ภาษาพม่า จะมีแค่ ๓ เสียง ครับ คือ โท เอก สามัญ ท่องสวนกับเรา
เขาจะท่อง ก้ะ ก่า กา
ที่เรียนเพราะเดวปี ๕๘ เป็น อาเซี่ยน เราจะได้ไปเที่ยวประเทศเขาแบบสบายหน่อย ไม่ต้องฝึกสูงมาก แค่ ซื้อของกิน ได้ ไม่โดนหลอก ๕๕๕
ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tang_2536, 24 ตุลาคม 2012.
หน้า 68 ของ 145
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ใครได้อาบนำมนต์กัมั่งครับเมื่อคืน
เมื่อคืนกว่าผมจะได้อาบน้ำมนต์พระจันทร์เล่นเอาลุ้นแทบแย่ เพราะฝนตกหัวค่ำ แถมมีเมฆเต็มฟ้าบังแสงจันทร์ซะเกือบมิดรำไรๆ
เที่ยงคืนท้องฟ้ายังไม่เปิด....ยกมือสิบนิ้ววันทาระลึกถึงท่านพระอุปคุต
ขอให้ลูกได้อาบน้ำมนต์พระจันทร์ ในวันเป็งปุดด้วยเถิด...
ฟ้าก็เปิดมาซั้ก ๒๐ นาที ครับ...พอภาวนาได้...อาบเสร็จ แหงนมองท้องฟ้าแสงจัทรา ก็ ริบหรี่ๆ เหมือนเดิม [/COLOR]OR] -
ผมลอยกระทงหน้าบ้านครับ หุงข้าวใส่บาตรพระอุปคุตตอนเที่ยงคืนทั้งสองคืนครับ -
ทีนี้เข้าใจแล้วครับ ว่าเป็นการออกเสียงพยัญชนะตามหลักสัทศาสตร์ของพม่า
เหมือนตัว ทะ ออกเสียง ต๊ะ , พะ ออกเสียง ป๊ะ ของล้านนา
ถ้าเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ผมคงหากินได้แค่ในลาวเท่านั้น 555+
ฟักเขียว หากปลูกไว้หน้าบ้านถ้าเกิดเลื้อยพันขึ้นไปเป็นซุ้มเป็นร้าน
ระวังคาถาเสื่อม เครื่องรางเสื่อมเพราะบางอย่างห้ามลอดลอดร้านฟัก ห้ามกินฟัก -
มีแต่เมฆฝนดำทมึนลอยต่ำอ้อมเป็นวงกลมรอบเมือง ทำท่าจะตกแต่ไม่ตก
จนจุดพุล ลอยโคม เปิดงาน ฝนก็โปรยลงมาบ้างแต่ไม่หนัก ไม่นานแล้วก็หยุด
สงสัยท่าจะอั้นไม่ไหว เลยเอาเสียหน่อยหนึ่งแก้เคล็ด
แต่ตอนเห็นก้อนเมฆนั้นคิดอยู่ในใจว่าลงหนักแบบฟ้ารั่วแน่นอน
พอลงจริง ๆ กลับไม่สมกับก้อนเมฆดำ ๆ เลย เห็นทีเทวดาจะทำงานหนัก
โน่นก็บน นี่ก็บอก แทบทุกบ้านทุกคุ้มที่จัดงาน จะไม่ตกก็ไม่ได้ เลยเอาซะหน่อยหนึ่งพอประมาณ -
ขนาดฝนตกแล้ว อากาศ แม่สาย เชียงราย ก็ยังไม่หนาวเลยครับ.แค่เย็นธรรมดา
.เอาเสื้อกันหนาวที่เตรียมไว้.มาซั้กอย่างดี กะจะใส่ลอยกระทงก็ ร้อนไปซะนี่..
สงสัยห้วงฤดู...จะเปลี่ยนแปลงครับ..
ในช่วงนี้ใครเดินทางขึ้นเหนือ อยากเผชิญหนาวก็สอบถามสภาพอากาศกันก่อนครับ..เดวจะแบกสัมภาระกันไปเก้อ...
