น้ำปัสสาวะดื่มได้ มีสารให้ความชุ่มชื้นหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ สารละลายลิ่มเลือดในหัวใจ
พระสงฆ์จากชุมพรชี้น้ำปัสสาวะรักษาโรคมีบัญญัติไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล วิธีดื่มให้ดองสมอไทย สมอพิเภก รักษาอาการผอมแห้งแรงน้อย
ตัวเหลือง แพทย์ธรรมชาติบำบัดระบุมีการจัดประชุมเรื่องน้ำปัสสาวะระดับโลกมาแล้วถึง 3 ครั้ง ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตบอกชัดรักษาโรคได้สารพัด
ขณะที่เจ้าของสวนปาล์ม จังหวัดชุมพรเผยประสบการณ์ดื่มปัสสาวะกว่า 2 ปี รสชาติบอกภาวะสุขภาพได้ ถ้าเปรี้ยวเป็นผลจากรับประทานอาหาร
มีสารกันบูด รสขมกินอาหารมีสารพิษตกค้าง รสเค็ม เกิดจากการดื่มน้ำสะอาดน้อย อย่างไรก็ตาม น้ำปัสสาวะรักษาโรคยังไม่มีข้อสรุปทางวิชาการ
มายืนยัน เรียกร้องนักวิชาการทำการวิจัย
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจัดเสวนา เรื่อง “น้ำปัสสาวะรักษาโรค”
พระดุษฎี เมอังกุโร สำนักสงฆ์ทุ่งไผ่ จังหวัดชุมพร กล่าวว่า การดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรคมีตั้งแต่สมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ในพระธรรมวินัย เป็นแนวทางยังชีพของพระสงฆ์เรียกว่า นิสัย 4 ได้แก่
1. ต้องนุ่งห่มด้วยผ้า 3 ชิ้น นำมาจากผ้าห่อศพ ผ้าบังสุกุล เป็นผ้าที่ไม่มีราคานำมาทำความสะอาด
ตัดเย็บอย่างง่าย ๆ ไม่มีราคา ตัดปัญหาเรื่องถูกลักขโมย
2. อาศัยอยู่โคนต้นไม้ ได้รับอากาศบริสุทธิ์
3. ฉันอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตรเท่านั้น การเดินเท้าเปล่าในยามเช้าได้รับแสงแดดและเป็นการนวดเท้าไปในตัว
4. ฉันน้ำมูต(น้ำปัสสาวะ)เมื่ออาพาท เจ็บป่วย โดยนิสัย 4 กำหนดไว้ชัดเจนในพระไตรปิฏก
“ในสมัยพุทธกาลเขียนไว้ว่า พระสงฆ์ที่ผอมเหลืองให้ฉันน้ำมูตโค คืออินเดียเขานับถือวัว นำน้ำปัสสาวะวัวมาดองสมอไทย สมอภิเษก ฉันรักษาอาการอาพาท แต่พระสายวัดป่าเวลาธุดงค์ จะได้รับการสั่งสอนให้รู้จักนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรค อย่างไข้ป่าหรือไข้มาลาเรีย ฉันสมุนไพรแล้วก็นั่งสมาธิ ทำจิตแน่วแน่ ไม่หายก็ตาย พระธุดงค์ผ่านโรคนี้ได้ ถือว่าเป็นพระที่ผ่านภาวะวิกฤต มีความเข้มแข็ง มีสภาวะจิตที่แข็งแกร่ง ด้านเภสัชบริขาลไม่ได้เขียนไว้มากนัก”พระดุษฎี กล่าว
พระดุษฎี กล่าวด้วยว่า ที่สำนักสงฆ์ทุ่งไผ่ มีพระสงฆ์และฆราวาสจำนวนหนึ่งที่ดื่มน้ำปัสสาวะตนเองรักษาอาการเจ็บป่วย เช่น อาการปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก อีกทั้งการดื่มน้ำปัสสาวะเป็นการ “วัดใจ” เพราะกลิ่นของปัสสาวะแต่ละคนมีรุนแรงแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอาหารที่รับประทาน หากกินเนื้อ ชา กาแฟ เบียร์ ดื่มน้ำสะอาดน้อยจะส่งผลต่อรสชาด ถ้ากินอาหารโปรตีนน้อย ดื่มน้ำมาก กลิ่นของปัสสาวะจะไม่แรง ส่วนตัวเห็นว่าการดื่มน้ำปัสสาวะไม่น่าเสียหาย เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อ การที่หมอแผนปัจจุบันไม่สนับสนุนอาจเป็นเพราะหมอยังไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของปัสสาวะ หมอเลือกพูดแต่สิ่งที่ตัวเองรู้
ขณะที่สังคมไทยเป็นสังคมที่เชื่อผู้เชี่ยวชาญ จึงขาดโอกาสที่จะบำบัดด้วยธรรมะโอสถ
การดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรค ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ บำบัดโรคปวดเรื้อรัง แผลไฟไหม้พุพอง มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ
โดยใช้หลัก "พิษต้านพิษ" คล้ายกับการฉีดเซรุ่มถอนพิษงู ย้ำต้องดื่มน้ำปัสสาวะของตนเองเท่านั้น ใช้ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน
ด้าน น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เจ้าของศูนย์ธรรมชาติบำบัดแห่งหนึ่ง กล่าวว่า จากการค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต พบว่า มีการประชุมระดับโลก เกี่ยวกับน้ำปัสสาวะรักษาโรคแล้ว 3 ครั้ง ที่อินเดีย เยอรมนีและบราซิล มีการรายงานน้ำปัสสาวะรักษาอาการปวดข้อ ไมเกรน ภูมิแพ้ โรคเอสแอลอี โรคปวดข้อรูมาตอยด์ แผลไฟไหม้ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทารักษาเชื้อราตามผิวหนัง สวนล้างช่องคลอดแก้อาการตกขาว
รักษาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดไมเกรน ปวดเมื่อยไม่มีสาเหตุ รักษาโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน สะเก็ดเงิน มะเร็ง ลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ใช้ผ้าชุบน้ำปัสสาวะปิดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ส่วนประกอบของปัสสาวะเป็นน้ำร้อยละ 95 ยูเรียร้อยละ 2.5 และสารอื่น ๆ อีกร้อยละ 2.5 การใช้น้ำปัสสาวะบำบัดโรคอธิบายได้ด้วยหลักฮีโมโอพาธี หรือหลักพิษต้านพิษ เช่น ฉีดพิษงูทีละน้อย ๆ เข้ากระแสเลือดม้าจนได้ซีรั่ม
หรือน้ำเหลืองม้ากลายเป็นเซรุ่มฉีดแก้พิษงูนำพิษของต้นควินินที่ทำให้หนาวสั่นมาเป็นยารักษาไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น
"หลวงปู่โง่น ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติ มีอายุยืนยาว ท่านก็ใช้น้ำปัสสาวะบำบัด มีประชาชนที่อยู่ใกล้วัดของพระดุษฎี เมธังกุโร จังหวัดชุมพร เลื่อมใสศรัทธาดื่มน้ำปัสสาวะบำบัดโรคเหมือนกัน เขาก็สุขสบายดี ในภาวะที่คนเรายากจน โครงการ 30 บาท งบประมาณก็ไม่พอ เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนพึ่งตนเองได้ การดื่มน้ำปัสสาวะบำบัดโรคเป็นการดื่มด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับได้ ไม่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนยา หรือวิตามิน เพราะต้องดื่มน้ำปัสสาวะของตัวเองเท่านั้น" นพ.บรรจบ กล่าว
นพ.บรรจบ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันยังไม่มีรายงานวิจัยเกี่ยวกับพิษ หรือโทษของการดื่มน้ำปัสสาวะในประเทศไทย ผ
ู้ที่บอกว่าดื่มน้ำปัสสาวะระวังโรคไต เพราะปัสสาวะเป็นของเสียที่ขับออกจากร่างกายนั้น ผู้ที่พูดลักษณะนี้ควรมีหลักฐานมายืนยันด้วย
อย่างไรก็ตาม น้ำปัสสาวะบำบัดโรคเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพเท่านั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน มะเร็ง ต้องรักษาด้วยการแพทย์ปัจจุบัน ปรับพฤติกรรม คือ หากต้องผ่าตัดก็ต้องผ่าตัดเนื้อร้ายออก มีข้อควรระวังคือ อย่าดื่มน้ำปัสสาวะของคนอื่น ผู้ที่มีโรคระบบทางเดินปัสสาวะ มีประจำเดือน ไม่ควรดื่มน้ำปัสสาวะ เพราะอาจมีเชื้อโรคติดมาด้วย
"ชาวจีนมีความเชื่อว่า ดื่มน้ำปัสสาวะเด็กผู้ชายสำหรับคนอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หลักการแพทย์พื้นบ้านไทย ใช้น้ำปัสสาวะเป็นยาดอง
เพื่อปรุงโอสถ เช่น ดองสมอไทย สมอภิเพก มะขามป้อม เป็นยาอายุวัฒนะ" นพ.บรรจบ กล่าว.
“หมออยากให้มองน้ำปัสสาวะรักษาโรคเป็นแบบองค์รวมทั้งทางกายและทางจิต คนที่เจ็บป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ
ก็ต้องไปหาหมอ พิจารณาการดื่มน้ำปัสสาวะเป็นทางเลือกเสริม” น.พ.บรรจบ กล่าว
น.พ.บรรจบ กล่าวด้วยว่า ในต่างประเทศมีการวิเคราะห์น้ำปัสสาวะ พบว่า ประกอบด้วยน้ำร้อยละ 95 ยูเรียร้อยละ 2 ที่เหลือเป็นสารอื่น ๆ ข้อมูลทางวิชาการที่หาได้จากอินเตอร์เน็ตระบุว่า ยูเรียในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง แต่หากมีมากจะทำให้เกิดโรคเก๊าท์
ส่วนที่เป็นสารอื่น ๆ มีทั้งฮอร์โมนและสารเคมีกระตุ้นการเจริญเติบโต น้ำปัสสาวะมีสารให้ความชุ่มชื้นหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ สารละลายลิ่มเลือดในหัวใจ
เรียกว่า ยูโรไคเนส บริษัทยาในสหรัฐได้ตั้งจุดเก็บกักน้ำปัสสาวะกว่า 10,000 แห่ง นำน้ำปัสสาวะ 40 ล้านแกลลอนมาสกัดเอาสารยูโรไคเนส ได้
40 แกลลอน สกัดส่งขายทั่วโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1989 สารตัวนี้มีมูลค่าการตลาดประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี นอกจากนั้นยังพบสารอิเล็กโตรพล็อยติน
กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง มีฮอร์โมนเมลาโตนินทำให้นอนหลับดี
ใช้น้ำปัสสาวะทาหน้าแล้วหน้าเด้งจริงมั้ย
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ยากูซ่าา, 18 พฤศจิกายน 2014.
หน้า 1 ของ 2
-
พรุ้งนี้เช้าจะทดลองนำน้ำปัสสาวะมาทาหน้า
แล้วจะมาบอกผลลัพท์ในแต่ละวันให้อ่านกันค่ะ -
อืมมม ช่างคิดน้าาา ขอให้ประสบผลสำเร็จละกัน อย่าลืมยันฮี อิอิ
-
ยาดองมูตรเน่า เต็มสุตร จะประกอยด้วย
๑. มะขามป้อม
๒. สมอไทย
๓. สมอพิเภก (ตัวนี้หากหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องใช้ หรือจะใช้สมอไทยแทนก็ได้นะ
๔.น้ำปัสสาวะของตัวเอง
อัตราส่วนผลไม้ทั้งสาม 1:1:1 (หรือ หากไม่มีสมอพิเภกก็ใช้ มะขามป้อม : สมอไทย เท่ากับ 1:2)
น้ำปัสสาวะใส่ท่วมผลไม้ทั้งสาม
ใส่โหลดองไว้จน เนื้อผลไม้สลายหมด จึงนำมาดื่มกิน (ประมาณครั้งละ ๕๐ ซีซี วันละ ๑-๒ ครั้ง)
ยาหน้าเด้ง จากน้ำปัสสาวะ
๑ น้ำมะกรูด สัก ๑ ช้อนโต๊ะ(หาไม่ได้ใช้น้ำมะนาวแทนก็ได้-แต่สู้มะกรูดไม่ได้)
๒ น้ำผึ้ง พอประมาณ
๓ น้ำปัสสาวะ(ของตัวเองนะ-อย่าใช้ของคนอื่น มันจะอ้วกแตกซะก่อน)
