“พระราชกรณียกิจ”ในหลวง เพื่อ“ปวงชน”

“พระราชกรณียกิจ”ในหลวง เพื่อ“ปวงชน”

• วันพฤหัส 8 มีนาคม 2555 14:30

“พระราชกรณียกิจ”ในหลวง เพื่อ“ปวงชน”​

​

​

ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการตลอด 65 ปี แห่งการครองราชย์ และเป็นการร่วมเทิดพระเกียรติในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักราชเลขาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ได้ผนึกกำลังกันจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “84 พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา” โดยงานแถลงจัดขึ้นที่ห้องประชุม 101 อาคารสำนักงาน กปร. เมื่อวันก่อน

ทั้งนี้งาน “84 พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เปิดงานในวันที่ 8 มีนาคม เวลา 17.00 น.พร้อมพระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวดในเรื่องต่างๆ ทีมีการดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2554 ด้วย


“ในแต่ละวันจะจะมีการบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ติดตามงาน และสนองพระราชดำริ อาทิ อำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี บรรยายหัวข้อ “คุณประโยชน์ คุณค่า ประจักษ์ตา จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายหัวข้อ “ธุรกิจพอเพียงหยุดยั้งคอรัปชั่น” ปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิปดีกรมชลประทาน ร่วมบรรยายเรื่อง การบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ เป็นต้น


นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ การเสวนาในหัวข้อปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การอนุรักษ์ป่ารักน้ำตามรอยพระราชดำริ ฯลฯ รวมไปถึงกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบต่างๆ มากมาย” เลขาธิการ กปร.แจงรายละเอียด


ทางด้าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 65 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงตระเวนไปทั่วทุกมุมของแผ่นดินจนแทบไม่มีตรงไหนที่ไม่ทรงเสด็จไป โดยทรงศึกษาว่าที่ไหนมีปัญหาบ้าง ก็จะเสด็จฯ ไปแก้ไขโดยทันที แต่สิ่งไหนที่สูญเสียไปแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะตามไปดูแลให้ฟื้นฟูกลับคืนมาด้วยต่างๆ นานา ส่วนตรงไหนสมดุลอยู่แล้วก็พยายามรักษาไว้ให้ได้


…วิธีที่พระองค์ท่านใช้ช่วยเหลือประชาชนตลอด 65 ปีที่ผ่านมา ปรากฏเป็นองค์ความรู้ขึ้นมากมาย หลายสิ่งที่ไม่มีในตำรา เป็นเรื่องแปลกใหม่ที่พระองค์ท่านคิดขึ้นเองจนนำไปสู่การจดสิทธิบัตร และจากองค์ความรู้เหล่านั้นกลายมาเป็นนิทรรศการ “84 พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา” ซึ่งเป็นนิทรรศการร้อยเรียงเรื่องราวนับจากพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ แนวพระราชดำริ รวมถึงหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดทั้งเป็นการนำเสนอผลสำเร็จในโครงการพระราชดำริกว่า 4,100 โครงการที่ทรงพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย เพื่อจะน้อมนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติต่อไป”


ดร.สุเมธฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “…ต้องติดตามประมวลผลและถวายรายงานทุก ๓-๔ เดือน ต้องประมวล ติดตามผลกระทบเป็นอย่างไร ประชาชนเขาเปลี่ยนไปไหม รายได้เป็นอย่างไร สภาพแวดล้อม ป่า น้ำ ได้รับการฟื้นฟูไหม ต้องติดตามประมวลผลอย่างใกล้ชิด ทำเป็นระบบและทูลเกล้าฯถวาย จะทำแบบหละหลวมไม่ได้ เนื่องจากพระองค์ทรงติดตามเรื่องด้วยพระองค์เอง บางปีถัดมาเสด็จฯ ซ้ำในพื้นที่เดิม ในพระหัตถ์จะมีรายงานนั้นอยู่ จริงไม่จริงทรงรู้ โดยทรงตรวจติดตามความก้าวหน้าของโครงการอีกครั้งด้วยพระองค์เอง ตลอดจนพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยในการแก้ไขปัญหาของราษฎรเพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ..”


“ …ใครๆ มักคิดว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไม่มีใครมาตรวจสอบ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เราทำกันอย่างเข้มงวดมาก เพราะจะผิดพลาดไม่ได้ ต้องระมัดระวังเพิ่มอีกหลายเท่า เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม ย่อมส่งผลต่อสถาบัน ต้องระวังทุกอย่างก้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กำชับให้หน่วยปฎิบัติห้ามอ้างว่าเป็นโครงการพระราชดำริ ต้องให้ประชาชนเขาทำด้วยความเต็มใจ

…ทุกโครงการต้องผ่านระบบราชการมีตรวจสอบไม่ได้มีอภิสิทธิ์อะไร จำได้ว่านำแบบฟอร์มให้คณะกรรมาธิการงบประมาณตรวจสอบ ซึ่งเขาเข้มงวดมากกับการติดตามประเมินผล เมื่อตรวจสอบแล้วคณะกรรมาธิการงบประมาณบอกว่า อยากให้การติดตามประเมินผลของสำนักงานเลขานุการ กปร.เป็นต้นแบบให้กับหน่วยรายการทุกหน่วยดำเนินการตามนี้ด้วย นั้นคือ งานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจึงได้รับการเชื่อถือว่า ทำอย่างรัดกุมรอบคอบที่สุด ไม่มีหน่วยราชการไหนจะทำละเอียดถี่ถ้วนทุกมิติเท่ากับที่สำนักงานเลขานุการ กปร.ทำ ทำให้ได้รับการยอมรับในเรื่องนี้มาก


…ถือได้ว่างานประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น มีสภาพัฒน์เป็นหน่วยงานเริ่มต้น เหมือนกับอีกหลายหน่วยงานในประเทศที่แตกรากมาจากสภาพัฒน์ เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน”


ส่วนทางด้านนายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการ กปร.เผยว่า โครงการพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการจะถูกเล่าในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต เป็นการนำของจริงมาเล่า เอาองค์ความรู้มาเล่าถึงผลสำเร็จจากผู้ที่น้อมนำไปใช้ ซึ่งแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานลงมาสามารถนำไปใช้ได้ไม่จำกัดเฉพาะภาคเกษตรเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไป ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนก็สามารถนำไปใช้ได้ด้วยเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป.





+++++++++
“พระราชกรณียกิจ”ในหลวง เพื่อ“ปวงชน” | สำนักข่าวเจ้าพระยา


***ขอขอบคุณ คมชัดลึก และ www.gotoknow.org

 

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ [www.marateebook.com]

 

100050050

หากวันใด เดือนใด คนไทย ชาวไทย ขาดพระองค์ท่าน ไพร่ฟ้า ข้าราชการของแผ่นดินพสกนิกร ทุกหมู่เหล่า คงเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ[www.marateebook.com]

 

ขอจงทรงพระเจริญ...
รักในหลวงครับ.......

 

เป็นบุญเหลือเกินที่ได้เกิดบนแผ่นดินของพระองค์

 

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน