่างและกระบวนแห่งชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว


    เมื่อกระแสธารนั้น ผสานรวมเข้ากับแสงสว่างอันยิ่งใหญ่นั้น ผมถูกขอร้องให้จดจำการเปิดเผยครั้งนี้
    และความรู้สึกที่ได้ไปเรียนรู้สิ่งต่างๆจากฟากฝั่งโน้นมาเอาไว้ให้ดี


    ผมตอบตกลง แล้วผมก็รู้สึกเหมือนกับว่า จิตวิญญาณของผมถูกจุมพิต


    ......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 12:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> หลังจากนั้นผมก็ถูกแสงสว่างนำกลับมาสู่ที่ๆมีความสั่นสะเทือนนั้นอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการทั้งหมดย้อนกลับ
    พร้อมกับมีข้อมูลถูกถ่ายถอดมาสู่ผมมากขึ้น ตอนนี้ผมถูกนำกลับมาสู่บ้านเดิมแล้ว
    และผมได้รับบทเรียนเกี่ยวกับการเกิดใหม่จากประสบการณ์เฉียดตายของผม

    ผมได้รับคำตอบของทุกๆคำถามที่ผมเคยมีอยู่ ไม่ว่ามันจะเป็นคำถามที่เล็กน้อยสักปานใดก็ตามแต่
    เช่น “อันนั้นมันเป็นอย่างไร? อันนี้มันเป็นอย่างไร?” เป็นต้น ผมรู้ว่าผมกำลังจะได้ไปเกิดใหม่


    โลกคือแหล่งผลิตพลังงานขนาดใหญ่ และจิตสำนึกของพวกเราแต่ละคนก็วิวัฒน์ออกมาจากสิ่งนั้น
    ตอนแรก ผมเคยคิดว่าตัวผมเองคือมนุษย์โลก และผมก็เคยมีความสุขที่ได้เป็นแบบนั้น

    แต่จากสิ่งที่ผมได้ไปเห็นมา ทำให้ผมคิดว่า ผมอาจจะมีความสุข ที่ได้เป็นเพียงอะตอมสักอะตอมหนึ่ง
    ที่อยู่ในจักรวาลนี้ก็ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นอะตอมเพียงอะตอมเดียว หรือเป็นมนุษย์โลก
    ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าเสมอเหมือนกัน มันคือพรอันประเสริฐที่สุด

    มันคือพรอันประเสริฐที่อยู่สูงกว่าความคาดหมายของเรา ว่าจะมีพรใดประเสริฐได้ถึงเพียงนี้

    เพราะว่าพวกเราแต่ละคน และพวกเราทุกๆคน ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้มาเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์นี้
    มันช่างยอดเยี่ยม และงดงามซะเหลือเกิน ไม่ว่าคุณจะกำลังอยู่ที่ไหน คุณจะเป็นคนดีหรือคนเลวก็ตาม
    คุณก็จะยังเป็นสิ่งที่ประเสริฐของโลกใบนี้เสมอ



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)



    ผมได้ผ่านขั้นตอนของกระบวนการเกิดใหม่มาแล้ว และกำลังคาดหวังว่าจะได้ไปเกิดเป็นเด็กใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    แต่ผมกลับได้รับบทเรียนบทหนึ่งมาว่าจิตสำนึกและเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลวิวัฒน์ขึ้นมาได้อย่างไร


    ผมประหลาดใจมากเมื่อผมลืมตาขึ้นมา แล้วพบว่าผมยังอยู่ในร่างเดิมอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม
    เพราะว่าผมคิดว่าผมเข้าใจมันดีแล้ว


    ผมกลับมาอยู่ในห้องๆเดิม กับใครบางคนที่กำลังตรวจดูผมและร้องไห้ฟูมฟายให้กับผมอยู่
    ซึ่งเธอผู้นั้นก็คือพยาบาลผู้ดูแลผมนั่นเอง


    เธอได้เลิกพยายามช่วยชีวิตผมไปตั้งแต่ผมเริ่มตายลงไปได้นาน 1 ชั่วโมงครึ่งโน่นแล้ว
    เพราะว่าร่างกายของผมกลายเป็นศพ และไม่มีความยืดหยุ่นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องอื่น


