โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรมองค์พระศาสดา คล้ายกับศาสนาอื่นที่มีพระศาสดาและมีGOD เรื่องนี้ผมได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งเมื่อคืนนี้ ผมก็ลองหาข้อมูลดูแต่ไม่พบว่าศาสนาพุทธมีพระเจ้า ซึ่งผมเองไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก จึงไม่มีข้อมูลเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนคนนี้ได้ให้ข้อคิดว่าพระไตรปิฎกก็อาจเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมได้เนื่องจากการเวลา
ที่ผมอยากรู้ก็คือมีเพื่อนคนใดในเว็บพอจะให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้างครับ แต่หากไม่เป็นการสมควรที่จะมานั้นคุยกันเรื่องอจินไตยอะไรก็แล้วแต่เห็นสมควร (ไม่จำเป็นผมไม่ตั้งกระทู้แน่ครับ เพราะความรู้น้อย ศึกษามาน้อย)
หากการตั้งกระทู้นี้เป็นการตั้งเรื่องที่ไม่สมควร ขอให้เว็บลบได้ เพราะวิจารณาญานผม จนด้วยเกล้า แบบว่าอยากรู้
ได้ข้อมูลมาว่าศาสนาพุทธมีพระเจ้า
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย REdSHirt, 23 พฤศจิกายน 2006.
หน้า 1 ของ 4
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
***เปิดใจกว้าง****ในโลกนี้ศาสนศาสตร์ มีเพียงหนึ่งเดียว มีศาสนาพุทธ ที่ศาสดาค้นคว้าพบ "หลักสัจจะธรรม" ที่เป็นแก่นสารของความจริง เป็นต้นเหตุของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นเหตุผลอธิบายทุกทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องกฎแห่งกรรม และมุ่งสู่การหลุดพ้น ส่วนศาสนาอื่นเป็นศาสนาที่ช่วยสนับสนุน นำคำสอนในการทำความดีไปเผยแพร่ โดยเข้ากับวัฒนธรรมสังคมของแต่ละภูมิภาคในโลก ศาสนาอื่นมิได้มุ่งหลุดพ้น แต่มุ่งให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข...ในเรื่อง พระเจ้าในศาสนาพุทธ ที่บางคนกล่าวถึง ความจริงแล้วก็คือ "พระไตรปิฎก" คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ แต่ทุกครั้งที่โลกจะมีศาสนศาสตร์ ศาสนาเกิดขึ้น(พุทธ) พระไตรปิฎกจะอุบัติเกิดขึ้นบนโลกในร่างมนุษย์ที่เหนือโลกผู้หนึ่ง ซึ่งเรียกท่านว่า "โลกุตตระ" เป็นเรื่องเหนือชะตาลิขิต จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ โลกกุตตระจะคอยแนะนำสั่งสอนผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้พบความจริงต่างๆ จนศึกษาพิจารณาท่องแท้จนค้นพบ "หลักสัจจะรรม" คือ "ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน" หมายถึง ผลของการกระทำไม่สูญสลาย จะติดตัวไปชั่วกัปชั่วกัลป์ และมีผลตอบแทนที่แผลงเข้ามาในชีวิตด้วยรูปแบบต่างๆ....