ไม่รู้ว่ามีใครเห็น Planet X หรือยัง?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 21.12.2012=11, 17 สิงหาคม 2010.

  1. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    เติมเชื้อเสียหน่อยดีก่า ช่วงนี้ว่างงานจัด

    ภาพเก่าจาก IRAS 10216 ดาวแคระอับแสง ต้นขั้วเรื่องราวและข่าวลือทั้งหลาย

    picture_279255115010.jpg

    เมื่อปรับแต่งภาพเล็กน้อย เราจะเห็นดาวบริวารชัดเจนขึ้น

    picture_279255115010e1.jpg

    ตาลุง enki และ zt โม้ว่าหนึ่งในนั้นคือ NorthWind ผู้โหดร้าย
    ที่เคยทำให้ไดโนเสาร์และนาๆนุสัตว์ทั้งหลายบนโลก..สูญพันธุ์
    การกระแทกของมันทำให้เกิดดวงจันทร์ประหลาดของเราขึ้นมา
    ทั้งยังทำให้เกิดปริศนาการล้มกระดานของดาวินซี่
    ที่ไม่สามารถหาสาเหตุหรือต้นทาง
    การวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของพวกลิงกังจอมซ่า
    ที่อยู่ดีๆก็แหกกฎวิวัฒนาการ แซงสัตว์โลกอื่นๆขึ้นมาหน้าตาเฉย

    เหตุการณ์นั้นเิกิดขึ้นมาเนิ่นนาน....
    ก่อนที่พวกลิงจะเข้ามาเครมว่าโลกนี้เป็นของข้าแต่ผู้เดียว
    ขุด ทำลาย สะสม ทุกอย่างบนโลก ให้เป็นของตนเอง
    สปีชี่อื่นใดเป็นเพียงอาหาร สัตว์เลี้ยง และเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
    ทำลายได้แม้แต่พวกเดียวกันเอง
    พฤติกรรมไม่ต่างกับบรรพบุรุษ
    เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบภายนอกไปเท่านั้น
    (โดนตัวเองด้วยเลย 555)

    ข่าวลือที่ว่า มันกำลังกลับมา
    และพุ่งตรงมาทางนี้
     
  2. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    มาวันนี้หลายคนยังถกเถียงกันไม่จบ
    ว่ามันจริงหรือลวง

    บางคนเชื่อจนชีวิตไม่ปกติสุข
    เพราะเกรงว่าสิ่งที่ตนอุตส่าห์สะสมกันมา
    มาจะมลายหายไปในพริบตา
    แม้แต่ชีวิตตนเอง

    บางคนไม่เชื่อ
    คอยแต่ถากถางผู้อื่น
    ถามหาหลักฐานเพื่อยืนยัน
    แต่ก็ยังคงเงี่ยหูฟังตลอดเวลา
    กลบปิดความกลัวไปวันๆ

    บางคนนั่งดูเงียบๆ
    เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ
    รอคนมาป้อน เหมือนลูกนกคอยอาหาร
    ถ้ามันจริงจะได้เผ่นก่อน
    ถ้าไม่จริงก็ไม่เปลืองตัว

    แต่ทางที่ดีหากต้องสนใจไปกับมัน
    การค้นหาข้อมูลทั้งสองด้านยังคงจำเป็นอยู่ดี
    ผู้รู้น้อย ย่อมได้รับการแนะนำ
    ผู้รู้มาก ย่อมได้ข้อมูลดิบไปวิเคราะห์

    เมื่อเอาข้อมูลล่าสุดจากหอดูดาวมาแช่ภาพนิ่ง
    มีความสอดคล้องบางประการ
    กับข่าวลือก่อนหน้า

    nbr1.jpg

    เมื่อปรับแต่ง ตำแหน่งและจำนวนของสิ่งที่เห็น
    ใกล้เคียงกันโดยบังเอิญ

    nbr1e1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2011
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลิงกัง หรอ เนี่ย อิอิ

