กำลังใจ.
สร้างเองไม่ได้.
ไม่ช้ามันก็หมด.
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า.
ไม่ไห้รับกำลังใจ.
จากผู้อื่น...
ไม่รู้จักกัน
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.
หน้า 19 ของ 162
-
-
อ่านเจอมาจ้ะ....
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่ตามใจ
กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่พูดหวาน
กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่พูดประจบ
กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่หวังผลประโยชน์จากคนที่คบ
กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่แนะนำให้ทำชั่ว
แต่...
กัลยาณมิตร..ย่อมแนะนำสิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ห้ามจากความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดีและเป็นผู้ที่มีคุณธรรมคือศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา กัลยาณมิตรสูงสุดคือพระพุทธเจ้า
จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นกัลยาณมิตร ?
ก็คงจะเหมือนกันกับคำถามที่ว่า...จะรู้ได้อย่างไรว่าใครไม่ได้เป็นกัลยาณมิตร ?
ที่แน่ๆ จะรู้ได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมจนเกิดปัญญาของตนเอง
ปัญญาย่อมจะรู้ว่าใครเป็น หรือ ไม่เป็นกัลยาณมิตรกับเรา
แล้วก็จะช่วยทำให้รู้ขึ้นอีกด้วยว่า...ตัวเราเป็นกัลยาณมิตรกับใครเขาด้วยหรือไม่ ?ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ตัวจริงของธรรมะ.
คือสัมผัสรู้แจ้งเห็นจริง.
ด้วยปัญญาของตนเอง.
แม้มีคนอื่นบอก.
หรือเขียนอยู่ในตำรา.
ก็เป็นเพียงเงา.
ของธรรมะ.
เท่านั้น.. -
ความชอบ ความชัง ล้วนมีอยู่ในโลก
ชอบตรงไหนก็ไปตรงนั้น เรียกว่าไปที่ชอบ
เมื่อได้อะไรๆ ที่ชอบ ตามที่ทำ พูด คิดแล้ว ใจก็เป็นสุข
จริงรึป่าว?
หาหลักใจให้เจอ เจอหลักแล้วจะได้ไม่โลเล
ส่งออกหรือส่งเข้า มีผลเท่ากัน ถ้าใจมีหลัก
เพราะมันแค่หลอกๆไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ผู้ที่รู้ว่า.สิ่งใดหลอก.สิ่งไหนจริง.
คือผู้ที่เห็นความจริงแล้ว...เท่านั้น.
จึงรู้ว่า..สิ่งใดจริง...สิ่งไหนหลอก.. -
เกลียด โกรธ โทษใคร?
-
จากเพจ...พระธาตุภูเพ็ก จังหวัดสกลนคร
มหัศจรรย์ปราสาทขอมที่โบราณไม่มีบันทึก! #แสงอาทิตย์ลอด15ช่องประตู #ปราสาทพนมรุ้ง กับเรื่อง #ดวง ของปราสาทขอม!!?
.
.
เช้าตรู่ของวันที่ 8 กันยายน 2562 ที่ปราสาทพนมรุ้ง ท้องฟ้าปิด มีเมฆบัง จึงทำให้คนที่มาเฝ้ารอชมปรากฏการณ์แสงพระอาทิตย์ขึ้น ลอดผ่าน 15 ช่องประตู ไม่สามารถเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ และยังคงต้องมาลุ้นกันต่ออีก 2 วัน คือ วันที่ 9-10 กันยายน 2562
.
ปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ส่องลอด 15 ช่องประตู ที่ปราสาทพนมรุ้งจะเกิดขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งในแต่ละปี จะแบ่งออกเป็นแสงพระอาทิตย์ขึ้น 2 ครั้ง และแสงพระอาทิตย์ตก 2 ครั้ง วันใดเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู วันนั้นจะไม่เห็นดวงอาทิตย์ตกตรง 15 ช่องประตู ในขณะเดียวกันวันใดที่เห็นดวงอาทิตย์ตกตรง 15 ช่องประตู ก็จะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกรอบประตูเช่นเดียวกัน
.
เนื่องจากปราสาทพนมรุ้งสร้างให้ขนานแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก จึงทำให้แสงอาทิตย์ลอด 15 ประตู แต่ปราสาทมิได้วางในตำแหน่งขนานแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกพอดี โดยเบี่ยงไปทางทิศเหนือ 5.5 องศา นั่นจึงทำให้เกิดแสงอาทิตย์ลอด 15 ประตู 4 ครั้ง หากปราสาทวางแนวตามเส้น 90 องศา ขนานกับทิศตะวันออก-ตะวันตกพอดี ก็จะเกิดปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ส่องลอด 15 ช่องประตู 2 ครั้ง ทั้งอาทิตย์ขึ้นและตกทั้ง 2 ครั้ง โดยจะเกิดในราวปลายเดือนมีนาคมและกันยายน
.
