สมัยเด็กๆ แม่เล่าให้ฟังว่าฉันมักมีอาการป่วยบ่อย ต้องหาหมอแล้วเกือบตายไม่รู้กี่ครั้ง จนแม่คิดว่าฉันคงไม่รอด การนำฉันส่งเข้าออกโรงพยาบาล จนอาจารย์หมอและพี่พยาบาลมักคุ้นหน้าฉัน หรือมาทักทายแม่ของฉันด้วยความคุ้นเคยตั้งแต่แบเบาะ ต่างมาเยี่ยมเยียนหรือกลายเป็นคนรู้จักมักคุ้นกันไป ฉันจำเรื่องแม่ซื้อไม่ได้ชัดเจนนัก แต่จำได้ว่าเวลาจะเกิดเรื่องร้ายแรง หรือ เวลาที่ฉันเศร้าใจ จะมีร่างหนึ่งที่ฉันมองไม่เห็น อาจจะเรียกว่าความรู้สึกเหมือนมือคนโอบกอดจากฉันด้านหลัง เพื่อประโลมใจฉันว่า “ไม่เป็นไร” หรือเวลาที่เจอสิ่งไม่ดี หรือ เวลากลับบ้านดึก ฉันจะรู้เสมอว่ามีอีกร่างหนึ่งเดินตามฉันด้วยความเป็นห่วง แม้ฉันไม่สามารถสัมผัสหรือเห็นร่างได้ชัดเจน หากเรื่องนี้ยังมีความดีอยู่บ้างฉันขออุทิศให้มาซื้อหรือวิญญาณผู้มีพระคุณของฉัน
ฉันลืมเรื่อง”แม่ซื้อ”ไปนานมากแล้ว จนกระทั้งแม่พาฉันไปกราบคุณยายชราท่านหนึ่ง แล้วบอกว่าลูกสาวมักเจอเรื่องแปลกๆ ตั้งแต่เด็ก เช่นนอนผวาสะดุ้งตื่น หรือ มักเจออะไรรบกวนบ่อยๆ ขนาดห้อยพระก็แล้ว สิ่งรบกวนก็ไม่เคยหายไป ฉันเป็นคนหัวสมัยใหม่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ และมองว่าสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นเพียงแค่ความเชื่อมากกว่า ถึงแม้จะรู้ว่ามีอีกคนหนึ่งที่ไม่มีร่างกาย แต่มักมาปรากฏกายก่อนวันพระพร้อมกลิ่นไม้หรือเครื่องหอม เพื่อเตือนให้ฉันไปทำบุญ หรือมาเตือนฉันตั้งแต่เด็กๆ คุณยายแต่งชุดเสื้อขาวหลวมๆและกางเกงสีขาว ร่างวัยแปดสิบกลับมีรอยยิ้มละมุน ผมขาวสีดอกเลาทั้งหัว แต่เดินแลยืนนั่งอย่างคล่องแคล่ว ยายมองหน้าฉันนิ่งและยิ้ม “มานี่ มานี่ รู้มานานแล้วนี่ว่ามีคนตามดูแล” ฉันฉงนในคำพูดของยายชรา เอยายรู้ได้อย่างไร ฉันจึงโพล่งถามคำถามที่เก็บไว้ในใจของฉันมานาน “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร คนที่ตามดูแลหนู ทำไมเค้ายังไม่ไปภพภูมิที่เหมาะสม คะยาย หนูต้องอุทิศบุญให้เค้ายังไงคะยาย” แม่ฉันเหลือบตามอง เหมือนนึกเหตุการณ์หลายอย่างออก แม่พึมพำเบาๆ ว่า “แม่ซื้อ”
ฉันไม่เคยได้ยินคำว่า”แม่ซื้อ”มาก่อน คำนี้เป็นคำแปลกหูสำหรับฉัน และบ้านฉันเป็นคนที่อยู่กับความเชื่อสมัยใหม่ทีเรียกว่าช่วยคนดีกว่าทำบุญ อาจมีสวดมนต์ ไปวัด แต่เราก็ไม่ได้ไปปฏิบัติ หรือ นั่งเจริญภาวนา แม้ว่าฉันมีโอกาสได้ใกล้ชิดพระผู้ใหญ่หรือพระที่มีวัตรปฏิบัติที่งามบ่อยครั้ง แทนที่ยายจะตอบคำถามกลับบอกว่าเวลาอุทิศบุญให้อุทิศแด่วิญญาณผู้มีพระคุณในภพก่อนด้วย แล้วบอกสั้นๆว่า “ก็มีคนติดตามดูแล หมั่นภาวนา ตั้งใจทำความดีนะ อุทิศให้เค้า” ฉันงุนงงกับคำตอบ แต่แม่มองหน้าฉัน สบตากับคุณยาย แล้วเล่าเรื่องประหลาดเกี่ยวกับฉัน ทั้งที่ฉันเองก็ลืมหรือจดจำเรื่องเหล่านี้ในอดีตไม่ได้