    โดนด้วยเหมือนกัน แต่เจ๊ เป็น ลิงโฮโมซาเปี้ยน วงค์ มองโกเลี่ยน

    แต่มีข่าวลือ อีกแระ ว่าต่อไป อาจจะวิวัฒน์ต่อไปอีก เป็น โฮโม สปิริจวลลิส หรือ

    โฮโม เอ๊กซเซลเล้นซ์ ว่ากันไปโน่น เลยทีเดียว อ่านสนุกดี เลย แฮฟ มาฝากกัน เนาะ

    จากโฮโม ซาเปียนส์ สู่ โฮโม สปิริจวลลิส

    เมื่อปี พ.ศ. 2535 ผู้เขียนได้ไปพูดที่ธรรมศาสตร์ เรื่องอะไรจำไม่ได้และไม่มีความสำคัญกับบทความนี้ที่อาจเกี่ยวข้องกันกับความคิดของ ดร.สุวินัย ภรณวิไล ที่พูดในทำนองว่า มนุษยชาติกำลังเปลี่ยนแปลงที่ภายใน และการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราได้เผ่าพันธุ์ของมนุษย์พันธุ์ใหม่ที่ ดร.สุวินัยเรียกว่าโฮโม ซาเปียนส์ เอ็กเซ็ลเลนส์ นั่นใกล้เคียงกับมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ ซึ่งใครต่อใครคิดว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการต่อไปในอนาคต เช่น ปีเตอร์ รัสเซลล์ ลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของนักฟิสิกส์ใหญ่มากๆ ที่ชื่อสตีเฟนร์ ฮอว์กิง ผู้พิการ สมญาทายาทของไอน์สไตน์เรียกว่าโฮโม ซาเปียนส์ ซาเปียนส์ ซาเปียนส์ หรือมนุษย์ผู้ฉลาด ฉลาด และฉลาด อันเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ที่จะวิวัฒนาการขึ้นมาในเร็วๆ นี้ นั่นคือ โฮโม ยูนิเวอซาลิสต์ ของบาบารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด ที่ได้ที่หนึ่งในการตั้งชื่อมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ และการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นที่จิตวิญญาณ (spirituality) ซึ่งไม่ว่า ดร.สุวินัย ภรณวิไล จะได้อ่านการตั้งชื่อการเปลี่ยนแปลงของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอนาคตหรือไม่? ก็ต้องถือว่า ดร.สุวินัยเป็นนักอนาคตศาสตร์ที่สนใจอย่างจริงจังต่อการวิวัฒนาการของมนุษย์ในอนาคตที่ใกล้ๆ ผู้หนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการ (transformation) นี้จะต้องเป็นเรื่องทางจิตหรือจิตวิญญาณ จึงได้ตั้งชื่อมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ว่าโฮโม เอ็กเซ็ลเลนส์ หรือ “ผู้ประเสริฐ” ที่พิเศษที่สุด
    เมื่อวันก่อนนี้ผู้เขียนได้พูดถึงว่าโลกต้องการคนที่มีวิวัฒนาการทางจิตสู่จิตสำนึกใหม่ - ที่สูงถึงระดับธรรมจิตหรือจิตวิญญาณ (spirituality) - วันนี้และเดี๋ยวนี้อย่างฉุกเฉินและด่วนจี๋เลย และที่คนไทยกลุ่มหนึ่งได้ก่อตั้งชมรมจิตวิวัฒน์ขึ้นมาเมื่อกว่า 7 ปีก่อนก็เพื่อการณ์นั้น ทั้งนี้ ก็เพราะว่าโลกเรากำลังเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติที่รุนแรง ไม่ว่าน้ำท่วม ดินถล่ม พายุร้าย ฯลฯ แต่สาธารณชนคนทั่วไปโดยเฉพาะคนไทย - และคนในประเทศกำลังพัฒนาหรือคนในประเทศเพิ่งพัฒนาใหม่ของเอเชีย - ไม่สนใจเท่าที่ควรหรือไม่รู้เสียด้วยซ้ำ รวมทั้งแม้แต่บางคนของสมาชิกของชมรมเองที่ทำให้สมาชิกบางคนต้องลาออกไป โดยระบุกับผู้เขียนว่าสมาชิกของชมรมบางคนยังไม่ค่อยเข้าใจวิวัฒนาการทางจิตและจิตสำนึกใหม่ที่นักจิตวิทยาทั่วไปยอมรับกันพอ
    ก่อนที่เราจะพูดกันเรื่องวิวัฒนาการของชีวิตในอนาคต - ในที่นี้มนุษย์ - ในโลกและในจักรวาลที่มี 2 ด้าน คือวิวัฒนาการทางด้านรูปหรือกาย (ชีววิทยา) ที่ผู้เขียนคิดว่าจบแล้วหรือใกล้จบเต็มทีแล้ว กับทางด้านจิตหรือนามที่พุทธศาสนาบอกว่าเป็นสิ่งเดียวกัน และทั้งทางด้านรูปหรือกายกับจิตหรือนามจะวิวัฒนาการไปด้วยกันเป็นพลวัตที่ต่อเนื่อง (dynamicity of psycho-physical components) ผู้เขียนขอพูดถึงเรื่องส่วนตัวและวิวัฒนาการทางจิตตอนที่ยังเป็นเด็กที่อาจเกี่ยวข้องกันก็ได้ คือ เด็กในชนบทที่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ ในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งอยู่ห่างไกลเมืองหลวงมากที่สุด คือไกลถึงกว่า 1,100 กิโลเมตร ซึ่งในกว่า 75 ปีก่อนนั้นมันห่างไกลจริงๆ ในเวลานั้นการเดินทางเสียเวลามากและแพงมาก และการเดินทางก็แทบว่ามีเส้นทางเดียวคือ ทางรถไฟ นั่นคือเส้นทางคมนาคมที่ติดต่อกันระหว่างกรุงเทพฯ กับนราธิวาสเป็นประจำ - อีกทางหนึ่งคือทางเรือกลไฟทางทะเล ซึ่งไม่แน่นอน ปกติใช้ขนสินค้าที่รอได้ อาจจะมีเดือนละครั้งขึ้นกับสินค้า ซึ่งมียางพารากับมะพร้าวเป็นสำคัญ - แต่รถไฟด่วน (กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ และหาดใหญ่-กรุงเทพฯ) นั้นจะมีสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แถมต้องมาขึ้นรถด่วนที่หาดใหญ่ ซึ่งเดินทางโดยรถไฟเหมือนกันที่มีทุกๆ วัน แต่จอดทุกสถานี รถไฟขบวนนี้มาจากสุไหงโก-ลกผ่านมาที่สถานีรถไฟตันหยงมัส ผู้โดยสารจากนราธิวาสที่จะไปกรุงเทพต้องรอขึ้นรถไฟที่นี่ นั่นคือรถไฟด่วนสายใต้จะคอยอยู่ที่หาดใหญ่เพื่อรับผู้โดยสารที่ขึ้นมาจากสามจังหวัดใต้ที่สุดของประเทศสยามในตอนนั้นซึ่งจะมาถึงหาดใหญ่ ฉะนั้นผู้โดยสารจากนราธิวาสจะเสียเวลาเกือบทั้งวันอีกต่างหากเพื่อที่จะขึ้นรถด่วนเพื่อไปกรุงเทพฯ และจะไปถึงที่นั่นประมาณเช้าวันรุ่งขึ้น หรือถึงที่พักจริงๆ เกือบ 3 วันเต็มๆ ที่เขียนมายาว เพราะอยากบอกว่ามันไกลและเสียเวลาจริงๆ กว่าจะได้อ่านหนังพิมพ์สยามราษฎร์หรือศรีกรุงที - ที่บ้านรับทั้ง 2 ฉบับที่อ่านทุกตัวเลย ซึ่งหนังสือพิมพ์ก็จะมีแต่เรื่องพงศาวดารจีนเป็นหลัก - ก็ผ่านไป 3-4 วันแล้ว
    ในตอนขึ้นชั้นมัธยม 2 ใหม่ๆ อายุยังไม่ทัน 8 ขวบดี ผู้เขียนรู้สึกว่ามีอะไรได้เปลี่ยนแปลงไปจากนิสัยเดิมๆ ของผู้เขียนเล็กน้อย - อาจจะเป็นเพราะเรียนเร็วสำหรับเด็กในชนบทที่ห่างไกลจริงๆ หรืออาจเพราะเข้าวัยครบอายุ 7 ขวบเต็มๆ อย่างที่ฌ็อง เปียเจต์ วิจัยไว้ก็ได้ (ซึ่งสอดคลองโดยหลักการทั้งของฟรอยด์และจุง) - ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กจะเปลี่ยนจาก “วัตถุที่เกิดจากมายากล (magic) แยกกันไม่ได้” เป็น “วัตถุที่จิตตนสร้างขึ้น (mythic)” เป็น “วัตถุที่เป็นรูปกายจริงๆ” (จากดวงจันทร์มายากลแยกจากตัวเอง ไม่ได้เป็นดวงจันทร์ที่เดินตามที่จิตสั่งมา เป็นดวงจันทร์ที่เป็นรูปที่ทุกคนเห็นเหมือนๆ กัน รวมผู้เขียนกับผู้อ่าน) นั่นคือครั้งแรกที่เด็กเรียนรู้ความจริงของโลกตามที่ตาตนเองและคนอื่นเห็น จึงเข้าใจว่าสิ่งที่ตนเห็นที่คนอื่นย่อมเห็นเหมือนๆ กันนั้นเป็นความจริงที่แท้จริง การเปลี่ยนแปลงที่ว่ารวมทั้งการเห็นเด็กคนอื่นที่โตกว่าหรืออายุมากกว่าตัวเอง 3 หรือ 4 ปี ทำให้พฤติกรรมกับการมองโลกมองสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงแยกตัวเองออกไปจากเด็กที่มีอายุต่างกัน แต่อยู่ชั้นเดียวและห้องเดียวกับคนอื่นๆ ยังจำได้แม่นยำว่าในช่วงเวลานั้นผู้เขียนมักชอบปลีกตัวไปอยู่คนเดียว และเปิดนิทานอีสป ดูเฉพาะเรื่องเดียวอยู่นั่นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปภาพที่ประกอบเรื่องภายหลังที่ฝนตกพายุกระหน่ำอย่างรุนแรง ภาพขาว-ดำธรรมดาๆ ที่แสดงว่าพายุและฝนที่ตกมาก่อนหน้านั้นมีความรุนแรงเพียงใด ภาพได้แสดงอุทาหรณ์ว่าแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงโตใหญ่ก็ยังหักโค่นด้วยลมพายุอันรุนแรงล่องลอยอยู่ในบึงที่มีน้ำนิ่งใสแจ๋ว ในขณะที่ต้นหญ้าที่อ่อนแออยู่ชายบึงกลับไม่เป็นอะไรเลย ภาพประกอบนี้มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับเด็กวัย 7 ขวบ เพราะจำได้อย่างแม่นยำว่าผู้เขียนบ่อยครั้งที่ไม่ยอมกินมื้อกลางวัน เพราะมัวดูอยู่กับภาพในหนังสือนิทานอีสปภาพนั้น ซึ่งคงไม่ใช่เพราะต้นไม้ที่แข็งแรงใหญ่โตต้านแรงลมไม่ไหว เปรียบกับต้นหญ้าที่อ่อนแอที่ไหวตัวตามแรงลม แต่เป็นเพราะลึกๆ ที่จิตใต้สำนึกในตอนนั้นน่าจะเป็นเพราะรักสันติมากกว่า เนื่องจากเป็นเด็กที่ตัวเล็กและอ่อนแอเกือบที่สุดทั้งโรงเรียนเลย และจิตใต้สำนึกนั้นก็ได้ผลักดันให้ผู้เขียนรักความยุติธรรม แต่คนทั่วๆ ไปที่ไม่คิดจึงไม่รู้และเรียกว่าขี้ขลาด ผู้เขียนถึงได้เกลียดความรุนแรง รักสันติมาก และขี้ขลาดจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้
    ผู้เขียนชอบพูดถึงสิ่งที่ใหญ่ที่สุด เช่น จักรวาล โดยเฉพาะจักรวาลที่มีโลกเรา มีสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ มีชีวิต มีมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา ที่พูดหรือเขียนเรื่องที่ใหญ่กับไกลตัวขนาดนั้นอาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกที่ต้องการความอยู่รอดปลอดภัยให้กับตัวเองในฐานที่แทบจะเป็นเด็กตัวเล็กที่สุดและอ่อนแอที่สุดในโรงเรียนหรือเป็นคนขี้ขลาดอย่างว่า เพราะว่าการพูดการเขียนเรื่องระดับโลกระดับจักรวาลปลอดภัยดี จึงไม่ชอบเขียนอะไรที่เกี่ยวกับคนไทยหรือประเทศไทย รวมทั้งสังคมไทยกับระบบทั้งหมดที่ใช้บังคับ ควบคุมลงโทษหรือให้รางวัลมนุษย์คนไทย - ไม่ว่าระบบสังคม กฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ ที่ผิดธรรมชาติทั้งหมดเลยโดยไม่มีข้อยกเว้น (ผิดธรรมชาติคือผิดทั้งหมด เนื่องจากมนุษย์ยังไม่ได้มีวิวัฒนาการทางจิตซึ่งช้ากว่าทางกาย แถมเรายังเป็นศัตรูกับธรรมชาติ รักแต่ตัวเองกับมนุษย์เท่านั้น) แต่ที่พูดนั้นมีข้อแม้ คือพูดเพราะยังเป็นคนไทย เกิด อยู่ มีครอบครัวในไทย คือมีกำพืดเหมือนกัน
    วิวัฒนาการทางจิตจากโฮโม ซาเปียนส์ ไปสู่โฮโม สปิริจวลลิส หรือโฮโม เอ็กเซเลนส์ ของ ดร.สุวินัยนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ไม่ใช่เป็นธรรมชาติ หากเกิดจากเราเร่งให้เกิดขึ้นหลังจากความล่มสลายของระบบนิเวศที่จะต้องเกิดในยิ่งกว่าเร็วๆ นี้
    จักรวาลนั้นมีหน้าที่กับความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียว คือวิวัฒนาการของทุกๆ สิ่งที่อยู่ข้างในและมีลักษณะหรือคุณสมบัติอย่างเดียวเหมือนกัน คือ อนิจจตา วิวัฒนาการขั้นต่อไปของกายนั้นดังที่ได้พูดมาแล้วว่าจบสิ้นแล้วสำหรับผู้เขียน หรือใกล้จบแล้วสำหรับนักจิตวิทยาบางคนที่สมองจะต้องมีปรี-ฟรอนตัล (pre-frontal) ชัด และต้องมีวิวัฒนาการของสังคมดีกว่านี้ พูดง่ายๆ คือ มีจิตวิญญาณและมนุษยสัมพันธ์ระหว่างกัน ระหว่างเชื้อชาติ ภาษาและวัฒนธรรม โดยเฉพาะต่างศาสนา-อุดมการณ์
    อนิจจตาหรือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องอยู่คู่กับจักรวาลนี้ (ที่นักจักรวาลวิทยาใหม่ และความจริงทางควอนตัมบอกว่าจักรวาลนั้นมีจำนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด) หรือเป็นจักรวาลขนานที่มีมิติมากกว่านี้ตราบเท่าไม่ใช่มิติที่ 10 (ที่นักจักรวาลวิทยาใหม่บางคนเชื่อว่าเป็นมิติของนิพพาน หรืออยู่ข้างนอกจักรวาล) ที่ทางลัทธิพระเวทกับพุทธศาสนาเรียกว่าสังสารวัฏ ผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่า หากเราไม่บ้าวัตถุกับเทคโนโลยีส่วนใหญ่มาก ไม่มีวิทยาศาสตร์กายภาพ ไม่มีระบบเศรษฐกิจทุนนิยมการตลาดเสรีเอฟทีเอ เราอาจจะมีวิวัฒนาการทางจิตไปตามสเปคตรัมตามธรรมชาติได้ แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว สายเกินไปเสียแล้ว ประชากรโลกได้มากเกินไปเพียงในช่วง 50 ปี แค่ครึ่งชีวิตของผู้เขียนประชากรโลกก็เพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 4,000 ล้านคน ที่โลกเราจะรองรับได้คือเกินไปมากนัก กระทั่งโลกธรรมชาติติดลบไปเกือบ -30% ซึ่งโลกจึงต้องสูญเสียประชากรไปอีกมากนักภายในเวลาที่เร็ววันอย่างที่สุด ไม่มีทางอื่นจริงๆ
    อย่าได้กลัวการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ไปจากโลกนี้เลย ซึ่งแม้แต่ในพันๆ ปีจากวันนี้ก็ไม่มี หนังสือที่ขายดิบขายดีของเซอร์มาร์ติน รีส ประธานราชสมาคมฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของอังกฤษเมื่อ 3-4 ปีก่อน แม้จะทำนายไว้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ไปจากโลกภายในศตวรรษนี้ แต่ไม่ได้พูดถึงหลักการทางควอนตัมที่สำหรับผู้เขียนเชื่ออย่างมั่นใจว่าแทบจะไม่มีทางผิดเลย แต่ผู้เขียนกลับไปเชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงในเครือจักรภพอังกฤษที่เล่าไปหลายหนแล้ว นักชีวเคมีที่ชื่อว่า เจมส์ ลัฟล็อก ที่แก่กว่าผู้เขียนอีก คือทำนายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่ามนุษยชาติทั้งเผ่าพันธุ์เลยจะตายไปมากๆ จนเหลือรอดตายเพียง 18% เท่านั้นภายในทศวรรษที่ 2020-2040 นี้ใกล้เคียงกับที่ผู้เขียนคาดการณ์ไว้ทางวิทยาศาสตร์เหมือนกันและใกล้เคียงกันที่องค์การนาซาคำนวณไว้ ผู้เขียนเชื่อค่อนข้างมากในทางจิตซึ่งใกล้เคียงกับทางศาสนาและศาสนาก็ใกล้เคียงกับควอนตัมฟิสิกส์อีกที่ส่วนหนึ่งละเอียดมาก และทำงานคล้ายๆ กับจิตที่ผู้เขียนเชื่อมากกว่าหยาบหรือแม็คโครของวิทยาศาสตร์กายภาพ ในทางจิตนั้นทางเผ่ามายาอินเดียนแดงส่วนใหญ่ พุทธศาสนา และศาสนาใหญ่ๆ ต่างบอกเหมือนๆ กันว่า ปี 2012 ปลายปีเป็นปีที่ต้องระวัง ลัทธิพระเวทบอกไว้ชัดว่า ยุคนี้คือกลียุคเป็นยุคที่ 4 ยุคสุดท้ายที่ตรงกับยุคที่ 4 สุดท้ายของอินเดียนแดง เช่น เผ่าโฮปี
    เราต้องเรียนรู้ แม้ว่าวันนี้เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่สายเกิน เราต้องปฏิบัติจิตปฏิบัติ ธรรมปฏิบัติสมาธิกัน เดี๋ยวนี้เลย ถึงน้ำจะท่วมก็ปฏิบัติได้ ผู้ปฏิบัติศาสนาส่วนใหญ่จะรอดหรือเข้าใจ เราต้องรู้ว่าเรากำลังแผ้วทางเส้นทางธรรมชาติสู่โฮโม สปิริจวลลิสอยู่.

