ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    ศีลบริสุทธิ์รู้ได้จากตรงไหน

    เมื่อสักครู่ได้พูดถึงเรื่องศีลขึ้นมา ก็เลยมีความอยากรู้ว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีศีลบริสุทธิ์วัดกันจากตรงไหน เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี ใช้อารมณ์ไหนเป็นตัววัด ตัวทดสอบ เมื่อสมัยพุทธกาล ใครได้เป็นพระโสดาบัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะพยากรณ์หรือบอกกล่าวว่าได้คนนี้เป็นพระโสดาบันแล้ว คือมีศีลบริสุทธิ์แล้ว

    แล้วสมัยปัจจุบันนี้ละ เราจะรู้ได้ไงละ ไม่มีใครพยากรณ์ให้ เราจะดูจากตรงไหน ใครจะแก้ข้อสงสัยนี้ให้กระผมไ้ด้มั้งขอรับ
     
  2. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    พี่ขาโจ๋เชื่อมั่นในจิตปฏิบัติหรือเปล่าคะ ^_^
    จิต และตัวรู้ จะทำหน้าที่เองค่ะ

    เวลาเรากินข้าว ถ้าเราอิ่ม คนอื่นสามารถบอกเราได้ไหม ว่าเราอิ่มหรือยัง
    ต้องอาศัยจิตเดิม และอย่างเที่ยงตรง เราถึงจะรู้ว่า เราอิ่มนะ โดยไม่ลำเอียงและไม่เข้าข้างตนเองจนเกินไป อิ่มก็คืออิ่ม ไม่อิ่ม ก็คือไม่อิ่ม แบบนี้ค่ะ ^_^

    อย่าไปกังวลถึงเลยค่ะ ว่าถึงขั้นไหนแล้ว ขอแค่ทำให้ดีที่สุด ก็พอแล้วค่ะ เน๊าะพี่ ^_^
     
  3. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    สาธุ ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนากับความตั้งใจดีของคุณพี่ spthong2000 ด้วยนะคะ ดีใจที่เห็นข้อความของพี่ที่บอกว่าอยากหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ดีใจที่พี่นึกถึงพระนิพพาน

    เมื่อนึกแบบนี้แล้ว เหมือนนักวิ่ง ได้เริ่มออกสตาร์ทแล้วน่ะค่ะ
    หลวงพ่อฤๅษีบอกว่า การปฏิบัติไม่ต้องทำให้ยุ่งยาก ทำกันง่ายๆนี่แหละ
    เบื่อนั่ง ก็นอน
    เบื่อนอน ก็เดิน
    เดินเมื่อย ก็ยืน

    ทุกอิริยาบทสามารถอยู่ในกรรมฐานได้ทั้งนั้นค่ะ

    ทีนี้สมาธิ คือการเพ่ง อาจจะเพ่งคำภาวนา พุท โธ หรืออะไรก็ได้ที่ถนัด
    พอเพ่งแล้วรู้สึกอิ่มเอิบ ก็พิจารณาความจริงที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ เหมือนที่พี่บอกเรื่องไม่อยากเกิด ก็พิจารณาว่าทำไมถึงไม่อยากเกิด มันทุกข์อย่างไร พิจารณาไปเรื่อยๆ

    หากลืมตาอยู่ มองเห็นหลังคาวัดเป็นสีอะไร จำให้ติดตา เพ่งเป็นกสิณสีก็ได้อีก คือทำให้จิตไม่ติดอยู่ในกิเลสนั่นเองค่ะพี่
    อิอิ พูดมาซะยาว อย่างกะตัวเองเก่งนักนิ ข้าเจ้าก็กำลังฝึกเหมือนกันแหล่ะพี่ท่าน ดึงๆกันไปเน๊าะ คิคิ ^_^

    ขอให้พี่เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ ^_^
     
  4. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    เอาบุญกุศลมาฝากท่านกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ
    เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.พ ที่ผ่านมา อ้อยได้ไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทวัดถ้ำป่าไผ่ และรอยพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่ อ.ลี้ จ.ลำพูนมาค่ะ ได้ร่วมทำบุญตามอัตภาพ ขอเชิญท่านกัลยาณมิตรโมทนาบุญร่วมกันนะคะ

    เนื่องจากรูปเยอะเลยเอาไปเก็บไว้ในบอร์ดนี้แทนค่ะ

    http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=hydro-1&topic=1695
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2010
  5. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีค่ะ พอดีช่วงนี้ติดภาระกิจหลายอย่าง แต่ก็พยายามเข้ามาอ่านนะคะ แล้วจะเข้ามาเล่าเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจให้ฟังใหม่ค่ะ ขอเวลาหน่อย ขอให้ทุกท่านเจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรมนะคะ สาธุ
     
