ไฟป่า !!!!!!!!!!

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=8></TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประกาศพท.ภัยพิบัติ 7 อำเภอ-ไฟป่าลาม 4.2 พัน ไร่</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- ผลกระทบจากภัยแล้ง จังหวัดอุทัยธานีประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 7 อำเภอ ขณะที่ไฟป่าได้สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 4,231 ไร่ ด้านศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ได้เร่งทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมน้ำในเขื่อนทับเสลา ที่กำลัง วิกฤติอย่างหนัก
รายงานข่าวจาก จ.อุทัยธานี แจ้งว่า สถานการณ์ภัยแล้ง ได้ส่งผลให้เขื่อนเก็บกักน้ำและฝายต่างๆ ในหลายแห่งของอำเภอเมืองฯ ต้อง ตกอยู่ในสภาพน้ำแห้งขอด เกษตรกรต้องสูบน้ำที่มีเพียงเล็กน้อยไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เพาะปลูก ขณะเดียวกันทางจังหวัดฯ ได้ประกาศให้ 7 อำเภอ เป็นเขตภัยพิบัติประสบภัยแล้ง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย อ.บ้านไร่ ลานสัก ห้วยคต หนองฉาง ทัพทัน สว่างอารมณ์ หนองขาหย่าง ยกเว้นอำเภอเมือง
ด้านนายสิงหนาท ชัยวัง หน.สถานีควบคุมไฟป่า จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ไฟป่ายังคงเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่องที่บริเวณห้วยกุ้ง ในเขตหน่วยพิทักษ์ป่ากรึงไกรและเขาแหลม, เขาบันได อยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี อ.บ้านไร่ โดยไฟได้ไหม้ป่าเต็งรังได้รับความเสียหายเป็นพื้นที่ ประมาณ 100 ไร่ สำหรับสถิติการเกิดไฟป่า เป็นไฟที่เกิดขึ้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 62 ครั้ง พื้นที่ 3,201 ไร่ เกิดขึ้นนอกเขต 30 ครั้ง พื้นที่ 1,030 ไร่ รวมทั้งสิ้น 92 ครั้ง พื้นที่ 4,231 ไร่
นายอาคเนย์ บุญเลิศ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ได้เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการทำฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นมาไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.จากนั้นจะย้ายฐานไปที่ จ.ลพบุรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค- 20 ต.ค เพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร นับล้านไร่ ใน 11 จังหวัด ประกอบด้วย อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี อยุธยา กาญจนบุรีและเพชรบูรณ์( ตอนล่าง) และเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนทับเสลา อ.ลานสัก ซึ่งกำลังวิกฤติและเขื่อน ห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต ตลอดจนสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าห้วยขาแข้ง
“ช่วงนี้เราจะเฝ้าระวังและช่วงชิงสภาพอากาศ หากวันใดสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการทำฝนหลวง เราจะขึ้นบินโปรยสารแถบบริเวณผืนป่าห้วยขาแข้ง- ทุ่งใหญ่นเรศวรและบริเวณทางตอนเหนือของเขื่อนศรีนครินทร์ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น มีความเหมาะสมและมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาแล้วจะช่วยหอบกลุ่มเมฆฝนพัดไปตนในพื้นที่เป้าหมายได้ แต่บางวันความชื้นในอากาศค่อนข้างต่ำ จึงเป็นอุปสรรคอยู่บ้างอย่างไรก็ตามจากการขึ้นบินทำฝนหลวง พบฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางในหลายพื้นที่ของ จ.อุทัยธานี วัดได้ 22 มม.ส่วนที่เขื่อนทับเสลา มีฝนตกลง เขื่อน 130,000 ลูกบาศก์เมตร"นายอาคเนย์ กล่าว

-->
ผลกระทบจากภัยแล้ง จังหวัดอุทัยธานีประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 7 อำเภอ ขณะที่ไฟป่าได้สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 4,231 ไร่ ด้านศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ได้เร่งทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมน้ำในเขื่อนทับเสลา ที่กำลัง วิกฤติอย่างหนัก
รายงานข่าวจาก จ.อุทัยธานี แจ้งว่า สถานการณ์ภัยแล้ง ได้ส่งผลให้เขื่อนเก็บกักน้ำและฝายต่างๆ ในหลายแห่งของอำเภอเมืองฯ ต้อง ตกอยู่ในสภาพน้ำแห้งขอด เกษตรกรต้องสูบน้ำที่มีเพียงเล็กน้อยไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เพาะปลูก ขณะเดียวกันทางจังหวัดฯ ได้ประกาศให้ 7 อำเภอ เป็นเขตภัยพิบัติประสบภัยแล้ง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย อ.บ้านไร่ ลานสัก ห้วยคต หนองฉาง ทัพทัน สว่างอารมณ์ หนองขาหย่าง ยกเว้นอำเภอเมือง
ด้านนายสิงหนาท ชัยวัง หน.สถานีควบคุมไฟป่า จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ไฟป่ายังคงเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่องที่บริเวณห้วยกุ้ง ในเขตหน่วยพิทักษ์ป่ากรึงไกรและเขาแหลม, เขาบันได อยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี อ.บ้านไร่ โดยไฟได้ไหม้ป่าเต็งรังได้รับความเสียหายเป็นพื้นที่ ประมาณ 100 ไร่ สำหรับสถิติการเกิดไฟป่า เป็นไฟที่เกิดขึ้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 62 ครั้ง พื้นที่ 3,201 ไร่ เกิดขึ้นนอกเขต 30 ครั้ง พื้นที่ 1,030 ไร่ รวมทั้งสิ้น 92 ครั้ง พื้นที่ 4,231 ไร่ นายอาคเนย์ บุญเลิศ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ได้เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการทำฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นมาไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.จากนั้นจะย้ายฐานไปที่ จ.ลพบุรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค- 20 ต.ค เพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร นับล้านไร่ ใน 11 จังหวัด ประกอบด้วย อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี อยุธยา กาญจนบุรีและเพชรบูรณ์( ตอนล่าง) และเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนทับเสลา อ.ลานสัก ซึ่งกำลังวิกฤติและเขื่อน ห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต ตลอดจนสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าห้วยขาแข้ง “ช่วงนี้เราจะเฝ้าระวังและช่วงชิงสภาพอากาศ หากวันใดสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการทำฝนหลวง เราจะขึ้นบินโปรยสารแถบบริเวณผืนป่าห้วยขาแข้ง- ทุ่งใหญ่นเรศวรและบริเวณทางตอนเหนือของเขื่อนศรีนครินทร์ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น มีความเหมาะสมและมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาแล้วจะช่วยหอบกลุ่มเมฆฝนพัดไปตนในพื้นที่เป้าหมายได้ แต่บางวันความชื้นในอากาศค่อนข้างต่ำ จึงเป็นอุปสรรคอยู่บ้างอย่างไรก็ตามจากการขึ้นบินทำฝนหลวง พบฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางในหลายพื้นที่ของ จ.อุทัยธานี วัดได้ 22 มม.ส่วนที่เขื่อนทับเสลา มีฝนตกลง เขื่อน 130,000 ลูกบาศก์เมตร"นายอาคเนย์ กล่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.komchadluek.net/2007/03/11/n001_97426.php?news_id=97426

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ต้องอพยพจากบ้านเรือนอย่างน้อย 500 หลัง

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ลอสแองเจลิส 12 มี.ค. – เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสหรัฐรายงานว่า เกิดไฟป่าทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ต้องอพยพผู้คนออกจากบ้านเรือนอย่างน้อย 500 หลังเมื่อวานนี้
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในเขตออเรนจ์ เคาน์ตี้ กล่าวว่า ไฟป่าลุกโหม เนื่องจากกระแสลมแรงและอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่เพาะปลูกที่แห้งแล้งไปกว่า 1,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 2,500 ไร่ ทำให้ต้องมีการอพยพผู้คนออกจากบ้านเรือนในเขตออเรนจ์ และแอนนาไฮม์ ฮิลส์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 800 คน ระดมกำลังควบคุมเพลิง โดยมีเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินบรรทุกน้ำคอยช่วยเหลือในการควบคุมเพลิง
รายงานระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และไม่มีรายงานพลเรือนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด กาชาดได้ตั้งค่ายพักให้แก่ประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และยังจะต้องหาที่พักให้แก่ปศุสัตว์และม้าด้วย. -สำนักข่าวไทย