-
บทพาหุงฯ ๘ บท
บทพาหุงมหากาฯ ทั้ง ๘ บทถ้าใครจะนำแยกไปใช้ ก็มีอุปเทห์ดังนี้ครับ
พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
ใช้ภาวนาเมื่อผจญศัตรู จะพ่ายแพ้แก่เราไปเอง หรือ ภาวนา เสก ๓ ทีขับไล่ผี
มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
ใช้เสกรากยา หรือ เสกยาก่อนกินทำให้หายโรคภัยได้เร็วขึ้น
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
ภาวนาเดินป่าดีนักแล สัตว์ร้ายไม่กล้าทำร้าย ภูติผีไม่รบกวน
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
บทนี้ดีทางด้านสวัสดิมงคล หรือเสกน้ำล้างหน้ากันคุณไสยฯได้
กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
บทนี้ใช้เสกน้ำมนต์รดหัวกัน เสน่ห์ยาแฝดได้
-
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
บทนี้ให้ภาวนาเมื่อทุกข์ใจได้ปัญญาแก้ปัญหา หรือขึ้นโรงศาลจะชนะความ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
บทนี้ภาวนากันสัตว์มีพิษทั้งปวง โดยเฉพาะงูพิษทุกชนิด ใช้เป่าดับพิษตะขาบแมงป่องได้
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
บทนี้ภาวนาป้องกันปีศาจทุกชนิด
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญฯ
บทนี้ใช้ เสกน้ำทำน้ำมนต์ กินแก้พิษแสลง สำแดงต่างๆ ได้ดีนักแล
นำมาลงฝากไว้ให้สมาชิกพิจารณา เผื่อจะเกิดประโยชน์ในยามคับขัน
เพราะบทพาหุงฯนี้ผมว่าจะมีคนสวดได้กันมาก แต่ถ้าจะใช้ประโยชน์ตามความประสงค์ย่อย จะว่าทั้งหมดก็จะยาวไป..เห็นครูอาจารย์โบราณท่านแยกแยะไว้ ตามบทเพื่อประโยชน์ตามที่แสดงครับ
-
คาถาบูชาดวงประจำวันเกิด(อีกแบบ)
บางท่านอาจจะบอกว่าบทสวดประจำวันที่มีทั่วไป อาจจะยาวไป
ครูอาจารย์ท่านได้กำหนดไว้ว่าคาถาอิติปิโสแปดทิศก้เป้นคาถาประจำวันอีกนัยหนึ่งดังนี้
วันอาทิตย์ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ ฯ สวดวันละ ๖ จบ
วันจันทร์ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ฯ สวดวันละ ๑๕ จบ
วันอังคาร ติ หัง จะ โต โร ถิ นังฯ สวดวันละ ๘ จบ
วันพุธกลางวัน ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุทฯ สวด ๑๗ จบ
พุธกลางคืน คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะฯ สวด ๑๒ จบ
วันพฤหัสฯ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะฯ สวด ๑๙ จบ
วันศุกร์ วา โธ โน อะ มะ มะ วาฯ สวด ๒๑ จบ
วันเสาร์ โส มา ณะ กะ ริ ถา โธฯ สวด ๑๐ จบ
ใช้ได้เหมือนบทยาวเช่นเดียวกันครับ -
-
เคล็ดกันภัย
ในสมัยก่อนถ้าใครอยู่ตามบ้านนอกในต้นฤดูฝนมักจะมีพายุลมแรงพัดบ้านเรือนจนพังกันเป็นแถบๆ บางคนก็ต้องไปเก็บสังกะสีที่ชายทุ่งนาหลังจากลมสงบ
แต่ที่บ้านพ่อผมไม่เคยได้รับความเสียหายร้ายแรง ถึงขั้นหนักขนาดซ่อมใหญ่ ถึงแม่ลมจะพัดแรงปานใด มีบ้างไม้หักลงมาใส่หลังคาสังกะสียุบ
มีเคล็ดกันภัยมาฝากครับ...