โลกุตตระ ไม่ได้ปรากฏบนโลกเฉพาะกาลเกิดพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทุกๆหนึ่งหมื่นปี จะมาสอนวิชาการความรู้ในสิ่งต่างๆ ให้กับมนุษย์ และมอบ "สัจจะ" ให้มนุษย์ได้ใช้ปฏิบัตินำชีวิตตนเอง เช่น ยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองในอดีต อียิปที่สร้างปิรามิดด้วยการนำทรายมาหลอมหล่อบีบอัดให้กลายเป็นหิน ด้วยการดึงน้ำออกมาจากทราย น้ำที่ได้จึงนำไปใช้ทำมัมมี่ได้อีก ยุคความเจริญในเขมรสมัยโบราณที่สร้างประสาทหิน บนยอดประสาทที่มีใบหน้าคน นั้นก็คือใบหน้าของโลกุตตระที่ลงมาสอนมนุษย์ในยุคนั้น...ดังนั้น พระเจ้าของทุกศาสนา คือ "โลกุตตระ " ซึ่งเมื่อละสังขารไปแล้ว จะเป็นตัวหนังสือ เป็นโองการ เป็นคำบัญชา คือ "พระไตรปิฎก" นั่นเอง...."พระไตรปิฎก" ในตำราเป็นเรื่องของมนุษย์เราที่พยายามรวบรวมไว้ แต่เมื่อเกิดสงครามมักเกิดความสูญเสีย ผู้รู้จริงเริ่มหมดไป สิ่งต่างๆ สมัยพุทธกาล ชาวพุทธเราไม่ได้บันทึกไว้ (มีพราหมณ์ เป็นผู้บักทึกทุกอย่าง ทุกย่างก้าวของพระพุทธเจ้า) เมื่อเวลาผ่านไปนาน คำสั่งสอนในแก่นสาร "สัจจะธรรม" จึงสูญหาย โดยมีการนำความเชื่อ ความเห็น และประเพณีนอกศาสนาเข้ามาปะปน รวมทั้ง "ศีล"จากพราหมณ์ที่มีมาก่อนพระพุทธเจ้า เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใคร แต่เป็นไปตามลิขิตตามกาลเวลา เมื่อถึงกึ่งพุทธกาล ศาสนาจึงเหมือนหักกลาง ผู้คนค้นหาแก่นสารไม่พบ การปฏิบัติที่สอนกันก็ยากต่อคนส่วนใหญ่ ความห่างเหินศาสนศาสตร์เริ่มมากขึ้นจนมีแต่การกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อน ไร้ความเมตตาปราณี มนุษย์ฆ่ากันเองเหมือนชีวิตไร้ค่า...พระไตรปิฎก จึงอุบัติขึ้นอีกครั้ง คือ โลกุตตระ เป็นมนุษย์เหนือโลกคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน เพื่อมาสานต่อศาสนาที่หักกลาง เพื่อส่งมอบ "สัจจะ" ให้มนุษย์ได้นำไปปฏิบัติกัน ศาสนาจึงจะมั่นคงอยู่ต่อไปจนครบห้าพันปี....ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท - "หนุมาน ผู้นำสาร"
-
อืมได้ยินมาแปลกจัง ผมก็ไม่มีความรู้มากหรอกนะขอแสดงความคิดเห็นแล้วกัน คือศาสนาพุทธมีองค์สมเด็จพระสัมาสัมสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา แต่ไม่มีพระเจ้านะ พระองค์ทรงตรัสรู้ด้วยตัวของพระองค์เอง เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้วจึงออกสั่งสอนพระธรรม สำหรับพระไตรปิฏก การเปลี่ยนไปคงจะมีบ้างในข้อปลีกย่อย แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีพระเจ้าหรือไม่มีหรอกนะครับ คำว่าพระเจ้าหมายถึงเทวดาในทางศาสนาพุทธหรือเปล่า
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพูทะศศธ ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง -
ที่ผมรู้มานะครับ... พุทธศาสนาไม่ได้กล่าวถึงพระเจ้า แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีพระเจ้า...