    จากโฮโม ซาเปียนส์ สู่ โฮโม สปิริจวลลิส | ไทยโพสต์
     
  4. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    เพียงแค่รอเวลาว่า...
    เมื่อไหร่จะประจักษ์แก่อายตนะของตนเอง

    nbr2.jpg
    nbr2e1.jpg
     
  5. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    โห เจ๊ขวัญ อยู่ตลอดเลยนะเนี่ย
    อุตส่าห์แอบมาปั่นกระทู้กลับไปหน้าแรก
    5555
     
  6. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    ไม่ว่าวันนั้นจะให้ผลออกมาอย่างไร
    หรือมาถีงเมื่อไหร่
    โลกจะแตก ดีเอนเอจะสลาย
    หรือได้แปลงร่างเป็นมนุษย์โคมเขียว
    กระทู้นี้จะยังคงอยู่ไปจนผู้จัดการเวบหมดกะตังค์ อิอิ

    nbr3.jpg
    nbr3e1.jpg

    เฮ้อ...อุตส่าห์ขึ้นมาแบบเท่ๆ บู๊ลิ้มๆ
    ไหงตอนจบ ออกแนวคาเฟ่ไปได้
    ชาตินี้คงเปงนักวิชาเกินไม่ได้ซะแร้วเรา
    จบดีก่า ได้ปั่นกระทู้สมใจแระ
     
  7. ควายเผือก

    ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
    ทั้งสองท่านเลยนะ รีบไปหาข้อมูลมาเดี๋ยวนี้ ให้ไว ให้ไว

    ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับ ที่หาข้อมูลดีๆมาให้ ติดตามตลอด ครับ :cool:
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ซะงั้น นะ...คุงควายเผือก หุหุ

    [​IMG]....
     
  9. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    มนุษย์โลก มาจากที่เดียวกันกับเอเลี่ยน มาเล่นหนังตะลุงตุงแช่ให้เหล่าผู้ถือเกมส์ไพ่ดูเล่นๆ

    พวกเขากำหนดให้มีรูปร่าง มีความคิด แต่ปิดกั้นที่มาแห่งตัวตนของเรา บ้างมัวเมา บ้างเมามันกับการใช้ชีวิตที่เส็งเคร็ง ขณะที่พวกท่านผู้ปั้นแต่ง สนุกเริงร่ากับเกมส์ชีวิตมนุษย์[ คนกลุ่มหนึ่งหาทางหลุดพ้นตามแนวทางพระศาสดา อีกหลายกลุ่มยังเมามันกับการสนองกิเลสกายธาตุ จึงยังเกิดความยุ่งเหยิงบนโลกอย่างไม่รู้จบ ความมันส์จึงเกิดขึ้นตรงนี้

    ในห้วงชีวิตคนหนึ่งๆพอครบวาระ ก็จะถูกส่งกลับไปที่ๆเรามา โดยที่เราไม่สามารถจจะขัดขืนได้ ผู้ทำตัวดีในสายตาท่านอาจได้ไปในที่ๆท่านคิดว่าน่าให้ไป ผู้ที่ทำไม่ดีโดยความไม่รู้ อาจแยกไปอีกที่รอเวลาให้มาเล่นใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้ในมิติแห่งภพ

    ผู้ที่อยู่ในโลกมนุษย์บ้างเข้าใจ บ้างงงวยกับการกระทำอันนี้ เรามาจากไหน มาอยู่นี่ได้อย่างไร มีภัยพิบัติ มีเปลี่ยนยุค ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามที่เขาจะไห้เป็น เพราะเราคือหมากๆตัวหนึ่ง คือผู้ที่ถูกเล่นโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่


    ทุกอย่างบนโลกจึงไม่ใช่ความผิดพลาดของใคร แต่เป็นเกมส์ของผู้ที่สามารถกำหนดไห้เราเกิด เราเป็น เราจึงอยู่กับความไม่รู้ทั้งชีวิต อยู่ในเกมส์ชัดๆ

    การปิดกั้นไม่ให้รู้ที่มาของตัวตนของมนุษย์ จึงทำให้มีการกระทำและการค้นหาไม่จบสิ้น
     
  10. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    จัดปายยยย ยำกันอีกหน่อยละกัน

    โดยปกติการหมุนรอบตัวเองของโลก
    มีการส่ายเป็นปกติอยู่แล้ว
    ถ้าติดตามกันมา
    ผมเคยเอารูปการเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง(ทางตะวันตก)
    ของดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนไปทางใต้
    มากขึ้นเรื่อยๆ
    คำถามคือ มันเป็นเหตุการณ์ปกติ??
    คำตอบที่แน่ชัดคือ ไม่ใช่
    เพราะเลยเงื่อนเวลาของการย้ายตำแหน่ง
    ของ ตะวันอ้อมข้าว มาไกลแล้ว

    คำถามต่อมา
    ในเมื่อมันขยับตำแหน่งไปทางใต้เรื่อยๆ
    หมายถึงอะไร??
    ระหว่างโลกกำลังพลิกตัวหรือกำลังส่าย??
    แล้วทิศตะวันออกเกิดอะไรขึ้นบ้าง??

    เราอาจพิสูจย์ได้จากของฟรีที่มีอยู่
    GoogleEarth....

    ภาพแรกเป็นการเิกิดเงากลางคืนในช่วงเช้า

    gg1e.JPG

    ผมลากแนวแกนให้ดูได้ชัดเจนขึ้น
    ภาพที่สองเป็นช่วงเย็น

    gg2e.JPG

    จะเห็นว่าแนวทั้งสองต่างกันมาก
    หากนับข้อมูลของการย้ายตำแหน่งของดวงอาทิตย์เข้ามาด้วย
    จะเห็นความสอดคล้องของข้อมูล
    และพอสรุปได้ว่า
    โลกกำลังขาดสมดุลย์
    และเกิดการเหวี่ยงตัวเองออกจากแนวแกนหลัก
    มากขึ้นเรื่อยๆ

    ทีนี้คำถามที่ควรถามต่อไป...
    ถ้ามันเหวี่ยงตัวเองมากขึ้นและมากขึ้น
    ด้วยอัตราเร่งขนาดนี้ จะเกิดอะไรขึ้น???

    และอีกคำถามที่น่าสนใจ
    ว่า....
    สาเหตุอะไรที่ทำให้โลกเกิดการเสียสมดุลย์??
    การไหลกลับของกระแสน้ำในมหาสมุทร??
    หรือ....พลังงานจากภายนอกโลก???
    (ด้วยข้อมูลจากนาซ่า ออกมายอมรับว่า
    เมื่อไม่กี่ปีนี้ วงโคจรดาวเคราะห์รอบนอกระบบสุริยะ
    ถูกพลังงานบางอย่างรบกวนให้ผิดปกติ
    โดยอ้างว่าไม่สามารถหาสาเหตุได้)

    และตอนนี้ โลกออกอาการถูกรบกวน
    เสียสมดุลย์มากขึ้น เกิดภัยพิบัติถี่ขึ้นผิดปกติ
    เราอาจคิดได้ว่า อาจเป็นพลังงานชุดเดียวกันนี้
    ผ่านเข้ามาในวงแหวนชั้นใน เรียบร้อยแล้ว

    แต่ ไม่ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะำไร
    ปรากฎการณ์ผิดปกติ ได้เิกิดขึ้นแล้ว
    เชื่อมโยงเข้ากับอายตนะของเราได้บ้างแล้ว
    ไม่มากก็น้อย

    ...นะจ๊ะ

    ไปละ
     
  11. cjundee2

    cjundee2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +71
    ขอบคุณครับผม สำหรับข้อมูลดีดีแบบนี้
     
  12. TREETORN

    TREETORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +199
    ขอบคุณ คุณAmpeerA ครับ ข้อมูลนี้ตอบคำถามในสิ่งที่ผมสงสัยมาหลายสัปดาห์ ว่าทำไมดวงอาทิตย์จึงขึ้นและลงในทิศทางที่ค่อนขึ้นไปทางเหนือ แต่ในเวลากลางวัน ตำแหน่งอยู่เกือบตรงหัวซึ่งดูเหมือนปกติ จะค่อนขึ้นเหนือเฉพาะช่วงตอนเช้า และตอนเย็น สีของแดดก็เหมือนตะวันอ้อมในฤดูหนาว
     
