ใครปลูกว่าน เล่นว่านบ้างเข้ามาคุยกันหน่อย

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Paravatee, 9 กรกฎาคม 2005.

  1. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    พิจารณาจาก สี ลำต้น ใบ หัว ก็คล้ายๆ กับ ว่านมหาปราบนะครับ ...ผมเองก็ไม่ชัวร์ นะครับ คงต้องดูที่กลิ่นและ ดอกประกอบด้วยนะครับ ที่สำคัญ พญาว่าน ถ้าได้อยู่ไกล้ กับ พืชไม้ หรือว่านชนิดใดแล้ว สังเกตดีดี จะพบว่า คุณสมบัติของ ไม้หรือ ว่านชนิดนั้นจะไม่เปลี่ยนไป ครับ (ข้อมูลนี้ ได้มาจากแหล่งพันธ์ว่าน ที่ผมเคยซื้อ มานะครับ )

    พญาว่านผมเคยมีอยู่กระถางเล็กๆ(ได้มาจากร้านขายว่าน ตจว.) คนขาย ได้บอกวิธีการดูแล และเล่าสรรพคุณให้ฟังคร่าวๆ ครับ ...ทุกวันนี้ ต้น ตายไปแล้วครับ ...เหลือ รากเล็กๆ ยาวประมาณ 3 นิ้ว...อยู่ชิ้นหนึ้ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผม ได้เอาไป ใส่กระถาง รวมไว้กับว่านเพชรแดง ครับ ...ลุ้นอยู่ครับ ว่า จะพื้นขึ้นมาใหม่ หรือเปล่านะครับ ...

    พญาว่าน(จ่าว่าน)ผมชอบกลิ่นที่ใบ ครับ สูดดมแล้ว รู้สึกชุ่มชื่น ดีครับ...
     
  2. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    ดูลักษณะ พญาว่าน หรือ จ่าว่าน (ต่อจากกระทูคุณ พญายา)

    ลองค้นข้อมูลจาก google มาฝากครับ

    เครดิต : คุณ ไม้มลาย

    ที่มา : PANTIP.COM : J8472329

    กำลังหัดเล่นอยู่เหมือนกันครับ ในหนังสือว่านของสำนักพิมพ์บ้านและสวน บอกเอาไว้ว่า(ขออณุญาตอ้างหนังสือหน่อยนะครับเพราะยังไม่มีความรู้มากครับ)
    ลักษณะของว่านมหาปราบ ..ลำต้นสูง 50-80ซม. เหง้าหลักรูปรี ข้อห่างเนื้อสีขาว มีกลิ่นหอมฉุนใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกกลับแกมรูปรี โคนใบสอบ ปลายใบเรียวแหลมลำต้นเทียม ก้านใบและกลางใบมีสีแดงเข้ม ช่อดอกออกที่ปลายลำต้นเทียม ใบประดับตอนล่างขาวอมเขียวอ่อน ปลายแต้มสีม่วงแดง ตอนบนมีสีชมพู โคนสีอ่อน ดอกสีเหลืองอ่อน กลีบปากสีเหลืองอ่อน มีแถบกลางสีเหลืองเข้ม
    ส่วนพญาว่านในหนังสือจะมีสองชนิดครับ คือ ว่านขอทองแก้กับว่านจ่าว่าน
    ว่านขอทองแก้ลักษณะเหง้าจะเป็นไหล ครับ
    ส่วนจ่าว่าน หรือพญาว่านที่รู้ัจักกันทั่วไปมี3ต้นคือ
    1. ลำต้นสีเขียว เนื้อในสีเหลือง เรียกว่าว่านจ่าว่าน
    2.ลำต้นสีแดงเรื่อ เนื้อในหัวสีเหลืองอ่อน ช่อดอกมีใบประดับช่วงล่างสีเขียว ช่วงบนสีแดงเรื่อ ดอกสีเหลือง เรียกว่าว่านจ่าว่านหรือพญาว่าน
    3.ลำต้นสีแดงเข้ม เนื้อในหัวสีเหลืองเข้มอมส้ม ช่อดอกมีใบประดับช่วงล่างสีเขียวอมขาวช่วงบนสีแดง ดอกสีเหลือง เรียกว่า ว่านพญาว่าน หรือบางตำราเรียกว่านขมิ่นทอง
    เท่าที่ดูๆในรูป ว่านมหาปราบเค้าจะเป็นสีแดงจากก้านไปจนถึงปลายใบครับ แล้วใบก็รุ้สึกจะแคบกว่าว่านพยาว่าน แต่ถ้าจะให้แน่น่าจะลองขุดหัวมาดูดีกว่าครับ แล้วค่อยฝังคืน ตอนไปซื้อว่านต้นไหนผมไม่แน่ใจ ผมขอคนขายขุดหัวขึ้นมาดูเทียบกับหนังสืออยู่บ่อยๆครับ

    ปล.รูปมาจากหนังสือ ว่าน สมุนไพร ไม้มงคลไทย ของสำนักพิมพ์บ้านและสวน
    ผู้แต่ง คุณ ณรงค์ศักดิ์ ค้านอธรรม

    [​IMG]


    1) "ว่านมหาปราบ" จัดเป็นว่านที่สำคัญมากชนิดหนึ่ง จึงมีจารึกมาในตำราว่านยุคเก่า(พ.ศ.2473-2516)อยู่ถึง 10 เล่มจากจำนวนทั้งหมด 12 เล่ม ทุกเล่มบอกเหมือนกันหมดว่าว่านมหาปราบนี้ เป็นว่านที่มีอานุภาพมากมีสรรพคุณในทางคงกระพันชาตรีเป็นชั้นเลิศดี 1 ในกระบวนว่านที่อยู่ยงคงกระพันด้วยกัน (พูดง่ายๆ ว่าเป็นสุดยอดของว่านเหนียว เหนียวกว่าว่านเหนียวทุกชนิดนั่นแหละ)
    - ลักษณะที่จารึกมาในตำราเก่าคือ ต้นใบเหมือนขมิ้นชัน(หัวคล้ายขมิ้น) ก้านแดง ครีบแดง (ใบแดง-ยอดแดง) ท้องใบเป็นขน สีทอง หลังใบขาว
    *** ข้อความที่อยู่นอกวงเล็บคือลักษณะที่ตำราทั้ง 10 เล่มบอกไว้ตรงกัน ส่วนข้อความภายในวงเล็บคือลักษณะที่ตำราบางเล่มบอกรายละเอียดบางอย่างไว้แตกต่างออกไปจากตำราเล่มอื่นๆ
    - ตำราเก่าท่านบอกไว้สั้นๆ เพียงเท่านี้ครับ ไม่ได้บอกด้วยว่าเนื้อในหัวสีอะไร ไม่ได้บอกว่าร่องกลางใบแดงแต่ตรงกันข้ามกลับระบุไว้ชัดว่าหลังใบขาว(ซึ่งตีความได้ว่าด้านบนของใบนั้นต้องเขียวทั้งหมดไม่ใช่มีร่องแดง) ที่สำคัญที่สุดก็คือที่ระบุว่า "ท้องใบเป็นขน สีทอง" หมายความว่าใต้ใบต้องมีขนยาวนุ่มมือ(แบบเดียวกับว่านพระตะบะ และว่านมหากำลัง) และขนหรือใต้ใบต้องเป็นสีทอง(แดงอมเหลือง) ด้วย
    - ด้วยลักษณะสำคัญข้อสุดท้ายนี่แหละครับ ที่ทำให้เราหาว่านมหาปราบตัวจริงที่ถูกต้องตรงตามตำราไม่ได้ (เข้าใจว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว) จึงหันมาเล่นต้นในภาพ คห.2 ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันแทนอยู่ในปัจจุบันนี้ ส่วนลักษณะอื่นๆ ที่เขียนไว้ในตำราว่านยุคหลัง พ.ศ. 2520 เกือบทุกเล่มนั้น ท่านนำเอาลักษณะของต้นใน คห.2 มาเขียนบรรยายเอาเองครับ
    *** สรุปว่าไม่ว่าจะเป็นต้นของเจ้าของกระทู้ หรือต้นใน คห.1-2 หรือต้นไหนๆ ที่ขายและเล่นหากันอยู่ในปัจจุบันล้วนเป็นว่านมหาปราบตัวปลอมทั้งสิ้นครับ ถ้าไม่เชื่อตาเชยก็ลองเอาหัวว่านมาเคี้ยวกินแล้วลองเอามีดโกนเชือดลูกกระเดือกตัวเองดูก็ได้ครับว่าจะเข้าหรือไม่เข้า (ลองที่ท้องแขนก่อนก็ได้ แฮ่ะ แฮ่ะ)
    ปล. ว่านมหาปราบต้นแท้นั้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อนตาเชยเคยได้มาเลี้ยงอยู่พักนึง น่าเสียดายที่ทำตายไปแล้ว เนื้อในหัวเหลืองนวลๆ และมีกลิ่นหอมเย็นคล้ายกลิ่นของหัวว่านม่วงหรือขมิ้นขาวชนิดที่ใข้หัวกินเป็นผักน่ะแหละ