โบราณท่านว่า ให้ไปพลีเอาเถาใบหญ้านางมาพอใช้ในการผูกมัดยาวซั้กเถาละศอกกว่าๆ วันเสาร์หรือวันอังคารจะดี วิธีการพลีก็ไม่ยาก แค่ตั้งนะโม ๓ จบ บอกกล่าวว่า แม่ย่านางลูกมาขอให้แม่ไปช่วยปกปักรักษาคุ้มครองเรือนให้หน่อยนะแม่ ขออย่าให้มีภัยอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะจาก ลมจากน้ำ จากไฟ ขอให้แม่ช่วยปกปักรักษาสมบัติภัสถานของลูกด้วย..แค่นี้ครับจากนั้นก็กลั้นใจรูดมาเลย
จากนั้นไปพลีขอดินจากแม่ธรณี วิธีเดียวกัน แต่ ว่านะโม ๓ จบ แล้ว ให้ท่องคาถาปลุกแม่ธรณีซะก่อน แม่ธรณีเจ้าข้าเอ๋ย อยู่แล้ว หรือยัง(อยู่) สังขาตังโลกังกะวิทู สารพัดศัตรู วินาศสันติฯ ก็พรรณาเช่นเดียวกับการขอเถาย่านางครับ กลั้นใจหยิบดินก้อนแข็งๆหน่อยมา ๔ ก้อน(หินก็ได้ที่มีดินปน)
จากนั้น นำเถาย่านางมาถักรัดก้อนดินนั้น นำไปแขวนไว้มุมบ้าน ๔ มุม เวลวจะแขวนให้เสกด้วยคาถา พุทธังปัจจะขามิ ธัมมังปัจจะขามิ สังฆังปัจจะขามิฯ ๓ จบ ผูกแขวนไว้ตามมุมบ้าน วิธีแขวนให้ เวียนขวาครับ
โบราณท่านว่าจะสามารถ คุ้มภัย จาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้
ใครที่คิดจะทำก็นำไปใช้ดูครับ
หมายเหตุ ถ้าขาดก็เปลี่ยนใหม่ได้ แต่ต้องเปลี่ยนทั้งหมด ๔ ด้าน พร้อมกัน -
พี่ ศนิวาร พอมีรายละเอียดเรื่องการประชุมเรื่องวันพระไทยไหมครับ ผมหามานานยังลงรายละเอียดจริงๆไม่ได้ เห็นคุยกันเรื่อง เพ็ญพุทธ เลยนึกได้ว่า เคยอ่านเจอว่าเมืองไทยเราวันพระจะเคลื่อนไม่ตรงกับโบราณ 1 วัน ทำให้วันพระเราไม่ตรงกับใครเขา ดังนั้นที่เขาตักบาตรเป็งปุดกันคืนวันอังคารก็คงนับแบบเก่า
นักเรียนมารออาจารย์เสธ.สอนภาษาพม่าวันละคำรับ AEC ครับ -
ภาษาพม่าเหรอ..อ้อ เดวนี้ เขาให้เรียพม่าว่า เมียนม่าร์..คำย่อใช้ สมม.