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
ศาสนพุทธไม่มีพระเจ้า แต่มีพระไตรปิฎก ที่ลงมาอุบัติเป็นมนุษย์เพื่อสั่งสอนธรรมได้ คือ โลกุตตระธรรม เป็นธรรมที่มาจากองค์โลกุตตระโดยตรง....โลกุตตระ เป็นเรื่องที่เหนือโลก อยู่เหนือเหตุผลทั้งมวล จึงไม่มีเหตุผลใดมาอธิบายได้...เมื่อถึงเวลา ทุกท่านจะรู้เรื่องเหล่านี้ ความจริงจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า....ขอให้รักษาชีวิต และร่างกายเอาไว้ให้ดี ทุกท่านจะได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต - " หนุมาน ผู้นำสาร "
-
ศาสนาต่างๆ สอนให้คนทำดี เราต้องไม่ลบหลู่
หากเราศึกษาโดยไม่ยึดติดจริงๆ เราอาจล่วงรู้ได้ว่า
ศาสนานั้นอาจเป็นพระโพธิสัตว์จุติมาช่วยมนุษย์
ดังนี้แล้ว ขอให้ท่านศึกษา ทุกศาสนาอย่างลึกซึ้ง
ท่านจะคุ้มที่ได้เกิดเป้นคนหนึ่งชาติ เพราะไม่ว่าจะ
เป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณะโคดม ศาสนา
ของพระมหาโพธิสัตว์ท่านอื่น ท่านก็สัมผัสได้
ท่านจะได้รับรู้รสพระธรรมที่หลากหลาย อันเป็น
รสชาติที่เหนือล้ำ ด้วยบารมีของพระโพธิสัตว์
และพระพุทธเจ้าที่แตกต่างกัน
พระพุทธเจ้าสมณะโคดมกล่าวว่า แม้นพระศาสนา
ของพระองค์จบลงใน 5,000 ปี โลกนี้ก้ไม่ไร้ซึ่ง
พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธะ
หากเราเกิดมาแล้ว ปรามาส หรือเมินเฉย ซึ่งศาสนา
ของพระโพธิสัตว์ต่างๆ พระธรรมของอรหันต์ ที่ไม่ได้
อยู่ใต้ร่มของพระพุทธศาสนา ก็นับว่า กำไรชีวิตนี้น้อยเต็มที
ขอให้ทุกท่านสรรเสริญทุกศาสนา จะเป็นบุญกุศลใหญ่ เกิด
ชาติหน้าฉันใด ก็ได้ใกล้ชิดพระโพธิสัตว์ ไม่พลาดซึ่งศาสนา
ใดๆ แม้นไม่ใช่ศาสนาของพระพุทธเจ้า ก็จะได้อยู่ใต้ร่มของ
ศาสนาแห่งพระโพธิสัตว์
ปล. พระเยซูคริสตร์ ไม่ใช่คนเลวแน่นอน ไม่ใช่คนโกหก และเรา
คิดว่าท่านคือพระมหาโพธิสัตว์ท่านหนึ่ง ไม่รู้ท่านใด ท่านกล่าวว่า
พระเยซูจะกลับมาอีก เราเชื่อว่าท่านไม่โกหก คนที่ดีมีเมตตสอน
คนให้รักได้แม้นศรัตรู ยอมทรมานตายคากางเขนทั้งๆ ที่ไม่มีความ
ผิด ท่านก็คิดดูเอาว่า นี่แหละ พระมหาโพธิสัตว์หรือไม่?
ดังนี้แล้ว แม้นพระพุทธเจ้าองค์ใดไม่บอกเรื่องพระเจ้า เพราะท่านเร่ง
พาคนไปนิพพาน มัวเทศน์นอกเรื่องก็จะเสียการให้คนยึดติด พระพุทธ
เจ้าสมณะโคดม ท่านก็บอกว่าความรู้ท่านเหมือนใบไม้ในป่า แต่ท่าน
ให้กำมือหนึ่งเพื่อไปนิพพาน ท่านก็จริงดังนั้น
ซึ่งก็แปลว่า ไม่ใช่ว่าจะกล่าวว่า "พระเจ้าไม่มี" แต่ต้องดูนิยามพระเจ้าที่
พระเยซูคริสตร์กล่าวอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่ผิวเผินแล้วยึดติด เพราะพระองค์
ไม่สอนให้คนยึดติดกราบไหว้รูปเคารพบูชา ท่านไม่ให้ยึดติดแม้นแต่พระ
เจ้าว่ามีตัวตนแบบใด ท่านให้อธิษฐาน ก็จะสัมผัสถึงพระเจ้าได้เอง
ก็ดุเอาว่า ท่านไม่ยึดติดแบบนี้ สอนคนให้รักแม้นศรัตรูแบบนี้ ท่านจะเพี้ยน
โกหกเรื่องพระเจ้าได้อย่างไร?
