ไฟนรก (ท.เลียงพิบูลย์)

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 16 ธันวาคม 2010.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]

    ไฟนรก
    โดย ท.เลียงพิบูลย์

    จากหนังสือกฎแห่งกรรม
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๓



    เมื่อ เราได้ยินเสียง “หวอ” เป็นสัญญานขอทางรถดับเพลิงเวลาวิ่งผ่านไปตามถนน ถ้าเป็นกลางวันเวลางานเราก็อดจะวางงานรีบออกมาดูไม่ได้ หากเป็นเวลากลางคืนอยู่บ้านก็รีบออกมายืนนอกบ้านแล้วแหงนหน้าดูเบื้องบนขอบ ฟ้า เพื่อมองหาแสงไฟว่าจะไหม้ทางทิศทางไหน ใกล้หรือไกล

    หลายครั้งเมื่อเรานั่งอยู่ในรถกำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน ได้ยินได้เห็นรถดับเพลิงสีแดงเปิดสัญญาณวิ่งเร็วมาแต่ไกลตลอดทางเพื่อขอทาง ผ่าน แม้ท้องถนนกำลังจอแจด้วยยวดยาน รถของเราก็จะรีบหลบเข้าชิดซ้ายหยุดข้างถนน เพื่อให้รถดับเพลิงผ่านไปด้วยความเร็ว รีบให้ถึงจุดหมาย เพื่อช่วยชีวิตและทรัพย์สิน บ้านเรือนของประชาชนซึ่งกำลังถูกเผาผลาญอยู่ในกองเพลิง

    เราทุกคนที่ได้เห็นได้ยินเสียงหวอ ก็อยากรู้อยากเห็นว่าไฟไหม้ที่ไหน เมื่อรู้แน่ว่าไฟไหม้ที่ไหนแล้ว ก็นึกห่วงญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่ไฟกำลังไหม้ บางครั้งก็มีผู้ที่ทราบว่าไฟไหม้อยู่ในเขตที่บ้านเรือนของตัวที่พักอยู่ อาศัย ก็ตกใจอกสั่นขวัญหาย รีบหาทางกลับไปสู่บ้านของตนเองโดยด่วน ด้วยสีหน้าอันซีดเซียวตื่นเต้นตกใจห่วงบ้าน เพราะรู้ถึงอันตรายของอัคคีภัยที่เผาผลาญสินทรัพย์บ้านเรือนนั้นร้ายแรง เพียงไร เป็นความรู้สึกแต่ละบุคคลแต่ละครัวเรือนที่อยู่ในเคราะห์กรรมกำลังจะถูกไฟ ไหม้ ซึ่งหมายถึงผู้บริสุทธิ์ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะส่วนมากที่อยู่อาศัยน่า จะไม่ได้ประกันภัย

    โดยเฉพาะพวกหาเช้ากินค่ำ ฉะนั้นจึงเพิ่มครอบครัวที่ไม่มีที่อยู่อาศัยมากขึ้น แต่ชีวิตมนุษย์แม้จะลำบากยากแค้นเพียงไรก็ดิ้นรนเสือกสนไปจนได้ คนเราน้อยนักที่จะเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่ประสบอัคคีภัยหากไม่เคยประสบ มากับตนเอง หรือได้พิจารณาให้ลึกซึ้งก็ไม่เข้าใจถึงส่วนลึกของผู้ที่ประสบอัคคีภัย ก็จะเห็นเป็นของธรรมดา ถ้าบางคนเห็นเป็นของสนุกสนานความจริงเป็นทุกข์ที่สุดในชีวิตในขบวนทุกข์หนัก ด้วยกัน

    นอกจากนั้นยังมีบุคคลจำพวกหนึ่งไม่เคยเห็นอกเห็นใจผู้ประสบภัย แล้วกลับเป็นผู้ฉวยโอกาสหาประโยชน์บนกองทุกข์ผู้อื่น พวกนี้เมื่อทราบข่าวไฟไหม้ที่ไหนก็รีบหาทาง ไปให้ถึงบริเวณที่ใกล้ชิดที่จุดที่พอจะใกล้ได้ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับทุกข์ชอบไปออกันล้อมดู จนเป็นที่กีดขวางทางผู้ที่จะขนของที่เหลือหลบภัยออกมาได้ ซึ่งบางครั้งก็เห็นผู้รับภัยกำลังตื่นเต้นหวาดกลัวอกสั่นขวัญหายทำอะไรไม่ ถูก ได้แต่น้ำตาไหลยืนมองดูไฟไหม้ ลุกลามทำลายทรัพย์สินสมบัติบ้านช่องกำลังพินาศฉิบหายต่อหน้าต่อตา ผู้มีจิตใจปกติก็จะพลอยเศร้าสลดเห็นใจไปด้วย

    ข้าพเจ้าผู้เขียนเคยได้พบเหตุการณ์เมื่อครั้งเพื่อนบ้านตกอยู่ในเขตบริเวณไฟ ไหม้แต่เข้าไม่ถึง จึงพบแต่ภาพที่อนาถใจยากที่จะลืมได้ เห็นจะเป็นเพราะข้าพเจ้าชอบคิดชอบจำ แต่ผู้อื่นอาจเห็นเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้ บางครั้งมีหญิงแม่ลูกอ่อนทั้งอุ้มทั้งจูงเด็กที่ยังไม่เดียงสา เดินร้องไห้เหลียวไปดูไฟกำลังโหมแรง เพราะลมจัดด้วยน้ำตานองหน้า หันมาระบายความรู้สึกกับเด็กที่ไม่เดียงสาว่า “ลูกเอยคราวนี้เราหมดตัวกันแล้ว” แล้วก็สะอึกสะอื้น คงจะมีความอาลัยทรัพย์สินบ้านเรือนที่พักอาศัยกำลังจะเป็นเหยื่อพระเพลิงซึ่งไม่เคยมีความเมตตาปรานีแก่ใคร ทำให้นึกว่ามนุษย์ตนใดที่จุดเผาวางเพลิงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว มนุษย์ตนนั้นก็คงจะได้รับกรรมหนักที่ติดตามสนอง

    บางครั้งเราก็ยังเห็นผู้เฒ่าที่อายุมากแก่จนเดินแทบไม่ไหว ต้องมีพวกลูกหลานช่วยประคองให้ค่อยๆ เดิน และจูงแขนทั้งซ้ายขวามาอย่างเชื่องช้าด้วยใบหน้าอันซีดเซียวเหี่ยวแห้ง แฝงไว้ซึ่งความเศร้าสลดใจในชะตากรรมของตนต้องรับเคราะห์กรรมเมื่อยามอยู่ใน วัยชรา ท่านผู้เฒ่าฝ่าฝูงคนออกมาด้วยความยากลำบาก หันไปดูรอบตัวด้วยความตื่นเต้น และย้อนกลับไปมองแสงไฟกำลังลุกโชติช่วงอย่างหมดอาลัยไยดีที่จะมีชีวิตอยู่ ต่อไป เพราะหมดกำลังใจกำลังกาย ต้องสูญสิ้นทรัพย์สินไปในกองเพลิง เสียงไม้ที่กำลังไหม้ไฟดังคล้ายคั่วข้าวตอกข้าวโพด ขยายเสียงให้ดังหลายร้อยเท่า เสียงขื่อตรงคานของบ้านไม้พังลงมาเพราะไฟไหม้ มันเป็นเสียงที่เสียดเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจ ของผู้ที่ต้องสูญเสียบ้านเรือนทรัพย์สินเงินทอง เหมือนจะถูกพระเพลิงที่กำลังพิโรธเผาผลาญูอย่างดุเดือด