  6. spthong2000

    spthong2000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +3,967
    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำของคุณเจ๋วะรัฐถะ อนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ
     
  7. ข้ามากะพระ

    ข้ามากะพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +2,013
    ค่ะ ท่านผู้ช่วยกัปตัน ใช่ตำแหน่งนี้ป่าวคะท่านอ้อย ^^ อ่านมาได้ ร้อยกว่าหน้าแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังปฏิบัติตามท่านกัปตันและคณะ อย่างเคร่งเครียดค่ะ :boo: เพราะถ้าช้าจะไม่ทันการ อิอิอิ เพราะเหมือนตัวเองจะมาสายนี้แต่มโนไม่ได้ นั่งสมาธิก้อไม่ไปถึงไหน ฮ่าๆๆ (ตกลงสายไหนเนี่ย) ไว้ทยอยเล่าให้ฟังนะคะ เรื่องประสบการณ์ ระยะนี้มีอะไรแปลกๆ อย่างคิดอะไรใจในไว้ ก้อจะมีบางอย่างมาเตือน หรือว่าจะเกิดเรื่องดีหรือไม่ดี บางทีก็ตลกๆ อย่าง นั่งอยู่หน้าจอ หนังตาขวาบนก้อกระตุกอย่างแรงต่อเนื่อง พอหยุดปุ๊บ เจ้าตัวเล็กฉี่ใส่โซฟาเละเลยค่ะ แบบว่าฉี่เป็นน้ำตกเลย เราก้อโห โซฟาพังแน่เลยเป็นผ้าด้วยไม่ใช่หนัง แถมเป็นโซฟาไฮโซด้วย อิอิ แล้วก้อเรื่องคืนแรกที่อ่านกระทู้จออ่านจบ สามสิบห้าหน้า ตามที่พูดกะตัวเองไว้ในใจ พออ่านต่อหน้าใหม่ ก้อเหมือนมีใครมาสะกิดที่น่องแบบกะตุกๆ บางทีเวลาไปรับหรือไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วรถติดมากๆ ก็จัดการเบิกบุญให้กายทิพย์แถวนั้่นและท่านกุมารที่บูชามา แต่ว่ามีหลายองค์ แล้วก้อขอให้ช่วยเคลียร์รถให้หน่อย ต้องการถึงโรงเรียนภายใน ห้านาที สิบนาทีอะไรอย่างนี้ พอขอเสร็จก้อหลับตาภาวนาพอจะได้กำหนดเวลาก้อลืมตามมาดูเวลาและสถานที่ว่าถึงยัง ก้อถึงทันเวลาทุกที จะบอกว่าทำมาเกือบปีไม่เคยพลาดค่ะ แต่ขอเฉพาะที่จำเป็นจริงๆนะคะถ้าไม่สายก้อไม่ทำน่ะค่ะ เล่ามาซะยาวเฟื้อย ขอถาม ท่านอ้อยหน่อยค่ะว่าพอทราบป่าวว่าเป็นท่านไหนมาช่วยเหลือเราในเรื่องชีวิตประจำวันน่ะค่ะ (ตัวเองสื่อหรือคุยกะผี เทวดา ไม่ได้อ่ะค่ะ นอกจากเค้าจะมาเข้าฝัน) คือเวลาเบิกบุญ แผ่เมตตา ก้อจะแผ่ไปให้ทั่วๆ อย่างเช่นแผ่ให้กายทิพย์ทุกกายที่อยูในรัศมี หนึ่งตารางกิโลเมตร ตอนนี้เลยไม่รู้ท่านไหนเป็นท่านไหน มีครั้งนึง ก่อนหวยงวด 41 ออกหนึ่งงวด ฝันว่ามีคนโทรเข้ามาเบอร์โชว์ 1144 พอรับสายก้อเป็นเสียงผู้ชายดุๆ พูดว่าจะเอาเท่าไหร่ แล้วก้อวางสายไป (แต่ไม่คอยมีโชคเรื่องหวยอ่ะคะ่เลยไม่ได้ซื้อ ขนาดไปเสี่ยงเซียมซีต่อหน้าหลวงพ่อฤาษีที่วัดท่าซุง เซียมซีคนละกระบอกแต่ได้เบอร์ เดียวกัน 14 ยังไม่ซื้อเลย พอวันรุ่งขึ้นหวยออก 41ซะ อิอิ)
     