แม่ซื้อ หรือ เทวดาที่ดูแลเด็กทารก แม่บอกว่าสมัยเด็กๆ ตอนฉันเกิด ฉันมักป่วยบ่อยมีร่างกายไม่แข็งแรง เรียกว่าหาหมอจนคนนึกว่าเป็นญาติกับหมอหรือพยาบาลในตึก ฉันมักร้องไหโดยไม่มีสาเหตุ หรือ บางทีกลางคืนก็ยิ้มอ้อๆแอ้ ตอนช่วงเที่ยงคืนถึงตีสี่ แม่บอกว่า มีครั้งหนึ่งแม่เห็นร่างโปร่งใสท่ามกลางความมืดยืนข้างเปลของฉัน จนแม่ตัดสินใจไปปรึกษากับพระปฏิบัติที่แม่นับถือ พระบอกว่าให้ทำบุญใส่บาตรเก้ารูป และ เหรียญบาทเก้าบาทขอซื้อฉันคืน แล้วเรื่องต่างๆก็สงบลง ฉันสุขภาพดีขึ้นและไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยเหมือนแต่ก่อน
แม่เล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฉันและยายชราฟัง ช่วงวัยหกขวบ แม่พาฉันกลับไปหาคุณยายที่ต่างจังหวัด ขึ้นรถทัวร์ แล้วเล่าให้ฟังว่า ฉันร้องไห้อาละวาดไมยอมขึ้นรถ แม่ทั้งตีและดุฉันไม่ยั้ง ฉันก็ไม่มีทีท่าจะสงบลง แต่หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แม่บอกว่า แปลกเพราะฉันไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ แต่คิดว่าฉันคงไม่สบาย เลยอาละวาด จนแม่ยอมเลื่อนตั๋วแล้ว ปล่อยให้ฉันผล็อยหลับและจองรถทัวร์ไปรอบดึกแทน สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ พอถึงจุดแวะพักรถ แม่จะคอยหยอดตู้หรือใช้บัตรโทรศัพท์เพื่อโทรคุยกับญาติว่าถึงไหน ถึงไหน ตอนนั้นรถทัวร์ไปถึงช้ากว่าที่คิด เพราะว่าแม่เลื่อนไปรอบดึกแทน แม่ไปถึงตอนสิบเอ็ดโมง เจอญาติๆบอกว่าดีแล้วที่ไม่ไปรถคันนั้น เพราะรถพลิกคว่ำ ฉันยังเด็กนัก แต่แม่บอกว่าเหมือนมีอะไรมาดลใจ และแม่คิดว่าบางทีแม่ซื้ออาจจะตามมาดูแลก็เป็นได้
ครั้งที่สองแม่บอกว่าเป็นช่วงอายุสิบสองสิบสาม ฉันเตรียมรอการส่งตัวไปโรงพยาบาลหาหมอเพราะสุขภาพเริ่มแย่ลงอีกครั้ง คืนนั้นฉันไข้ขึ้น 39-40องศา แต่ไม่สามารถหาห้องว่างได้ อาการอาจไม่หนักมากแต่พ่อกับแม่กลัวว่าฉันจะเป็นอะไรอีก พยาบาลแนะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และให้โทรหาฉุกเฉินหากอาการฉันทรุดลง เพราะหมอจะออกวันรุ่งขึ้น แม่บอกว่าฉันเพ้อ แล้วอยู่ๆก็หายใจสงบลง ตอนเช้าอาการของฉันทุเลาลง ทั้งที่ยังไม่ได้รับการฉีดยาปฏิชีวนะใดๆ แม่ถามว่าจำได้หรือเปล่า ฉันบอกว่าฉันรู้ตัวอีกทีตอนประมาณห้าทุ่ม พยายามลืมตาว่าอะไร หิวน้ำ แต่รู้สึกว่ามีมือของคนหนึ่งกดเปลือกตาฉันไว้ ฉันลืมตาไม่ขึ้นแล้วมีเสียงคนกระซิบข้างหูเบาๆ “มาช่วยนะ” เป่าลมเย็นเยียบที่คอฉันสามครั้ง ฉันรู้สึกเย็นวาบแต่ไม่อาจขัดขืนได้ ได้แต่หลับตาลง แม่ฟังแล้วนั่งอึ้งสักพัก สรุปว่าฉันไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่แม่เก็บงำประสบการณ์นี้ไว้