    หญิงจีนบางคนเสียทรัพย์สินที่กำลังถูกเผาผลาญ จนเสียสติร้องไห้ตีอกชกหัวรำพันถึงความทุกข์ลำบากที่จะผจญชีวิตต่อไป เพราะหมดเนื้อหมดตัว ชะตากรรมแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันแล้วแต่ฐานะและความเป็นอยู่ ความทุกข์ยากลำบากแผ่ไปถึงทั้งเด็กผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ชายหญิง ตลอดถึงสัตว์เลี้ยงที่อยู่บริเวณนั้น บางคนก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรมากนัก บางคนกลับดีใจเพราะได้เงินค่าประกันไฟ พวกที่น่าสังเวชสงสารก็คือผู้หาเช้ากินค่ำเพราะรู้ตัวว่าอนาคตมีแต่ความมืด มัว ขาดแสงสว่างย่อมจะต้องเผชิญชีวิตไปอีกนานกว่าจะสะสมทรัพย์สินเงินทองให้เท่า เก่า หากผู้มีอายุมากก็เป็นที่น่าสงสาร นอกจากนั้นยังมีพวกมารสังคมคอยฉวยโอกาสฉกชิงทรัพย์สินของผู้ประสบภัย ซึ่งเคยมีข่าวอยู่เสมอๆ

    ครั้งหนึ่ง คุณป้าผู้หนึ่งอุตส่าห์พยายามขนของออกมาจากบ้าน มากองไว้ในที่ไฟมาไม่ถึงเพราะรู้ว่าบ้านของตนนั้นไม่พ้นไฟที่กำลังโหมมา อย่างหนัก ไม่ช้าก็คงมาถึง ครั้งนั้นดูเหมือนเป็นเวลากลางวัน คุณป้าขนของออกมากองไว้แล้ว พลางออกปากขอร้องพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอความเห็นใจ ให้พวกที่มามุงดูไฟช่วยดูแลเฝ้าของที่แกขนมากองไว้ แล้วจะกลับเข้าไปขนอีกถ้าไม่มีใครเฝ้าก็ห่วงหลัง แกขอร้องกราบไหว้อย่างน่าสงสาร พลางบอกว่า

    “พ่อคุณ ช่วยป้าดูของไว้ทีเถิด นึกว่าสงสารเอาบุญ ป้าอยู่คนเดียวพวกลูกหลานเขาไปทำงานกันหมด นี่คงไม่มีใครรู้ว่าบ้านจะถูกไฟไหม้ ช่วยป้าดูของไว้ ป้าจะกลับไปขนมาอีกเอาของพอที่จะขนได้ อย่าให้หมดเนื้อหมดตัวเลย”

    ทันใดนั้นมีชายกลุ่มหนึ่งตอบรับด้วยความยินดีว่า “พวกผมจะเข้าไปช่วยขนเจ้าหน้าที่ก็คงไม่ยอมให้เข้าแน่ สงสารคุณป้าเหลือเกิน ทางนี้คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ พวกผมไม่ให้คนอื่นมาขนเอาไปเป็นเด็ดขาด”

    คุณป้ากล่าวยกยอบุญคุณ แล้วก็รีบเร่งเข้าไปขนของในบ้านซึ่งไฟยังมาไม่ถึง คิดว่าพวกคนใจดีมาเฝ้าให้ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ เวลานั้นไม่ได้คิดได้พิจารณาดูว่าจะเป็นคนดีคนชั่ว ไม่ได้นึกว่าฝากปลาย่างไว้กับแมว หรือฝากเนื้อไว้กับเสือ ครั้งหลังสุดที่คุณป้าหอบของออกจากบ้าน ก็ไม่พบของที่ตนได้ขนมากองไว้ตอนแรกๆ เสียแล้ว พร้อมทั้งกลุ่มอาสาเฝ้าของก็หายตัวไปด้วย คุณป้าเที่ยวถามหาเพราะยังนึกในทางดีว่า พวกนั้นคงจะช่วยโยกย้ายไปกองให้ห่างออกไป เพราะมันเกะกะขวางทางเขา

    แต่คุณป้าเที่ยวตามหาก็ไม่มีใครรู้เรื่อง เพราะเป็นเวลาชุลมุนกัน ของใครก็ของมันระวังกันเอง แต่ของตัวเองก็คอยจ้องระวังแทบไม่ไหวแล้ว ทำให้คุณป้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะเที่ยวหาจนอ่อนอกอ่อนใจก็ไม่พบทั้งของ ทั้งคนเฝ้า ทั้งเจ็บใจทั้งแค้นใจลมแทบจับ เป็นภาพที่เห็นแล้วสังเวชเศร้าใจยิ่งนัก การประสบอัคคีภัยก็เป็นกรรมที่ทุกข์หนักอยู่แล้ว ยิ่งมีมนุษย์ที่ใจร้ายเพิ่มเคราะห์กรรมทวีให้หนักยิ่งขึ้น เห็นแล้วน่าสงสารที่มีมนุษย์จิตใจเหี้ยมโหดใจทมิฬหินชาติ พวกอสุรกายแฝงอยู่ในสิ่งของมนุษย์จ้องที่จะหาเหยื่อ ไม่สนใจว่าเหยื่อนั้นจะกำลังรับทุกข์ยากแสนเข็ญ จิตใจไม่อยู่กับตัวกลับต้องมารับเคราะห์กรรมซ้ำเติม ต้องสูญเสียทุกอย่างที่มีอยู่ เชื่อแน่นอนว่ามนุษย์อสุรกายพวกนี้จะต้องประสบกรรมอันหนักในบั้นปลายของ ชีวิต เพราะได้สร้างกรรมชั่วไว้เป็นมรดก

    เมื่อเราได้รู้แต่ข่าวความชั่วร้ายของมนุษย์ที่ไม่มีความละอายต่อบาป เราก็มีแต่ความเศร้าสลดใจ แต่คิดว่ามีชั่วก็ต้องมีดีเป็นธรรมดา เมื่อได้ข่าวมีผู้สร้างกรรมดีก็ทำให้ชุ่มชื่นจิตใจสบายขึ้น เพราะเราชังคนชั่วชอบคนดีเป็นธรรมดาของผู้มีใจปกติ เพราะเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๐ ข้าพเจ้าได้ทราบและอ่านพบข่าวหนังสือพิมพ์มีใจความว่า

    นายสังวาลย์ อรุณรัตน์ ผู้มีอาชีพหากินโดยขับสามล้อเครื่องรับจ้าง เป็นคนชั้นกรรมกรหาเช้ากินค่ำ ข่าวนั้นบอกว่า ชายขับสามล้อผู้นี้ได้รับผู้โดยสารสองนายจากธนาคารแห่งหนึ่ง และไปส่งที่ไม่ไกลกันมากนัก แล้วไปจอดที่หน้าโรงภาพยนตร์เพื่อคอยรับคน เมื่อผู้โดยสารคนใหม่กำลังจะขึ้นนั่งจึงได้พบและรู้ว่าผู้โดยสารคนเก่าได้ ลืมกระเป๋าไว้ใบหนึ่ง

    เมื่อผู้โดยสารคนใหม่ลงแล้ว จึงได้เปิดกระเป๋าใบนั้นออก ก็พบว่าในกระเป๋าใบนั้นมีเอกสารอื่นๆ แล้วยังมีธนบัตรใบละร้อยอีกปึกใหญ่มีจำนวนเงินหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งเจ้าของลืมทิ้งไว้โนรถสามล้อเครื่องนับว่าเป็นจำนวนเงินมิใช่น้อย สำหรับกรรมกรมีอาชีพขับสามล้อเครื่องหาเช้ากินค่ำอย่างธรรมดาทั่วไปน้อยนัก ที่จะนึกถึงอกเจ้าของเงิน ส่วนมากนึกว่าเป็นโชคลาภอันประเสริฐ เท่าที่พูดมานี้ก็เพราะได้ทราบว่าผู้โดยสารลืมของไว้ในรถ รับจ้างหรือสามล้อ แม้เจ้าทรัพย์จะประกาศอ้อนวอนขอร้องทางวิทยุกระจายเสียง หรือแจ้งความขอของคืนเงินยกให้ ส่วนมากน้อยนักที่จะมีโอกาสได้คืน แม้จะมีเอกสารและของมีค่าไม่มากนักก็สูญ นานๆ จึงจะพบคนดีสักครั้งหนึ่ง

