สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นแล้วเป็นธรรมดาสิ่งเหล้านั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
หมายความว่ากิเลส ตัณหา ราคะ โทษะ โมหะ ถึง ทุกอย่างในอย่างใน
ปฎิจสมุปบาท รวมทั้งอวิชชา
ไม่จำเป็นต้องไปตัด ไปดับอะไรเลย
แค่ไม่เข้าไปร่วมปรุงแต่ง ดูมันเกิดดับเป็นธรรมดาของมัน และ แม้นแต่ตัวผู้รู้ก็เกิดดับด้วย
ถ้าใครได้รู้เห็นว่า รูป ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา ก็ไม่มีใครไปดับรูป แค่ไม่เข้าไปปรุงแต่งรูป
เมื่อรูป ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใข่เรา สิ่งที่เกิดจากรูป อย่าง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะเป็นอะไรได้ นอกจากของที่ไม่ใช่เราเช่นกันกับรูปนั้นแหละ
เมื่อจืตรู้/_อย่างนี้ ก็ไม่มีใคร ไปดับ ไปตัดอะไรใน รูป นามทั้งหลายเหล่านั้นเลย
ปฏิจสมุปบาท ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตัด ต้องหยุด อะไรๆตรงไหนเลย แค่ จิตผู้รู้มีวิชชาไม่เข้าไปเอาเข้าไปรับอะไรๆในปฎิจสมุปบาทมาปรุงแต่ง ยึดมั่นเป็น อารมณ์ ยินดี ยินร้าย จิตอยากปรุงแต่ง อยากเศร้าโสกา อยากโทมัสทอุปปายาท ช่างหัวจิต ผู้รู้ไม่ไปร่วมกับมันก็จบ
ปฎิจสมุปบาท ก็ อยู่ของมันแบบไม่มีค่าอะไร เกิด แล้วก็ดับไปแบบ งงๆ ทั้งวงนั้นแหละ
อวิชชาก็ดับ ผู้รู้ก็ดับตาม วิชขาก็ดับด้วย..
แล้วมันด็เกิด และดับ เกิดๆดับ ก้ ช่างมัน
มันเป็นธรรมขาติของมัน ไม่ต้องไปทำอะไร
มันก็เกิด หมดเหตุ มันก็ดับ
โอ๊ย..งงหวะ อีรุงตึงนังมั้ย
ไม่ต้องยำเยอะ ผิดถูกไม่ได้ยึดมั่น
พร้อมเปลี่ยนตามเหตุปัจจัย อย่ายำเยอะ...
Aวัง :D นอนต่อ
ไม่ต้องดับไม่ต้องตัด
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Picolo Fanta, 26 พฤษภาคม 2020.
หน้า 1 ของ 14
-
-
ใช่
ไม่ต้องทำเฮียอะไรเลย กำหนดรู้ทุกข์พอ เรื่อยๆ เนืองๆ ต่อเนื่อง ง่ายนิดเดียว
ในอดีด ก็เคยมีมาแล้ว
สมมุติ ว่าชื่อ ป. ตัวก้อ้วน นิ้วก็อ้วน ไม่รู้ไปทำอะไรมา
ต้องมานอนอยู่กะ ม. ตัวต่อตัว ได้แต่ร้องอย่างเดียว
ไม่ต้องไป ยกอันนั้น ยกอันนี้ อีรุงคุงนัง หุรังหุตัง -
ฉะนั้น ธรรมแท้แค่อยู่กับรู้ ไม่ใช่อยู่กับยึด(รู้ในปัจจุบันขณะจิต เกินจากนั้นเป็นธรรมเมา) -
หลักการเกือบได้แระ สมกะที่ลอกเขามา แต่แค่ทำไม่ได้
