ไดอารี่กุศลกรรม และคำสารภาพบาป....>>ของฉัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Luthiien, 17 กันยายน 2012.

  1. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    กรรมจะส่งผลอย่างไรนะ

    ฉันเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง วิถีชีวิตที่ต้องดิ้นรนในการดำรงชีวิตอยู่
    จำเป็นต้องหาปูปลาในท้องนา เพื่อนำมาเป็นอาหาร

    เมื่อพ่อหา กบ ปลา ปู มาได้ ฉันก็มีหน้าที่นำสัตว์เหล่านั้นมาปรุงเป็นอาหาร
    ต้องเพชรฆาตสัตว์เหล่านั้นเกือบทุกวัน ตอนเป็นเด็กจะฆ่าทีนึงก็ขี้เกียจทำ
    ฉันต้มน้ำเดือดๆ แล้วโยนปลาที่ยังเป็นๆ ลงไปเลย คิดว่าเดี๋ยวมันก็คงตายเอง

    ฉันฆ่าปูปลาแบบโยนลงในน้ำร้อนอยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นก็สนุกสนาน
    เพราะต้องคอยหลบน้ำร้อนที่กระเซ็นมาโดนตัวเอง ยิ่งทำก็ยิ่งหึกเหิมไปใหญ่

    แต่พอถึงคราวที่ต้องฆ่ากบ ตอนทุบหัวกบ มันจะชักแล้วเอาขาหน้าทั้งสองของมันมาจับกัน ภาพนั้นมันน่าตกใจมาก เพราะกบทำเหมือนกับกำลังพนมมือไหว้ร้องขอชีวิตจากฉัน แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือก เพราะถ้าไม่ทำก็จะไม่มีอาหารกิน
    หลังๆ มาฉันจึงทุบหัวกบโดยไม่มองมันเลย

    สมัยเด็กก็เคยไปหากบก็พ่อบ่อยครั้ง พอกบมา พ่อจะหักขากบเพื่อป้องกันการหนี ฉันก็ลองหักบ้าง ยิ่งหักขากบได ้ก็ิยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่ง

    นั่นคือกรรมที่ทำตอนเด็ก สัตว์ที่กินได้เกือบทุกชนิดฉันเคยหา เคยล่ามาหมดทั้งสิ้น
    แต่ ณ ตอนนี้ ฉันโตเป็นผู้ใหญ่...ฉันก็ประสบกับอาการปวดหัวรุนแรง มีปัญหาเรื่องขา (เท้าบวม) และแสบคันผิวหนัง คือผิวแพ้ง่าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อน เมื่อเกิดอาการต่างๆ ขึ้นกับร่างกาย ภาพที่ฉันหักขากบ, ทุบหัวกบ, โยนปลาลงในน้ำเดือดก็ผุดขึ้น ทั้งที่ฉันลืมไปแล้ว..ฉันจึงคิดว่ากรรมคงตามทันแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2012
  2. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ทำกับมด

    ฉันไม่คิดว่ากรรมที่ทำกับสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างมดจะส่งผลร้ายแรงกับฉัน
    ฉันเป็นเด็กที่ช่างสงสัย, ชอบทดลอง และสัตว์ที่ผ่านเข้ามา ณ ขณะนั้น มักจะซวยโดนจับมาไขข้อข้องใจของฉันเสมอ มด..จะถูกนำมาทดลองบ่อยเสมอ เพราะมีอยู่ทุกที หาง่ายนั่นเอง

    ฉันสงสัยว่า มดมันจะเดินไปไหนนักหนา แม้ว่าอะไรจะขวางหน้าพวกมัน มันก็จะหาทางเดินไปยังจุดหมายได้เสมอเลย ฉันจึงลองจับขามดไว้ ไม่ให้มันเดินไปได้ แรกๆ มันก็จะกัดนิ้วฉัน แต่นั่นไม่ทำให้ฉันเจ็บปวดเลย รู้สึกจั๊กจี้มากกว่า มดจะพยายามทำทุกวิธีทาง ไม่ว่ามันจะพยายามดึงตัวเองแค่ไหนก็ไม่อาจสู้แรงมนุษย์ได้ และฉันก็ประหลาดใจถึงความเด็ดเดี่ยวของมัน มันเอี่ยวตัวกลับมากัดขาตัวเองข้างที่ฉันจับไว้จนขาด แล้วเดินกะเผลกๆ ไปยังจุดหมายของตัวเอง ฉันแปลกใจมาก เพราะไม่คิดว่ามันจะยอมเจ็บปวดถึงขนาดนั้น

    ฉันคิดว่ามดตัวนี้คงบ้าแน่ๆ ฉันจึงลองทำแบบเดิมกับมดตัวอื่นๆ ปรากฎว่ามดทุกตัวที่โดนยึดขาไว้จะกัดขาตัวเองให้ขาดเพื่อเดินต่อไป

    พอฉันโตขึ้น กรรมที่ฉันทำกับมดก็ส่งผลทันใด วันหนึ่ง ขณะที่พ่อของฉันกำลังตัดหญ้าจากคูนา เพื่อจะนำไปให้ควายที่เลี้ยงไว้ 4-5 ตัวได้กินในช่วงฤดูทำนา ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องยัดหญ้าใส่ในกระสอบเพื่อง่ายต่อการแบก การตัดหญ้าแต่ก่อนจะใช้เคียว แต่พอเรามีเงินเหลือพอจะซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกได้บ้าง พ่อจึงซื้อเครื่องตัดหญ้าแบบที่ไม่ใช่รถเข็น เครื่องตัดหญ้ารุ่นนี้ สามารถตัดแกว่งตามแนวคูนาได้