    ส่วนนายสังวาลย์ อรุณรัตน์ ผู้ขับสามล้อใจงาม เมื่อรู้ว่าในกระเป๋ามีค่ามาก ไม่ยอมรั้งรอคิดมากให้เสียเวลา ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันทีว่าจะนำเงินจำนวนหนึ่งพร้อมทั้งเอกสารรีบนำไป แจ้งความ มอบให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจพระราชวังทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประกาศหาเจ้าของเงินจะได้มอบคืนไป

    นายสังวาลย์ คนขับสามล้อเครื่องผู้นี้ สวมเครื่องแต่งกายอย่างกรรมกรสามล้อธรรมดาทั่วไป มีรูปร่างล่ำสันมีหนวดมีเคราแต่ภายนอก แต่ได้ซ่อนน้ำใจอันประเสริฐมีคุณธรรมสูงไว้ภายในเกินกว่าผู้เห็นจะนึกถึง ไม่มีใครจะคิดว่ากรรมกรขับสามล้อเครื่องผู้นี้จะเป็นผู้มักน้อยไม่โลภใน ทรัพย์สินของผู้คนที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของตน แม้จะมีฐานะหาเช้ากินค่ำ ทั้งยังมีบุตรชายเล็กๆ อีก ๓ คนอยู่ในอุปการะ แม้นายสังวาลย์จะขาดทรัพย์สิน แต่ชายผู้นี้อุดมด้วยคุณธรรมสูงเกินฐานะความเป็นอยู่

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้ความดีของศีลธรรมฝังลึกอยู่ภายในความ รู้สึกผุดขึ้นมาให้เห็นข้าพเจ้ารู้สึกซึ้งประทับใจที่ได้ทราบผู้ประกอบกรรม ดี และมีความประสงค์มาแต่เดิมที่จะยกย่องสรรเสริญผู้ทำกรรมดี เมื่อผู้นั้นได้ทำความดีแล้วก็สมควรจะเป็นที่ยกย่องสรรเสริญ เผยแพร่ให้ผู้ที่ยังไม่รู้ให้รู้ทั่วไป สิ่งที่เศร้าใจก็คือผู้สร้างความดีที่มีผู้ยกย่องสรรเสริญเพียงชั่วระยะ หนึ่งไม่นานนัก แต่แล้วในไม่ช้าเราก็จะพากันลืมเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง เพราะคนในยุคปัจจุบันนี้ส่วนมากมักลืมง่ายหน่ายเร็ว เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปลีกย่อยไม่ใหญ่โตอะไรพอที่จะบันทึกประวัติ

    ฉะนั้น เรื่องราวจะไม่ตกไปถึงอนุชนรุ่นหลัง ไม่ช้าก็จะพากันลืม ทำอย่างไรเราจึงจะรักษาความดีเด่นให้อยู่อย่างถาวร เพื่อจะให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้ได้ศึกษาและจะได้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลของ ผู้สร้างความดีตลอดไป ให้ลูกหลานรุ่นหลังภูมิใจในความดีว่า คนจนแต่ใจดีมีศีลธรรมดีกว่าคนมั่งมีใจชั่วเห็นแก่ตัว ข้าพเจ้าจึงได้บันทึกข้อความเพื่อให้เห็นความดีและความชั่ว และเพื่อให้ความดีอยู่ได้นานเท่าที่จะนานได้ เพราะโลกมนุษย์นี้ไม่มีอะไรแน่นอน

    เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจได้รับแจ้งความ และรับกระเป๋าเงินและเอกสารในกระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ได้แจ้งไปให้เจ้าของทราบทางโทรเลข เมื่อเจ้าของเงินซึ่งอยู่ท่าม่วง เมืองกาญจนบุรีทราบข่าวก็มีความยินดีมาก รีบเดินทางมาที่สถานีตำรวจพระราชวังพร้อมด้วยหลักฐานรับกระเป๋าเงิน และเอกสารคืน และได้มอบเงินสามพันบาทตอบแทนจิตใจอันงามของนายสังวาลย์ อรุณรัตน์ ชายผู้ขับสามล้อเครื่อง ผู้มักน้อยไม่ยอมเห็นว่าทรัพย์สินของผู้อื่นควรจะมาเป็นของตน เมื่อเจ้าของลืมใว้

    คราวนี้ชายผู้ขับสามล้อเครื่อง รับเงินด้วยความปลื้มปิติและน้ำตาคลอ เพราะเงินที่ได้ครั้งนี้เป็นเงินที่บริสุทธิ์สะอาด เจ้าของมอบให้ด้วยความเต็มใจ ตอบแทนความดีที่ตนได้สร้างขึ้นสิ่งที่ได้ตอบแทนมีค่าสูงกว่าเงินหาซื้อไม่ ได้ ก็คือข่าวที่รู้ไปถึงไหนก็มีผู้ยกย่องสรรเสริญชมเชย อนุโมทนาสาธุด้วยจิตใจอันงามซึ่งหาไม่ง่ายนักในหมู่คนขับสามล้อเครื่อง หรือนักบุญในร่างกรรมกรผู้หาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นผู้ไม่ยอมเห็นแก่ตัว อันคุณงามความดีอันนี้เป็นที่ประทับใจผู้รู้ผู้เห็นตลอดไป แม้แต่ข้าพเจ้าทราบก็อดที่จะพลอยปิติถึงคุณความดีอันนี้เสียมิได้

    นอกจากนั้น เมื่อนายสังวาลย์ อรุณรัตน์ ผู้นี้ได้รับเงินแล้วยังมีจิตเมตตาเผื่อแผ่ คือได้นำเงินหนึ่งพันบาทไปมอบให้แก่มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นับว่าเป็นชีวิตอันน่ายกย่องสรรเสริญเฉพาะแบบอย่างผู้หาเช้ากินค่ำ เป็นกรรมกรสามล้อเครื่อง แม้จะยากจนเข็ญใจหากินด้วยแรงงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ก็ไม่โลภทรัพย์สินของผู้อื่นเมื่อตกอยู่ในมือของตน จิตใจบริสุทธิ์ใสสะอาด ควรแก่ความยกย่องเป็นตัวอย่าง

    ต่อมาก็ได้ทราบข่าวเพลิงไหม้ที่บางลำภูประตูใหม่ ไฟได้เผาผลาญทรัพย์สินของประชาชน ตึกเรือนบ้านช่องร้านค้าได้ทำลายวอดไปในกองเพลิงมากมาย หน่วยดับเพลิงต้องทำงานหนักตลอดคืน จนไฟสงบผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เพลิงได้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งที่ตำบลสวนมะลิ ซึ่งห่างจากที่ไหม้เดิม ไฟได้ไหม้บ้านเรือนร้านค้าไม่น้อยไปกว่าบางลำภูประตูใหม่ ทำให้ผู้คนได้รับเคราะห์กรรมเพิ่มจำนวนมากขึ้น ข้าพเจ้าคิดว่าหลับตานึกภาพแล้วก็จะเห็นความโกลาหลวิ่งสับสนวุ่นวายของผู้ ตื่นไฟและตกใจตื่นเต้น ที่เคยเห็นมาแล้วก็ยิ่งทำให้เศร้าใจยิ่งขึ้น ระยะนี้ไฟได้ไหม้บ่อยครั้ง

    ทำให้นึกถึงพวกมนุษย์ใจร้าย ทารุณเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ธรรมดา ใจดำอำมหิตสามารถจะวางเพลิงเผาผลาญทรัพย์สินบ้านเรือนของผู้บริสุทธิ์ เพื่อเห็นประโยชน์ของตน เพียงค่าประกันภัย แต่ต้องทำลายทรัพย์สินของผู้ไม่รู้ไม่เห็นนั้นมากมาย พวกวิกลจริตโสมม ทำลายสังคมให้ปั่นป่วน มนุษย์ใจชั่วเหล่านี้ไม่เคยนึกถึงกฎแห่งกรรม ซึ่งวันหนึ่งจะต้องติดตามสนองหรือเพื่อใช้หนี้กรรมในบั้นปลายของชีวิต เชื่อแน่ว่าหนีกรรมไม่พ้น

