ใครทราบประวัติของพระฤาษีต่าง ๆบ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สนใจศึกษา, 6 เมษายน 2005.

  1. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
  2. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
  3. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
  4. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081

    พระฤาษีนารอด
     
  5. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
  6. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
  7. MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
  8. apaidech สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +9
    มีผู้รู้จริงด้วย อยากรู้มานาน อยากได้ประวัติพ่อแก่ 108 ตน เหมือนกันครับ ส่งมาให้ผมบ้างนะครับ
    apaidech@hotmail.com ขอบคุณมากครับ
     
  9. วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าตอนที่ท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ยังไม่ตรัสรู้ ก็มีหลายชาติที่ท่านบำเพ็ญตนเป็นฤาษี ถ้าสนใจอยากรู้เรื่องราวของฤาษีท่านต่างๆผมขอแนะนำให้ลองหาหนังสือ "ภารตนิยาย" ของ ศ.ดร.ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา มาลองอ่านดูนะครับ นอกจากได้ความรู้เกี่ยวกับฤาษีบางตนแล้ว ยังสนุกสนานเพลิดเพลินและน่าสนใจด้วยครับ
     
  10. accswu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +31
    อยากรู้ประวัติ ปู่ฤษี ทุกๆ พระองค์ลองเข้ามาที่เว็บนี้ครับ ชมรมคนรักพ่อแก่ www.maameu.com
     
  11. accswu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +31
    ประวัติพ่อแก่ ปู่ฤษี

    ลองเข้ามาศึกษา ได้ครับ
    อยากรู้ประวัติพ่อแก่ ปูฤษี สำหรับผู้ที่เคารพ เชิญแวะมาชมได้ที่ http://www.maameu.com
     
  12. satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งนักที่...อยู่ๆวันนี้...มีเพื่อนของกระผมท่านหนึ่งซึ่งมีความศัทธา ฤาษีอยู่...เขาได้ส่งข้อมูลของพระฤาษี ในประเทศไทยมาให้กระผมครับ...และกระผมก็เข้ามาเห็นที่กระทู้นี้พอดี....จึงนำมาโพสให้ท่านๆได้สามารถติดต่อกับพระฤาษี ต่างๆได้โดยตรงครับ

    ประวัติของอาจารย์ฤาษีสมพิศและการช่วยเหลือผู้คน
    http://www.geocities.com/metharung/sompid1.htm

    รูปรวมของท่านอาจารย์ฤาษีต่างๆ ในเมืองไทย
    ลำดับที่หนึ่งจากซ้าย ฤาษีสุทโธ จ.หนองคาย, ฤาษีโสฬส จ.ขอนแก่น, ฤาษีวรพต อาศรมภูบรรทัด จ.อุบลราชธานี, ฤาษีสมพิศ, ฤาษีโมกขลา โคราช, ฤาษีคัมภีร์ (ฤาษีต้อม) บ้านเชียงยืน ต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม


    อาจารย์ฤาษีสมพิศ (รูปเมื่อหลายปีก่อน)