เวลาเขียนพวกชอบเอาอารมณ์รุ้รุปมาตีกะอารมณ์ของนาม ไม่ใช่คนเดียวนะ ยกฝุง อิอิ :D:D -
มันมี วิธี ดูว่า ที่พูดๆ นั้น
เปน แค่การตกผลึก จากการ ตะครุบน้ำลาย
หรือว่า เหนคุณค่าความเพียร
ลงมือปฏิบัติมา จริง ด้วยตน
สังเกตไหม
สาวิกาสมณโคตมะ ฉวีชาม
เขาจะ ลงท้ายอย่างไร เวลา
กล่าวเสร็จ
ที่สำคัญกว่านั้น
คือ ธรรมะ ก้ เกิดจากเหตุ
ที่สมควรแก่ธรรม
ไม่ใช่ เช้ามา ก้ มาร้อง
เอกอีเอ๊กเอ๊กๆ ไม่มีปี่
ไม่มีขลุ่ย ( ต้องเจอ dood doom ) -
ครูบาอาจารย์ ท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน สมาธิ ฌาน ภาวนา วิปัสสนากรรมฐาน พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม เพื่อมรรคผลนิพพาน ไม่ได้ไปนั่งนึกเองเออเองอวิชาก็ดับ ผู้รู้ก็ดับ วิชาก็ดับแบบคิดเองเออเอง คิดว่าตัวเองบรรลุธรรมนึกเองเออเองรับรองผลด้วยตัวเอง สุดท้ายตัดอะไรไม่ได้สักอย่างไม่ได้บรรลุอะไรสักอย่างนอกจากหลอกตัวเองว่าบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลโดยที่ไม่ต้องทำอะไรปฏิบัติอะไรสักอย่าง -
ปอ รอ ริง :
หนูๆ น้องๆ สังเกตดีๆ ธรรมแท้ๆ
จะต้องเกิด ปัจจัย
ปัจจัยในการเกิด พุทธ ตถาคต
พระศาสดา ฏีกาไว้ว่า เกิดจาก
เหตุ
เหตุ นั้น คือ ความกตัญญู เท่านั้น
พระองค์จึงเลือก ภิกขาจาร เปน
สัมมาอาชีวะ อย่างเดียว ให้สาวก
ใช้นำทาง นำธรรม ( ฆราวาส
จึง ถูกตัดสิทธิ แถม ฏีกาทับ
ห้าม ภิกษุ ฯ ฟังธรรม จาก ฆราวาส
หน้าขน ทุกตัว เว้นแต่.....ฯ. )
แต่ สาวกร้อยละร้อย จิตเคลื่อน
จากฐาน แล้วไม่ได้ กำหนดรู้
จึงมักกล่าวไปว่า ที่ธรรมหมุน
นั้นเกิดจาก เมตตา
สาวกจำนวนมาก จึง สาระวน
กับการ ปิดทาง ปิดธรรม
เพลี้ยงพล้ำให้กับ...
แกงค์จับสึกพระ มานักต่อนัก
แทนที่จะ แสดงธรรมได้อย่าง
สะดวกโยธิน ดัสกรกระเด็นไกล -
น่าน ปลาลาย
พูดถึง โจโฉ โจโชว แกงค์จับสึกพระ ก้มา
ธรรม ต้อง อาสัยเหตุ ที่ สมควรแก่
การแสดง
หาก เอกอีเอกเอ๊ก ลอยๆ
เจอ แกงจับสึกพระ จิ้ม
ไปไม่เปนเลยหละ
เว้นแต่จะหลงกล สั่งสอนกัน
เหมือนสั่งน้ำมูก -
ปล 2 :
แม้นว่าธรรมหมุน มีเหตุ
ใช่เลห์เฝ้าหมุนธรร พร่ำเพื้อ
จรณสัมปันไตรจักร นำเนื้อ
สามคำรบจบเอื้อ สิ้นเหตุ เช่นกัน -
-
ธรรมแท้แค่รู้อยู่ที่ใจ
ไม่ใช่สังขารธรรม
ซึ่งเป็นธรรมชาติของกายกับจิต
ที่มีสภาวะเกิดดับตลอดเวลา (ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้)
