ใครบูชาเหรียญทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา) กันบ้างครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย sam.337, 23 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    เหรียญทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา) ผมได้รับเหรียญนี้มาจาก คุณพี่ชาย พิณพาทย์ จัดสร้างโดย คุณพี่ชาย
    เมืองสมุทร(ก่อ แม่กลอง) สร้างไว้ตั้งแต่ประมาณปี ๕๓ วัตถุประสงค์คือสร้างแจกอย่างเดียวเพื่อไว้เป็นเหรียญทำน้ำมนต์ พกพาติดตัวเพื่อป้องกัน ภัยพิบัติและโรคภัยไข้เจ็บ ตัวผมบูชาเหรียญนี้ติดตัวมาตลอด กับ เพื่อนๆผม ที่หามาจากเว็บต่าง ที่ หาได้อยากมาก ไม่เห็นมีว่างขายหรือ ลงขายในเว็บต่างๆๆเลย ที่เพื่อนๆๆหันมาหาเหรียญนี้ติดตัวตามผมนั้น เพราะ เหตุที่มีเพื่อนป่วยเป็นโรคร้าย.....ผมไปเจอเหรียญที่เพื่อนใช้รักษาจากเว็บหนึ่ง...เลยติดต่อขอบูชามาให้เพื่อนผมรักษาโรคร้าย...เพื่อนผมเห็นเหรียญนี้ก็ชอบมากๆๆให้ลูกชายนำไปเหลี่ยมขึ้นคอ....ผลออกมาอาการของเพื่อนผมดีขึ้นเรื่อยๆๆๆ....จากคนใกล้จะตายไม่อยากกินข้าว....ก็มีหน้าตาอิ่มเอมยิ้นร่าเริน...และทานข้าวได้มากและได้เยอะอีกด้วย.....เพื่อนผมที่มาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย...ได้เห็นดังนั้น...ก็เริ่มที่จะเชื่ออยู่บ้าง...แต่ก็ยังไม่เชื่อสนิท...ที่เพื่อนเชื่อว่าเหรียญเหรียญนี้ดี....ก็ตอนผม ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่น่าน...ตอนนั้นไปเที่ยวกัน 10 คน พอดีในหมู่บ้านนั้นมีการทำพิธีไล่ผีที่มาเข้าสิง...ชายหนุ่มในหมู่บ้านนั้นพอดี....ด้วยความอยากรู้ว่าพวกเขาจะไล่ผีอย่างไร...ก็เข้าไปมุงดูกะเขาด้วย......เห็นพวกเขาไล่ผีกันหลายรอบหยุดๆๆไล่ๆๆกว่า ครึ่ง วัน ก็ยังไม่แล้ว เสร็จ พ่อเฒ่าที่ทำพีธีเชิญอาจาย์ของท่านมาเข้าร่านพ่อเฒ่าเพื่อทำพีธีไล่ผีตนนี้ให้ได้....ด้วยวิธีสุดท้ายของพวกเขาแล้ว....พ่อเฒ่าที่มีดวงจิตของอาจาย์ของท่าน...ชี้มาที่ผม ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์แบบนั้น...ก็ลากผมไปหาพ่อเฒ่า...พ่อเฒ่าถามผมว่า.....ขอยืมเหรียญกลมๆๆในเสื้อได้ไหม.....เหรียญนี้จะช่วยคนนี้ได้.....ผมก็ ..งง...เขารู้ได้อย่างไรว่าเรามีเหรียญแบบนี้อยู่...ผมได้ถอดเหรียญนี้ให้พ่อเฒ่าทำพีธี....พ่อเฒ่าได้นำเหรียญนี้แช่ในน้ำมะพร้าวอ่อน....สวดอาคม....แล้วให้ชายหนุ่มนั้นดื่มกิน....ผลก็คือ ชายหนุ่มได้อาเจียนออกมาหมดเลย...แถมมีชิ้นส่วนร่างกายติดมาด้วย..วันนั้นผมกับเพื่อนอิ่มสบายกันไปเลย....จัดงานเลี้ยงฉลองด้วย....วันถัดมาได้เจอพ่อเฒ่าอีก...ด้วยความอยากรู้ว่าเรื่องแบบนี้มีจริงหรือ...และคุณพระช่วยได้จริง.....ก็ได้สอบถามพ่อเฒ่าหลายอย่างรวมถึงเหรียญพระนี้ด้วย...ผมได้ถอดเหรียญนี้ส่งให้พ่อเฒ่าดู...พ่อเฒ่าได้เห็นเหรียญนี้ก็ยกมือขึ้นไห้วทันที่...แล้วพ่อเฒ่านั่งหลับตา...อยู่พักหนึ่ง แล้วยกเหรียญขึ้นไห้วอีก...แล้วก็ส่งมาให้ผม...พร้อมบอกมาว่า....เหรียญนี้แรงครูเยอะครูใหญ่มากันมาก...เทพเทวดามากันเต็มไปหมด...เหรียญนี้ดีจัง.....เพื่อนผมที่มาด้วยกันได้ยินดังนั้น...ก็อยากได้บ้าง...ก็เที่ยวไปหาตามตลาดพระ...ตามเว็บพระต่างๆๆ...ปีนั้นก็ได้กันจนคบทุกคน...ต่างก็เจอประสบการณ์ดีๆๆมากมายกันทุกคน.....ที่เล่ามานี้อยากถามว่า....เพื่อนมีหรือบูชาเหรียญนี้กันบ้างไหม....แล้วใครมีประสบการณ์จากเหรียญนี้กันบ้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a1ฟ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      185.2 KB
      เปิดดู:
      1,462
    • a2ฟ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.4 KB
      เปิดดู:
      979
    • a3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.6 KB
      เปิดดู:
      773
    • a4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      212.5 KB
      เปิดดู:
      716
    • a5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      202.5 KB
      เปิดดู:
      665
    • a6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.5 KB
      เปิดดู:
      539
  2. วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    น่าสนใจครับ ของที่ไหนสร้างครับ อยากใด้ อิทธิคุณแนวนี้เก็บใว้บ้าง ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเผยแพร่ เผื่อเจอจะใด้เก็บ
     
  3. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937

    คุณพี่ชาย เมืองสมุทร(ก่อ แม่กลอง) สร้างไว้ตั้งแต่ประมาณปี ๕๓ วัตถุประสงค์คือสร้างแจกอย่างเดียวเพื่อไว้เป็นเหรียญทำน้ำมนต์ พกพาติดตัวเพื่อป้องกัน ภัยพิบัติและโรคภัยไข้เจ็บ จัดสร้าง 5,200 องค์ ครับ แจกฟรี ไม่จำหน่าย ครับ พี่ชายใจดี ให้มาบูชากันฟรีๆๆครับ
     