  13. ควายเผือก

    ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
    คุณ ขวัญ -------- คุณ แอมป์ รีบไปหาข้อมูลมา พี่น้องรออ่านอยู่ อย่าช้า อย่าช้า

    ---------------------------------------------------

    ขอบพระคุณครับ สำหรับเวลาที่ทั้ง 2 ท่านสละให้ กับพี่น้อง กระผมก็ติดตามอ่านอยู่ตลอด ครับ ขอบคุณครับ
     
  14. b0abb0bi

    b0abb0bi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +80
    [FONT=&quot]น่าสนใจมากครับคุณ Ampeer แต่ผมไปค้นข้อมูลมา มันมีอันหนึ่งครับคือ Summer solstice "[/FONT][FONT=&quot]ซีก โลกเหนือจะหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น แสงอาทิตย์จะตกกระทบตั้งฉากลงบนพื้นที่บนซีกโลกด้านนี้ ทำให้ได้รับพลังงานความร้อนมากกว่า จึงเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อน กลางวันจะยาวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน แกนโลกจะชี้เข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกค่อนไปทางเหนือมากที่สุด เรียกว่า [FONT=&quot]อุตรายัน[/FONT](Summer solstice) วันนี้จะเป็นวันที่ยาวที่สุดในซีกโลกเหนือ และสั้นที่สุดในซีกโลกใต้ เป็นวันเริ่มต้นของฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ และฤดูหนาวของซีกโลกใต้ หลังจากวันนี้ ดวงอาทิตย์จะชี้แกนเข้าหาดวงอาทิตย์น้อยลง "[/FONT]
    ไม่ทราบว่าที่คุณ Ampeer สังเกตมามันจะเกี่ยวกับตรงนี้มั้ย หรือว่ามันผิดปกติกว่าที่ควรจะเป็นผลมาจากแค่ Summer solstice
    ตอนนี้ผมก็เห็นข้อมูลเยอะเหมือนกันที่บอกว่า พระอาทิตย์ขึ้นค่อนไปทางเหนือมากช่วงนี้
    2-3 วันนี้ก็ลองใช้เข็มทิศวัดดู ดวงอาทิตย์ขึ้นค่อนทางเหนือมากเลยครับ
    แต่พอจะตั้งข้อสังเกตแบบชัดๆว่ามันผิดปกติ ก็ไปเจอข้อมูล Summer solstice นี่ล่ะครับ และมันก็ตรง 21 มิถุนายนพอดีด้วย
    ครับ ช่วยๆหาข้อมูลร่วมกันก็ดีครับ จะได้วิเคราะห์แยกแยะให้ชัดๆ
    ขอบคุณครับ
    [FONT=&quot]
    การขึ้นและการตกของดวงอาทิตย์
    [/FONT]
    u[FONT=&quot]เนื่องจากแกนหมุนของโลกเอียง ดวงอาทิตย์จึงไม่ได้ขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกทุกวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น [/FONT]
    u[FONT=&quot]ในฤดูหนาวดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และตกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยอยู่ทางใต้มากที่สุดในช่วงฤดูหนาว ในฤดูร้อนดวงอาทิตย์ขึ้นตะวันออกเฉียงเหนือ และตกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยอยู่ทางเหนือมากที่สุดในช่วงฤดูร้อน
    [/FONT]
    u[FONT=&quot]ถ้าเราสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในแต่วัน เราจะพบว่า มีน้อยวันในรอบปีที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกตรงกับทิศตะวันออกและตะวันตกพอดี โดยมากดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกเบี่ยงออกไปไม่ทางเหนือก็ทางใต้ ตำแหน่งของดวงอาทิตย์เมื่อเปรียบเทียบกับดวงดาว จึงเหมือนกับเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งต่างๆบนท้องฟ้า ตามเส้นที่เรียกว่า [/FONT][FONT=&quot]สุริยะวิถี[/FONT] (Ecliptic) เส้นสุริยะวิถีจะทำมุม 23.5 องศากับเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า (Celestialequator) การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของดวงอาทิตย์นี้แท้ที่จริงแล้วเกิดขึ้นเนื่องจากการเอียงของแกนโลกเป็นมุม 23.5 องศากับเส้นตั้งฉากกับระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ โดยแกนของโลกจะชี้ไปที่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา ซึ่งก็คือตำแหน่งใกล้กับดาวเหนือ นั่นเอง ดังนั้นในระหว่างที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ บางเวลาแกนโลกจึงเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ และในบางเวลาก็เอียงออกจากดวงอาทิตย์

    u[FONT=&quot]วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกทางทิศตะวันออกและตะวันตกพอดีเราเรียกว่า[/FONT][FONT=&quot]วิษุวัต ([/FONT]Equinox) โดยในแต่ละปีจะมีเพียง 2 วันเท่านั้น คือวันที่ 21 มีนาคม เรียกว่า [FONT=&quot]วสันต[/FONT][FONT=&quot]วิษุวัต([/FONT]Vernalequinox) ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิทางซีกโลกเหนือ (หรือฤดูใบไม้ร่วงทางซีกโลกใต้) และวันที่ 23 กันยายน เรียกว่า [FONT=&quot]ศารทวิษุวัต[/FONT] (Autumnalequinox) ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงทางซีกโลกเหนือ (หรือฤดูใบไม้ผลิทางซีกโลกใต้) ในวันทั้งสองนี้ แกนโลกจะอยู่ในระนาบตั้งฉากกับรัศมีจากดวงอาทิตย์พอดี ทำให้กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน หรือ เรียกว่า [FONT=&quot]มัธยมกาล[/FONT] ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์เท่าๆกัน
    [FONT=&quot]เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากวันที่ 21 มีนาคม โลกจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป ทำให้แกนโลกชี้เข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกค่อนไปทางเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ ซีกโลกเหนือจะหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น แสงอาทิตย์จะตกกระทบตั้งฉากลงบนพื้นที่บนซีกโลกด้านนี้ ทำให้ได้รับพลังงานความร้อนมากกว่า จึงเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อน กลางวันจะยาวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน แกนโลกจะชี้เข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกค่อนไปทางเหนือมากที่สุด เรียกว่า [FONT=&quot]อุตรายัน[/FONT](Summer solstice) วันนี้จะเป็นวันที่ยาวที่สุดในซีกโลกเหนือ และสั้นที่สุดในซีกโลกใต้ เป็นวันเริ่มต้นของฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ และฤดูหนาวของซีกโลกใต้ หลังจากวันนี้ ดวงอาทิตย์จะชี้แกนเข้าหาดวงอาทิตย์น้อยลง [/FONT]​
    [FONT=&quot]จนกระทั่งถึงวันที่ 21 กันยายน แกนโลกจะอยู่ในระนาบตั้งฉากกับรัศมีจากดวงอาทิตย์ กลางวันจะเท่ากับกลางคืน หลังจากนั้นแกนโลกจะค่อยๆชี้ออกจากดวงอาทิตย์ ในซีกโลกเหนือกลางวันจะสั้นขึ้นเรื่อยๆ และจะสั้นที่สุดในวันที่ 22 ธันวาคม หรือ [/FONT][FONT=&quot]ทักษิณายัน[/FONT](Vernalsolstice) ในวันนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นค่อนไปทางใต้มากที่สุด เป็นการเริ่มต้นของฤดูหนาว ส่วนทางซีกโลกใต้ วันนี้จะเป็นวันที่ยาวที่สุดและเป็นการเริ่มต้นฤดูร้อน เพราะว่าแกนโลกจะหันด้านใต้เข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้ซีกโลกใต้ได้รับความร้อนมากกว่าซีกโลกเหนือ หลังจากนี้ แกนโลกจะค่อยๆชี้เข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น วันในซีกโลกเหนือจะยาวขึ้น จนกลับมาเท่ากันในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งก็จะครบหนึ่งปีพอดี
    ข้อมูลอ้างอิง :
    http://www.google.co.th/url?sa=t&source=web&cd=4&ved=0CDUQFjAD&url=http%3A%2F%2Fstd.kku.ac.th%2F4830500452%2Fsciandmath%2F%25A1%25D2%25C3%25A2%25D6%25E9%25B9%25E1%25C5%25D0%25A1%25D2%25C3%25B5%25A1%25A2%25CD%25A7%25B4%25C7%25A7%25CD%25D2%25B7%25D4%25B5%25C2%25EC.ppt&rct=j&q=%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%20%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%20%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87&ei=uKcCTpiGGMLmrAez5vWFAw&usg=AFQjCNECIStwfUg09KhVBM3Kv1jCslb6Gw&sig2=dbKxSljdHhcT536RT0p_2Q&cad=rja
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2011
  15. ควายเผือก

    ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
    :cool: ขอบคุณครับ ข้อมูลดีๆ :cool:

    (||)(||)(||)
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    B1



    22 มิถุนายน วันที่กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี


    แกน<WBR>โลก คือ แกน<WBR>สมมุติ<WBR>ที่<WBR>ผ่าน<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>และ<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>ใต้ โลก<WBR>จะ<WBR>หมุน<WBR>รอบ<WBR>ตัว<WBR>เอง<WBR>วัน<WBR>ละ<WBR>หนึ่ง<WBR>รอบ และ<WBR>โคจร<WBR>รอบ<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>รอบ<WBR>ละ 1 ปี แกน<WBR>ที่<WBR>โลก<WBR>หมุน<WBR>ไม่<WBR>ได้<WBR>ตั้ง<WBR>ฉากกับระนาบ<WBR>ทางโคจร แต่<WBR>เอียง<WBR>จาก<WBR>แนว<WBR>ตั้ง<WBR>ฉาก<WBR>เป็น<WBR>มุม 22.5 องศา ทำ<WBR>ให้<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>หัน<WBR>เข้า<WBR>หาด<WBR>วง<WBR>อาทิตย์<WBR>ใน<WBR>เดือน<WBR>มิถุนายน<WBR> และ<WBR>หัน<WBR>ออก<WBR>ใน<WBR>เดือน<WBR>ธันวาคม ขณะ<WBR>ที่<WBR>เดือน<WBR>มีนาคม<WBR> และ<WBR>เดือน<WBR>กันยายน<WBR>จะ<WBR>หัน<WBR>ด้าน<WBR>ข้าง<WBR>เข้า<WBR>หาด<WBR>วง<WBR>อาทิตย์<WBR> ใน 1 ปี หรือ 365 วัน จึง<WBR>มี<WBR>วัน<WBR>สำคัญ 4 วัน ณ ตำแหน่ง<WBR>ของ<WBR>โลก 4 ตำแหน่ง ได้<WBR>แก่



    <CENTER>[​IMG] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>โลก 4 ตำแหน่ง</CENTER>

    1. ตำแหน่ง<WBR>ที่<WBR>ขั้ว<WBR>โลกเหนือ<WBR>หัน<WBR>เข้า<WBR>หาด<WBR>วง<WBR>อาทิตย์ ตรงกับวัน<WBR>ที่ 22 มิถุนายน ใน<WBR>วัน<WBR>นี้<WBR>ประเทศ<WBR>ไทย<WBR>จะ<WBR>เห็น<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>ขึ้น<WBR>เฉียง<WBR>ไป<WBR>ทางเหนือ<WBR>จาก<WBR>ทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ออก<WBR>มาก<WBR>ที่<WBR>สุด และ<WBR>ตก<WBR>ไป<WBR>ทางทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ตก<WBR>เฉียง<WBR>ไป<WBR>ทางเหนือ 23.5 องศา ทำ<WBR>ให้<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>อยู่<WBR>บน<WBR>ฟ้า<WBR>นาน<WBR>ที่<WBR>สุด วัน<WBR>ที่ 22 มิถุนายน<WBR>จึง<WBR>เป็น<WBR>วัน<WBR>ที่<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>ที่<WBR>สุด ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>จะ<WBR>ขึ้น<WBR>เร็ว<WBR> และ<WBR>ตก<WBR>ช้า ทำ<WBR>ให้<WBR>สิ้น<WBR>เปลือง<WBR>ไฟ<WBR>ฟ้า<WBR>เพื่อ<WBR>แสง<WBR>สว่าง<WBR>น้อย<WBR>กว่า<WBR>วัน<WBR>อื่น ๆ

    2. โลก<WBR>จะ<WBR>หัน<WBR>ด้านข้าง<WBR>เข้า<WBR>หาด<WBR>วง<WBR>อาทิตย์<WBR>ใน<WBR>เดือน<WBR>กันยายน ซึ่งตรงกับวัน<WBR>ที่ 23 กันยายน ประเทศ<WBR>ไทย<WBR>ใน<WBR>วัน<WBR>นี้<WBR>จะ<WBR>เห็น<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>ขึ้น<WBR>ตรง<WBR>จุด<WBR>ทางทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ออก<WBR>พอ<WBR>ดี<WBR> และ<WBR>ตก<WBR>ตรง<WBR>จุด<WBR>ทางทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ตก<WBR>พอ<WBR>ดี เส้น<WBR>ทางขึ้น<WBR><WBR>-ตก ของ<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>ใน<WBR>วันนี้<WBR> เรียก<WBR>ว่า เส้น<WBR>ศูนย์<WBR>สูตร<WBR>ฟ้า นอก<WBR>จาก<WBR>นี้ ละติจูด<WBR> หรือ<WBR>ตำแหน่ง<WBR>บน<WBR>ผิว<WBR>โลก<WBR>ยัง<WBR>เป็น<WBR>ตัว<WBR>แปรที่<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>กว่า<WBR>กลาง<WBR>คืน สรุป<WBR>ได้<WBR>ว่า<WBR>เมื่อ<WBR>ประเทศ<WBR>ไทย<WBR>เคลื่อน<WBR>มา<WBR>อยู่<WBR>ตำแหน่ง<WBR>นี้ ใน<WBR>วัน<WBR>ที่ 23 กันยายน ประเทศ<WBR>ไทย<WBR>จะ<WBR>มี<WBR>เวลา<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>กว่า<WBR>กลาง<WBR>คืน 7 นาที

