"ไฮเดรนเยีย"รักษาโรค

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"ไฮเดรนเยีย" นอกจากจะเป็นดอกไม้ที่สวยงามแล้ว ยังใช้ทำยาได้ด้วย โดยชาวจีนและชาวอินเดียนแดงนำมาทำเป็นยารักษาโรคง่ายๆ หลายโรค

แต่การวิจัยของ ดร.อันญาน่าพบว่า "ฮาโลฟิวจินัน (halofuginone)" ที่สกัดจากรากไฮเดรนเยีย อาจใช้เป็นยารักษาโรคมัลติเพิลสเคิบโรซิส โรคสโพเรียซิส โรคเบาหวานและโรคไขข้ออักเสบบางชนิด ซึ่งโรคเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายหันมาทำร้ายตัวเอง

ยาที่ใช้รักษาโรคข้างต้นหรือป้องกันไม่ให้มีอาการทรุดลงยังมีราคาแพง ผู้ป่วยต้องฉีดยา ส่วนยาที่ใช้กดภูมินั้นมักจะนำมาใช้เป็นอย่างสุดท้ายเพราะมีความเสี่ยงสูง

เมื่อดร.อันญาน่านำรากไฮเดรนเยียมาสกัดพบว่า สามารถป้องกันการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง และไม่ส่งผลร้ายต่อระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ ของร่างกาย ถ้ายานี้ใช้รักษาโรคได้จริง ก็จะเป็นการปฏิวัติวงการยาโรคแพ้ภูมิคุ้มกันทีเดียว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

http://variety.teenee.com/science/15123.html

 

ขอบคุณในความรู้ใหม่

 

แล้วยากลางบ้านของคนไทย เคยใช้มารักษาโรคบ้างหรือเปล่าค่ะ อยากทดลองเอารากมาต้มกิน แต่ไม่กล้าแงะ..