ღ:ทำบุญในวันแห่งความรัก:ღ..ที่"วัดมหาธาตุ"

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 3 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทำบุญในวันแห่งความรักที่ "วัดมหาธาตุ"
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 กุมภาพันธ์ 2552 15:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : หนุ่มลูกทุ่ง


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระอุโบสถของวัดมหาธาตุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>อาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้ก็จะเป็นวันแห่งความรักของพวกเราชาวพุทธ ที่ไม่ใช่ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์ แต่เป็น "9 กุมภา วันมาฆบูชา"(วันจันทร์) ที่เหล่าพุทธศาสนิกชนต่างก็จะพากันมาทำบุญไหว้พระ และเวียนเทียนกันในตอนค่ำเพื่อเป็นการทำบุญทำกุศลและทำจิตใจให้เป็นสมาธิ

    วันนี้ฉันก็มีวัดดีๆมาแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่รู้จะไปทำบุญกันที่ไหน วัดนี้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แถวๆท่าพระจันทร์นี่เอง นั่นก็คือ "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร" ที่มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่และน่าสนใจมากทีเดียว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศเงียบสงบภายในบริเวณวัดมหาธาตุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วัดมหาธาตุฯ เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ "วัดสลัก" แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อไรและใครเป็นคนสร้าง ต่อมาเมื่อสมเด็จพระพระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานีมาตั้งอยู่ที่กรุงธนบุรีแล้ว ก็ทรงกำหนดพื้นที่สร้างพระนครทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา วัดสลักก็ได้เข้าอยู่ในเขตพระนครด้วยจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง

    จากชื่อวัดสลัก วัดนี้ได้เปลี่ยนชื่อมาหลายต่อหลายครั้งก่อนจะมาเป็นวัดมหาธาตุฯ โดยในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วัดสลักนี้มีอาณาบริเวณอยู่ใกล้กับพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรฯ มหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้น

    เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตก และสมเด็จพระเจ้าตากสินกำลังยกทัพเรือจากจันทบุรีมาที่บางกอก เรือของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทยังติดอยู่ระหว่างทางใกล้กับวัดร้างแห่งหนึ่ง เมื่อเรือของข้าศึกไล่มาจวนตัวเข้า ก็คิดหาทางเพื่อหลบจากกองทัพพม่า จึงได้นำเรือเข้าชิดฝั่งแล้วคว่ำเรือลง พร้อมกับตรัสอธิษฐานกับพระในวัดร้างนั้นว่า ถ้ารอดจากข้าศึกไปได้ จะกลับมาบูรณะพระอารามให้วิจิตร ซึ่งวัดแห่งนั้นก็คือวัดสลักนั่นเอง และหลังจากที่บ้านเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงบูรณะวัดอย่างที่ตั้งใจ แล้วก็ถวายนามชื่อวัดใหม่ว่า "วัดนิพพานาราม"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงมีพระราชปรารภกับกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเรื่องทำสังคายนาพระไตรปิฎก และทรงพระราชดำริเห็นพ้องต้องกันว่าควรใช้สถานที่ที่วัดนิพพานารามเป็นที่ประชุมในการทำสังคายนา เพราะตั้งอยู่ระหว่างวังหลวงกับวังหน้า สะดวกที่ทั้งสองพระองค์จะทำการอุปภัมภ์ให้การทำสังคายนาลุล่วงไปโดยเรียบร้อย หลังจากนั้นจึงทรงโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่อีกครั้งเป็น "วัดพระศรีสรรเพชญดาราม"

    หลังจากที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสวรรคตแล้ว รัชกาลที่ 1 ก็ทรงโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่อวัดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ใช้ชื่อเก่ามาได้ 15-16 ปี โดยคราวนี้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดมหาธาตุ" โดยสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงสันนิษฐานเหตุในการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ว่าเพราะในพระนครหรือเมืองหลวงย่อมต้องมีวัดมหาธาตุเป็นหลัก และวัดแห่งนี้ก็มีพระเจดีย์ที่พระบรมสารีริกธาตุไว้ในพระมณฑป อีกทั้งวัดนี้ยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชเหมือนวัดมหาธาตุที่กรุงเก่าอีกด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=266 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=266>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระนาค ในวิหารโพธิลังกา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>แต่ชื่อวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นถูกเพิ่มเติมขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารทรงสวรรคต รัชกาลที่ 5 จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์อันเป็นส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯให้ปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุจนสำเร็จ แล้วจึงโปรดเกล้าฯให้เพิ่มสร้อยต่อชื่อวัดเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์นั้นว่า "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์" ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้สืบต่อกันมาจนทุกวันนี้