แต่ก่อนใช้ สพม. แต่ผมก็ติดคำว่า พม่า..เพราะเวลาเขียนกันทั่วๆไป เมียนม่าร์มันยาว พม่า สั้น ง่ายดี...แต่คนไทยใหญ่ เรียก พม่า ว่า ม่าน
คนพม่าเรียกคนไทยว่า โยเดีย/โยดายา มาจาก พม่าพูดว่า อโยธยา นั่นแหละ พูด เร็วๆ ว่า โยเดีย/โยดายา
พม่าจะถือเคร่งครัดมากเรื่องการเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธ์ โดยเฉพาะเจดีย์ที่เขานับถือ ต้องถอดรองเท้าหมด เหลือแต่เท้าเปล่า (โอบาม่า ก็ยอมถอดตอนไปชเวดากอง ที่ผ่านมา)
ภาษาพม่าจะพูด หลังไปหน้า ...เช่น ไปตลาด = ตลาดไป ,กินข้าว =ข้าวกิน
กระผม = จะหน่อ , ข้าพเจ้า =จะน้ก(คำทางการ)
ชื่อ = หน่าแหม่ ,
กินข้าว = ทะหมิ่น(ข้าว)-ซา(กิน) กินข้าวหรือยัง =ทะหมิ่นซาบิบี๋หล่า
กินแล้ว =ซาบิบี๋
ยังไม่ได้กิน =ม้ะซาเตปู้ ระวังมากคำนี้
เพราะ ถ้าคำว่า ไม่หิว มะส่าเตปู้ ก็อดข้าวไป
ดื่มน้ำ = เหย่(น้ำ)-เต้า(ดื่ม) ก่อฝี่เต้า = ดื่มกาแฟ
ใช่ไหม =ฮกหล่า , ใช่แล้ว =ฮกแด่, ไม่ใช่ =มะฮกบู้
คนพม่าจะถือว่าใครเลี้ยงข้าวเขา เขาจะติดหนี้บุญคุณ
ดังนั้นจะคบคนพม่าให้ได้ใจครั้งแรก ก็พาไปเลี้ยงข้าว ซะ -
เคยเจอพระสายปฏิบัติรูปหนึ่งท่านอยู่ จ.แพร่ ท่านจะเข้าไปสอนข้อวินัยให้กับพระสงฆ์ในเมืองพม่าแถบบ้านนอก เนื่องจากว่า พระแถบนอกเมืองของพม่าจะไม่รู้ข้อ ธรรมวินัย บวชแล้วส่วนใหญ่จะ ถือปฏิบัติกันเอง...บางรูป ที่ท่านไปเจอ เคร่งก้เคร่งจริงๆ ถามว่า ศีลมีกี่ข้อท่านตอบไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่ท่านสอบถามข้อปฏิบัตินั้น บอกว่าน่าจะถือเกิน ๒๒๗ ข้อ
พระรูปนั้นท่านฉัน ผลไม้ ตลอดชีวิต มีกลิ่นตัวที่หอมมาก..
ท่านมาเล่าให้ฟัง..ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะผมเคยเข้าไปเที่ยวในแถบเมืองเชียงตุงบ้านนอกๆ เห้นพระก้ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ เพราะเดินไปมาในหมู่บ้าน ในส่วนที่เคร่งครัดจะปฏิบัติกันเอง ตามคิดว่า น่าจะแบบนั้นแบบนี้
ซึ่น่าจะเกิดจาก การติดต่อสื่อสาร การเดินทาง ที่ยากลำบาก ไม่มีครูอาจารย์เข้าไปถึง..จึงเป็นเหตุสำคัญ....ในส่วนของชาวบ้านเองก้ นับถือไปตามความเชื่อ เขาก็ไม่ได้ตำหนิ พระแต่อย่างใด -
ส่วนเรื่องลัทธิ ฤษี นั้นผมก้เคยพบเห้นมากในพม่า ทั้งด้าน จ.ตาก ที่บ้านเรตองคุ ในยุคแรกๆที่ต้องเดินทางไปทาง ฮ. ก็ได้เห็น หมู่บ้านนี้ทั้งบ้านนับถือ ฤษี จะมีฤษี ประจำบ้าน ผมจำชื่อท่านไม่ได้ เคยไปนั่งสนทนากับท่าน ผ่านล่ามอีกที ท่านบอกว่า ท่านเป็น ฤษี องค์ที่ ๓ หรือ ๔ นี่แหละ ที่สืบต่อมาจากต้นตระกูลฤษี หนีภัยพม่าเข้ามาในไทย ชาวบ้านก็ไม่มีบัตรมีใบอะไร เพราะเขาไม่ได้ไปไหน ทำนา ทำไร่ กินกันไปตาม อัตภาพ มีแค่ รร.ตชด.ที่เข้าไปถึง