    เมื่อคิดแล้วนึกถึงคนดีหรือคนชั่วย่อมจะรับเคราะห์กรรมเช่นเดียวกัน คิดว่าคงจะทำให้คนดีๆ เช่นชายผู้ขับสามล้อเครื่องใจงามคุณธรรมสูง ที่ยังไม่ได้โอกาสแสดงความดีเด่น คงจะปนในหมู่คนมากๆ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงบันทึกของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่ได้กรุณาส่งมาพร้อมทั้งตัวข้อความใน หนังสือพิมพ์มาประกอบให้ข้าพเจ้า จนได้เค้าเรื่องที่จะเขียนขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ ชี้ให้เห็นในเรื่องกรรม และท่านยังได้ติดตามเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ตลอดมา


    ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้ บรรยายเรื่อง “ไฟนรก” เพียงแต่อ่านชื่อท่านก็คงเห็นว่าชื่อนี้น่ากลัว แต่เนื้อเรื่องจะน่ากลัวสมเหตุผลหรือไม่ ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจ ขอท่านจงได้พิจารณาดูเอง ผู้เล่าเรื่องนี้เป็นชายสูงอายุอยู่ในวันที่เกิดเหตุ เพราะบ้านอยู่ตรงข้ามกับโรงงาน ได้เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นโดยตลอดข้าพเจ้าให้ชื่อท่านผู้นั้นว่า ลุงขาว ขอให้ท่านฟังเรื่องราวต่อไป

    บ่ายวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันหยุด ในโรงงานไม่มีคนทำงาน โรงงานแห่งนี้ไม่ใหญ่โตนักและไม่ไกลจากพระนคร ในโรงงานจึงเห็นแต่มีคนยามเฝ้าอยู่ แต่แล้วชาวบ้านร้านค้าที่อยู่ใกล้กับโรงงาน ก็ต้องตกอกตกใจอย่างอกสั่นขวัญหาย เพราะได้ยินเสียงร้องออกมาจากในโรงงานว่า

    “ไฟไหม้คน..... ไฟไหม้คน ไฟไหม้คน”

    มันเป็นเสียงที่แปลกหูของชาวบ้านทั่วๆ ไป ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่พอได้ยินคำว่า “ไฟไหม้” เท่านั้น ก็ทำให้ชาวบัานร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงก็ขวัญูเสียตกใจ จนหน้าซีดเซียวหยิบอะไรไม่ถูกเสียแล้ว ส่วนคนจีนทำการค้าก็รีบจัดแจงปิดหน้าถังหรือปิดประตูร้านค้าขายทันที ไม่ได้ดูให้แน่ชัดว่าไฟมันไหม้ตรงไหน ไหม้อะไรเสียก่อน เห็นจะเป็นอย่างโบราณว่าตื่นไฟ บางคนตื่นตกใจ มือเท้าอ่อนเดินไม่ไหว ท่ามกลางความตื่นเต้นของเสียงที่ร้องตะโกน ไฟไหม้คน แต่มองไม่เห็นแสงไฟ

    ทันใดนั้นทางประตูเข้าออกของโรงงาน ก็มีร่างมนุษย์วิ่งอย่างทุรนทุรายไฟลุกท่วมตัว สะบัดซ้ายสะบัดขาวส่ายตัวไปมา เห็นจะเป็นด้วยความร้อนของพิษไฟ ปากก็ตะโกนรองส่งเสียงแหบๆ ว่า “ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ผมตายแล้ว”

    ชาวบ้านร้านตลาดแถบนั้นทุกคนตกใจ จ้องมองดูอย่างตกตลึงแทบไม่หายใจ เกือบจะไม่เชื่อสายตาว่าร่างกายสังขารที่ลุกช่วงด้วยแสงไฟ ทั้งกลิ่นน้ำมันและเนื้อไหม้นั้น กำลังวิ่งพล่านเพื่อขอความช่วยเหลือเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ตาย กำลังจะถูกเผาทั้งเป็น บางคนที่เป็นผู้ใหญ่หายตกตะลึงก็มีความสังเวช ต่างก็คิดหาทางช่วยหากช้าไม่ทันการ ชายผู้เคราะห์ร้ายจะไหม้สุกเสียก่อน

    บางคนก็ร้องตะโกนออกไปว่า “ถอดเสื้อออกทิ้งเร็ว” ผู้เคราะห์ร้ายได้พยายามทำตาม เพื่อถอดเสื้อออกจากตัว แต่มันเป็นเสื้อยืดคอกลมต้องถอดออกทางหัว ผู้เคราะห์ร้ายได้พยายามทำตามก็ไม่สำเร็จ เพราะมันคับทั้งไฟลุกท่วมตัว เสียงชาวบ้านตะโกนบอกว่าโดดลงไปในโคลน บางคนก็ร้องบอกให้ชาวบ้านหากระสอบเก่าๆ ชุบน้ำเพื่อไปคลุมตัว บางคนก็วิ่งไปหายาฉีดดับเพลิง บางคนก็ให้ไปโกยเอาดินเลนขึ้นมาสาด เสียงชุลมุนวุ่นวายแวดล้อมห่างๆ ร่างที่กำลังถูกเผาอย่างขวักไขว่ไปมา ต่างก็อยากช่วยแต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก

    ส่วนพวกผู้หญิงก็ร้องโวยวายเพราะหวาดเสียว เมื่อเห็นคนกำลังถูกเผาทั้งเป็น ทั้งได้ยินเสียงโหยหวนขอความช่วยเหลือ เหมือนเปรตกำลังถูกไฟนรกเผากำลังจะขาดใจตาย แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะช่วยได้ ผู้หญิงบางคนใจอ่อน อกสั่นขวัญหายขนลุกขนพอง ทนดูอยู่ไม่ได้ต้องหลับตาปิดหู บางคนก็วิ่งร้องไห้หนีหลบเข้าไปในบ้านด้วยความสงสาร บางคนใจแข็งวิ่งเข้าไปเอาถังเอากระป๋องตักน้ำมาจะช่วยสาดให้ไฟดับ

    แต่คนส่วนมากตะโกนให้ลงนอนกลิ้งตัว เพราะท่าวิ่งก็ไม่สามารถจะดับลงได้ ชายเคราะห์ร้ายนั้นไม่มีสติจะคิดอะไร พิษไฟร้อนแรงกำลังเผาอยู่ตลอดเวลา ที่เสื้อผ้ายังชุ่มน้ำมัน เมื่อใครตะโกนอะไรก็พยายามทำตาม ที่สุดก็นั่งลงแล้วก็นอนกลิ้งลงกลางถนน ชาวบ้านเตรียมกระสอบป่านไว้แล้วช่วยกันโป๊ะลงไปที่ตัวจนไฟดับลง

    แต่ชายเคราะห์ร้ายผู้นี้ก็มีอาการหนักมากเสียแล้ว เสียงครวญร้องครางด้วยความเจ็บปวดด้วยพิษไฟ ชายเคราะห์ร้ายผู้นี้ต้องร้องครวญครางอยู่พักหนึ่งก็หมดสติเงียบไป ชาวบ้านผู้มีจิตใจเมตตาเห็นอกเห็นใจ ก็พยายามช่วยกันอย่างตามมีตามเกิด เพราะรู้พิษของไฟลวกว่าปวดแสบร้อนแค่ไหนบางคนก็บอกยากลางบ้านให้จัดทำขึ้น แต่อาการของชายเคราะห์ร้ายนี้หนักเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าใครมาจากไหน

