<img src="http://img502.imageshack.us/img502/829/op4xl6.jpg"
สาระของคนโลกเก่า...
โลกเก่า เป็นโลกของทุนนิยมและบริโภคนิยม
ซึ่งผู้คนจะมองหาจุดหมายสูงสุดของชีวิตที่ศักยภาพในการบริโภค
และนิยมจัดลำดับชั้นในสังคมด้วยขีดความสามารถในการบริโภค
กล่าวคือถ้าใครมีตำแหน่ง อำนาจ หรือ ทรัพย์สินเงินทองมากกว่า
อันจะทำให้มีขีดความสามารถในการแก่งแย่งคนอื่นริโภคได้มากว่า
ก็มักจะถูกจัดลำดับชั้นสังคมให้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ทางสังคม
ซึ่งเหนือกว่าบุคคลอื่นๆ
แก่นสารสาระหรือจุดหมายในมิติทางสังคมของ"คนโลกเก่า"
จึงอยู่ที่การเสริมสร้างให้ผู้คนจำนวนมากที่สุด ได้มีชีวิตกินดีอยู่ดี
หรือได้บริโภคมากๆวิธีการของคนโลกเก่า ในการช่วยให้ผู้คนกินดีอยู่ดี
จะอาศัยความโลภของมนุษย์หรือกำไรเป็นกลไกสำคัญในการผลักดัน
ให้ผู้คนแข็งขันกันทำงานตลอดจน พัฒนาศักยภาพในการผลิตของตนเอง
เพราะหวังจะได้ กำไร สูงสุด เพื่อจะได้มีเงินทองสะสมไว้สำหรับซื้อหา
สิ่งต่างๆมาบริโภคได้อย่างสะใจที่สุด ทุกคนจึงต้องแข่งขันกันขายสินค้า
หรือบริการของตนให้ได้มากที่สุดการจะให้คนอื่นซื้อ
สินค้าหรือบริการของตนมากๆก็ต้องพยายามแข่งขันกันหาวิธีพัฒนาประสิทธิภาพ
ในการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำ ราคาถูก
เมื่อเป็นเช่นนี้ผลที่สุดคือการแข่งขันก็จะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสบริโภคสินค้า
หรือบริการที่มีคุณภาพดีและราคาถูก ทำให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
อยู่ดีกินดีกันยิ่งๆขึ้นแต่ละครอบครัวก็จะได้มีรถยนต์ใช้ มีทีวีดู
มีเตาไมโครเวฟ มีแอร์ มีตู้เย็น ดังเช่นชีวิตของคนญี่ปุ่นหรืออเมริกัน เป็นต้น
วิถีทางสู่จุดหมายของคนโลกเก่า.....
ในโลกเก่า การทำงานของระบบกลไกแห่งราคาซึ่งมีตัว กำไร
เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญจะเป็นวิถีทางที่นำ คนโลกเก่า
ไปสู่จุดมุ่งหมายในมิติทางสังคมของตน ภายใต้ระบบกลไกแห่งราคาจะมีตัว
อุปสงค์ซึ่งหมายถึงความต้องการ และศักยภาพในการบริโภค
กับตัวอุปทานซึ่งหมายถึงศักยภาพของสิ่งตอบสนองความต้องบริโภค
ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ของกลไกการทำงานเมื่ออุปสงค์ของสินค้าหรือบริการชนิดใด
มีมากแต่อุปทานของสินค้าหรือบริการดังกล่าว
มีน้อยสินค้านั้นจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น กลไกปห่งราคาหรือกลไกของตลาด
จะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้คนแข่งขันกันผลิตสินค้าหรือบริการชนิดนั้น