  4. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    ความหมายของเหรียญด้านหน้า

    ด้านหน้า

    1.พระไภษัชคุรุพุทธเจ้า ที่ทรงเปี่ยมด้วยมหาเมตตา มหากรุณาธิคุณในการปรารถนาให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ ทางกาย
    เพื่อจะได้มีแรงกำลังมุ่งมั่นบำเพ็ญประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างไร้ อุปสรรค เพื่อจะส่งผลให้โรคทางจิตวิญญาณหรืออวิชชาได้สิ้นไป

    2.หม้อพระพุทธมนต์หรือหม้อยา พระหัตถ์ซ้ายถือบาตรน้ำมนต์หรือหม้อยาวางบนพระเพลา เพื่อประทานน้ำพระพุทธมนต์หรือยาโอสถอันเป็นทิพย์
    ถือกันว่าทรงเป็นพระพุทธเจ้าที่สามารถรักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสัตว์โลก

    3.กลีบบัววงในทั้ง 16 ดอก หมายถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 16 พระองค์

    4.กลีบบัวรอบนอกอีก 16 กลับเมื่อรวมกับด้วนใน เป็น 32 กลีบ
    เฉกเช่นอาการ 32 ของมนุษย์ที่จะอยู่ในความ ดูแลคุ้มครองของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา)

    ขอยืมข้อมูลมาจากพี่ชาย พิณพาทย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.4 KB
      เปิดดู:
      309
  5. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    ความหมายของเหรียญด้านหลัง

    ด้านหลัง

    1.พระยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระยันต์ที่มีควาศักดิ์สิทธิ์
    มีอานุภาพจะเป็นมงคลหรือป้องกันสรรพภัยได้ร้อยแปด จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการ

    2.อักขระ นะ โม พุท ธา ยะ เป็นการน้อมนำบารมีของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้
    คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระศากยะมุนีโคดมพุทธเจ้า พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า

    3. อักขระ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว คือหัวใจพระเจ้าสิบชาติ
    เพื่อน้อมนำบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอนทรงบำเพ็ญพระชาติเป้นพระโพธิสัตว์ ใน 10 ชาติสุดท้าย

    4.อักขระ สะ ยะ สะ ปะ ยะ อะ จะ คือหัวใจพระปริตต์
    มีอานุภาพสามารถปัดเป่าเหล่า อันตรายทั้งหลาย ภัยพิบัติต่าง ๆ ขจัดภูติผีปิศาจ ความชั่วร้าย เสนียดจัญไร ลางชั่วร้าย ฝันร้าย บาปเคราะห์
    สิ่งอัปมงคลต่าง ๆ และนำมาซึ่งความสุข สวัสดีมีชัย ประสบสิ่งมงคล เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกประการ

    5.อักขระรอบนอกเป็นพระคาถาบารมี 30 ทัศน์ ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ต้องบำเพ็ญ
    เป็นการน้อมนำบารมีทั้ง 30 ทัศน์อันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่แผ่ไพศาลคุลมทั้งหมื่นโลกธาตุ

    6.อักขระรอบในสุด คือ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ เป็นแม่ธาตุ เป็นหัวใจธาตุ เพื่อการหนุนธาตุเสริมธาตุต่างๆ

    7.รูปเทวดาด้านขวาคือองค์ท้าวมหาพรหมมหาเทพผู้ดูแลพระพุทธศาสนา และพรหมวิหารธรรม เมตตา กรุณา มุทิตา อิเบกขา

    8.รูปเทวดาด้านซ้ายคือองค์อินทราธิราชผู้ดูแลและปกป้องพระศาสนาและเป็นหัวหน้าของเหล่าทวยเทพทั้งหลาย

    9.ยันต์ดวงหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ยันต์ดวงนี้เป้นยันต์ดวงศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพค้ำชูดวงไม่ให้ตกต่ำมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

    10.พญานาคราช 7 เศียร คือท่านปู่พญาศรีสุโทนาคราช เป็นหัวหน้าพญานาคราชในฝั่งไทย คนไทยเชื่อว่าพญานาคเป็นผู้อำนวยความอุดมสมบูรณ์
    และป้องกันอุปัทวเภทถัย รวมทั้งเหล่านาคราชเป็นผู้ดูแลพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล จึงน้อมนำบารมีของท่านมาเพื่อปกป้องคุ้มครองป้องกันภัยพิบัติ
    ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    ขอยืมข้อมูล พี่ชาย พิณพาทย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.6 KB
      เปิดดู:
      395
  6. กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xqeGSqFo63tfiIiH" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/6d5/cBW8is.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xqeGYsiYV2TFn6vo" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/c49/hVs26U.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xqeHeLklXH5czf0x" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/231/4Asgfl.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xqeH81JozM0m8ZFC" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/fbe/1wLoJx.jpg" /></a>

    พอมีเก็บไว้บ้างครับ:cool::cool:
     
  7. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    สวัสดีครับพี่ กวาวชไม เหรียญพี่สวยงามมากครับ..แถมเป็นเหรียญที่ หลวงปู่พิศดู ปลุกเสกเพิ่มให้อีก มีแค่ 100 เหรียญ เอง หากันอยากจริงๆๆ ขอบคุณครับพี่

     
  8. กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    สวัสดีครับคุณSam.337 แต่ถ้าบังเอิญไปเจอ ด้านหลังมีโค๊ดแบบเหรียญองค์ที่ลง(องค์ล่างที่เลี่ยมกันน้ำไว้) ก้อกระซิบบอกกันบ้างนะครับ อิอิ:cool::cool::cool:
     
  9. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    แบบนี้ต้องกระชิบครับ พี่กวาวชไม หากันอยากสุดๆๆเลยครับ
     
  10. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    เหรียญทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุ(พระพุทธเจ้าหมอยา)

    ผ่านพิธีเสกเสาร์ 5 พร้อมให้ครูบาอาจารย์เสกเพิ่มดังนี้
    1.หลวงปู่อั๊บ เขมจาโรวัดท้องไทร นครปฐม
    2.หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ อ่างทอง
    3.หลวงปู่มี วัดม่วงคัน อ่างทอง
    4.หลวงปู่เสียน วัดมะนาวหวาน อ่างทอง
    5.หลวงปู่เกลื่อน วัดรางฉนวน อ่างทอง
    6.หลวงปู่ฉาบ มังคโล วัดศรีสาคร สิงห์บุรี
    7.หลวงปู่นาม วัดน้อยชมพู่ สุพรรณบุรี
    8.หลวงปู่อั้น อภิปาโล วัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค) อุทัยธานี
    9.หลวงพ่อโฉม ฐิติญาโณ วัดเขาปฐวี อุทัยธานี
    10.หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ
    11.หลวงปู่ดี วัดเทพากร
    12.หลวงพ่อพระครูมานิตย์ วัดรัชฎาธิษฐาน
     