    พ่อฉันตัดหญ้าอยู่ไม่ไกล ขณะที่ฉันก็ยัดหญ้าใส่กระสอบ วินาทีนั้น ฉันก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกันว่าเราพ่อลูกเดินมาใกล้กันตอนไหน เครื่องตัดหญ้าของพ่อแกว่งโดนหินบนคูนา ซึ่งถูกหญ้าขึ้นสูงปกไว้ พ่อจึงไม่รู้ว่ามีหินอยู่ เครื่องตัดหญ้าตีกลับมา โดนนิ้วของฉันพอดี
    วินาทีนั้น พ่อตกใจตาค้าง รีบดับเครื่องแล้วทิ้งมาดูฉัน ขณะที่ฉันรีบกุมนิ้วไว้ ไม่กล้ามอง
    เลือดออกมามาก ไม่รู้ว่าขณะที่กำลังเจ็บอยู่นั้น ภาพมดก็ผุดขึ้นทันที ฉันจึงรู้ว่านี่คือกรรมที่แกล้งมดนั่นเอง ตอนนั้น ฉันอายุ 18 ปี โชคดีที่นิ้วไม่ขาด แต่ฉันไม่ยอมไปหาหมอ แผลก็ติดเชื้อ ได้รับความทรมานอย่างยิ่ง

    ตอนนี้แผลนั่นหายสนิทแล้ว เนื้อประสานกัน แต่เมื่อไหร่ที่ผิวหนังส่วนที่ขึ้นใหม่โดนสะกิดก็จะเจ็บปล๊าบขึ้นมา ตั้งแต่นั้นมา...ฉันก็ไ่ม่แกล้งมดอีก
     
  3. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ฉันผูกคอหมาที่รักตาย

    ฉันเป็นคนที่ชอบหมามาก มาก...จนถึงขั้นไม่ชอบแมว (ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวเท่าไหร่นะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ชาติที่แล้วฉันเคยเป็นหมามาก่อนหรือเปล่า) บ้านฉันเลี้ยงหมาตลอด ไม่มีครั้งใดที่บ้านเราจะขาดหมา บ้านเราเคยเลี้ยงแมวอยู่ครั้งหนึ่ง แต่พ่อก็ฆ่ามันทิ้งเพราะรำคาญที่มันร้องไม่หยุด จากนั้นก็ไม่เคยเลี้ยงแมวอีกเลย

    ฉันรู้สึกว่าหมาคือสัตว์ที่เป็นเพื่อนแท้ ตอนนั้นฉันอยู่ ป.3 พี่สาวซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยก็เอาหมามาให้ 3 ตัว ให้เพื่อนบ้านไปตัวหนึ่ง เลี้ยงไว้เอง 2 ตัว รวมกับหมาที่อยู่ก่อนแล้ว 1 ตัวเป็น 3 ตัว ตอนเจอลูกหมาครั้งแรก ฉันก็ตกหลุมรักมันทันที ตัวสีขาวล้วน ขนฟูมาก คิดว่าน่าจะเป็นพันธุ์ผสมบางแก้วกับไซบีเรียน เพราะมันดูสง่ามากๆ แถมหวงเจ้าของสุดๆ

    ฉันตั้งชื่อมันว่า "ปุ๊กปิ๊ก" บางทีก็เรียก "ปิ๊ก" เจ้าปิ๊กเป็นหมาตัวผู้ อีกตัวเป็นตัวเมีย บ้านเราเลี้ยงหมาตัวเมียไม่ได้ เราจึงให้อาไปเลี้ยง ฉันกับเจ้าปิ๊กมันจะตัวติดกันเสมอ ด้วยความที่มันเป็นหมาแสนรู้, เอาแต่ใจบ้าง, แต่ช่างเจรจาเหลือเกิน มันมักจะมีถ้อยคำมากมายมาพูดกับฉันเสมอ ฉันเดาออกว่ามันคงจะอวดวีรกรรมเดี่ยวตอนฉันไปเรียนหนังสืออยู่แน่ๆ เพราะเรามักจะไปไหนด้วยกันเสมอ ฉันกลับจากโรงเรียนมันก็รีบมาต้อนรับ และเช็คแฮนกับฉัน

    ยามหน้าหนาวเรานั่งผิงไฟด้วยกันทั้งครอบครัวพร้อมกับเจ้าปิ๊กด้วย มันจะชอบอยู่กับฉันเสมอ บางทีก็นอนเอาคางมาเกยขาฉัน หรือเกยบ่าก็มี

    ยามไปเลี้ยงควายด้วยกัน สัตว์ตัวเล็กๆ ที่เผลอผ่านหน้าเจ้าปิ๊กตัวนั้นก็ถึงคราวเคราะห์ เจ้าปิ๊กจะพยายามเล่นกับสัตว์ตัวนั้นจนเจ้าสัตว์โชคร้ายตาย ล่าสุดก็งูสิง งูสิงมันเลื้อยเร็วอยู่แล้ว แต่ก็ช้ากว่าเจ้าปิ๊กที่พยายามจะเล่นด้วย ฝูงหมากับ 1 คนรุมเล่นกับงู เจ้างูหนีขึ้นต้นไม้ได้ ก็โดนฉันสอยลงมาและเล่นกันจนอีกฝ่ายถึงกับตาย

    เรามีชีวิตสนุกสนานแบบนี้ได้เพียง 5 ปี เจ้าปิ๊กก็เริ่มเกเร คือไล่รถมอไซต์ กัดไก่ จนต้องล่ามโซ่ไว้ วันนั้นฉันไปนาและล่ามปิ๊กไว้ด้วยเชือก เจ้าปิ๊กมันเป็นหมาฉลาด พอรู้ว่าฉันปล่อยแล้วมันจะวิ่งหนี และไม่ยอมให้จับ ฉันยังไม่ได้แก้เชือกที่ผูกติดอยู่กับคอของมันออกเลย เพราะมันไม่ยอมให้จับ ด้านปลายเชือกมีปมอยู่ด้วย คือนึกภาพตามเป็นหมาหลุดจากสายจูง ฉันพยายามจะปล่อยมันออกจากเชือกแต่มันคิดว่าเรากำลังเล่นและไม่ยอมให้จับ ฉันจึงปล่อยเอาไว้อย่างนั้นแล้วกลับบ้าน