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก ตรง 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง ไม่ปรากฏในเอกสารโบราณ ไม่ว่าจะเป็นศิลาจารึก หรือหลักฐานประเภทอื่น เช่น ภาพจำหลัก เป็นต้น
.
อีกทั้งก่อนที่ปราสาทแห่งนี้จะบูรณะแล้วเสร็จ ย่อมไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากชั้นหลังคาของปราสาทประธานและมณฑปด้านหน้าถล่มลงมาปิดช่องประตูจนไม่สามารถมองลอดกรอบประตูทะลุถึงกันได้
.
กระทั่งปราสาทพนมรุ้งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์จนแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการบูรณะ จึงสังเกตเห็นความมหัศจรรย์ของดาราศาสตร์ที่ถูกนำมาผนวกเข้ากับองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมอย่างลงตัว
.
นักดาราศาสตร์ได้คำนวณว่าปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู จะอยู่ในช่วงวันที่ 3-4-5 เมษายน วันใดวันหนึ่ง และจะเกิดขึ้นในราวเดือนกันยายนอีกครั้งหนึ่ง แต่ช่วงฤดูฝนท้องฟ้าปิด เมฆมาก โอกาสที่จะเห็นจึงน้อยกว่าเดือนเมษายน
.
ความสำคัญของปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้การจัดงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยภาคราชการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2534 เลือกจัดในช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน เป็นเหตุให้งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งซึ่งเดิมเคยเป็นงานบุญประจำปีของชาวบ้าน จัดในวันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 5 หมดความสำคัญลงไป
.
.
คุณนงคราญ สุขสม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เมื่อ พ.ศ. 2546 ได้มีโอกาสรู้จักกับชาวเดนมาร์กท่านหนึ่ง ชื่อ Mr.Asger Mollerup มีชื่อภาษาไทยว่า คุณทอง หรือสีดาทอง เป็นชาวต่างชาติที่อยู่เมืองไทยมานานจนพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว เป็นสถาปนิกที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์ ซึ่งสามารถคำนวณเวลาการเกิดปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ส่องลอด 15 ช่องประตูได้ค่อนข้างแม่นยำมาก จะคลาดเคลื่อนไปบ้างก็เป็นเวลาไม่กี่เสี้ยวนาที
.
คุณทองจึงตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ปราสาทพนมรุ้งมี “ดวง” เหมือนบุคคลแต่ละคนก็มีดวงของตนเอง วิธีผูกดวงก็คำนวณจากลัคนาวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก เป็นต้น
.
ดวงของปราสาทแต่ละหลังอาจขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง ชัยภูมิ สภาพแวดล้อม เป็นต้น ทำให้ปราสาทแต่ละหลังมีแนวแกนทิศหลักของประตูทางเข้าด้านหน้าต่างกัน
.
ดวงของปราสาทพนมรุ้งคงต่างกับดวงของปราสาทพิมาย (หันหน้าไปทางทิศใต้) ปราสาทตาเมือนธม (หันหน้าไปทางทิศใต้) ปราสาทเขาพระวิหาร (หันหน้าไปทางทิศเหนือ) หรือ ปราสาทนครวัด (หันหน้าไปทางทิศตะวันตก)
.
ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือเหตุบังเอิญของผู้สร้างปราสาทก็ตาม ปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ส่องลอด 15 ช่องประตูที่เกิดขึ้นนี้ได้ก่อให้เกิดมนต์ขลังและความงดงามให้กับปราสาท แม้ในอดีตจะเป็นเรื่องของศาสนาและพิธีกรรม แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องของการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ชาวบุรีรัมย์ได้ไม่น้อยทีเดียว
.
.
.
@พนมรุ้ง : ปราสาทหินในอารยธรรมเขมรโบราณ
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
.
ปราสาทพนมรุ้งตั้งอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์มาก เพราะสะท้อนถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมเขมรในภาคอีสานของประเทศไทย
.
โดยปราสาทแห่งนี้สันนิษฐานว่าเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ไศวะนิกาย สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 15 และต่อเติมเรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 18
.
ปราสาทพนมรุ้งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2514 โดยวิธี "อนัสติโลซิส" (Anastylosis) คือการนำชิ้นส่วนของปราสาทที่พังทลายลงมากลับเข้าตำแหน่งเดิม และบูรณะแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2531
.