  11. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    ภาพครูบาอาจาย์ที่มาช่วยอธิฐานจิตปลุกเสกให้

    เอาภาพนี้มาจาก คุณ พี่ชาย เมืองสนุทร (ก่อ แม่กลอง ) ผมขอยืมภาพมาลงที่นี้ นะครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2814.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.7 KB
      เปิดดู:
      217
    • IMG_2950.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.3 KB
      เปิดดู:
      203
    • IMG_2995.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.3 KB
      เปิดดู:
      211
    • IMG_3227.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.2 KB
      เปิดดู:
      204
    • IMG_3246.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      270
    • IMG_3297.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142 KB
      เปิดดู:
      214
    • IMG_5069.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.6 KB
      เปิดดู:
      201
    • IMG_5076.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.1 KB
      เปิดดู:
      223
  12. sembay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    364
    ค่าพลัง:
    +1,871
    มีอยู่3เหรียญครับ
    เป็น เนื้อชนวนล้วน1เหรียญ
     
  13. sembay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    364
    ค่าพลัง:
    +1,871
    ขอเก็บไว้ให้ลูกนะครับ ได้มาจากอาจารย์วิมวัดบวร เนื่องจากร่วมมอบเหรียญและตะกรุดต่างๆสำหรับสร้างชนวนมวลสาร พระชุดนี้อยู่กับลูกศิษย์หลวงพ่อชำนาญพอสมควร อิอิแนะนำลายแทงให้ครับลองไปหาดู
     
  14. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    พระประวัติ พระไภษัชยคุรุตถาคต
    (Bhaisajyaguru Tathagata)







    พระไภษัชยคุรุตถาคต (คำว่า ตถาคตแปลว่า พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ตรงกับภาษาจีนว่า “หยูไล” ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งสำหรับเรียกขานพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ดังนั้นคำว่าตถาคต และพุทธเจ้าจึงมีความหมายเดียวกัน) ทรงมีพระนามเต็มว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต(藥師琉璃光如來) มีความหมายของพระนามดังนี้ว่า ไภษัชย(藥) แปลว่ายา,โอสถรักษาโรค คุรุ(師) แปลว่าครู,ผู้เชี่ยวชาญ ไวฑูรยประภา(琉璃光) แปลว่าแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ ซึ่งโดยรวมแล้วคือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรคผู้มีแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ เช่นนี้ และพระองค์ยังทรงมีพระนามว่า มหาแพทยราชาพุทธเจ้า (大醫王佛) และ มหาไภษัชยราชพุทธเจ้า (大藥王佛)

    พระปฏิมาของพระองค์ทางจีนจะประสานหัตถ์ในท่าสมาธิและมีรัตนเจดีย์ ๗ ชั้นบ้าง ๙ ชั้นบ้างบนพระหัตถ์ ทางธิเบตจะวาดพระวรกายของพระองค์ให้มีสีน้ำเงินเข้ม(เหมือนไวฑูรย์) ทรงขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาทรงถือต้นยาสมุนไพรในลักษณะแบบพระหัตถ์ออกมาเบื้องหน้า(ทางจีนให้ถือเห็ดหลินจือ เพราะเชื่อว่าเป็นเห็ดอายุวัฒนะของเซียน) หงายวางบนพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายทรงบาตรบนพระเพลา ภายในบาตรบรรจุทิพยโอสถ ชื่อว่า “อคทะ” เป็นคำคุณศัพท์ ในความหมายว่าแข็งแรงสุขภาพดี ถ้าเป็นคำนาม แปลว่า ยาบำบัดโรค หรือชื่อยาที่แก้พิษได้ (บ้างก็ว่าชื่อ อรุระ arura หรือ myrobalan, fruit) ไม่เว้นแต่โรคาพาธในมนุษย์โลกแห่งนี้เท่านั้น ไม่ว่าโรคชนิดต่างๆของเทวดา เปรต เดรัจฉานและอื่นๆ ที่ขึ้นขื่อว่าเป็นสรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่าย พระองค์ก็ทรงสามารถรักษาได้ทั้งสิ้น เพราะการที่ต้องว่ายเวียนในสังสารวัฏนั้นถือเป็นโรคาพาธที่ร้ายแรงกว่าโรคทางกาย กล่าวโดยสรุปพระองค์ทรงสามารถเยียวยารักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสรรพสัตว์ทั้งปวง และทรงลักษณะของมหาบุรุษ ทรงจีวรเหมือนพระพุทธเจ้าทั่วไป

    พระไภษัชยคุรุ ทรงมีพระสูตรของพระองค์เองคือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตปูรวปณิธานสูตร[1] ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีน โดยพระตรีปิฎกธราจารย์เฮี้ยนจั๋ง(พระถังซำจั้ง) ในปี พ.ศ. ๑๑๙๓ ภายในเล่มกล่าวว่า “สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าศากยมุนี ทรงจาริกไปถึงเมืองไวศาลี แล้วประทับอยู่ใต้ร่มพฤกษชาติชนิดหนึ่งที่ยามลมพัดใบไม้จะสั่นไหวเป็นเสียงดนตรี ครั้งนั้นมีมหาภิกษุจำนวน ๘,๐๐๐ รูป มหาโพธิสัตว์จำนวน ๓๖,๐๐๐ พระองค์ แล้วพระมัญชุศรีโพธิสัตว์(โพธิสัตว์แห่งมหาปัญญา) ได้กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ตรัสแสดงถึงพระนาม พระปณิธานของพระพุทธเจ้า และอานิสงค์แห่งการบูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ ครั้นแล้วพระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาว่านับจากโลกธาตุแห่งนี้ไปทางด้านบูรพาทิศ(ตะวันออก)ผ่านโลกธาตุดินแดนต่างๆไปมากมายเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาจำนวนถึง ๑๐ สายรวมกัน มีโลกธาตุแห่งหนึ่งนามว่า “ศุทธิไวฑูรย์”(淨琉璃世界) บางสูตรอาจแปลว่า “ปูรณจันทรโลกธาตุ” (滿月世界)และมีพระพุทธเจ้าพระนามว่า “ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา”

    จากนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงทรงบรรยายถึงพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ (โดยย่อ) ดังนี้
    ๑. จะทรงฉายรัศมีประภาสไปยังโลกต่างๆ และจะยังให้สรรพสัตว์ได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว โดยมีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และอสีตยานุพยัญชนะลักษณะ ๘๐ ประการเหมือนพระองค์(แสดงถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกัน)