    ฉันไม่เจอมัน 2 วัน ฉันคิดว่ามันคงไปจีบสาวอยู่จึงไม่คิดอะไร แต่พอมันหายไปนานเข้า จาก2 วันเป็น 5 วัน ฉันก็เริ่มเป็นห่วง ออกตามหามันในทุกที่ที่คิดว่าเป็นไป แต่ไม่พบ
    แม่ร้อนใจถึงขั้นไปดูดวงให้หมอดูช่วย เขาบอกเพียงแต่ว่าปิ๊กอยู่ทิศตะวันออก เราก็จนใจเพราะไม่รู้ จากนั้น อีก 2 วัน ฉันก็ได้รับข่าวว่ามีหมาตัวนึงผูกคอตายอยู่ที่สะพาน ชาวบ้านที่ไปตกปลานำศพมันลงมาเผาที่บริเวณใกล้ๆ หมาที่ผูกคอตายตัวนั้นคือเจ้าปิ๊กนั่นเอง ชาวบ้านสันนิษฐานว่าระหว่างที่มันกำัลังข้ามสะพานมันคงสะดุดตกสะพาน แล้วปลายปมเชือกติกกับร่ิองสะพาน ก็เลยเหมือนผูกคอตาย ฉันได้ยินถึงกับปล่อยโฮ ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้แท้ๆ และยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นมาอีก เพราะรู้ว่าทางสะพานนั้นเป็นเส้นทางลัดที่เจ้าปิ๊กใช้เดินทางจากนามาถึงบ้าน ไม่มีอะไรที่จะบรรยายได้ว่าความเสียใจของฉันมีมากขนาดไหน ฉันรู้สึกว่าฉันไม่เคยเสียใจร้องไห้เสียน้ำตามากมายเท่านี้มาก่อน ฉันฆ่าหมาที่ฉันรัก ด้วยมือของฉันเอง

    เวรกรรมนี้ ฉันยังไม่ได้รับทางกาย แต่มันเหมือนตราบาปในใจของฉันตลอดมา ขณะที่ฉันบอกเล่าเรื่องราวอยู่นี้ ฉันกำลังร้องไห้ ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็คิดว่าจะไม่รักหมาอีกต่อไป เพราะฉันไม่อยากเสียใจในเวลาที่มันจากไป ฉันอดนึกไม่ได้ว่า เจ้าปิ๊กมันจะคิดแค้นฉันไหมนะ ที่ต้องตายแบบทรมานขนาดนั้น เพราะก่อนหมดลมหายใจ คงต้องทุรนทุรายมาก แต่ฉันเสียใจตลอดมา

    แล้วสักวัน ฉันคงจะได้รับผลกรรมนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กันยายน 2012
  4. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ฉันใส่ร้ายหมาตัวหนึ่ง

    เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ ฉันจะขอเล่าเรื่องราวของหมาอีกตัวหนึ่งที่มาพร้อมกับเจ้าปิ๊ก
    ตัวนี้เป็นหมาตัวเมีย ชื่อ "ปุยฝ้าย" ตัวสีขาว ขนฟูยาว มันเป็นหมาที่นิสัยดีตัวหนึ่ง ไม่ค่อยเกเรกัดใคร อาของฉันเลี้ยงปุยฝ้ายไว้นา เพื่อดูแลสวนและดูแลควาย พวกเรามีบ้านกับนาไกลกันประมาณ 1 กิโล ปุยฝ้ายก็เป็นหมานักล่าตัวยงเหมือนกัน บางทีก็คาบปลาซ่อนตัวโตมา สารพัดปลาที่จะหาได้ในนาข้าวน้ำน้อย

    ฉันไม่ค่อยผูกพันกับปุยฝ้ายเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบหมาตัวเมีย เพราะฉันคิดว่ามันไม่ลุยเหมือนตัวผู้และปกป้องเราไ่ม่ค่อยได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดแคบๆ ตอนนั้น ปุยฝ้ายแสดงให้ฉันเห็นว่ามันเหมาะจะเป็นหมาในดวงใจได้ แต่ถึงกระนั้น ฉันก็รักปุยฝ้ายได้ไม่เท่ากับที่รักเจ้าปิ๊กเลย

    เรื่องมันมีอยู่ว่า มีเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันดีกับครอบครัวเรา เด็กคนนั้นก็มากับครอบครัวของเขา ซึ่งมารวมตัวอยู่ที่กระท่อมนาของฉันประมาณ 8 คน

    เด็กคนนั้นร้องไห้พร้อมกับเอามือกุมปากตัวเองไว้ เลือดมากมายไหลริน พวกผู้ใหญ่ต่างแตกตื่นตกใจ "หมากัดเด็ก!!!" แล้วมุงเข้ามาดู เด็กคนนั้นก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

    ฉันได้ยินดังนั้นก็หัวใจหล่นวูบ ฉันเห็นเต็ม 2 ตาว่าเจ้าปิ๊กกระโดดงับอะไรบางอย่าง มุมปากของมันมีรอยเลือด ขณะที่ขนบริเวณหัวของปุยฝ้ายมีเลือดเลอะเทอะ ฉันก็รู้ทันทีว่าเจ้าปิ๊กกัดเด็กคนนั้น แล้วเลือดของเด็กคนนั้นก็โดนหัวปุยฝ้ายซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าปิ๊ก เพราะปุยฝ้ายตัวเล็กกว่าเจ้าปิ๊ก จึงโดนเลือดเต็มๆ