เอามาผสมกันแล้วเอามาทาหน้า ทิ้งให้แห้งสักพัก แล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา
รับรองหน้าเด้งจ้า -
แนะนำว่าก่อนใช้น้ำปัสสาวะให้ดื่มน้ำมะพร้าวน้ำหอมก่อนอย่างน้อย ๓ วันค่ะ
แล้วก็ไม่ควรรับประทานอาหารกลิ่นแรงๆ หรือฉุน เช่นปลาร้า กะปิ กระเทียม อะไรทำนองนี้ค่ะ
น้ำปัสสาวะจะกลิ่นหอม รสชาติดี
อาหารหากจะงดพวกเนื้อสัตว์ หันมาทานประเภทผักได้ก็จะดี -
ไม่แน่นะ
คุณบัวอาจจะอยากทำตามยากูซ่าก็ได้ใครจะรู้ อิอิ -
คุณหมอสุวิมีทั้งสูตรกินและสูตรทาหน้าเด้งด้วยดีจังค่ะ
แต่
ยากูซ่าขอลองสูตรทาหน้าเด้งก่อนก็แล้วกันนะคะคุณหมอ สูตรกินยังมิบังอาจค่ะ อิอิ
ขอบคุณคุณหมอสุวิมากค่ะ -
คุณครูติงก็มีสูตรลับน้ำปัสสาวะมาบอกยากูซ่าด้วย ดีจัง
หันมารับประทานมังสวิรัติก็ดีเหมือนกันนะคะคุณครู
ได้ทั้งสุขภาพ และไม่ต้องเป็นบาปด้วยนะคะ
อีนว่าเนื้อสัตว์นั้น
มันก็คือซากศพดีๆนี้เองค่ะ
ทุกวันเราบริโภคศพเข้าไปไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพนะคะ
แล้วซากศพเหล่านั้นก็เข้าไปอยู่ในร่างกายของเรา
เข้าไปเน่าต่ออยู่ในร่างกายของเรา
บางส่วนก็ถูกย่อย แต่ส่วนน้อยนะคะที่โดนย่อย เพราะซากศพเหล่านั้นย่อยยากซะเหลือเกิน
เอนไซน์ในร่างกายของเราก็ต่างต้องทำงานหนักทุกวันจนอ่อนหล้า
และแล้วก็อาจมีสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งที่มันแฝงตัวอยู่ในร่างกายของเรามันฟื้นคืนชึพขึ้นมา
มันมาช่วยร่างกายของเรากินซากศพเหล่านั้น
จนมันเริ่มโตขึ้นโตขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเรากินเนื้อสัตว์เข้าไปมากเท่าไหร่
มันก็ยิ่งโตขึ้นและโตไว
จนในที่สุดมันโตจนแข็งแรง แล้วมันก็จะเขมือบเรา
จริงมั้ยคะ
ร่ายซะยาวเหยียดเลยเรา
ขอบคุณคุณครูติงนะคะ -
ยากูซ่าเป็นคนที่มีความตั้งใจ
คิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง
เนื่องจากความตั้งใจในคืนวาน ที่ยากูซ่าจะใช้น้ำปัสสาวะทาหน้าในตอนเช้า
เพราะมีข้อมูลบอกว่าน้ำปัสสาวะสามารถทำให้ผิวสวย นั้นจริงหรือ
การที่ยากูซ่ากระทำการสิ่งนี้ มิได้หวังว่าอยากสวย แต่หวังผลในสิ่งที่ต้องการอยากจะรู้ในข้อเท็จจริง นั้นๆเท่านั้น
โดยการใช้หลักกาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชนว่า
ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี
ดังนั้นยากูซ่าจึงขอพิสูจน์ด้วยตนเอง ตามที่ได้ตั้งใจไว้
เมื่อตื่นเช้ามาสิ่งแรกคือ คิดถึงใครบางคนในฝัน (อิอิ) เพราะก่อนจะตื่นฝันเห็นชื่อคนคนนึง
อ้าว...นอกเรื่องและ
เมื่อตื่นเช้ามาสิ่งต่อไปคือ
-ต้องปัสสาวะใส่แก้ว แล้วพิจารณา อย่างมีสติ
เมื่อยากูซ่ามองเห็นน้ำปัสสาวะในแก้วน้ำ ก็เกิดความคิดที่ว่าสิ่งนี้หรือคือน้ำที่เคยอยู่ในร่างกายของเราเอง
เหตุใดเราจึงต้องรังเกียจมัน
ในเมื่อมันเคยเป็นส่วนหนึ่งในตัวของเรา
มันก็แค่ส่วนเกินของน้ำที่ไม่ได้ใช้ผลิตมาเป็นเลือด ซึ่งผ่านการกรอง อย่างดีจากไต (ไตคือเครื่องกรองที่ดีที่สุดในโลกนะ ยากูซ่าว่า..ชิมิ)
ดังนั้นปัสสาวะคือส่วนจำลองของเลือดเพียงแต่เจือจางกว่าเลือด จึงย่อมไม่ใช่ของเสียจริงมั้ยคะ
แถมกลิ่นของมัน ยังหอมอ่อนๆอีกด้วย เอ้อ... แปลกจังเพิ่งสังเกตุก็ตอนอยู่ในแก้วน้ำนี่เอง ไม่น่าเชื่อ คงเกี่ยวกับอาหารที่เรากินเข้าไป (กินมะพร้าวน้ำหอมในมื้อเย็น)
เอาหล่ะค่ะทีนี้เมื่อพิจารณาได้สักพักแล้ว ก็เริ่มเลยค่ะ
-ยากูซ่าใช้นิ้วแตะน้ำปัสสาวะมาทาให้ทั่วใบหน้าเลย แถมยังเผลอเข้าตาไปนิดนึง
รู้สึกแสบตาซะแล้วสิ
แต่ก็อดทนค่ะ
ทาทิ้งไว้และก็ทำภารกิจอื่นรอ คือแปรงฟัน..หลังจากยากูซ่าเริ่มแปรงฟันผ่านไปสัก1นาที
เอาหล่ะหว่า รู้สึกแสบหน้าขึ้นมาซะแล้วสิเรา จึงต้องเร่งแปรงฟันให้เสร็จไวๆเพราะอาจทนความแสบไม่ไหว (อิอิ)
พอบ้วนปากยังไม่ทันจะเสร็จ อาการหมดความอดทนก็บังเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพราะเริ่มแสบหน้ามากยิ่งขึ้น
จึงต้องรีบล้างหน้าถูสบู่ออกอย่างรวดเร็ว
เอ้อ.....ค่อยสบายหน้าขึ้นมาหน่อย
และกลับมาบ้วนปากให้เสร็จ (เดี๋ยวฟันเหลือง)
เสร็จแล้วจึงเช็ดหน้า ทาน้ำมันมะรุม และน้ำมันมะพร้าวบำรุงหน้าตามเคยค่ะ (ยากูซ่า ไม่ใช้ครีม(สารเคมี)ค่ะ ขี้เกียจดีท๊อกส์หน้าบ่อยๆ)
วันแรกอาจยังไม่เห็นผลในทางที่ดีค่ะ เพียงแค่แสบตา แสบหน้า ก็เท่านั้น ชิวๆ
พรุ้งนี้ยากูซ่าจะมาเล่าให้อ่านอีกเป็นการทดลองวันที่สองนะคะ
สำหรับวันนี้ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ -
ตอนที่ทดลองทาดู ทิ้งไว้ ๕ นาทีไม่เป็นไรค่ะ
แรกๆรู้สึกอุ่นๆ เพราะน้ำปัสสาวะจะอุ่น
รู้สึกหอมนิดๆ ไม่มีกลิ่นน่ารังเกียจอย่างที่คิดค่ะ -
ที่จริงชอบกลิ่นอะไรก็ทานอาหารกลิ่นนั้น