    ๒. จะทรงฉายรัศมีประภาสที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก(ความหมายคือ สะอาดทั้งกายและใจ หรือสะอาดทั้งสิ่งที่อยู่ภายในตนหรือวิชชา และสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหรือจรณะ) ไปยังนรกภูมิให้สรรพสัตว์ที่รับทุกขเวทนาอยู่ได้พ้นทุกข์ และสัตว์ที่ลุ่มหลงให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ลุ่มหลง



    ๓. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมในสิ่งของเครื่องใช้ทั้งปวงไม่รู้จักหมดสิ้นจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๔. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ และผู้ที่ปฏิบัติตนในมิจฉามรรค สาวกยาน ปัจเจกพุทธยาน ให้หันมาดำรงมั่นในมหายานธรรม (ดำรงตนเป็นโพธิสัตว์) จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๕. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ศีลด่างพร้อย กลับมีศีลที่บริสุทธิ์จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๖. จะทรงยังให้สรรพสัตว์มีร่างกายที่อลังการสมบูรณ์ หายจากความพิกลพิการ เสียสติ โรคร้าย ฯลฯจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๗. จะทรงยังให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจนค้นแค้น มีที่พักอาศัย โรคภัยสิ้นสูญ มีครอบครัวที่ดี มีความสุขทั้งกายและใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๘. จะทรงยังให้สตรีเพศที่ได้รับทุกข์ทรมาน ต้องการเป็นบุรุษ ได้กลายเป็นบุรุษสมชายชาตรีดั่งใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๙. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ได้หลุดพันจากข่ายแห หรืออุบายของมาร แล้วได้บำเพ็ญในโพธิสัตวมรรค จนถึงได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว



    ๑๐. จะทรงยังให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากคดีความ อาญาหลวง พันธนาการ การคุมขัง และการโบยตีทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๑๑. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยความชั่ว เนื่องจากความอดอยาก ได้รับความสุขที่แท้จริงโดยไม่ต้องทำความชั่วนั้นอีกจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ



    ๑๒. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ยากไร้ ได้สมบูรณ์ในอาภรณ์แพรพรรณ เครื่องดนตรี ของหอม และสิ่งมีค่าทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ.

    ซึ่งพระสูตรข้างต้นนี้พระอารามบนเขาอู่ไถ่ มณฑลซานซี ได้จารึกด้วยโลหิตมนุษย์ทั้งเล่ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และพระมหาปณิธานแต่ละประการนั้น จะต่อท้ายด้วยคำว่า “จนถึงพระโพธิญาณ” อันหมายความว่าพระมหาปณิธานของพระองค์จะอนุเคราะห์ส่งผลแก่ผู้นั้นไปทุกๆ ภพชาติตลอดเวลาแสนนานจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณด้วย จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงวิธีการและอานิสงค์แห่งการกราบไหว้บูชา เช่นการจุดดวงประทีปบูชาจำนวน ๔๙ ดวง เป็นเวลา ๔๙ วัน โดยต้องสมาทานศีลบริสุทธิ์ ผู้ปฏิบัติต้องมีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์พร้อมกับบริจาคทาน อ่านท่องและเผยแผ่พระสูตรนี้ ฯลฯ พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และเทพเจ้าทั้งปวงก็จะให้การปกป้องดูแล ให้ปลอดภัย สมหวังและสุขภาพแข็งแรงหายจากโรคร้ายได้

    ยังมีคัมภีร์อีกเล่มคือ “พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร”[2] ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีนโดยพระมหาสมณะงี้เจ่ง สมัยราชวงศ์ถัง ในปี พ.ศ.๑๒๕๐ ภายในเล่มกล่าวถึงพระพุทธประวัติและมหาปณิธานของพระพุทธเจ้าจำนวน ๗ พระองค์ ซึ่งแต่ละพระองค์มีพระนามต่างกัน มีชื่อของโลกธาตุต่างกัน มีจำนวนมหาปณิธานไม่เท่ากัน ซึ่งล้วนประทับอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีมหาปณิธานคล้ายคลึงกับพระไภษัชยคุรุทั้ง ๑๒ ประการข้างต้น สาธุชนมหายานจึงเรียนขานว่า “พระไภษัชยคุรุทั้ง ๗ ” (藥師七佛)



    พระไภษัชยคุรุทรงมีโพธิสัตว์อัครสาวกหรือผู้ช่วย ๒ พระองค์คือ พระสูรยประภาโพธิสัตว์ (日光遍照菩薩) และพระจันทรประภาโพธิสัตว์(月光遍照菩薩) ซึ่งเป็นคนละองค์กับพระสุริยเทพและจันทรเทพ อรรถาธิบายของจีนกล่าวว่า พระสูรยประภาทรงเปรียบเสมือน แสงแห่งปัญญาญาณที่เจิดจรัสและอบอุ่นยังให้สรรพสัตว์ตื่นขึ้นและรู้แจ้งเหมือนพระอาทิตย์ และพระจันทรประภาทรงเปรียบกับ แสงแห่งความเมตตาและกรุณา ที่ร่มเย็นใสสะอาด สามารถเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ยังให้สรรพสัตว์ที่หลงผิดได้รู้แจ้งเหมือนดังได้พบความสว่างในความมืดยามราตรี




    พระมหาโพธิสัตว์ทั้งสองจึงคือผู้โปรดสรรพสัตว์ที่หลงผิดให้รู้แจ้งในสภาวะแห่งจิตของตน และเมื่อพบสภาวะเดิมแท้ของตนว่าไร้ซึ่งตัวตนแล้ว จึงหลุดพ้นจากมลทินทั้งปวงได้ มีจิตที่เป็นสัมมาทิฐิ ปราศจากอุปสรรคประดุจอากาศ ที่สามารถแทรกซึมไปในสถานที่ทั้งปวง และในพระสูตรทั้ง ๒ เล่มของพระไภษัชยคุรุได้กล่าวถึงพระมหาโพธิสัตว์อีก ๘ พระองค์ที่จะเสด็จมารับดวงวิญญาณผู้ที่ปฏิบัติบำเพ็ญในพระพุทธนามของพระองค์ เพื่อมารับไปเกิดยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรดังนี้ ๑.มัญชุศรีโพธิสัตว์ ๒.อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ๓.มหาสถามปราปตโพธิสัตว์ ๔.อักษยมติโพธิสัตว์ ๕.ทานรัตนศรีโพธิสัตว์ ๖.ไภษัชยราชาโพธิสัตว์ ๗.ไภษัชยสมุทคเตโพธิสัตว์ ๘.เมตไตรยโพธิสัตว์