    ชาวบ้านแถบนั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ทั้งถูกไฟเผา ผมบนหัวนั้นไหม้หมด หนังหัวก็เกือบละลาย ขนคิ้วขนตาก็หมด นัยน์ตาก็ลืมไม่ขึ้น หรือไม่สามารถมองจะเห็นแสงสว่างของโลก ได้อีกต่อไปตลอดชาติ ทำไมหนอชายผู้นี้จึงได้รับเคราะห์กรรมหนักถูกย่างสดเช่นนี้

    ชาวบ้านต่างวิจารณ์ไปในทางลงความเห็นว่า ชายผู้นี้คงจะทำบาป อย่างหนักจึงได้ประสบเคราะห์กรรมอย่างหนักนี้ เนื้อตัวเกือบจะสุกหมด รู้แต่เพียงว่าลมหายใจเข้าออก ท้องยังแขม่วๆ พอให้รู้ว่ายังไม่ตายเท่านั้น แล้วก็น่าสังเวชเพราะมันทรมานอย่างสาหัส เท่าที่ชาวบ้านร้านโรงซึ่งเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเห็นสภาพที่น่า ทุเรศ และขนลุกขนพองสยองเกล้าน่ากลัวเช่นนี้ แม้เรื่องสงบลงแต่ผู้หญิงและเด็กหรือผู้ชายก็ดี ที่ประสาทอ่อนก็ไม่กล้ามองดู เพราะร่างนั้นเหมือนปีศาจดำเป็นตอตะโก นี่แหละไฟนรก ที่น่ากลัวที่สุดซึ่งชาวบ้านไม่เคยเห็นมาก่อน

    หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทางการได้รีบจัดรถพยาบาลมารับส่งตัวชายผู้นี้ไปรักษาทางโรง พยาบาล แกต้องมีลมหายใจอยู่ใช้กรรมอีกนานพอสมควร คือทางแพทย์ก็ได้พยายามจะช่วยให้ชายผู้นั้นมีชีวิตให้นานต่อไป แต่ก็เหลือความสามารถของหมอที่จะช่วยแก้ไขไว้ได้ ที่สุดก็หมดลมลงอย่างผีไม่มีญาติ ไม่มีญาติพี่น้องไปเยี่ยมศพเลย บั้นปลายของชีวิตคนเราย่อมจะมีจุดจบแปลกๆ แตกต่างกันแต่ละบุคคล ตามบุญูตามบาปที่กรรมจะตามสนอง

    ภายหลังไฟนรกได้ไหม้ร่างกายของผู้ชายนี้แบบย่างสดแล้ว เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนสาเหตุที่ไฟเกิดขึ้นได้อย่างไร ชายผู้นี้คือใคร คนทำร้ายเพราะเหตุใด ก็ได้ใจความว่า ชายผู้นี้ติดฝิ่นอย่างงอมแงม คนในโรงงานไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน เป็นคนจรจัด ได้แอบไปตั้งกล้องยาสูบฝิ่นในมุมหนึ่งของโรงงานกับเพื่อน วันนั้นเป็นวันหยุด ไม่มีกรรมกรมาทำงานเลย คงมีแต่คนเฝ้าอยู่ในโรงงานมุมหนึ่ง ชายผู้เคราะห์ร้ายนี้ได้หลบซ่อนสูบพ่นในโรงงานนี้กับเพื่อนคู่หู ซึ่งเป็นผู้อาศัยช่วยดูแลโรงงานอยู่เก่าแก่เป็นประจำ แต่บังเอิญวันนั้นเกิดอารมณ์เสียด้วยกัน

    ทางการสันนิษฐานว่าต่างก็คงกระหายฝิ่น ต่างแย่งกันสูบก่อนเป็นต้นเหตุ ความอยากสูบฝิ่นมีอำนาจเหนือความเป็นเพื่อน จึงเกิดวิวาทกันขึ้น ชายเคราะห์ร้ายโมโหอยากฝิ่น เห็นช้างเท่าหมู ต่างก็ตกอยู่ในอำนาจยาเสพติด ลืมทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนคนบ้าที่ดุร้าย ชายเคราะห์ร้ายคว้าได้กล้องยาฝิ่นก็ตีเพื่อนเหมือนเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ เพื่อนก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะโมโหหิวฝิ่น แต่มือเปล่าสู้ไม่ได้ จึงโจนจากเตียงนอนสูบฝิ่นวิ่งหนี ชายเคราะห์ร้ายวิ่งไล่ตามทำร้ายในบริเวณโรงงาน แต่บังเอิญเพื่อนผู้วิ่งหนีมา เห็นเครื่องตวงน้ำมันเบ็นซินขนาดลิตรซึ่งบรรจุน้ำมันเต็มอยู่ภายใน ซึ่งมีคนถ่ายออกจากรถยังไม่ได้บรรจุในถังที่ปลอดภัย จึงรีบหยิบกระป๋องเครื่องตวงแล้วยกขึ้นสาดไปที่ตัวชายเคราะห์ร้าย ซึ่งกำลังวิ่งไล่ตามมาข้างหลังไม่รู้ตัว หวังให้หยุดการไล่ตามทำร้ายด้วยความโกรธแค้น

    ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีใครนึกฝันมาก่อน เพราะไม่เป็นสาระ แต่ด้วยอำนาจกระหายอยากทรมานของยาเสพติด ทำให้ประสาทขาดสติรู้ผิดชอบเหมือนสัตว์ร้ายเวลาโกรธ ขาดความเป็นมนุษย์ จิตใจต่างก็ตกเป็นทาสของยาเสพติด ไมู่ร้การทำเช่นนี้จะเกิดอันตรายร้ายแรงเพียงไร เมื่อชายผู้หนีเห็นว่า ได้สาดน้ำมันลงไปที่ตัวผู้วิ่งไล่จนโชก ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการวิ่งไล่ตามทำร้าย เพียงแต่ชะงักลงเพียงเล็กน้อย ก็ยิ่งกลับเพิ่มความโกรธแค้นมากขึ้นแก่ผู้วิ่งไล่ตาม เหมือนว่าหากไล่ทันอาจจะขยี้ทำลายผู้หนีให้สิ้นชีวิตลงได้ด้วยโทสะ การวิ่งไล่วนเวียนอยู่ในโรงงาน ผู้หนีเห็นท่าจะหนีไม่พ้นก็วิ่งวนไปที่เตียงสูบฝิ่น รีบฉวยตะเกียงซึ่งกำลังจุดไฟเตรียมไว้สำหรับสูบฝิ่น ฉวยได้แล้วขว้างไปที่ตัวผู้ไล่

    ทันใดนั้น ไฟตะเกียงที่กำลังลุกก็ได้ติดเสื้อของผู้ไล่ซึ่งชุ่มโชกด้วยน้ำมันเบ็นซิน ไฟก็ลุกพรึบขึ้นตามตัวชายผู้วิ่งไล่ทันที เพราะความไวของน้ำมันเบ็นซิน ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายไม่นึกฝันว่าเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้น ก็ตกใจร้องโวยวายทิ้งกล้องยาสูบฝิ่น ความตกใจทำให้สติเสีย ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรให้ไฟดับ ทางโรงงานก็มีแต่คนยามเฝ้าโรงงาน เห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นนั้นก็ตกใจร้องโวยวายตะโกนออกมาว่า “ไฟไหม้คน”

    ชาวบ้านร้านตลาดได้ยินแต่เสียง “ไฟไหม้คน” ก็จับเพียงคำหน้าเพียงไฟไหม้เท่านั้น ก็พากันตกใจ ต้นเหตุเกิดขึ้นก็เพราะแย่งกันสูบก่อนสูบหลังของยาเสพติดเท่านั้น บัดนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นแล้ว ชายผู้สาดทั้งน้ำมันเบ็นซินและสาดทั้งไฟเข้าไป ไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เมื่อเห็นเหตุการณ์ลุกลามใหญ่โตเช่นนั้นก็ตกใจสุดขีด รีบฉวยโอกาสที่คนกำลังชุลมุนกันหลบหนีไปทันที ทางการสืบสวนได้เพียงเท่านี้ ซึ่งยังเป็นที่ลึกลับ เพราะยังไม่ทราบว่าชายผู้เคราะห์ร้ายบัดนี้ได้จบชีวิตด้วยไฟนรกเป็นใครมาจาก ไหน