สาธุ............................................................. -
ไม่มีครับ
-
เก็บข้อมูลอยู่ครับ ขอบคุณทุกท่าน
-
อจิณไตย
-
ศาสนาพุทธกล่าวถึงพระเจ้าและอธิบายไว้อย่างละเอียดด้วยครับ
มีชื่อว่าพกาพรหม ด้วยท่านไปบังเกิดในพรหมโลกหลายชาติมากเป็นเวลานานมาก จนสัญญาเลือน กระทั่งชาติปัจจุบันท่านมาเกิดในภพมหาพรหมเป็นองค์แรก แล้วท่านก็นึกคิดว่าน่าจะมีผู้อื่นบ้าง ต่อมาก็มีพรหมอื่นมาบังเกิดตามวาระ ท่านก็นึกว่าเป็นเพราะท่านบันดาล พรหมเล็กพรหมน้อยถูกมารยุส่ง กราบไหว้บูชากันใหญ่ หนักเข้ากลายเป็นมิจฉาทิฐิ เข้าใจตนว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง เป็นผู้พึงเคารพบูชาโดยสรรพสัตว์ทั้งปวง
และด้วยเมตตาพรหมวิหาร เวลามาสงเคราะห์มนุษย์ ก็มาบอกมนุษย์ให้เชื่อตาม เช่น บอกกับอิบราฮิม และโมเสสว่าตนคือพระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง ทั้งสองท่านนำมาบอกสอนชาวฮิบรูคนอื่นจนกลายเป็นศาสดาใหญ่ประจำยุคสมัย ส่งทอดความเชื่อมาเป็น 3 ศาสนาใหญ่ของโลก คือ จูดาย(ยิว) คริส และอิสลามที่ล้วนนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ซึ่งก็คือ ท้าวพกาพรหมนั่นเอง
ครั้นถึงพุทธกาล พระพุทธองค์เมตตาขึ้นไปปราบ ทรมานจนละซึ่งมิจฉาทิฐิ ปัจจุบันท่านเป็นพรหมสัมมาทิฐิแล้ว คอยดูแลรักษาพระพุทธศาสนาด้วย ใครเก่งช่วยเมตตาบอกให้ลูกศิษย์ที่เชื่อตามทิฐิเดิมของท่านให้รู้ความจริงด้วยซิครับ ว่าเดี๋ยวนี้พระเจ้าของเขาเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ต้องสักการะผ่านลูกศิษย์ก็ได้ กราบพระพุทธเจ้าโดยตรงได้เลย -
-
ในพุทธศาสนาเรานั้น คัมภีร์เก่าหรือตำราไทยโบราณ คำว่าพระเจ้าหมายถึงพระพุทธเจ้าก็มีปรากฏอยู่ครับ
เช่นในบทสวดมนตร์ต่างๆที่เราอาจเคยได้ยินกันบ้าง (เช่น พระเจ้าโปรดสัตว์ข้ามพ้นสู่ฝั่งพระนิพพาน ฯลฯ ทำนองคล้ายๆเช่นนี้ครับ ) ฯลฯ
ไม่ทราบว่าเราจะรวมความหมายของพระเจ้าจาก พระ(โพธิสัตว์)เจ้า พระ(อรหันต)เจ้า พระ(ผู้เป็น)เจ้า (ซึ่งรวม พระอิศวร พระนารายณ์ พระพิคเณศวร์ ฯลฯ) ด้วยหรือไม่?