    2) "พระยาว่าน" เรื่องแปลกแต่จริงก็คือตำราว่านเก่าในยุค พ.ศ.2473-2503 (ทั้งหมด 6 เล่ม)นั้นไม่มีการกล่าวถึงพระยาว่านเลยมีแต่จ่าว่านครับ

    ชื่อพระยาว่านเพิ่งจะมาปรากฎขึ้นครั้งแรกในตำราของพยอม วิไลรัตน์ จัดพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2504 โดยแยกออกจากจ่าว่านเป็นคนละต้นอย่างชัดเจน
    - ลักษณะที่บันทึกไว้คือ ต้น-ใบ-หัว คล้ายขมิ้น ต้นสีแดง กระดูกใบแดง สังเกตนะครับว่าบอกไว้เพียงสั้นๆ และไม่ได้ระบุว่าเนื้อในหัวมีสีอะไร

    แต่ตำราเล่มถัดมา(อุตะมะ สิริจิตโต พ.ศ.2505) กลับเรียกว่านต้นนี้ว่าจ่าว่านและวงเล็บไว้ว่าจัดเป็นชั้นพระยาว่าน ส่วนจ่าว่านแยกเป็นอีกต้นหนึ่งต่างหาก

    เล่มถัดมา(อาจารย์ชั้น หาวิธี พ.ศ.2506) กลับเรียกว่านต้นนี้ว่าขมิ้นทอง โดยแยกออกมาจากจ่าว่านเป็นคนละต้นกัน

    ถัดมาเป็นตำราเล่มสำคัญ เพราะนักเล่นว่านในยุคกลางๆ ต่างก็ใช้ตำราเล่มนี้เป็นหลักอ้างอิงกันทั้งนั้น คือตำราคุณลักษณะว่านและวิธีปลูกว่าน ของสมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย เรียบเรียงโดยนายเลื่อน กัญหกาญจนะ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2506 (ที่ว่าสำคัญเพราะได้รวบรวมว่านจากบรรดาตำราทั้งหมด 9 เล่มที่ได้จัดพิมพ์มาก่อนหน้านี้มาไว้ในเล่มนี้ทั้งหมด) ตำราเล่มนี้กลับมาเรียกว่านชนิดนี้ว่าพระยาว่านและรวมเรียกว่าจ่าว่านในต้นเดียวกัน โดยจ่าว่านต้นเดิมที่มีบันทึกมาในตำราทุกเล่มก่อนหน้านี้กลับหายไปเฉยๆ

    เล่มสุดท้าย(ร.ต.สวิง กวีสุทธิ์ พ.ศ.2512) กลับมาเรียกพญาว่าน โดยแยกออกจากจ่าว่านต้นเดิมอย่างชัดเจน
    - ตำราเล่มนี้บอกลักษณะไว้ว่า ลำต้น-ใบ คล้ายขมิ้น ลำต้นสีแดง กระดูกกลางใบแดง เนื้อในหัวสีขาวหม่น รสฉุนร้อนเล็กน้อย ซึ่งลักษณะพญาว่านต้นที่บรรยายไว้นี้ก็คือต้นที่เราเล่นเป็นมหาปราบ(ภาพ คห.2) กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง (อีกทั้งตำราว่านของสมาคมว่านแห่งประเทศไทยก็ระบุว่ามหาปราบต้น ในภาพ คห.2 ก็คือต้นเดียวกับพระยาว่าน

    เรื่องของพระยาว่านนี้อ่านแล้วออกจะงงๆ อยู่นะครับ เพราะแม้แต่ตำราเก่าเองคนละเล่มก็ยังว่าไปคนละทิศคนละทาง ก็ขอให้ลองอ่านช้าๆ หลายๆ เที่ยว แล้วพิจารณาดูก็จะเข้าใจเอง

    *** สรุปเรื่องพระยาว่านตามที่ระบุไว้ในตำราเก่าได้ดังนี้
    1) ถ้าถือตามตำรา อ.พยอม และ ร.ต.สวิง พระยาว่านก็คือต้นที่เราเอามาเล่นเป็นว่านมหาปราบกันอยู่ในปัจจุบันนี่เอง (ต้นแดง ก้านใบแดง ร่องกลางใบด้านบนแดง หัวมีสีขาว)
    2) ถ้าถือตามตำรา อ.ชั้น และ อ.เลื่อน พระยาว่านก็คือต้นที่เรียกขมิ้นทอง หรือที่เราเอามาเล่นเป็นจ่าว่านอยู่ในปัจจุบันนี่เอง (ต้นนี้จะแตกต่างจากต้นในข้อ1 ตรงที่ร่องกลางใบด้านบนไม่แดง แต่กลับไปแดงอยู่ที่เส้นกระดูกใต้ใบยาวเกือบตลอดถึงปลายใบ และหัวสีเหลือง)
    3) ถ้าถือตามตำรา อ.อุตะมะ และ อ.เลื่อน คำว่าพระยาว่านหรือพญาว่านนี้ไม่มีต้นเฉพาะแน่นอน แต่เราใช้เรียกว่านอะไรก็ได้ที่มีสรรพคุณเหนือกว่าว่านชนิดอื่นๆ ดังที่ตำรา อ.เลื่อน บันทึกไว้ว่า จ่าว่านก็เป็นพญาว่าน ว่านนางคำชนิดหัวเขียวก็ถึอเป็นพญาว่าน ว่านขอทองก็อยู่ในชั้นพญาว่าน หรือแม้แต่ขมิ้นอ้อยก็จัดเป็นพญาว่านชนิดหนึ่งด้วย

    เครดิต : ตาเชย
     
  3. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    ขอบคุณครับ ....(good)
     
  4. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    ลูกยอ ถ้าสุกแล้ว กลิ่นใช้ได้เลย ....
     
  5. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เยี่ยมเลย ขอบคุณครับ......(good)
     
  6. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เอาข้อมูลว่านกวัก มาฝากกันครับ ....