ทานกาแฟ ปัสสาวะก็กลิ่นกาแฟ
ทานทุเรียน ปัสสาวะก็กลิ่นทุเรียน -
-
-
สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกท่าน
วันนี้ยากูซ่ามารายงานผลการทดลองการใช้น้ำปัสสาวะทาหน้าเป็นวันที่สองค่ะ
เช้าตื่นขึ้นมายากูซ่าก็คิดถึงคนในฝัน เพราะวันนี้ก่อนจะตื่น ยากูซ่าฝันอีกแล้วค่ะ ฝันเห็นเค้าอีกแล้ว แปลกจัง นอกเรื่องอีกและ อิอิ
เช้านี้พอตื่นขึ้นมา ยากูซ่าก็ตั้งใจอีกตามเคยค่ะ
เข้าห้องน้ำปั๊บ...รีบปัสสาวะใส่แก้วน้ำเตรียมเอาไว้เลย
แต่ปัสสาวะในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานค่ะ เพราะสีเข้มกว่าเมื่อวาน และกลิ่นก็ต่างกัน แต่ก็คล้ายๆกันอยู่นิดหน่อย คงเพราะในมื้อเย็นเมื่อวานยากูซ่ากินขนมปังสังขยา
สีเข้มคงเพราะก่อนนอนดื่มน้ำน้อยไปหน่อยค่ะ
เอาหล่ะค่ะทีนี้เมื่อปัสสาวะใส่แก้วแล้ว
ยากูซ่าก็เริ่มบรรเลงเลยค่ะ เอื้งๆๆเอย เอ้ย!
รีบละเลงทาปัสสาวะบนใบหน้าทันทีค่ะ
ทาไปสักพักชักเริ่มแสบหน้ายิ๊บๆในบางจุดอีกแล้วสิคะเพื่อนๆ
วันนี้แสบไวจัง สงสัยวันนี้ปัสสาวะจะเข้มข้นไปหน่อย หรือเพราะว่าหน้าของยากูซ่าเริ่มบางลงน้อ ปกติก็บอบบางอยู่แล้ว อิอิ
แต่ก็พยายามอดทนค่ะ รีบแปรงฟันอย่างรวดเร็วอีกแล้ว เพราะยิ่งปล่อยปัสสาวะทิ้งไว้บนใบหน้านานเท่าไหร่ก็ยิ่งแสบมากเท่านั้น
แต่ว่าวันนี้อดทนจนแปรงฟันยันบ้วนปากเสร็จค่ะ
แล้วก็รีบล้างปัสสาวะออกจากใบหน้า
เฮ้อ....ค่อยยังดีหน่อย
ผลลัพท์ในวันนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะเพื่อนๆ
แค่ไม่มีตุ่มผดผื่นขึ้นเพราะแพ้ปัสสาวะและไม่มีสิวขึ้นใหม่ก็ดีใจแล้วค่ะ
สรุปวันนี้แสบหน้าเร็ววกว่าเมื่อวานค่ะ แต่ก็สบายๆ ชิวๆค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในวันพรุ้งนี้นะคะเพื่อนๆ
สำหรับวันนี้
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ -
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
คิดถึุงใครบางคนจัง
เมื่อวานนี้ตั้งใจว่าจะมาบอกผลลัพท์ในการใช้น้ำปัสสาวะเป็นที่สามแต่ก็ไม่ได้มาค่ะ
เพราะนอนสลบสไลไปตั้งแต่หัวค่ำเลย
ไม่สบายเวียนศรีษะ และเพลียมากๆค่ะ
วันนี้ก็ยังมีอาการอยู่
แค่ด้วยความคิดถึง
จึงต้องมาค่ะ อิอิ เกี่ยวกันนะ
ในเช้าวานนี้พอยากูซ่าตื่นมารู้สึกไม่สบายค่ะ คงเพราะมีรอบเดือน