  8. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีค่ะ ท่านกัลยาณมิตรทั้งหลาย หายไปนานเพราะติดภาระกิจหลายอย่าง ก็ยังคงยุ่งๆอยู่ แต่วันนี้พอมีเวลาก็เลยจะเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งไปเจอมาให้ฟังกันค่ะ

    เมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้ไปทำธุระที่กาญจนบุรีค่ะ แล้วต้องเข้าพักที่โรงแรม คืนแรกผ่านไปไม่มีอะไรนะคะ พอคืนที่สองหลังจากที่เข้านอนเรียบร้อยแล้ว พอดึกๆมีพนักงานมาเคาะห้องบอกว่าน้ำร้อนที่เราสั่งได้แล้ว ก็เลยบอกพนักงานไปว่า "นอนหลับกันแล้วค่ะ ไม่ได้สั่ง" พนักงานก็งง หยิบใบรับออเดอร์มาแล้วก็พูดหมายเลขห้องที่ดิฉันอยู่ ก็บอกว่าห้องนี้แหละสั่ง ก็บอกไปว่า ไม่ได้สั่งค่ะ พนักงานเลยกลับไปแบบงงๆๆ

    จากนั้นพวกเราก็หลับไป ตอนที่นอนก็ดับไฟทุกดวงเรียบร้อยแล้ว พอหลับไปได้สักพัก ดิฉันก็ตื่นขึ้นมาเห็นไฟในห้องน้ำเปิดอยู่ก็สงสัยว่าใครมาเปิดไฟห้องน้ำ ก็พอจะเริ่มเอะใจแต่ก็ยังคิดว่า รอดูอีกที จากนั้นดิฉันก็ลุกไปปิดไฟห้องน้ำแล้วกลับมานอนต่อ นอนไปได้สักพักก็ตื่นมาอีก ก็เห็นไฟในห้องน้ำเปิดอีก ดิฉันก็ลุกไปปิดแล้วก็กลับมานอนต่อโดยไม่สนใจจะเปิดจิตดูอะไร (ซึ่งเป็นการไม่ดี เพราะทำให้สัมภเวสีที่อยากติดต่อเราทำอะไรไม่ได้เลย) แล้วก็หลับไปจนถึงตีสี่สิบกว่านาทีก็ตื่นขึ้นมาใหม่ ก็เห็นไฟห้องน้ำเปิดอีก พอดีเพื่อนตื่นขึ้นมาด้วยก็เลยถามว่า ลุกไปห้องน้ำมาหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเปล่า ทันใดนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงกดสวิทช์ไฟดังรัวขึ้นทั่วห้องเลย แล้วไฟห้องน้ำทั้งหมดก็เปิดขึ้น ไฟในห้องก็เปิด โคมไฟตรงโต๊ะก็เปิด เปิดหมดทั่วห้องรวมถึงไฟระเบียงนอกห้องก็เปิดด้วย เพื่อนเห็นแบบนั้นก็พูดออกมาว่า "ผี" ดิฉันก็เลยเปิดจิตดู ก็เห็นเป็นวิญญาณผู้ชายคนหนึ่งค่ะ ก็เลยได้สอบถาม

    วิญญาณ - โห...กว่าจะติดต่อได้ นานมากกก

    ดิฉัน - อ่ะนะ แบบว่า ต้องขอดูหลายๆหนก่อน เพื่อความแน่ใจ คุณอยู่ที่ห้องนี้เหรอ

    วิญญาณ- ไม่ใช่ อยู่แถวๆนี้แหละ

    ดิฉัน - แล้วชื่ออะไรคะ เป็นอะไรตายละ

    วิญญาณ - ชื่ออุกฤษณ์ จมน้ำตาย

    ดิฉัน - มีด้วยเหรอ คนชื่ออุกฤษณ์ (แบบว่าไม่ค่อยได้ยินน่ะค่ะ เลยแปลกใจนิดหน่อย ห้องพักที่ดิฉันพักอยู่ อยู่ติดแม่น้ำแควค่ะ)