    แหล่งความรู้ จาก เว็บ THAIPLANTS [Power by Weloveshopping.com]

    " จากเว็บhttp://www.vichanum.net

    รูป จาก จีระ รังว่าน

    [​IMG]

    ว่านตระกูลกวัก ซึ่งบันทึกไว้ในตำราสมุดข่อยโบราณ กล่าวไว้ว่ามีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง ประกอบด้วย ว่านกวักพระพุทธเจ้าหลวง ว่านกวักนางพญาใหญ่ ว่านกวักนางพญาเล็ก หรือ ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี ว่านกวักมาคาวดี หรือ ว่านมหาโชค ว่านกวักหงสาวดี ว่านกวักแม่จันทร์ ว่านกวักโพธิ์เงิน ว่านกวักทองใบ ว่านกวักเงิน กวักทอง ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์ ว่านกวักนางพญาเผือก โดยเฉพาะว่านกวักนางพญา ถือกันว่า เป็นว่าน ที่มีตระกูลสูงส่งผลทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เรียกอีกอย่างว่า ว่านทรงยศ ทรงเกียรติ เป็นสง่าราศีแก่ผู้พบเห็น

    **เพิ่มเติม มาตอนหลัง จาก ว่าน กวักนางพญาเล็ก ก็มาเป็นชื่อ ว่ากวักนางพญามหาเศรษฐี หรือ ว่านกวัก สมเด็จ นางพญามหาเศรษฐี อยู่ที่คนรู้จักชื่อไหน ถนัดเรียกกันตามชื่อนั้นๆด้วย อย่างที่บ้านรินเอง พ่อปลูก ว่านมา เกือบสามสิบปี พ่อก็เรียก ว่านกวักสมเด็จนางพญามหาเศรษฐี เช่นกัน และพ่อบอกว่า ถ้า นำ กวักพุทธเจ้าหลวง นางพญาใหญ่ และ นางพญาเศรษฐี มาปลูกใกล้กัน จะกลายเป็น กวักพุทธเจ้าหลวง ตามไป คือมีใบ หยิกงอ
    ดั่งกวักพุทธเจ้าหลวง สรรพคุณ คล้าย พวก พญาว่าน และจ่าว่าน ที่ปลูก พญาว่าน หรือจ่าว่าน ใกล้กับว่านไหน ว่านนั้นๆก็จะ มีฤทธิ์ ดั่ง พญาว่าน และจ่าว่านตามไปด้วยเช่นกัน **

    ตำนานจากสมุดข่อยโบราณและความนิยมของว่านจำพวกกวัก

    รายละเอียด

    ว่านจำพวกตระกูลกวักนี้ สันนิษฐานว่า นิยมเล่นกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีพร้อมกันกับพวกว่านเสน่ห์จันทร์ทั้งหลาย และสมัยพระนารายณ์มหาราชก็นิยมเล่นกันอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกัน และสืบทอดกันมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ก็นิยมเล่นกันในหมู่ท้าวพระยา คฤหบดี และสมภารเจ้าวัดเพราะระยะเริ่มแรกมีน้อยและขยายสืบพันธ์กันต่อมาจนถึงสมัยปัจจุบัน ว่านประเภทนี้ได้ตื่นขยายตัวมากมาย นิยมเล่นกันถึงกับมีการค้าขายด้วยราคาแพง ๆ เอาการอยู่
    ว่านประเภทกวักเป็นศิริมงคลมีคุณสมบัติเมตรตามหานิยม บัลดาให้เจ้าของหรือผู้ปลูกมีโชกลาภ อยู่เย็นเป็นสุข มีด้วยกันอยู่ 9 ชนิด แต่ละชนิด เกือบจะคล้ายคลึงกันก็มี ตามตำราที่ลอกมาจากสมุดข่อยโบราณ ที่อาจารย์ ร.น.สวิง กวีสุทธิ์ ร.น. ท่านได้เขียนไว้ในกบิลว่าน
    ฉบับสมบูรณ์ คือ
    1. ว่านกวักพุทธเจ้าหลวง

    2. ว่านกวักนางพญาใหญ่

    3. ว่านกวักนางพญาเล็ก(กวักนางพญามหาเศรษฐีเป็นชื่อภายหลัง)

    4. ว่านกวักนางมาควดี (ว่านมหาโชค เป็นต้นเดียวกัน)

    5. ว่านกวักหงสาวดี (ไม่ใช่ต้นยางที่เข้านิยมกันปัจจุบัน)

    6. ว่านกวักทองใบ (กวักแม่ทองใบต้นเดียวกัน)

    7. ว่านกวักแม่จันทร์

    8. ว่านกวักโพธิ์เงิน (ต่อมามีกวักโพธิ์ทองอีกต้นหนึ่งลักษณะเหมือนกันแต่ใบแดง)

    9. ว่านกวักเงินกวักทอง รวมกัน 9. ชนิด แต่ละชนิดเป็นไม้ว่านที่สวยงามทุกต้น
    ต่อมาท่านได้เพิ่มเติมไว้อีกต้นหนึ่ง คือกวักทางลาย

    กวักทางรายต้นนี้ มีด้วยกัน 3 ชนิด

    ชนิดต้นแข็งใบใหญ่

    ต้นแข็งใบเล็ก

    และต้นแข็งใบใหญ่แต่ใบอ่อน และปัจจุบันบางตำรากล่าวไว้มีว่านกวักเงินอีกต้นหนึ่ง ใบใหญ่มีลายเงินสวยงามมาก นิยมเล่นมานานแล้ว รวมความว่า ว่านกวักเดิมมี 9 ต้น แต่ได้เพิ่มอีกต้น 5 ชนิด จึงรวมความว่า ว่านกวักที่จะชี้ให้ท่านศึกษามีรวมกันเป็น 14 ชนิด
    ส่วนว่านกวักทองคำที่กำลังนิยมกันนั้น เป็นไม้พันธุ์ไม้ผสมใบเหมือนกวักทางลายลำต้นเตี้ยสีชมพู ไม่มีสรรพคุณอะไร เพราะเป็นไม้เพื่อการค้าไม่เคมีปรากฏในสมัยไหน ? เพราะว่านทุกต้นมีคุณค่าอยู่ในตัว มีวิญญาณ มีสรรพคุณ การที่จะนำไม้ต้นหนึ่งต้นใดมาอ้างเป็นว่านจึงไม่คิดเชื่อได้ เพราะไม่มีหลักฐานในการพิสูจน์กัน
     
  7. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    คุณKhanclub ว่านลูกไก่ทอง ที่มากิซื้อมาเลี้ยง แล้วตาย

    คงเป็นเพราะมากิรดน้ำเยอะไปหน่อยค่ะ รดทุกวันด้วย ลูกไก่ไม่ชอบน้ำนี่เอง

    ว่านลูกไก่นอกจากดีทางโชคลาภแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาด้วย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อมูลรายละเอียด:cool:
     
  8. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    ผมเองก็ยังไม่ได้ลองเลี้ยงว่านลูกไก่ทองนะครับ ...ยังงัย ถ้ามีเทคนิคการดูแล ดีๆ ก็มาแนะนำกันได้ นะครับ เผื่อเพื่อนๆ สมาชิกท่านอื่นๆ อยากจะลองเลี้ยง ดูบ้าง นะครับ.......(good)
     
  9. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659

    ลองแอบไปอ่านในกระทู้พันธ์ทิพ มา เล่น เอาตาลายเลย....แต่ได้ความรู้เยอะเลยครับ ........จุดสังเกตที่น่าสนใจ ...ก็หลังใบที่มีขนอ่อนนุ่มๆ นิหละครับ ...ไม่แน่ใจว่าจะคล้ายๆ กับ ว่านรางจืด(หัว)หรือเปล่านะครับ ...ผมเคยซนเอามือลูบใบเล่น จนซ้ำนะ ชอบที่ใบว่านนุ่มๆ ดี แล้วเอาใบว่านมาลองดูกลิ่น และกินดู ....รสชาดดีนะครับ ออกเปรี้ยวๆ นิดๆ แต่กลิ่มใบหอมสดชื่นมากเลย ...เลย เดาเอานะครับ ว่า ว่าน ที่มีคุณสมบัติไกล้เคียง กัน น่าจะ มีสารประกอบที่คล้ายๆ กัน ด้วยเช่นกัน ......