    หลังจากที่ผมตื่นขึ้น และมองเห็นแสงสว่างอยู่ด้านนอก ผมจึงพยายามลุกขึ้นเพื่อไปที่แสงสว่างนั้น
    แต่ว่าผมก็ล้มลงและตกจากเตียง พอเธอได้ยินเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน เธอจึงวิ่งเข้ามาดู
    และก็พบว่าผมกำลังนอนกองอยู่บนพื้นห้อง

    หลังจากที่ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ผมประหลาดใจมาก และก็แปลกใจแล้วแปลกใจอีก
    เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงที่ผมพบกับประสบการณ์เฉียดตายอยู่นั้น

    ในช่วงแรกๆความทรงจำของผมเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านั้นทั้งหมด เคยสูญหายไป
    ไม่เหมือนกับที่ผมจำได้ในตอนนี้ ช่วงนั้นผมหลุดโลกไปแล้ว ผมเฝ้าแต่ถามแล้วถามอีกว่า “นี่ผมยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”

    และโลกนี้สำหรับผมมันเหมือนกับเป็นความฝันมากกว่าเป็นความจริง



    หลังจากนั้นภายในเวลาสามวัน ผมก็กลับมารู้สึกเป็นปกติ และจดจำอะไรได้แจ่มชัดอีกครั้งหนึ่ง
    แต่ความรู้สึกของผม มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และความทรงจำเกี่ยวกับประสบการณ์เฉียดตายของผม
    ก็กลับคืนมาหลังจากนั้น


    ผมมองไม่เห็นความผิดพลาดของมนุษย์ เหมือนแต่ก่อนอีกเลย แม้ว่าก่อนหน้านั้นผม
    จะเอาแต่เที่ยวไปตัดสินคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา ผมเอาแต่คิดว่าคนหลายคนช่างเลวร้ายจริงๆ
    จริงๆแล้วผมเคยคิดว่าทุกๆคนนั่นแหละที่เลวร้าย ยกเว้นผม

    แต่ว่าตอนนี้ผมไม่มีความคิดเช่นนั้นเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว

    หลังจากนั้นประมาณสามเดือน เพื่อนผมคนหนึ่งก็แนะนำให้ผมไปตรวจร่างกายดู
    ผมจึงไปตรวจร่างกาย โดยผ่านเครื่องสแกน และอื่นๆ ผมรู้สึกดีมากๆ ดังนั้นผมจึงเกรงว่าจะได้รับข่าวร้ายอีก


    ผมจำได้ว่าหมอที่คลินิกดูผลก่อนและหลังสแกน แล้วพูดว่า “เอาหละ ตอนนี้ไม่มีอะไรอยู่ตรงนี้แล้ว”
    ผมพูดว่า “จริงเหรอครับ มันต้องเป็นปาฏิหาริย์แน่ๆเลย” หมอบอกว่า
    “ไม่ใช่หรอก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาเรียกกันว่าการหายเองตามธรรมชาติ (spontaneous remission)”
    เขาแสดงท่าทางเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรน่าประทับใจเอาซะเลย


    แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นปาฏิหาริย์สำหรับผม และผมก็ประทับใจมันมากๆด้วย
    ไม่ว่าจะมีใครประทับใจมันด้วยหรือไม่ก็ตาม


    .....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • treeweb.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.1 KB
      เปิดดู:
      4,690
  17. worrior เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +316
    ไม่รู้จะเขียนยังไง แต่มันยิ่งกว่าคำขอบคุณซะอีกครับคุณชยุตสำหรับบทความดีๆที่นำมาฝากกันอีกครั้ง :cool:
     
  18. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 13:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ในระหว่างที่ผมมีประสบการณ์เฉียดตายอยู่นั้น
    ผมได้ตกลงไปในที่ๆอาจจะเรียกว่า “นรก”
    ด้วย

    และมันก็น่าแปลกใจมาก ผมมองไม่เห็นซาตานหรือปีศาจใดๆเลย
    การตกลงไปในนรกของผมในครั้งนั้น มันเป็นการตกลงไปในสภาวะ
    แห่งความทุกข์ยาก, ความไม่รู้, และความมืดบอดเพราะความไม่รู้
    ของมนุษย์แต่ละคนมากกว่า ที่ต่างก็สร้างมันขึ้นมากันเองทั้งนั้น