[ 2007-03-12 : 10:31:19 ] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>แล้งกระหน่ำ ไฟป่าส่งหมอกควันปิดภาคเหนือ</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- หมอกควันทำภาคเหนือวิกฤติกลายเป็นเมืองในหมอก เชียงใหม่ประกาศ อ.ไชยปราการ-พร้าว เป็นเขตภัยพิบัติ ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน ยกเลิกเที่ยวบินเป็นวันที่สอง หลังระยะมองเห็นไม่ถึง 800 เมตร ด้าน จ.เชียงราย ประชาชนแห่ซื้อผ้าปิดปาก น้ำยาล้างตา งดขี่ จยย.เพราะแสบตา ปลัดทรัพยากรธรรมชาติฯ เตรียมเสนอ ครม.แก้ปัญหา ประกาศภาวะฉุกเฉิน ด้านภาคใต้อ่วมจากปัญหาภัยแล้ง ชาวสวนยางแย่ ฝนไม่ตก-น้ำยางน้อย
เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ที่สภาพอากาศทั่วไปในภาคเหนือมีหมอกควัน ทั้งจากไฟป่าและการเผาขยะ ทำให้หลายจังหวัดตกอยู่ในสภาพเมืองในหมอกและเริ่มวิกฤติ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ และลำปาง มีฝุ่นขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน หมอกควันสีแดงปกคลุมทั่วท้องฟ้า ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการบินแย่ลง กระทั่งมีการงดเที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ล่าสุดจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศให้ อ.ไชยปราการและ อ.พร้าว เป็นเขตภัยพิบัติหมอกควันแล้ว
นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศให้ อ.ไชยปราการ และ อ.พร้าว เป็นเขตภัยพิบัติหมอกควัน ทั้งนี้ มีหลายพื้นที่เริ่มมีการตื่นตัวกับปัญหาที่เกิดขึ้นและรายงานมายังจังหวัด เพื่อให้มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ปัญหาได้ลุกลามไปทุกพื้นที่ทั่วภาคเหนือ
นางสันทนีย์ ไชยเชียงพิณ เจ้าหน้าที่เวรกลุ่มพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กล่าวว่า ได้รับรายงานเกิดไฟไหม้บริเวณเชิงดอยสุเทพและน้ำตกมณฑาธาร จ.เชียงใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ใช้เวลาดับเพลิงถึงเวลาประมาณ 23.00 น. ทำให้เกิดผงฝุ่นควันสีแดงในอากาศปกคลุมทั่ว จ.เชียงใหม่
เสนอ ครม.แก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มีนาคม ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาประชุมสรุปสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองมลพิษอากาศภาคเหนือ โดยมีนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายปีติพงศ์ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษได้รายงานข้อมูล ปัญหาหมอกควันว่ามีความรุนแรงมากและลุกลามไปทั่วทุกพื้นที่ของภาคเหนือ ก่อนหน้านี้คาดหวังว่าเมื่อฝนตกลงมาปัญหาจะคลี่คลาย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีฝนตก ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเร่งด่วนคือ การควบคุมหมอกควัน เพื่อไม่ให้สภาพอากาศเลวร้ายไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะการงดเผาป่า เผาขยะในที่โล่ง แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จึงประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะนำข้อสรุปเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณานำแนวทางแก้ไขปัญหา เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 13 มีนาคม อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการสุดท้าย คือ ประกาศภาวะฉุกเฉิน เชื่อว่าคงไม่ส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวมากนัก เพราะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
เอกชนชี้ยังไม่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
นายสมฤทธิ์ ไหคำ ที่ปรึกษาและคณะกรรมการกลาง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดมากนัก ส่งผลต่อการขนส่งทางอากาศบ้างเท่านั้น ทั้งนี้ ในภาพรวมยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน หมอกควันส่งผลกระทบในเรื่องของการขนส่งทางอากาศบางส่วนเท่านั้น
"แม้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัด แต่หากยังไม่คลี่คลายโดยเร็วอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและระบบเศรษฐกิจภาพรวมของ จ.เชียงใหม่ได้ ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง" นายสมฤทธิ์ กล่าว
ยกเลิกเที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน
จากสถานการณ์หมอกควันปกคลุม จ.แม่ฮ่องสอน ตัวเมืองยังถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน ทัศนวิสัยการมองเห็นเพียงประมาณ 700 เมตร ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต้องยกเลิกเที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากที่ยกเลิกทุกเที่ยวบินของวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา
นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า การท่องเที่ยวในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข่าวที่เสนอทางสื่อต่างๆ ระบุว่า กลุ่มหมอกควันปกคลุมแผ่ขยายวงกว้างในเขตพื้นที่จังหวัดภาคเหนือเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ยิ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวฯ ได้ประสานขอให้จังหวัดเร่งแก้ปัญหา เนื่องจากส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก เกรงว่าหากยืดเยื้อถึงเดือนเมษายน ที่มีเทศกาลปอยส่างลอง หรือประเพณีบวชลูกแก้ว ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยใหญ่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หากยังยกเลิกเที่ยวบินจะทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง
ควันไฟปกคลุมทั่วเชียงราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปของ จ.เชียงราย เป็นไปอย่างเงียบเหงา ประชาชนต่างเก็บตัวอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการสูดดมควัน ตามท้องถนนไม่มีรถจักรยานยนต์วิ่ง เนื่องจากมีควันไฟป่าปกคลุมอย่างหนาแน่น ทำให้มองเห็นในระยะไม่เกิน 500-600 เมตรเท่านั้น คนขี่รถจักรยานยนต์ระคายเคืองตาและลืมตาไม่ขึ้น หากจำเป็นต้องออกจากบ้านจะเลือกใช้รถยนต์แทน
นายสมพล สุปการ หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า อากาศใน จ.เชียงราย ถือว่าย่ำแย่มาก ช่วงกลางคืนถึงเช้าอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 10-13 องศาเซลเซียส แต่อากาศกลางวันกลับมีอุณหภูมิสูงสุดที่ 31 องศาเซลเซียส และยังมีควันไฟปกคลุมอย่างหนาแน่น มองเห็นในระยะ 800-1,000 เมตร จึงประกาศเตือนไปยังหอบังคับการบิน สนามบินนานาชาติเชียงราย ให้แจ้งเตือนสายการบินต่างๆ ระมัดระวังและใช้เครื่องเดินอากาศในการนำร่องการนำเครื่องบินขึ้นลง
นายทรงชัย จำปาดง เจ้าของร้านขายยาตงฮั้วโอสถ บริเวณสถานีขนส่ง จ.เชียงราย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ และเกิดอาการตาแดงกันมาก ส่งผลให้ยอดการขายยาแก้แพ้ น้ำยาล้างตา และผ้าปิดปาก ขายดีขึ้นอย่างมาก จากปกติขายวันละ 5-6 ชิ้น เพิ่มขึ้นเป็นวันละกว่า 20 ชิ้น
น.พ.สมบูรณ์ศักดิ์ ญาณไพศาล ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า มีผู้ป่วยเข้ารักษาเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยทางสายตา ผิวหนัง และทางเดินหายใจ ที่เกิดจากการแพ้หมอกควันไฟเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก แนวโน้มคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากหมอกควันในอากาศยังไม่ลดน้อยลง จึงแจ้งให้ประชาชนใช้ผ้าปิดปาก ปิกจมูกขณะออกนอกบ้าน