การแปลภาษาต่างประเทศ ให้ได้ใจความกับภาษาไทยก็อาจจะเป็นต้นเหตุของกระทู้นี้ก็ได้นะครับ
ผมเข้าใจว่า เรื่องศาสนาที่แปลคำว่าGodด้วยภาษาไทยว่าพระเจ้ามีมาพร้อมกับการเข้ามาเพื่อทำการติดต่อค้าขายจากชาวต่างประเทศ โดยชาวต่างประเทศคงนำข้อปฏิบัติความเชื่อของเขาเข้ามาด้วย และเมื่อจำเป็นต้องสื่อสารกับชาวไทยจึงต้องพยายามหาคำที่เหมาะสมครับ บางทีในแง่นี้ เราอาจต้องพึ่งความเห็นจากราชบัณฑิตยสถานด้วยครับ
ศาสนาที่มีGodหลายองค์ เราก็จะหมายถึงเทวดา เทพเจ้าต่างๆ เช่น จูปิเตอร์ โปไซดอน ฯลฯ
ต่อมาจึงมีการใช้คำว่า พระเจ้า กับสภาวะเคารพสูงสุดจากศาสนาที่มีความเชื่อว่ามีGodองค์เดียว ซึ่งเราค่อนข้างคุ้นเคยในปัจจุบัน
หากความเห็นผมมีข้อบกพร่องใดก็ขออภัยด้วยครับ และจะมีประโยชน์อย่างยิ่งถ้าจะมีผู้เพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งอย่างเป็นประโยชน์มากขึ้นครับ สาธุ ธรรมะสวัสดีครับ -
-
ขนาดพระพุทธเจ้า สมณโคดม เอง ยังกล่าวว่าเราไม่ช่ายพระเจ้า แต่เราเป็น พระพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้โดยชอบด้วยตนเอง ....คำว่า พระเจ้า กับ พระพุทธเจ้า คนละความหมาย แตกต่างกันมากครับ พระเจ้า คือ ผู้สร้างโลก ส่วน พระพุทธเจ้า คือผู้ บำเพ็ญบารมีมามากพอแล้วและถึงกาลเวลาอันสมควรจึงลงมาจุติเพื่อโปรดหมู่มวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์และประกาศศักดานุภาพ ตั้งศาสนาขึ้นมา คือศาสนาพุทธ โดยประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และแผ่แพร่ออกไปตราบนานเท่านาน จนมาถึงยุคปันจุบันที่พวกเราเห็นกันนี้แระครับ...
ผมเชื่อว่ายังมีพวกคนบางกลุ่มเถียงว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือ อันนี้ผมขอตอบว่า มีจริงครับ เหตุผลคือ ..คุณเชื่อไหมว่าคุณมี พ่อ และพ่อของคุณ มีพ่อ อีกที
ที่พวกคุณเรียกว่าคุณปู่นั้นแระครับ ซึ่งนั้นมันก้อคือ บรรพบุรุษ ในเมื่อคุณเชื่อว่าคุณมี บรรพบุรุษ ก้อถูกต้องแล้วครับ เฉกเช่นเดียวกับศาสนาพุทธ พระสงฆ์ ในที่นี้ก้อหมายถึง ลูกหลาน ของพระพุทธเจ้า พระสมณโคดม ......... -
พวกชอบกล่าวตู่ในพระธรรม ก็มีนรกเป็นแดนเกิด
-
เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของศาสนาทางอินเดียบางศาสนาที่จะผนวกเอาพระพุทธเจ้าเข้าไปมีเอี่ยวด้วยว่าท่านเป็นภาคหนึ่งที่อวตารลงมาแต่ก็เป็นนโยบายดึงคนเข้าศาสนาตน แต่นั่นคือที่มีในอินเดียอยู่ไม่ใช่ที่นี่แน่นอน
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
"ไม่เห็นผู้อื่นผิด"
ก็เป็น "สัจจะ" ข้อหนึ่งที่ต้องพยายามทำให้ได้
หากทำได้วันละชั่วโมง จิตใจเราจะสงบขึ้นอีกมาก
- " หนุมาน ผู้นำสาร " -
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
เมื่อถึงเวลาที่พิบัติหนักเกิดขึ้นกับประเทศไทย
ทุกท่านจะรู้ว่า ที่ข้าพระพุทธเจ้ากล่าวไว้ คือ ความจริง
ที่ไม่ใช่ความเห็น ไม่ใช่คิดกันเอง
- "หนุมาน ผู้นำสาร" -
สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือจิตจักรวาล
-
อืมมม... รู้สึกคล้ายๆกับว่าพระพุทธเจ้าเคยพูดถึงพระเจ้าอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าเอาไปลงพระไตรปิฎกกันหรือป่าว [Embarrass
รู้สึกว่าตอนนั้นพระพุทธเจ้าประกาศตัวว่าเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานใช่ป่าว พอประกาศตัวเป็นผู้รู้ก็มีคนไปถามโน่นถามนี่เรื่องอจินไตยกันเต็มไปหมดเลยอ่ะนะ สมัยนั้นมีความเชื่อทางพราห์มอยู่ว่าพระพรหมเป็นผู้สร้าง ก็มีคนไปถามพระพุทธเจ้าว่าพระพรหมมีจริงหรือไม่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสตอบมาว่า เราไม่ปฎิเสธว่าไม่มีพระพรหมอยู่ เทพที่เป็นพรหมที่มี 4 หน้า 4 กร บนสวรรค์นั้นมีอยู่จริง แต่พระพรหมไม่ใช่ผู้สร้างพระพรหมไม่ใช่พระเจ้า พระเจ้ามี 1 หน้า 2 กรเหมือนกับเรานี่แหล่ะ ถึงแม้พระพรหมจะไม่ใช่ผู้สร้างแต่คนเราก็สามารถมีจิตอย่างพรหมได้แล้วก็เทศเรื่องพรหมวิหาร 4 ต่อไปอีก...
แล้วก็มีคนถามเรื่องขอบโลกอะไรเนี่ยแหล่ะ ถามว่าโลกนี้ไปสิ้นสุดตรงไหน พระพุทธเจ้าก็ตรัสตอบมาว่า ไม่ใช่ โลกนี้ไม่มีขอบ จริงๆแล้วพระเจ้าสร้างโลกนี้ขึ้นมากลม ถ้าเดินไปเรื่อยๆก็จะกลับมาที่เดิม :d
แล้วก็มีคนถามว่าโลกนี้เป็นของใคร พระพุทธเจ้าก็ตอบไปว่า โลกนี้เป็นของพระเจ้า
แล้วก็มีคนถามเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดมีจริงหรือไม่ (ในสมัยนั้นมีความเชื่อว่าเมื่อบนโลกเกิดปัญหาที่ไม่มีใครแก้ได้ขึ้นมา พระนารายณ์จะอวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยแก้ปัญหานั้น) พระพุทธเจ้าก็ตรัสตอบว่า พระผู้ช่วยให้รอดมีอยู่จริง พระผู้ช่วยให้รอด คือพระศรีอริยเมตรัยพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
คนเค้าก็ถามอีกว่า แล้วพระศรีอริยเมตรัยทำไมถึงต้องลงมาช่วยด้วยล่ะ ลงมาช่วยแล้วพระศรีอริยเมตรัยได้อะไร พระพุทธเจ้าก็ตรัสตอบไปอีกว่า เพื่อที่จะได้บรรลุโสดาบัน พระศรีอริยเมตรัยจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในพุทธกาลต่อไป การสนใจในเรื่องเหล่าเทพมันก็ดีแต่ไม่ช่วยให้บรรลุอรหันต์ การจะบรรลุอรหันต์ได้จะต้องสนใจเรื่องธรรม ดังนั้นให้สนใจเรื่องธรรมจะดีกว่าสนใจเรื่องเทพอะไรเนี่ยแหล่ะ
(b-smile)
รู้สึกความเข้าใจผิดเรื่องพระพรหมเป็นผู้สร้างนี่มันจะมาจากพราห์มแถวไหนซักที่เนี่ยแหล่ะ ประมาณว่าตอนนั้นมันมีความเชื่อเรื่องของศาสนาพราห์มฮินดูอยู่แล้ว แล้วมีพวกพราห์มที่ไหนซักที่เนี่ยที่อธิฐานเฝ้าขออ้อนวอนให้พระเจ้าผู้สร้างได้โปรดมาปรากฎต่อหน้าเขาด้วยเถิดอะไรเนี่ยแหล่ะแล้วตอนนั้นพระพรหมดั๊นนนนเหาะผ่านพอดี พวกพราห์มเลยดีอกดีใจ โอ... ผู้สร้างมี 4 หน้า 4 กร... :( (พระพรหมกลับไปสวรรค์โดนพระนารายณ์สวดยับ ทำไมอยู่ดีๆท่านมาเป็นพ่อเราอะไรประมาณนั้น แต่พระเจ้าก็ช่วยไว้ตามระเบียบครับ บอกเอาเถอะ เค้าเชื่ออย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลย... ก็เอ๊า เชื่อต่อไป ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย...)
[b-hi]
หน้า 1 ของ 4