มีงาช้างอายุมากแกะเป็นรูปพระพุทธเจ้าสวยงาม แต่ห้ามผู้หญิงเข้าไปในบริเวณเขต ฤษี อยู่ เด็กๆผุ้ชายจะต้องเอาตัวไปฝากกับ ฤษี เพื่อเป็นลูก และจะมีการคัดตัวเพื่อสืบทอดได้แค่ คนเดียว
แต่ฤษี จริงๆนั้น ไม่ได้ ใส่หนังเสือ หนังสัตว์แต่อย่างใด แต่งตัวชุดขาว เก่าๆตามสภาพ ธรรมดาๆครับ. -
แต่ลัทธิฤษี ก็มีหลายแนวทาง มีทั้งประเภทมีเมียได้ และ ไม่มี(ประพฤติพรรมจรรย์) ในด้านเมืองรัฐกะเหรี่ยง คะยา และฉาน พม่า ก็มี เยอะเหมือนกัน..ซึ่งน่าจะเยอะกว่าบ้านเรา
ส่วนใหญ่จะเน้นการฝึก ฒาน ไม่มีคำสอน และก็ไม่มีของขลัง เหมือนบ้านเรา จะสอบถามคาถาก็ยากหน่อย เพราะ พูดต้องใช้ ล่าม โอกาสเพี้ยนสูงมาก แต่เท่าที่ประมวลได้ ก้ จะเน้นการฝึกสมาธิในป่า หลีกเร้นผู้คน จะทรงฌาน๔ ไปจนถึง ๘ เป็นอารมณ์ กสินจะเน้นกสินไฟ .ถือศีลเคร่งครัด (ข้อนี้ท่านบอกสำคัญมากถ้าผิดข้อเดียว ฌาน จะเสื่อมทันที)...ของขลังถ้ามีจะมีแต่ประเภทของขลังตามธรรมชาติ เช่น คต งา เขี้ยว แทบไม่มีอย่างอื่นให้เห็น..
ส่วนบ้านเรานั้นจะเน้น ของขลังมากมาย ครับ ผมจึงไม่เคยได้ของขลังท่านท่านเหล่านั้นเลยที่เจอกัน..๕๕๕ . -
รบกวนสักนิดครับพี่
ภาพในวิดีโอนี้ เกิดขึ้นตอนที่ไปหุงสีผึ้งกัน ตอนอยู่ในหม้อไม่เดือด
ก็มีเพียงแต่ฟอง และไอร้อนเท่านั่น ครั้นเมื่อยกลงมาไว้ข้างกองไฟ
แล้วทำการอธิฐานขอบารมีครูบาอาจารย์ เทพเทวา ก็เป็นดังที่เห็น
กินเวลาอยู่หลายนาที
แบบี้ ถือว่าเป็นเรื่องแปลก หรือ เรื่องปกติ บางคนก็บอกผมว่า
เดือดแบบนี้ ต้องมีคนใช้กสิณไฟอย่างเดียว ถึงเกิดได้
จากประสบการณ์ที่ผมเคยลองทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่เคยเห็น
ว่าสีผึ้งจะเดือดลักษณะนี้ ถ้าร้อนมากๆ กินไหม้ลอยมาเลย
เป็นการทำปฏิกริยา น้ำมันที่ผสมเข้าไปนั้นคายความร้อนหรือเปล่าครับ
รบกวนด้วยนะครับ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=e-rVOu05fwQ&feature=share"]http://www.youtube.com/watch?v=e-rVOu05fwQ&feature=share[/ame] -
-
มีสิทธิ์เป็นไปได้ครับ ตอนครั้งที่ทำของงานวัดหนองสะเดา
ผมใช้หม้อสแตนเลส พอเห็นอีกที กลิ่นไหม้โชยมาเลย 55
แต่อย่างเคสนี้ น่าจะเกิดจากการคายความร้อนของอะไรสักอย่าง
เมื่อไปดูใน youtube หลายๆ คลิป ก็มีการเดือดลักษณะเดียวกันนี้ อยู่พอสมควร
หน้า 68 ของ 145