ควันไฟป่ายังปกคลุมชายแดนไทย-พม่า
หมอกควันที่เกิดจากชาวเขาฝั่งประเทศพม่าลักลอบจุดไฟเผาป่า เพื่อเตรียมทำไร่เลื่อนลอย ที่บ้านป่าสัก รอยต่อติดหมู่บ้านเวียงแก้ว ประเทศพม่า ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 4 กิโลเมตร ล่าสุดไฟป่าดับแล้ว แต่ยังมีกลุ่มหมอกควันไฟป่าแผ่ปกคลุมในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า
จากการสอบถามประชาชนในฝั่งพม่า ทราบว่า ที่ประเทศพม่ามีไฟป่าลุกลามเกิดขึ้นในหลายพื้นที่เป็นแนวยาว ตั้งแต่ จ.ท่าขี้เหล็ก ไปทางทิศตะวันตก เลยกูเต็งนาโยงขึ้นไปทางเมืองตูม เมืองสาก เมืองกาน ห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.แม่สาย ไปประมาณ 100 กิโลเมตร
นายพรชัย ประดิษค่าย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลแม่สาย กล่าวว่า เทศบาลแม่สายได้เตรียมความพร้อมหาเกิดไฟป่าลุกลามมายังเขตพื้นที่เทศบาลแม่สาย หรือได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากอำเภอใกล้เคียง หรือจากทางฝั่งประเทศพม่า เพื่อเป็นความร่วมมือความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทุกคนเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ไว้แล้ว
ส่วนที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายสมชัย รุ่งสาคร นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ากว่า 700 คน กระจายกันตรวจสอบและดับไฟป่าตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า พบไฟป่าประปราย จึงใช้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังจัดซื้อถังดับเพลิงขนาด 20 ลิตร แจกจ่ายให้ชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าด้วย
ภาคใต้อ่วมพิษภัยแล้ง
นายนิวัตน์ สวัสดิ์แก้ว ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดได้ประกาศเขตพิบัติภัยแล้ง เกาะนกเภา ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด โดยจังหวัดได้ร้องขอไปยังกองเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา ช่วยขนน้ำจืดไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎรในพื้นที่ ต.เขานิพันธ์ อ.เวียงสระ ซึ่งได้ประสานไปยังนายอำเภอให้เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วกัน และพื้นที่ ต.คลองน้อย ต.บางชนะ อ.เมือง ที่ส่วนใหญ่ราษฎรขาดแคลนน้ำจืดสำหรับอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองสวนท้องถิ่นช่วยสำรวจอีกครั้ง
นายสมศักดิ์ พงศ์ภัณฑารักษ์ นายกสมาคมชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้นอกจากจะรุนแรงแล้วยังมาเร็วกว่าทุกครั้ง สังเกตได้จากชาวสวนหยุดกรีดยางเร็วขึ้น โดยปกติแล้วเกษตรกรชาวสวนยางจะหยุดในช่วงฤดูผลัดใบตอนต้นเดือนมีนาคม แต่ปีนี้ภัยแล้งส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ต้นยางผลัดใบตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับฝนทิ้งช่วง ชาวสวนยางไม่กล้าลงมือกรีดยางหลังจากต้นยางผลัดใบ ซึ่งอาจจะต้องรอไปถึงเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน จึงทำให้ชาวสวนยางขาดรายได้ในช่วงนี้
นายสมจิตต์ ศิขรินมาศ ผู้อำนวยการสำนักตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า ปีนี้มีการแจ้งเตือนว่าอาจประสบปัญหาแล้งนานกว่าทุกปี เพราะปรากฏการณ์เอลนินโญ่ ทำให้ภาคเอกชนต้องเตรียมตัวรับมือภาวะยางขาดแคลน ซึ่งเป็นทั้งปัจจัยบวกและลบ เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง ทำให้ภาคเอกชนส่วนหนึ่งต้องเร่งซื้อยางเก็บไว้ในสต็อก เพื่อเก็งกำไรในช่วงฤดูแล้งประมาณ 1-2 เดือน
รมว.เกษตรฯ เชื่อปัญหาภัยแล้งไม่รุนแรง
ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมแก้ไขปัญหาภัยแล้งผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างผู้ว่าฯ ขอนแก่นและ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยถ่ายทอดไปยัง 46 จังหวัดที่ประสบปัญหาภัยแล้งได้รับชมว่า ผู้ว่าฯ ขอนแก่นชี้แจงว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ได้ทำโครงการให้มีน้ำบริโภค 100 เปอร์เซ็นต์ ในหมู่บ้านที่มีปัญหาประปาชำรุด ทั้งหมด 726 แห่ง และได้แก้ไขไป 332 หมู่บ้าน เหลืออีก 400 กว่าหมู่บ้าน ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำจะจัดสรรงบลงไปแก้ไขต่อไป ในส่วนของน้ำกินน้ำใช้จังหวัดได้แจกจ่ายน้ำไปตามจุดต่างๆ แล้ว 28 ล้านลิตร และได้ใช้งบฉุกเฉินของจังหวัดเข้าช่วยเหลือ
นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรและสหกรณ์ รายงานในที่ประชุม ครม.และ คมช.ว่า การแก้ปัญหาภัยแล้ง ปริมาณน้ำโดยรวมมีประมาณ 5.4 หมื่นล้านคิว เมื่อเทียบกับปีก่อนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และยังมีเรื่องการส่งเสริมการทำเกษตรในพื้นที่ 13 ล้านไร่ โดย 9 ล้านไร่ ในเขตชลประทาน และอีก 4 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน รวมทั้งจะมีการจัดสรรน้ำ เครื่องสูบน้ำ และฝนหลวง เข้าไปดูแล ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าปัญหาจะไม่รุนแรง

-->
หมอกควันทำภาคเหนือวิกฤติกลายเป็นเมืองในหมอก เชียงใหม่ประกาศ อ.ไชยปราการ-พร้าว เป็นเขตภัยพิบัติ ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน ยกเลิกเที่ยวบินเป็นวันที่สอง หลังระยะมองเห็นไม่ถึง 800 เมตร ด้าน จ.เชียงราย ประชาชนแห่ซื้อผ้าปิดปาก น้ำยาล้างตา งดขี่ จยย.เพราะแสบตา ปลัดทรัพยากรธรรมชาติฯ เตรียมเสนอ ครม.แก้ปัญหา ประกาศภาวะฉุกเฉิน ด้านภาคใต้อ่วมจากปัญหาภัยแล้ง ชาวสวนยางแย่ ฝนไม่ตก-น้ำยางน้อย
เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ที่สภาพอากาศทั่วไปในภาคเหนือมีหมอกควัน ทั้งจากไฟป่าและการเผาขยะ ทำให้หลายจังหวัดตกอยู่ในสภาพเมืองในหมอกและเริ่มวิกฤติ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ และลำปาง มีฝุ่นขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน หมอกควันสีแดงปกคลุมทั่วท้องฟ้า ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการบินแย่ลง กระทั่งมีการงดเที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ล่าสุดจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศให้ อ.ไชยปราการและ อ.พร้าว เป็นเขตภัยพิบัติหมอกควันแล้ว
นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศให้ อ.ไชยปราการ และ อ.พร้าว เป็นเขตภัยพิบัติหมอกควัน ทั้งนี้ มีหลายพื้นที่เริ่มมีการตื่นตัวกับปัญหาที่เกิดขึ้นและรายงานมายังจังหวัด เพื่อให้มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ปัญหาได้ลุกลามไปทุกพื้นที่ทั่วภาคเหนือ

นางสันทนีย์ ไชยเชียงพิณ เจ้าหน้าที่เวรกลุ่มพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กล่าวว่า ได้รับรายงานเกิดไฟไหม้บริเวณเชิงดอยสุเทพและน้ำตกมณฑาธาร จ.เชียงใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ใช้เวลาดับเพลิงถึงเวลาประมาณ 23.00 น. ทำให้เกิดผงฝุ่นควันสีแดงในอากาศปกคลุมทั่ว จ.เชียงใหม่

เสนอ ครม.แก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มีนาคม ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาประชุมสรุปสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองมลพิษอากาศภาคเหนือ โดยมีนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายปีติพงศ์ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษได้รายงานข้อมูล ปัญหาหมอกควันว่ามีความรุนแรงมากและลุกลามไปทั่วทุกพื้นที่ของภาคเหนือ ก่อนหน้านี้คาดหวังว่าเมื่อฝนตกลงมาปัญหาจะคลี่คลาย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีฝนตก ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเร่งด่วนคือ การควบคุมหมอกควัน เพื่อไม่ให้สภาพอากาศเลวร้ายไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะการงดเผาป่า เผาขยะในที่โล่ง แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จึงประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะนำข้อสรุปเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณานำแนวทางแก้ไขปัญหา เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 13 มีนาคม อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการสุดท้าย คือ ประกาศภาวะฉุกเฉิน เชื่อว่าคงไม่ส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวมากนัก เพราะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
เอกชนชี้ยังไม่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

นายสมฤทธิ์ ไหคำ ที่ปรึกษาและคณะกรรมการกลาง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดมากนัก ส่งผลต่อการขนส่งทางอากาศบ้างเท่านั้น ทั้งนี้ ในภาพรวมยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน หมอกควันส่งผลกระทบในเรื่องของการขนส่งทางอากาศบางส่วนเท่านั้น