    ยังแอบหวังลึกๆ นะครับ อยากเห็นว่านมีอยู่ทุกบ้าน...ไม่ต้องเยอะ ขอแค่บ้านละชนิด ก็เพียงพอ แล้ว ครับ .......
     
  10. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    ผมผ่านไปเห็นมาโดยบังเอิญครับ ...ความเชื่อเกี่ยวกับว่าน อีกแง่มุมหนึ่งนะครับ

    เครดิต: บ้านอุณมิลิต

    วิธีใช้ว่านประเภทที่มีอำนาจ ว่านที่มีอำนาจคุ้มครองป้องกันบ้านเรือน และผู้ที่อยู่อาศัยนั้น มีอยู่หลายชนิด เราจะใช้ว่านชนิดใดก็ได้...

    ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ พอดีเห็นเพื่อนสมาชิก สนใจกันอยู่เลยเก็บมาใว้อ่านแบ่งปันกันครับ ......

    ความเชื่อใดหากไม่ขัดต่อศีลธรรมและช่วยยกระดับจิตใจเราให้สูงขึ้น รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย นะครับ .....ขอบคุณครับ (good)

    ที่มา : http://www.ounamilit.com/b25_wanthai.htm
     
  11. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    โห..คุณ Khanclub กล้ากินใบว่านด้วย ดีนะที่ไม่คันปากอ่ะ

    มากิ คิดเอาเองนะว่า กินว่านแล้วอาจจะคันปาก

    เรื่อง ลูบว่านเล่น มากิชอบลูบว่านลูกไก่ทองค่ะ มันนุ่มดี

    ตอนนี้คิดๆอยู่ว่าจะซื้อมาใหม่ดีไหม อื่อ เสียเงินไปสองร้อยแล้ว
     
  12. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เครดิต : http://natres.skc.rmuti.ac.th

    ตำนานความเชื่อเรื่องว่ำน
    ว่านเป็นพืชที่เกิดขึ้นโดยวิวัฒนาการตามธรรมชาติเช่นเดียวกับบรรดาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่มีเรื่องบอกเล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณหลายชั่วอายุคน ว่า
    ณ เมือง สิทธิการิยะ ยังมีฤๅษี 4 ตน มีฤทธาอานุภาพยิ่งกว่าบรรดาโยคีฤๅษีตนอื่นๆ ฤๅษีทั้ง 4 ตน นี้มีนามว่า กะวัตฤๅษี, กะวัตพันฤๅษี, สัพรัตถนาถฤๅษี, จังตัง

    กะปิละฤๅษี
    พระฤๅษี 2 ใน 4 ตนนี้ ได้ให้ธาตุทั้ง 4 ตั้งอยู่เป็นอธิบดีแก่บรรดาสรรพสิ่งทั้งปวง ส่วนท่านฤๅษีตนที่ 4 (จังตังกะปิละฤๅษี) ได้ตั้งบรรดากบิลว่านต่างๆ ขึ้นไว้
    ส าหรับท้าวพระยาทั้งปวงอันรู้จักคุณพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ ทั้งยังรู้จักอดกลั้นต่อบรรดาอกุศลกรรมทั้งหลายอีกด้วย
    ท าให้ท้าวพระยาและสมณชีพราหมณ์ทั้งปวงได้รู้จักสรรพคุณและสารประโยชน์จากว่านต่างๆ และน าไปช่วยบ าบัดโรคภัยไข้เจ็บและช่วยปกป้องผองภยันตรายทุกข์ภัยนาๆ

    โดยปกติพระฤาษีหรือท่านผู้ทรงวิทยาคุณขลังต่างๆ จะพ านักอาศัยอยู่ตามป่าสูงหรือในถ้ าตามภูเขา ฉะนั้นบรรดาชาวป่าชาวดอยที่มีถิ่นที่อยู่ในบริเวณ
    ใกล้เคียง จึงพลอยได้รับความรู้ในเรื่องว่านยาจากท่านเหล่านั้นเอง และคงรักษาความรู้ไว้ด้วยการบอกเล่าสืบทอดต่อมาจนทุวัน การนับถืออิทธิฤทธิ์ของว่านจึง
    ยังคงมีแพร่หลายอยู่ในหมู่บ้านชนชาวป่าชาวดอยเหล่านั้นตลอดว่านต่างๆ มีอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยไปกว่าเวทย์มนต์คาถา โดยสามารถป้องกันภยันตรายต่างๆ ได้ เช่น

    1. ว่านบางชนิดท าให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี (ว่านขุนแผนสะกดทัพ)
    2. เมื่อกินว่านเข้าไปแล้วท าให้มีพละก าลังเกิดขึ้นมากมาย มีใจฮึกเหิมไม่หวาดกลัวต่อบรรดาศัตราวุธทั้งปวง สามารถต่อสู้เอาชนะคนหมู่มากที่ห้อม
    ล้อมได้ (ว่านคางคก)
    3. ว่านบางชนิดท าให้คนปกติดีๆ ที่ไปถูกตัวว่านแล้วพิการได้ (ว่านตอด)
    4. ว่านบางชนิดมีพิษถึงกับท าให้ตายได้ (น้ ายางพญาไร้ใบ)
    5. ว่านบางชนิดท าให้เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมแก่ผู้มีว่านชนิดนั้นติดตัว (ว่านดอกทอง)
    6. ว่านบางชนิดท าให้เกิดเป็นเสนียดจัญไรได้ (ว่านดอกทอง)
    7. ว่านบางชนิดใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ได้ (ว่านน้ า ว่านหางจระเข้)
    8. ว่านบางชนิดสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ลอยพุ่ง เป็นดวงในเวลากลางคืน น าเอาดวงหน้าคนปลูกไปแสดงด้วย (ว่านกระสือ)
    อิทธิฤทธิ์ของว่านนั้นจะมีคงที่ตลอดไปได้มักจะเป็นว่านที่ได้ปลูกติดต่อเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน เพราะผู้ปลูกจะ
    ทราบเคล็ดลับของการท าให้ว่านคงอิทธิฤทธิ์อยู่โดยไม่เสื่อมคลาย ส่วนว่านที่ขึ้นเองตามธรรมชาติมักจะไม่มีอิทธิฤทธิ์ เพราะขาดการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ท าให้ธาตุ

    สาร (ปรอท) ในตัวว่านค่อยๆ หนีออกไปจากตัวว่าน
    อิทธิฤทธิ์ของว่ำน1. ให้เลือกเอาวันอังคารวันใดวันหนึ่งในเดือน 12 หรือไม่เกินวันพุธข้างขึ้นอ่อนๆ ของเดือนอ้าย เป็นวันขุดเอาหัวว่านขึ้น
    2. เวลาจะขุดว่าน ให้ใช้มือตบดินตรงใกล้กอว่านหรือต้นว่านนั้น แล้วว่าคาถาเรียกว่านไปตบดินไปสลับกันจนกว่าคาถาใช้เรียกว่านจะจบลง จึงขุดเอาหัว
    ว่านขึ้นมา
    3. คาถาส าหรับเรียกว่านมีดังนี้ “อมขุกๆ กูจะปลุกพญาว่านให้ลุกก็ลุก กูจะปลูกพญาว่านให้ตื่นก็ตื่น พญาว่านหนีไปอื่นให้แล่นมาหากูนี่เน้อ มาฮอด
    แล้วพลันฟ้าวตื่น อม มะ สะ หะ หับคงทน”
    4. ในการขุดเอาว่านขึ้นใช้หัวเพื่อน าไปท าอะไรหรือติดตัวไปไหนด้วย หรือจะขุดเพื่อเก็บว่านเอาไว้เพราะมีมากเกินไป ก็ต้องใช้คาถาเรียกว่านก ากับเวลา
    ขุดขึ้นทุกครั้งไป ว่านนั้นๆ จึงจะทรงอิทธิฤทธิ์คงที่อยู่เสมอไม่เสื่อมคลายลง
    กำรกู้ หรือเก็บว่ำนการขุดหรือปลูกว่านให้คงมีอิทธิฤทธิ์โดยไม่เสื่อมคลายนั้น จะมีวันก าหนดในเดือนต่างๆ ดังนี้