ช่วงหลังๆ พอฉันเริ่มโตขึ้น ฉันจะคุ้นเคยกับอาการขนลุกวาบที่คอและไหล่ หรือบางทีจะสัมผัสได้ถึงรูปร่างของคนโอบกอบฉันจากด้านหลัง หรือวันที่ฉันเศร้านั่งร้องไห้เพราะทุกข์ ฉันจะได้กลิ่นดอกไม้หอม กลิ่นดอกไม้ไทยๆ เหมือนน้ำปรุง หรือ น้ำอบสมัยก่อน แล้วกลิ่นนั้นจะทำให้ฉันสงบลงหรือสบายใจขึ้น การพบเจอแม่ซื้อเริ่มชัดเจนมากขึ้น จนแม้กระทั่งฉันย้ายไปอยู่หอกับเพื่อนของฉันเพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปมหาวิทยาลัย บางทียามสวดมนต์เพื่อนฉันก็จะมาสวดด้วย บางทีก็บอกว่าเหมือนเห็นร่างหญิงแก่ทับซ้อนอยู่ด้านหลังของฉันเวลาสวดมนต์ บางทีเพื่อนมักพูดติดตลกหากได้กลิ่นฉุนของไม้จันทร์หอม หรือ กลิ่นคุ้นจมูกแบบน้ำปรุงลอยผ่านหน้า “ขอบคุณค่ะที่มาเตือนทำบุญ เกือบลืมแล้วนะนี่ว่าพรุ่งนี้วันโกนวันพระ” ดีว่าเพื่อนของฉันมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้กลัวอะไร
เคยมีครั้งหนึ่งที่ฉันเดินทางผ่านสถานีตำรวจที่มักนำซากรถประสบอุบัติเหตุมาจอดทิ้งไว้สี่ห้าคัน ฉันต้องเดินผ่านซากรถเก่าๆ บ่อยๆ เพื่อต่อรถเมล์กลับบ้าน ฉันจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสอบปลายภาค เดือนตุลาคม ฉันเดิมข้ามสะพานลอยตอนหนึ่งทุ่ม ฉันได้ยินเสียงเบาๆลอยตามลง เรียกชื่อเล่นของฉัน เป็นเสียงผู้ชาย ฉันหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เจอใคร กลับรู้สึกได้แค่ลมวูบหนึ่งพัดมา แล้วอยู่ๆ ฉันรู้สีกว่ามีพลังงานหรืออะไรบางอย่างที่มีรูปร่างเป็นคนแนบเกาะชิดกับร่างกายฉันจากทางด้านหลัง แล้วบอกว่า “วิ่งสิ วิ่งข้ามถนน วิ่งสิ” แปลก! ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่ผีอำ เพราะร่างกายของฉันกลับก้าวเดิน น้ำตาฉันไหล มีอะไรกำลังบังคับร่างของฉัน หรือร่างของใครก็ไม่รู้แนบกับร่างกายฉันแต่เขาไม่มีเนื้อหนัง ตัวอาจจะผอมแต่เล็กสูงกว่าฉัน ฉันไม่รู้แต่รู้ว่าร่างนั้นพยายามเข้าแทรกร่างกายของฉัน แล้วสั่งให้ฉันวิ่งข้ามถนน ฉันเดินเหมือนมีความรู้สึกว่าอยากวิ่งข้ามถนน ทั้งที่มันไม่ใช่เส้นทางกลับบ้าน ตอนนั้นฉันเริ่มระลึกถึงบทสวดอาราธนาในใจ คาถา ชินบัญชร จนกระทั่งแผ่เมตตา ร่างกายฉันเหมือนเริ่มมีกำลังกลับมาแต่ฉันเหงื่อแตก เหมือนสู้กลับอะไรมา
ความรู้สึกของร่างที่แนบเบาลง ฉันนึกถึงอาลักษณ์ “แม่คะ แม่ซื้อช่วยลูกด้วย” เท่านั้นแหละฉันกำสร้อยพระแล้ววิ่งผ่านซากรถที่ประสบอุบัติเหตุ รู้อย่างเดียวว่าวิ่ง ไม่มองอะไร ตอนที่วิ่งฉันได้ยินเสียงคนเดินตามดังสวบสวบ เหมือนใส่รองเท้าแตะ แต่ ความรู้สึกของสัมผัสที่มีอะไรบางอย่างมานาบร่าง หรือความรู้สึกที่อยากวิ่งตัดหน้ารถจางหายไป