ปัสสาวะใส่แก้วไว้ ก็ยังลังเลอยู่ว่าวันนี้(เมื่อเช้าวานนี้)จะทาดีมั้ยน้อ
อาจมีประจำเดือนตกลงไปด้วย
แต่ก็ตัดสินใจลงมือละเลงปัสสาวะลงบนใบหน้าอันบอบบาง(อิอิ)เลยค่ัะ
ทาสักพักก็แสบตามเคยค่ะเพื่อนๆ
ก็รีบแปรงฟันให้เสร้จและก้รีบล้างหน้าออกอย่างรวดเร็วเลยค่ะ
พอมาสักเกตุที่กระจก เห็นเม็ดสิว1เม็ดขึ้นบริเวณมุมปากขวาด้านบน
ฮ้วย...สิวอีหยังน้อ
มองดูใต้ตาเห็ดตุ่มเม็ดเล็กๆหลายตุ่มด้านในผิวหนังแต่ยังไม่โผ่ออกมา
ตายหล่ะหว่ะ....ตุ่มหยังน้อบาดทีนี้ อิอิ
นี้คือสถานนการณ์ของเช้าเมื่อวานค่ะ
แต่เช้าวันนี้ยากูซ่าไม่ได้เอาปัสสาวะมาหน้าหน้าแล้วแหล่ะค่ะ
เพราะมีรอบเดือน
จะเว้นก่อน หรือหยุดเลยน้อ ก็ยังลังเลอยู่ อิอิ
สรุปคือ
วันนี้ยากูซ่าเวียนหัว ปวดหัว เพลีย ไม่สบายมากๆค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในวันที่สบายใจสบายกายนะคะ
สำหรับวันนี้
สวัสดีค่ะ
ก็ยังลังเลอยู่
แต่ก็ตัดสินใจทาเลยค่ะ -
อืมมมม ทาไป เจอก้อนเลือดปนก็เขี่ยๆออกว่างั้น บึ๋ยย
~~ คนหยังขิดื้อนิ~~
ท่าไม่ดีก็หยุดนะ เป็นห่วงมากมาก -
นี่เป็นเหตุที่ไม่ดื่มน้ำปัสสาวะค่ะ...เกรงสิ่งปนเปื้อน
เพราะสรีระของหญิงเราไม่ชวนให้ทำเช่นนั้น -
เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์
ครูบาหลายรูปนิยมฉันสมอดองรวมผมด้วย มานึกถึงพระวินัยว่าฉันยาดอง
ด้วยนำ้มูตรเน่า พระแต่ละองค์ก็ลองถามๆกันหลวงพ่ออาจารย์ได้ให้ใคร
เอานำ้มูตรให้มั้ย ปรรากฎว่าไม่มี เราจึงสบายใจกัน อยู่มาวันหนึ่งพวกเรา
ยังคงค้างคาใจในกลินสมอดอง จึงพากันถามเณรน้อย ว่า "ครูบาน้อย หลวงพ่อได้เอาฉี่เจ้าไปดองสมอมั้ย" เณรน้อยหัวเราะอิอิ แล้วเดินจากไป
มิน่าจัดมาประเคนครูบา แล้วเขยิบไปนั่งห่างๆทุกที อิอิ -
ยากูซ่าคิดว่า น้ำปัสสาวะคงไม่เหมาะกับผิวของยากูซ่าแน่เลยค่ะ เพราะทาทีไรแสบทุกที
เห็นคุณบัวเป็นห่วงยากูซ่าดีใจจัง
ขอบคุณคุณบัวนะคะ -
แต่ยากูซ่าคิดว่า
หากยากูซ่าแก่ตัวมา แล้วมีโรคต่างๆที่อาจจะรักษาได้ยาก หรือหมดทางรักษา
ยากูซ่าจะให้น้ำปัสสาวะนี้แหล่ะค่ะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษา
เพราะดูจากหลายข้อมูลแล้ว น้ำปัสสาวะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆค่ะ
แต่ตอนนี้ยังแข็งแรงอยู่ แม้ป่วยก็แค่ไข้หวัด แพ้อากาศ
จึงยังมิขอดื่มน้ำปัสสาวะในตอนนี้ค่ะ
หน้า 1 ของ 2