    ท่านเป็นชาวเมืองลพบุรีโดยกำเนิด เกิดที่บ้านพุน้ำทิพย์ ต.หนองแขม อ.โคกสำโรง สมัยก่อนตามบ้านนอกหาโรงเรียนยาก พ่อแม่จึงนำ ด.ช สมพิศ ไปฝากเป็นศิษย์พระที่วัดพุน้ำทิพย์เพื่อร่ำเรียนหนังสือ ที่วัดพุน้ำทิพย์นี้เองมีพ่อเฒ่าอ่อนและย่าดำถือศีลเจริญภาวนา ทำกรรมฐาน-วิปัสสนา เป็นหัวเรียวหัวแรงชักชวนชาวบ้านและคนแก่ถือศีลอยู่วัด ชาวบ้านจึงนับถือท่านทั้งสองมาก อาจารย์ฤาษีสมพิศจึงได้มีโอกาสศึกษาหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี ตลอดจนคาถาอาคมต่างๆ โดยเฉพาะวิชาคัมภีร์อิติปิโสรัตนมาลา โดยมีพ่อเฒ่าอ่อนและย่าดำเป็นผู้ถ่ายทอดให้ด้วยความเมตตา ต่อมาอายุได้ 14 ปี ได้เรียนวิชาธรรมขุนแผนจากอาจารย์ธรรมท่านเป็นพระธุดงค์มาจากทางอีสาน อันวิชาธรรมขุนแผนนี้เป็นวิชาที่สามารถเรียกเอาวิญญาณขุนแผนให้มาเข้าสิงในร่างคนได้ เพื่อสอบถามเรื่องราวหรือถามเอาวิชาคาถาอาคมที่สำคัญต่างๆ ได้ พร้อมกันนั้นยังได้เรียนวิชาธรรมฤาษี อันเป็นข้อปฏิบัติของการเป็นฤาษี ผู้เรียนวิชานี้ต้องไม่ตัดผมอย่างน้อย 3 ปี มิเช่นนั้นจะเป็นบ้า ไม่เอาหลังผิงฝา พิงเสา อีก 7 ปี ไม่กินเนื้อดิบ ไม่กินเหล้า และข้อปฏิบัติอื่นๆ อีกมากมายหลายข้อจนสำเร็จ สามารถติดต่อกับอาจารย์ทางจิตได้โดยไม่ต้องพบหน้ากันเลย จนกระทั่งอายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดถ้ำทอง (ปัจจุบันคือวัดถ้ำสิทธาราม) ได้รับฉายาว่า "ญาณโสภี" แปลว่าผู้มีญาณอันงดงาม หลังจากบวชได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้ำทิพย์ ระหว่างอยู่จำพรรษาที่วัดพุน้ำทิพย์ประมาณปีกว่าๆ ได้มีอาจารย์ทมอยู่สิงห์บุรีมาเป็นอาคันตุกะที่วัด ได้พูดคุยกันจนถูกอัธยาศัย จึงชักชวนกันออกเดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ทั้งทางภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง เพื่อหาเล่าเรียนวิชาจากอาจารย์ต่างๆ ซึ่งได้พบเจอระหว่างได้เรียนวิชาทางเมตตา มหานิยม และวิชาธรรมเก้าโกฐกับหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ จ.ศรีสะเกษ ศึกษาวิชาอาคมจากอาจารย์ฆราวาสอีกมากมายหลายท่านระหว่างธุดงค์ไป จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ มีทั้งอาจารย์ชาวเขมรและชาวลาว