ฉันจำได้แค่ว่าฉันวิ่งมาได้สองสามป้ายรถเมล์ จนถึงบ้าน และฉันเริ่มรู้ตัวเมื่อบรรยากาศ เสียงดังต่างๆของคนในตลาด หรือร้านข้าวต้ม หรือ เสียงคนจอแจ แต่ทำไมสถานีตำรวจ หรือตรงสะพานลอย วันนั้นฉันกลับมองไม่เห็นคนหรือได้ยินเสียง เหมือนได้ยินแต่เสียงกระซิบว่า “วิ่งสิ วิ่งข้ามเลย” มันหลอนและก้องในโสตประสาทของฉันอย่างชัดเจน ตั้งแต่นั้นฉันยอมกลับบ้านเร็วหรือยอมไม่ทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้ไปกราบพระปฏิบัติเพื่อคลายความสงสัย “ผู้ชายอยากได้ตัวตายตัวแทน ฉันดวงตกพอดี และฉันดันได้ยินเสียงของเขา” แต่ท่านทิ้งท้ายไว้ว่า “แม่ซื้อหรืออาลักษณ์ดูแลดี จำไว้หากสีกาเป็นคนดี สีกาไปไหน ทั้งเทวดาและวิญญาณจะคอยดูแล”
ครั้งสุดท้ายฉันฝัน อาจเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นแม่ซื้อได้ชัดๆ ว่าผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ใบหน้าอวบอิ่มเกล่าผมมวยใส่สไบสีเงินขลิบทอง กอดฉันไว้ด้วยความรัก ฉันฝันว่าฉันไปวัด ณ ลานกว้าง สีขาว ผู้หญิงที่นั่งในศาลา ข้างอุโบสถ์พร้อมคนจำนวนมาก ฟังสวดอยู่ ฉันมองเข้าไปในศาลา ผู้หญิงวัยห้าสิบกว่า วิ่งฝ่าคนออกมาจากศาลากอดฉันไว้แน่น มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่ว่าเค้าอยากเจอฉันมานานมาก สัมผัสบอกได้ว่าเค้ารักฉัน และรู้จักฉันมานาน เค้าร้องไห้ ในฝันฉันจำได้แค่ว่าน้ำตาไหลคลอแล้วกอดเค้าไว้ ฉันสะดุ้งตื่นตอนตี่สี่ เพื่อนยืนข้างเตียงถามฉันว่าเป็นอะไรไหม เพราะฉันร้องไห้แล้วตะโกนว่า "แม่" แล้วมือก่ายไปในอากาศที่ว่างเปล่า
ตั้งแต่บัดนั้น ฉันใช้ชีวิตปรกติ ไม่ได้พบเจอแม่ซื้อหรือประสบการณ์ประหลาดอะไรอีก แต่ ทุกครั้งที่ทำบุญยังคงนึกถึงแม่ซื้อผู้ที่รักและดูแลฉันอีกคนหนึ่ง
*ตัวละครทุกตัว มธุราได้ขออนุญาตหยิบยกจากทุกท่านมาเล่าเป็นประสบการณ์ในมุมมองของมธุรา คุณยายมธุราได้มีโอกาสได้เจอก่อนที่คุณยายย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่อเมริกาและขาดการติดต่อกัน มธุราคือรูมเมทที่ต้องทนอยู่กับเพื่อนและเป็นลูกหลงประหลาดจากเหตุการณ์ต่างๆ
มธุราขออุทิศและแบ่งปันเรื่องราวนี้ให้กับเทวาอาลักษณ์ คนที่ชอบมาดูแลเพื่อนของมธุราหรือปรากฏให้มธุราเห็นรางๆ ขอบคุณค่ะทีช่วยปกป้องเค้าและยังเผื่อแผ่ความเมตตามาด้วย ขอบคุณค่ะ ทุกครั้งที่เขียนเรื่องเล่าพวกนี้เรื่องมักพรั่งพรูออกมาจนใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก่อนที่จะเขียนจบ
และหากใครพอจะอธิบายเรื่อง "แม่ซื้อ" ได้ก็กรุณาช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยนะคะ
“แม่ซื้อ” ในความทรงจำ
ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Mathura, 17 กรกฎาคม 2016.