ปราสาทประธานเป็นศูนย์กลางของพื้นที่โดยรอบ ซึ่งสะท้อนคติจักรวาลวิทยาของเขาไกรลาศ อันเป็นที่ประทับของพระศิวะนั่นเอง มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมมีมุขสามทิศ แต่ทางทิศตะวันออกทำเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียกว่ามลฑป ซึ่งอาคารทั้งสองไม่ได้เชื่อมติดกันเพราะช่องประตูอยู่สูงมากเกินกว่าจะข้ามไปได้
.
ปราสาทประธานสร้างจากหินทรายมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ครรภคฤหะ” หรือถ้ำของโยคี สร้างแบบมิดชิด แสงเข้าได้น้อย ไม่มีการแกะสลักที่สวยงามเท่าด้านนอก สันนิษฐานว่าอาจเป็นการสร้างเลียนแบบถ้ำที่พราหมณ์หรือพรตใช้บำเพ็ญตบะ และเป็นพื้นที่สงวนเฉพาะพราหมณ์ ส่วนมลฑปสันนิษฐานว่าใช้เป็นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมหรือประดิษฐานเทวรูป
.
นอกจากสองอาคารหลักที่อยู่ภายในระเบียงคดนี้แล้ว ยังมีอาคารเล็ก ๆ อยู่รายล้อม เช่น ปรางค์น้อย, เทวาลัย 2 หลัง และปราสาทอิฐ 2 องค์ (สันนิษฐานว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้) ขนาด 5 เมตรคูณ 5 เมตร
.
สำหรับปราสาทอิฐนี้ จากลวดลายที่ปรากฏบนเสาประดับกรอบประตู และประติมากรรมที่พบบริเวณนี้ คือเทวรูปพระพรหม ศิลปะขอมแบบเกาะแกร์ รวมทั้งข้อมูลที่อ่านและแปลจากศิลาจารึกหลักหนึ่งที่พบ ณ ปราสาทพนมรุ้ง จึงสันนิษฐานว่าปราสาทอิฐคงสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นอาคารที่สร้างก่อนหน้าปราสาทประธานหินทรายหลังใหญ่ ซึ่งเป็นศิลปะขอมแบบก่อนนครวัดประมาณ 200 ปีเศษ
.
นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่สวยงามของปราสาทพนมรุ้งแล้ว ยังมีงานประติมากรรมชิ้นเอกของปราสาทพนมรุ้งคือ “ภาพจำหลัก” โดยภาพจำหลักมีทั้งส่วนที่เป็นหน้าบัน ซุ้มบัญชร และทับหลัง
.
โดยทับหลังที่คนไทยรู้จักกันดีคือ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” ที่อยู่ภายใต้หน้าบัน “พระศิวนาฏราช” ทางด้านหน้าสุดของปราสาทประธาน
.
ปราสาทพนมรุ้งมีความงดงามทั้งด้านประติมากรรมและสถาปัตยกรรม แต่จะยิ่งงดงามแลดูมีมนต์ขลังมากขึ้นเมื่อแสงพระอาทิตย์ลอด 15 ช่องประตู ในช่วง 4 ครั้งของแต่ละปี.
.
.
.
.
ภาพประกอบ :
พระอาทิตย์ส่องผ่าน 15 ช่องประตู
ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์
.
ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก Duean Chayanit
.
ที่มา :
เพจ เทศกาลขึ้นเขาพนมรุ้งและงานแสดงแสงสีเสียง
Phanomrung Festival Burirum
.
.
บรรณานุกรม :
ธวัชชัย องค์วุฒิเวทย์ และวิไลรัตน์ ยังรอต. (2550). คู่มือท่องเที่ยว-เรียนรู้: ปราสาทหิน พิมาย พนมรุ้ง เมืองต่ำ ตาเมือน เขาพระวิหาร. กรุงเทพฯ: มิวเซียมเพรส.
ศิริศักดิ์ คุ้มรักษา. (2546). แผนที่ความรู้เมืองไทย : ปราสาทหินในถิ่นอีสาน. กรุงเทพฯ: แปลน รีดเดอร์ส.
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์. (ม.ป.ป.). พนมรุ้ง. (ม.ป.พ.).
นงคราญ สุขสม. (2546, กันยายน). Unseen พนมรุ้ง. ศิลปวัฒนธรรม. 24(10): 123.
.
.
.
ที่มา :
.
