ใครหาทางหลุดพ้นได้แล้วบ้างช่วยแนะนำที

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nunnapath, 26 มีนาคม 2009.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** หนทางเดียวกัน ****

    หนทางรอดพ้นภัย...คือ หนทางหลุดพ้นที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติ
    หนทางหลุดพ้นที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติ....คือ หนทางรอดพ้นกรรม
    หนทางรอดพ้นกรรม... คือ หนทางพ้นทุกข์
    หนทางพ้นทุกข์....คือ สัจจะ
    สัจจะ...คือ สัญญาใจตนเอง
    พระพุทธเจ้าจึงได้เชื่อ....สัจจะ เป็นที่พึ่งนำพาให้สัตว์หลุดพ้น
    การกระทำจากสัจจะ...จึงหาค่าประเมินมิได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. แพ้สะกดยังงัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +69
    คุณ ต้องบื่อหน่ายการเกิดการทุกข์ไม่ต้องการแล้วร่างกายนี้ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นหมูเป็นแมวเป็นเทวดาเป็นพรหมะไรก็แล้วแต่ฉันไม่ต้องการแล้วอันนั้นและคือวิสัยของผู้จะเข้านิพพานจิตมันจะมั่นอยู่อย่างนั้นแต่ตอนนี้ที่เราอยู่ในร่างนี้ก็ช่างมันจะสงเคราะห์มันไปเท่าที่ทำได้นะคุณ เอวังโหตุ
     
  3. my_mild สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +0
    หนูเป็นคนนึงเหมือนกันที่มีทุกข์เเละหนูก็ไม่รู้จะเเก้มันยังไงดีเพราะเวลาหนูเจอมันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากมันเกิดกับพี่หนูมันทุกข์มากหนูไม่รู้จะเเก้ยังไง หนูสงสารพี่หนูเหลือเกินเเต่หนูก็ไม่เคยโกรธพี่เลย หนูขอเล่าไว้เเค่นี้นะคะ
     
  4. Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    สงสัยอาการจะหนัก..
    ขอความกระจ่างอีกนิดนะครับ ทุกข์ที่หนูกล่าวไว้นั้น หนูสามารถจับมันได้ไม๊ ? (ตานี่ท่าจะบ้า)
    นั่นสิ..มันไม่มีตัวตนนะ แม้แต่สุขมันก็ไม่มีตัวตน
    เราเข้าไปสมมติขึ้นมาเองน่ะ..มันเป็นของมันอย่างนั้นอยู่แล้วน่ะ
    จิตเราต่างหากที่โอนเอียง อ่อนแอ ลองพิจารณาให้ชัดดูนะ ไว้ไอ้ที่ทุกข์น่ะ

    จี้ก้นมันเข้าไปหาต้นเหตุนั้นๆด้วยความจริง เอาจริงความทั้งหลายทั้งปวงทิ่มมัน

    มันทุกข์จริงๆหรือเราไปบัญญัติไว้เองแต่แรกนะ
    จะเป็นเรื่องอะไรก็ตามขอให้มีสติไว้ก่อน ค่อยๆพิจารณามันเข้าไปด้วยไตรลักษณ์
    ดูมันไปเถิด ดูมันจะไปสิ้นสุดที่ใด
    ดูว่าในขณะที่ทุกข์นั้นๆ มันจะต้องมีความสงบบ้างน่าแม้จะเพียงเสี้ยววินาที มันจะต้องมีแน่นอน..
    ขอให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่เสมอๆผู้ซึ่งจะนำพาเราหลุดพ้นเหตุที่ก่อให้เกิดทุกข์ได้ทั้งปวง..

    เจริญธรรมครับ
     
  5. Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    รู้จักทุกข์
    รู้จักทางเกิดทุกข์
    ทุกข์เกิดที่ไหน ทางดับก็อยู่ตรงนั้นนะคะ
    อย่ามองที่ไหนไกลเลยนะคะ
    หาในตัวเราเท่านั้น
     
  6. OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
     
  7. OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ....ตอบแบบคนโง่ๆ....

    อยากหาทางหลุดพ้น นะหรือ?...ก็... เขียนไว้ที่ประตูทางเข้าออก..ว่า ทางหลุดพ้น...หมั่นเดินเข้าออก วันละ หลายๆ รอบ...เดี๋ยว มัน ก็ ออกได้เองแหล่ะน่า...

    ..สงสัย ...งานนี้ ..ลุงจะโง่จริงๆ.....
     
  8. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หนูก็ต้องสงบ ตั้งมั่น เป็นหลัก เป็นเสาหลักที่ดี ไม่โอนเอนไปตามเขา ไม่ร้อนตาม ไม่เย็นเกิน

    วันหนึ่ง หากเขาคลอนแคลนแล้วระลึกรู้ เขาจะเห็นเราว่า ตั้งมั่น สงบ

    เมื่อนั้น เราจะช่วยพี่หนูได้ ไม่มาก ก็น้อย

     
  9. นายธรรมนูญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +578
    กำหนดสติ ดูอารมณ์ของจิตให้ตลอดสาย แล้วจะเข้าใจและปัญญาเกิด ต่อไปก็จะเข้าใจทุกข์ เมื่อเข้าใจทุกข์อย่างแจ้งแล้วมันก็แก้ทุกข์ได้เอง นะ
     
  10. นายธรรมนูญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +578
    กำหนดสติ ดูอารมณ์ของจิตให้ตลอดสาย แล้วจะเข้าใจและปัญญาเกิด ต่อไปก็จะเข้าใจทุกข์ เมื่อเข้าใจทุกข์อย่างแจ่มแจ้งแล้วมันก็แก้ทุกข์ได้เอง นะ
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    เชื่อในสัจจะ...คือ เชื่อในความจริง

    ถ้าเขาไม่เชื่อสัจจะ....เขาก็ไม่ยอมปฏิบัติตนด้วย สัจจะ
    เมื่อ ไม่มีการกระทำ จากสัจจะ...ก็ไม่มีทางหลุดพ้นจาก นิสัยไปได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ขอบคุณมากน๊ะค่ะสำหรับคำตอบ กิเลส ทำให้เราสร้างพันธนาการกับตัวเรา ถ้าหากเราสามารถปลดปล่อยพันธนาการของเราได้ เราก็จะไปต่อได้ ใช่ไหมค่ะ
     
  13. dabos29 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +53
    ได้ความคิดที่ดี ขอบคุณผู้ตั้งกระทู้และผู้ตอบทุกท่านเลย
    ท่านได้ให้ผู้โง่เขลาผู้หนึ่งตาสว่างแล้ว
    ขอความสุขความเจริญในธรรมขึ้นสูงยิ่งๆขึ้นไป
    จนสุดเส้นทางเดินของวัฏจงเกิดมีแด่ท่านทั้งหลายทุกท่านครับ
     
  14. ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    สาธุ กับเจ้าของกระทู้ค่า

    ก็ต้องอาศัยบารมี๑๐ นะคะ
    --->บารมี คือ คุณธรรมที่ปฏิบัติอย่างยิ่งยวด ปฏิปทาอันยวดยิ่ง
    เป็นความดีที่บำเพ็ญอย่างวิเศษ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายนั่นคือพระนิพพาน
    ๑. ทานบารมี การให้การเสียวละ
    ๒.สีลบารมี การรักษากาย วาจา ใจให้ประพฤติดีงาม ถูกต้อง
    ๓.เนกขัมมบารมี การออกบวช ปลีกตัวจากกาม
    ๔.ปัญญาบารมี ความรอบรู้ ความหยั่งรู้เหตุผลของสิ่งทั้งหลาย
    ตามความเป็นจริง
    ๕.วิริยบารมี ความเพียร ความแกล้วกล้า พยายามบากบั่นอุตสาหะ ไม่ทอมิ้งธุระหน้าที่
    ๖.ขันติบารมี ความอดทน ความแข็งแกร่งของจิตใจ สามารถใช้สติควบคุมให้อยู่ในอำนาจ
    และเหตุผล
    ๗.สัจจบารมี การพูดจริง ทำจริง จริงใจ
    ๘.อธิษฐานบารมี ความตั้งมั่น การตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
    ๙.เมตตาบารมี ความรักใคร ปรารถนาดีต่อผู้อื่นและเพื่อนร่วมโลก
    ๑๐.อุเบกขาบารมี การมีใจเป็นกลาง วางใจให้สงบราบเรียบ เที่ยงธรรม
    ---------------------------------------------------------------------
     
