‪#‎ปลดล็อคชีวิต‬ รู้สึกสับสน เหนื่อยๆขาดพลังวูบไปเฉยๆ / อยากได้สมบัติที่เคยทำมาแต่อดีต / อยากไปนิพพาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย atbanana, 9 พฤศจิกายน 2015.

  1. atbanana

    atbanana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +55
    ‪#‎ปลดล็อคชีวิต‬
    ผู้ถาม :
    --------
    สวัสดีครับคุณเต้ ผมได้ติดตามมาตลอด
    แต่ก็ไม่คิดจะปรึกษาจนมาถึงวันนี้ ผมขอปรึกษาครับ
    เนื่องจาก รู้สึกสับสน เหนื่อยๆและขาดพลังวูบไปเฉยๆ
    การปฏิบัติก็ขอใช้คำว่าพยายามนะครับ
    เพราะไม่มั่นคงหรือว่าเสถียรเท่าไหร่นัก
    แต่ก็อธิษฐานจิตทุกครั้งเมื่อทำบุญใดก็ตาม ว่า..

    1. ขอถึงพระนิพพานในชาตินี้
    2. ให้ถึงสมบัติที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ในอดีตจนถึงปัจจุบันเพื่อนำมาใช้และช่วยเหลือ เป็นประโยชน์ต่อไป

    โดยปกติก็ใช้กำลังใจในการทำงานต่างๆผ่านไปด้วยดี
    แต่บางครั้งเหมือนถูกทดสอบ
    จึงขออนุญาตปรึกษาครับว่า
    สองข้อนั้นผมจะถึงไหมครับ?
    แล้วผมต้องทำอย่างไรครับ?
    ในสภาพที่เป็นอยู่ ขอคำตอบตรงไปตรงมาครับ


    ผู้ตอบ :
    ---------
    เป้าหมายทั้ง 2 ข้อนี้สวนทางกันโดยสิ้นเชิง
    มันก็เหมือน เราอยากได้สมบัติทางโลก
    แต่เราต้องสละคืนสมบัตินั้นด้วย
    ทำให้มีแรงต้านเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อมีแรงต้านจึงรู้สึกท้อ

    1. การตั้งเป้าหมายสวนกันเป็นความผิดพลาด
    หลายคนก็ตั้งเป้าหมายแบบนี้และชีวิตก็เจอบททดสอบมาก
    ขอให้คิดก่อนว่า เราจำเป็นทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง
    ตั้งเป้าอาจมีระยะสั้นกี่ปี ระยะยาวกี่ปี อย่าเหยียบเรือสองแคม
    เรือมันจะล่มไปไม่ถึงทั้งสองฝั่ง

    2. อยากไปนิพพาน เอ.. หรือต้องมีมั่งมีพร้อมแล้ว
    ไม่ต้องมีภาระอะไรให้ดิ้นรนคิดมากทางโลกแล้ว..
    เบื่อโลกแล้วจึงจะนิพพานได้เท่านั้นหรือ?

    อยากจะบอกว่าการหลุดพ้นขึ้นอยู่กับบารมีที่เคยทำมาด้วย
    หากคนรวย สั่งสมมาดี ก็ยินดีกับเขา
    หากคนไม่รวย วางให้เป็น ก็มีสิทธิ์หลุดพ้นได้
    คนรวยอาจหลุดพ้นในเมือง
    คนจนอาจหลุดพ้นง่ายกว่าถ้าไปบวชหรือตัดทางโลก
    จะได้ไม่ต้องแบกรับภาระอะไรมาก
    แต่ไม่ว่าจะฐานะใด หากไปปฎิบัติเพื่อ(อยาก)หลุดพ้น
    มันกลายเป็นการแข่งขัน ไม่แน่ว่าอาจไปตกหลุมดำในจักรวาล
    คือ ลอยอยู่แถวๆแดนนิพพาน แต่ก็ไม่ได้นิพพานจริง

    เพราะการหลุดพ้น ต้องสละได้ทั้งหมดแม้ชีวิต
    ลองถามตัวเองจริงๆ ว่ายอมตายได้ไหม
    ถ้าเบื้องบนจะเอาชีวิต ยอมทิ้งได้ไหมทุกอย่าง ตอนนี้เลย...


    3. การภาวนาที่ไม่มั่นคง ไม่เสถียร์
    กลับกลายเป็นสิ่งที่ดี.. เพราะธรรมดาของจิต
    ไม่นิ่ง การพยายามนิ่งจึงทำได้ไม่นาน
    และ สภาวะต่างๆ มีดี มีเสื่อม เป็นเรื่องธรรมดา
    เป็นการปรับฐานเหมือนเปลี่ยนเกียร์
    เครื่องยนต์จะชลอลงนิดนึง แล้วก็วิ่งไปต่อได้
    และสิ่งสำคัญ คือ รถคันนี้ล็อคเป้าหมายปลายทางที่ใด

    ก็ต้องกลับไปพิจารณาในข้อแรกให้ดีๆ
    กี่กิโลไปถึงนี้ แล้วอีกกี่กิโลไปอีกเป้าหมาย
    แม้จะดูเหมือนประมาทไปบ้าง
    แต่ต้องกลับมาดูความเป็นจริงในชีวิต
    ว่าอะไรเหมาะสมกับตนเองก่อน
    อย่าไปเห่อตามใครๆที่เขาวิ่งฉิวๆ คนสั่งสมมาต่างกัน
    ถ้าเราฝืนมาก จะเหนื่อย จิตจะดื้อมาก
    ไม่อยากภาวนาเลย ฝืนมันเข้าไป กลายเป็น มิจฉาสมาธิ

    ดังนั้นลองตั้งหลักใหม่
    วางแผนให้ดีๆ ไม่นิ่งนะแหละดี
    จะได้รู้และปฎิบัติต่อได้ โดยรู้ว่าไม่นิ่งแล้วปลงวาง
    ปลง-วาง แม้ในการภาวนา นี่คือสิ่งสำคัญกว่าสิ่งใด..
    ไอที่นิ่งๆนะไม่ดีหรอก.. จิตอาจจะหลอกเรายังไงก็ได้
    ซึ่งถ้ารู้ว่ามันหลอกได้ขนาดไหน คุณจะตกใจ..


    ขอรับคำปรึกษาฟรี
    1.LINE: @ATBANANA
    2. Facebook: www.facebook.com/messages/ATBANANA2


    ร่วมสนับสนุนกิจกรรมอันเป็นกุศล คลิกที่นี่
    https://www.facebook.com/atBanana/p...19.1073741827.394458764023820/693341500802210

    ขอกุศลจากธรรมทานนี้อุทิศส่งให้ผู้ขอคำปรึกษา
    พบแต่ความเจริญ สมปรารถนาทุกประการ
    ‪#‎ธรรเต้‬
    ‪#‎มันกล้วยมาก‬
    www.facebook.com/atbanana
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 14.png
      14.png
      ขนาดไฟล์:
      758.2 KB
      เปิดดู:
      127

แชร์หน้านี้

Loading...