    เดือนอ้าย (ธันวาคม) หรือเดือน ๑ ให้ใช้วันพุธ
    เดือนยี่ (มกราคม) หรือเดือน ๒ กับเดือน ๗ (มิถุนายน) ให้ใช้วันพฤหัสบดี
    เดือน ๓ (กุมภาพันธ์) กับเดือน ๘ (กรกฎาคม) ให้ใช้วันศุกร์
    เดือน ๔ (มีนาคม) เดือน ๙ (สิงหาคม) กับเดือน ๑๑ (ตุลาคม) ให้ใช้วันเสาร์
    เดือน ๕ (เมษายน) กับเดือน ๑๐ (กันยายน) ให้ใช้วันอาทิตย์
    เดือน ๖ (พฤษภาคม) กับเดือน ๑๒ (พฤศจิกายน) ให้ใช้วันอังคาร
    ตามต าราโดยมากมักปลูกในเดือน ๖ (พฤษภาคม) วันอังคาร เพราะเป็นช่วงฤดูฝนเหมาะแก่การปลูก และขุดในเดือน ๑๒ (พฤศจิกายน) วันอังคาร
    เพราะเป็นช่วงน้ าลง

    เคล็ดลับของการขุดว่าน เพื่อให้ต้นว่านขลังเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์คือ ในขณะที่ยกต้นว่านขึ้นจากดินที่ปลูกอยู่เดิม ให้ร้องว่า ขโมย... ขโมย... ขโมย 3
    ครั้ง จึงน าว่านนั้นไปปลูกตามพิธีการปลูกว่านแต่ละชนิดให้ถูกต้องต่อไป หากท าได้ดังนี้ ต้นว่านจะคงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ตามอิทธิฤทธิ์ที่มีโดยไม่เสื่อมคลาย

    ฤกษ์ในกำรขุดหรือปลูกว่ำนว่านเป็นกายสิทธิ์มีคุณฤทธิ์โดยเฉพาะตัวของว่าน ฉะนั้นการปลูกจึงต้องมีพิธีมากกว่าการปลูกพืชชนิดอื่นๆ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ผู้ปลูกเองกับเป็นการเพิ่ม
    คุณฤทธิ์ให้แก่ว่านไปด้วยในตัว โดยมากมักจะปลูกในวันอังคาร เดือน ๖ (พฤษภาคม) เพราะเป็นหน้าฝนเหมาะแก่การปลูกพืชชนิดนี้มากกว่าเดือนอื่น ดินที่ใช้

    ปลูก ควรที่จะเป็นดิน 2 สี คือ สีดำกับสีแดง เป็นดินสะอาดปราศจากวัตถุพวกมูลสัตว์ต่างๆ เจือปน และเป็นดินบริเวณกลางแจ้งไม่มีอะไรมาบัง และควรร่อนเอา
    แต่ส่วนละเอียดๆ ไปใช้ ลักษณะของดิน
    1. เป็นดินร่วน
    2. เป็นดินปนทราย
    3. เป็นดินเผาไฟแล้วทุบให้ละเอียด ทิ้งตากน้ าค้างไว้คืนหนึ่ง
    4. เป็นอิฐเผาไฟแล้วทุบให้ละเอียด
    5. หญ้าแห้งสับเป็นท่อนๆ ขนาดครึ่งนิ้ว ส าหรับผสมปนกับดินหรือดินปนทราย
    เวลาเอาหัวว่านลงแล้ว เวลากลบดินอย่ากลบดินให้ดินแน่นเกินไปนัก เพื่อน้ าที่รดจะได้ซึมได้ง่าย หากกดดินแน่นน้ าซึมได้ช้า จะท าให้หัวว่านชุ่มน้ าเกินไป
    อาจเน่าเสียโดยง่าย และส่วนมากควรเหลือหัวว่านให้โผล่พ้นดินสักเล็กน้อย เพื่อการแตกต้นขึ้นใหม่ของว่าน
    วิธีปลูกว่ำนว่านส าคัญๆ ที่มีคุณฤทธิ์มาก จ าเป็นต้องเสกคาถาก ากับในเวลาก่อนรดน้ า คาถามีต่างๆ ดังนี้
    1. “อิติปิโสภควา อรหังสัมมาสัมพุทโธ วิชาจรณสัมปันโน สุขโต โลกวิทู อนุตตโร ปุ-ริสสธัมมสารถี สัตถาเทว มนุสสานัง พุทโธ ภควาติ” ว่า 1 จบ,
    3 จบ, 7 จบ แล้วแต่ชนิดของว่านแล้วจึงรดน้ า
    2. “สัพเพเตโรคา สัพเพเตภะยา สัพเพเตอันตรายา สัพเพเตอุปัททวา สัพเพเตนิมิตา อวมังคลาวินาสสันตุ” เสก 9 จบ จึงรดน้ า
    3. “มหาลาโภ โหตุ ภวันตุเม” 3 จบ จึงรดน้ า
    4. “นโมพุทธายะ” 1 จบ หรือ 3 จบ หรือ 7 จบ และตามก าลังวันคือ วันอาทิตย์ 1 จบ วันจันทร์-วันศุกร์ 3 จบ วันเสาร์ 7 จบ จึงรดน้ า
    การปลูกว่านลงกระถาง ควรเอาออกตั้งไว้ในที่กลางแจ้งเพื่อรับแสงแดดในตอนเช้าและตอนบ่าย ส่วนตอนกลางวันแดดจัด ควรท าร่มบังแดดไว้ เพราะการ
    ปลูกว่านในกระถางนั้นดินไม่สามารถอุ้มน้ าไว้ได้มากเหมือนอย่างพื้นดิน ซึ่งรากของว่านอาจสามารถซอกซอนดูดน้ าตามพื้นดินมาบ ารุงล าต้นให้ชุ่มชื้นกันความร้อนของแดดได้

    ขณะที่เริ่มปลูกว่านใหม่ๆ ควรระมัดระวังในเรื่องแสงแดด อย่าให้ถูกแสงจัดนัก และเรื่องดินอย่ากดให้แน่นเกินไป น้ าอย่ารดให้ชุ่มโชก ถ้าผู้ปลูกไม่เอาใจ
    ใส่ทนุถนอมตัวว่านมักจะเน่าจากรากและหัวหรือเกิดเหี่ยวแห้งเฉาตายเป็นส่วนมาก
    เพื่อให้ว่านที่ปลูกเกิดความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นในอิทธิฤทธิ์ ควรใช้แผ่นทองแดงลงยันต์ด้วยคาถา อิติปิโส 8 ทิศ ซึ่งเข้าพิธีปลุกเสกอย่างดี พร้อมด้วยสิ่ง
    อาถรรพ์อันเป็นมงคลหรือผงศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ตามสมควรมาฝังไว้ที่โคนต้นว่านที่ปลูกไว้
    ในขณะที่จะท าการขุดว่าน ควรเอาน้ ามนต์ที่เสกด้วยคาถา สัพพาสี 8 จบ พรมให้ทั่วต้นว่าน และบริเวณโคนต้นโดยรอบก่อนแล้วจึงขุด จะเพิ่มอิทธิฤทธิ์แก่ว่านนั้นๆ ยิ่งขึ้น