    ในพระสูตรกล่าวว่า “ในอดีตกาลที่แสนยาวนาน ได้มีพระอสุนีประภาสพุทธเจ้า(電光佛)ทรงอุบัติขึ้นในโลก ครั้งนั้นมีพราหมณ์ผู้หนึ่ง มีบุตร ๒ คน แต่พราหมณ์นั้นเกิดความเบื่อหน่ายต่อความทุกข์ของโลก และได้พบเห็นความทุกข์เวทนาของสรรพสัตว์ ครั้นแล้วจึงประกาศปฏิญาณว่าจะช่วยเหลือและบำบัดทุกข์โศกโรคภัยของสรรพสัตว์ทั้งปวง พระอสุนีประภาสพุทธเจ้าจึงทรงสดุดีสรรเสริญ และยกย่องพราหมณ์นั้นว่า “แพทยราช” บุตรทั้งสองนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สูรยประภา” และ “จันทรประภา” ต่อมาพราหมณ์นั้นจึงได้สำเร็จพระพุทธญาณเป็นพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าในปัจจุบัน และบุตรทั้งสองก็คือพระโพธิสัตว์อัครสาวกทั้งสองของพระองค์ สาธุชนจึงถวายพระนามแด่ทั้ง ๓ พระองค์นี้ว่า “พระมหาอริยเจ้าทั้ง ๓ แห่งบูรพาทิศ”(東方三聖) พระผู้ทรงสอดส่องดูแลและช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งกลางวันและกลางคืน

    อีกในส่วนท้ายของคัมภีร์ไภษัชยคุรุฯสูตรทั้ง ๒ ปกรณ์ข้างต้นยังมี “มหายักษ์เสนาบดีอีก ๑๒ ตน” ที่มีความเลื่อมใสในพระไภษัชยคุรุและทั้ง ๑๒ ตนนี้ต่างก็มีบริวารอีกตนละ ๗,๐๐๐ ตน โดยมหายักษ์เสนาบดีทั้งหมดนี้ได้ประกาศสัจจะต่อเบื้องพระพักตร์แห่งพระพุทธศรีศากยมุนีว่า จะปกปักรักษาพุทธศาสนิกชนที่ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความกตัญญูและศรัทธาในพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทั้ง ๗ นี้ ให้ร่มเย็นรอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง พร้อมจะช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา


    อันมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตนนี้เปรียบดั่งจักรราศีหรือนักษัตรทั้ง ๑๒ ของมนุษย์มี ชวด ฉลู ขาล เถาะ เป็นต้น มาตรว่าผู้ที่มีคุณธรรมและศรัทธาต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ ก็จะรอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง ด้วยการอารักขาของมหายักษ์ทั้ง ๑๒ ตน บ้างว่ามหายักษ์ทั้ง ๑๒ ตนนี้เป็นผู้คุ้มครองหรือเทพประจำพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ และยังเป็นกุศโลบายอีกว่า มหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน มีบริวารตนละ ๗,๐๐๐ ตน เมื่อนับทั้งหมดแล้วก็จะได้ยักษ์เท่ากับ ๘๔,๐๐๐ ตนพอดี(๑๒ คูณ ๗,๐๐๐) ซึ่งหมายถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้า


    ดังนั้น สาธุชนจึงนิยมสาธยายจารึก หรือคัดลอกพระนาม พระธารณี พระสูตร หรือวาดภาพ ปั้น หล่อพระปฏิมากรของพระไภษัชยคุรุ(พระองค์เดียวหรือทั้ง ๗ พระองค์)นี้ ประดิษฐานไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อว่าพระพุทธบารมีและอำนาจแห่งมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน จะมาสถิตอยู่ในสถานที่นั้นๆ ตามอรรถในพระสูตรที่ว่า “หากมีพระนาม พระธารณี พระสูตรหรือพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุสถิตหรือปรากฏอยู่ ณ แห่งใด การเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ โรคาพาธร้ายแรง อาถรรพ์ชั่วร้ายทั้งปวงก็จะสิ้นไปจากแห่งนั้น”

    ในคัมภีร์วิมลเกียรตินิทเทสสูตร[3] ปริเฉทที่ ๑๓ ธรรมปฏิบัติวรรคกล่าวว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงประทานพระธรรมเทศนาแก่ท้าวศักรินทร์เทวราช ความว่า “ดูก่อนเทวราช ณ เบื้องอสงไขยกัลป์อันประมาณมิได้ ในสมัยพุทธุปบาทกาลแห่งพระผู้มีพระภาคผู้ทรงพระนาม ไภษัชยราชาตถาคต พระองค์เป็นพระผู้ควรบูชา เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ดีตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แลยังให้ผู้อื่นรู้ตาม ฯลฯ โลกธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีนามว่า มหาวยูหอลังการ กัลป์นั้นมีชื่อว่า อลังการกัลป์ พระชนมายุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมี ๒๐ จุลกัลป์ ทรงมีพระสาวกสงฆ์ ๓๖ โกฏินหุตะ พระโพธิสัตว์สงฆ์อีก ๑๒ โกฏิ ดูก่อน เทวราชครั้งนั้นมีพระเจ้าจักรพรรดิราชทรงพระนามว่า รัตนฉัตร ทรงสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการฯ มีพระโอรส ๑,๐๐๐ องค์ ล้วนสมบูรณ์ศิริลักษณ์สง่างามแลมีวีรยภาพแกล้วกล้าฯ พร้อมด้วยบริวารได้ถวายสักการบูชาในพระไภษัชยราชาตถาคตเจ้า เป็นระยะเวลา ๕ กัลป์ พระเจ้ารัตนฉัตรจึงมีพระดำรัสให้พระโอรสทั้ง ๑,๐๐๐ องค์ ถวายสักการะต่อไป จากนั้นพระโอรสทั้ง ๑,๐๐๐ องค์จึงทำการบูชาไปอีก ๕ กัลป์ เมื่อสิ้น ๕ กัลป์นั้นแล้วมีพระโอรสองค์หนึ่งพระนามว่า จันทรฉัตร เมื่อประทับอยู่พระองค์เดียว บังเกิดปริวิตกขึ้นว่า ยังจักมีสักการบูชาใดที่ยิ่งกว่าสักการบูชา อันพระราชบิดาแลเราทั้งหลายได้บำเพ็ญอยู่อีกฤๅไม่หนอ?