    เพียงแค่ที่มาของชื่อวัดก็พูดกันได้ยาว แต่หากจะยาวกว่านี้คงจะไม่เหลือเนื้อที่ให้ชมสิ่งต่างๆ ภายในวัด เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า เราเข้าไปเดินชมในวัดกันเลยดีกว่า ฉันเริ่มต้นสำรวจวัดมหาธาตุทางด้านฝั่งสนามหลวงกันก่อน ในบริเวณนี้หลายๆ คนคงจะเคยเห็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่โดดเด่นตรงหัวมุมถนน บางคนก็ทราบว่าเป็นอนุสาวรีย์ของใคร แต่บางคนก็ยังไม่ทราบ จึงขอเฉลยให้ว่านี่คือพระบวรราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเป็นผู้ที่โปรดเกล้าฯให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดจนงดงามอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระประธานในพระวิหาร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เดินอ้อมหลังพระบวรราชานุสาวรีย์ไปแล้วก็จะเห็นวิหารเล็กๆอยู่หลังหนึ่ง นั่นก็คือ "วิหารโพธิลังกา" ซึ่งบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของพระตำหนักอันเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งยังทรงผนวชและได้มาประทับที่วัดมหาธาตุเพื่อทรงศึกษาภาษาบาลี แต่ปัจจุบันได้สร้างวิหารโพธิลังกาไว้แทน และภายในวิหารนั้นก็ได้ประดิษฐาน "พระนาค" พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยไว้ สามารถเข้าไปกราบไหว้กันได้

    เดินออกจากวิหารโพธิลังกา ฉันมองเห็นกำแพงใหญ่เป็นแนวยาวไปตลอดทาง นั่นก็คือพระระเบียงที่ล้อมรอบพระอุโบสถ พระวิหาร และพระมณฑปเอาไว้ เมื่อฉันเดินเข้าไปด้านในพระระเบียงซึ่งมีพระพุทธรูปเรียงกันไปตลอดแนวก็พบกับความงดงามและเงียบสงบ ผิดกับด้านนอกที่เปิดให้เป็นที่จอดรถ มีทั้งคนทั้งรถพลุกพล่านจอแจไม่น้อย

    สำหรับพระอุโบสถและพระวิหารนั้นเป็นของสร้างใหม่ในสมัยที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงบูรณะวัด เนื่องจากของเดิมถูกไฟไฟไหม้ไปแล้ว การสร้างครั้งใหม่นี้สันนิษฐานว่าเป็นการสร้างให้ใหญ่โตกว่าแต่ก่อน ดังนั้นพระอุโบสถ พระวิหาร และพระมณฑปจึงตั้งอยู่ค่อนข้างเบียดชิดกันสักเล็กน้อย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระประธานในพระอุโบสถ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ฉันเข้าไปกราบพระภายในพระวิหาร ซึ่งด้านในมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน พระวิหารหลังนี้มีการบูรณะอีกหลายครั้งด้วยกัน ทั้งในสมัยรัชกาลที่ 3 และสมัยรัชกาลที่ 5 โดยการบูรณะในครั้งนั้นก็ได้มีการบูรณะบริเวณหน้าบันของพระวิหาร เปลี่ยนลายเป็นรูปจุลมงกุฎของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นศิลปะการจำหลักไม้ หน้าบัน ประดับกระจกลงรักที่งดงามมากชิ้นหนึ่ง

    พระวิหารนั้นเปิดให้คนเข้าไปสักการะได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่สำหรับพระอุโบสถนั้นปกติแล้วจะปิดไว้ และจะเปิดในช่วงเช้าและเย็นตอนที่พระเข้าไปทำวัตร ดังนั้นฉันจึงรอเวลาห้าโมงเย็น เมื่อหลวงพี่รูปหนึ่งมาเปิดประตูโบสถ์แล้วฉันจึงขออนุญาตท่านเข้าไปกราบพระด้านในและชมภายในพระอุโบสถด้วย