"แม้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัด แต่หากยังไม่คลี่คลายโดยเร็วอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและระบบเศรษฐกิจภาพรวมของ จ.เชียงใหม่ได้ ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง" นายสมฤทธิ์ กล่าว
ยกเลิกเที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน
จากสถานการณ์หมอกควันปกคลุม จ.แม่ฮ่องสอน ตัวเมืองยังถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน ทัศนวิสัยการมองเห็นเพียงประมาณ 700 เมตร ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต้องยกเลิกเที่ยวบินเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากที่ยกเลิกทุกเที่ยวบินของวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา
นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า การท่องเที่ยวในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข่าวที่เสนอทางสื่อต่างๆ ระบุว่า กลุ่มหมอกควันปกคลุมแผ่ขยายวงกว้างในเขตพื้นที่จังหวัดภาคเหนือเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ยิ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวฯ ได้ประสานขอให้จังหวัดเร่งแก้ปัญหา เนื่องจากส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก เกรงว่าหากยืดเยื้อถึงเดือนเมษายน ที่มีเทศกาลปอยส่างลอง หรือประเพณีบวชลูกแก้ว ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยใหญ่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หากยังยกเลิกเที่ยวบินจะทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง
ควันไฟปกคลุมทั่วเชียงราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปของ จ.เชียงราย เป็นไปอย่างเงียบเหงา ประชาชนต่างเก็บตัวอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการสูดดมควัน ตามท้องถนนไม่มีรถจักรยานยนต์วิ่ง เนื่องจากมีควันไฟป่าปกคลุมอย่างหนาแน่น ทำให้มองเห็นในระยะไม่เกิน 500-600 เมตรเท่านั้น คนขี่รถจักรยานยนต์ระคายเคืองตาและลืมตาไม่ขึ้น หากจำเป็นต้องออกจากบ้านจะเลือกใช้รถยนต์แทน

นายสมพล สุปการ หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า อากาศใน จ.เชียงราย ถือว่าย่ำแย่มาก ช่วงกลางคืนถึงเช้าอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 10-13 องศาเซลเซียส แต่อากาศกลางวันกลับมีอุณหภูมิสูงสุดที่ 31 องศาเซลเซียส และยังมีควันไฟปกคลุมอย่างหนาแน่น มองเห็นในระยะ 800-1,000 เมตร จึงประกาศเตือนไปยังหอบังคับการบิน สนามบินนานาชาติเชียงราย ให้แจ้งเตือนสายการบินต่างๆ ระมัดระวังและใช้เครื่องเดินอากาศในการนำร่องการนำเครื่องบินขึ้นลง

นายทรงชัย จำปาดง เจ้าของร้านขายยาตงฮั้วโอสถ บริเวณสถานีขนส่ง จ.เชียงราย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ และเกิดอาการตาแดงกันมาก ส่งผลให้ยอดการขายยาแก้แพ้ น้ำยาล้างตา และผ้าปิดปาก ขายดีขึ้นอย่างมาก จากปกติขายวันละ 5-6 ชิ้น เพิ่มขึ้นเป็นวันละกว่า 20 ชิ้น
น.พ.สมบูรณ์ศักดิ์ ญาณไพศาล ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า มีผู้ป่วยเข้ารักษาเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยทางสายตา ผิวหนัง และทางเดินหายใจ ที่เกิดจากการแพ้หมอกควันไฟเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก แนวโน้มคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากหมอกควันในอากาศยังไม่ลดน้อยลง จึงแจ้งให้ประชาชนใช้ผ้าปิดปาก ปิกจมูกขณะออกนอกบ้าน


ควันไฟป่ายังปกคลุมชายแดนไทย-พม่า
หมอกควันที่เกิดจากชาวเขาฝั่งประเทศพม่าลักลอบจุดไฟเผาป่า เพื่อเตรียมทำไร่เลื่อนลอย ที่บ้านป่าสัก รอยต่อติดหมู่บ้านเวียงแก้ว ประเทศพม่า ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 4 กิโลเมตร ล่าสุดไฟป่าดับแล้ว แต่ยังมีกลุ่มหมอกควันไฟป่าแผ่ปกคลุมในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า

จากการสอบถามประชาชนในฝั่งพม่า ทราบว่า ที่ประเทศพม่ามีไฟป่าลุกลามเกิดขึ้นในหลายพื้นที่เป็นแนวยาว ตั้งแต่ จ.ท่าขี้เหล็ก ไปทางทิศตะวันตก เลยกูเต็งนาโยงขึ้นไปทางเมืองตูม เมืองสาก เมืองกาน ห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.แม่สาย ไปประมาณ 100 กิโลเมตร

นายพรชัย ประดิษค่าย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลแม่สาย กล่าวว่า เทศบาลแม่สายได้เตรียมความพร้อมหาเกิดไฟป่าลุกลามมายังเขตพื้นที่เทศบาลแม่สาย หรือได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากอำเภอใกล้เคียง หรือจากทางฝั่งประเทศพม่า เพื่อเป็นความร่วมมือความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทุกคนเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ไว้แล้ว

ส่วนที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายสมชัย รุ่งสาคร นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ากว่า 700 คน กระจายกันตรวจสอบและดับไฟป่าตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า พบไฟป่าประปราย จึงใช้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังจัดซื้อถังดับเพลิงขนาด 20 ลิตร แจกจ่ายให้ชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าด้วย
ภาคใต้อ่วมพิษภัยแล้ง

นายนิวัตน์ สวัสดิ์แก้ว ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดได้ประกาศเขตพิบัติภัยแล้ง เกาะนกเภา ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด โดยจังหวัดได้ร้องขอไปยังกองเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา ช่วยขนน้ำจืดไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎรในพื้นที่ ต.เขานิพันธ์ อ.เวียงสระ ซึ่งได้ประสานไปยังนายอำเภอให้เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วกัน และพื้นที่ ต.คลองน้อย ต.บางชนะ อ.เมือง ที่ส่วนใหญ่ราษฎรขาดแคลนน้ำจืดสำหรับอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองสวนท้องถิ่นช่วยสำรวจอีกครั้ง
นายสมศักดิ์ พงศ์ภัณฑารักษ์ นายกสมาคมชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้นอกจากจะรุนแรงแล้วยังมาเร็วกว่าทุกครั้ง สังเกตได้จากชาวสวนหยุดกรีดยางเร็วขึ้น โดยปกติแล้วเกษตรกรชาวสวนยางจะหยุดในช่วงฤดูผลัดใบตอนต้นเดือนมีนาคม แต่ปีนี้ภัยแล้งส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ต้นยางผลัดใบตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับฝนทิ้งช่วง ชาวสวนยางไม่กล้าลงมือกรีดยางหลังจากต้นยางผลัดใบ ซึ่งอาจจะต้องรอไปถึงเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน จึงทำให้ชาวสวนยางขาดรายได้ในช่วงนี้
นายสมจิตต์ ศิขรินมาศ ผู้อำนวยการสำนักตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า ปีนี้มีการแจ้งเตือนว่าอาจประสบปัญหาแล้งนานกว่าทุกปี เพราะปรากฏการณ์เอลนินโญ่ ทำให้ภาคเอกชนต้องเตรียมตัวรับมือภาวะยางขาดแคลน ซึ่งเป็นทั้งปัจจัยบวกและลบ เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง ทำให้ภาคเอกชนส่วนหนึ่งต้องเร่งซื้อยางเก็บไว้ในสต็อก เพื่อเก็งกำไรในช่วงฤดูแล้งประมาณ 1-2 เดือน

รมว.เกษตรฯ เชื่อปัญหาภัยแล้งไม่รุนแรง
ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมแก้ไขปัญหาภัยแล้งผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างผู้ว่าฯ ขอนแก่นและ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยถ่ายทอดไปยัง 46 จังหวัดที่ประสบปัญหาภัยแล้งได้รับชมว่า ผู้ว่าฯ ขอนแก่นชี้แจงว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ได้ทำโครงการให้มีน้ำบริโภค 100 เปอร์เซ็นต์ ในหมู่บ้านที่มีปัญหาประปาชำรุด ทั้งหมด 726 แห่ง และได้แก้ไขไป 332 หมู่บ้าน เหลืออีก 400 กว่าหมู่บ้าน ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำจะจัดสรรงบลงไปแก้ไขต่อไป ในส่วนของน้ำกินน้ำใช้จังหวัดได้แจกจ่ายน้ำไปตามจุดต่างๆ แล้ว 28 ล้านลิตร และได้ใช้งบฉุกเฉินของจังหวัดเข้าช่วยเหลือ นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรและสหกรณ์ รายงานในที่ประชุม ครม.และ คมช.ว่า การแก้ปัญหาภัยแล้ง ปริมาณน้ำโดยรวมมีประมาณ 5.4 หมื่นล้านคิว เมื่อเทียบกับปีก่อนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และยังมีเรื่องการส่งเสริมการทำเกษตรในพื้นที่ 13 ล้านไร่ โดย 9 ล้านไร่ ในเขตชลประทาน และอีก 4 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน รวมทั้งจะมีการจัดสรรน้ำ เครื่องสูบน้ำ และฝนหลวง เข้าไปดูแล ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าปัญหาจะไม่รุนแรง
</TD></TR></TBODY></TABLE>

http://www.komchadluek.net/2007/03/12/a001_97972.php?news_id=97972

 