  15. anuwats19 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +16
    คุณทำความเข้าใจกับธรรมชาติหรือยัง

    เมื่อคุณรู้ คุณเข้าใจแล้ว อะไรมันก็ง่ายไปหมด

    คุณไม่จำเป็นต้องมีอิทธิฤทธิ์ เหาะเหิน เดินอากาศอะไรหรอก สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น

    แค่คุณเข้าใจตนเอง แค่นั้นก็จบ พยายามหาว่าคุณต้องการอะไร หาเหตุปัจจัย หาคำตอบ แล้วคุณก็จะได้ความจริงที่เป็นหนึ่งเดียว
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะทำ ตัดลดนิสัย ****

    พิจารณาตนเอง....ค้นหานิสัยที่ไม่ดีสักหนึ่งอย่าง
    ที่คิดว่า...ถ้าเราไม่ทำแล้ว ชีวิตเราจะดีขึ้น
    นำมาเป็น....หัวข้อสัจจะ เพื่อกำหนดความชัดเจนให้ตัวเองได้ทำ

    เช่น....นิสัยขี้โมโห ทำลายข้าวของ
    เราก็ต้อง...ตัดนิสัยโมโห ให้ได้

    ให้ถวายสัจจะต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ข้าพเจ้าขอถวายสัจจะว่า...ไม่โมโห
    มีกำหนด วันละ หนึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ ๘ โมงเช้า ถึง ๙ โมงเช้า เป็นเวลา ๓๐ วัน

    ผู้ทำได้ นิสัยจะลดลงจนหมดไปได้
    ทำแล้วจะได้รู้เอง
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ข้อ 2. ท่าน nunnapath มีวิริยะแล้วหรือยัง คืออย่างไร
    ดูซิ ..ศึกษาว่า เราเรียนรู้วิธีการ ที่เรียกว่าพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ในเบื้องต้น ว่าเข้าใจดีแล้วหรือยัง แยกให้ออกว่า ท่านสอนเรื่องอะไรบ้าง เมื่อได้ สดับ หรือเรียนรู้ วีธีการที่รู้ถูก แล้ว ประพฤติตามนั้นแล้วหรือยัง ข้อ นี้สำคัญมาก
    ในเบื้องต้น ความเข้าใจที่รู้ถูก ท่าน nunnapath เข้าใจว่าอย่างไรบ้าง[/QUOTE]

    วิริยะของข้าพเจ้านั้นไม่รู้จะมีเท่าท่านอื่น ๆ อาจจะไม่มากมายอะไรก็ปฏิบัติมา ได้ 4-5 ปี เริ่มจากการสวดมนต์ เข้าวัด ทำบุญ รู้แต่ว่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วทำบุญถวายสังฆทานโดยไปกับเจ้านายไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดอาทิตย์หนึ่งก็ประมาณ 3-4 วันวันละ 9 องค์ ถวายสังฆทานตลอดติดต่อกัน 3-4 เดือน ชีวิตที่มีทุกข์แทบไม่ติดกับทุกข์เลย มีความสุขกับการทำบุญมาก จากนั้นก็เริ่มเข้าวัดไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดในวันสำคัญประจำปี ทำตลอด สวดมนต์ทุกคืนฟังธรรมทุกคืน หลัง ๆ เริ่มนั่งสมาธิจาก 5 นาทีกลายเป็น 20 นาที- 1 ชม. ความนิ่งในสมาธิก็หายไปเฉย ๆ จากคนชอบโมโห ก็นิ่งขึ้น คำสอนของพระพุทธองค์เป็นคำสอนที่ง่าย แต่อาจจะทำได้อยากถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปฟังด้วย แต่สำหรับข้าพเจ้าแค่นั่งมองดูรูปของพระพุทธองค์แล้วก็รู้สึกได้ว่านี่แหละชีวิต...สุดท้ายไม่มีอะไรเลย แล้วเราจะเอาอะไร แต่ที่ทุกข์นั้นเกิดจากพันธนาการรอบด้วเราต่างหาก จะทำอย่างไรดี
     