จะเกิดจะดับเป็นไปตามธรมชาติและเหตุปัจจัย
ที่จะเป็นตัวแปรให้ธาตุ 4 ขันธ์5
อยู่นิ่งไม่ได้
ฉะนั้น สิ่งที่นิ่งไม่ได้ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้
โดยเฉพาะความคิดนึกตรึกตรอง
มันไม่เคยหยุดนิ่ง เหนื่อยกับมันไหมเอ้อ
ถ้าไม่เหนื่อยก็ยึดมั่นถือมั่นมันไว้
และฝังตัวลงในวงจรปฏิจจสมุปบาท
ต่อไป -
ปล. แถม
สำหรับ ลุงๆ ป้าๆ ทีพอจะเหน
ตูนบอดี้สะแลม รำไรๆ
อะไรที่ปรารภได้
ขออย่างเดียว เหน เปน
"ทุกข์ล้วนๆ " กำลังเกิด
เข้ามา นิ นุง
แล้ว จะ ซู่ซ่าๆ เปน ของเล่น
เหน ซู่ซ่าๆ เปนของเล่น
จะเจอ หลวงพ่ออังคาร
ยืนยิ้ม ที่จุดนัดพบ -
ภาพ crispy fish จาก ไนเตอเนท
เนื่องจาก หามะเจอ ลพ.อังคาร -
ทุกข์เกิดเองดับเอง
ในท่ามกลางที่ว่างของใจ
ถ้าทุกข์คือนก
ใจคือฟ้า
ไม่อยากทุกข์ให้เป็นฟ้า นกจะบินไป
อะไรจะบินมา
ฟ้าก็นิ่งได้ไม่ไหวตาม -
ปล. เฝือๆ
ที่ต้องมี ซู่ซ่าๆ ไม่ห่าง
เพราะ ธรรมจะหมุน จาก ภพ ไม่ได้
ยิ่งยังมี กามสวะครอบละก้อ ผิดแน่
ธรรม จึงต้อง ไม่เกิดใน ภพ
ซู่ซ่าๆ เปน วิบากของ การขาด
จาก กามสวะภพ เปน iso-2500 -
ปล. ล้นเฝือ
ธรรม ไม่ได้ พิสูจน์ ด้วย โวหาร
ซู่ซ่าๆ เปน patch just stang
บัณฑิตแท้ ย่อมนิ่ง แม้นเที่ยงคืน
หาก "บัณฑิตเที่ยงคืน" ไม่นิ่ง จุ๊กกรู้!! -
นิโรธสัญญา คือ ธรรมเป็นที่ดับไปโดยไม่เหลือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่าธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา ธรรมเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ ธรรมชาติเป็นที่ดับกิเลสและกองทุกข์ -
ปล ล้นเฝือ อีกนัยหนึ่ง
ธรรมแท้ ไม่อิงวิธี เซิ่นเจิ้น
ซู่ซ่าๆ เปน patch just stang
บัณฑิตแท้ ย่อมนิ่ง แม้นเที่ยงคืน
หาก "บัณฑิตเที่ยงคืน" ไม่นิ่ง จุ๊กกรู้!! -
ต้องดับ ตัด สละคืน หยุด
ทำให้เกิดนิโรธ
เพื่อแจ้งในนิพพาน
แล้วเดินตามมรรค
มรรคคือดูไปรู้แล้วเฉยๆ
เราไม่รู้คุณลักษณะมันได้
ถ้าไม่เคยเสียมันไป
มันจะเป็นการท่องจำ
เมื่อคืนพึงบ่นพระอาจารย์กะแม่ชีวัดไป
คิดถึงที่รัยหัวร้อนทุกที55
อย่าไปเก่งเกินกรรม
อย่าไปฉลาดกว่าเหตุปัจจัย -
ทำยังไงถึงจะไม่ปรุงแต่ง ก็ธรรมชาติมันปรุงแต่งอยู่เป็นนิจ..
การยืนมองดูมันเกิดดับ ถ้าปล่อยวางจิตไม่เป็น ก็ เงิบแดกทุกภพชาติ..
หน้า 1 ของ 14