    คัดลอกเผยแพร่ : http://natres.skc.rmuti.ac.th/WAN/data/tum-nan-wan.pdf
     
  13. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เพื่อนสมาชิกท่านใด มี ข้อมูลเกี่ยวกับ งานแสดงพืช "ว่าน" ประชาสัมพันธ์ บอกต่อกัน ได้นะครับ ....ขอบคุณครับ
     
  14. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    ว่านรางจืดทานได้ครับ อย่างว่านตระกูลไพล่ ผมชอบหั่นเป็นแผ่น แล้วเคี้ยวเลย นะครับ ทานทีไรขนลุกซู่เลย (ผมคุ้นเคยกับยาแผนโบราณอยู่แล้ว นะครับ เลยคุ้นเคยกับ ว่าน นะครับ)

    คุณ มากิ ลองเอาว่าน ที่คุณเลี้ยงไว้ บางชนิดมาขอแลกกับเพื่อนสมาชิก ดูนะครับ ลองแลก กันไปเลี้ยงดู ครับ .... ผมได้ข้อมูลจากใน google นี้ หละครับ ได้ข้อมูลมาว่า ถ้าเลี้ยงในกระถาง ไม่ควรให้น้ำเยอะครับ เดีี๋ยวราก และหัว จะเน่า นะครับ ให้น้ำน้อยไป จนดิน แห้งเกิน ก็ไม่ดี อีก นะครับ ...ต้องหมั่นสังเกตอาการ เอานะครับ ....
     
  15. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    แยกประเภทของว่าน ตามวงค์ (http://www.panmai.com)

    เครดิต : แหล่งข้อมูล ๑๐๘ พรรณไม้ไทย วาไรตี้ไม้ดอกไม้ประดับ ประทับใจ

    ว่าน ไม้ประดับนามมงคล

    วงศ์พลับพลึง AMARYLLIDACEAE

    [​IMG]

    ว่านกวักแม่ทองใบ ว่านสี่ทิศ ว่านนางคุ้ม
    ว่านนางล้อม ว่านมหาโชค ว่านมหาลาภ
    ว่านรางนาก ว่านไชยมงคล ว่านแร้งคอดำ
    ว่านกุมารทอง

    วงศ์บอน ARACEAE

    [​IMG]

    ว่านเสน่ห์จันทน์เขียว ว่านเสน่ห์จันทน์แดง ว่านเสน่ห์จันทน์ขาว
    ว่านเสน่ห์จันทน์มหาโพธิ์ ว่านเต่าเกียด ว่านเต่านำโชค
    ว่านสิงหะโมรา ว่านเขียวหมื่นปี ว่านพญาช้างเผือก
    ว่านนางกวักใบโพธิ์ ว่านกวักโพธิ์เงิน ว่านกวักทองคำ
    ว่านเจ้าน้อยมหาพรหม ว่านเงินไหลมา ว่านน้ำ

    วงศ์ทานตะวัน COMPOSITAE

    [​IMG]

    ว่านมหากาฬ ว่านแจง

    วงศ์เปล้า EUPHORBIACEAE

    [​IMG]

    ว่านธรณีสาร ว่านหนุมาน ว่านลิ้นมังกร

    วงศ์ธรรมรักษา HELICONIACEAE

    [​IMG]

    ว่านแสงอาทิตย์

    วงศ์ไอริส IRIDACEAE

    [​IMG]

    ว่านหอมแดง ว่านหางช้าง ว่านแม่ยับ

    วงศ์ลิลลี่ LILIACEAE

    [​IMG]

    ว่านเพชรนารายณ์ ว่านเศรษฐีเรือนกลาง ว่านเศรษฐีเรือนนอก
    ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านเศรษฐีไซ่ง่อน ว่านเศรษฐีขอดทรัพย์
    ว่านกวนอิม ว่านหางจระเข้ ว่านดองดึง

    วงศ์คล้า MARANTHACEAE

    [​IMG]

    ว่านนกยูง ว่านนกคุ้ม ว่านเสน่ห์ขุนแผน

    วงศ์กล้วยไม้ ORCHIDACEAE

    [​IMG]

    ว่านเพชรหึง ว่านอึ่ง

    วงศ์ไม้เท้ายายม่อม TACCACEAE

    [​IMG]

    ว่านค้างคาว ว่านพังพอน

    วงศ์องุ่น VITACEAE

    [​IMG]

    ว่านเพชรสังฆาต ว่านพระเจ้าห้าพระองค์เถา

    วงศ์ขิง ZINGIBERACEAE

    [​IMG]

    ว่านพญามือเหล็ก ว่านมหานิยม ว่านมหาเสน่ห์
    ว่านมหาเมฆ ว่านมหาหงส์ ว่านกระแจะจันทน์
    ว่านนางคำ ว่านชักมดลูก ว่านร่อนทอง
    ว่านกระชายแดง ว่านกระชายดำ ว่านไพลขาว
    ว่านไพลดำ ว่านเปราะหอม ว่านขมิ้นอ้อย
    ว่านสาวหลง ว่านเพชรกลับ ว่านกำบัง
    ว่านคัณฑมาลา ว่านเปราะป่า

    ** เอาไว้อิง ครับ ...** (good)
     
  16. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    กำลังหา ต้นรางจืด มาปลูกอยู่เหมือนกันค่ะ เห็นว่าสามารถนำใบมาต้มดื่มแบบชาได้ด้วย (ไม่รู้จริงอ๊ะป่าว แต่ว่า ปลูกเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนิ ^^ )
     
  17. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เก็บมาฝาก การปรุงยาสมุนไพร (สำหรับว่านยา น่าจะลองเอามาประยุกต์ใช้ได้นะครับ)

    บทความประชาสัมพันธ์จาก : ยาไทย

    วิธีการปรุงยาสมุนไพร

    [​IMG]

    ตำรายาไทยส่วนใหญ่กล่าวถึงวิธีปรุงยาไว้ 24 วิธี แต่บางตำราเพิ่มวิธีที่ 25 คือ วิธี กวนยา ทำเป็นขี้ผึ้งปิดแผลไว้ด้วยในจำนวน วิธีปรุงยาเหล่านี้มีผู้อธิบายรายละเอียดวิธีปรุงที่ใช้บ่อยๆ ไว้ดังนี้คือ

    ยาต้ม

    การเตรียม ปริมาณที่ใช้โดยทั่วไป คือ 1 กำมือ เอาสมุนไพรมาขดมัดรวมกันเป็นท่อนกลมยาวขนาด 1 ฝ่ามือ กว้างขนาดใช้มือกำได้โดยรอบพอดี ถ้าสมุนไพรนั้นแข็ง นำมาขดมัดไม่ได้ให้หั่นเป็นท่อนยาว 5-6 นิ้วฟุต กว้าง 1/2 นิ้วฟุต แล้วเอามารวมกันให้ได้ขนาด 1 กำมือ

    การต้ม เทน้ำลงไปพอให้น้ำท่วมยาเล็กน้อย (ประมาณ 3-4 แก้ว) ถ้าปริมาณยาที่ระบุไว้น้อยมาก เช่น ใช้เพียง 1 หยิบมือ ให้เทน้ำลงไป 1 แก้ว (ประมาร 250 มิลลิลิตร) ต้มให้เดือดนาน 10-30 นาที แล้วแต่ว่าต้องการให้น้ำยาเข้มข้นหรือเจือจาง ยาต้มนี้ต้องกินในขณะท ี่ยายังอุ่นๆ

