“ บุญ ”
บุญ ” ถ้าเจ้าไม่เคยได้สร้างไว้ ใครที่ไหนเล่าจะมาช่วยเจ้าได้ ลูกเอ๋ย ก่อนที่เจ้าจะเที่ยวไปอ้อนวอนขอพึ่งบารมีหลวงพ่อองค์ใดองค์หนึ่ง เจ้าจะต้องมีทุน (บุญ) ของตัวเอง เป็นทุนเดิมติดตัวไปบ้างก่อนต่อเมื่อบารมีของเจ้าเองยังไม่พอ จึงขอร้อง ยืมบารมีของผู้อื่นมาช่วยเหลือ ถ้ามิฉะนั้นแล้วเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะเจ้าจะต้องเป็นหนี้บุญบารมีที่เจ้าขอร้อง หรือยืมเขามา จนล้นพ้นตัว ครั้นเวลาใดเจ้ามีโอกาสทำบุญทำกุศลบ้าง เรียกว่า พอจะมีบุญบารมีเป็นของตัวเองบ้าง เจ้าก็จะต้องไปผ่อนใช้หนี้ที่เจ้าเคยยืมเขามา จนหมดสิ้น แทบไม่มีเหลือสำหรับตัวเอง แล้วเจ้าจะมีบุญกุศลใดเหลือติดตัว ไว้จุนเจือตัวเองในภพหน้าที่ยังจะต้องเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นวัฎฎทุกข์ที่เราพุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะต้องรับรู้ รับทราบ ถ้าเรามั่นใจในคำสอนของพระสัมมัมพุทธเจ้า ฉะนั้น เจ้าจงหมั่นสะสมบุญกุศลทั้ง
ทาน ศีล
ภาวนา ไว้อย่างสม่ำเสมอ เทพยดา ฟ้าดินจะเอ็นดูช่วยเหลือเจ้าเอง
จงจำไว้เถิดว่า เมื่อได้ทำบุญทำกุศลแล้ว อย่าคิดว่าจะได้รับผลบุญนั้นทันที จะทำให้จิตใจหดหู่ ท้อถอย แต่จงมั่นใจเถิดว่า ผลบุญนั้นไม่สูญหายไปไหน เพราะการให้ผลของ “ กรรม ” นั้น จะทำให้ผลตามกำหนดถ้ายังไม่ถึงเวลาที่จะส่งผลแล้ว แม้แต่เทพเจ้าหรือผู้มีอิทธิฤทธิ์องค์ใด ที่เจ้าจะไปของร้องให้ช่วยเหลือก็ไม่สามารถให้ผลนั้นเกิดได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะให้ผล ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านทานผลของกรรมนั้นไว้ไม่อยู่ ”
....................ฉะนั้นจงเตือนใจไว้เสมอว่า ถ้าประสงค์ความสุข ความเจริญ โภคสมบัติ จงหมั่นสร้างบุญ สร้างกุศลไว้อย่างสม่ำเสมอ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามกำลังศรัทธา เพราะเราไม่อาจจะรู้ได้ว่า อตีตชาติ เราได้สร้างบุญหรือสร้างบาปไว้มากน้อยเท่าไร และผลของกรรมใดจะส่งผลก่อนหรือหลัง เพื่อความไม่ประมาทจึงควรจะสร้างอันเป็นกฎธรรมชาติของกรรม ฉะนั้น ด้วยความไม่ประมาท จงระลึกไว้ว่า ถ้าตนเองไม่สะสมไว้แล้ว ใครที่ไหนจะช่วยเจ้าได้ เจ้าจะมีอะไรไว้เป็นทุนเดินทางเวียนว่ายในวัฎฏทุกข์ที่ยังต้องผจญต่อไป ไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไร
จงระลึกไว้เสมอว่า เจ้าสะสมเตรียมตัวไว้เดินทางแล้วหรือยัง