ไม่น่าเชื่อเลยว่าเยอะขนาดนี้

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD class=headline-normal>ไฟป่าบุกห้วยขาแข้ง! ลดมลพิษเชียงใหม่จัด 'สงกรานต์' เร็วขึ้น

</TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD class=messageblack>
“ห้วยขาแข้ง” โดนไฟป่าเล่นงานแล้วเจ้าหน้าที่เร่งเดินเท้าลุยดับไฟ เพราะเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่า-นกหายาก "เชียงใหม่" ปิ๊งไอเดีย ชวนเล่นสงกรานต์เร็วขึ้นวันที่ 1 เม.ย. สร้างความชุ่มชื้นลดมลพิษ ขณะที่ภาคเหนือคุณภาพอากาศดีขึ้น แต่ปริมาณฝุ่นละอองยังสูงเกินมาตรฐาน "ศค." ประเดิมจี้ "มท." สั่งผู้ว่าฯ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสกัดจุดไฟไหม้ป่า ใน 3 วันห้ามมีเพิ่ม พร้อมเร่งลดดับไฟไหม้จุดเดิมจาก 800 เหลือ 250 จุดใน 7 วัน "สธ." ตั้งวอร์รูมเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากหมอกควัน "8 จว.เหนือ" นายกฯ ยันไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะสถานการณ์กำลังคลี่คลายดีขึ้น

ความคืบหน้าการแก้ปัญหาหมอกควันพิษปกคลุมในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการแก้ปัญหาหมอกควัน (ศค.) ในพื้นที่ภาคเหนือ เปิดเผยหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งแรกว่า ขณะนี้สภาพอากาศที่ภาคเหนือถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ยังคงไว้ใจไม่ได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะจุดที่ไฟไหม้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ที่ประชุมได้ข้อสรุปให้ทางกระทรวงมหาดไทย สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อดูแลไม่ให้เกิดจุดไฟไหม้ในพื้นราบเพิ่มขึ้นอีกภายใน 3 วัน ส่วนพื้นที่สูงซึ่งทำได้ยากกว่าพื้นราบ จะระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดจุดไฟไหม้จากเดิมกว่า 800 จุด ให้เหลือเพียง 250 จุด ภายใน 7 วัน โดยจะใช้ระบบดาวเทียมเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จุดไฟไหม้ และจากนี้ไปก็จะรวบรวมข้อมูลทุก ๆ ด้านทุกวันมาไว้ที่ ศค.เพื่อจะได้แก้ปัญหาต่อไป

นายไพบูลย์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น ประกาศเขตภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ ใด ๆ เพราะสามารถใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ได้ นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นเจ้าภาพหลัก จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลประชาชน ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ถือว่าเป็นอันตราย และถ้าดัชนีคุณภาพอากาศถึงจุดที่ 300 ก็ถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ จำเป็นต้องอพยพคนออกมา อย่างไรก็ดี ในวันที่ 16 มี.ค. นี้ ตนจะเดินทางไปที่ จ.เชียงใหม่ และจ.เชียงราย เพื่อสำรวจพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว และประชุมร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อหาทางแก้ปัญหา

ด้าน นพ.มรกต กรเกษม รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงได้สั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการ หรือวอร์รูม ช่วยเหลือประชาชนจากหมอกควัน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นหากพื้นที่ใดมีปัญหาแจ้งได้ที่หมายเลข 0-2590-1744 โดยภายในศูนย์จะประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต คอยให้คำปรึกษาและเชื่อมโยงกับสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อประสานดูแลประชาชน อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานว่า ที่ จ.เชียงราย มีผู้เข้าตรวจรักษาวันละ 1,000 ราย เชียงใหม่วันละ 2,059 ราย ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา ไอ และเจ็บคอ

นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความล่าช้าของกรมอุทยานฯ เนื่องจากได้ออกประกาศเตือน และซักซ้อมเจ้าหน้าที่พร้อมรับมือไฟป่าอยู่แล้วตั้งแต่ปลายปี 49 แต่ที่สถานการณ์รุนแรงส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาความแห้งแล้ง ขณะที่ นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ดอยอินทนนท์ พบเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าได้แล้ว โดยมีชาวบ้านช่วยเหลือ

นายโสภณ ดำนุ้ย ผอ.สวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์เชียงใหม่ ยังไม่มีรายงานการเจ็บป่วยจากหมอกควัน แต่ทางสวนสัตว์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ฉีดพ่นน้ำให้ตลอดทั้งวัน สำหรับ 2 หมีแพนด้า "ช่วงช่วง" กับ "หลินฮุ่ย" ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ในห้องแอร์ตลอด ที่น่าเป็นห่วงคือหมีโคอาล่า เพราะอยู่ทั้งในและนอกห้องแอร์ อาจเจ็บป่วยได้ แต่เจ้าหน้าที่ได้ย้ายไปอยู่ในห้องแอร์แล้วจนกว่าสถานการณ์ควันพิษจะเบาบางลง

สำหรับสถานการณ์หมอกควันพิษในจังหวัดต่าง ๆ ที่ จ.เชียงราย หมอกควันที่ปกคลุมเบาบางลงบ้าง กลางวันมีแสงแดดส่องมองเห็นได้มากขึ้น ต่างจาก 3-5 วันก่อนที่ฟ้าหลัวทั้งวัน อย่างไรก็ดี มีการแจ้งเตือนไปยัง 16 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ให้ประชาชนป้องกันสูดดมควันพิษในอากาศ เพราะอาจล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจมากขึ้น ที่ จ.น่าน เด็กเล็กและผู้สูงอายุ ยังเข้ารักษาตัวที่ รพ.เพิ่มขึ้นเป็นวันละกว่า 200 ราย จากสภาพหมอกควันไฟป่าที่ปกคลุมตัวเมืองน่านซึ่งเริ่มหนาทึบมากขึ้น นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มงดออกมาทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายนอกบ้านกันแล้ว เพราะทนกับควันพิษไม่ไหว ทำให้บรรยากาศเขตชุมชนตัวเมืองน่านเงียบเหงาซบเซาลงถนัดตา

ด้านเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดน่าน ควบคุมไฟป่าไม่ได้ตามเป้าหมาย เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้งจัด ทำให้สะเก็ดไฟปลิวไปตกในจุดอื่นและเกิดไฟไหม้ขึ้นอีก ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าเกิดไฟป่าขึ้นภายในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เสียหายกว่า 500 ไร่ และอุทยานแห่งชาติศรีน่านอีกกว่า 300 ไร่ แม้จะระดมเจ้าหน้าที่ 60-70 นาย ออกตรวจตราลาดตระเวน และเร่งทำแนวกันไฟลุกลามเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ แต่กำลังไม่เพียงพอและยังอ่อนล้า เพราะต้องปฏิบัติงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงมานานหลายวัน และยังขาดอุปกรณ์ดับไฟขนาดใหญ่ อย่างเช่น รถดับเพลิง และรถบรรทุกน้ำ มีเพียงเครื่องมือที่ต้องใช้กำลังคนเดินเท้าเข้าพื้นที่ จึงทำให้การควบคุมไฟป่าเป็นไปได้ยาก

ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ยังคงมีหมอกควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่เริ่มเบาบางลง ขณะที่ทางจังหวัดร่วมกับหน่วยงานทหาร และหน่วยงานอื่น ๆ นำรถบรรทุกน้ำ 20 คัน ออกฉีดน้ำล้างฝุ่นละอองตามท้องถนนเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับอากาศลดหมอกควันพิษและฝุ่นละออง และกำลังพลกว่า 200 คน ถือแผ่นป้ายเชิญชวนเลิกเผาขยะ เผาใบไม้และเผาป่า พร้อมแจกหน้ากากป้องกัน ส่วนเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้จัดให้มีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ขึ้นเป็นพิเศษรอบเมืองเชียงใหม่ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ก่อนจะถึงวันสงกรานต์ปกติในวันที่ 13-15 เม.ย. เพื่อสร้างความชุ่มชื้นและลดมลพิษอีกทาง

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน ยังเดินหน้าปฏิบัติการทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มเทคนิคพิเศษนำน้ำขึ้นไปโปรยร่วมกับสารเคมีเที่ยวละ 500 ลิตร เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ และยังเป็นการลดปริมาณหมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่โอกาสการเกิดฝนหลวงยังต้องรอความชื้นให้เพิ่มมากขึ้น คาดว่าการทำฝนหลวงจะเริ่มได้ผลในสัปดาห์หน้า และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เพิ่มเครื่องบินสำหรับการทำฝนหลวงในภาคเหนืออีก 2 ลำ เพื่อให้การทำฝนหลวงได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ วันเดียวกันว่า จ.เชียงใหม่ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 260.5 ไมโครกรัมต่อลูก บาศก์เมตร ยังคงอยู่ในระดับสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็ก เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จ.ลำปาง พบสูงสุดมีค่าเท่ากับ 152.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ที่ระดับเกินเกณฑ์ มาตรฐานเช่นกัน ส่วนคุณภาพอากาศในวันนี้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับวันก่อน แต่ปริมาณฝุ่นละอองยังคงอยู่ในระดับสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. พล.อ.สุร ยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเครื่องมืออุปกรณ์ดับไฟป่า และถุงยังชีพพระราชทาน ให้แก่ส่วนราชการ โดยมีแม่ทัพภาคที่ 3 ผวจ. 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มารอรับมอบที่ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ร่วมกล่าวคำปฏิญาณในการจะไม่ตัดไม้ทำลายป่า ไม่แผ้วถางป่า ไม่จุดไฟเผาป่า และร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหัวหน้าหน่วยราชการทุกภาคส่วน และผวจ. 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ก่อนเปิดการแถลงข่าวว่า ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพม่าและลาว และสภาพอากาศขณะนี้ดีขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ว ๆ นี้ ตนได้รับคำแนะนำจากอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้นำน้ำมาราดบนพื้นถนน หรือพื้นที่ที่ระเหยน้ำได้อย่างรวดเร็วในช่วงเช้า กลางวัน และบ่าย นอกจากนั้น ต้องขอความร่วมมือประชนชน ไม่ให้จุดไฟเผาขยะ พืชไร่ หรือทำให้เกิดควันไฟ จะช่วยลดสภาวะอากาศได้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ผวจ.ได้ประสานกับทางกองทัพอากาศในการนำเครื่องบินมาช่วยระบายความร้อน หลังกระทรวงเกษตรฯ นำเครื่องบินจำนวนหนึ่งมาทำฝนเทียมแล้ว

ที่ จ.อุทัยธานี เกิดไฟป่าขึ้นที่บริเวณองค์เอี้ยงซึ่งอยู่ในป่าห้วยขาแข้ง ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี คาดว่าน่าจะรุนแรง เจ้าหน้าที่กว่า 100 นายต้องเดินเท้าเข้าไปดับไฟอย่างยากลำบากใช้เวลาราว 1 วัน เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่ในป่าลึกภูเขาสลับซับซ้อน มีระยะทางไกล และพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งช้างป่า กระทิง ควายป่า เสือโคร่ง เก้ง กวาง และนกหายาก ซึ่งหากเกินกำลังจะดับไฟได้ ก็เตรียมร้องขอเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรฯ มาประจำการที่สถานีดับไฟป่า เพื่อสนับสนุนและส่งเสบียงให้กำลังพล.

</TD></TR></TBODY></TABLE>

http://www.dailynews.co.th/dailynew...ault.aspx?Newsid=121045&NewsType=1&Template=2

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วอนรัฐเร่งช่วยช้างป่าหนองคาย-กาญจน์หนีภัยแล้ง-ไฟป่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 มีนาคม 2550 11:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ลำปาง – มูลนิธิเพื่อนช้างวอนรัฐช่วยเหลือช้างป่าที่ได้รับผลกระทบทั้งจากภัยแล้ง–การเผาป่าของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับเขตรักษาพันธุ์ป่าภูวัวหนองคาย และกาญจนบุรี

นางสาวโซไรดา ซาวาลา เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่มีท่าทีว่าจะต่อเนื่องยาวนาน และการเผาป่าของชาวบ้านที่ส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ขณะนี้มีช้างจำนวนหลายสิบตัวซึ่งเป็นช้างป่าต่างได้รับกระทบจากภัยธรรมชาติดังกล่าวด้วยล่าสุดมีรายงานจากผู้ที่พบเห็นว่าช้างป่ากว่า 20 ตัวพร้อมลูกช้างอีก 5 ตัวมีสภาพร่างกายที่ผอมโซออกมากหากินบริเวณชายป่าวัดถ้ำพระเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดหนองคายเมื่อสัปดาห์ก่อน และในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีต่างได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังส่งกระทบต่อความเป็นอยู่ของช้างมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉาะอาหารในป่าธรรมชาติลดลงจากสภาพที่มีภัยแล้งมาเยือน รวมทั้งการเผาป่าของชาวบ้านเพื่อทำการเกษตรและหาของป่าล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของช้างด้วยเช่นกันและเป็นที่วิตกกันว่าสภาพอากาศที่ร้องจัดจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและเป็นเวลาที่ยาวนาน

อย่างไรก็ตาม มูลนิธิเพื่อนช้างยังคงเดินหน้าต่อต้านลักลอบนำออกช้างไปยังต่างประเทศหลังจากทางมูลนิธิเพื่อนช้างพบว่า ยังคงมีกลุ่มคนหรือขบวนการค้าช้างข้ามชาติได้ลักลอบนำช้างไปขายยังประเทศที่ 3 ยังคงมีอย่างต่อเนื่องล่าสุดมีการตรวจยึดช้างจำนวนกว่า 10 เชือกที่จังหวัดยะลาเพื่อเตรียมการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดที่มาของช้าง และคาดว่าน่าจะมีการลักลอบจากประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านไปขายและกระทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งมูลนิธิเพื่อนช้างได้ต่อต้านมาอย่างต่อเนื่อง และเรียกร้องให้หน่วยงานที่ข้องจัดการขบวนการดังกล่าวขั้นเด็ดขาดโดยเฉพาะการลักลอบซื้อขายลูกช้าง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000030686

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ไฟไหม้ป่า ที่กาญจน์ 3 อ.วิกฤติ ควันคลุม [17 มี.ค. 50 - 03:35]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>หลายจังหวัดในภาคเหนือยังตกอยู่ในสภาพเมืองในหมอก หลังเกิดไฟไหม้ป่าและมีควันพิษแผ่ปกคลุมกระจายไปทั่ว ล่าสุดเกิดไฟป่าขึ้นอีกจุดในป่าเมืองกาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) ว่าได้เกิดไฟป่าขึ้นที่เทือกเขาตะนาวศรี เป็นพรมแดนระหว่างไทย-พม่า ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันหนาทึบปกคลุมในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วย อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรี ชาวบ้านต้องใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก นายยุทธชัย ปัทมสินธิ ผอ.ส่วนควบคุมไฟป่า สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ 3 ส่งกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 180 นาย เข้าไปในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้ามายังฝั่งไทยมากขึ้น พร้อมกับแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ทราบถึงวิธีปฏิบัติดูแลตัวเอง อย่างไรก็ตาม กระแสลมที่พัดผ่านทำให้ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันหมอกควันเริ่มเบาบางลง ไม่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวมากนัก
ทางด้าน จ.แม่ฮ่องสอน เกิดกระแสลมแรงพัดผ่านหอบเอาหมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ของจังหวัดกลับมามีสภาพจนเกือบเป็นปกติ เครื่องบินขึ้นลงได้ตามปกติ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน นายดิเรก ก้อนกลีบ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรณีพิเศษ เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันจากไฟป่า โดยสั่งการให้เร่งดับไฟป่าในแต่ละพื้นที่ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าฝุ่นละอองมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 260 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีชาวบ้านได้รับผลกระทบ 7 อำเภอ 43 ตำบล 357 หมู่บ้าน 33,347 ครัวเรือน 107,643 คน พื้นที่การเกษตรถูกไฟป่าเผาผลาญเสียหาย 32,493 ไร่ เช่นเดียวกับ จ.เชียงราย หมอกควันเบาบางลงกว่าทุกวันที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านยังคงใช้ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันควันพิษ และจากการตรวจวัดค่ามลพิษในอากาศ พบว่าฝุ่นละออง ค่าโอโซน และระดับซัลเฟอร์ วัดได้ 339 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่ามาตรฐาน ทางจังหวัดได้ประกาศให้ 16 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