    ยาชง

    การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแห้งชง โดยหั่นต้นสมุนไพรสดให้เป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ แล้วผึ่งแดดให้แห้ง ถ้าต้องการให้ไม่มีกลิ่น เหม็นเขียวให้เอาไปคั่วเสียก่อนจนมีกลิ่นหอม

    การชง ใช้สมุนไพร 1 ส่วน เติมน้ำเดือดลงไป 10 ส่วน ปิดฝาตั้งทิ้งไว้ 15-20 นาที

    ยาดอง

    การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแห้งดอง โดยบดต้นไม้ยาให้แตกพอหยาบๆ ห่อด้วยผ้าขาวบาง หลวม ๆ เผื่อยาพองตัวเวลาอมน้ำ

    การดอง เติมเหล้าโรงให้ท่วมห่อยา ตั้งทิ้งไว้ 7 วัน

    ยาปั้นลูกกลอน

    การเตรียม หั่นสมุนไพรสดให้เป็นแว่นบาง ๆ ผึ่งแดดให้แห้ง บดเป็นผงในขณะที่ยายังร้อนแดดอยู่ เพราะยาจะกรอบบดได้ง่ าย

    การปั้นยา ใช้ผงยาสมุนไพร 2 ส่วนผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม 1 ส่วน ตั้งทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ยาปั้นได้ง่ายไม่ติดมือ ปั้ นยาเป็นลูกกลมๆ เล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร เสร็จแล้วผึ่งแดดจนแห้งจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ ให้นำมาผึ่งแดดซ้ ำอีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราขึ้นยา

    ยาตำคั้นเอาน้ำกิน

    การเตรียม นำสมุนไพรสด ๆ มาตำให้ละเอียดหรือจนกระทั้งเหลว ถ้าตัวยาแห้งไปให้เติมน้ำลงไปจนเหลว

    การคั้น คั้นเอาน้ำยาจากสมุนไพรที่ตำไว้นั้นมารับประทาน สมุนไพรที่ตำไว้นั้นมารับประทาน สมุนไพรบางอย่าง เช่น กระทือ กระชายให้นำไปเผาไฟให้สุกเสียก่อนจึงค่อยตำ

    ยาพอก


    การเตรียม ใช้สมุนไพรสดตำให้แหลกที่สุดให้พอเปียกแต่ไม่ถึงกับเหลว ถ้ายาแห้งให้เติมน้ำหรือเหล้าโรงลงไป

    การพอก เมื่อพอกยาแล้วต้องคอยหยอดน้ำให้ยาเปียกชื้นอยู่เสมอ เปลี่ยนยาวันละ 3 ครั้ง


    วิธีการต้มยาสมุนไพร(Herbs Decoction)เพื่อสกัดตัวยาออกมาใช้ประโยชน์

    วิธีแปรรูปสมุนไพรเป็นการนำเอาสรรพคุณของสมุนไพรมาใช้งาน ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน พืชสมุนไพรแต่ละชนิดก็มีวิธีแปรรูปที่แตกต่างกันไป วิธีแปรรูปสมุนไพรที่พบเห็นได้บ่อยและนิยมใช้กันมากได้แก่ การต้ม

    วิธีการต้มยาสมุนไพรเป็นหนึ่งในวิธีแปรรูปสมุนไพรที่สามารถสกัดตัวยาที่อยู่ในสมุนไพรให้ออกมาได้ดีกว่าวิธีอื่นๆเพราะต้องใช้ความร้อนมากและเวลาการต้มที่นานกว่า โดยมีน้ำเป็นตัวละลายยาที่อยู่ในต้นพืชสมุนไพร การต้มยาสมุนไพรไม่จำกัดว่าจะเป็นสมุนไพรแห้งหรือสมุนไพรสด โดยมากจะเป็นพืชสมุนไพรจำพวกเปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดหรือผลของพืชสมุนไพร

    การต้มยาสมุนไพรมีข้อดีคือ ทำง่ายและสะดวก สามารถสกัดเอาตัวยาออกมาจากพืชสมุนไพรได้มากแต่ก็มีข้อเสียคือยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มมักจะมีรสขม ฝาด กลิ่นและรสชาติไม่น่าดื่มและยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มไม่ควรเก็บไว้ข้ามคืนเพราะอาจจะขึ้นราและเสียได้ง่าย ควรดื่มยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มให้หมดภายในวันนั้น(ต้มกินวันต่อวัน)

    วิธีการต้มยาสมุนไพร ความสะอาดต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง น้ำและภาชนะที่ใช้ในการต้มยาสมุนไพรต้องสะอาดและบริสุทธิ์ ภาชนะที่ใช้ควรเป็นภาชนะที่ทำด้วยดินเผา ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะเพราะสมุนไพรอาจทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้มีผลต่อสรรพคุณของยาสมุนไพร ส่วนปริมาณที่ใช้ต้มให้ใส่พอท่วมตัวสมุนไพรเท่านั้น

    การเตรียมสมุนไพรที่จะต้ม ถ้าสมุนไพรที่นำมาต้มมีขนาดใหญ่ให้หั่นหรือสับให้มีขนาดเล็กลงแต่อย่าหั่นหรือสับสมุนไพรจนเล็กเป็นฝอยเพราะจะทำให้ลำบากเวลาจะแยกกากสมุนไพรออกจากน้ำสมุนไพรที่ต้มได้ หากเป็นสมุนไพรแห้งก่อนต้มให้แช่น้ำทิ้งไว้สัก 20-30 นาที แต่ถ้าเป็นสมุนไพรสดให้ต้มได้เลยไม่ต้องแช่น้ำ

    ความแรงของไฟที่ใช้ต้มยาสมุนไพร ให้ใช้ไฟปานกลางเมื่อต้มยาจนเดือดแล้ว ค่อยๆลดไฟลงให้เป็นไฟอ่อนและขณะต้มยาสมุนไพรต้องคอยคนยาที่ต้มตลอดเวลา ต้มยาสมุนไพรด้วยไฟอ่อนอีก 10-20 นาทีก็ใช้ได้แล้ว การต้มยาสมุนไพรตามสูตรคนไทยที่ใช้กัน มักต้มโดยใส่น้ำลงไป 3 ส่วนแล้วต้มจนน้ำเหลือ 1 ส่วน(ต้ม 3 เอา 1) ยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มให้กินวันละ 3 ครั้งและควรกินยาสมุนไพรที่ต้มได้ในวันนั้นให้หมดแบบวันต่อวัน.
     
  18. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    สามารถเอาใบมาต้มดื่มได้ จริงครับ ...(พ่อผม ดื่มเป็นประจำครับ) เป็นรางจีดแบบเถานะครับ ...ส่วนแบบหัว ที่บ้านพ่อผม ยังมีอยู่น้อยนะครับ และ อายุยังไม่ครบกำหนด นำมาใช้ ครับ .....ต้องรอสักระยะ ....