    วิญญาณ - อยากจะขอส่วนบุญหน่อย อยากไปอยู่ในที่ที่ดีๆ

    ดิฉัน - อ๋อ ได้ซิ งั้นรออนุโมทนาบุญเอานะ

    จากนั้นดิฉันก็ได้อุทิศส่วนกุศลให้ท่านอุกฤษณ์ พอท่านอนุโมทนาท่านก็กลายเป็นเทวดาไปค่ะ คืนต่อมาก็มีไฟเปิดตอนกลางคืนอีก ตอนนี้ขี้เกียจถามแล้วว่าใครก็อุทิศบุญไปเลย คืนต่อๆมา ท่านเทวดาอุกฤษณ์ก็คอยมาดูแลความสะดวกให้เกือบทุกคืน ตอนที่เช็คเอ้าท์ออกจากห้องเพื่อจะกลับ แต่มีเหตุให้ต้องอยู่ต่อก็เลยต้องกลับเข้ามาพักที่โรงแรมต่ออีก แล้วห้องน้ำไม่ได้อยู่ตรงตำแหน่งเดียวกับห้องเดิม ตอนกลางคืนเดินเข้าห้องน้ำมันมืดมากเพราะปิดไฟหมด ดิฉันเดินชนโต๊ะเครื่องแป้ง ท่านเทวดาอุกฤษณ์เลยเปิดไฟตรงระเบียงนอกห้องส่องเข้ามาให้เห็นทาง จริงๆไฟตรงระเบียงจะสว่างมาก แต่เราปิดม่านทำให้กรองแสงเหลือมาแบบสลัวๆแทน ก็พอทำให้เห็นในห้องแต่แสงไม่สว่างรบกวนคนอื่น ท่านอุกฤษณ์จะมาเปิดไฟตรงระเบียงให้ทุกคืนเลย ดิฉันก็เลยให้ท่านเปิดไปเพราะพอไปปิดท่านก็เปิดไว้ให้อีก ก็มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

    ---------------------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     
  9. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856

    ..............
    ความจริงโจ๋ไม่ได้สนใจหรอกว่า จะถึงขั้นไหน ระดับไหน ไม่ได้กังวลหรือไม่ได้สนใจกับมันแล้วขอรับ

    แต่ที่ถาม ก็เพราะอยากรู้ว่า เราจะใช้อารมณ์ไหนในการรู้ว่าเราศีลบริสุทธิ์
    และแน่นอน จิต คือตัวตั้ง ตัวรู้(ปัญญา) คือที่มาหรือคำตอบ จะรู้ได้ไงว่าเราไม่ผิดศีล กระทำการสิ่งใดไปแล้วมันหมิ่นเหม่กับการผิดศีล กลับมาถึงบ้านทบทวนการที่ได้กระทำลงไปรู้สึกว่าเหมือนจะผิด เอ!!! แล้วจริงๆมันผิดหรือมันถูกละเนื่ย

    ศีล ในการปฏิบัติ มันก็มีหลายระดับ อย่างหยาบ ปานกลาง ละเอียด จนถึงบริสุทธ์
    อย่างหยาบ ถ้าอธิบายง่ายๆ มันก็คงเหมือนกับเราไม่ทำด้วยตัวเอง นี่อย่างหยาบๆ ๕ ข้อ นี่เราไม่ทำด้วยตัวเองละ

    ถ้าปานกลาง เราก็ไม่ทำด้วยตัวเองละจนถึงไม่สนับสนุนให้คนอื่นทำด้วยละ ไม่ยุยงส่งเสริมให้คนอื่นกระทำผิด
    ละเอียดขึ้นมาอีก เราไม่ทำด้วยตัวเอง ไม่สนับสนุนให้คนอื่นทำ และไม่ยินดีปรีดาที่ได้เห็นผู้อื่นได้กระทำลงไป

    ยุงตัวหนึ่ง บินมาเกาะเราด้วยสติปัญญาแบบเรา คงไม่มีใครได้ตบมันเป็นแน่แท้ ส่วนมากจะใช้วิธีการปัดหรือไล่มันไป ทีนี้การปัดบางคนชอบใช้วิธีลูบแขนไล่มันไป บังเอิญกระทำการลงไปโดยวิธีใดก็แล้วแต่ได้ไปโดนตัวมันเห็นชัดๆเลยว่า มันได้เสียชีวิตลง หรือตายลง จะมีความรู้สึกกันอย่างไร

    เวลาเดินไปไหนเรายังรู้สึกถึงการต้องระวังจะผิดศีล หรือเกร็งว่าจะต้องทำการผิดศีลมั้ย หรือเครียดมั้ยเวลารักษาศีล รู้สึกแบบไหนในการรักษาศีล

    ขับรถไปไหนต่อไหน แมลงบินชนกระจกรถเราตาย ผิดศีลมั้ย กลัวมั้ย
    ปล่อยปลาลงแม่น้ำเคยคิดมั้ยปลาที่ปล่อยไปมันจะตายสัตว์ใหญ่ย่อมแข็งแรงกว่าสัตว์น้อย มันจะตายมั้ย มันจะอยู่รอดมั้ย
    เจอเต่าข้ามถนน เรารีบลงไปจับมันไปปล่อยที่แม่น้ำคิดมั้ยว่าเต่าไปอยู่แม่น้ำจะอยู่ได้มั้ย ตายมั้ย
    ขับรถชนสุนัขโครมจังๆ คิดมั้ยมันจะตาย บาดเจ็บ แล้วมันจะอยู่อย่างไร

    บางคนอาจจะตอบว่าไม่ได้เจตนาไม่ผิด แต่สิ่งที่เกิดมันเกิดจากเราเพราะอะไร ทำไม อย่างไร

    .............
     
  10. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    โอ้โฮ..คุณน้องขาโจ๋ขา จะคิดมากไปไหมเนี่ย อย่าลืมว่าศีลต้องควบด้วยพรหมวิหารสี่นะเจ้าคะ บางอย่างก็ต้องอุเบกขาบ้างนะคะ เดี๋ยวจะเครียดตายไปซะก่อน หลวงพ่อฤาษีเคยบอกไว้ว่า ศีลน่ะอย่าให้มันสุดโต่งเกินไป ถือให้แบบสบายๆค่ะ
     
  11. ข้ามากะพระ

    ข้ามากะพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +2,013
    อาจารย์คะ หนูรบกวนถามเรือ่งศีลแปดหน่่อยค่ะ ทุกวันนี้หนูถือศีลแปดอยู่บ้าน แต่มีคืนนึงภาวนาหลับไปแป๊บนึงก้อเดินออกมาจากร่างที่นอนอยู่จะไปเปิดประตูดูค่ะว่าสามีอยู่นอกห้องหรือวานอนแล้ว ดูแบบเบลอๆ แต่เปิดไม่ได้ค่ะแรงไม่มี พอมองกลับมาที่เตียง ปรากฏว่ามีพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ หกถึงแปดนิ้ว ปางสมาธิ อยู่สององค์ที่ปลายเตียง แล้วรู้สึกว่ามีพระรูปนึงมาอยู่ในห้องด้วยค่ะ ท่านคล้ายๆหลวงพี่อนันต์ วัดท่าซุง ท่านพูดอะไรบางอย่างเี่กี่ยวกับพระที่ปรากฎขึ้นที่กำแพงของห้อง แต่จำไม่ได้แล้วว่าท่านพูดว่าอะไรค่ะ หนูอยากถามอาจารย์ว่า ทำไมจึงเห็นพระพุทธรูปที่ปลายเตียงคะ หรือเป็นเพราะหนูถือศีลแปดแต่นอนเตียง(พยายามนอนด้านที่ติดกับไม้และเตียงมันเป็นฟองน้ำบางๆ ถ้าลูกตื่นมาจับไม่เจอแม่เค้าจะร้องไห้ค่ะ) เป็นการปรามาสพระรึปล่าวคะ ในฝัีนหนูรูปยกท่านขึ้นไปไว้ที่อื่นค่ะ รบกวนถามอาจารย์ด้วยนะคะ โมทนาค่ะ
     
  12. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 53 ดิฉัน คุณหนิง น้องตู่ น้องเบน น้องอาร์ม น้องจอร์ช และน้องแบงค์ ได้เอาพวกเสื้อผ้า รองเท้า และเงินไปบริจาคที่บ้านเด็กหญิงสระบุรีมาค่ะ ในนามของคณะชุมชนมโนมยิทธิ ศิษย์หลวงพ่อฤาษีค่ะ

    แล้วก็ได้แวะไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทด้วย จากนั้นก็ไปที่วัดถ้ำนารายณ์กันค่ะ ร่วมทำบุญกับทางวัด เสร็จแล้วก็ไปที่ศูนย์พุทธศรัทธานั่งสนทนากับอาจารย์ชนะ แล้วก็รอเจอน้องเอ (วิญวิญ)ด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.4 KB
      เปิดดู:
      86
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      178.8 KB
      เปิดดู:
      63
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      166.9 KB
      เปิดดู:
      62
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      161.2 KB
      เปิดดู:
      61
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      175.3 KB
      เปิดดู:
      56
  13. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    .........................