    ครั้งนั้น ด้วยพุทธานุภาพ บันดาลให้มีสุรเสียงตอบจากเบื้องอัมพรสถานว่า ดูก่อนราชบุตร การสักการะบูชาด้วยธรรมปฏิบัติประเสริฐยิ่งกว่าสักการะบูชาใดๆ ราชบุตรจึงถามต่อไปอีกว่า อะไรที่ชื่อว่าเป็นธรรมปฏิบัติเล่า? จากนั้นพระไภษัชยราชาตถาคตจึงทรงประทานพระธรรมเทศนาแก่จันทรฉัตรราชบุตร และเมื่อพระราชบุตรได้สดับฟังธรรมแล้ว ก็ได้บรรลุมุทุตากษานติธรรม และประกาศมหาปณิธานเป็นอันมาก พระไภษัชยราชาตถาคตจึงตรัสพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาลเธอจักได้อภิบาลรักษาสัทธรรมนครเป็นแท้(สำเร็จพุทธญาณ) และทรงกล่าวว่าพระเจ้าจักรพรรดิรัตนฉัตร ได้สำเร็จเป็น พระรัตนโชติประภาพุทธเจ้า พระราชโอรสทั้ง ๑,๐๐๐ พระองค์ ก็คือพระพุทธเจ้า ๑,๐๐๐ พระองค์ในภัทรกัลป์นี้ และพระราชโอรสจันทรฉัตรก็คือพระศากยมุนีพุทธเจ้าในปัจจุบัน
    เป็นนัยยะว่าพระไภษัชยราชาตถาคตหรือพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(แต่บางตำราว่าคนละพระองค์) ทรงตรัสรู้มาก่อนพระศากยมุนีเป็นเวลาแสนนานแล้ว และพระศากยมุนีก็เคยได้ถวายสักการะ ได้รับการสั่งสอนและได้รับพระพุทธพยากรณ์จากพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้ามาก่อนแล้ว

    จึงถือเป็นพระพุทธนามอันศักดิ์สิทธิ์และยอดแห่งมงคล ทั้งยังเป็นที่มาหนึ่งเดียวของการสร้างพระกริ่งของไทย ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายาน สังเกตจากคาถาบูชา“พระกริ่ง”(ภาษาบาลี) เป็นบทเดียวกับธารณีที่ปรากฏในพระสูตรของพระไภษัชยคุรุ(ภาษาสันสกฤต)ทั้ง ๒ ฉบับข้างต้น แต่มาถึงปัจจุบันการจัดสร้างพระกริ่งก็คงไว้แต่ธารณีหรือคาถาบูชาที่ทำให้เราพอทราบได้ว่าเป็นพระไภษัชยคุรุ นอกเหนือจากคุณสมบัติที่นิยมนำพระกริ่งลงแช่น้ำแล้วภาวนาคาถาพระไภษัชยคุรุ เพื่อทำเป็นน้ำพระพุทธมนตร์ในการรักษาโรคภัยและความเป็นสิริมงคล


    มีข้อสังเกตว่าพระพุทธบารมีแห่งพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทรงเป็นที่ประจักษ์แจ้งมาแต่โบราณกาลแล้ว ตามหนังสือลัทธิของเพื่อน ของเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ว่า “ในพงศาวดารเขมร กล่าวว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ.๑๗๒๔ ถึง ๑๗๔๔) กษัตริย์กัมพูชาทรงสร้างโรงพยาบาลทั่วไปในอาณาจักร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระไภษัชยคุรุตถาคตเจ้า เพื่อประโยชน์แก่คนเจ็บป่วย ไม่เลือกชั้นวรรณะ โรงพยาบาลเหล่านี้เรียกว่า อโรคยาศาล(มีจำนวนร้อยกว่าแห่งทั่วพระราชอาณาจักร)” และจากศิลาจารึกอโรคยาศาล บันทึกไว้ว่า “โรคที่เบียดเบียนร่างกายของประชาชนนั้น กลับกลายเป็นโรคทางใจ ถึงแม้ว่าทุกข์นั้นจะใช่เป็นของตนเอง แต่ความทุกข์ของราษฎรเปรียบเหมือนทุกข์ของผู้ปกครอง”

    โดยที่ผ่านมานั้นมีการกล่าวถึง พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพียงพระนามเท่านั้น โดยจะหาพระพุทธประวัติก็แทบไม่มี ครั้นจะกล่าวถึงพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าอีก ๖ พระองค์พร้อมพระพุทธประวัติก็ยากเย็นยิ่งนัก โดยในพระสูตรทั้ง ๒ กล่าวไว้ว่า “การจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เมื่อเกิดมาแล้วได้เลื่อมใสในพระรัตนตรัยนั้นยิ่งยาก แต่การได้พบ(สดับฟังพระนาม)พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์นี้ยังยากยิ่งกว่า”
    พระสูตรทั้ง ๒ นี้เป็นที่แพร่หลายมากในประเทศพุทธมหายาน เช่นจีน ญี่ปุ่น ธิเบต เนปาล ทั้งเป็นเอกสารสำคัญในการกล่าวถึงพุทธประวัติ การปฏิบัติบูชาพร้อมบทธารณีมนตร์ที่ละเอียดสมบูรณ์ที่สุด บางแห่งจะให้สาธุชนได้ลูบคลำพระพุทธปฏิมาของพระไภษัชยคุรุตรงส่วนที่ตนเองเจ็บปวด ด้วยความเชื่อที่ว่าจะหายจากการเจ็บป่วยบริเวณนั้นๆ ได้


    แต่ไม่มีนิกายที่นับถือพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเป็นเจ้านิกายเหมือนพระอมิตาภะโดยเฉพาะ แต่ทรงเป็นที่กราบไหว้บูชาของทุกนิกาย เพราะตามอารามใหญ่ๆจำนวนมากก็มีวิหารพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าแยกไว้ต่างหากด้วย เรียกว่า “วิหารไภษัชยราช” หรือ “วิหารมหาแพทยราชา” และมีคำกล่าวว่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งปวงก็คือ พระไภษัชยคุรุ ที่มีความเมตตากรุณาประทานธรรมโอสถแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง เพราะการจักเข้าถึงพระไภษัชยคุรุก็เพียงโดยการสรรเสริญ ภาวนาในพระนามของพระองค์ด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจเช่นกัน ในพระสูตรระบุว่า “หากสาธุชนหญิงชายใดๆ จดจำพระนามได้ และภาวนาอ่านท่องพระสูตร พระธารณี และพระนามของพระไภษัชยคุรุโดยสม่ำเสมอแล้วไซร้ ผู้นั้นจะปราศจากโรคภัยร้ายแรงทั้งปวง และจะไม่เป็นผู้พิกลพิการ ไม่ยากจนข้นแค้น มิอายุขัยยืนยาว และจะได้ไปอุบัติยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตร”