    มันเหมือนกับว่าจะเป็นความทุกข์ยากชั่วนิจนิรันดร แต่จิตวิญญาณนับล้านๆดวงที่อยู่รอบๆผมในขณะนั้น
    ต่างก็มีแสงสว่างแห่งดวงดาวขนาดเล็กอยู่กันครบทุกๆคน คนละดวงๆ

    แต่ดูเหมือนว่าแต่ละคน จะไม่มีใครให้ความสนใจมันเลย พวกเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความเศร้าโศก,
    ความชอกช้ำ และความทุกข์ของตนเองเท่านั้น



    แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปที่ดูราวกับว่านานชั่วนิจนิรันดร ผมได้เริ่มเรียกหาแสงสว่างดวงนั้น
    เหมือนเด็กๆร้องเรียกหาแม่ ให้แม่ช่วย



    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    จากนั้นแสงสว่างดวงนั้นก็ปรากฏขึ้น และทอดลำแสงเป็นอุโมงค์ส่องตรงมายังผม
    และปกป้องผมไว้จากความเจ็บปวดและความกลัวทั้งหมด นั่นคือสิ่งที่ “นรก” เป็นจริงๆ



    ดังนั้น สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ก็คือการเรียนรู้ที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อไปด้วยกัน

    ประตูนรกกำลังเปิดอยู่แล้วในขณะนี้ พวกเรากำลังจะเชื่อมโยงถึงกัน, จับมือกัน และเดินออกไปจากประตูนรกด้วยกัน


    แสงสว่างนั้นเข้ามาหาผม แล้วกลายร่างเป็นเทพผู้มีรัศมีกายสีทองขนาดใหญ่มหึมา

    ผมพูดว่า “คุณคือเทพแห่งความตายหรือ?” เทพองค์นั้นอธิบายกับผมว่า เขาคือ “จิตวิญญาณต้นธาตุ” ของผม
    หรือคือ “เมตริกซ์ของตัวตนที่สูงส่งกว่า” ของผม
    หรือคือ “ส่วนหนึ่งของบรมบรรพบุรุษของพวกเรา” (super ancient part of ourselves)

    ต่อจากนั้น ผมก็ถูกแสงสว่างนั้นนำตัวไป


    ................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ATT00040.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      4,348
  19. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 14:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> อีกไม่นาน วงการวิทยาศาสตร์ของเราจะสามารถตรวจวัด “วิญญาณ” ได้

    นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีหรอกเหรอ?

    เพราะว่าตอนนี้พวกเรามีเครื่องมือที่มีความละเอียดมากพอที่จะสามารถตรวจจับคลื่นพลังงาน
    ที่มีความละเอียดมากๆ หรือคลื่นพลังงานของวิญญาณได้แล้ว


    นักฟิสิกซ์ใช้ “เครื่องเร่งอนุภาค”
    เหล่านี้
    (เช่นของ CERN หรือ Conseil Européen pour la Recherche Nucléaire
    (European Council for Nuclear Research) เป็นต้น – ผู้แปล)
    เพื่อทำการทดลองยิงอนุภาคอะตอมให้มาชนกัน เพื่อศึกษาส่วนประกอบของพวกมัน
    พวกเขารู้แล้วว่ามันประกอบไปด้วยควาร์กชนิดต่างๆ และอื่นๆอีก


    แต่อย่างไรก็ตาม สักวันหนึ่ง พวกเขาจะสามารถค้นพบอนุภาค
    ที่เล็กลงไปกว่านั้นได้อีก ที่ยึดเหนี่ยวพวกมันเอาไว้ด้วยกัน
    และพวกเขาก็อาจจะเรียกอนุภาคนั้นว่า “พระเจ้า”



    พวกเราเพิ่งเริ่มจะเข้าใจเท่านั้นว่า ในแต่ละวันๆพวกเราเองก็กำลังสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นอยู่ด้วย
    ซึ่งตามที่ผมเห็นมา มันคือชั่วกัลปาวสาน