ส่วน จ.เชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ร่วมกับทหารมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ ยังคงนำรถดับเพลิงออกพ่นน้ำตามท้องถนนสายต่างๆ ทำให้การจราจรในช่วงเช้าติดขัดอย่างหนัก ขณะเดียวกัน เทศบาล ให้นักเรียนนำผ้าปิดจมูกออกแจกจ่ายให้แก่ประชาชนเพื่อใช้ป้องกันควันพิษ ส่วนพื้นที่รอบนอกตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงปกคลุมด้วยหมอกควัน โดยเฉพาะสนามบินเชียงใหม่มีสภาพไม่ต่างจากเมืองในหมอก แต่เครื่องบินยังคงขึ้นลงตามปกติ นอกจากนี้ สถานีวิทยุชุมชนหลายแห่งเปิดสายให้ประชาชนโทรศัพท์ไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่จะให้มีการเล่นสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. โดยชาวบ้านมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ไม่เห็นด้วยกลัวว่าจะเปียกน้ำขณะไปทำงาน ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศเตรียมจัดส่งเครื่องบินซี-130 จากกองบิน 6 และเครื่องบินแบบบีที-67 จากกองบิน 46 ขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อขจัดฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศด้วย

ขณะที่ จ.แพร่ สภาพอากาศโดยทั่วไปดีขึ้น เมื่อช่วงสายวันเดียวกัน นายสมชัย หทยะตันติ รอง ผวจ.แพร่ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้ทุกอำเภอตรวจสอบการเผาถ่านของราษฎรในพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.เด่นชัย และ อ.สูงเม่น เพื่อแนะนำว่าควรจะเผาเวลาไหน และกำจัดควันด้วยวิธีใด รวมทั้งแจ้งเตือนชาวบ้านห้ามไม่ให้เผาป่าเพื่อล่าสัตว์หรือเก็บพืชผักในป่าเด็ดขาด เช่นเดียวกับที่ จ.ลำปาง มีชาวบ้านได้รับผลกระทบจากหมอกพิษเช่นกัน โดยในช่วงสาย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร อดีต ส.ส.ลำปาง ออกตรวจเยี่ยมประชาชน รวมทั้งตรวจดูความคืบหน้าการก่อสร้างฝายกั้นน้ำใน ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ในขณะที่ จ.ตาก ไฟป่าที่ลุกไหม้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตากสินมหาราช ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก มานานหลายสัปดาห์ กินพื้นที่กว้างกว่า 2 หมื่นไร่ ได้สงบลงแล้ว คาดว่าภายใน 2-3 วัน หากไม่เกิดไฟป่าซ้ำขึ้นมาอีก สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ ภายหลังไฟป่าสงบ ชาวเขาพากันเก็บยอดผักหวานป่ามาวางขายตลอดริม 2 ฟากถนนสายตาก-แม่สอด กก.ละ 100 บาท สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอผลการวิจัยเกี่ยวกับฝุ่นควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และลำพูน ว่า มีสารพิษ “โพรีไซคลิก อโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน” หรือ พีเอเอช เป็นส่วนประกอบอยู่ในหมอกควัน ซึ่งสารดังกล่าวมีผลทำให้เซลล์ในร่างกายเกิดการกลายพันธุ์รวมทั้งเป็นโรคมะเร็งได้ หากสัมผัสเป็นเวลานานว่า สารพีเอเอช จะพบได้ในส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ทอดกรอบ รมควัน ในน้ำมันทอดซ้ำ การเผาขยะที่ไม่ ถูกต้อง การสูบบุหรี่ ซึ่งประชาชนสามารถสัมผัสสารดังกล่าวในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตื่นตระหนก ทั้งนี้ อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายคนนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับและพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารดังกล่าวได้โดยการไม่สูบบุหรี่ ไม่รับประทานอาหารปิ้ง ย่าง ทอดจนเกรียม ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เป็นต้น ส่วนสถานการณ์ของหมอกควันในภาคเหนือขณะนี้ จากการติดตามข้อมูลในรอบ 2 สัปดาห์ พบว่า ประชาชนใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน แพร่ พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน ตาก เจ็บป่วยรวมกันกว่า 1.5 ล้านคน

นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ล่าสุดระดับหมอกควันที่ จ.เชียงใหม่ ลดลงอยู่ที่ 151.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะที่สถานีโรงเรียนยุพราช เชียงใหม่ ลดลงเหลือ 183.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วน จ.ลำปาง ลดลงอยู่ที่ 103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาก เชื่อว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติที่ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM-10 อยู่ที่ระดับ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในไม่ช้า เพราะดูแล้วว่าสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างดีกว่าเมื่อช่วงที่ผ่านมามาก คาดว่ารออีก 2 วันน่าจะทราบผลว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับเท่าไหร่ นอกจากนั้น อยากขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ให้ร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า และช่วยกันดับไฟป่าหากเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 4 เดือนของฤดูแล้งปีนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายไพศาล กุวลัยลักษณ์ โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์ปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายวิชัย ศรีขวัญ ผวจ.เชียงใหม่ รายงานสถานการณ์และความคืบหน้าการแก้ปัญหาผ่านทางวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยนายอนุชากล่าวว่า ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควันพิษในภาคเหนืออย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ จนถึงขณะนี้สถานการณ์ทุกจังหวัดเริ่มคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง เหลือจุดที่ไฟไหม้อยู่ประมาณ 20 จุด จากเดิมที่มีจุดไฟไหม้จังหวัดละ 100 กว่าจุด พื้นที่น่าเป็นห่วงคือ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มีพรมแดนติดกับพม่า
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=40372

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ควันจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลกระทบถึงหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ไซปัน 19 มี.ค. – ทัศนวิสัยในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา อยู่ในสภาพย่ำแย่ เนื่องจากลมพัดพาเอาควันไฟ ซึ่งเกิดจากไฟป่าในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มายังดินแดนซึ่งเป็นของสหรัฐอเมริกา ในมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้
สถานีอากาศแห่งชาติบนเกาะกวม รายงานว่า เจ้าหน้าที่คาดหมายว่า ควันไฟจะยังคงปกคลุมหมู่เกาะแห่งนี้ในวันนี้ เนื่องจากสภาพรูปแบบของลมทางทิศเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ยังคงพัดพาควันมาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทัศนวิสัยที่เกาะกวม และโรตา ลดลงอยู่ที่ 9.6 กิโลเมตร ในแต่ละปี มีการเผาพื้นที่เกษตรกรรมหลายหมื่นแห่งในหลายประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับทำการเกษตรและทำทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงปศุสัตว์
สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา กล่าวว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นจุดที่เกิดไฟไหม้หลายร้อยแห่งทั่วเอเชีย ในเดือนนี้ นาซา กล่าวว่า ไฟเหล่านี้อาจจะไม่เป็นอันตรายทันที แต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพอากาศ.-สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เห็นด้วยกับคุณยายผีป่ามาก

"เพราะคนบ้านป่าเขาไม่ค่อยมีเวลามาอ่านข่าวสารเตือนภัยหรอกนะจ๊ะ และอะไรๆ ที่มันเกิดแล้ว มันลามไปสู่พวกเราที่นั่งเฝ้าจอคอมนี่ด้วยจ๊ะ ขนาดยายไม่ค่อยเข้าเนต ยังหายใจไม่ค่อยออก แสบตาไปหมด"

"ควันที่เกิดจากไฟลามนี่มันมีพิษ ต้นฝนปีนี้ ยายได้ขอให้ทางป่าไม้เจียดต้นไม้ไว้ให้หน่อย จะพาลูกบ้านปลูกทดแทนส่วนที่โดนไฟไหม้ไปน่ะค่ะ"

