๑๑/๑๗ อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ พาหุง มหาการุณิโก และชินบัญชรคาถา

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 9 ตุลาคม 2014.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    กระผมมีความสนใจ และนับถือพระพุทธศาสนาอย่างจริงใจ และมีความสนใจในพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เจ้า (พระอริยสงฆ์) อย่างเชื่อมั่น และมีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ว่าผู้ใดทำกรรมอันใดไว้ดีหรือชั่วจะต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น
    เมื่อกระผมจบการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ด้วยความรักในเครื่องแบบทหาร จึงได้สมัครเข้าเป็นนักเรียนนายสิบเหล่าทหารช่าง พ.ศ. ๒๔๙๗ หลักสูตรประจำ ๑ ปี เมื่อจบการศึกษาได้รับยศเป็นสิบโท และได้เข้ารับราชการในเหล่าทหารช่าง อ.เมือง จ.ราชบุรี จากนั้นกระผมได้ใช้เวลาว่างศึกษาเพิ่มเติมเสมอมา จนสอบได้ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) เทียบเท่าอนุปริญญาวิชาชีพจากกรมการฝึกหัดครูกระทรวงศึกษาธิการ และได้ศึกษาต่อจนได้รับปริญญาตรี “ศึกษาศาสตร์บัณฑิต” วิชาเอกบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และได้รับราชการทหารตลอดมา ได้ประสบกับปัญหา อุปสรรคบางประการอันเป็นธรรมดาของชีวิต จนได้รับยศเป็นพันโทเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕
    นับว่าโชคดีที่มีคุณแม่เป็นผู้ถือศีล ๘ ตั้งแต่กระผมจำความได้ คุณแม่จะไปถือศีล ๘ ที่วัดในวันพระเป็นประจำจนกระทั่งวาระสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึงเมื่ออายุได้ ๗๙ ปี กระผมไม่ดื่มสุรา และไม่สูบบุหรี่ ไม่รับประทานเนื้อโคมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อของกระผมเป็นตัวอย่าง ท่านไม่ชอบเรื่องเหล่านี้จนเป็นนิสัยที่ติดตัวกระผมมาจนถึงปัจจุบันนี้
    ชีวิตในการรับราชการของกระผม เริ่มมีปัญหาและอุปสรรคดังนี้ คือ
    กระผมจะต้องปรับย้ายเป็นตำแหน่งประจำ เพื่อพักรอเกษียณอายุราชการ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ สำหรับข้าราชการทหาร ผู้ใดจะพักรอเกษียณอายุราชการ ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นของหน่วย จะพิจารณาให้ได้ยศสูงขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติ

    กระผมได้เสนอเรื่องขอปรับย้าย ให้ขึ้นครองอัตราพันเอก ตามระเบียบการปรับย้าย ประจำปี พ.ศ.๒๕๓๙ แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูงระดับกรม และมีปัญหาขัดข้อง เนื่องจากมีกำลังพลเป็นจำนวนมาก จึงดูเหมือนว่ากระผมจะหมดโอกาสที่จะได้รับยศเป็นพันเอก ก่อนเกษียณอายุราชการ
    ข้อสังเกต กำลังพลที่ไม่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่ จะได้รับการพิจารณาให้ได้เป็น พันเอก แต่สำหรับกระผม เป็นผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เพราะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ตรงตามคำสั่งกองทัพบกที่ ๕๘๖๑๒๕๓๒ ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒ กำหนดไว้ว่า ข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตรยศ พันโท จะเลื่อนขึ้นครองอัตรา พันเอก จะต้องมีคุณวุฒิปริญญาตรีทุกสาขา ที่สำนักงาน ก.พ. รับรอง แต่กระผมไม่ได้รับการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูง สำหรับกำลังพล ยศพันโท ไม่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งได้รับการผ่อนผันให้เป็น พันเอก ได้จนถึง ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้รับการพิจารณาเลื่อนขึ้นให้ครองอัตรา พันเอกเป็นจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่คำสั่งกองทัพบกดังกล่าว ได้กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ไว้ว่า ให้หน่วยพิจารณากำลังพล ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีก่อน แต่ผู้บังคับบัญชาอาจจะเห็นใจกำลังพล ที่ไม่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งจะหมดโอกาสเป็น พันเอก ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๙ ตามคำสั่งของกองทัพบก ซึ่งได้กำหนดระยะเวลาไว้แน่นอน จึงได้พิจารณา ผู้ไม่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีก่อนก็อาจเป็นได้
    กระผมเป็นข้าราชการทหารผู้หนึ่ง มีระเบียบวินัยและเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเสมอ แต่ครั้งนี้กระผมคิดว่ามันอาจจะเป็นอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่ได้เสนอชื่อกระผมไป
    กระผมได้ไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ แผ่เมตตาให้สัตว์โลก และเจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ และได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม – ธรรมปฎิบัติ ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ตั้งแต่เล่ม ๑ ถึงเล่ม ๙ โดยบุตรสาวคนที่ ๒ ได้เคยมาปฏิบัติที่วัดอัมพวันนำมาให้อ่าน กระผมจึงได้สวดพุทธคุณ พาหุง มหาการุณิโก ตามแนวทางของหลวงพ่อจรัญ อย่างเชื่อมั่นและศรัทธา
    ก่อนอื่นผมเคยได้รู้จักหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เมื่อหลวงพ่อได้ไปบรรยายธรรมเรื่องกฎแห่งกรรม ที่สโมสรนายทหารกรมการทหารช่าง จังหวัดราชบุรี หลังจากบรรยายธรรมแล้ว หลวงพ่อได้แจกรูปเหมือนของหลวงพ่อเป็นเหรียญให้แก่ข้าราชการทหารในกรมการทหารช่าง ในวันนั้นกระผมได้รับแจกด้วยเช่นกัน ขณะนั้นกระผมมียศเป็นร้อยโท และได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หลวงพ่อบอกว่าเป็นเหรียญที่ระลึกที่หลวงพ่อได้ชดใช้กรรมในสมัยที่เป็นเด็ก หักคอนก ซึ่งในเวลาต่อมาหลวงพ่อก็ได้ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ชนกันจนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นคอหักในวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๑ ดังที่ได้ทราบกันทั่วไปแล้ว จึงได้สร้างเหรียญดังกล่าวขึ้นเรียกว่าเหรียญหลวงพ่อคอหัก และกระผมได้มอบเหรียญนี้ให้แก่บุตรสาวคนที่ ๒ ซึ่งนับถือหลวงพ่อมาก เหรียญที่ระลึกนี้กระผมได้สอบถามเพื่อนข้าราชการทหารที่ได้รับแจกในวันฟังธรรมจากหลวงพ่อในวันนั้นซึ่งยืนยันว่าได้รับแจกคนละ ๑ เหรียญ แต่หาไม่พบ แต่ของกระผมยังอยู่ จึงมีความภูมิใจมาก
    ต่อมากระผมได้อ่านหนังสือพระเครื่อง “ลานโพธิ์” ฉบับที่ ๖๑๕-๖๔๐ เขียนโดยประเจียด คงศาสตรา ได้เขียนประวัติหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว จังหวัดนครสวรรค์ โดยอ้างว่าเขียนจากคำบอกเล่าของของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ว่าหลวงพ่อเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเดิม ในหนังสือนั้นได้เขียนประวัติของหลวงพ่อเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเขียนจากคำบอกกล่าวของหลวงพ่อจรัญ กระผมได้ซื้อหนังสือพระเครื่อง “ลานโพธิ์” ตั้งแต่เล่ม ๖๑๕-๖๔๐ และอ่านจนจบเพราะกระผมนับถือหลวงพ่อเดิมมาก ท่านเป็นอริยสงฆ์ ด้วยเหตุนี้กระผมจึงเพิ่มความเคารพนับถือหลวงพ่อจรัญมากและเชื่อว่าหลวงพ่อเป็นอริยสงฆ์ในพระพุทธศาสนารูปหนึ่ง
    เมื่อกระผมมีปัญหาและอุปสรรคในการขอเลื่อนตำแหน่งเป็นอัตรา พันเอกก่อนเกษียณอายุราชการดังได้กล่าวไว้แต่ต้น จึงได้ให้บุตรสาวคนที่ ๒ ซึ่งเคยปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันของหลวงพ่อ พากระผมไปพบหลวงพ่อจรัญ ที่วัดในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตรงกับวันพระขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ กระผมได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อ จากนั้นได้กราบนมัสการหลวงพ่อเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. และได้ขออนุญาตหลวงพ่อเพื่อถามปัญหา ๒ ข้อ
    ๑. โรคประจำตัวที่เป็นอยู่จะรักษาหายหรือไม่ มีเวรกรรมที่จะต้องแก้ไขอย่างใดหรือไม่ หลวงพ่อตอบว่ากินยาก็จะหายเอง ไม่มีเวรกรรมอะไร
    ๒. ขอตำแหน่งเป็นพันเอก ขณะนี้ยังมีปัญหาอยู่ จะได้หรือไม่ หลวงพ่อตอบว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ แต่ให้กระผมไปสวด พาหุง ให้มาก ๆ ให้ตั้งใจสวด
    หลวงพ่อได้กล่าวสรุปให้ญาติโยมที่ไปนมัสการในวันนั้น ว่าบางคนบารมียังขาดอยู่ ๕-๑๐ % การสวดพระพุทธคุณจะช่วยได้ แต่ถ้าขาดมากก็ช่วยไม่ได้

    ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นต้นมา กระผมได้ตั้งใจสวดพระพุทธคุณ พาหุง มหาการุณิโกตามที่พิมพ์ในหนังสือคู่มือสวดมนต์หลวงพ่อ สวดทั้งกลางวันและกลางคืนเมื่อมีเวลาว่าง วันละหลายครั้ง และสวดแผ่เมตตา กรวดน้ำ อุทิศบุญกุศล ตามหนังสือสวดมนต์ของหลวงพ่อทุกประการ สวดอยู่นานประมาณ ๓-๔ เดือน กระผมก็ได้รับคำสั่งของกองทัพบกให้ปรับย้ายไปรับราชการหน่วยใหม่ คือหน่วยจังหวัดทหารบกราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี ในตำแหน่งประจำ เพื่อพักรอเกษียณอายุราชการ ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ ตามหลักเกณฑ์
    เมื่อกระผมได้รับการปรับย้ายดังกล่าว จะทำให้หมดโอกาสและสิทธิที่จะได้รับการปรับยศเป็น พันเอก แต่กระผมมีเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบเหล่าทหารช่างมียศเป็นพันเอก (พิเศษ) ได้คอยให้กำลังใจ แนะนำให้เสนอเรื่องไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    ครั้งนี้ผู้บังคับบัญชาหน่วยใหม่คือ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกราชบุรี ท่านได้ลงนามในหนังสือการขอปรับย้ายข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตรในอัตราพันเอกให้วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๓๙ และกระผมได้ส่งเรื่องไปที่กองบัญชาการกองทัพบก กรุงเทพฯ ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๓๙ เจ้าหน้าที่บอกว่าส่งเรื่องมาช้าไปหมดระยะเวลาแล้ว และการพิจารณาก็เสร็จไปแล้วมีจำนวน ๑๐๐ กว่าราย กระผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้ก่อนและช่วยส่งให้อดีตผู้บังคับบัญชาของกระผมด้วย
    ในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๙ กระผมได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่กองบังคับบัญชากองทัพบกว่า เรื่องของกระผมได้รับอนุมัติแล้ว ให้รอคำสั่งต่อไปอีก และในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๓๙ ก็ได้รับคำสั่งให้ครองอัตราพันเอกเป็นที่เรียบร้อย
    เมื่อรับทราบแล้วกระผมจึงคิดว่าอุปสรรคต่าง ๆ มากมายได้ผ่านพ้นไปอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ก็ด้วยอานิสงส์ของการตั้งมั่นอยู่ในความดี รักษาศีลและการสวดพาหุง มหาการุณิโก
    อนึ่ง กระผมขอขอบคุณพลเอกชาญ ประเสริฐสุข เสนาธิการทหารบก ที่ท่านได้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุน กระผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงช่วยดลบัลดาลให้ท่านและครอบครัวมีความสุขความเจริญตลอดกาลนาน
    กระผมมีความมั่นใจ และศรัทธาในการสวดพระพุทธคุณ พาหุง มหาการุณิโก และชินบัญชรคาถา ย่อมได้รับอานิสงส์ ดังที่หลวงพ่อจรัญได้ให้คติธรรมไว้ว่า “สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน”
    กระผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย จงช่วยคุ้มครองให้หลวงพ่อจรัญ (พระราชสุทธิญาณมงคล) มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อสร้างคนต่อไป เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนชั่วกาลนาน
    ขอนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูง
    พันเอก อัมพร เอี่ยมละออ
     

แชร์หน้านี้

Loading...