  18. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    วิริยะของข้าพเจ้านั้นไม่รู้จะมีเท่าท่านอื่น ๆ อาจจะไม่มากมายอะไรก็ปฏิบัติมา ได้ 4-5 ปี เริ่มจากการสวดมนต์ เข้าวัด ทำบุญ รู้แต่ว่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วทำบุญถวายสังฆทานโดยไปกับเจ้านายไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดอาทิตย์หนึ่งก็ประมาณ 3-4 วันวันละ 9 องค์ ถวายสังฆทานตลอดติดต่อกัน 3-4 เดือน ชีวิตที่มีทุกข์แทบไม่ติดกับทุกข์เลย มีความสุขกับการทำบุญมาก จากนั้นก็เริ่มเข้าวัดไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดในวันสำคัญประจำปี ทำตลอด สวดมนต์ทุกคืนฟังธรรมทุกคืน หลัง ๆ เริ่มนั่งสมาธิจาก 5 นาทีกลายเป็น 20 นาที- 1 ชม. ความนิ่งในสมาธิก็หายไปเฉย ๆ จากคนชอบโมโห ก็นิ่งขึ้น คำสอนของพระพุทธองค์เป็นคำสอนที่ง่าย แต่อาจจะทำได้อยากถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปฟังด้วย แต่สำหรับข้าพเจ้าแค่นั่งมองดูรูปของพระพุทธองค์แล้วก็รู้สึกได้ว่านี่แหละชีวิต...สุดท้ายไม่มีอะไรเลย แล้วเราจะเอาอะไร แต่ที่ทุกข์นั้นเกิดจากพันธนาการรอบด้วเราต่างหาก จะทำอย่างไรดี[/quote]


    แต่สำหรับข้าพเจ้าแค่นั่งมองดูรูปของพระพุทธองค์แล้วก็รู้สึกได้ว่านี่แหละชีวิต...สุดท้ายไม่มีอะไรเลย แล้วเราจะเอาอะไร(ยังก่อนตรงนี้ ยังก่อน)

    แต่ที่ทุกข์นั้นเกิดจากพันธนาการรอบด้วเราต่างหาก จะทำอย่างไรดี....ท่าน nunnapath เข้าใจการสังเกตุไหม

    ลองสังเกตุดูอีกที ว่า มันมารอบตัวเรา หรือมันมาจากตัวเรา
    มันมากระทบเราหรือเรามากระทบมัน ลองสังเกตุ ฝึกสังเกตุ ลงที่ใจ ที่ความรู้สึก กับสิ่งที่มากระทบเรา จากภายนอก จากภายใน ในชีวิตประจำวัน สังเกตุผ่านๆนะ ข้อนี้ ต้องลองเอง ถ้าไม่ลองเองซักระยะ จะคุยกันลำบาก ต้องลองดูก่อน ลองเริ่มใหม่ เดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้ ว่าจะลองสังเกตุ ใจตัวเองในแต่ละวัน คือฝึกให้รู้ตัว ไม่ว่าจะอารมณ์ ดีใจ กับ สิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้ดม ได้สัมผัส ได้จินตนาการ สังเกตุลงปัจจุบันขณะ..ขณะนั้น ว่าใจเป็นเช่นไร สังเกตุผ่านๆ ลองดูนะ เริ่มเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้ อาศัยความเพียร จากการทำก่อน พรุ้งนี้เล่าให้ฟังเพื่อเป็นความรู้ด้วยนะครับ.....ลองดูนะ
     
  19. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตามคำบรรยาย เหล่านั้นไม่ใช่ วิริยะ ถือเป็น กุศลกรรมบท 10 ที่จะเอามา
    เสริมให้เกิด วิริยะ อีกทีหนึ่งเมื่อถึงคราวที่ต้องใช้

    แล้วตอนไหนหละ ที่จะเห็นว่า วิริยะ เกิดหรือไม่เกิด ก็ตอนเห็นภาพพระแล้ว
    เกิดการระลึกบางอย่างได้ ตรงที่จิตระลึกได้ทุกครั้งที่มองภาพพระ หากมัน
    เกิดเนืองๆ เกิดเสมอๆ ไม่ใช่มองบางครั้งเกิด บางครั้งไม่เกิด