    พูดถึงรางจืดแบบเถา ....เดิมที่ผมไม่รู้จักเลย นะครับ แต่เห็นจนชินตา นะครับ เพราะแต่ก่อนผมเองไม่ได้สนใจเรื่องว่านและสมุนไพรเท่าไร นะครับ แล้วรางจืดเถานี้นะ อยู่ตรงหลังศาลพระภูมิประจำบ้านครับ และ ยัง อยู่ตรงจอปลวกอีกนะครับ ...และผมก็มักจะเด็ดใบที่ไม่แก่ ไม่อ่อนมาก เอามาเคี้ยวกิน นะครับ รสชาดก็แปล่งๆ นิดหน่อยครับ รู้สึกติ๋วๆ นิดๆ แต่ก็ปกติดีนะ ครับ ไม่มีอาการเมา หรือ หลอนแต่อย่างใดครับ ก็เลย เข้าใจว่า ทานได้ ...ครับ จนมาถึงวันที่ผม เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับว่านนิหละ ครับ ที่ทำ ให้เข้าใจว่าทานได้ และมีสรรพคุณมากมายเลย ครับ .....(good)
     
  19. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เกร็ดความเชื่อเกี่ยวกับว่าน ด้านการค้าขาย

    เครดิตบทความเผยแพร่ : เกมส์ เกม ดูดวง ฟังเพลง เพลง หาเพื่อน กลอน แชท ทำนายฝัน ฟุตบอล ข่าว หางาน ดารา เซ็กส์ ผู้หญิง

    ความเชื่อโบราณ : ต้นว่านกับดวงการค้า

    [​IMG]

    ต้นว่าน ต้นไม้อีกชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อของเรามาช้านาน ซึ่งต้นไม้ที่เราเรียกกันว่า ว่าน นั้น ส่วนใหญ่มักเป็นต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร การรักษาอาการเจ็บป่วย และไม้ประดับอีกหมายๆชนิด

    คนในสมัยโบราณนั้นนิยมที่จะปลูกต้นว่านนานาชนิดไว้ในบ้าน บ้างก็ปลูกเพื่อให้เป็นมงคลกับครอบครัว บ้างเอาไว้เป็นยาสมุนไพรในการรักษาอาการเจ็บป่วย รวมไปถึงการปลูกเป็นไม้ประดับบ้านก็ยังมีเช่นกัน

    แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว คนในสมัยโบราณยังมีความเชื่อกันว่า ต้นว่าน สามารถบ่งบอกได้ถึงดวงการค้าจาก หรือเป็นเครื่องบอกชะตาว่าการค้าจะดีหรือไม่ดี ถ้าต้นว่านงอกงามดีแสดงว่าชีวิตกำลังรุ่งเรือง ยิ่งถ้าว่านออกดอกด้วยล่ะก็แสดงว่าช่วงนั้นดวงดีมาก จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง

    แต่ถ้าต้นว่านเกิดเหี่ยวแห้งหรือหักงอไป เจ้าของอาจจะอยู่ในช่วงดวงตก ทำมาค้าไม่ขึ้น ต้องรีบทำบุญให้มากๆ เพื่อเสริมดวง และควรปรับปรุงวิธีการค้าเสียใหม่เพื่อให้กิจการดีขึ้น
     
  20. khanclub

    khanclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +659
    เอาชื่อว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ มาฝาก

    เครดิตบทความเผยแพร่ : THAIPLANTS : ว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ [Powered by Weloveshopping.com]

    ว่านเกราะเพชรไพฑูรย์

    [​IMG]

    ว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ ในสมัยโบราณเป็นว่านที่มีการหวงแหนปิดปังกันมาก ส่วนมากผู้ครอบครองมักเป็นเจ้านาย หรือคหบดีผู้มั่งคั่ง จนทำให้ว่านชนิดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เกราะเพชรพระยา” เมื่อก่อนจะหาว่านนี้ต้องเข้าป่าลึก นานๆ จะพบสักต้น ในปัจจุบันจะว่าหายากก็ไม่เชิง แต่มักหวงไม่ค่อยจะให้คนอื่นง่ายๆ และก็พอหาได้ตามตลาดว่านทั่วไป ราคาค่อนข้างสูง ผู้คิดเลี้ยงว่านมือใหม่ต้องระวังการแอบอ้างนำว่านชนิดอื่นมาหลอกขาย เพราะลักษณะลำต้น หรือแม้แต่ใบก็คล้ายกับว่านอีกหลายชนิด ถ้าไม่ชำนาญจริงก็อาจแยกแยะลำบาก เนื่องจากคนสมัยนี้ขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพ ขายได้แม้กระทั่งจิตวิญญาณของตนเอง ดังนั้นจึงต้องระแวดระวังให้มาก

    ลักษณะว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ จัดเป็นว่านในวงศ์ขิง ต้นและใบเหมือนกับข่า แต่ใบบางกว่าใบข่ามาก ถ้าสังเกตให้ดีที่บริเวณขอบใบจะมีสีขาวเป็นทางใส เล็กมากๆ ต้องสังเกตให้ดี ลักษณะหัวไม่ใหญ่นัก จึงทำให้ต้นไม่สมกับหัว คล้ายกับหญ้าชันกาดที่อยู่ตามท้องนา หัวมีกลิ่นฉุนคล้ายกับไพล ดอกออกยากมาก นานๆจะพบดอกสักครั้ง บางคนเลี้ยงมาตั้งนานไม่เคยเห็นดอกเลยก็มี แต่ถ้าดอกออกเมื่อใดนั่นก็หมายความว่าโชคลาภ ความมั่งคั่ง หรือชื่อเสียงสักการะ จะหลั่งไหลมาสู่ตัวเจ้าของอย่างแน่นอน

    คุณประโยชน์ ว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ เป็นที่แสวงหาของนักเลงว่านมาแต่โบราณ ซึ่งนิยมกันมาก โดยถือว่าเป็นว่านมงคลชั้นสูง มีคุณวิเศษประดับบารมีผู้ครอบครองว่านชนิดนี้ ผู้เลี้ยงว่านมักใช้ว่านเกราะเพชรไพฑูรย์นี้เป็นเครื่องหมายทำนายโชคชะตาผู้เป็นเจ้าของด้วย เช่นในรายใดที่ปลูกแล้วเจริญงอกงามดี จะส่งผลให้โชคลาภบังเกิดแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของ บริวาร บ้านเรือนอาศัยและร้านค้า แม้เพียงได้ปลูกว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ไว้ในบ้านเรือนร้านค้า จะคุ้มครองป้องกันอันตราย คุณไสยวิทยาต่างๆได้ทุกประเภท หรือหากใครได้กินว่านนี้เข้าไปจะมีพละกำลังมหาศาล ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ศาสตราวุธทุกชนิดมิอาจทำให้โลหิตไหลได้เลย เป็นคงกระพันชาตรี ตำนานว่านกล่าวว่า แม้พกหัวว่านเดินทางไปในทิศใดจะแคล้วคลาดจากภยันตราย ภูติผีป่า สัตว์ร้าย ลมเพลมพัด มิอาจทำอันตรายได้ดุจมีเกราะวิเศษคอยป้องกันตัว ก่อนจะกินหรือพกหัวว่านติดตัวให้ภาวนาด้วยพระคาถา “นะโมพุทธายะ” ๓ คาบ ๗ คาบ แต่บางตำราก็ว่าให้ภาวนาพระคาถาเดินหน้าและถอยหลังด้วยก็ได้

    วิธีปลูก ตำรากล่าวว่าใช้ดินสะอาดปราศจากมลทินใดๆ โดยนำดินกลางแจ้งมาเผาไฟแล้วทุบให้ละเอียด จากนั้นนำไปตากน้ำค้างไว้หนึ่งคืน (มีผู้รู้บางท่านนำไปตากน้ำค้างหรือแสงจันทร์เฉพาะในวันข้างขึ้นพระจันทร์เต็มดวง เพื่อให้รับพลังงานจากแสงจันทร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเพื่อให้แสงจันทร์ชำระล้างคลื่นพลังที่ไม่ดีในดิน) แล้วคลุกเคล้ากับพืชจำพวกตระกูลถั่วที่ผุพังเป็นดินปลูก ข้อห้ามสำคัญคือห้ามใส่ปุ๋ยคอกเด็ดขาด

    [​IMG]

    ข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม : ดอกเกราะเพชรไพฑูรย์

    ว่านชนิดนี้ แหล่งข้อมูลเคยบอกไว้ว่า ว่านชนิดนี้ นำเข้ามาจากฝั่งพม่า ครับ ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...