    เมื่อเข้าไปด้านในแล้วฉันก็ต้องตกตะลึงกับความใหญ่โตของพระอุโบสถที่พระสงฆ์สามารถเข้าไปทำสังฆกรรมได้มากถึง 1,000 รูปเลยทีเดียว ภายในพระอุโบสถมี “พระศรีสรรเพชญ์” พระพุทธรูปปางมารวิชัย ฝีมือปั้นของช่างวังหน้าคือพระยาเทวารังสรรค์ โดยนามของพระพุทธรูปนั้นก็ตั้งตามชื่อวัดในสมัยนั้น และยังเป็นพระพุทธรูปที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงเคารพศรัทธาสูงสุด โดยพระองค์ได้ถวายพระแสงดาบคู่พระองค์ทำเป็นราวเทียน และโปรดให้จุดเทียนเรียงติดไว้ที่พระแสงเป็นพุทธบูชาอีกด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุภายในพระมณฑป</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ออกจากพระอุโบสถแล้วคราวนี้มาดูพระมณฑปกันบ้าง พระมณฑปนั้นสร้างขึ้นใหม่ในครั้งที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงบูรณปฏิสังขรณ์วัด แต่เดิมนั้นพระมณฑปนี้มีเครื่องยอดอย่างปราสาท ได้รื้อมาจากที่เตรียมไว้สร้างปราสาท กลางสระ ในพระราชวังบวรสถานมงคล แต่ต่อมาได้เกิดไฟไหม้ จึงมีการปฏิสังขรณ์อีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยภายในพระมณฑปนั้นเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุ บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนฐานเจดีย์บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกหรือพระราชบิดาของพระองค์ เจดีย์องค์นี้ถือเป็นศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์ที่สุดชิ้นหนึ่ง แต่หากใครอยากเข้าไปชมคงต้องรอเฉพาะวันพระ หรือจะไปในวันมาฆบูชาที่จะถึงนี้ก็ได้

    ที่วัดมหาธาตุนี้ยังสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ถือเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ "ตึกถาวรวัตถุ" อาคารสีน้ำตาลที่อยู่ด้านหลังวัดใกล้กับสนามหลวงเป็นสถานที่เล่าเรียนของพระสงฆ์ โดยอาคารหลังนี้ รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นด้วยเหตุผลสองอย่างก็คือเพื่อให้เป็นสถานที่เล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย เพราะหลังจากที่โปรดเกล้าฯให้ตั้งมหาธาตุวิทยาลัยขึ้นที่วัดมหาธาตุแล้วแต่ยังไม่มีสถานที่เรียนที่เหมาะสม


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ตึกถาวรวัตถุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จสวรรคต ตามพระราชประเพณีแล้วจะต้องสร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่ตามพระเกียรติยศขึ้นที่ท้องสนามหลวง แต่รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริว่าเป็นการสิ้นเปลืองเพราะเป็นการสร้างสำหรับใช้งานชั่วคราวเท่านั้น พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างตึกถาวรวัตถุขึ้นแทน เพื่อหลังจากที่เสร็จงานพระเมรุแล้วจะได้ถวายให้วัดมหาธาตุต่อไป


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 สอบถามรายละเอียดโทร.0-2221-4859, 0-2222-1867 การเดินทาง มีรถประจำทางสาย 3, 30, 32, 33, 39, 43, 51, 53, 59, 64, 70, 80, 91, 123, 124, 203

    </TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    -------------
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000012544
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2009
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลเจ้าค่ะ...
     
  3. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    คราวก่อนไปเค้ายังบูรณะอยู่เลยเสร็จแล้วสวยจัง น่าไปเนาะ อยากไปไหว้พระเก้าวัดจัง
     
  4. Omjai_N

    Omjai_N เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +174
    ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าภายในจะงดงามขนาดนี้ เคยไปท่าพระจันทร์แต่ไม่เคยเข้าไปในวัด อย่างน้ต้องไปแล้วละค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ อนุโมทนา สาธุด้วยค่ะ
     
  5. kacher

    kacher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +235
    ใกล้บ้านเอง อิอิ...วันมาฆบูชาว่าจะไปเวียนเทียนอยู่
     
  6. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
    ป.ล. เห็นคุณโบราณคดี ประกาศเรียนเชิญร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าเนื่องในวันมาฆบูชา ที่วัดนี้ด้วยนี่คะ ผู้ใดสนใจเชิญดูรายละเอียดได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะคะ อนุโมทนากับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านค่ะ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=172262
     
  7. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ไปเดินเล่นบ่อยครับ ท่าพระจันทร์แล้วก็วัดมหาธาตุฯ
    ชอบร้านหนังสือธรรมะข้างวัด มีหนังสือธรรมะหลากหลาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...