“หลง” เป็นโลก “รู้” เป็นธรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 11 ธันวาคม 2010.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,238
    ▪ ขณะที่หลงไปเป็นจิตตสังขารกับขณะที่รู้จิตตสังขาร มันต่างกัน ขณะที่หลงเป็นโลก ขณะที่รู้เป็นธรรม

    ▪ ผู้ปฏิบัติมักคิดว่าตัวเองรู้ แต่จริง ๆ ไม่รู้หรอก

    ▪ ขาดความรู้ตัว หลงไปเป็นโลก แล้วสะดุดใจ รู้ตัว พอรู้แล้วว่าตัวเองไปเป็นโลก ก็เป็นธรรม

    ▪ เมื่อวานอึดอัด คับข้องใจ ที่ฟังธรรมแล้วไม่เข้าใจ แต่วันนี้ฟังแล้วเข้าใจ ลื่นไหล รู้เรื่องตลอดสาย รู้สึกสบายใจ โล่ง ๆ ที่รู้ว่าวันนี้เป็นแบบนี้ ไม่เหมือนเมื่อวาน ก็รู้อย่างที่มันเป็นจริงทุกขณะปัจจุบัน ถ้ารู้ว่าตอนนี้เข้าใจแล้ว แบบนี้เป็นธรรม แต่ถ้ารู้ว่าตอนนี้เข้าใจแล้ว รู้สึกสบายใจ แล้วก็เพลิดเพลินใจไปกับสิ่งต่าง ๆ แบบนี้ไม่รู้ตัว เพราะไปยึดเอาตัวที่สบายใจ โปร่ง โล่ง เบา ตัวนี้เป็นโลก ถ้าขาดความรู้ตรงนี้ไป มันไม่ได้แตกต่างหรือดีไปกว่าอาการอึดอัด คับข้องใจเมื่อวานหรอก แม้เข้าใจ สบายใจ โล่ง โปร่ง เบา

    โดยไม่มีตัณหา นี่แหละเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ก็จะบรรลุพระนิพพาน ไม่ใช่ว่าปัจจุบันไม่รู้ แต่หวังจะเป็นนิพพานในอนาคต

    ▪ ตอนเรากำลังมีตัณหา มีความอยาก อยากรู้ อยากเห็น อยากเข้าใจ ตอนนั้นมัน
    ไม่เห็นหรอกว่าเราอยาก เพราะเราเป็นผู้อยาก

    ▪ ความรู้ ความเข้าใจ ในหลักธรรมคำสอนมากเท่าไร ก็เป็น “โลก” ความรู้จากการที่รู้ตนเองทุกขณะจิตปัจจุบัน เป็น “ธรรม” แต่ที่เราเอาตัวเองไปตามดูรู้เห็นจิตมันเป็นหลง การเอะใจรู้สึกในแต่ละครั้งตัวทำให้สิ้นหลงทุกครั้ง

    ▪ หลงแล้วเอะใจขึ้นมาบ่อย ๆ จะทำให้หลงน้อยลงไปเรื่อย ๆ สมมติว่าหายหลงไปร้อยละ 25 เปรียบสมมติว่าได้โสดาบัน หายหลงไปร้อยละ 50 เปรียบสมมติว่าได้สกิทาคามี หายหลงไปร้อยละ 75 เปรียบสมมติว่าได้อนาคามี หายหลงไป 100 เปอร์เซ็นต์ เปรียบสมมติว่าเป็นอรหันต์

    ตลอด มันก็เป็นแค่อาการที่ถูกรับรู้ เป็นสังขารปรุงแต่ง เป็นโลก ไม่ใช่ธรรมที่ได้แต่รู้ ม

    ▪ เดี๋ยวก็มีอาการสบายใจ ไม่สบายใจ เดี๋ยวก็เป็นปกติกลาง ๆ อาการเหล่านั้นเป็นสังขารปรุงแต่ง แต่ธาตุรู้ไม่มีการเกิดดับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นอมตธรรม นิพพานธาตุ สบายใจ หรือไม่สบายใจก็รู้ รู้แบบนี้ไปตลอดชีวิต

    ▪ สบาย ไม่สบาย เฉย ๆ หรือมีอารมณ์ เป็นสิ่งที่ถูกรู้ เปลี่ยนแปลงไปได้ เป็น “สังขาร” แต่ “รู้” เป็น “วิสังขาร” ไม่มีอาการเกิดดับ หรือเปลี่ยนแปลง ได้แต่รู้เขาตะพึดตะพือ ไม่อาจจะถูกรู้ได้ แค่รู้สักแต่ว่ารู้ จึงเป็นนิพพาน

    ▪ ลังเลสงสัย อยากให้เข้าใจ อยากได้คำตอบเดี๋ยวนี้ มันเป็นกิเลส ตัณหา หลงเป็นสังขารปรุงแต่ง

    ▪ ถ้ามีตัณหาปนในความคิด จะเป็นกิเลส คือ ในใจยังคาใจว่า อีกนิดนึงจะเข้าใจ อีกนิดนึงก็สบายแล้ว แบบนี้เป็นตัณหา ตรงข้ามพระนิพพาน ต้องทิ้งตัณหาก่อน ต้องรู้ รู้โดยที่ไม่ต้องการคำตอบ ที่รู้ว่าตัวเราเป็นยังไงอย่างตรงไปตรงมาทุกขณะจิตปัจจุบัน


    easydhamma.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...