    กลับมาอยู่ลพบุรี ได้ไปธุดงค์จาริกรุกมูลกับหลวงปู่โสม ธมมปาโล ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา และเป็นลูกศิษย์หลวงตายี หลวงปู่โสมเมื่อท่านจะออกธุดงค์ท่านจะชวนพระอาจารย์สมพิศไปด้วยทุกครั้ง และท่านก็จะฝึกให้ทำให้ได้เหมือนท่าน ท่านจะพานั่งสมาธินานๆ ขนาดจุดธูปหมดไปต่างหลายเที่ยวแล้วยังไม่เลิกนั่ง จนกระทั่งคนที่มารอขอของดีต่างเข็ดขยาดไปตามๆ กัน แต่ทุกคนก็ไม่ยอมถอยหนี ยิ่งมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะก่อนที่ท่านจะให้ของดีท่านจะพาสวดมนต์ นั่งฟังสวดมนต์นานๆ ต่อจากนั้นก็จะสอนให้นั่งสมาธินานมาก บางครั้งตี 2 ตี 3 ยังไม่เลิกก็มี แต่ทำให้ทุกคนได้ใช้ความอดทน และที่ร้อยเอ็ดได้ฝากตัวเป็นศิษย์ปู่จันทา เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ สามารถภาวนาคาถาอาคม ทำให้มีแสงสว่างออกจากตัวได้เหมือนมีตะเกียงจ้าวพายุ ท่านจะเดินนำหน้ากลางป่าในเวลากลางคืนเดือนมืด ทำให้เห็นทางได้สะดวก ท่านได้เมตตาถ่ายทอดวิชามหาสาวัง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า วิชาทิพย์มนต์ มีอานุภาพทางคุ้มกันภัย ทำเป็นน้ำมนต์รดหรืออาบจะขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคล และทุกข์โศก มีความสุข ความเจริญ ต่อมาได้ธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่คำคะนิง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับครูบาอินทจักรจนท่านมรณภาพ จึงมาศึกษาเพิ่มเติมกับครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.บ้านซาง จ.ลำพูน จากนั้นจึงธุดงค์กลับไปอยู่กับครูบาธรรมชัย ที่วัดทุ่งหลวงแม่แตง จ.เชียงใหม่ อีกหนึ่งพรรษา และธุดงค์ต่อไปจนถึงแม่ฮ่องสอน ได้เรียนวิชาคุ้มกันภัย กันกระทำคุณไสย และวิชาเมตตามหานิยมจากเจ้าคณะอำเภอแม่ลาหลวง ท่านเป็นชาวไทยใหญ่ ดังนั้นคาถาอาคมต่างๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจึงเป็นภาษาพม่า เมื่อศึกษาร่ำเรียนวิชาจนจบจึงได้กราบลาอาจารย์ ธุดงค์ต่อไปถึงเขตพม่า ได้พบผู้มีอาคมขลังคนหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกได้มีการลองวิชากันทั้งทางคงกระพันและการปล่อยคุณไสยต่างๆ มีทั้งการปล่อยวัวธนู ควายธนู ตะปู หนังวัว หนังควาย และอื่นๆ อีกสารพัด พ่อเฒ่าคนนี้อยู่คนเดียวในป่า ถือสันโดษทำตนเป็นนักพรต ปฎิบัติตนแบบฤาษี ภายหลังได้พูดคุยกันและถูกอัธยาศัยซึ่งกันและกัน ผู้เฒ่าได้เล่าประวัติความเป็นมาของท่าน ว่าท่านเป็นชาว จ.สระบุรี เมื่อได้บวชเป็นพระก็ขึ้นไปอยู่ทางอีสาน และฝั่งลาวได้เล่าเรียนอาคมสารพัดและได้เป็นลูกศิษย์สำเร็จลุน เรียนวิชาอาคมจนจบ จึงออกธุดงค์ต่อไปตามที่ต่างๆ หลายประเทศ เช่น ลาว เวียดนาม จีน พม่า อินเดีย มอญ ศรีลังกา เขมร จากนั้นจึงย้อนกลับมาอยู่แม่ฮ่องสอน ท่านเป็นผู้รู้สัมภิทาญาณ สามารถพูดได้ทุกภาษา ท่านผู้เฒ่าบอกว่าท่านชื่อศรีจันทร์ จึงเรียกท่านว่าอาจารย์จันทร์บ้าง ตาผ้าขาวจันทร์บ้าง หรือฤาษีจันทร์บ้าง ท่านเล่าว่าเหตุที่สึกจากพระและมาปฎิบัติตนแบบฤาษี เพราะว่าสบายดีและสะดวกต่อการปฏิบัติธรรม หาความสงบวิเวกในป่า ที่สำคัญท่านชอบแม่ฮ่องสอนมาก เพราะคนที่นี่ไม่มีการลักขโมยกัน ในเวลาต่อมาตาผ้าขาวจันทร์ได้ถ่ายทอดวิชา ตลอดจนเคล็ดวิชาต่างๆ ให้กับอาจารย์สมพิศ (ในขณะนั้น) จนหมดสิ้น จึงได้กราบลาตาผ้าขาวจันทร์ผู้เป็นอาจารย์ออกเดินธุดงค์ต่อไปเรื่อยจนถึงพิษณุโลก