Silpa-Mag
https://www.silpa-mag.com/culture/article_30352ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ตัณหาเป็นความอยากทางอกุศล ฉันทะเป็นความอยากทางกุศล
เหตุปัจจัยมีสองทาง คือ เป็นไปในทางเสื่อม กับเป็นไปในทางเจริญ
โลกอาศัยความทะยานอยากมุ่งไปสู่ความเจริญทางลาภ ยศ สรรเสริญ
ธรรมอาศัยฉันทะมุ่งไปสู่ความพ้นจากโลก
-
สิ่งที่เสพ.แล้วติด.
ยิ่งเสพ.ก็ยิ่งติด.
ยิ่งติด.ก็ยิ่งเสพ.
เลิกสิ่งเสพติด.
คือ.ลด.ละ.เลิก.
เลิกเสพแล้ว.ไม่กลับไปเสพอีก.
ไม่เสพ.ก็ไม่ติด.
ไม่ติด.ก็ไม่ต้องเสพ.
เสพติด.ภายนอก.
ติดเสพ..ภายใน.
เลิกสิ่งเสพติดภายนอก.
..เป็นของยาก.
เลิกสิ่งเสพติดภายใน.
...ยากยิ่งกว่า. -
น้ำ...ถ้าไม่วัด ย่อมไม่รู้ลึก-ตื้น
คน...ถ้าไม่คบกัน ย่อมไม่รู้ดี-เลว
เวลาเป็นสิ่งมีประโยชน์
สามารถพิสูจน์ใจคน
และสามารถรับรู้นิสัยคน
คนที่ดูดี อาจไม่ใช่คนดี
แต่คนดี จะดูดีเสมอ
:rolleyes: ก๊อปมาซิคะ :cool::):Dไฟล์ที่แนบมา:
-
-
....สายน้ำ..ที่ผันผ่าน.
...เวลา..ที่ผ่านไป.
....คนจริงใจ..
....ย่อมซื่อสัจ.
...ต่อความจริง.. -
เคยตักบาตรร่วมขัน กันชาติก่อน
เคยร่วมรักบรรจถรณ์ เสน่หา
เคยพิศวาสบาดเชื้อ เหลือระอา
จะทอดทิ้งใดได้หนา ถ้าเคยเคียง
ฤาเป็นฤทธิ์เล่ห์ บุพเพสันนิวาส
ใจจึงเต้นอย่างประหลาดแม้หลีกเลี่ยง
ก็เคยรักนักหนอ จึงคลอเคียง
ใจจึงเอียงเทให้ ไม่แรงซาไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รักแบบโลก.
คือความรัก.
ที่หลงใหล.
รักที่ไม่ใหล.ไปกับความหลง.
คือรักแบบ...พระพุทธเจ้า... -
ความคืบหน้างานหล่อพระศรีเมืองน่านค่ะ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
มีคนรัก.
ดีกว่า.มีคนชัง.
แต่ถ้ารัก.แล้วชัง.
ถือเป็นเวร.เป็นกรรม.
ของผู้นั้นไป. -
และพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
รู้เพียง ตะวันยังมีให้เห็นไกลไกล
ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป
แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน
.
.
จากเฟสบุคชื่นศิริไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ใช้ปัญญาแทงให้ทะลุสภาวะ ทวนย้อนกลับไปกลับมา จากเหตุมาถึงผล จากผลไปหาเหตุ จนลงใจ ลงไตรลักษณ์ได้เมื่อไหร่ มันก็ดับ
เราทุกคนล้วนเคยผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น ทุกสภาวะของอารมณ์ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนสักอย่าง สุดท้าย มันก็หายไป แล้วก็เกิดวนเวียนซ้ำซาก จำเจ อยู่อย่างนั้น เนื่องเพราะยังน้อมโลกมาใส่ใจ ยังปรุงแต่งไปเพื่อสื่อสาร ยังมีตัวมีตนมีคนทำ มีคนรับการกระทำ ยกจิตขึ้นมา ไม่ไปติดข้องกับทุกเรื่องราว มันก็สบายๆ ที่ไม่ติดข้องเพราะแจ้งชัดในใจแล้วว่า.สรรพสิ่งล้วนมีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ถ้าเป็นปัจจุบัน จะไม่มีอดีต อนาคต ไม่ฟุ้งไปกับรู้หรือไม่รู้อดีต อนาคต