    ทั้งนี้ด้วยพุทธานุภาพแห่งพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าที่ทรงเปี่ยมด้วยมหาเมตตา มหากรุณาธิคุณในการปรารถนาให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ทางกาย เพื่อจักได้มีแรงกำลังมุ่งมั่นบำเพ็ญประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างไร้อุปสรรค เพื่อจะส่งผลให้โรคทางจิตวิญญาณหรืออวิชชาโง่หลงได้สิ้นไปด้วย และในพระสูตรยังบรรยายถึงแดนวิสุทธิภูมิของพระองค์ว่า “แดนศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า มีความอลังการและวิจิตรเหมือนกับดินแดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้าทุกประการ โดยไม่ผิดเพี้ยนแตกต่างกันเลย” ซึ่งในพระสูตรของพระไภษัชยคุรุไม่ได้บรรยายความอลังการไว้โดยละเอียด แต่หากอาศัยข้อความในพระสูตรข้างต้นท่านผู้สนใจก็สามารถอนุมานเข้ากับแดนสุขาวดี ที่มีบรรยายไว้จากพระสูตรทั้ง ๔ ของพระอมิตาภะได้เช่นกัน อันแดนศุทธิไวฑูรย์นี้ ยังมีนัยยะถึงการเริ่มชีวิตใหม่ การรู้แจ้ง ประดุจดวงอาทิตย์ที่รุ่งโรจน์เปล่งแสงยามรุ่งอรุณทางบูรพาทิศ ซึ่งเป็นทิศแรกหรือทิศประธานของการเรียงลำดับทิศทั้ง ๑๐ อนึ่งศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรนี้ ก็มีสีน้ำเงินละม้ายกับสีของโลกที่เราอาศัยอยู่แห่งนี้ด้วย จนมีอรรถกถาบางปกรณ์กล่าวว่า “พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ก็คือพระศากยมุนีพุทธเจ้าแห่งสหาโลกธาตุนี้นั่นเอง”

    มีอรรถาธิบายว่ากุศลอันพึงได้จากการถวายสักการะพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้ามี ๑๐ ประการดังนี้
    ๑. สำเร็จพระพุทธญาณได้อย่างรวดเร็ว
    ๒. ผู้ที่เห็นผิดจะกลับมาเห็นชอบได้ ผู้ที่ดำรงในเถรวาทจะได้มาดำรงในมหายาน
    ๓. ย่อมสำเร็จในผลของศีลที่สมบูรณ์ทั้งปวง ผู้ที่ละเมิดศีลจักกลับคืนสู่สภาวะบริสุทธิ์ได้ดังเดิม และไม่ต้องตกสู่อบายภูมิ
    ๔. มีอายุสิริวัฒนา มั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข ด้วยลาภยศ สรรเสริญ คู่ครองและบริวารหญิง ชาย
    ๕. ย่อมถึงพร้อมในข้าวของเครื่องใช้ไม่รู้จักหมดสิ้น ไม่ต้องอัตคัดหรือขัดสนอีกต่อไป
    ๖. รอดพ้นจากอุทกภัย อัคคีภัย ศาสตราภัย การถูกกรรโชกลักขโมย และการทำร้ายทั้งปวง
    ๗. สตรีเพศที่รับทุกข์ทรมาน ได้กลับกลายเป็นบุรุษ
    ๘. สตรีที่คลอดบุตร จะได้บุตรหญิงชายที่เฉลียวฉลาด มีบุญญาธิการและสุขภาพแข็งแรงสมประสงค์
    ๙. เมื่อคราวายชนม์ จักได้ไปอุบัติยังภพมนุษย์ ภพสวรรค์ แดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า หรือแดนศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าได้ดังใจปรารถนา
    ๑๐. แม้นตกสู่อบายภูมิ หากได้สดับฟังพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพียงชั่วขณะก็จักได้ไปเกิดยังโลกมนุษย์อีกครั้ง เพื่อบำเพ็ญกุศลความดีต่อยังให้บรรลุพระโพธิญาณโดยรวดเร็ว.

    คัมภีร์ทศยมราชาขมาสูตร ก็ว่า พระไภษัชยคุรุได้ทรงนิรมาณกายสู่นรกภูมิ เป็นพญายมราชครองนรกขุมที่ ๗ พระนามว่า “ไถ่ซัวเม้งอ้วง” ทรงมีหน้าที่รับเรื่องอุทรณ์ร้องทุกข์ ของวิญญาณคู่กรณีที่มีเวรต่อกัน และทรงตัดสินด้วยความยุติธรรม


    ทั้งมีเรื่องราวพระพุทธานุภาพของพระไภษัชยคุรุใน “บันทึกความศักดิ์สิทธิ์ของพระรัตนไตร”(ของจีน) บรรพแรกว่า ในประเทศอินเดีย มีพราหมณ์ที่ร่ำรวยท่านหนึ่งไม่มีบุตร ทั้งภริยาผู้เป็นพราหมณีก็ตั้งครรภ์ได้ยากยิ่งนัก ต่อมาได้มีครรภ์และทะนุถนอมครรภ์นั้นไว้จนครบ ๙ เดือน แล้วจึงให้กำเนิดบุตรชาย ๑ คนที่มีสิริลักษณ์สง่างาม เป็นที่เอ็นดูแก่ผู้คนทั้งหลาย จากนั้นไม่นานมีนักพยากรณ์ผู้วิเศษทำนายว่า บุตรชายคนนี้มีลักษณะอันดีงามมากมาย จักมีอายุขัยเหลือเพียงอีก ๒ ปี เมื่อพราหมณ์และพราหมณีผู้เป็นบุพการีได้ยินแล้ว จิตใจก็เป็นทุกข์ยิ่งนัก ประดุจถูกศรพิษทิ่มแทง แต่โชคดีที่พราหมณ์นั้นมีสหาย ซึ่งออกบวชเป็นสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เมื่อทราบเรื่องแล้วจึงแนะนำว่า ท่านจงจัดสร้างพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุขึ้น ๗ พระรูปตามวิธี เพื่อถวายสักการบูชาเถิด


    พราหมณ์จึงได้กระทำตามอรรถาธิบายในพระสูตร จากนั้นมีค่ำคืนหนึ่งได้นิมิตฝันไปว่ามีผู้หนึ่งใส่อาภรณ์ผิดแผกไปจากคนทั่วไปและใส่มงกุฏมาลา ควบอาชาสีเขียวมาหยุดตรงหน้าแล้วกล่าวแก่พราหมณ์นั้นว่า ด้วยท่านได้จัดสร้างพระปฏิมาของพระพุทธเจ้าขึ้น ๗ พระรูป เพื่อถวายสักการบูชาตามวิธี ด้วยอานิสงส์นี้บุตรของท่านจักมีอายุขัยถึง ๕๐ ปี จากนั้นนอกจากบุตรของพราหมณ์จักไม่สิ้นอายุขัยเมื่ออายุ ๒ ปีแล้วยังมีอายุขัยยาวนานถึง ๕๐ ปีพร้อมกับไม่เคยป่วยไข้เลย และยังมีบันทึกเรื่องราวทำนองนี้อีกเป็นจำนวนมาก

    วันคล้ายวันพระพุทธสมภพของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าคือ วันที่ ๓๐ เดือน ๙ (ตามจันทรคติจีน) แต่หากเดือนใดมีเพียง ๒๙ วันก็ให้ถือเอาวันที่ ๒๙ แทน.