    ได้พบพระภิกษุจำนวนมากเดินธุดงค์อยู่ จึงได้ร่วมขบวนธุดงค์ไปด้วย โดยมีพระภิกษุชราองค์หนึ่งเป็นผู้นำในการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งพระทุกรูปจะเรียกท่านว่า ปู่ใหญ่ และจากการติดตามขบวนธุดงค์ในครั้งนี้เอง จึงทำให้ได้มีโอกาสปรนนิบัติใกล้ชิดกับปู่ใหญ่ วันหนึ่งด้วยความเมตตา ท่านจึงเรียกพระภิกษุสมพิศเข้าพบ และบอกว่าจะถ่ายทอดสุดยอดวิชาทางเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ และแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีให้อีกด้วย นับว่าเป็นบุญกุศลของพระภิกษุสมพิศอย่างมากมายนัก เพราะท่านบอกว่าไม่เคยถ่ายทอดให้ใครเลย ตั้งแต่ท่านได้ร่ำเรียนมา เป็นวิชาที่ครูบาอาจาย์เก่าแก่ท่านหวงแหนมาก แต่ด้วยที่ท่านเล็งเห็นถึงจิตใจที่มุ่งมั่นในการไขว่คว้าหาความรู้ทางคาถาอาคม และเวทย์มนต์คาถาของพระภิกษุสมพิศ ประกอบท่านคงเล็งเห็นด้วยญาณสมาบัติ ว่าพระภิกษุสมพิศเหมาะสมกับการที่จะถ่ายทอดวิชานี้ให้ ท่านจึงถ่ายทอดวิชาเทพสังวาส ให้กับพระภิกษุสมพิศโดยไม่ปิดบังอำพรางแม้แต่น้อย ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาเทพสังวาสจนจบ จึงได้กราบลาปู่ใหญ่ ออกธุดงค์ต่อไปทางภาคกลาง ถึงจ.อยุธยา ได้เรียนวิชา 9 เฮ อันเป็นสุดยอดวิชาทางคงกระพันชาตรี สายหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ จากอาจารย์ฆราวาสชื่อตายืน (ตายืนผู้นี้เป็นศิษย์หลวงพ่อกลั่น) พระภิกษุสมพิศอยู่ร่ำเรียนวิชา 9 เฮ จนสำเร็จ จึงธุดงค์ต่อไปหาหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี มาถึงวัดนี้ไม่พบหลวงพ่อมุ่ยแล้ว เพราะท่านดับขันธ์ไปเสียก่อน แต่ได้ไปเรียนวิชากับโยมและพระอาจารย์วัดหนองกระเถา ศิษย์หลวงพ่อมุ่ย อยู่ 3 ปี ไปๆ มาๆ จังหวัดสุพรรณบุรีเสมอ ช่วงเวลานั้นได้มาเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่ช่อ วัดฤกษ์บุญมี (ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางโคนม) หลวงปู่ช่อท่านได้เมตตาถ่ายทอดวิชาการเป่ายันต์เกราะเพชร และวิชาต่างๆ อีกมากมาย เพราะไปๆ มาๆ อยู่กับหลวงปู่ช่อถึง 10 กว่าปี

    ท่านอาจารย์ฤาษีสมพิศ ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่หาความรู้ในวิชาอาคมอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งเมื่อยังเป็นเพศบรรชิต รวมเวลาทั้งหมด 14 พรรษา 15 ปี ออกเดินธุดงค์ 11 พรรษา หลังจากสึกออกมาเป็นฆราวาส เมื่อปี 2532 ก็มุ่งหน้าปฏิบัติอยู่ตามป่า ตามเขา ตามถ้ำต่างๆ อีกมากมายหลายแห่ง หลายที่ หลายปี ได้เวลาพอสมควรก็จะกลับมาอยู่บ้านบ้าง กระทั่งในปี 2532 คุณไทยดำ นักเขียนอาวุโสของนิตยสารฉบับหนึ่งได้มาเชิญอาจารย์ฤาษีสมพิศไปออกงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ณ.สถาบันรัชต์ภาคย์ ในงานนี้มีฤาษีจากที่ต่างๆ มากมายกว่า 40 ประเทศ จุดประสงค์เพื่อให้ฤาษีแต่ละองค์ได้แสดงความสามารถทางจิต และอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ ไปตามแต่ถนัด หนึ่งในนั้นคืออาจารย์ฤาษีสมพิศได้แสดงการกินถ่านไฟแดงๆ การเททรายเข้าตาโดยที่ไม่มีอาการเคืองตา การลองวิชาคงกระพัน น้ำมันที่เหลือจากการทำพิธีอาบนั้น สามารถนำมาทาแก้ปวดได้ผลชะงัดนัก สิ่งต่างๆ ที่อาจารย์ฤาษีสมพิศได้แสดงให้ประชาชนได้รับรู้ ได้เห็น ได้สัมผัสเป็นเพียงวิชาส่วนหนึ่งที่ท่านได้ร่ำเรียนมาเท่านั้น เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาของท่านนั้น ได้สร้างสมวิชาการทุกแขนง ตลอดจนเวทย์มนต์คาถาอาคมไว้มากมายที่ได้จากอาจารย์ที่เป็นพระและอาจารย์ฆราวาสกว่า 40 ท่าน