    แต่หากการระลึกได้ เกิดจาการจงใจ ช่วยคิด น้อมให้เกิดความรู้สึกใดๆขึ้นมา
    ตรงนั้นจะดีดกลับมาเป็น กุศลกรรมบท 10 แล้ว หรือ จะเรียกแบบกรรมฐาน
    ก็คือ ลงมาทำอนุสติ10 พิจารณา

    การที่ทำอนุสติ 10 ไม่ว่ากองไหน จะมรณสติ อสุภกรรมฐาน ศีลานุสติ การ
    สวดมนต์ระลึกบุญ ฯลฯ เมื่อถึงขีดสุดจะให้สภาพ นิ่งๆ ว่างๆ เป็นความสงบ

    หากอนุสติที่ทำในทางปฏิบัติเป็นส่วนเล็งไปในส่วน นาม จะทำให้ความว่าง
    นั้นเกิดสภาพที่เรียกว่า สุญญตา หรือ อนัตตา หรือ อนิจจา ลักษณะขึ้นมา
    แต่ก็ไม่ใช่ของจริง

    คำว่าของจริง ก็หมายถึง นิพพาน ดังนั้น สุญญตา หรือ ภพของความว่าง
    เหล่านั้นจะเป็นเพียงที่อาศัยเพื่อทำความสงบแก่จิตเท่านั้น ไม่ใช่เพืออยู่
    เพื่อเป็น เพื่อจบกิจ

    เพราะเหตุนี้เอง ส่วนที่เป็นปัญญาจึงยังไม่เกิด แม้ว่าจะเพียรพิจารณาจน
    เกิดความว่าง ความสงบ สุญญตา สักเท่าใดก็ตาม ล้วนแต่ทำให้เข้าใจทุกข์
    ที่รอปรากฏอยู่ไม่ได้ ซ้ำร้ายจะรู้สึกว่า ทรมารยิ่งขึ้น กับการที่จิตเปลี่ยนจาก
    สงบน่าดื่มด่ำอย่างมาก มาเป็น ความฝุ้งซ่านเผารน

    สิ่งที่ต้องตามระลึก ที่จะเป็นวิปัสสนาก็คือ สภาพธรรม ที่เกิดของสองสภาวะ
    นั้นนั่นแหละ ที่ต้องหมั่นระลึก ด้วยความไม่จงใจ อยากทำ อยากปฏฺบัติ อยาก
    ดี เพราะไม่ต้องใช้ ความรู้สึกนั้นเราทำไปตรงๆ เห็นไปตรงๆ รับรู้ไปตรงๆ แค่
    นั้นพอแล้ว

    สิ่งที่เชื่อยากที่สุด คือ ความรู้สึก แค่ทำความรู้สึก มันจะพาหลุดพ้นได้อย่างไร
    ในเมือ มันเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย

    ก็ตรงนี้แหละที่ศรัทธาเกิดยากที่สุด เชื่อยากที่สุด

    แต่รองตรองดูเถิดว่า ก็แค่ทำความรู้สึก ระลึกรู้ลงไปเท่านั้น ไม่ได้เสียหาย
    ไม่ได้เสียเงินเสียทอง เสียเวลาอะไรเลย ไม่ลองดูสักเดือนสองเดือนก็
    จะไม่รู้ว่า เขาภาวนาเจริญสติ กันอย่างไร

    แต่ถ้าตัดสินใจลองทำดู ซึ่งไม่เสียหายอะไร ทำไปสักนิด หากเห็นทาง ก็
    จะคุ้มสุดๆ ที่พบทางออก ง่ายๆ ต่อหน้าต่อตา ไม่ต้องไปแสวงหาจากที่ใด
     
  20. บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +106
    " หาทางออกไม่ได้ ก็ออกทางที่มันเข้ามานั่นแหละโว๊ย "

    จำมาจากโน๊ตเชิญยิ้มครับ พิจารณาดูดีดีก็เข้าทีเหมือนกันนะครับ หนทางมีมากมาย
    ปฎิบัติแล้วต้องสบาย และนำคำสอนของพระพุทธองค์มาสวมแล้วต้องไม่ขัดกัน

    เกษมในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้