    [1] อาตมาแปลจากภาษาจีนสู่ภาษาไทยและพิมพ์เผยแผ่แล้วในปี ๒๕๔๑
    [2] อาตมาแปลจากภาษาจีนสู่ภาษาไทยและพิมพ์เผยแผ่แล้วในปี ๒๕๔๔ และ ปี ๒๕๔๘
    [3] อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ..แปลจากภาษาจีน
    (ข้อมูลจาก .. พระพุทธเจ้าและพระธรรมสูตรฝ่ายมหายาน พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก 2549)
     
  15. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    เพื่อนๆๆท่าใดมีเหรียญทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา) นำมาโชว์มาอวดกันครับ ใครมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหรียญนี้เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a1ฟ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      185.2 KB
      เปิดดู:
      220
    • a2ฟ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.4 KB
      เปิดดู:
      249
    • a3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.6 KB
      เปิดดู:
      171
    • a4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      212.5 KB
      เปิดดู:
      160
    • a5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      202.5 KB
      เปิดดู:
      158
    • a6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.5 KB
      เปิดดู:
      213
  16. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    เหรียญทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุ(พระพุทธเจ้าหมอยา)


    ผ่านพิธีเสกเสาร์ 5 พร้อมให้ครูบาอาจารย์เสกเพิ่มดังนี้
    1.หลวงปู่อั๊บ เขมจาโรวัดท้องไทร นครปฐม
    2.หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ อ่างทอง
    3.หลวงปู่มี วัดม่วงคัน อ่างทอง
    4.หลวงปู่เสียน วัดมะนาวหวาน อ่างทอง
    5.หลวงปู่เกลื่อน วัดรางฉนวน อ่างทอง
    6.หลวงปู่ฉาบ มังคโล วัดศรีสาคร สิงห์บุรี
    7.หลวงปู่นาม วัดน้อยชมพู่ สุพรรณบุรี
    8.หลวงปู่อั้น อภิปาโล วัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค) อุทัยธานี
    9.หลวงพ่อโฉม ฐิติญาโณ วัดเขาปฐวี อุทัยธานี
    10.หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ
    11.หลวงปู่ดี วัดเทพากร
    12.หลวงพ่อพระครูมานิตย์ วัดรัชฎาธิษฐาน
     
  17. sembay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    364
    ค่าพลัง:
    +1,871
    เหรียญเนื้อชนวนใช้วิธีฉีดหล่อความคมชัดจะน้อยกว่าเหรียญปั๊มแต่มวลสารเต็มๆเนื้อเหรียญพรุนๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3467.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77 KB
      เปิดดู:
      359
    • IMG_3468.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      263
  18. sam.337 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +937
    ขอขอบคุณ sembay ที่ช่วยโชว์เหรียญหล่อทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา) ชึ่งเป็นเหรียญที่หาได้อยากยิ่ง.....หาอยากสุดๆๆครับ...เพื่อนผมตามหาเหรียญนี้สามเดือนเต็มๆๆได้เจอเขาขายเหรียญนี้ในเว็บพระเครื่องที่หนึ่ง....ติดป้ายไว้พระโชว์เท่านั้น เพื่อมผมตามโทรคุยติดต่อร่วมเดือนกว่าจะได้เหรียญหล่อทำน้ำมนต์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา) มาบูชา ใน ราคาที่พวกผมตกใจเป็นอย่างมาก............แพงมากๆๆๆ....ขอไม่บอกราคานะ หลักพันกลางๆๆก็แล้วกัน.......ถือว่าพวกเราหาเหรียญชุดนี้แพงที่สุดก็ว่าได้....ผมถามเพื่อนรักของผมว่าทำไหมถึงกล้าเช่ามาแพงแบบนี้....เพื่อนเราพูดหน้าตาเฉย เหรียญนี้สร้างหลักร้อยเหรียญถ้ามึงไม่เอาแล้วมึงจะไปหาที่ไหมวะ.............กูเห็นก็ต้องรีบเอาชิ........เหตุผลดีมากเพื่อน...ตอนนี้พวกผมก็ยังเดินตามหาเหรียญนี้ตามตลาดพระเครื่องต่างๆๆเพื่อเจอจะได้เก็บไว้บูชาและจะได้แบ่งให้เพื่อนที่ป่วยเอาไว้รักษาตัว....ตอนนี้แบ่งไปให้เพื่อนที่ป่วยอีก10คน.ให้ไปจนหมด....หามาได้ก็หมด...เห็นเพื่อนป่วยอยากช่วยก็ให้เหรียญไปจนหมด....แล้วค่อยเดินทางตามหาไหม่...เหรียญนี้ดีนะอยากให้เพื่อนๆๆได้มีไว้บูชากัน
     
  19. G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    ติดตาม ครับ
     
  20. บุศรินทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +123
    เหรียญนี้เจตนาสร้างดีมากๆครับ โดยท่านผู้สร้างเป็นคุณครูวัดบวรนิเวศน์สอนวิชาดนตรีไทย เสียดายที่ผมจำชื่อคุณครูท่านนี้ไม่ได้ ผมจำได้ว่าคุณครูประกาศในเวปประมูลพระเครื่องขอร่วมบริจาคพระเครื่องโลหะทุกชนิดยกเว้นพระเครื่องที่ทำจากตะกั่วและเครื่องรางที่เป็นรูปอวัยวะเพศเช่นอีเป๋อ ท่านไม่ขอรับ และตอนที่นำโลหะมาหลอมตะกรุดของหลวงพ่อทรงวัดศาลาดินไม่ละลาย แต่ลอยบนเตาหลอมนับว่าแปลกมาก และเมื่อปั๊มออกมาเป็นพระ สีโลหะสวยมาก เหมือนเนื้อนาก ใครก็ตามที่ร่วมบริจารโลหะที่เป็นมงคล คุณครูก็จะส่งเหรียญมาให้3เหรียญ
     

แชร์หน้านี้