    หลังเหตุการณ์สงบ ผู้ใหญ่พาเด็กไปโรงพยาบาล แล้วมีผู้ใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งมาถามว่าหมาตัวไหนที่กัดเด็ก ฉันถามเขาว่าเขาถามทำไม เขาตอบสั้นๆ ว่าจะจัดการให้สิ้นซาก
    ฉันตกใจจนเกือบจะทำอะไรไม่ถูก เขาเหลือบมองไปเห็นที่หัวของปุยฝ้ายมีเลือด เขาจึงถามย้ำว่า หมาตัวนี้ใช่ไหมที่กัด ฉันนิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง ความชั่วร้ายในใจของฉันบวกกับความรักต่อเจ้าปิ๊กเข้าครอบงำจิตใจจนดำมืด ฉันมองดูหมาทั้ง 2 ตัว แววตาของมันจ้องกลับมาที่ฉันด้วยใจบริสุทธิ์ มันคงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ฉันตอบเขาไปว่าปุยฝ้ายเป็นตัวที่กัดเด็กคนนั้น เขาก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปจับตัวปุยฝ้ายแล้วทำร้ายร่างกายของมันเพื่อสั่งสอนเบาะๆ เจ้าปิ๊กพุ่งตัวไปหมายจะกัดคนที่ทำร้ายเพื่อนของมัน แต่มันถูกโซ่พันธนาการไว้ ฉันมองเห็นแววตาของปุยฝ้าย แววตาที่ตกใจ และแปลกใจว่ามันทำอะไรผิด คนเหล่านี้ถึงต้องทำร้ายมัน แววตาอันใสซื่อบริสุทธิ์นั้นมองมาทางฉันคล้ายจะถามว่า เจ้านายทำไมปล่อยให้คนพวกนี้ตีหนูล่ะ ฉันยังจำแววตานั้นได้ดี แววตาที่ฉันไม่เคยลืมจนถึงขณะนี้ ปุยฝ้ายถูกจับยัดใส่กระสอบ ฉันตกใจร้องถามเขาด้วยเสียงตระหนก จะจับมันไปทำไม ก็ตีมันแล้วนี่นา เขาตอบฉันด้วยเสียงเย็นๆ ว่าจับมันไปกินน่ะสิ หมาแบบนี้ เอาไว้ก็ไปกัดคนอื่นอีก

    หัวใจของฉันแตกสลายด้วยความรู้สึกผิดอัดอั้น ฉันเสนอเงินให้เขา มันคือเงินเก็บของฉันเอง แต่เขาบอกว่าพ่อแม่เด็กแค้นหมาที่ไปกัดปากลูกเขา ต้องฆ่าอย่างเดียว ฉันเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป

    ผลกรรมครั้งนั้น จะตอบสนองฉันอย่างไร ถึงอย่างไรฉันก็พร้อมรับผลแห่งกรรมนั้น ฉันรอคอยให้กรรมมาสนองฉันโดยพลัน ตั้งแต่นั้นมาจิตใจของฉันก็มีแต่ภาพของปุยฝ้าย ฉันลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์หนึ่งชีวิตด้วยความจงใจ ความรู้สึกผิดมันอยู่ในใจตลอดเวลา
     
  5. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อ่านแล้วรู้สึกเศร้า และสะเทือนใจมากมาย .. สงสารหมา ...
    ..
    ศีลข้อที 1 ศีลข้อที่ 4
    ...
    เจ้าของกระทู้ยังพอมีบุญนะคะ ที่ยังกลับตัวกลับใจ ละอายต่อบาปเกรงกลัวผลกรรมทั้งหลายที่ได้กระทำลงไป
    นี่ถ้าตายหลังจากที่ทำบาปเหล่านั้นแล้ว ก่อนที่จะสำนึกและเกรงกลัวต่อบาปแล้ว คงไม่มีโอกาสได้ทำความดี และคงได้รับผลกรรมนั้นๆอีกนานไม่รู้เท่าไหร่ กว่าจะพ้นขุมนรกได้ และยังต้องรับต่อๆๆๆๆๆไปอีก

    ในเมื่อตอนนี้ รู้สึกตัวแล้ว และยังมีลมหายใจอยู่ อย่าได้ประมาทอีกเลย เวลาก็เหลือน้อยลงไปทุกวันแล้ว รีบเร่งเพียรสร้างความดี ทำบุญกุศล อุทิศส่งไปให้เขาเหล่านั้น ขออโหสิกรรมต่อกันและกัน การรักษาศีล บวช หรือวิปัสนากรรมฐานจะช่วยได้บ้าง

    ขออนุโมทนากับธรรมทาน และหวังว่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่ได้เข้ามาอ่าน หากธรรมทานนี้จะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด ขอผลบุญทั้งหลายนำส่งถึงเจ้าของกระทู้ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของเขาด้วยเทอญ ...
     
  6. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215



    ได้อ่านข้อความนี้แล้วรับรู้ถึงกระแสแห่งเมตตาจิตของท่าน ขอน้อมรับและจะปฏิบัติตามทางแห่งกุศลต่อไป...สาธุค่ะ ^^
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    กำจัดมารร้ายในใจเราเสียให้สิ้นเถิด

    มารร้ายตัวนี้คือ กิเลสมาร เรายอมให้กิเลสมารมาครอบงำใจของเรา ทำให้เราทำเรื่องผิดศีลธรรมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
    พวกเราทั้งหลาย เคยยอมให้กิเลสแห่งโทสะ โมหะ โลภะ ราคะ ครอบงำใจเรา ทำให้เราทำบาปกรรมมานับไม่ถ้วน เพียงแค่ชั่ววินาทีที่โทสะครอบงำใจเรา ตัวเรานั้น ไม่ต่างกับมารร้ายเลย
    วินาทีที่เราถูกกิเลสมารร้ายเข้าครอบงำ ตัวเราเองนั้น ไม่ต่างจากสัตว์ในนรกเลย เราทำได้ทุกอย่าง ทั้งฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทั้งโกหก ทั้งขโมย ทำได้ทุกวิถีทาง ล้างผลาญผู้อื่นได้ เพียงแค่สนองมารชั่วร้ายในใจเราเท่านั้นเอง
    แต่มารชั่วร้ายในใจเรานั้น ไม่เคยช่วยทำประโยชน์อะไรให้เราเลย มันหลอกล่อเรา ให้ยึดถือมัน ให้เคารพบูชามัน ให้ทำทุกอย่างได้เพื่อมัน พอทำให้มันแล้ว มันก็หนีหายจากเราไป เหลือเอาไว้ให้แต่วิบากของกรรมชั่วช้า ให้เราต้องรับผล ให้เราต้องทรมาน

    อย่ายอมกิเลสมารอีกต่อไปเลย... เจริญสติเข้าไว้ ตั้งสติให้มั่น หาตัวกิเลสนี้ให้เจอ แม้เรายังไม่ใช่พระอริยเจ้า ที่มีกำลังแห่งปัญญา สามารถถอนรากถอนโคนกิเลสเหล่านี้ได้
    ก็ขอให้ประพฤติตัวเป็นผู้ไม่ประมาท มีกำลังแห่งสติที่จะคอยระมัดระวังตัวเสมอๆ ไม่ให้กิเลสมารเหล่านี้เข้ามายึดใจเราได้อีกต่อไป

    วิธีฝึกเจริญกำลังแห่งสติ ให้ฝึกตามนี้นะครับ
    ตัวอย่างการเจริญสติในชีวิตประจำวัน - ธรรมะทั่วไป - www.indraphong.com - Powered by Discuz!
     