    ในช่วงประสบการณ์เฉียดตายของผม ผมได้เข้าไปในที่ๆหนึ่ง ที่มีจุดๆหนึ่ง ที่พวกเราสอบผ่านความรู้ทั้งหมด
    และเริ่มสร้างสรรค์แฟรกตัลอันดับถัดไป ในระดับชั้นถัดไปขึ้นมา พวกเรามีพลังอำนาจที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
    ตามใจปรารถนาของพวกเราได้อยู่แล้ว และนั่นคือการขยายตัวเองออกมาของพระเจ้าโดยผ่านเรา



    นับตั้งแต่ที่ผมฟื้นคืนชีพกลับมาครั้งโน้นแล้ว ผมก็เริ่มมีประสบการณ์กับแสงสว่างนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ
    และ แทบจะทุกครั้งเวลาผมทำสมาธิ ผมรู้ว่าผมจะสามารถเข้าไปในอวกาศนั้นได้อย่างไร

    พวกคุณทุกคนก็สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วย โดยที่พวกคุณไม่จำเป็นต้องตาย หรือมีประสบการณ์เฉียดตาย
    แต่อย่างใดเลย เพราะพวกคุณมีเครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว
    พวกคุณทุกคนถูกเสียบปลั๊กเชื่อมต่อเอาไว้พร้อมสำหรับการนี้อยู่แล้ว



    ร่างกายของพวกคุณคือร่างกายแห่งแสงสว่างที่สว่างไสวงดงามมากที่สุด
    ร่างกายมนุษย์คือแสงสว่างอันน่าอัศจรรย์ของจักรวาลอย่างหนึ่ง

    วิญญาณไม่ได้กำลังผลักดันให้เราละลายร่างกายนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

    จงหยุดพยายามที่จะเป็นพระเจ้าเสียที เพราะว่าพระเจ้ากำลังเป็นคุณอยู่ ที่นี่ ในร่างกายนี้


    ....................
     
  20. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ท่องไปในโลกหลังความตาย-ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น
    โดย Mellen Thomas Benedict



    ที่มา:

    Journey Through the Light and Back

    ตอนที่ 15: จบดีกว่าครับ

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ผมเคยถามพระเจ้าว่า

    “ศาสนาใดคือศาสนาที่ดีที่สุดในโลก? ศาสนาไหนถูกต้อง?”

    แล้วพระเจ้าก็ตอบผมด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ว่า

    “ฉันไม่แคร์หรอก”


    นั่นเป็นความกรุณาที่ไม่น่าเชื่อ เมื่อพระเจ้าบอกว่า “ฉันไม่แคร์หรอก” ผมจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า
    มันเป็นพวกเราเองต่างหากหละที่เป็นกังวลกับเรื่องนี้กันนักกันหนา ที่มันเป็นสิ่งสำคัญ
    เพราะว่าพวกเราคือสิ่งมีชีวิตที่ขี้ระแวง และเพราะว่ามันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเรา
    นั่นแหละที่ทำให้มันมีความสำคัญสำหรับพวกเรา


    สิ่งที่คุณมีอยู่ก็คือสมการทางพลังงานในโลกแห่งจิตวิญญาณ

    พระเจ้าผู้สูงสุดไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นโปรเตสแตนท์ หรือเป็นชาวพุทธ หรือเป็นใครก็ตาม
    เพราะทั้งหมดนี้ก็คือด้านหนึ่งหรือมุมหนึ่งที่กำลังผลิบานของส่วนรวมทั้งหมด

    ผมอยากให้ทุกๆศาสนาตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ และปล่อยให้ศาสนาอื่นๆดำเนินไปตามวิถีทางของพวกเขาเอง
    อยู่อย่างนั้นต่อไป

    มันไม่ใช่การสิ้นสุดของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่พวกเรากำลังพูดถึงการมีพระเจ้าองค์เดียวกัน

    จงดำเนินชีวิตของคุณต่อไป และจงปล่อยให้คุณอื่นๆ
    เขาดำเนินชีวิตของพวกเขาต่อไปด้วย

    แต่ละคนย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันเป็นธรรมดา
    และทุกๆคนก็คือส่วนหนึ่งของภาพรวม

    เพราะฉะนั้นทุกๆคนจึงมีความสำคัญเหมือนๆกันหมด


    .....................
     

แชร์หน้านี้