    --------------------------------------------------------------------------

    อาจารย์ฤาษีสมพิศ ข้าพเจ้าเองพึ่งจะได้รู้จักกับท่านในงานวิทยาศาสตร์ ทางจิตที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2544 ที่วิทยาลัยรัชภาตย์ หลังจากนั้นก็ได้ไปหาท่านที่ แถว อ. ลำลูกกา ได้สนทนา และรับรู้ความรู้หลายๆ อย่างจากอาจารย์ฤาษีสมพิศ นับเป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่มีวิชาความรู้ และเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือ ผู้คน ในเรื่องต่างๆ มามาก เช่น การดูดวงชะตา ทำพิธีทางโหราศาสตร์ บรวงสรวงตั้งศาลพระภูมิ ตั้งศาลพระพรหม พิธีวางศิลาฤกษ์ สะเดาะเคราะห์ พิธีลงทองเสริมสง่าราศี การสักยันต์ พิธีตัดกรรรม และอื่นๆ

    วิธีการตัดกรรมของอาจารย์ฤาษีสมพิศ ลักษณะคล้ายๆ กับวิธีของวัดเขาสมโภชน์ จ. ลพบุรี และต่างกันที่คำภาวนา และส่วนใหญ่ที่ไปแก้กรรมหรือเข้าพิธีตัดกรรม เกือบร้อยละ 90 มักจะได้กัน บางท่านก็แสดงอาการต่างๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิมมาลง หลวงปู่โลกเทพอุดรมาลง บางท่านก็ได้สมาธิ เมื่อได้มาอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ ทำให้การเจริญสมาธิเร็วขึ้นหลายเท่า

    และข้าพเจ้าก็รู้มานานว่าอาจารย์ฤาษีสมพิศ ท่านสักยันต์ให้ลูกศิษย์มานานหลายปีแล้ว ลูกศิษย์บางคนที่สักยันต์คงกระพัน เคยเล่าว่าเครื่องจักรกลบีบทับนิ้ว แต่ก็ไม่เป็นอะไรคงเป็นเพราะอนุภาพความศักดิ์สิทธิ์แห่งมหายันต์นั้น ข้าพเจ้าเคยเห็นพวกวินมอเตอร์ไซด์ไปสักยันต์กับอาจารย์ฤาษีสมพิศกันมาก เค้าบอกว่ามีไว้เพื่อป้องกันตัว เพราะต้องขับรถในตอนกลางคืนด้วย (ส่วนเรื่องเมตตามหานิยมนั้น คนหนุ่มๆ หรือสาวๆ บางท่านคงเข้าใจกันดี)

    หากท่านใดใฝ่การปฏิบัติธรรม ท่านสามารถไปปรึกษาอาจารย์ฤาษีสมพิศได้ครับ ท่านเองยินดีให้คำแนะนำในการปฏิบัติธรรม โดยท่านจะสอนปูพื้นฐานให้ตั้งแต่การสวดมนต์ การเจริญธาตุทั้งสี่ ฯลฯ ท่านมีเมตตามาก และเป็นกันเอง นอกจากนั้นท่านยังกล่าวเสมอว่าการศึกษาธรรมในโลกนั้นมีหลายสาย เช่น ธรรมอรหันต์ ธรรมฤาษี ธรรมเก้าห้อง ฯลฯ โดยที่ธรรมเก้าห้องนั้นศึกษายากที่สุด ผู้ได้ธรรมเหล่านี้ จะมีอภิญญาของธรรมนั้นๆ เองโดยอัตโนมัติ

    หากท่านใดต้องการติดต่อกับท่านอาจารย์ฤาษีท่านใด ตามรูปรวมของฤาษีต่างๆ ในเมืองไทยข้างต้น ขอให้สอบถามผ่านท่านอาจารย์ฤาษีสมพิศนะครับ (อาจารย์ฤาษีสมพิศกล่าวว่าในรูปรวมนี้ จะมีฤาษีตนหนึ่ง ที่สามารถหายตัวได้ ปกติท่านไม่ค่อยเปิดตัว)

    ท่านใดจะไปพบอาจารย์ฤาษีสมพิศ ขอให้โทรไปสอบถามอาจารย์ฤาษีสมพิศก่อนนะครับ เพราะปัจจุบันมีลูกศิษย์มาเชิญท่านไปต่างประเทศอยู่บ่อยและบางทีก็มีกิจธุระตามต่างจังหวัด