  8. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    เรื่องกุศลกรรม ความคิดแปลกๆ

    ฉันเป็นลูกคนกลาง ไม่ค่อยถูกกันกับแม่นัก เพราะฉันรู้สึกว่าแม่ไม่ฟังเหตุผล ชอบตีอย่างเดียว ขอแค่น้องมีน้ำตาเท่านั้น และที่สำคัญน้องเป็นคนชอบแกล้งฉันมาก เวลาที่ฉันไม่ทำอไรให้ก็จะฟ้องแม่อย่างเดียว แล้วสิ่งที่ตามมาคือโดนไม้เรียวหวดขา เจ็บแสบจนถึงจิตใจ

    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คือเหตุการที่ฉันคิดจะหนีแม่ คือหาที่หลบภัยนั่นเอง ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 9 ขวบ เล่นซุกซนจนเกิดไปทำของล้ำค่าของแม่เสียหาย ฉันรู้ว่าถ้าแม่รู้จะต้องไม่ใช่แค่ขาเท่านั้นที่จะลาย แต่หลังจะต้องลายด้วย ตอนนั้นฉันก็คิดว่าทำไมแม่จะต้องทำเหมือนฉันไม่ใช่ลูกขนาดนั้น ทั้งที่น้องไม่ค่อยถูกแม่ตีเลย (ตอนหลังมาทราบเหตุผลว่า เวลาแม่ตีน้องทีไร น้องจะป่วยหนักทุกที)

    ตอนแรกคิดจะไปซ่อนที่บ้าน แต่ก็คิดว่ายังไงก็จะต้องโดนหาเจออยู่ดี เลยคิดว่าจะไปหลบอยู่ในต้นไม้ (แฟนตาซีนิดๆ) แต่สักพักต้นไม้ก็ผุแล้วเราก็ถูกหาเจออยู่ดี เลยคิดจะไปหลบในอะไรที่แข็งๆ กว่าต้นไม้ ซึ่งคือเอาปูนโบกตัว (ตอนนั้นคิดในใจเป็นแฟนตาซีนิดหน่อยว่าเข้าไปอยู่ในปูนแล้วไม่ตาย) ก็เห็นว่าปูนก็แตกผุพังลงไปในสักวันหนึ่ง ฉันคิดหาที่หลบแม่ทุกๆ ที่ที่คิดว่าแข็งแรงและไม่ผุสลาย ก็ไม่เจอที่หลบซ่อนได้เลย ..

    ณ ตอนนั้นเลย ฉันก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่จะไม่สลายไป ความคิดของเด็ก 9 ขวบ ที่เข้าใจความไม่มั่นคงของสรรพสิ่ง ตอนที่คิดถึงตรงนี้ ฉันยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี แต่ยากจะอธิบายเหมือนกัน แต่รู้สึกชุ่มชื่น แล้วปลงในเวลาต่อมา

    ฉันจึงไม่หลบอีกต่อไปแล้วสารภาพกับแม่ว่าทำอะไรลงไป คิดว่าคงโดนหนัก แต่ผิดคาดแม่ไม่ตีฉันเลย แต่แค่ด่า และพร่ำเพ้อนึกเสียดายของที่พังไป พอได้ยินอย่างนั้น ฉันก็รู้สึกผิดที่ซุกซนจนทำให้ของรักของแม่พังไป ฉันไม่รู้ว่าผู้อ่านจะเชื่อฉันไหมนะ ขณะที่ฉันนั่งพิมพ์อยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แม่นั่นเองที่โทรมา
     
  9. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ขอบพระคุณค่ะ ทำให้จิตใจดีขึ้นมาก หลังจากเข้าใจกฎข้อนี้ค่ะ
     
  10. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ตอนที่ทำบาปนั้น จิตใจมันไม่รู้เลยว่าอะไรคือกิเลส รู้เพียงว่าทำบุญกับพระแล้วได้บุญ ทำผิดต่ออีกชีวิตหนึ่ง เพื่อปกป้องอีกชีวิตหนึ่ง จิตใจตอนนั้นมันคิดเพียงว่าจะให้ใครมาทำร้ายหมาที่เรารักไม่ได้ พอมานั่งนึกดูแล้ว จิตใจตอนนั้นทำไมถึงเห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้ ขอบคุณท่านมากนะคะ ที่ชี้แนะแนวทางแห่งความดี
     
  11. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ปฏิบัติธรรม ครั้งแรก

    ตอนนั้นฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 ทางหมาวิทยาลัยจัดให้มีการอบรมธรรมมะที่วัดเป็นเวลาสั้นๆ ฉันจึงสมัครไปปฏิบัติธรรมที่นั่น พระท่านให้ถือศีล 8 อย่างเคร่งครัด และนั่งสมาธิดูลมหายใจ วันสุดท้ายพระท่านให้ไปนั่งสมาธิรอบที่เผาศพตอนกลางคืน ซึ่งยังมีเถ้าธุลีเหลือให้เห็นอยู่ เพราะเพิ่งเผาศพไปเมื่อวานนี้เอง

    แรกๆ ฉันรู้สึกกลัวมาก แต่สักพักก็คิดได้ว่า สักวันหนึ่งฉันก็คงจะโดนเผาแบบนี้ ครั้งนี้ก็ถือโอกาสซ้อมไว้ซะเลย พอคิดได้ดังนี้แล้วก็ไม่รู้สึกกลัว นั่งจนครบระยะเวลาที่กำหนด พระอาจารย์ก็ให้กลับไปพักผ่อน เมื่อเดินมาถึงที่แห่งหนึ่ง ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด รู้สึกผูกพันกับที่แห่งนั้นเหลือเกิน