    ชาวบ้านร้านตลาดในหมู่ที่ตำบลเกิดเหตุ ต่างก็โจษจันกันแซ่ ทุกคนก็อยากรู้ว่าชายผู้เคราะห์ร้ายนั้นคือใคร มีบ้านช่องอยู่ที่ไหน แม้ทางการจะประกาศหาญาติพี่น้องของผู้ตาย แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะชี้ตัวว่าเป็นญาติใคร นอกจากคนที่ทำร้ายสาดน้ำมันจุดเผาแล้วหนีไปเท่านั้นที่รู้จัก แต่ก็ยังจับตัวไม่ได้ ทั้งเนื้อตัวหน้าตาของชายผู้นี้สุกหมด ไม่มีใครสามารถจะจำได้

    แรกๆ ชาวบ้านร้านตลาดเหล่านั้น ต่างก็สนใจอยากทราบว่าชายเคราะห์ร้ายผู้นั้นคือใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน เรื่องก็คงยังลึกลับไม่มีใครทราบ ทำให้ชาวบ้านยิ่งอยากรู้เพราะยิ่งลึกลับเพียงไร ก็ยิ่งอยากรู้มากเพียงนั้น เป็นความรู้สึกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่เมื่อนานๆ เข้าเรื่องก็ยังไม่คลี่คลายให้กระจ่างแจ้งว่า ชายผู้เคราะห์ร้ายผู้นั้นเป็นใคร ยังคงเป็นเรื่องลึกลับอยู่ตามเดิม


    กาลเวลาที่ล่วงนับแต่ มนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายถูกเผาทั้งเป็น เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ผ่านไปเป็นปี เรื่องราวก็ยังลึกลับ เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าชายเคราะห์ร้ายนั้นคือใคร ผู้ที่ทำร้ายแล้วหลบหนีไปก็ยังจับตัวไม่ได้ ชาวบ้านค่อยๆ คลายความสนใจหันมาสนใจการทำมาหาเลี้ยงชีพ เรื่องราวของผู้เคราะห์ร้ายกำลังจะถูกลืมจากความสนใจของชาวบ้าน ที่เคยอยากรู้ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร

    ลุงขาวได้กรุณาเล่าว่า โลกนี้มันมีสิ่งแปลกประหลาดอัศจรรย์ เรื่องเหมือนจะอาถรรพณ์ ความลึกลับได้ถูกคลี่คลายออกมาอย่างประหลาดซึ่งไม่มีใครเคยนึกเคยฝันมาก่อน ความจริงย่อมหนีความจริงไม่พ้น คล้ายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามที่ผู้ประกอบกรรมทำชั่วไว้มากมาย กรรมจึงตามสนอง เหมือนจะประกาศให้รู้ทั่วกันว่า บุญบาปเวรกรรมเป็นความจริงมีอยู่ในโลก ผู้ใดได้สร้างกรรมไว้แล้วย่อมจะหนีกรรมนั้นไม่พ้น กรรมย่อมจะเป็นเงาตามตัวอยู่ตลอดเวลา คอยหาโอกาสที่จะถึงกำหนดที่จะเกิดผลสนอง แม้มนุษย์หยาบช้าจะมีความเฉลียวฉลาดสามารถจะหลบหนีกฎหมาย ซึ่งมนุษย์ได้บัญญัติตั้งขึ้นเพื่อลงโทษผู้ทำผิด แม้มนุษย์นั้นจะมีปัญญาความรู้หลักแหลมฉลาดแกมโกง เอาตัวรอดจากโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ได้ แต่ก็ไม่สามารถจะหลบหลีกกรรมชั่วที่ตนได้สร้างขึ้นได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตาม “กฎแห่งกรรม”

    เมื่อถึงเวลาที่สิ่งลี้ลับจะคลี่คลาย ก็บังเอิญให้มีพระภิกษุรูปหนึ่งธุดงค์มาพักปักกลดใกล้หมู่บ้านที่ลุงขาวอยู่ ตามปกติชาวบ้านหมู่นั้นเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดแรมคืน พอรุ่งเช้าก็มีชาวบ้านต่างก็นำอาหารไปถวายพระธุดงค์ด้วยจิตศรัทธา รวมทั้งลุงขาวซึ่งเป็นหัวหน้านำ เพราะลุงขาวเป็นไวยาวัจกรวัดหนึ่งในหมู่บ้านนั้น และเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านทั่วไป

    พระภิกษุรูปนี้เคร่งต่อพระวินัย พูดน้อยปฎิบัติมาก พูดสิ่งใดออกมาก็ล้วนแต่เป็นเหตุผล และเป็นแก่นสาร อยู่แต่ในทางธรรม ไม่สนทนาทางโลกที่เหม็นไปสู่ทางกิเลส ท่านเป็นผู้เลื่อมใสในทางพระศาสนา เป็นผู้แสวงหาสัจธรรมเพื่อปฏิบัติให้ล่วงพ้นจาก ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย

    ท่านจึงตั้งใจจะออกธุดงค์ไปตามป่าตามเขาที่เงียบสงัด ท่านได้บอกว่า ท่านได้ถวายชีวิตไว้ในพระศาสนา ปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ยอมหันมาหาโลกอีกต่อไป เมื่อมีชาวบ้านได้ไปสนทนาธรรมกับท่าน แล้วทุกคนต่างก็เลื่อมใสเกิดความเคารพนับถือ ต่างก็นิมนต์ให้ท่านพักอยู่ในหมู่บ้านนานที่สุดเท่าที่จะนานได้

    ชาวบ้านบางคนก็ขอให้ลุงขาวซึ่งเป็นผู้ใหญ่มีผู้นับถือมาก ช่วยนิมนต์ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดใกล้หมู่บ้าน ท่านเพียงแต่รับว่าจะยืดเวลาออกเดินทางธุดงค์ต่อไปจาก ๓ วัน ที่ตั้งใจไว้เดิม เป็น ๗ วัน เพื่อฉลองศรัทธาของชาวบ้าน ส่วนที่นิมนต์มาจำพรรษาในวัดที่ใกล้หมู่บ้านนั้นท่านขัดข้อง ไม่สามารถจะปฏิบัติตามที่ชาวบ้านนิมนต์ด้วยความศรัทธาได้

    การที่ได้สนทนาธรรมกับพระภิกษุรูปนั้น ชาวบ้านก็ช่วยกันเล่าถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อนได้มีคนถูกเผาทั้งเป็นวิ่งออก มาจากโรงงาน ผู้ที่รู้เห็นในเวลานั้นเป็นภาพที่สยดสยองน่ากลัวติดหูติดตาตลอดชีวิต คงไม่สามารถจะลืมได้ พระภิกษุได้ฟังก็นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า “อาตมารู้เรื่องนี้ดี อันไฟนั้น คือไฟนรกได้เผาผลาญมนุษย์ผู้สร้างกรรมหนักด้วยจิตใจเหี้ยมโหดดุร้าย ไฟนรกจึงได้ขึ้นมาเผาผลาญ เพื่อมิให้บุคคลอื่นเอาเยี่ยงอย่าง ความใจบาปหยาบช้าทารุณสร้างกรรมหนักไว้ในโลกมนุษย์ก็หนีกรรมไม่พ้น ที่สุดก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรกทรมานไม่รู้สิ้นสุด อย่างชาวบ้านพูดกันติดปากว่า ตกอยู่ใต้เถรเทวทัต ไม่ได้ไปผุดไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกต่อไป”

