โลกะวิทู...รู้แจ้งโลก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวิวัฒน์, 9 มีนาคม 2018.

  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,272
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,095
    DQma8AcWtQ9zx6hVi5zBJL6gozJNVmqBn21Mphp4kRomL8F_1680x8400.jpg

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต #โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

    >>>>โลกะวิทู <<<< ...รู้แจ้งโลก ...

    พระองค์ท่านเป็นผู้รู้แจ้งในโลกทั้งหลาย คำว่าโลกในที่นี้ เรียกว่า #โอกาสโลกโลกคือดวงดาวต่างๆ แปลว่าพระองค์รู้หมดไม่ว่าจักรวาลต่างๆ สร้างกรรมอะไรไว้จึงไปเกิดในเขตนั้นๆ
    #สัตวโลก โลกคือหมู่สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก เป็นเทวดา เป็นมาร เป็นพรหม พระองค์ท่านรู้ทั่วถึงซึ่งโลกคือหมู่สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ ว่าหยาบ-ปราณีต ต่างกัน ด้วยการสร้างกรรมดีกรรมชั่วอะไรเอาไว้
    #สังขารโลก โลกคือร่างกายของเรานี้ ซึ่งประกอบไปด้วยธาตุ4 ดิน น้ำ ไฟ ลม มีปัญจสาขา 1ศรีษะ 2แขน 2ขา ประกอบไปด้วยอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งปวง ที่เรียกกันว่าอาการ32 กว้างศอก ยาววา หนาคืบ ดังนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ รู้ทั่ว จึงได้ชื่อว่ารู้แจ้งในโลกทั้งหลาย.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2018
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,272
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,095
    pic_078.jpg

    พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
    วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    บทต่อไปเรียกว่า “โลกะวิทู-รู้แจ้งโลก” คำว่า โลก ในที่นี้น่ะ
    ไม่ใช่พระองค์จะเสด็จไปถึงโลกพระอาทิตย์
    พระจันทร์พระอังคารอย่างพวกฝรั่งเขาไปอย่างนั้น
    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก โลกที่พระองค์เจ้ารู้แจ้งน่ะ ไม่ได้ไปใต้ดิน
    หรือไปบนชั้นฟ้าสวรรค์อย่างเขาเที่ยวสัญจรทุกวันนี้ ไม่ได้ไปทางน้ำทางทะเล
    แต่พระองค์มาค้นคว้าดู “โลกภายใน” หรือ “ขันธโลก” ในตัวของพระองค์เอง
    รู้ตลอดจบหมด รู้อะไร..รู้ “ธาตุขันธ์ อายตนะ”

    รู้ว่าตัวคนเรานี่มีเพียงธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลม ถ้าแยกออกไปก็เป็นขันธ์ ๕
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถ้าพิจารณาเข้าไปก็คือ อายตนะ ๖
    คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีเท่านี้โลก คนอื่นก็เท่ากันนี้
    ประเทศอื่น ชาติอื่นก็มีเท่ากันนี่ ถ้ารู้ดีแล้วก็รู้หมด..
    เหมือนกันทั้งหมด..หมดทั้งนั้น นี่ว่าเรื่อง “โลกรูป”


    เพราะฉะนั้นเรื่อง “โลกนาม” บัดนี้ท่านเรียกว่า “กามโลก รูปโลก อรูปโลก”
    พูดถึงเรื่องกามโลก คนเรามัวเมาและเพลิดเพลินติดอยู่กับ “กามคุณ ๕”
    ที่เรียกว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ คนยินดีกับรูป ติดกับรูป
    เห็นรูปสดสวยงดงามน่ารักน่าชอบน่าชมอยากได้อยากดี ฯ อยากมาเป็นซะแล้ว
    อยากมาเป็นของตน เราก็เป็นเช่นนั้น โลก คือ ขันธ์ ที่เราเห็นรูปอยู่เดี๋ยวนี้
    ที่ตาเราเห็นรูป มันก็เท่านี้ ตาคนอื่นก็เห็นเท่านั้น ตาชาติอื่นก็เห็นเท่านั้น
    ประเทศใดชาติใดบ้านเมืองใดก็เท่านั้น มีตาเห็นรูปก็เหมือนกัน
    อยากได้ ชอบสวยชอบงาม ..อยากได้ ถ้าไม่สวยไม่งามก็ไม่ชอบไม่อยากได้
    อันนั้นก็เป็นโลก เหมือนกัน ใครๆก็เหมือนกันหมด ถ้ามันเห็นตัวของเราแล้วเห็นหมด
    เหมือนกัน..รู้กันหมดทุกคน ทุกบ้านทุกเมืองทุกประเทศทุกชาติ
    มีทำนองเดียวกันนี้ทั้งนั้น นี่รู้ตรงนี้ ที่ว่ารู้โลก

    ฟังเสียงก็ชอบเสียงเพราะ เสียงหวาน เป็นเหตุให้เพลิดเพลินเจริญใจ
    นำความสุขมาให้ ... เหมือนกัน ใครมีหูล่ะก็อย่างเดียวกันนี่ล่ะ
    สัตว์ตัวไหนมีหูล่ะ เหมือนกันทั้งนั้น สิ่งที่ไม่พอใจ เสียงอันที่ไม่พอใจก็เกลียด
    เหยียดหยามดูถูก หรือไม่ชอบใจไม่อยากได้ฯให้ได้ยินได้ฟัง
    ก็เกิดอยู่ในจำพวกเดียวกัน คือ ความอยากได้อยากมี
    คือ ความพอใจนั้นเรียกว่า กามตัณหา ความไม่อยากได้นั้น เรียกว่า วิภวตัณหา
    ก็มีกิเลสเท่ากันนี้แหละ ใครจะอยู่ไหนก็กิเลสเท่ากันนี่ล่ะ
    เด็กผู้ใหญ่ก็กิเลสเท่ากัน ชาติใดประเทศใดก็กิเลสเท่ากัน
    ชาวบ้านๆก็กิเลสเท่ากัน ผู้ที่เกิดแล้วมามีรูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ..
    กิเลสอันเดียวนี้ทั้งนั้น จะอยู่ใน ”โลก” ไหนก็ตามเถอะ

    ..นี่พระองค์เจ้ารู้อย่างนี้ “รู้โลก”..รู้อย่างนี้ ไม่ได้ไปเที่ยวดอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...