    เหมือนจะเรื่มเข้าสู่ความบ้า ไม่เป็นไร ขาโจ๋มันบ้าอย่ามาถือสากับความบ้าของขาโจ๋นะขอรับ
    คนมันเรื่มจะบ้า ปล่อยมันบ้าตามเรื่องตามราวของคนบ้าๆต่อไป

    อย่างที่โจ๋คิด ถึงเราไม่ได้เจตนา แต่ทำไมมันต้องมาเกิดกับวาระที่เป็นเรา ทำไมถึงไม่เกิดกับคนอื่นที่มันไม่ใช่เรา ทั้งๆที่เรารักษาศีลไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดกับตัวเราแต่ยังไงมันก็ดันมาเกิดกับตัวเรา

    บางคนได้บอกมาว่า เฮ้ย! ทำแบบนี้ไงศีลก็ขาดละว่ะ
    เราก็แย้งไป มันจะขาดได้ไงว่ะ ก็เราไม่ได้เจตนาให้มันตาย มันวิ่งมาชนรถเราที่กำลังขับ เราสงสารเต่าเลยไปปล่อยแม่น้ำ สุนัขมันวิ่งตัดหน้ามาพอดีเราเลยชน เรากำลังเดิน มดมันขวางทางพอดีเลยเหยียบเข้าให้ เจตนาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายมันซะหน่อย แต่บังเอิญสิ่งเหล่านั้นมันได้เกิดขึ้นกับเราเท่าันั้นเอง

    ศีลไม่ขาด ศีลพร้อย ศีลกระพร่องกระแพร่ง ศีลลาย หูย อีกสาระพัดศีลที่ประดังกันเข้ามา
    มันเกิดขึ้นกับเราได้อย่างไร เพราะอะไรมันถึงได้เกิดขึ้นกับเรา คำถามที่ต้องการคำตอบ
    เฮ้ย!!! คิดมากเครียด ปวดหัว ไร้สาระ บ้าบอไปแล้ว มิใช่ขอรับมิใช่

    สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเรามันไม่มีเหตุผลอื่นนอกจาก กรรม เท่านั้นที่ทำให้เกิด กรรมเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อเราไม่ได้ตั้งใจให้เกิด มิอยากให้เหตุกราณ์แบบนี้นั้นเกิดขึ้นกับเรา แต่มันก็มีผลของกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ชาติไหนกันบ้างก็ไม่รู้ เพราะไม่รู้ได้ว่าเกิดกันมากี่วาระ กี่ภพกี่ชาติกันมากน้อยขนาดไหน

    ท้ายสุดพิจารณาวนไปวนมา เราจำต้องยอมรับผลของกรรมนั้น ยอมรับกรรมที่เกิด เพราะมันเป็นของธรรมดาที่เราได้เกิดมาอยู่บนโลกของความยุ่งเหยิง เลยย่อมหนีไม่พ้นกฏของกรรม

    สุนัขที่โดนเราชนเพราะเรากับมันมีกรรมเกี่ยวเนื่องกันมาเลยต้องมีเหตุให้เกิดขึ้น มันจะเป็นอย่างไรในอนาคต จะสาหัส จะตายมั้ย นั้นคือผลของกรรมของเขาที่เขาได้กระทำมาแล้วเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง

    แมลงที่เราชน หรือที่โดนเราทำร้ายถึงเสียชีวิต ทั้งๆที่เราไม่ได้มีเจตนาต้องการให้มันตาย มันก็ยังตายก็คิดเสียว่านั้นคือผลของกรรม เขาย่อมมีกรรมของเขา เรานั้นย่อมมีกรรมเป็นของเรา ตราบใดที่ทั้งเราและเขา ยังมีสังขารให้อยู่อาศัย ยังต้องอาศัยสังขารในการดำรงชีพ ย่อมหนีไม่พ้น กฏของกรรม

    คิดได้แบบนี้เลยค่อยปลอดโปร่ง โล่งสบาย ไม่จำเป็นต้องคิดย้อนหน้าย้อนหลัง ให้ปวดหมองถ้าได้กระทำผิดโดยไม่ได้เจตนา เพราะสิ่งเหล่านั้นคือ กฏของกรรม ผลของกรรม กฏแห่งความเป็นธรรมดา เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตราบเท่าที่เรายังมีสังขาร หรือกลับมาหาสังขารในการเกิดคราต่อไปในภาคหน้า

    ลูกศิษย์หลวงพ่อท่านหนึ่งได้บอกไว้ตั้งแต่คราวธุดงค์ ถ้าอยากจะรู้แจ้งให้มากกว่านี้นั้นก็ใช้มโนมยิทธิย้อนกลับไปในอดีตดูซิว่า เรากับมัน เกี่ยวเนื่องกันมาอย่างไร ทำไมต้องมีเหตุนั้นเกิดขึ้นกับเรา โจ๋เองมิได้เก่งกล้าสามารถย้อนกลับไปดูในอดีตได้ แต่นับจากธุดงค์มาได้ลองปฏิบัติ ศึกษา มากบ้างน้อยบ้างตามอารมณ์ความบ้าของตัวเอง ทำให้คิดได้ว่าสิ่งต่างๆที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะทางด้านอารมณ์ ทางด้านรูปวัตถุ ที่เข้ามากระทบสังขาร ความรู้สึกนั้น ย่อมมีเหตุของกรรมเข้ามาเกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องปะปนกันไปทุกระยะอย่างที่เราคาดไม่ถึง