    วันต่อมาพระอาจารย์เปิดโอกาสให้ถามปัญหา พวกเราคนหนึ่งก็ถามปัญหาที่อยู่ในใจฉันมาตลอดว่า ในโลกใบนี้ มีพระอรหันต์หรือผู้ที่สามารถสำเร็จอรหัตผลได้เหลืออยู่อีกหรือไม่? พระอาจารย์ท่านตอบว่า ตราบใดที่ยึดมั่นในคำสอนของพระศาสดา ตราบนั่นก็ยังคงมีพระอรหันต์ หลังจากที่ได้ฟังคำตอบนี้เอง ทำให้ฉันหันเข้าหาธรรมมากขึ้น คือศึกษาอย่างจริงจัง เพราะฉันคิดว่าพระอรหันต์คงมีเพียงในพุทธกาลเท่านั้น ฉันอยากจะศึกษาธรรมะมากขึ้น แต่เนื่องจากหมดเวลาโครงการแล้ว เราทุกคนจึงกลับมหาวิทยาลัย

    นั่นคือเส้นทางสายแรกที่บุกเบิกให้ฉันเดินทางมาจนถึงขณะนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะเข้าวัด ไปถวายอาหารแก่พระก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฉันเข้าใจว่า บาป-บุญ คืออะไร เพียงแต่ทำไปเำพราะผู้ใหญ่บอกว่านี้คือการสร้างบุญ การถูพื้นศาลาเป็นบุญ แต่ฉันก็สงสัยอยู่ว่าเป็นบุญได้อย่างไร ฉันเพิ่งรู้จักการทำวัตรเป็นครั้งแรกที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนั้นนั่นเอง
     
  12. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ทางแห่งสติ

    หลังจากที่ฉันไปปฏิบัติธรรมครั้งนั้น ฉันก็เฝ้ารอว่าทางมหาวิทยาลัยจะจัดโครงการแบบนี้อีกเมื่อไหร่ ฉันติดตามข่าวตลอด จนกระทั่งสอบจึงไม่มีเวลา แต่แล้วทางคณะก็ประกาศเข้าร่วมอบรมปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 1 อาทิตย์ที่สถานปฏิบัติธรรม ฉันรีบสมัครทันทีแต่ก็ไม่ลืมชวนเพื่อนไปด้วย

    เมื่อไปถึงก็มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย และถึงคราวที่ต้องเจอจริงๆ แล้ว พระอาจารย์ท่านสอนให้รู้จักกับสติ ท่านสอนเข้าใจง่ายทีเดียว จากนั้นท่านก็ให้เจริญสติปัฏฐาน4 คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ฉันรู้สึกชอบมาก แต่ก็ต้องทรมานจากทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น พระอาจารย์สอนว่าความรู้สึกนั่นมันเป็นอนิจจัง เกิดขึ้นแล้วต้องดับไป นั่งวันแรกก็ได้รับความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส เพราะไม่เคยนั่งมาก่อน พอวันที่ 2 ก็รู้ว่ากายเจ็บ ใจไม่เจ็บ ก็ชอบเจริญสติตลอดเวลา พระอาจารย์มักจะทดสอบลูกศิษย์ตอนท่านอนเสมอ เพราะถ้าท่านบอกให้เปลี่ยนอิริยาบถแล้วใครยังนอนอยู่ นั่นแสดงว่าเขาหลับไปแล้ว และนั่นเป็นความภูมิใจของฉันในทางธรรมที่ฉันไม่เผลอหลับเลย

    นั่งเจริญสติเสร็จแล้ว พระอาจารย์ก็ให้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล ฉันก็นึกถึงสัตว์ทั้งหลายที่ฉํนเคยเบียดเบียนเขาไ้ว้ด้วยจิตใจแน่วแน่ ไม่รู้อย่างไรตอนนั้นจิตใจมันพองโตขึ้นมา มันทำให้ความทุกข์ที่เกาะเกี่ยวจิตใจของฉันเบาบางลงไปได้บ้าง ตั้งแต่นั้นฉันก็สัญญากับตัวเองว่า จะหมั่นทำความดีเพื่อสร้างกุศลและอุทิศให้ปวงสัตว์ทั้งหลาย...

    การไปปฏิบัติธรรมครั้งนั้น ฉันถือเอาจริงเอาจังมาก ถือศีลมิได้ขาด และกินอาหารเจด้วย พยายามตามความคิด ตามจิตตัวเองให้ทัน และประมาืทน้อยลง ฉันรู้สึกเป็นสุขมาก
    หลังจากจบโครงการนั้น ทางคณะก็ประกาศรับสมัครอีกในปีต่อไป ซึ่งฉันก็สมัครไปด้วย...

    นี่เป็นการเข้าใจและเห็นตัวเองอย่างแท้จริง ..
     
  13. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ ขอให้หมดกรรมเร็ว ๆ หมั่นอุทิศบุญกุศลให้กับพวกเขานะคะ เพราะทุกคนต้องผ่านการทำกรรมมาทั้งนั้นทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
     
  14. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ผิดย่อมมาก่อนถูก จิตที่ยอมรับผิดย่อมรับการแก้ไขไปให้ถึงดีได้ในที่สุด โมทนาค่ะ
     
  15. ineye

    ineye Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +28
    คิดแล้ว เวทนา กับทุกข์ ของตัวเอง
     
  16. Luthiien

    Luthiien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +215
    ความเปลี่ยนแปลง