"เอาล่ะ กลุ่มน้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ใครห่วงใยเรื่องนี้และรู้ดีว่า ควันที่ลามจากป่าก็คร่าชีวิตเราทั้งทางตรงทางอ้อมได้ ช่วยกันบริจาคทรัพย์ช่วยหน่อวยงานที่เกี่ยวข้องหน่อยนะจ๊ะ หรือไม่ก็ปลูกต้นไม้กันหน่อย ที่บ้านคนล่ะต้นข้างทางคนล่ะต้น วัดวาอารามปลูกไปเล๊ย มันตายก็ปลูกใหม่ไปเรื่อยๆ ดีกว่าคอยเป็นนักวิเคราะห์เจาะลึกนะจ๊ะ

คิดแล้วต้องทำ ทำแล้วห้ามปล่อยปละละเลย"

ก่อนอื่นขออนุโมทนาสาธุ กับความคิด และความตั้งใจที่ดีของคุณยายผีป่า ใช่เราน่าจะมาเริ่มช่วยๆ กับปลูกป่าหรืออย่างน้อย ปลูกต้นไม้ในบ้านของเรา หรือพวกเราน่าจะมีโครงการไปตามที่ต่างๆ แล้วไปปลูกป่ากัน หรือ โครงการปลูกต้นไม้ในวัด เพราะบางวัดเข้าไปร้อนมาก แทนที่จะสงบร่มเย็น

ขอเสริมนิดนึงนะ ที่มาเลเซียต้นไม้เยอะมาก ที่ชอบที่สุดของมาเลเซียคือ ความเขียว ของประเทศเขานี่แหล่ะ เค้าไม่ตัดไม้เก่าเลย เก็บไว้หมด ตัดถนนหรือทำอะไรก็เลี่ยงต้นไม้ อากาศที่นี่เลยดี ไม่ร้อนอบอ้าว ฝนตกชุ่มฉ่ำดี ประเทศเค้าขนาดมีต้นไม้ขนาดนี้ยังรณณรงค์เรื่องช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้น

แต่ไอ้ไฟป่าจากอินโดนีเซียนี่ซิ ร้ายมาก ทุกปีจะมีควันลอยมาปกคลุมมาเลเซีย ปีก่อนๆ แย่มาก เคยมีควันขนาดเป็นอันตราย (API) โรงเรียนและสถานที่ราชการต่างๆ ต้องหยุด รถบนถนนยังไม่เห็นรถข้างหน้าขนาดขับติดๆ ตอนนั้นหน้าออฟฟิตมีผึ้งหล่นมาตายเยอะมากหน้าประตูออฟฟิต คงเมาควันตาย หน้าต่างที่บ้านเปิดไม่ได้เลย ถ้าควันเข้ามาหล่ะก็ ต้องรมควันอย่างนั้นตลอด ปีนี้ท่าทางควันไฟจากอินโดอาจจะหนักกว่าเก่า เพราะภัยแล้งด้วย

ช่วยๆ กันกระจายข่าว แล้ว ให้ชาวบ้าน ชาวป่า รู้ถึงภัยที่จะเกิด ตอนนี้ควันในเอเชียก็ปลิวไปอเมริกาแล้ว อีกหน่อยมันคงปลิวกลัยมาที่เดิม ปีนี้แล้ง ยิ่งถ้าไม่ระวังหล่ะก็ อาจเกิดไฟป่าขนาดใหญ่มากอย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ได้นะ

 

2007-07-24 05:57:18 - Forest Fire - Macedonia

<CODE>GLIDE CODE: WF-20070724-12499-MKD
Date & Time: 2007-07-24 05:57:18 [UTC]
Area: Macedonia, , ,


<FIELDSET>!!! WARNING !!!</FIELDSET>

Description:

<CODE>Nearly 20 wildfires rage across Macedonia, posing a grave threat to populated areas as heatwave tightens grip on the country. Crisis Management Center said some of the blazes have been put out but dozen other fires, fanned by strong winds, still sweep across the country. The fire at Jasen national park has been put under control. The firefighters put out the blazes at Kula and Jasen. Galicica National Park is undergoing a serious threat of wildfire because a major wildfire has been reported on Albania's side of the border. Crisis Management Center says the fire that rages in Skopje's village Raovik near Matka over the past few days poses the most serious threat to local population. The firefighters who were battling the blaze in Katlanovo, had managed to put the fire under control. Airplanes arrived at the scene shortly after day break Monday to help the firefighters and volunteers, but the fire is still on. A total of 14 fire vehicles, 70 firefighters and 100 soldiers of the ARM battled the blaze. A fire rages in Tetovo's village of Cerovo for more than three days. The blaze spread into the area near Erebino military warehouse. Other fire sweeps across the village of Merovo, destroying 50 to 100 hectares. Other blazes, reported on Sunday, still sweep across Zelino, Strimica and Dolan Lesnica. The fire is still on, covering an area of 30.000 square meters. Wild fire destroyed some 30 hectares of oak forest in the municipality of Demir Hisar. The fire that broke out in the village of Suvodol one week ago, spread onto the village of Bucin, fanned by strong winds towards the village of Sveta. Crisis Management Center says active fires are still on in Krusevo area, Kicevo area and near the villages of Carevic and Rabetino.<SCRIPT><!--D(["mb","\u003c/code\>\n\t\u003cbr\>\n\u003cbr\>\n\n\t\n\t\n\t\n\t\n\t\u003cb\>Damage level:\u003c/b\> Large\u003cbr\>\n\n\t\n\t\n\t\u003cb\>Affected Foreign Citizen:\u003c/b\> Nothing information!\u003cbr\>\u003cbr\>\n\t\u003cbr\>\n\tNot confirmed information!\u003cbr\>\n\t\u003c/code\>\n\t\u003cbr\>\n\t\u003c/td\>\u003c/tr\>\n\t\u003ctr\>\u003ctd\>\n\t\u003csmall\>\n\t\u003cdiv\>\u003cb\>Unscrubscribe AlertMail service:\u003c/b\> \u003ca href\u003d\"http://levlista.rsoe.hu/cgi-bin/mailman/listinfo/hisz-alertmail-eng\" target\u003d\"_blank\" onclick\u003d\"return top.js.OpenExtLink(window,event,this)\"\>Here\u003c/a\>\u003cbr\>\u003c/div\>\n\t\u003cdiv\>\u003cb\>Disaster Events in WAP:\u003c/b\> \u003ca href\u003d\"http://hisz.rsoe.hu/wap2/\" target\u003d\"_blank\" onclick\u003d\"return top.js.OpenExtLink(window,event,this)\"\>http://hisz.rsoe.hu/wap2/\u003c/a\>\u003cbr\>\u003c/div\>\n\t\u003c/small\>\n\t\u003c/td\>\u003c/tr\>\n\t\u003c/table\>\n\t\u003ctable cellpadding\u003d\"3\" cellspacing\u003d\"0\" border\u003d\"0\" width\u003d\"100%\"\>\n\t\u003ctr\>\u003ctd colspan\u003d\"3\"\>\u003chr width\u003d\"100%\" size\u003d\"1\" noshade\>\u003c/td\>\u003c/tr\>\n\n\t\u003ctr valign\u003d\"top\"\>\n \u003ctd align\u003d\"left\"\> \u003cb\>RSOE\u003c/b\> Emergency and Disaster Information Service\u003cbr\>Hungary, Budapest\n \u003ctd\>\u003c/td\>\n \u003ctd align\u003d\"right\"\>Sending AlertMail: 2007-07-24 05:57:18 [UTC]\u003cbr\>\n \u003c/td\>\u003c/td\>\u003c/tr\>\n\t\u003c/table\>\n\t\u003c/div\>\n\t\n\n",0]);//--></SCRIPT> </CODE>

Damage level: Large

ไฟป่าที่ Macedonia

</CODE>

 

2007-07-24 19:23:38 - Forest Fire - Bulgaria

<CODE>GLIDE CODE: WF-20070724-12512-BGR
Date & Time: 2007-07-24 19:23:38 [UTC]
Area: Bulgaria, Stara Zagora, Kazanlak, Maglizh, Gurkovo,


<FIELDSET>NOTICE!</FIELDSET>

Description:

<CODE>According to an order, issued by the regional governor of Stara Zagora, a state of emergency is declared in the municipalities of Kazanlak and Maglizh, the regional police directorate in Stara Zagora announced. A forest fire has reached the area of the village of Cherganovo and local authorities are preparing for possible evacuation. The traffic of cars is temporarily banned between Stara Zagora and Kazanlak and Gurkovo.</CODE>

Damage level: Heavy

ไฟป่าในบัลแกเรีย</CODE>