    เลวมาก เลวจริง ทำเลวไว้มาก ชาตินี้ก็ยังเลวอีกหาความดีไม่ได้ ผลของกรรม จึงมีมากเป็นกระบุง แค่ย้อนกลับไปในอดีตของชาตินี้ เคยทำเลวแบบนี้อย่างนี้กับใครไว้มั้งมั้ยในชาตินี้ มันต้องผุดนึกขึ้นได้เคยได้กระทำไว้ถึงไม่มากแต่ก็ไม่น้อย แล้วอดีตที่ได้เคยเกิดมาหลายภพหลายชาติ มันก็ต้องได้เคยกระทำกรรมต่างเหล่านี้ไว้อย่างไม่ต้องเอ่ยถึง

    นั้นคือที่มาแค่ศีลข้อที่ ๑ ยอมรับผลของกรรมโดยสนิทใจ มันเป็นกฏของธรรมดาของสังขารมนุษย์โลก เมื่อยอมรับผลของกรรมได้ กรรมที่เราได้ละเมิดศีลไปโดยไม่ได้เจตนา ย้ำว่าไม่ได้เจตนา ก็ไม่ต้องเก็บมาคิดให้ปวดหมอง ปล่อยวางมันลงไป อดีตแก้ไขไม่ได้ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

    เรื่มบ้าไปแล้วขอรับ มันเป็นความบ้าของข้าน้อยอย่าได้ใส่ใจไปเลยขอรับ แค่บ้าอยากให้ศีลบริสุทธิ์ เลยรู้ว่าที่เรามันบ้าเพราะไม่ยอมรับ กฏของความเป็นธรรมดา อย่างที่หลวงพ่อท่านได้บอกไว้ กฏของกรรม กว่าจะเข้าใจ

    ..................................
     
  14. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    ขอเชิญท่านกัลยาณมิตรอนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ ขอให้ไปพระนิพพานในชาตินี้ค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อ่ะ น้องขาโจ๋เข้าใจถูกแล้วนะคะ งั้นพี่ก็ไม่ต้องตอบแล้วละค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพบเจอมันมาจากกรรมทั้งนั้นแหละค่ะ กรรมเกิดแต่เหตุ คนเราทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท และก็ไม่มีใครหนีพ้นจากกฏของกรรมไปได้เลย

    ขอให้น้องขาโจ๋ เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  16. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    ..........................

    ท้ายสุด หรือสุดท้าย จะเป็นของชีวิต หรือจะเป็นของเวลามิอาจคาดเดาได้

    เมื่อเราเข้าใจกฏของกรรม ศีลข้อที่เหลือก็ไม่ยากที่จะพิจารณา อารมณ์ต่างๆที่เข้ามาประทะมันก็ย่อมหนีไม่พ้นกฏของกรรม กฏของความเป็นธรรมดา และเพราะสาเหตุอันใดเราถึงหนีไม่พ้นกฏของกรรม

    เพราะเรามีการเกิด เพราะเรามีสังขาร ตราบใดที่เรายังรักการเกิด เราก็คงหนีไม่พ้น ทุกขเวทนาที่จะเกิดขึ้นกับเราต่อไป ทุกขเวทนาที่เกิดมันก็หนีไม่พ้นจากการที่เรามีสังขารไว้คอยรับความรู้สึก เอาจิตคอยปรุงแต่งเสริมมันเข้าไปอีก เราอยากได้นั้น เราอยากได้นี่ เราอยากได้สิ่งนั้น เราอยากได้สิ่งนี้ ล้วนเกิดจากตัณหา ตัณหาที่เกิดนั้นก็ย่อมหนีไม่พ้นจากการเอาร่างกายรับความรู้สึกว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนี้ดี

    อาหารรสนั้นอร่อย อาหารรสนี้ดีเลิศ ร้านนั้นอาหารนั้นดี ร้านนี้อาหารนี้ดี ร้านนี้สะอาด ร้านนั้นไม่สะอาดเหล่านี้ล้วนเกิดจากร่างกายรู้รสอาหาร มีความพอใจเกิด ความรู้สึกที่ได้ย่อมหนีไม่พ้นจากร่างกายเป็นตัวรับรู้ความรู้สึก ปรุงแต่งว่าอาหารนั้นดี รสชาติอร่อยถูกใจ สะอาด ไม่สะอาด