    ต่อจากนั้นท่านก็ได้บรรยายเรื่อง “ไฟนรก” ให้ชาวบ้านที่มาอยู่ในบริเวณนั้น พร้อมทั้งลุงขาวให้ฟังทั่วกันว่า มีครอบครัวหนึ่ง พ่อบ้านเป็นผู้มั่งคั่ง เป็นเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างใหญ่โต เป็นนักธุรกิจกว้างขวาง เป็นนายทุนกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง เป็นผู้ควบคุมกิจการค้าหลายบริษัท แต่ความจริงเบื้องหลังแฝงไว้ซึ่งความทุจริตเป็นคนมีจิตใจเหี้ยมโหดดุร้าย ขาดศีลธรรม เห็นแก่ตัว จิตใจผิดมนุษย์ธรรมดาทารุณร้ายกาจ สามารถที่จะทำลายล้างผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่มีความผิดให้พินาศฉิบหายได้โดยไม่มีความสะดุ้งสะเทือน ทั้งที่ไม่เคยโกรธเคืองเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาก่อน ขอเพียงแต่ให้ได้ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้นทำได้ทุกสิ่ง เพราะหลงใหล งมงายตกเป็นทาสของเงิน ไม่เคยสนใจในความเป็นความตายความเดือดร้อนของผู้อื่น ขาดความเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจ เหมือนคนไม่มีศาสนา ไม่เกรงกลัวบาปกรรม หลงบูชาเงินว่าเป็นพระเจ้า ที่สามารถจะบันดาลร้างความสุขความสบายให้แก่ตนได้ทันตาเห็น

    ชายผู้นี้ได้สร้างบาปกรรม โดยการติดต่อกับเจ้าของที่ดินรายใหญ่ๆ ที่ไม่สามารถจะฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดิน เพราะมีผู้เช่าบางรายฉวยโอกาสหากำไรเรียกร้องค่าขนย้ายสูงเกินเจ้าของที่ดิน จะปฏิบัติได้ จึงขอเสนอว่าจะจัดการขับไล่ตามแผนการของตน แต่เจ้าของที่ดินที่มีจิตใจปกติเป็นคนไทยถือพุทธศาสนา มีศีลธรรม เมื่อได้ฟังก็ตกใจ ไม่ยอมปฏิบัติอย่างเด็ดขาด ผู้ที่จะทำได้ก็ต้องมีจิตใจผิดมนุษย์ธรรมดา

    ต่อมานายทุนใจโหดไม่ยอมให้เจ้าของที่ดินรู้แผนการ ปิดเป็นความลับ ให้ทราบเพียงว่าจะจัดการให้เรียบร้อย เจ้าของที่ดินบางรายก็ตกลงตามข้อเสนอโดยไม่สนใจจะรู้แผนการ ขอเพียงประหยัดเงินไม่ต้องเสียค่ารื้อถอนจำนวนมากมายเกินควร จึงทำให้เจ้าของที่ดินเห็นดีเห็นชอบด้วย เพราะตัวเจ้าของที่ดินเองไม่ต้องรับรู้ นอกจากเมื่อนายทุนใจเหี้ยมจัดการเป็นที่เรียบร้อยทุกอย่างแล้วที่ดินว่าง เปล่า ก็ให้สัญญานายทุนใจร้ายเพื่อปลูกตึกเก็บเงินกินเปล่า

    เมื่อสัญูญาลับตกลงเจ้านายทุนกับเจ้าของที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาไม่นานตำบลนั้นก็เกิดไฟไหม้ พวกที่อยู่อาศัยก็ได้รับกรรมอันหนักดังที่กล่าวมาแล้ว ลุงขาวมีความสงสัยว่าไฟไหม้ได้อย่างไร จึงถามพระภิกษุรูปนั้นเพื่อคลายสงสัย ท่านจึงบอกว่ามันไม่ใช่ของยากอะไร เพียงจ้างอันธพาลวางเพลิง เพียงรายละหมื่นหรือสองหมื่นสามหมื่น ตามความยากง่ายอย่างแนบเนียน เหตุการณ์ก็เรียบร้อย

    นี่ก็ชี้ให้เห็นว่า ชายผู้นี้เกิดความมั่งคั่งขึ้นจากน้ำตาและเลือดเนื้อ ทรัพย์ที่อยู่อาศัยต้องถูกทำลายย่อยยับ ด้วยความคิดการปฏิบัติอย่างทารุณ แม้ตนเองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินสมบัติมากมาย แต่ชีวิตคงอยู่ภายในเงามืดแห่งกรรม ซึ่งอยู่เหนือสิ่งใดในโลกไม่ว่าผู้นั้นจะมีอานาจราชศักดิ์ใหญู่โต สามารถจะชี้ดวงชะตามนุษย์ให้อยู่หรือให้ตายได้ก็ดี แต่ชะตาชีวิตของคนนั้นก็ต้องตกอยู่ภายใต้อานาจครอบงำของกฎแห่งกรรม รอคอยโอกาสที่จะสนองกรรมทำเข็ญ ไม่มีใครสามารถจะจัดการฟ้องร้องเอาตัวเข้ารับโทษในทางโลกก็ดี แต่ในทางกรรมนั้นไม่เคยมีใครรอดไปได้

    ฉะนั้น ต่อมาชีวิตของชายผู้นี้ก็หมุนเวียนถึงเวลาเข้ารับกรรม เริ่มต้นต้องเสียของรัก คือบุตรชาย-หญิงและภรรยาได้ขับรถไปเที่ยว แล้วก็ไปเกิดอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกสวนมาด้วยความเร็ว หลบไม่ทันเกิดปะทะชนกันอย่างรุนแรง ทำให้บุตรภรรยาทั้งหมดอยู่ในรถ ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสังเวชแก่ผู้ได้พบได้เห็น เพราะเมื่อถูกรถบรรทุกชน รถเก๋งถังน้ำมันเบ็นซินระเบิดไฟได้ไหม้ครอกบุตรภรรยาจบชีวิตลงอย่างน่าสยด สยอง ชีวิตของชายผู้นี้ต้องได้รับความเศร้าโศกทุกข์หนัก ที่ต้องสูญเสียทั้งบุตรภรรยาสิ้นชีวิตลงหมด

    ในโลกนี้หาอะไรแน่นอนไม่ได้ มั่งมีแล้วก็จน พวกที่จนแล้วก็มั่งมี ไม่มีใครจะลิขิตชะตาชีวิตเราได้ คนเราอยู่ด้วยกรรม เราเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตของเราเอง เช่นชายผู้สร้างกรรมหนักที่ยังหลบหนี รับกรรมทนทุกข์ทรมานจิตใจแต่ผู้เดียว ที่สุดก็ทนความชอกช้ำจิตใจไม่ไหว หันไปสูบฝิ่นระงับทุกข์ เพื่อให้เมาฝิ่น จะได้ไม่นึกถึงผลกรรมที่ได้ก่อขึ้น และกำลังส่งผลทรมานจิตใจ เหมือนอยู่ในมหานรกอเวจี ต้องสูญของรักทุกสิ่งสุดแสนที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถทนทานได้

    ผลที่สุดก็นำชีวิตเข้าสู่ความเป็นทาสของยาเสพติดจนงอมแงม ไม่สามารถจะถอนตัวออกได้เหมือนคนขาดสติ บ้าๆ บอๆ อยู่ไป เพื่อทนทุกข์ทรมานเท่านั้น ที่สุดวันหนึ่งก็เกิดทะเลาะด้วยเรื่องแย่งกันสูบฝิ่น ได้ถูกเพื่อนสาดด้วยน้ำมันเบ็นซินและได้เผาด้วยไฟจนถูกเผาทั้งเป็น เป็นที่น่าสยดสยอง เมื่อผู้ใดได้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้น คงจะไม่สามารถจะลืมภาพที่ขนพองสยองเกล้าได้ คงจะจำไปชั่วชีวิต