    หลังจากที่ฉันได้ไปปฏิบัติธรรม ก็ได้รับความรู้และความเข้าใจในเรื่องบาปกรรมขึ้นมากกว่าเดิม รู้สึกว่าเท่าทันความคิดมากขึ้น พยายามมีสติตลอดเวลา ฉันกลับมาบ้าน แม่ก็เห็นความเปลี่ยนไปของฉัน จากที่แต่ก่อนจะชอบเถียงแม่เกือบจะตลอดเวลาและทุกๆ คำพูด ก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปโดยสิ้นเชิง แม่ประหลาดใจที่ฉันไม่เถียงและยิ้มอย่างเป็นสุขที่ฉันกราบขอขมาต่อสิ่งที่ฉันทำตัวไม่ดีกับแม่ จากนั้นมา เราก็ไม่ค่อยมีเสียงทะเลาะกันอีก
    จากที่เมื่อก่อนแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนแม่เลี้ยงกับลูกเลี้่ยงก็ไม่ปาน ฉันถามแม่ขณะที่เราเปิดใจคุยกันในทุกเรื่องว่าทำไมชีวิตแม่ลูกถึงเป็นแบบนั้น แม่เล่าว่าบางทีฉันกับแม่อาจมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างต่อกัน เพราะก่อนที่ฉันจะคลอดแม่ต้องเจ็บท้องอยู่ถึง 15 วัน
    ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ผู้ใหญ่บอกกับแม่ว่าการที่แม่เจ็บท้องเพราะสาเหตุมาจากฉันนั่นเอง พอโตขึ้นมาฉันก็รู้สึกว่าคำพูดของแม่หรือการกระทำต่างๆ มันดูขัดใจไปหมด
    จึงต้องเถียงตลอดมา

    นั่นคือความเปลี่ยนแปลงหลังจากมีธรรมะขึ้นในจิตใจ และผลแห่งกุศลครั้งนั้นก็บันดาลให้ลูกสุนัขตัวหนึ่งหายจากความเจ็บปวด ครั้งนั้นฉันอยู่มหาวิทยาลัยปี2 ช่วงปิดเทอมก็กลับบ้านไปช่วยพ่อแม่ทำส่วนไร่นา ตอนนั้นเสียเจ้าปิ๊กไปได้ 2 ปีแล้วและไม่คิดว่าจะรักผูกพันกับหมาอีก เพราะไม่อยากเสียใจกับการพลัดพราก แต่แล้วก็เหมือนฟ้าจะไม่ได้ิยินเสียงร้องขอจากใจของฉัน หรืออาจเป็นเพราะฉันทนเห็นแววตาที่แสนบริสุทธิ์ของเจ้าสี่เท้าไม่ได้

    ขณะที่ฉันกำลังพรวนดินสวนอยู่นั้น ก็เหลือบไปมองถนน (ถนนลูกรังสีส้มแดง) ลูกหมาต้ัวตัวผู้ขนสีน้ำตาลสั้นอ้วนกลมตัวหนึ่งกำลังวิ่งเหยาะๆ ลิ้นห้อยเพราะความเหนื่อย ฉันเดาว่ามันคงไม่เคยวิ่งไปไหนไกลๆ แน่นอน ดูท่าทางมันจะหมดแรงและถ้าวิ่งไปอีกก็จะโดนหมาซอยหน้ารังแกเอาแน่ๆ ฉันจึงวิ่งไปจับมันมาไว้ที่กระท่อม แต่มันก็ไม่ยินยอมโดยง่าย เจ้าหมาตัวนั้นหาทางแต่จะไปต่อ ฉันจึงเอาสุ่มไก่ขังมันไว้ แววตาของมันดูหวาดกลัว ไม่ไว้ใจฉัน ตอนนั้นพ่อนำลูกหมามาเลี้ยงไว้แล้วอีก 2 ตัวเป็นตัวเมียทั้งคู่ ฉันจึงให้พวกมันเล่นด้วยกัน เพราะวัยไล่เลี่ยกัน ปรากฏว่าเจ้าน้องใหม่ก็เที่ยวกัดเขาไปทั่ว จึงโดนขังเดียว

    ตอนเย็นฉันก็นำเจ้าตัวเล็กกลับบ้านและตอนเช้าก็นำมันขึ้นใส่ตะแกรงรถมอไซต์เพื่อไปนา
    รถหนึ่งคันมีคนนั่ง 4 คนกับ 1 ตัว ฉันเคยให้เจ้าปิ๊กนั่งตะแกรงมันก็นั่งนิ่งแล้วฉันจึงวางใจให้เจ้าตัวเล็กนี่นั่งบ้าง แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เจ้าลูกหมากระโดดลงจากตะแกรงรถนอนหงายอยู่หน้าล้อรถพอดี ฉันตกใจมากแต่ก็เบรกไม่ทัน ล้อรถจึงผ่านท้องเจ้าตัวน้อยอย่างจังด้วยน้ำหนักคน 4 คน เจ้าหมาน้อยร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ตัวฉันชาวูบ นึกเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยว่ามันจะเป็นอะไรมั๊ย พร้อมกับตำหนิตัวเองที่ไม่รอบคอบใครครวญให้ดีก่อน

    ฉันค่อยๆ ประคองลูกหมาไว้ มันร้องงี๊ดๆ แสดงความเจ็บปวด แต่ฉันก็ยังเบาใจเพราะไม่มีเลือดออก แม่จึงเป็นคนขับแล้วฉันก็กอดลูกหมาไว้จนกระทั่งถึงนา ฉันปล่อยเจ้าหมาน้อยลงไปให้มันได้ทำธุระส่วนตัว และเฝ้าสังเกตดู เจ้าหมาน้อยยังร้องเบาๆ เวลาเดิน และมันก็หาที่ฉี่ ขณะที่มันฉี่นั่นเอง มันไม่ใช่ฉี่ที่ออกมา แต่เป็นเลือด!! เจ้าหมาน้อยร้องครวญครางและเพิ่มเสียงดังขึ้นไปอีก ฉันมองเห็นดังนั้นแล้วยิ่งกว่าตัวชา พลางคิดเป็นห่วงมันว่าระบบภายในมันเป็นอะไรหรือเปล่า หลังจากนั้นมันฉี่หลายครั้งแต่ละครั้งก็มีเลือดออกมาทุกครั้ง