    คนนั้นด่าเรา คนนี้ว่าเรา คนนี้ชมเรา สรรเสริญเรา มีความรู้สึกเกิดขึ้นมา ล้วนเกิดจากเรารับความรู้สึกมาจากร่างกาย คิดว่าร่างกายเป็นเรามันเป็นของเรา เอาจิตจับกับร่างกาย ห่วงใยในร่างกาย รับรู้ความรู้สึกของร่างกาย ทุกขเวทนามันเลยจึงเกิด อาหารนั้น เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด รสชาติที่ได้รับมันเป็นทุกข์ หรือมันเป็นสุข

    อยากได้นั้น อยากได้นี่ ได้มาแล้วมันเป็นทุกข์หรือมันเป็นสุข
    อยากได้รถสักคัน อดทนเก็บเงินซื้อมา ได้มาแล้วเป็นทุกข์หรือเป็นสุขรถจะจอดที่ไหน มันจะหายมั้ย ไหนจะช่วงอดทนเก็บเงินซื้อมันมา เป็นทุกข์หรือเป็นสุข ได้มาแล้ว เงินต้องผ่อน ค่าน้ำมัน ค่าดูแลอุปกรณ์ต่างๆนั้นย่อมมีชำรุดเสื่อมโทรม มันเป็นทุกข์หรือมันเป็นสุข

    ความสุขที่คิดว่าได้มานั้นคืออะไร รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ได้มาแล้วมันอยู่กับเราจีรังยั่งยืนมั้ย

    ไหนจะลูก พ่อ แม่ ที่วนเวียนอยู่ข้างกาย ปวดหัว ปวดท้อง หิวข้าว เป็นไข้ ไม่สบาย เจ็บนั้น เจ็บนี่ สารพัดความรู้สึกที่เราได้รับ ล้วนเกิดจากร่างกายเป็นต้นเหตุ ล้วนมีที่มาจากการเกิดมามีร่างกาย

    สาระพัดที่วนเวียนอยู่ในความคิด หาต้นเหตุของมัน เจอผลของมัน สรุปง่ายๆสั้น ก็คือร่างกายนี่ละต้นเหตุของมัน ผลของมันคือเราต้องไม่มีร่างกาย ต้องไม่มีการเกิดมามีร่างกายนี้อีก ทำไงละทีนี้ถึงจะหนีมันพ้น หาทางหลุดพ้น

    ..............................................
     
  17. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ได้อ่านเรื่องราวของคุณ Me,Myself ดีใจครับอยากให้2กลุ่มนี้กับ
    กลุ่มพิชิตภัยพิบัติที่มีคุณ คณานันท์ เป็นหัวหน้ามาทำความรู้จักกันครับ
    เพื่อร่วมกันทำบุญกันครับ ต่อไปอาจได้ช่วยคน สอนคน
    ช่วยประเทศก็ได้ดูว่ากลุ่มเล็กก็จริงแต่ก็มีประสิทธิภาพพอสมควร
     
  18. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,394
    ค่าพลัง:
    +19,712
    ตอนนี้ตามอ่านอยู่ครับ เพิ่งได้ หน้า 50 กว่า ๆ

    อ่านไปก็รู้สึกดี พยายามอ่านให้ทัน และดูจิตไปด้วย

    รู้สึกคุ้นเคยกันด้วยอีกคน 555 แต่ผมก็ยังไม่เอาไหนเหมือนกัน

    ไว้จะพยายามตามไป

    อนุโมทนาให้ความดีทุกประการ กับทุก ๆ ท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กุมภาพันธ์ 2010
  19. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    จะว่าไปสมาชิกของทั้งสองกลุ่มก็มีรู้จักกันแล้วก็ติดต่อกันอยู่นะคะ เพียงแต่ดิฉันยังไม่ได้เจอ อจ คณานันท์ เท่านั้นเอง คาดว่าคงได้เจอตอนสิ้นเดือนนี้ที่ศูนย์พุทธศรัทธาค่ะ
     
  20. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ยินดีด้วยครับถ้าทุกกลุ่มร่วมด้วยช่วยสงเคราะห์ทั้งคนทั้งผี
    คนเป็นเราช่วยสอนให้มีธรรมะในใจรู้บาปบุญคุณโทษ
    คนตายแล้ว ช่วยกันปลดปล่อย
    ใครถนัดด้านใดก็ช่วยด้านนั้น
    ยินดีครับที่ได้มาร่วมทำบุญกันเพื่อบูชา
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...