    ที่อยู่ของอาจารย์ฤาษีสมพิศ
    72/295 ม. ไดมอนด์วิล 1 ซ. เสมาฟ้าคราม ต. คูคต อ. ลำลูกกา จ. ปทุมธานี
    Tel. (02) 987-5023, (089) 822-1462
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • all-ruesee1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.3 KB
      เปิดดู:
      969
    • sompid2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113 KB
      เปิดดู:
      574
  13. กีรติ นาคะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +307
  14. Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ้าว...
    พอดีมีญญาติธรรมท่านหนึ่งแจ้งผมมาเรื่องงานชุมนุม (ย่อยๆ) ของพระฤาษี ซึ่งคาดว่าจะมาหลายตนเลยทีเดียว สนใจไปอ่านได้ในกระทู้นี้นะครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=87845

    (b-glass)
     
  15. visit_jud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +9
    มีปู่ฤาษี จตุทิพยเนตร ด้วยค่ะ
     
  16. undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    จำได้มี ฤาษี ตาวัวอีกองค์ด้วยนะครับ


    แล้วช่วยจำแนกของฤาษีที่อยุ่ในป่าพิมพานด้วยครับ

    แล้วฤาษีสายำ เป็นยังไงหรอครับ 0.0
     
  17. โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694

    อยากได้เหมือนกัน ไม่ต้องส่งเมลล์มานะครับ ขอถ่ายเอกสารหนังสือเล่มที่โพสส่งให้ได้ไหม คิดค่าส่งค่าถ่ายก็เอา หรือมีที่ไหนครับ ขอบพระคุรมากมายครับ
    ยินดีมากถ้าช่วยเหลือ จะเป็นพระคุณยิ่ง ๆๆ
     
  18. TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    สวัสดีครับทุกท่าน
    อย่างแรกก้ขอกล่าวถึงตำนานโดนรวมของพระฤษีก่อนนะครับ

    ตามตำนานของพระฤษ๊ได้จักแบ่งแยกไว้เป็นชั้นๆรวมทั้งหมด 3 ชั้น คือ
    1.พระพรหมฤษี เรียกว่า พรหมรรษี มีการปฏิบัติเพียงพอจึงได้เกิดเป็นพรหม
    2.เทพฤษี เรียกว่า เทวรรษี คือผูที่มีฤทธิ์อำนาจจึงได้เกิดเป็รเทพ
    3.เจ้าฤษี เรียกว่า ราชรรษี คือผู้มีฐานะความเป็นอยู่บนพื้นดินธรรมดา
    4.มหาฤษี เรียกว่า มหรรษี คือผู้ที่มีภูมิปัญญาด้สนคาถาอาคมและบารมีสูงมาก

    รวมทั้ง 4 อย่างดังกล่าว ก็ล้วนแล้วแต่การกระทำในความมุ่งมั่นและตั้งใจในการปฏิบัติ ได้เท่าใดก็จะได้ผลรับส่งผลบุญและก็จะได้บันดาลให้ถึงขั้นนั้นๆ แล้วแต่ภูมิธรรมผู้ใดที่จะช่วยส่งผลอันประเสริฐที่จะได้บังเกิดมา ก็เนื่องจากการบำเพ็ญตบะบารมี มากนั้อยเพียงใด
     
  19. TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    สวัสดีครับทุกท่าน
    อย่างแรกก้ขอกล่าวถึงตำนานโดนรวมของพระฤษีก่อนนะครับ

    ตามตำนานของพระฤษ๊ได้จักแบ่งแยกไว้เป็นชั้นๆรวมทั้งหมด 3 ชั้น คือ
    1.พระพรหมฤษี เรียกว่า พรหมรรษี มีการปฏิบัติเพียงพอจึงได้เกิดเป็นพรหม
    2.เทพฤษี เรียกว่า เทวรรษี คือผูที่มีฤทธิ์อำนาจจึงได้เกิดเป็รเทพ
    3.เจ้าฤษี เรียกว่า ราชรรษี คือผู้มีฐานะความเป็นอยู่บนพื้นดินธรรมดา
    4.มหาฤษี เรียกว่า มหรรษี คือผู้ที่มีภูมิปัญญาด้สนคาถาอาคมและบารมีสูงมาก