    ฉันนำเจ้าหมาน้อยมาไว้ที่ที่ฉันจัดไว้ให้ และแยกตัวอื่นๆ ออกไป มันก็ร้องไม่หยุด ฉันสงสารมันเหลือเกิน แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้ เพรา่ะบ้านเราไกลหมอมาก ฉันประคองมันขึ้นมาในอ้อมกอด มันซุกตัวในอ้อมกอดของฉัน เจ้าหมาน้อยหลับตาแน่นครางงี๊ดๆ ฉันเดาว่ามันคงอยากลืมความเจ็บปวดครั้งนี้หรืออยากให้มันเป็นแค่ความฝัน น้ำตาของฉันไหลริน อยากจะเจ็บแทนเจ้าตัวน้อยนี้เหลือเกิน ฉันหลับตาและสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กด้วยกระแสแห่งจิต กุศลกรรมเหล่าใดที่ฉันได้กระทำไว้แล้วจงดลบันดาลให้หมาน้อยตัวนี้หายจากความเจ็บปวดและเป็นปกติโดยเร็วด้วยเถิด ฉันจำได้ว่าได้อธิฐานไปแบบนี้ ฉันยังคงถ่ายทอดคำพูดผ่านจิตว่าฉันขอโทษและจะขอดูแลมันตลอดไป เจ้าหมาน้อยขยับตัวเล็กน้อยเหมือนเข้าใจคำพูดของฉัน

    หลังจากนั้นไม่นานมันก็ส่งเสียงครางน้อยลงแล้วขยับตัวแรงขึ้น ฉันเดาว่ามันคงจะไปฉี่จึงปล่อยมันลง และสิ่งที่ฉันไม่คาดฝันว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นจริงก็ปรากฎ เจ้าหมาน้อยฉี่ไม่มีเลือดอีกต่อไป และวิ่งเล่นได้ในเวลาต่อมา และที่สำคัญมันจ้องมองฉันด้วยสายตาหลากหลาย ฉันถึงกับปล่อยโฮด้วยความตื้นตันใจดีใจที่มันหายเป็นปกติ จากนั้นมันก็ติดตามฉันไปทุุกที่ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่มีวี่แววว่าจะทำแบบนี้เลย

    นี่คือกระแสแห่งบุญได้ส่งผลให้ฉันได้เห็น ทำให้ฉันเชื่อในแรงอธิฐานและอำนาจแห่งกุศลอย่างแท้จริง ฉันตัดสินใจตั้งชื่อมันว่า "เตี้ยน้อย" เพระามันขาสั้น มันก็ยอมรับและเป็นคู่หูของฉันตลอดมา และมันไม่ยอมให้ฉันได้ลูบหมาตัวไหนอีกเลย เพราะเตี้ยน้อยจะวิ่งเข้าไปกัดทันที เตี้ยน้อยเ็ป็นที่รักของบ้านเรามาก และเป็นเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ฉันไม่ได้อยู่กับมันจนถึงวินาทีสุดท้าย เพราะต้องมาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้กลับบ้านแค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น พอฉันได้ยินข่าวจากพ่อว่าเตี้ยน้อยไปแล้ว ฉันก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก แต่พอตระหนักได้ว่าคงถึงช่วงชีวิตของมันแล้ว และความตายต้องประสบกับทุกชีวิต ฉันก็คิดได้ และทำบุญให้มันมาตลอด ความทุกข์จากการพลัดพรากจะสิ่งอันเป็นที่รักมันเกินจะทนได้จริงๆ แม้เราจะรู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นก็ตาม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กันยายน 2012
  17. บานไม่รู้โรย

    บานไม่รู้โรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +248
    ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ
    คิดว่าท่านเจ้าของกระทู้ต้องเป็นผู้ที่ค้นพบแสงแห่งพระธรรมแล้วไม่มากก็น้อย (จากสำนวนการถ่ายทอดเรื่องราว) ทำให้เห็นธรรมชาติของสรรพสิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ทุกชีวิตมีจุดจบเหมือนกันหมดคือความตาย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ "สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น" ไม่ว่าคนหรือสัตว์ต้องพบจุดจบเดียวกันคือความตาย เพียงแต่ตอนยังมีชีวิตอยู่ คนยังสามารถสร้างบุญสั่งสมบุญได้มากกว่าสัตว์เท่านั้นเอง ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ
     
  18. กตัญญู

    กตัญญู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +40
    ขออนุโมทนาด้วยครับ

    กรรมก็เหมือนล้อเกวียนตามหลังโค ขอเพียงเราไม่สร้างบาปเพิ่มและต่อบุญก็พอ

    ครับ
     
  19. mu-nice

    mu-nice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +650
    ทำกรรมดีหนีกรรมชั่ว กรรมชั่วถ้าเราไม่ทำมันอีกมันก็จะไม่เพิ่มขึ้นการปฏิบัติธรรมเป็นการหนีกรรมอย่างหนึ่งแต่ต้องพยายามให้มากทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่แน่นอนคิดถึงความตายไว้เสมออะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เร่งทำความดีนะคะเป็นกำลังใจให้ คุณยังดีมีค่า กว่าคนอีกหลายประเภทโลภไม่มีที่สิ้นสุดทั้งที่รู้ว่าตายไปก็เอาไปไม่ได้แล้วยังตั้งหน้าตั้งตาทำบาป ขออนุโมทนากับคุณด้วยค่ะที่กลับใจได้
     
  20. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    อ่านแล้วรู้สึกว่า จขกท ได้เดินเข้ามาสู่หนทางสว่างแล้ว
    อนุโมทนาด้วยค่ะ....

    กรรมเก่าเราคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้ และคงต้องรับผลของมันในสักวันหนึ่ง
    แต่ปัจจุบันนี้ คือเวลาที่ดีที่สุด....ที่เราจะประกอบคุณงามความดี

    อย่าลืมว่าการเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้นประเสริฐที่สุดแล้ว
    ตรงที่เราได้เรียนรู้ธรรมะของพระพุทธองค์
    และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆได้ (สัตว์ทำไม่ได้)

    การที่คุณกล้ากราบขอขมาแม่ ก็ได้บุญกุศลยิ่งใหญ่แล้ว
    (หลายคนทำไม่ได้)

    ขอให้เจริญวิปัสนากรรมฐานบ่อยๆ แล้วชีวิตเราจะไปทางสว่างตลอดไป

    อนุโมทนาในธรรมทานจ้า...
     

แชร์หน้านี้

Loading...