    3. ตำแหน่ง<WBR>ที่<WBR>โลก<WBR>หัน<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>ออก<WBR>จาก<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์ ตรงกับวัน<WBR>ที่ 22 ธันวาคม ประเทศ<WBR>ไทย<WBR>ใน<WBR>วัน<WBR>นี้<WBR>จะ<WBR>เห็น<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>ขึ้น<WBR>ทางตะวัน<WBR>ออก<WBR>เฉียง<WBR>ไป<WBR>ทางใต้<WBR>มาก<WBR>ที่<WBR>สุด คือ เฉียง<WBR>ไป<WBR>ทางใต้ 23.5 องศา และ<WBR>ตก<WBR>ทางทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ตก<WBR>เฉียง<WBR>ไป<WBR>ทางใต้ 23.5 องศา ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>ขึ้น<WBR>สาย<WBR> และ<WBR>ตก<WBR>เร็ว กลาง<WBR>วัน<WBR>จึง<WBR>สั้น<WBR>ขณะ<WBR>ที่<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>จะ<WBR>ยาว ทำ<WBR>ให้<WBR>สิ้น<WBR>เปลือง<WBR>ค่า<WBR>ใช้<WBR>จ่าย สำหรับ<WBR>ไฟ<WBR>ฟ้า<WBR>เพื่อ<WBR>แสง<WBR>สว่าง<WBR>มาก<WBR>กว่า<WBR>เดือน<WBR>อื่น ๆ นอก<WBR>จาก<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>จะ<WBR>สั้น<WBR>แล้ว แสง<WBR>แดด<WBR>ที่<WBR>ส่อง<WBR>มา<WBR>ยัง<WBR>ประเทศ<WBR>ใน<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>ยัง<WBR>เฉียง<WBR>ทั้ง<WBR>วัน<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>ความ<WBR>ร้อน<WBR>แผ่<WBR>กระจาย<WBR>เป็นบ<WBR>ริเวณกว้าง<WBR>อุณหภูมิ<WBR>ต่อ<WBR>พื้น<WBR>ที่<WBR>จึง<WBR>ต่ำ นี่<WBR>คือ สาเหตุ<WBR>ที่เรียก<WBR>วัน<WBR>ที่ 22 ธันวาคม<WBR>ว่า Winter Solstice 4. ตำแหน่ง<WBR>ที่<WBR>โลก<WBR>หัน<WBR>ด้านข้าง<WBR>เข้า<WBR>หาด<WBR>วง<WBR>อาทิตย์<WBR>ใน<WBR>เดือน<WBR>มีนาคม ตรงกับวัน<WBR>ที่ 21 มีนาคม เส้น<WBR>แบ่ง<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR> และ<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>จะ<WBR>ผ่าน<WBR>ทั้ง<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>เหนือ และขั้ว<WBR>โลก ใต้<WBR> กลาง<WBR>วัน<WBR> และ<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>จะ<WBR>ยาว<WBR>เท่า<WBR>กัน<WBR>ทั่วโ<WBR>ลก ทำ<WBR>ให้<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>ขึ้น<WBR>ตรง<WBR>จุด<WBR>ทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ออก<WBR>พอ<WBR>ดี<WBR> และ<WBR>ตก<WBR>ตรง<WBR>จุด<WBR>ทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ตก<WBR>พอ<WBR>ดี แต่<WBR>เพราะ<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>มี<WBR>ขนาดใหญ่ <WBR>และ<WBR>การ<WBR>หัก<WBR>เห<WBR>ของแสง<WBR>เนื่อง<WBR>จาก<WBR>บรรยากาศของ<WBR>โลก รวม<WBR>ทั้ง<WBR> ละติจูด<WBR>ที่<WBR>แตก<WBR>ต่าง<WBR>กัน จึง<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>กว่า<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>ทั่ว<WBR>โลก

    ******************************************************
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    กลาง<WBR>วัน กลาง<WBR>คืน เป็น<WBR>ของ<WBR>คู่<WBR>กัน เมื่อ<WBR>มี<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>แล้ว<WBR>ต้อง<WBR>มี<WBR>กลาง<WBR>คืน เป็น<WBR>อย่าง<WBR>นี้<WBR>ทั่ว<WBR>โลก จะ<WBR>แตก<WBR>ต่าง<WBR>กัน<WBR>ก็<WBR>เพียง<WBR>ความ<WBR>ยาว<WBR>ของ<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ใน<WBR>แต่<WBR>ละ<WBR>แห่ง<WBR>บน<WBR>พื้น<WBR>โลก<WBR>ไม่<WBR>เท่า<WBR>กัน นอก<WBR>จาก<WBR>นี้ ช่วง<WBR>กลาง<WBR>วันกับช่วง<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>ใน<WBR>แต่<WBR>ละ<WBR>ปี<WBR>ยัง<WBR>ต่าง<WBR>กัน<WBR>ด้วย เช่น ใน<WBR>เดือน<WBR>มิถุนายน<WBR>ของ<WBR>ทุก<WBR>ปี บริเวณ<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>จะ<WBR>เห็น<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>อยู่<WBR>บน<WBR>ฟ้า<WBR>ตลอด 24 ชั่ว<WBR>โมง เห็น<WBR>อยู่<WBR>ขอบ<WBR>ฟ้า<WBR>ทิศ<WBR>เหนือ<WBR>เวลา 24 นาฬิกา ซึ่ง<WBR>เรา<WBR>เรียก<WBR>ว่า ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>เวลา<WBR>เที่ยง<WBR>คืน ที่<WBR>นั่น<WBR>จึง<WBR>ไม่<WBR>มี<WBR>เวลา<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>เลย ใน<WBR>ทางกลับกัน<WBR>ที่<WBR>บริเวณ<WBR>เดียว<WBR>กันนี้<WBR>จะ<WBR>เป็น<WBR>เวลา<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>เท่า<WBR>นั้น<WBR>ใน<WBR>เดือน<WBR>ธันวาคม

    ปรากฎ<WBR>การณ์<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>ที่<WBR>สุด<WBR>ใน<WBR>รอบ<WBR>ปี<WBR>ใน<WBR>ประเทศ<WBR>ไทย<WBR> และ<WBR>ประเทศ<WBR>อื่น ๆ ใน<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>ได้<WBR>มา<WBR>ถึง<WBR>แล้ว ใน<WBR>ปี<WBR>นี้ (พ.ศ. 2542) <WBR>วัน<WBR>ที่<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>ที่<WBR>สุด<WBR>สำหรับ<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>คือ วัน<WBR>ที่ 22 มิถุนายน<WBR>ที่<WBR>ผ่า<WBR>นมา ประเทศ<WBR>ที่<WBR>อยู่<WBR>เหนือ<WBR>ละติจูดที่ 66.5 องศา<WBR>ขึ้น<WBR>ไป จะ<WBR>มี<WBR>ช่วง<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>นาน<WBR>ตลอด 24 ชั่ว<WBR>โมง<WBR> หรือ<WBR>ที่<WBR>เรียก<WBR>ว่า พระ<WBR>อาทิตย์<WBR>เที่ยง<WBR>คืน คือ พระ<WBR>อาทิตย์<WBR>จะ<WBR>อยู่<WBR>ต่ำ<WBR>สุด<WBR>ทางทิศ<WBR>เหนือ<WBR>เมื่อ<WBR>เวลา<WBR>เที่ยง<WBR>คืน พบ<WBR>เห็น<WBR>ได้<WBR>ที่<WBR>ประเทศ<WBR>นอร์เวย์ เมื่อ<WBR>เวลา<WBR>ผ่าน<WBR>ไป<WBR>หลัง<WBR>เที่ยง<WBR>คืน<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>จะค่อย ๆ เลื่อน<WBR>ไป<WBR>ทางขวา<WBR>มือ<WBR>สูง<WBR>ขึ้น<WBR>กว่าเดิมเล็ก<WBR>น้อย ไป<WBR>ปรากฎ<WBR>ทางทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ออก<WBR>เมื่อ<WBR>เวลา 6 นาฬิกา และ<WBR>ขึ้น<WBR>ไป<WBR>สูง<WBR>สุด<WBR>เหนือ<WBR>ขอบ<WBR>ฟ้า<WBR>ทิศ<WBR>ใต้ เมื่อ<WBR>เวลา 12 นาฬิกา หรือ<WBR>เที่ยง<WBR>วัน จาก<WBR>นั้น<WBR>จะ<WBR>เลื่อน<WBR>ต่ำ<WBR>ลงไป<WBR>อยู่<WBR>ใกล้<WBR>ขอบ<WBR>ฟ้า<WBR>ทางทิศ<WBR>ตะวัน<WBR>ตก เมื่อ<WBR>เวลา 18 นาฬิกา ก่อน<WBR>ที่<WBR>จะ<WBR>กลับ<WBR>มา<WBR>อยู่<WBR>ใกล้<WBR>ขอบ<WBR>ฟ้า<WBR>ทิศ<WBR>เหนือ<WBR>เวลา 24 นาฬิกา<WBR>อีก<WBR>ครั้ง

    สำหรับ<WBR>ประเทศ<WBR>ไทย<WBR>ใน<WBR>วันอังคาร<WBR>ที่ 22 มิ.ย<WBR>. ที่ผ่านมานี้ ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>จะ<WBR>ขึ้น<WBR>เร็ว<WBR> และ<WBR>ตก<WBR>ช้า โดย<WBR>ขึ้น<WBR>ก่อน 06.00 น. และต<WBR>กหลัง 18.00 น. ทำให<WBR>้กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว<WBR>นาน<WBR>กว่า<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>ประมาณ 1 ชั่ว<WBR>โมง สาเหตุ<WBR>สำคัญ<WBR>ที่<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR> และ<WBR>กลาง<WBR>คืน<WBR>ยาว<WBR>ไม่<WBR>เท่า<WBR>กัน<WBR>ตลอด<WBR>ทั้ง<WBR>ปี เป็น<WBR>เพราะ<WBR>แกน<WBR>โลก<WBR>เอียง