กาย จิต ที่สำคัญมั่นหมายว่าเป็นเรา ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อยู่กับปัจจุบัน ไม่มีเบื่อนะ มีแต่สติรู้ๆ ไปว่ากำลังทำอะไีร คิดอะไร พูดอะไร เพื่ออะไรแค่นี้
เพราะหลงไปเบื่อในสิ่งที่เป็นอยู่ เพราะคิดว่าเป็นตนที่เป็นอยู่ มีตนเป็นผู้รับทุกเรื่องราว สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม ยอมรับกฏแห่งกรรมนั้นๆ แล้วอโหสิกรรมบ่อยๆ เพื่อถอดถอนเรื่องนั้นๆ ที่ติดค้าง ติดข้องอยู่ ให้ออกไปจากใจ ถอดถอนตัวตนออกจากตน ตระหนักรู้เพียงว่าไม่มีเรา ไม่มีเขา ที่มีอยู่คือหน้าที่ ตราบใดที่ยังหายใจอยู่ก็ต้องทำหน้าที่ตามฐานะ หมดสิ้นลมหายใจก็ไม่มีเรื่องใดติดค้างในใจ เพราะได้ทำหน้าที่จนสมบูรณ์แบบตามความสามารถ ตามฐานะแล้ว
ผ่านพ้นชาตินี้ไปแล้ว ก็ไปเสวยกุศลวิบากต่อ มันเหนื่อยได้ ท้อได้ แต่ต้องดำเนินต่อไป ระลึกถึงความตาย...สบายนัก มันหักรักหักหลงในสงสาร หมั่นทำกุศลให้ถึงพร้อม ถึงเวลาตายจะมีกุศลเป็นเครื่องนำทางไป ขณะที่ยังไม่ตายก็คอยทบทวนว่า มีความดีอะไรบ้างที่เรายังไม่ได้ทำ แล้วก็หาโอกาสทำซะ อกุศลใดที่ยังละไม่ได้ ก็เพียรละให้ได้
สตินี้สำคัญนัก เมื่อฝึกจนเท่ากับปัจจุบันแล้ว ถึงนาทีตายสติจะเตือนให้ระลึกรู้ว่าอีกกี่นาที ลมหายใจจะดับ ควรรักษาอารมณ์กุศลให้คงไว้จนวินาทีสุดท้าย (ลมหายใจสุดท้ายที่ไหลออก) เพื่อไปสู่สุคติภูมิ หรือจะดับให้สนิทสู่นิพพานก็ได้ เลือกไปตามเหตุที่สั่งสมมา ให้สติพาไป อย่าให้กิเลส ตัณหา พาไป
บางคนตัดสักกายทิฏฐิได้ตอนจะตาย ข้ามพ้นจากปุถุชนเป็นอริยชน เพราะใช้สติพิจารณากายตอนที่กำลังจะตาย
การฝึกก็เพื่อให้ชิน ให้คล่อง เป็นวสี น้อมมาใช้ตอนไหนได้ทุกกาล ฝึกสติให้เป็นมหาสติ หลักใหญ่ใจความก็เพื่อตัดสักกายทิฏฐิ กิเลสสังโยชน์มีเพราะมีสักกายทิฏฐิ
สักกายทิฏฐิขาดสะบั้นจริงๆ ในภูมิธรรมอรหันต์ ถ้ายังไม่ถึง ตลอดสายก็ต้องพึ่งสติ เพราะสติเกิดพร้อมกุศล จิตข้องอยู่กับกุศลด้วยสติ กุศลเป็นเหตุใกล้ของเหตุปัจจัยให้เกิดองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ -
โอกาสดีมีเสมอสำหรับคนดีๆ
ถ้าไม่รักกัน...ก็อย่าทำร้าย ทำลายกันเลย
ชีวิตที่สดใส เสรี จงมีแด่เธอผู้ใฝ่หาความสันติ
เพราะมีสติชอบจึงดำริชอบ -
ลมหนาวมาแล้ว เตรียมเครื่องป้องกันความหนาวกันไว้หรือยัง ปีนี้จะมีคนหนาวตายอีกกี่คนนะ:(
-
พอกลิ่นลมหนาวโชยมา สัญญางานวัดก็มาเตือน จิตเคลื่อนไปในอดีต ซึมซับสัญญาเวทนานั้นๆ สุขที่ได้ชื่นชมบรรยากาศ สุขกับการมีอำนาจอยู่ในมือ คือการจับจ่ายใช้สอย เหงาบ้างเล็กน้อยที่ต้องเดินคนเดียว
สุข...เศร้า...เหงา เมื่อลมหนาวพัดมา สิ่งนี้ซินะที่ติดค้างอยู่ในใจ ที่ต้องถอดถอนออกจากใจ ในหนึ่งอารมณ์นั้นๆ ก็มีหลายๆ สิ่งซ่อนอยู่...แล้วมันก็จะเลือนหายไปพร้อมกับลมหนาว
นกย้ายถิ่นเมื่อถึงคราหน้าหนาว....หาชมได้ที่บางปู:D:cool:ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 19 ของ 162