    เมื่อพระภิกษุผู้เล่าเรื่องแล้ว ก็สงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ลุงขาวร่วมกับชาวบ้านฟังเรื่องราวอันพิสดารแปลกประหลาด ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแถวบ้านมาก่อนด้วยความสนใจ เมื่อจบแล้วจึงถามท่านว่า “เรื่องนี้พระคุณเจ้าได้เล่าอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นอย่างถี่ถ้วน กระผมคิดสงสัยว่า พระคุณเจ้ารู้รายละเอียดได้อย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดในทางพระศาสนา มีแต่ความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจแผ่เมตตาทั่วไป แต่อีกฝ่ายหนึ่งมีความรู้สึกตรงกันข้าม มีแต่ก่อกรรมทำเข็ญจิตใจโหดเหี้ยม ร้ายกาจขาดความเมตตาปรานี สามารถจะทำลายทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เพื่อหวังผลประโยชน์ของตนเอง ผิดกับพระคุณเจ้าอย่างฟ้ากับดิน แต่พระคุณเจ้าก็ได้รายละเอียดอย่างถี่ถ้วนมาเล่าให้พวกกระผมฟัง จึงสงสัยว่าพระคุณเจ้ารู้เรื่องได้อย่างไร”

    พระภิกษุผู้ทรงศีล เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นท่านก็มีสีหน้าเศร้าสลดลง แม้ท่านจะได้เข้าสู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์แล้วก็ดี แต่บางครั้งพูดถึงความหลังก็ทำให้ท่านกระเทือนจิตใจขึ้นมาทันที แต่แล้วท่านก็ระงับได้ จึงพูดขึ้นช้าๆ

    “ถ้าคุณโยมได้ทราบความเป็นจริงก็คงจะแก้ข้อสงสัยได้ว่า เพราะเหตุใดอาตมาถึงได้รู้เรื่องอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพียงนี้ ก็เพราะผู้ได้รับกรรมหนักถูกไฟนรกเผาผลาญอย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัสในบั้นปลาย ก่อนจะจบชีวิตลงผู้นั้น เป็นพี่เขยของอาตมาเอง อาตมาเป็นน้องภรรยา ทั้งทราบว่าพี่สาวของอาตมาก็ไม่ว่ากล่าวตักเตือน กลับเห็นดีเห็นชอบด้วยอาตมาก็เศร้าใจ อาตมาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว และอาตมาเป็นผู้ที่ไม่เห็นดีด้วยในกิจการที่แฝงความทุจริตที่เหี้ยมโหดของ พี่เขย

    แต่เมื่อพี่เขยของอาตมาหมดเนื้อหมดตัว จ่ายเช็คที่ไม่มีเงินในธนาคาร เจ้าทรัพย์ก็รวมกันติดตามหาตัวและแจ้งความต้องเที่ยวหลบๆ ซ่อนๆ ก็ต้องร้อนถึงอาตมา ต้องช่วยหาที่ให้ซ่อนตัว เมื่อพี่เขยติดฝิ่นก็ต้องหาฝิ่นไปให้สูบ แม้จะรู้ว่าอาตมาทำไม่ถูก แต่ความเป็นพี่เขยเกี่ยวดองกันทำให้อาตมานิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ เพราะสงสารสมเพชเวทนา เพราะตระกูลนี้กำลังจะสูญสิ้นไปแล้ว ยังเหลือพี่เขยของอาตมาเป็นคนสุดท้าย

    ทั้งๆ ที่มีพี่เขยกำลังรุ่งเรืองมั่งมีศรีสุข อาตมาก็มิได้เคยมีความชื่นชมยินดี แม้จะหยิบยื่นทรัพย์สินมาให้อาตมา หรือให้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อร่วมงาน อาตมาก็ไม่ยอมรับไม่ต้องการเพราะอาตมาเห็นว่าทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ บริสุทธิ์ จะต้องเกิดวิบัติในวันหนึ่งข้างหน้า จึงทำให้เรามีความรู้สึกตรงกันข้าม กลับยิ่งเหินห่างไกลกันออกไปไม่ค่อยจะมีโอกาสได้พบกัน เพราะอาตมาไม่ชอบการกระทำที่ชั่วร้ายและได้เคยตักเตือนหลายครั้ง แต่ก็ไม่เกิดผลอะไร ฉะนั้นเราจึงต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำมาหากิน เพราะเราปฏิบัติคนละทางคนละแนว

    ที่สุดพี่เขยของอาตมา ได้ขอร้องให้อาตมาช่วยในบั้นปลายของชีวิต เช่นได้เอาไปฝากให้หลบอยู่ในโรงงาน ความกลุ้มใจทำให้สูบฝิ่นเพิ่มมากขึ้น ครั้งหลังอาตมาต้องหาซื้อฝิ่นคอยหลบซ่อนส่งไปให้พี่เขยที่หลบอยู่ในโรงงาน แห่งนั้น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหลบภัยซ่อนตัว คิดว่าอาตมาไม่ช่วยชีวิตก็คงอยู่ไม่ได้นาน เพราะขาดฝิ่นไปได้ จนที่สุดก็ได้จบชีวิตลงอย่างไม่ค่อยจะได้มีมนุษย์เคยเห็นมากนัก

    อาตมาก็คิดได้ลำดับเหตุการณ์ของพี่เขยพี่สาว แล้วก็มองเห็นกรรม และมองเห็นบาปทุกข์ที่ได้ตามติดมาสนอง หลังจากพี่เขยเสียชีวิตแล้ว อาตมาก็ตั้งใจละทางโลกมาสู่ในทางธรรม เพื่อหนีความทุกข์และมนุษย์ที่โหดร้ายหลอกลวง คอยคิดล้างทำลายไม่สิ้นสุด จึงหนีห่างจากโลกมาอยู่ในทางสงบ ดังเรื่องที่อาตมาเล่าให้ฟัง อาจเป็นเรื่องที่พวกญาติโยมทั้งหลายเอาไปนึกคิด เพราะได้ปรากฏแก่สายตาพวกญาติโยมทั้งหลายมาแล้ว คงจะนำไปสั่งสอนบุตรหลานต่อไป”


    พวกที่อยู่ในบริเวณวันนั้นที่ได้ร่วมสนทนาต่างก็รู้ได้อย่างชัดแจ้งว่า พระภิกษุรูปนั้นท่านได้มองเห็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้าได้อย่างชัดเจน เป็นทางเดียวที่จะพาผู้ปฏิบัติชอบในศีล สมาธิ ปัญญา ให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง สู่ทางสุขสงบตลอดกาล ต่อมาเมื่อครบนิมนต์ต่อแล้ว ท่านได้บอกลาญาติโยมที่มีความอาลัยท่านทั่วหน้ากัน ท่านก็ได้ออกเดินทางธุดงค์ต่อไป แสวงหาโมกขธรรมตามห้วยเขาลำเนาไพรที่สงบ เพื่อประกอบศาสนกิจจนกว่าจะบรรลุมรรคผล

    นี่ก็เป็นเรื่องไฟนรก เป็นกรรมหนักที่น่าคิดน่านำมาพิจารณา ขอขอบคุณท่านผู้ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ได้กรุณาให้เค้าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกรรมดีหรือกรรมชั่วย่อมจะอยู่ไม่ได้นาน ก็จะค่อยๆ สูญไปจากความทรงจำของผู้ที่ได้ประสบการณ์ ข้าพเจ้าจึงเขียนขึ้นไว้เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้มีโอกาสได้อ่านพิจารณาศึกษา เรื่อง “กรรม” คงจะเป็นประโยชน์ในอนาคตต่อไป ข้าพเจ้าขอยุติเรื่อง “ไฟนรก” ลงแต่เพียงนี้ ขอให้ทุกท่านจงได้ร่วมรับส่วนกุศลในเรื่องนี้ทั่วถึงกัน หากจะเกิดประโยชน์ขึ้นในอนาคตต่อไป


    ที่มา::
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,647
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017

แชร์หน้านี้

Loading...