เพิ่มขึ้นเพื่อจะรียตักตวงกำไรมากๆเพราะมีราคาดี
ครั้นอุปทานของสินค้าหรือบริการดังกล่าวมีเพิ่มมากขึ้น
ถึงจุดหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอุปสงค์ ราคาสินค้าจะเริ่มต่ำลง
กลไกของตลาดจะส่งสัญญาณ ป้อนกลับ
เตือนให้ลดผลิตสินค้าหรือบริการชนิดนั้นให้น้อยลง
เพื่อจะได้ไม่ประสบกับภาวะการขาดทัน
ภายใต้การจัดสรรของกลไกแห่งราคาที่เปรียบเทียบเสมือน สิ่งที่มองไม่เห็น
โดยมีกำไรเป็นพลังขับเคลือนสำคัญเช่นนี้ จะช่วยควบคุมให้เกิดการผลิตสินค้าหรือ
บริการในประเภทในจำนวน
และคุณภาพที่พอเหมาะกับการตอบสนองความต้องการบริโภค
ของคนในสังคม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขที่มากที่สุดต่อสังคม
ปัญหาของคนโลกเก่า
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นกับ คนโลกเก่า
ในการเลือกใช้กลไกแห่งราคาและ กำไร เป็นแรง
ขับเคลือนที่นำสังคมมนุษย์ไปสู่จุดมุ่งหมายแห่งการกินดีอยู่ดี
ม่อยู่หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นจากตัวกำไร
หรือ ความโลภ ของมนุษย์ อันเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของระบบนั้นเอง
เพราะถ้าจะให้กลไกของระบบ โลกเก่า ทำงานก็ต้องกระตุ้นให้มี
ความโลภ และอยากได้กำไร เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงาน
แต่ขณะเดียวกัน ความโลภ หรือ ความอยากได้กำไร มากๆ
ก็ได้สร้างปัญหาต่างๆมากมายที่ทำลายหนทางไปสู่จุดหมายมิติ
ทางสังคมดังที่ คนโลกเก่า ได้วาดฝันไว้ ดังเช่น
๑.ความต้องการแสวงหากำไร มากๆ ด้วยความโลภ จะทำให้ผู้พยายามหา
วิธีการต่างๆเพื่อ ลวงให้กลไกของตลาดส่งสัญญาณเตือนบงอย่างผิดๆอยู่เสมอ
อาทิ การปั่นราคา ...
๒.การขายสินค้าหรือบริการเพื่อให้ได้ กำไร มากๆนั้นจำเป็นต้องกระตุ้นความต้องการ
บริโภคของผู้คนด้วยวิธีต่างๆ ในการโฆษณาปลุกเร้า จะเป็นต้นทุนที่สูญเปล่า
ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์สุข ต่อสังคมเลยนอกจากปลุกเร้าเสริมสร้าง
ให้ผู้คนมีกิเลสตัณหาอุปาทานเพิ่มขึ้น ต้องการบริโภคเพิ่มากขึ้นเรื่อยๆ
ส่งผลให้ผู้คนเกิดภาวะ ความบีบคั้น เป็นทุกข์ และมี ปัญหาเพิ่มมากขึ้นตามมา
อันเนื่องมาจากมีความอยากบริโภคมากขึ้นในขณะที่มีเงินเท่าเดิม.
๓.สินค้าประเภทที่ให้ กำไร สูงๆหลายจ่อหลายชนิดเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมในระยะยาว
๔.การแสวงหากำไรอีกวิธีซึ่งมักจะเป็นปัญหาที่มองเข้าก็คือ การเพิ่ม กำไร
ด้วยการผลักดันภาวะการกระตุ้นการผลิตบางส่วนไปให้กับสังคม เช่นโรงงานปล่อยน้ำเสีย..
ในขณะที่แก่นสารชีวิต คนโลกเก่า อยู่ที่ กำไร ซึ่งเดิมจากการ
เอาเข้ามามากๆแต่จ่ายออกไปน้อยๆ
ถ้ามีผู้คนอีกประเภทหนึ่งมองหาจุดหมายของชีวิตในทิศทางตรงกันข้าม
ด้วยการอยากได้ บุญ ซึ่งเกิดจากการ "เอาเข้ามาน้อยๆ แต่จ่ายออกไปมากๆ "
แทนเราก็อาจจะเรียกคนประเภทนี้ว่า " คนโลกเก่าใหม่ "
ถ้ามี คนโลกใหม่ เกิดขึ้นเป็นจำนวนหนึ่งและมีการปฏิสัมพันธ์กันในสังคม
จะก่อให้เกิดระบบสังคมอะไรขึ้นมาบ้าง
ประการแรก ระบบสังคมของคนโลกใหม่ ก็คงมีบุญ เป็นแรงจูงใจ
ให้เกิดความขยันขันแข็งในการทำงาน อยากทำงานมากๆเพื่อบุญ ไม่ใช่ เพื่อกำไร
ผู้คนเหล่านี้คงจะมีคุณลักษณะ
เป็นคนกินน้อย ใช้น้อย ขยันทำงานมาก ส่วนที่เหลือจุนเจือสังคม
อันอาจเรียกระบบสังคมเช่นนี้ว่าเป็น ระบบบุญนิยม
ประการต่อมา ระบบสังคมของ "คนโลกใหม่"คงจะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
โดยไม่ถือเอา "เงิน"เป็นเรื่องใหญ่ในการติดต่อสัมพันธ์กันเหมือน"คนโลกเก่า"
ที่มุ่งหวัง กำไร เป็นชีวิตจิตใจ คนมั่งมีก็จะ ทำบุญ
ด้วยการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ต่างๆ
เช่น การสร้างศาลา โบสถ์วิหาร เพื่อเป็นสมบัติส่วนกลางให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์
ร่วมกันในสังคมสมัยก่อน เป็นต้น ในระบบสังคมเช่นนี้ผู้คนคงไม่มีฐานะทางเศรษฐกิจ
เหลื่อมล้ำแตกต่างกันมากนัก เพราะแต่ละคนจะไม่คอยได้กักตุนไว้เท่าไร
ถ้ามีมากก็ ทำบุญ มาก ทรัพย์สมบัติต่างๆจึงมักจะเป็นของสังคมส่วนรวมมากกว่าสมบัติส่วนตัวทำให้ระบบเช่นนี้มีลักษณะเป็น สังคมนิยม แบบหนึ่ง
ประการสุดท้าย ในสังคมของ"คนโลกใหม่"ที่ผู้คนมีความเสียสละเพื่อส่วนรวม
เพราะเห็นว่าเป็น บุญ ไม่ใช่เพราะถูกใช้กำลังอำนาจบังคับให้จำใจ
ต้องเสียสละ ผู้คนก็คงจะมีชีวิตอยู่อย่างมีอิสรเสรีภาพหรือเป็น เสรีนิยม
ระบบสังคมของ"คนโลกใหม่"ที่มีคุณลักษณะของ
บุญนิยม สังคมนิยม เสรีนิยม
อยู่ในตัวเช่นนี้ จึงอาจตั้งชื่อว่าเป็น ระบบสหสังคม เสรีนิยม
และภายใต้ระบบสังคมของ"คนโลกใหม่"เช่นนี้
ปัญหาต่างๆของ "คนโลกเก่า" ดังที่กล่าวถึงตอนแรกก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เพราะมีรากบานของระบบสังคมที่แตกต่างกัน.
ถ้าถามว่า "คนโลกใหม่"เช่นนี้อยู่จริงหรือไม่ก็คงตอบได้ว่ามีอยู่จริง
ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างสังคมกลุ่มต่างๆทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ที่ได้รับการอบรมกล่อมเกลาจากปรัชญาหรือหลักธรรมทางศาสนาต่างๆ
ที่ทำให้ผู้คนมองจุดหมายของชีวิตที่ บุญ ไม่ใช่ที่ กำไร
เพียงแต่"คนโลกใหม่"เหล่านี้ อาจมีจำนวนไม่มากนักในโลกปัจจุบัน.
ถ้าถามว่าทำไม คนโลกใหม่ มีจำนวนไม่มากก็ตอบว่าเพราคนส่วนใหญ่หลงไหลในรสอร่อย
ของ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ต่างๆ เมื่อติดในรสอร่อยก็อยากซื้อหามาบริโภคมากๆ
เมื่ออยากบริโภคมากๆก็ต้องมากักตุน สะสม และตักตวงเพื่อแสวงหากำไร
มากๆเลยกลายเป็น "คนโลกเก่า"
ในเมื่อชีวิตปัจเจกบุคคลของ"คนโลกใหม่"โดยส่วนตัวก็มีความสุขมากกว่า
ชีวิตของ"คนโลกเก่า"และในแง่ของสังคมส่วนรวม"คนโลกใหม่"
ก็มีแต่จะช่วยสรรสร้างให้เกิดสันติสุขในสังคมเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะอยู่กับคนกลุ่มไหนก็ตาม
ดังที่ได้พิสูจน์ให้เห็นข้างต้น.
โลกเก่า โลกใหม่ (สาระ,แก่นสาร,วิถีทาง,...ฯลฯ)
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย brushed, 15 สิงหาคม 2008.