    ซีก<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>และ<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>ใต้<WBR>จะ<WBR>มี<WBR>ฤดู<WBR>กาล<WBR> และ<WBR>ช่วง<WBR>เวลา<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR><WBR>-กลาง<WBR>คืน<WBR>สลับ<WBR>กัน เนื่อง<WBR>จาก<WBR>โลก<WBR>มี<WBR>แกน<WBR>เอียง ทำ<WBR>ให้<WBR>ขั้ว<WBR>โลกเหนือ<WBR>หัน<WBR>เข้า<WBR>หาด<WBR>วง<WBR>อาทิตย์<WBR>ใน<WBR>เดือน<WBR>มิถุนายน ใน<WBR>ขณะ<WBR>เดียว<WBR>กัน<WBR>ขั้ว<WBR>โลก<WBR>ใต้<WBR>ก็<WBR>จะ<WBR>หัน<WBR>ออก<WBR>จาก<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์ ดัง<WBR>นั้น ใน<WBR>เดือน<WBR>มิถุนายน<WBR>ประเทศ<WBR>ใน<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>เหนือจะ<WBR>เป็น<WBR>ฤดู<WBR>ร้อน กลาง<WBR>วัน<WBR>จึง<WBR>ยาว<WBR>กว่า<WBR>กลาง<WBR>คืน ประเทศ<WBR>ใน<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>ใต้<WBR>จะ<WBR>เป็น<WBR>ฤดู<WBR>หนาว กลาง<WBR>วัน<WBR>สั้น<WBR>กว่า<WBR>กลาง<WBR>คืน
    ฤดู<WBR>หนาว<WBR>ไม่<WBR>ใช่<WBR>เกิด<WBR>จาก<WBR>ความ<WBR>ใกล้<WBR><WBR>-ไกล ของ<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์ หากแต่<WBR>เกิด<WBR>จาก<WBR>ความ<WBR>เอียง<WBR>ของ<WBR>แสง<WBR>แดด<WBR>ที่<WBR>ตก<WBR>กระ<WBR>ทบ<WBR>ผิว<WBR>โลก<WBR>ไม่<WBR>ใช่<WBR>ระยะ<WBR>ห่าง<WBR>ของ<WBR>ดวง<WBR>อาทิตย์<WBR>จาก<WBR>โลก


    <CENTER>[​IMG]
    ฤดูหนาว</CENTER><CENTER></CENTER>
    ใน<WBR>เดือน<WBR>ธันวาคม ประเทศ<WBR>ใน<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>เหนือ<WBR>เป็น<WBR>ฤดู<WBR>หนาว<WBR>กลาง<WBR>วัน<WBR>สั้น กลาง<WBR>คืน<WBR>ยาว ประเทศ<WBR>ใน<WBR>ซีก<WBR>โลก<WBR>ใต้<WBR>จะ<WBR>เป็น<WBR>ฤดู<WBR>ร้อน กลาง<WBR>วัน<WBR>ยาว กลาง<WBR>คืน<WBR>สั้น ส่วน<WBR>เดือน<WBR>มีนาคม<WBR>และ<WBR>กันยายน จะ<WBR>เหมือน<WBR>กัน<WBR>ทั้ง<WBR>สอง<WBR>ซีก<WBR>โลก


    <CENTER>[​IMG]
    ฤดูร้อน</CENTER><CENTER></CENTER>
    ใน<WBR>ยุค<WBR>ที่<WBR>ไม่<WBR>มี<WBR>ไฟ<WBR>ฟ้า<WBR>ใช้<WBR>มนุษย์<WBR>อาศัย<WBR>แสง<WBR>จันทร์ ปัจจุบัน<WBR>เรา<WBR>สิ้น<WBR>เปลือง<WBR>พลัง<WBR>งาน<WBR>จำนวน<WBR>มาก<WBR>เพื่อ<WBR>ผลิต<WBR>กระแส<WBR>ไฟ<WBR>ฟ้า<WBR>ใช้ แต่<WBR>แสง<WBR>แดด<WBR>ยัง<WBR>ได้<WBR>ชื่อ<WBR>ว่า<WBR>เป็น<WBR>พลัง<WBR>งาน<WBR>ที่<WBR>สะอาด<WBR>ที่<WBR>สุด เพราะ<WBR>ไม่<WBR>ส่ง<WBR>ผล<WBR>กระ<WBR>ทบ<WBR>ต่อ<WBR>สิ่ง<WBR>แวด<WBR>ล้อม<WBR>การ<WBR>นำ<WBR>แสง<WBR>แดด<WBR>มา<WBR>เปลี่ยน<WBR>เป็น<WBR>ไฟ<WBR>ฟ้า จะ<WBR>เป็น<WBR>ทา<WBR>งอ<WBR>อก<WBR>ที่<WBR>ดี<WBR>ที่<WBR>จะ<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>โลก<WBR>อยู่<WBR>รอด
    เครดิต คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->joyguang1<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4796074", true); </SCRIPT> & <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->somsweet<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4796166", true); </SCRIPT>
    War Room - อาสาสมัครเตรียมการ เฝ้าระวัง ประสานงานเตรียมพร้อมช่วง พค.-มิย. 11
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​
     
  17. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    สวัสดีครับ.....พอดี...อ่านประเด็นทิศทางการขึ้นของพระอาทิตย์...เลยทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างออก.....คือ...ห้องนอนผมจะอยู่ทางทิศตะวันออกทุกเช้าก็จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อต้นเดือนมิย.นี้เอง ที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นค่อนไปทางทิศเหนือ..(โดยมีแนวบ้านใกล้เคียงเป็นจุดอ้างอิง) แต่ประเด็นคือว่าเมื่อวานหรือเมื่อเช้านี้เอง..ผมนึกได้ว่า พระอาทิตย์ขึ้นโดยอยู่ค่อนไปทางทิศใต้...ทั้งนี้โดยยึดแนวบ้านใกล้เคียงเดิมเป็นจุดอ้างอิง.....ทำให้เกิดความสงสัยว่าช่วงเวลาไม่ถึงเดือนทิศทางการขึ้นของดวงอาทิตย์เปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ......ผมตั้งใจว่าจะลองถ่ายภาพตอนพระอาทิตย์ขึ้นมาให้ดูกันดีกว่า....หากเทียบวันต่อวัน....แล้วทิศทางการขึ้นมีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด....จะได้...ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงต่อไปได้....
     
  18. ควายเผือก

    ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
    เดี๋ยวจะช่วยติดตามอีกแรง ครับ:cool:
     
  19. Chanko.8

    Chanko.8 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +88
    ดีเลยครับ ผมก็คาใจอยู่เหมือนกัน เรื่องตำแหน่งการขึ้น - ลง ของพระอาทิตย์เนี่ย..ดูมันส่ายไปส่ายมา แต่ตำแหน่งที่ผมอยู่ไม่ค่อยมีจุดสังเกตุให้อ้างอิงชัดเจนนัก เลยยังคงได้แต่สงสัยและคาใจอยู่ต่อไป
    :boo:
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    สังเกตพระอาทิตย์ขึ้นทางเหนือมากไปเหมือนกัน ตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว
    ปกติจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางระเบียง แต่ตอนนี้มันค่อนไปทางเหนือ โดนมุมตึกบัง ยื่นหัวไปอย่างไรก็ไม่เห็น (ปีอื่นๆ ไม่เป็น ไม่ต้องยื่นหัวไปก็จะเห็นพระอาทิตย์)
     

แชร์หน้านี้

Loading...