-
-
เรื่องราวที่เขียนความจริงก็ได้อธิบายในตัวเองเรียบร้อยแล้วหละครับ..
บุคคลิกก็คงทราบแล้ว กับใบหน้าที่ดูเล็กที่ดูอวบอิ่ม กับการชอบเกล้าผม
เหมือนปกติจะชอบเอาผมไปไว้ด้านหลัง ดูรูปร่างผอม ไหล่ก็ดูโค้งเล็กน้อย
ก็ประมาณนี้หละครับ..ส่วนถ้าจากกำลังบุญ ณ ปัจจุบัน
ตัวท่านจะดูเหมือนสาวๆนะครับ และจะบอกว่าชุดที่ใส่
มีบ่าแล้วนะครับ ผมก็ดูเรียบร้อย มัดเป็นคล้ายอะไรกลมๆบน
หัวเรียกไม่ถูกคล้าย ญ ทางจีนครับและผมเส้นเล็กรวบไปด้านหลัง
คงนึกออกนะครับว่าเหมือนอะไร..ส่วนที่ปรากฏให้เห็นในฝัน
ก็เพราะเพื่อสื่อให้ถึงดวงจิตเราให้ดึงความทรงจำ
ในอดีตได้ง่ายที่สุดครับส่วนจะได้แค่ไหนเป็นอีกเรื่องครับ
และส่วนที่จะเพิ่มเติมมีดังนี้ครับ...
ดวงจิตเราที่อยู่ในร่างกายปัจจุบัน สามารถพบเห็นครูบาร์อาจารย์หรืออะไรก็ได้
ถ้าหากว่า ดวงจิตนี้มันเคยไปมีสัมพันธ์มาเมื่อในอดีตได้หมดทุกคนครับ..
ที่เราจะได้ยินบ่อยๆ ก็คือ เทวดาประจำตัวที่เรามักไม่ค่อยได้พบเจอ..
หรือครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิที่ล่วงลับไปแล้วที่เรามัก
พบเจอในฝันหรือในนิมิต. กรณีแม่ซื้อ จะเป็นกรณี
ที่เราเรียกว่าเทวดาประจำตัว ในลักษณะที่เป็นวิญญานบรรพบรุษครับ..
ซึ่งอาจเป็น บิดา มารดา ญาติๆของเรา ในอดีตชาติได้ทั้งนั้นครับ
ขึ้นอยู่กับว่า ท่านนั้นๆชอบใครเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่าง ยายชอบหลานคนนี้มาก เราก็ไม่รู้ชอบเพราะอะไร
เวลายายตายดวงจิตก็จะไป
ผูกพันธ์กับหลานคนนั้นๆ และถ้าท่านยังไม่ถึงวาระเปลี่ยนภพภูมิดวงจิต
ท่านก็จะติดตามคนนั้นๆไป ส่วนความสามารถในการช่วยเหลือได้
ก็ตามกำลังบุญที่ยายเคยทำมาทำนองนี้พอเข้าใจนะครับ
และก็จะตามในลักษณะการตามดวงจิตนะครับ
ถ้าหลานเสียชีวิตไปแต่ยายยังอยู่ ก็จะยังผูกตามดวงจิตหลาน
ไม่ว่าหลานคนนั้นตอนนี้จะไปเกิดเป็น ญ หรือ ช ก็ตาม ณ ปัจจุบันครับ
พูดอย่างนี้พอเข้าใจนะครับ
ถ้าสมมุติว่าเราครึ่งหลับครึ่งตื่น แสงสีขาวสว่างๆ
แต่ไม่เย็น คล้ายวงกลมแต่ดูขอบไม่คม
ที่มาทางด้านซ้ายนั้นหละครับ
คือสัญญานอย่างหนึ่งที่ท่านมาครับ..
ถ้าด้านขวาจะเป็นพระสงฆ์ ส่วนมุมสูง
ขวาเป็นพระพุทธฯครับ(^_^)
ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ -
@Nopphakan ขอบคุณค่ะที่มาอธิบายให้กระจ่าง :cool: และเพื่อนของมธุราเป็นคนจีนค่ะ
-
อาจแล้วซึ้ง.. น้ำตาซึม
พ่อแม่ในชาตินี้.. ก็มีพระคุณกับเราเหลือคณานับ
ยังมีพ่อแม่.. ผู้มีพระคุณอีกตั้งหลายชาติที่เราจำท่านไม่ได้ น่าสงสารท่านนะ.. เกิดใหม่เราก็จำท่านไม่ได้แล้ว
ทำบุญได้แต่อุทิศบุญกุศลให้พ่อแม่ บรรพบุรุษ ผู้มีพระคุณทุกชาติทุกภพ.. หวังว่าท่านคงได้รับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ :cool:ที่มาเล่าให้ฟังค่ะ สาธุ -
Guardian Angel
+++ เรื่อง "แม่ซื้อ" นี้น่าจะมีมาตั้งแต่ครั้ง โบราณมาก ๆ แล้ว
+++ เป็นแบบเดียวกับที่ฝรั่งเรียกว่า Guardian Angel ลองอ่าน วิกิพีเดีย ประกอบก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น
+++ ในบางตำนาน ที่เก่าแก่กว่า Guardian Angel ของชาวคริสต์
+++ ก็จะมีตำนาน Gargoyles เป็นผู้พิทักษ์ สอดแทรกมาบ้างเหมือนกัน
+++ ในพวกยิปซีบางเผ่าใช้ Gargoyles เป็นเครื่องรางห้อยคอ (แบบพระเครื่อง) ก็เคยเจอเหมือนกัน (ในอเมริกา)
+++ ตำนานยิปซีนี้ เก่าแก่กว่าทางคริสต์ ในขณะที่ Guardian Angel ยังไม่เกิด
+++ Guardian Gargoyles (หัวเป็นมังกร มีปีก เดินสองขา) กลับมีมาก่อน "นานมาแล้ว"
+++ รูปปั้นที่ชาวคริสต์ปั้นไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ มีความแตกต่างกันมากเกินไป จนสันนิษฐาน ลักษณะของ Gargoyles ไม่ออก
+++ แต่แปลกตรงรูปร่างที่แท้จริงของ Gargoyles กลับดันไปเหมือนกับพวก Alfa Draconian (มนุษย์มังกรมีปีก) ซึ่งเป็นเรื่องพิสดารเอาเรื่องทีเดียว
+++ สรุปคือเรื่องของ "ผู้พิทักษ์" นี้เป็นเรื่อง ตำนาน ที่มีมาอย่างเก่าแก่มาก และมีใน "ทุกชาติทุกศาสนา" ไม่ว่าจะเก่าแก่เท่าไรก็ตาม นะครับ -
@ธรรม-ชาติ ขอบคุณค่ะที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะมธุราเองก็ไม่ได้นึกถึงมุมมองด้านที่คุณกล่าวมา น่าสนใจมากค่ะ °˖✧◝(⁰▿⁰)◜✧˖°
ขอบคุณค่ะที่มาแลกเปลี่ยนกัน -
ของผมมีพ่อซื้อ
-
-
@Samnido พึ่งรู้จักคำว่าพ่อซื้อค่ะ
@Sathu-Sathu ตอนมธุราอยู่หอกับเพื่อนมักเห็นผู้หญิงมายืนข้างเตียงเพื่อนบ่อยๆ ตอนแรกยังไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เอาเป็นว่ารูมเมทคนอื่นย้ายหนีหมดเพราะกลัว เป็นความหลังสนุกๆกันไป -
ครั้งแรก ผู้หญิงผมยาว ชุดสีขาว ไม่มีขา.. ยืนหันหลัง แล้วก็หายไปในกำแพง..