    รวมทั้ง 4 อย่างดังกล่าว ก็ล้วนแล้วแต่การกระทำในความมุ่งมั่นและตั้งใจในการปฏิบัติ ได้เท่าใดก็จะได้ผลรับส่งผลบุญและก็จะได้บันดาลให้ถึงขั้นนั้นๆ แล้วแต่ภูมิธรรมผู้ใดที่จะช่วยส่งผลอันประเสริฐที่จะได้บังเกิดมา ก็เนื่องจากการบำเพ็ญตบะบารมี มากนั้อยเพียงใด
    สำหรับตามขั้นของพระฤษีตามคำที่ใช้เรียกกัน ก็ยังมีการแยกระดับ ต่อไปอีก
    รายชื่อของพระฤษ๊ที่ได้แบ่งแยกออกไป 8 อย่างดังนี้คือ
    1.สิทธา แปลว่าฤษีที่มีคุณธรรมวิเศษ อันมีหลักฐานมั่นคง ถสิตามวิมานอยู่ตามเทือกเขาและถ้ำ
    2.โยคี แปลว่า ผู้ที่ปฏิบัติศึกษาสังโยดในด้านของหลักวิชาโยคกรรมด้วยการทรมานตนอยู่ตามป่า
    3.มุนี จัดอยู่ในกลุ่มของพราหมืจำพวกหนึ่ง มีปัญญาในขั้นสูง และมีความเพียรพยายามในการบำเพ็ญตบะ เพื่อสำเร็จประโยชน์แก่ตนเอง
    4.ดาบส แปลว่า ผู้ที่บำเพ็ญตนสร้างบารมีหมายมุ่งอยู่ในตบะธรรมที่จะช่วยให้เผาผลาญกองสรรพกิเลส หวังในโลกุตตรกุศล
    5.ชฏิล แปลว่า นักพรตจำพวกหนึ่ง ชอบเกล้ามวยผมเป็นรูปชฎา ไว้หนวดเครารุงรัง นุ่งห่มร่มร่าม ไม่รักในความสวยงาม ชอบเป็นพราหมณ์อยู่แต่ในป่า
    6.นักสิทธ์ แปลว่า ผู้ทรงศีลกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ รักในความเที่ยงธรรม และชอบนิยมในความบริสุทธิ์ ชอบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
    7.นักพรต แปลว่า ผู้ที่มีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สร้างบารมีเป็นเนืองนิจ
    8.พราหมณ์ แปลว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพระฤษี ในการปฏิบัติและบูชา พร้อมทั้งการปฏิบัติสร้างบารมีอย่างมุ่งมั่น ชอบการช่วยเหลือมนุษย์
    นี่คือพระฤษีทั้ง 8 จำพวกครับ
     
  20. TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    แต่มีฤาษีจำพวกหนึ่งที่ไม่เข้ากลุ่มและไม่เข้าพวกและก็จะไปนับรวมกันไม่ได้ นั่นก้คือ พวกพระฤาษีกศป หรือ สัปตฤาษี
    สำหรับพระฤาษีกศปนั้น ในบางพวกเขาก็เรียกว่าผี การบำเพ็ญตบะจะคล้ายกับ ฤาษีแบบ ชฏิล การถือศีลบำเพ็ญตบะก็จัดอยู่ในแนวเดียวกัน ลักษณะ เป็นเทพฤาษีเกล้าผมม่นเกศ หรือ โพกผ้าสูงขึ้นไปเหมือนอย่างเช่นกับชฎา นุ่งห่มด้วยผ้าโขมพัตถ์ มีลูกประคำคล้องคอ มีสร้อยนวมและทองกร ผิวกายขาวผ่อง ถือไม่เท้าคดๆงอๆ เมื่อมองดูกันให้ชัดๆแล้วเหมือนกับศิวะหรือพระอิศวรผู้เป็นเจ้า ซึ่งไม่เห็นว่าท่านจะเหมือนผีอย่างที่เขาเรียกกันตรงไหน
    พระฤาษีที่จัดอยู่ในกลุ่มนี่มี 7 องค์ คือ
    1.พระฤาษีโคดม
    2.พระฤาษีภรัทวาช
    3.พระฤาษีวิศวามิตร
    4.พระฤาษีชมทัศนี
    5.พระฤาษีวสิษฐ์
    6.พระฤาษีกศป
    7.พระฤาษีอัตริ
    ถ้าในคัมภีร์มหาภารตะจะมีอีก 3 องค์
    8.พระฤษีทักษะประชาบดี หรือ พระฤาษีประเจตัส (องค์เดียวกันแต่มี 2 ชื่อนะครับ)
    9.พระฤษีนารท หรือ พระฤาษีนารอด
    10.พระฤาษีภฤคุ
     

แชร์หน้านี้