และก็รู้สึกว่า เธอมาอยู่ข้างหลังแล้ว... ขนลุกสู่ ทั้งแผ่นหลังจนถึงต้นคอ... รีบเดินหลงบันไดหนี..
ครั้งที่สอง มานอนเป็นเพื่อนๆ มันไม่กล้านอนคนเดียว กลัวผี (บอกให้ย้ายก็ไม่ย้าย)
น่าจะตี 1 ตี 2 (ยังไม่ได้หลับ) เห็นเงาๆ ลางๆ เป็นภาพซ้อนเปิดประตู (อีกภพนึงไหม..ไม่รู้)
คุณผีผู้ชาย คนนั้นเค้าก็เดินผ่านปลายเตียง เหมือนจะเดินไปที่ประตูห้องน้ำ
แต่เค้าหยุด แล้วย้อนกลับมาก้มดู... เหวอออออ:boo: รีบคลุมโปง -
เหมือนแม่ซื้อนั่นแหละ -
@Samnido เคยเจอหรือสัมผัสกับพ่อซื้่อได้ไหมคะ
@Sathu-Sathu สองเรื่องน่ากลัวดีค่ะ :boo::boo:
มธุราคิดว่าที่ตัวเองอยู่อย่างราบรื่น ไม่มีอะไรมารบกวนอาจเป็นเพราะความเมตตาจากอาลักษณ์ของเพื่อนคนนี้ก็ได้ ช่วงนั้นทุกวันพฤหัสบดี มธุราจะตื่นตอนหกโมงเช้าไปใส่บาตรกับเพื่อน วันโกน วันพระ ไม่เคยเว้น อย่างน้อยเพื่้อขอบคุณเค้าค่ะ
ทุกวันนี้เพื่อนมธุราก็ไม่ค่อยเจอ แถมไปปฏิบัติธรรมบ่อยมาก ไว้ว่างๆจะขุดเรื่องอื่นๆมาเล่าให้ฟังค่ะ -
รอฟังค่ะ... :cool:
-
-
@Samnido ขอบคุณค่ะที่มาเล่าให้ฟัง เป็นประสบการณ์ทีเหนือความคาดหมายจริงๆ
@Sathu-Sathu เขียนเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวมธุราขอคิดก่อนว่าจะตั้งกระทู้ใหม่หรือเปล่าเพราะเป็นประสบการณ์ของตัวเอง และหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับคนที่จากไป เลยอยากแทรกข้อคิดให้กับคนอ่านด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการให้ความสำคัญกับคนที่เรารักอย่างพ่อแม่
และหลายเรื่องยังคงถูกเก็บไว้เพราะต้องขออนุญาตเพื่อนก่อน ขอบคุณค่ะ -
ตั้งกระทู้ใหม่ก็ดีครับ ถ้าเรื่องเราเอง ส่วนจะลงเรื่องคนอื่นๆก็ค่อยบอกว่า
เรื่องคนอื่นๆครับ จะได้บรรยายได้เต็มที่ ในห้องผี มีหลายคน ตั้งกระทู้
เขียนได้น่าติดตาม สนุกครบรส บางคนอ่านแล้ว
น่าจะเขียนหนังสือขายได้ก็มีครับ
ส่วนตัวก็เคยเจอผีมาบ้างเล็กน้อย แต่ว่ามันไม่น่าเอามาเล่า
เพราะว่ามันออกแนวบันเทิงซะมากกว่า..
ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร..๕๕๕ -
ใช่ค่ะ.. ทั้งคุณ samnido และคุณ Mathura ไปตั้งกระทู้ใหม่เลยค่ะ
รอติดตาม :cool: -
@Sathu-Sathu นินทาผีไปแล้วจ้า อยู่ผีเด็กในโรงพยาบาล
-
:boo: