3------ รักและใส่ใจตนดีแล้ว จึงสามารถ รักและใส่ใจชีวิตอื่น...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 27 กรกฎาคม 2011.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2012
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ..............................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2011
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#21c8f8 height=22><TD align=middle>การเจ็บป่วย คือ ธรรมะ


    </TD></TR><TR><TD><CENTER>[​IMG]</CENTER>คนเราทุกคน เมื่อเกิดมาแล้ว ย่อมมีการแก่ การเจ็บ ( ป่วย ) การตายเป็นธรรมดา

    แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องยอมจำนนตามนั้น เรามีหน้าที่ ที่จะต้องดิ้นรน ให้พ้นจากการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย เมื่อสังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ดังนี้..

    การเกิดย่อมไม่เที่ยง ..คือ เรามีโอกาส ไม่ต้องเกิด

    การแก่ย่อมไม่เที่ยง..คือ เรามีโอกาส กลับมาเป็นหนุ่มสาวใหม่ได้

    การเจ็บป่วยย่อมไม่เที่ยง คือ เราไม่ต้องป่วยก็ได้ ป่วยได้ ก็หายได้

    การตายย่อมไม่เที่ยง คือ เราไม่ต้องตายก็ได้ ถ้าเข้าสู่นิพพาน

    </TD></TR><TR bgColor=#21c8f8 height=25><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0 name="ListaBoard"><TBODY><TR><TD><CENTER>[​IMG]</CENTER>การเจ็บป่วยเป็นครูของเรา ในหลายๆเรื่อง สอนให้เห็นอกเห็นใจคนอื่น เมื่อเขาเหล่านั้น กำลังเผชิญทุกขเวทนา เป็นต้น

    อย่างไรก็ดี การเจ็บป่วย ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังขตธรรม ที่กล่าวว่า ธรรมทั้งหลายย่อมประกอบด้วยปัจจัย 4 กล่าว คือ

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#21c8f8 height=1><TD></TD></TR><TR><TD><CENTER>[​IMG]</CENTER>1. กรรม

    หมายถึง การเจ็บป่วย ที่มาจากผลของกรรมเก่า การเจ็บป่วย ที่มาจากปัจจัย ภายในของเราเอง เช่น อวัยวะไม่สมบรูณ์ครบถ้วน ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง การทำร้ายตัวเอง เพราะความเห็นผิด เช่น การไม่กินอาหารเช้า การไม่ออกกำลังกาย การนอนดึก การไม่ระวังในอริยาบถ เดิน ยืน นั่ง นอน..

    การเจ็บป่วย ที่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น อุบัติเหตุ การถูกประทุษร้าย จากบุคคลอื่น เป็นต้น

    ดังนี้ การเยียวยารักษา และการป้องกัน จึงต้องอาศัยการศึกษา หาความรู้ในเรื่องของกรรม..



    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><DD>&shy;[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1589310/[/MUSIC]
    </DD></TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#21c8f8 height=1><TD></TD></TR><TR><TD><CENTER></CENTER>2. จิต





    หมายถึง อารมณ์ต่างๆ ที่สั่งสมในจิต เนิ่นนานเข้าจน มีผลต่อการเจ็บป่วยทางกาย

    บางครั้ง ต้องมีการบำบัดทางจิต บางครั้งต้องบำบัดด้วยพลังจิต

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><DD></DD></TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#21c8f8 height=1><TD></TD></TR><TR><TD><CENTER>[​IMG]</CENTER>3. อุตุ

    หมายถึง พลังงานพิเศษที่ไหลเวียน อยู่ในสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปรของฤดูกาล และพลังงานพิเศษ ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมนุษย์ มี 2 ประเภทคือ

    ก. พหิทธอุตุ หมายถึง พลังงานที่อยู่ภายนอก ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และฤดูกาล

    ข. อัชฌัตอุตุ หมายถึง พลังงาน ที่มีคนเรียกขานกันหลายชื่อ เรียกว่า ลมปราณบ้าง พลังภายในบ้าง พลังกายทิพย์บ้าง พลังจักรวาลบ้าง หรือเรียกว่า คิ หรือ ชี่ หรือ ไวทัลลิตี้ ฟอร์ช รวมทั้งไนโตรเจนออกไซต์ เป็นต้น

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#21c8f8 height=1><TD></TD></TR><TR><TD><CENTER>[​IMG]</CENTER>ดังนั้น การบำบัดในเรื่องนี้ จึงมีมากมายหลากหลายวิธี เช่น

    ผ่านทางหู เรียกว่า ดนตรีบำบัด

    ผ่านทางตา เรียกว่า สีบำบัด

    ผ่านทางจมูก เรียกว่า สุคนธบำบัด การนัตถุ์ยา

    ผ่านทางลิ้น เรียกว่า รสบำบัด

    ส่วนทางกายนั้น ทำให้สบายได้หลายวิธี เช่น การถ่ายเทลมปราณ การนวด การกดจุด การจัดกระดูก การใช้โลหะบำบัด การใช้อัญมณีบำบัด เป็นต้น



    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><DD>&shy;</DD></TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#21c8f8 height=1><TD></TD></TR><TR><TD><CENTER>[​IMG]</CENTER>4. อาหาร

    หมายถึง การเจ็บป่วย เพราะการกิน อาจจะเกิดจากการกินอาหาร กินยา หรือยาพิษแล้วแต่กรณีไป ซึ่งขึ้นอยู่กับจริตบ้าง ความไม่รู้บ้าง

    ความชอบใจ หรือไม่ชอบใจ หรือการติดใจ แล้วทำให้ป่วยได้



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2011
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ผลไม้ที่มีสารต้านมะเร็งสูง


    <!-- using Like-Button-Plugin-For-Wordpress [v3.1] | by GB-World -->
    กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง!


    นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า
    [​IMG]
    ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ
    1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
    2. มะเขือเทศราชินี
    3. มะละกอสุก
    4. กล้วยไข่
    5. มะม่วงยายกล่ำ
    6. มะปรางหวาน
    7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
    8. มะยงชิด
    9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
    10. สับปะรดภูเก็ต
    ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม


    ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย
    1. แก้วมังกร
    2. มะขามเทศ
    3. มังคุด
    4. ลิ้นจี่
    5. สาลี่

    10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ
    1. ฝรั่งกลมสาลี่
    2. ฝรั่งไร้เมล็ด
    3. มะขามป้อม
    4. มะขามเทศ
    5. เงาะโรงเรียน
    6. ลูกพลับ
    7. สตรอเบอร์รี่
    8. มะละกอสุก
    9. ส้มโอขาว
    10. แตงกวา
    11. พุทราแอปเปิล

    การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ
    1. ขนุนหนัง
    2. มะขามเทศ
    3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
    4. มะเขือเทศราชินี
    5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
    6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
    7. มะม่วงยายกล่ำสุก
    8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
    9. สตรอเบอร์รี่
    10. กล้วยไข่
    ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล
    ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี
    ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้ จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2011
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    น้ำสมุนไพร สูตรช่วยล้างพิษและเสริมสร้างตับให้แข็งแรง



    <!-- using Like-Button-Plugin-For-Wordpress [v3.1] | by GB-World -->

    [​IMG]น้ำสมุนไพร สูตรช่วยล้างพิษและเสริมสร้างตับให้แข็งแรง ด้วยส่วนผสมของ
    • กะหล่ำปลี ที่อุดมไปด้วยสารอินโดลฟลาโวนอยด์ สารคาร์บินอล สารไฟโตเคมิคอล ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต ซึ่งช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง และต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และกรดโฟลิก การับประทานกะหล่ำปลีช่วยกระตุ้นการสร้างกลูตาไทโอน สารที่จำเป็นต่อตับในการล้างพิษ
    • วีตกราส หรือต้นอ่อนข้าวสาลี ช่วยฟอกโลหิต ล้างสารพิษที่ตกค้าง ช่วยย่อยอาหาร เพิ่มพละกำลังแก่ร่างกาย เพราะมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบีรวม แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก (การดื่มน้ำวีตกราสคั้นสด ๆ ยังช่วยทำความสะอาดเลือด เสริมความแข็งแรงให้เซลล์เม็ดเลือด)
    • สาหร่ายสไปรูลินา อุดมด้วยวิตามินบี 12 ช่วยในการฟื้นฟูและปรับสมดุลของตับ สมอง และระบบประสาท และมีคลอโรฟีลล์ ตัวช่วยเร่งการล้างพิษและขับของเสียจากตับ กระแสเลือด และลำไส้
    ส่วนผสม


    • กะหล่ำปลี 1 ถ้วย
    • วีตกราส 2 ถ้วย
    • สาหร่ายสไปรูลินา พอประมาณ
    วิธีทำ

    เริ่มด้วยการทำความสะอาดกะหล่ำปลีและวีตกราส หั่นให้ได้ขนาดเล็กพอประมาณ นำไปสกัดเอาแต่น้ำด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เทใส่แก้ว ตามด้วยเติมสาหร่ายสไปรูลินา คนให้เข้ากัน ดื่มได้ทันที
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">เสียงบำบัดจิตใจและสมอง </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2010 เวลา 10:23 น. </TD></TR><TR><TD vAlign=top>English translation available

    <TABLE class=mceItemTable style="WIDTH: 660px; HEIGHT: 553px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=660><TBODY><TR><TD>
    เสียงบำบัดจิตใจและสมอง

    เสียงความถี่ต่ำที่เกิดจากการแทรกสอดของเสียงที่มีความถี่ต่างกันไม่มาก 2 เสียงจากการฟังผ่านหูทั้ง 2 ข้างและ
    การนำเสียงผ่านกระโหลกศีรษะเรียกว่า Binaural beats หรือ Binaural tones ถ้าความถี่ของเสียงที่ได้ผ่านหูข้างซ้าย
    หรือนำผ่านกระโหลกศีรษะเท่ากับ 410 Hz โดยในขณะเดียวกันความถี่ของเสียงที่ผ่านหูข้างขวาเท่ากับ 400 Hz
    จะได้ความถี่บีตที่เกิดจากการแทรกสอดในสมองเท่ากับ 10 Hz


    [​IMG]

    การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับ Binaural beats เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1839 โดยนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ
    Heinrich Wilhelm Dove.
    จากงานวิจัยพบว่า สมองมนุษย์สามารถแยกเสียงที่ได้ยินจากหูทั้ง 2 ข้างเนื่องจากความถี่
    ความดัง ลักษณะของเสียง และคาบเวลาที่แตกต่างกัน แต่ถ้าความถี่ของเสียงที่มากระทบหู 2 ข้างแตกต่างกันน้อยกว่า
    30 Hz สมองจะแปลผลเสมือนเป็นเสียงเดียวที่มีจุดกำเนิดอยู่ภายในสมอง ผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถได้ยินเสียงความถี่ต่ำ
    ของ Binaural beats เนื่องจาก Binaural beats มักมีความถี่ต่ำกว่าช่วงคลื่นที่หูมนุษย์ได้ยิน แต่จะรับรู้ว่ามี Binaural beats
    ได้โดยการเปลี่ยนตำแหน่งจุดโฟกัสของเสียงไปมาภายในสมอง


    [​IMG]

    เสียงที่นำมาสังเคราะห์ให้เกิด Binaural beats ควรมีความถี่อยู่ในช่วง 1000 – 1500 Hz จากการศึกษาและวิจัย
    โดยการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) พบว่า การใช้ Binaural beats สามารถเหนี่ยวนำให้คลื่นสมองในระดับหนึ่งเปลี่ยน
    ไปอีกระดับหนึ่งได้ เรียกว่า Brainwave entrainment เช่น ถ้าต้องการเปลี่ยนคลื่นสมองจากสภาวะที่ตื่นตัวหรือ
    ความถี่คลื่นสมองอยู่ในช่วง Beta หรือประมาณ 20 Hz ไปเป็นสภาวะที่ผ่อนคลาย หรือความถี่คลื่นสมองอยู่ในช่วง
    Alpha หรือประมาณ 10 Hz จะเริ่มบำบัดด้วยเพลงหรือเสียงที่มี Binaural beats ประมาณ 20 Hz ในช่วงต้นเพลง
    แล้วค่อยๆ เปลี่ยนความถี่บีตเป็น 10 Hz ในช่วงท้ายเพลง เป็นต้น นอกจากนั้น Binaural beats ยังสามารถเหนี่ยวนำ
    ให้คลื่นสมองโดยรวม มีความเป็นระเบียบมากขึ้น โดยพบว่ากิจกรรมทางไฟฟ้าสูงสุดจะอยู่บริเวณส่วนบนของสมอง


    </TD></TR></TBODY></TABLE> คลื่นสมองของมนุษย์มีความถี่แตกต่างกันตามกิจกรรมต่างๆ ดังตาราง ดังนั้น รูปแบบการใช้ Binaural beats เพื่อเหนี่ยวนำให้คลื่นสมองเปลี่ยนแปลง จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

    <TABLE style="MARGIN-LEFT: auto; WIDTH: 699px; MARGIN-RIGHT: auto; HEIGHT: 220px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=619 border=1><TBODY><TR style="BACKGROUND-COLOR: #99ffff" vAlign="top mce_style=background-color: #99ffff;"><TD style="WIDTH: 125px; BACKGROUND-COLOR: #ccffff" vAlign=top>

    ความถี่เสียง
    </TD><TD style="WIDTH: 109px; BACKGROUND-COLOR: #ccffff" vAlign=top>

    คลื่นสมอง
    </TD><TD style="WIDTH: 420px; BACKGROUND-COLOR: #ccffff" vAlign=top>

    กิจกรรมหรือสภาวะที่เกี่ยวข้อง
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 35px" vAlign=top><TD vAlign=top width=125>
    > 40 Hz
    </TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" vAlign="top mce_style=background-color: #ffffff;">
    Gamma waves
    </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center" vAlign="top width=420 mce_style=text-align: center;">การแก้ปัญหา การใช้สมองคิดอย่างหนัก ความตื่นกลัว
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 35px" vAlign=top><TD vAlign=top width=125>
    13–40 Hz
    </TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" vAlign="top mce_style=background-color: #ffffff;">
    Beta waves
    </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center" vAlign="top width=420 mce_style=text-align: center;">การทำสมาธิ การรับรู้ การครุ่นคิดในสิ่งรอบตัว
    ความวิตกกังวล

    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 35px" vAlign=top><TD vAlign=top width=125>
    7–13 Hz
    </TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" vAlign="top mce_style=background-color: #ffffff;">
    Alpha waves
    </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center" vAlign="top width=420 mce_style=text-align: center;">การผ่อนคลาย ภาวะก่อนการนอนหลับ
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 35px" vAlign=top><TD vAlign=top width=125>
    4–7 Hz
    </TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" vAlign="top mce_style=background-color: #ffffff;">
    Theta waves
    </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center" vAlign="top width=420 mce_style=text-align: center;">การหลับในช่วง REM Sleep ความฝัน
    การทำสมาธิขั้นสูง

    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 35px" vAlign=top><TD vAlign=top width=125>
    < 4 Hz
    </TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" vAlign="top mce_style=background-color: #ffffff;">
    Delta waves
    </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center" vAlign="top width=420 mce_style=text-align: center;">การหลับลึก สภาวะไม่รู้สึกตัว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เสียงบำบัดจิตใจและสมองที่กลุ่มดนตรีบำบัดสังเคราะห์ขึ้นประกอบด้วยเสียง 3 ประเภทได้แก่
    1. เสียงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ เสียงน้ำตก เสียงนก เสียงน้ำไหล เสียงลม เสียงพระเทศน์ เป็นต้น
    2. เสียงดนตรี ซึ่งเป็นดนตรีประเภท trance music หรือ rhythmic music ซึ่งมีลักษณะเสียงวนต่อเนื่อง
    3. เสียงความถี่บีต ซึ่งในแต่ละเพลงจะใช้ความถี่ต่างกันตามผลที่ต้องการ ผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถรับรู้หรือได้ยิน
      เนื่องจากเสียงความถี่บีตมักมีความถี่ต่ำกว่าช่วงคลื่นที่หูมนุษย์ได้ยิน แต่จะถูกส่งผ่านกะโหลกศีรษะไปยังสมอง
      โดยที่ผู้ฟังไม่รู้ตัว
    เสียงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ตามประสบการณ์ในอดีตที่สัมพันธ์กับเสียงนั้นๆ และ
    ช่วยหลอกล่อให้สมองและจิตใจไม่ให้จดจ่อกับเสียงความถี่บีตที่แฝงไว้ ส่วนเสียงดนตรีที่เป็น trance หรือ rhythmic music
    ทำให้เกิดจินตภาพและกำหนดตำแหน่ง 3 มิติของเสียงที่ใช้กระตุ้นในสมองส่วนต่างๆ


    [​IMG]

    ตัวอย่างเสียงบำบัดจิตใจและสมองทั้ง 6 ตัวอย่างที่สังเคราะห์โดยกลุ่มดนตรีบำบัด
    ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีรายละเอียดดังนี้


    1. “JK_001_Sleep_induction” (ฟังแล้วง่วง) ใช้ Binaural beats เริ่มจาก 20 Hz ช่วงต้นเพลงเปลี่ยนเป็น 4 Hz ช่วงท้ายเพลง ผสมกับเสียงธรรมชาติ เสียงระฆัง และ trance music

    2. “JK_002_Deep_sleep” (ง่วงแล้วหลับ)ใช้ Binaural beats เริ่มจาก 8 Hz ช่วงต้นเพลงเปลี่ยนเป็น 2 Hz ช่วงท้ายเพลง ผสมกับเสียงธรรมชาติ และ trance music

    3. “JK_003_Awakening” (ง่วงแล้วตื่น)ใช้ Binaural beats เริ่มจาก 4 Hz ช่วงต้นเพลงเปลี่ยนเป็น 15 Hz ช่วงท้ายเพลง ผสมกับเสียงธรรมชาติ เสียงระฆัง และผสม trance music ต้นเพลงและ rhythmic music ท้ายเพลง

    4. “JK_004_Relaxation” (ตื่นแล้วสบาย) ใช้ Binaural beats เริ่มจาก 20 Hz ช่วงต้นเพลงเปลี่ยนเป็น 10 Hz ช่วงท้ายเพลง ผสมกับเสียงธรรมชาติ เสียงระฆัง trance music และ rhythmic music

    5. [ame="http://www.youtube.com/watch?v=f6a1_w8Se9s"]“JK_005_Meditation[/ame]” (สบายแล้วมีสมาธิ) ใช้ Binaural beats เริ่มจาก 10 Hz ช่วงต้นเพลงเปลี่ยนเป็น 30 Hz ช่วงท้ายเพลง ผสมกับเสียงธรรมชาติ เสียงระฆัง เสียง trance music และเสียงพระเทศน์ท้ายเพลง

    6. “JK_006_Pain_reduction” (สบายแล้วงง) ใช้ Binaural beats เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ในช่วง 4-34 Hz ผสมกับเสียงธรรมชาติ เสียง sound effects ที่ pan ซ้ายขวา trance music และ rhythmic music

    ทดลองฟังเสียงบำบัดจิตใจและสมองพร้อม Visualization [ame="http://www.youtube.com/watch?v=f6a1_w8Se9s"]ได้ที่นี่[/ame]

    สั่งซื้อ CD เสียงบำบัดจิตใจและสมอง ได้ที่ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    โทร. 053-946347


    <TABLE class="mceItemTable border=0 mce_style=background-color: #00009b; margin-left: auto; margin-right: auto;" style="MARGIN-LEFT: auto; WIDTH: 666px; MARGIN-RIGHT: auto; HEIGHT: 22px; BACKGROUND-COLOR: #00009b"><TBODY><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ติดต่อเรา : <A href="mailto: <script language='JavaScript' type='text/javascript'> <!-- var prefix = 'mailto:'; var suffix = ''; var attribs = ''; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy91501 = 'jklaphaj' + '@'; addy91501 = addy91501 + 'med' + '.' + 'cmu' + '.' + 'ac' + '.' + 'th'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + addy91501 + suffix + '\'' + attribs + '>' ); document.write( addy91501 ); document.write( '<\/a>' ); //--> </script><script language='JavaScript' type='text/javascript'> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </script>อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน <script language='JavaScript' type='text/javascript'> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </script>" mce_href="mailto:
    <script language='JavaScript' type='text/javascript'>
    <!--
    var prefix = 'mailto:';
    var suffix = '';
    var attribs = '';
    var path = 'hr' + 'ef' + '=';
    var addy330 = 'jklaphaj' + '@';
    addy330 = addy330 + 'med' + '.' + 'cmu' + '.' + 'ac' + '.' + 'th';
    document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + addy330 + suffix + '\'' + attribs + '>' );
    document.write( addy330 );
    document.write( '<\/a>' );
    //-->
    </script><script language='JavaScript' type='text/javascript'>
    <!--
    document.write( '<span style=\'display: none;\'>' );
    //-->
    </script>อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
    <script language='JavaScript' type='text/javascript'>
    <!--
    document.write( '</' );
    document.write( 'span>' );
    //-->
    </script>"><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'mailto:'; var suffix = ''; var attribs = ''; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy54850 = 'jklaphaj' + '@'; addy54850 = addy54850 + 'med' + '.' + 'cmu' + '.' + 'ac' + '.' + 'th'; document.write( '' ); document.write( addy54850 ); document.write( '<\/a>' ); //--> </SCRIPT>jklaphaj@med.cmu.ac.th<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '<span style=\'display: none;\'>' ); //--> </SCRIPT> อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- document.write( '</' ); document.write( 'span>' ); //--> </SCRIPT> ​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    แพงไหมคะ

    ถ้าแพงคิดว่าจะร้องเองน่ะค่ะ
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ต้องลองถามดูตามเบอร์ที่เค้าให้ไว้ครับ


    ...แต่ความจริง เราก็แสวงหาได้รอบๆตัวและจากการใช้ชีวิตประจำวัน

    เช่น ฟังเสียงน้ำไหล ของลำธาร ฯลฯ

    ผมทำแล้วผ่อนคลายดีมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2011
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ผลไม้รักษาโรค ผลไม้ที่ใช้เป็นยา

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD>



    1. กล้วย - มีคาร์โบไฮเดรต โปแตสเซียม และวิตามินเอสูง
    - ทำให้ปอดชุ่มชื้น แก้กระหาย ถอนพิษ ลดความดันโลหิตสูง
    - กินวันละ 1-2 ผล ในตอนเช้า ขณะท้องว่างเป็นประจำทุกวัน จะช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร เลือดออก ท้องผูก
    - กินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1-2ผล จะแก้ไข้ตัวร้อน กระหายน้ำ กระสับกระส่าย คอแห้ง และเจ็บคอ
    - เด็กที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารเช่น ลำไส้อักเสบ ควรให้กินกล้วยเพราะเป็นอาหารย่อยง่าย
    - มือเท่าแตก เอากล้วยหอมที่สุกงอมเต็มที่ ทาที่มือและเท้าทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง จึงล้างออก ทำก่อนนอนติดต่อกันหลายๆครั้ง
    มือและเท้าที่แตกจะค่อยๆหายไป





    2. แตงโม
    น้ำแตงโม - อมน้ำแตงโมบ่อยๆแก้แผลในปากได้
    - ดื่มน้ำแตงโมคั้นจะช่วยบรรเทาอาการลิ้นแห้ง คอแห้ง วิงเวียน นอนไม่หลับ
    เปลือกแตงโม - แก้ไตอักเสบ บวมน้ำ ใช้เปลือกแตงโมตากแห้งหนัก 40 กรัม ร่วมกับหญ้าคาสด หนัก 60 กรัม ต้มน้ำแบ่งกิน 3 ครั้งใน1วัน
    - แก้เบาหวาน ใช้เปลือกแตงโมและเปลือกฟักเขียวอย่างละ 30 กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง
    - ริมฝีปากแตก เจ็บคอ เอาเปลือกแตงโมแห้ง 30กรัม ต้มน้ำดื่มติดต่อกันหลายๆวัน
    - ปวดฟัน เอาเปลือกแตงโมตากแห้งจำนวนพอเหมาะ บดผสมกับเกล็ดการบูร ทาบริเวณฟันที่ปวด
    - ปวดเอว ยืดหดตัวไม่ได้ เอาเปลือกแตงโมเขียวๆ ที่ตากแห้งในร่มบดผสมเกลือกิน
    ข้อควรระวัง - หากกินแตงโมมากเกินไป อาจทำให้อาหารไม่ย่อยหรือท้องเสียได้
    - ผู้ที่มีอาการม้ามพร่อง คือมีอาการร้อนใน มีไข้สูง ปวดหัว ท้องผูก คอแห้ง กระหายน้ำ ตัวร้อน เหงื่อออก ตาแดง ปากเหม็น ลิ้นแห้ง
    มีฝ้าสีเหลือง ปัสสาวะสีเข้มและน้อย ห้ามกินแตงโม




    3. มะละกอ
    มะละกอดิบ
    - ตากแห้ง บดเป็นผง 9 กรัม กินขณะท้องว่าง ตอนเช้าแก้พยาธิตัวตืด พยาธิตัวกลม
    - ตากแห้งบดเป็นผงละเอียด ใช้โรยบริเวณผิวหนังที่อักเสบ เป็นผื่นแดง ตุ่มพุพองและแสบคัน วันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยรักษาให้หายได้
    ใบ ใช้พอกแผลมีหนอง กลาก เกลื้อน และแก้บวม ปวด เจ็บ
    ยาง ใช้ย่อยเนื้อ ทำให้เนื้ออ่อนนุ่ม ช่วยย่อยอาหาร ย่อยคราบเลือดและหนองที่แผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง ขับพยาธิและขับประจำเดือน ทากันหูด ตาปลา ติ่งและ
    จุดด่างดำ
    เมล็ด ขับพยาธิ ขับประจำเดือน ขับลม ใช้ทาแก้กลากเกลื้อนและโรคผิวหนัง
    ราก ขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน
    ดอก ใช้ชงน้ำดื่ม ขับประจำเดือน แก้ไข้ ดีซ่าน ต้มใส่น้ำตาลกินแก้โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจผิดปกติ



    4. ลำไย
    - มีสรรพคุณในการบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด บำรุงประสาท และช่วยย่อยได้เป็นอย่างดี
    - ผู้มีร่างกายอ่อนแอ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งฟื้นจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือหลังคลอดบุตร กินลำไยกับต้มจืดจะทำให้ร่างกายแข็งแรง
    - ผู้มีอาการประสาทอ่อนๆ ประสาทเครียด ขี้ลืม นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เหงื่อออกมา เอาเนื้อลำไยแห้งต้มกับน้ำตาลทรายขาว แล้วเคี่ยวจนเหนียว
    ข้น กินวันละ 2 ครั้ง จะแก้อาการดังกล่าวได้




    5. ส้ม
    - ทำให้ปอดชุ่มชื้น แก้ไอ แก้กระหายน้ำ แก้ฤทธิ์สุรา ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก
    - มีผลต่อการรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน โรคกระเพาะเรื้อรัง อาหารไม่ย่อย
    - กินส้มกับกล้วยหอม วันละ 3 ผล เป็นประจำทุกวัน และกินผักสดให้มาก จะช่วยลดความดันโลหิตสูง
    - กินส้มครั้งแรก 3-4 ผล หลังจากนั้น 1-2 ผล วันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการร้อนในกระหายน้ำ คอแห้ง และปัสสาวะเหลือง
    - ไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก ใช้ส้ม 1 ผล ไม่ต้องปอกเปลือก น้ำตาลกรวด 15 กรัม ขิงสด 2 แว่น ที่หั่นบางๆแล้ว เอาไปตุ๋นนาน 1 ชั่วโมง กินทั้งเปลือก
    อาการดังกล่าวจะลดน้อยและค่อยหายไป
    - เมาค้าง ดื่มน้ำส้มคั้น 1 แก้ว จะช่วยให้หายเมาค้างได้
    - ใช้เปลือกส้มแช่ในน้ำที่อาบหรือล้างหน้า แล้วใช้น้ำนั้นอาบหรือล้างหน้าเป็นประจำ
    - หลอดลมอักเสบ เปลือกส้มตากแห้ง หนัก 30 กรัม กับกระเทียม 15 กรัม นึ่งให้สุกแล้วกิน จะรู้สึกดีขึ้น



    6.แอปเปิ้ล
    - ทำให้ปอดชุ่มชื้น ช่วยย่อยสารอาหาร ลดกรดในกระเพาะ บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงกำลัง ละลายเสมหะ ขับร้อน
    - มีคุณค่าในทางเป็นยา ดังภาษิตที่ว่า กินแอปเปิ้ลวันละผลไม่ต้องไปหาหมอ
    - เนื้อแอปเปิ้ลที่เป็นเส้นใยจะทำหน้าที่ถูขัดฟันได้เป็นอย่างดี การเคี้ยวจะทำให้ฟันและเหงือกเรียบ และยังสามารถที่จะกำจัดเชื้อแบคทีเรียในปากได้ด้วย
    - ผู้ที่กินแอปเปิ้ลเป็นประจำ วันละผล จะเป็นโรคปวดศรีษะน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน
    - กินแอปเปิ้ลวันละผลหลังอาหารหรือก่อนนอน จะช่วยให้หายจากเลือดออกตามไรฟัน
    - เอาเปลือกแอปเปิ้ลสดมาต้มน้ำดื่มกิน แก้อาการคลื่นไส้ และมีเสมหะได้ผลชะงัก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ไขปัญหาสุขภาพ ( เรียงตามอักษร)

    ก้นเปื่อย (ในเด็กเล็ก)
    มักเกิดจากอุจจาระกัดก้น แล้วฟอกสบู่ซ้ำ
    ทาครีมที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ ช่วย
    สมานผิว / อย่าฟอกสบู่บริเวณอักเสบ รอยแดง


    กระ
    เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ถูกแสงแดดมาก
    เกินไป กรรมพันธุ์ มีลักษณะเป็นจุด ขอบเขตไม่กว้าง
    กระจายทั่วไปหรือเฉพาะที่ มีทั้งสีเข้มและอ่อน
    ทาครีมกันแดดทุกเช้าและกลางวัน เพื่อป้องกัน
    ผิวจากแสงอุลตร้าไวโอเลต / รับประทานผลไม้สด
    เพราะเป็นแหล่งของวิตามิน ซี ช่วยให้รอยด่างอ่อนลง


    กระดูกพรุน
    ร่างกายมีการสูญเสียมวลกระดูก เนื่องจาก
    ในระยะเวลา 3 ปี แรกหลังหมดประจำเดือนร่างกายจะ
    ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
    ถั่วเหลืองมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เลซิทิน
    และไฟโตเอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนธรรมชาติจากพืช /
    รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเป็นประจำ เช่น งา


    (โรค)กระเพาะ
    เกิดจากความเครียด รับประทานอาหารผิด
    เวลา เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และเกิด
    จากเชื้อจุลินทรีย์ Helicobactor pylori ก่อให้
    เกิดการอักเสบ สามารถติดต่อได้ทางอาหาร น้ำลาย
    การใช้ช้อน ตะเกียบคีบอาหารโดยไม่ใช้ช้อนกลาง /
    มักมีอาการปวดแสบ ปวดตื้อ ปวดเสียด หรือจุก
    แน่นตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ (เหนือสะดือ) เวลาก่อนรับ
    ประทานอาหารหรือหลังรับระทานอาหารใหม่ ๆ
    สารเคอร์คิวมินและน้ำมันหอมระเหยใน
    ขมิ้นชัน กระตุ้นการหลั่ง Mucin ออกมาเคลือบกระ
    เพาะ และลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดท้องได้

    กลากเกลื้อน
    เป็นวงแดงหรือด่างขาว พบบริเวณใบหน้า
    ลำตัวหลัง แขน ขา เกิดจากเชื่อรา ติดต่อโดยการ
    สัมผัส หรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย
    สารออกซีเมทซิลแอนทราควิโนนใน
    ทองพันชั่ง / กระเทียม / ชุมเห็ดเทศ /ใบพลูแก้
    กลากเกลื้อน ผื่นคัน

    กลิ่นปาก
    ทำให้ขาดความมั่นใจเกิดจากการรับประ
    ทานอาหารที่มีกลิ่นแรง ฟันผุ เหงือกอักเสบ มีเศษ
    อาหารติดตามซอกฟัน ต่อมทอนซิลอักเสบ
    น้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่ง ช่วยกลบกลิ่น
    อาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในปาก บำรุงรักษาเหงือกและฟัน
    ให้แข็งแรง / ข่อย รักษาโรคฟัน เหงือกอักเสบ
    รำมะนาด แก้ปวดฟัน

    เกาท์
    เกิดจากการฝังตัวของผลึกยูริคในข้อ ครั้ง
    แรกมักเป็นข้อเดียว ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ ข้อ
    โคนหัวแม่เท้าและข้อเท้า ถ้ามีอาการรุนแรงข้อจะบวม
    แดง ร้อน
    กรดโฟลิคในสาหร่ายเกลียวทองร่วมกับ
    วิตามินซี และและอีในเมล็ดทานตะวันและงา ช่วยลด
    ปริมาณกรดยูริค / งดรับประทานเครื่องในสัตว์

    ขัดเบา
    ถ่ายปัสสาวะออกทีละน้อย แต่บ่อยครั้งและ
    ปวดแสบปวดขัดเวลาถ่าย สาเหตุที่พบบ่อย คือ
    โรคกระเพราะปัสสาวะอักเสบ,นิ่ว
    กระเจี๊ยบ/ขลู่/ตะไคร้ มีฤทธิ์เป็นยาขับ
    ปัสสาวะ และนิ่วได้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ ถ่ายปัสสาวะ
    ทุกครั้งที่ปวด


    ไข้

    อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติ (37 ċ)
    อาจเกิดจากการติดเชื้อ แผลอักเสบ
    สาระสำคัญในบอระเพ็ด และฟ้าทะลายโจร
    รักษาไข้ที่ไม่รุนแรงและซับซ้อน


    ความจำเสื่อม
    โรคอัลไซเมอร์อาการเสื่อมในด้านความจำ
    ความคิดอ่าน บุคลิกภาพและอารมณ์ อาการเหล่านี้จะ
    มากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดในสมองอุดตัน
    เครียด แต่ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ
    สาร Acetylcholine ในเลซิทิน / DHA
    ในน้ำมันปลา / สารสกัดจากใบแปะก๊วย / โคเอ็น
    ไซม์คิวเท็น มีสารช่วยบำรุงเซลล์สมอง เสริมสร้างความจำ
    ต้านอัลไซเมอร์


    ความดันเลือดสูง
    เป็นโรคที่เกิดอย่างช้าๆ พบมากในคนที่
    ชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัด คนอ้วน คนสูบบุหรี่
    ดื่มสุรา มีความเครียดเป็นประจำ มีอาการปวดศรีษะ
    มักปวดบริเวณท้ายทอย อาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้
    สารในดอกคำฝอย / กระเทียม / ว่าน
    หางจระเข้ / น้ำคื่นช่าย / โคเอ็นไซม์คิวเท็น / สารAcetylcholine ในนมผึ้ง / สารกาบ้าในใบหม่อน
    มีฤทธิ์ขยายเส้นเลือดลดความดัน


    โคเลสเตอรอลสูง
    มีมากจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด
    ทำให้หลอดเลือดตีบตัน เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่สะดวก
    หัวใจต้องทำงานหนักทำให้เกิดโรคหัวใจตามมา
    ดอกคำฝอย มีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวสูง
    ลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้ / น้ำมันปลา / เลซิทิน
    ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล


    คลื่นไส้ อาเจียน
    จากหลายสาเหตุ เช่น รับประทานอาหาร
    มากเกินไป เมารถ เมาเรือ การตั้งครรภ์
    สารสกัดจากขิงป้องกันการคลื่นไส้ อาเจียน
    ต้านอาการแพ้คลื่น เมารถ โดยไม่ทำให้ง่วงนอน


    เคล็ด ขัดยอก
    เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณรอบข้อและเอ็นมี
    การฟกซ้ำหรือฉีกขาด เกิดอาการปวด บวม แดง
    ร้อนรอบๆ ข้อ มักพบบริเวณข้อเท้า ข้อเข่า ข้อไหล่
    ข้อมือ
    สารประกอบ Terpene จากไพล มีฤทธิ์
    ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
    เครียด ปวดศรีษะ ไมเกรน
    พบบ่อยจากหลายสาเหตุ เช่น พักผ่อนไม่
    เพียงพอ ขาดน้ำตาลในเลือด ขาดสารอาหาร
    ประคบร้อน – เย็น / เก็กฮวย / ธาตุสังกะ
    สีในสาหร่ายเกลียวทอง / สารแพนโธทีนิคในนมผึ้ง
    ช่วยคลายเครียด
    ท้องผูก
    ถ่ายอุจจาระแข็งหรือไม่ถ่ายอุจจาระนาน
    หลายวัน ต้องเบ่งเวลาถ่าย ตามมาด้วยโรคริดสีดวงทวาร
    สารอะโลอีนินในว่านหางจระเข้ / ชุมเห็ดเทศ /
    มะขามแขก / ขี้เหล็ก มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ /
    ลูกพรุนเป็นแหล่งกากใยรวมถึงธาตุเหล็ก แคลเซียม
    โปแตสเซียม สังกะสี วิตามินซี ชาวยการขับถ่าย
    ป้องกันมะเร็งลำไส้ / ข้าวกล้อง อุดมด้วยกากใย
    ท้องร่วง
    ส่วนใหญ่เกิดจากอาหารเป็นพิษ
    กระเทียมมีสารปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ อาจใช้
    กระเทียมสด ดองหรือแคปซูล
    ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น
    มีอาการปวด แน่นบริเวณหน้าท้อง เรอ
    เหม็นเปรี้ยว เกิดจากรับประทานอาหารมากหรือเร็ว
    เกินไป อาหารรสจัดย่อยยาก ท้องผูก เครียด ทำให้
    ระบบย่อยอาหารทำงานไม่สมบูรณ์
    สารพวกขมิ้น / ขิง / กานพลู / กระเทียม /
    ตะไคร้ / พริกไทย / กระชาย / มะตูม ช่วยย่อยอาหาร
    ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น
    นอนไม่หลับ
    สารสกัดจากใบขี้เหล็ก / สารแอลฟา ทริป
    โตแพนในสาหร่ายเกลียวทอง / Inositol ในนมผึ้ง
    ช่วยให้นอนหลับ
    เบาหวาน
    ถ่ายปัสสาวะบ่อยมีปริมาณมาก หิวบ่อย
    น้ำหนักตัวลด เกิดจากร่างกายไม่สามมารถใช้น้ำตาลที่
    รับประทานเข้าไปได้หมด เพราะขาดฮอร์โมนอินซูลิน
    ที่สร้างจากตับอ่อน จึงทำให้น้ำตาลคั่งสูงในเลือด ถ้า
    เป็นมากน้ำตาลจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
    สารกาบ้าในใบหม่อน / อินทนิลน้ำ ช่วยลด
    ระดับน้ำตาลในเลือด
    เบื่ออาหาร
    ขี้เหล็ก / บอระเพ็ดช่วยเจริญอาหาร
    ปวดประจำเดือน
    อิฟนิ่งพริมโรส ช่วยลดอาการ / บางรายขาดวิตามินบี 6
    ผมร่วง
    การมีเส้นผมที่หลุดร่วงออกมาง่ายเกิน 50
    เส้นต่อวัน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากขณะตั้งครรภ์แก่
    หรือหลังคลอด ความเครียดหรือใช้ยาบางชนิด โดย
    เฉพาะยาที่ใช้รักษามะเร็ง การฉายแสงเพื่อรักษา
    อาการผมร่วงจากเหตุนี้เมื่อร่างกายปกติ อาการมักจะ
    หายไปเอง
    ทำความสะอาดและบำรุงรากผม / บริหาร
    และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศรีษะ
    โดยการนวด / รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
    ผิวหน้ามัน
    เกิดจากต่อมน้ำมันมากเกินไป ผิวชนิดนี้จะ
    มีลักษณะเหนียวและทำให้ผิวดูมันตลอด รุขุมขนกว้าง
    มีสิวหัวดำและจุดด่างดำ ผิวประเภทนี้จะไม่ค่อยมีรอยย่น
    แต่ถ้าเกิดขึ้นมักจะเป็นรอยร่องลึก
    อย่าล้างหน้าบ่อย / ใช้โลชั่นเช็ดหน้า /
    แป้งฝุ่นแก้หน้ามัน / บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่
    ไม่มีน้ำมัน / รับประทานผัก ผลไม้ และดื่มน้ำให้มาก
    ผิวหน้าแห้ง
    ผิวเนื้อละเอียด แต่ขณะเดียวกันมีความ
    แห้งมาก โดยเฉพาะหลังล้างหน้าแล้วจะรู้สึกตึง มักมี
    เส้นเลือดฝอยแตกเป็นขีดเล็ก ๆ รูขุมขนเล็กและแดงง่าย
    ผิวประเภทนี้จะเป็นขุยบริเวณรอบดวงตา อาจมีแผ่นสะเก็ด
    ติดอยู่ด้วย
    หลีกเลี่ยงการเช็ดถูหน้าแรงและการขัดถูขุย
    บนใบหน้า / หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือสบู่ /
    เลือกใช้ครีมสำหรับผิวแห้ง / โลชั่นเติมความชุ่มชื้นแก่ผิว
    ผิวหน้าหมองคล้ำ
    เซลล์ผิวหนังถูกกระตุ้นจากแสงแดด ความ
    ร้อน ทำให้สีเข้มขึ้น
    หลีกเลี่ยงการกระทบแสงแดดเป็นเวลานาน /
    ผักผ่อนให้เพียงพอ / ทาครีมกันแดด / ครีมลดการสร้างสี
    แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
    บัวบกมีฤทธิ์ในการสมานแผล ทำให้แผล
    หายเร็ว ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดหนอง ฆ่า
    เชื้อราลดการอักเสบ / วุ้นในว่านหางจระเข้ ใช้
    รักษาแผล ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย / น้ำมันวิตามินอี
    ช่วยการหายของบาดแผล ลดรอยแผลเป็น
    ฝ้า
    ผิวบริเวณนั้นจะมีสีเข้มกว่าบริเวณอื่น จะ
    ขยายขอบเขตมากขึ้นเป็นปื้นหรือแผ่น เกิดจากแสงแด
    ฮอร์โมน ยาคุม ทำให้เซลล์สร้างสีผิดปกติ
    ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกเช้า / ครีม
    แก้ฝ้าลดการสร้างสีของผิว
    แพ้ อักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อย
    มีอาการเป็นผื่นหรือจุดแดงเล็ก ๆ รู้สึกคัน
    ถ้าเกาอาจมีน้ำเหลือง หรืออักเสบเป็นหนองได้
    ตำลึงใช้เป็นยารักษาอาการแพ้ อักเสบ /
    สารบิวทานอลและฟลาโวนอยด์จากใบพญายอ ระงับ
    การอักเสบ
    เมาเหล้า
    รางจืดถอนพิษเมาค้าง
    รอยด่างดำจากสิว
    มักเกิดจากการบีบและเค้นหัวสิว ทำให้
    เซลล์ผิวหนังบริเวณนั้นช้ำ สีเข้มหลังจากอักเสบหาย
    แล้ว มักมีรอยดำตกค้างอยู่ อาจหายไปเอง แต่ต้อง
    อาศัยระยะเวลานานพอสมควร
    ทาครีมลบรอยแผลเป็นแต่เนิ่นๆเมื่อสิวเริ่มยุบ
    อย่าบีบและแกะสิวที่อักเสบ เพราะเป็นการซ้ำเติมผิว
    ที่ถูกทำลายอยู่แล้ว / อาหารที่มีวิตามินอี เช่น เมล็ดทาน
    ตะวัน งา มีส่วนช่วยการหายของบาดแผล
    รอยช้ำใต้ตา
    เกิดจากการอดนอน เจ็บไข้ การรับประทาน
    อาหารไม่ถูกต้อง
    ใช้วิตามินอี ทาทั่วบริเวณใต้ตา
    ริมฝีปากแตกลอก
    เกิดจากการแพ้ลิปสติกสี ดื่มน้ำน้อย
    ทาริมฝีปากด้วยวิตามินอีทุกวัน / ดื่มน้ำ
    สะอาดเป็นประจำให้มากกว่าเดิม / รับประทานผลไม้
    ให้มากขึ้น
    รังแค
    เซลล์ผิวหนังเกิดการแบ่งตัวมากผิดปกติ
    เซลล์ที่ตายแล้วทับถมกัน ผสมกับไขมันบนหนังศรีษะ
    จึงเกิดการหมักหมมสิ่งสกปรก มักมีอาการคันร่วมด้วย
    อาจมีแบคทีเรียเป็นต้นเหตุ
    ใช้แชมพูขจัดรังแคโดยเฉพาะ ใช้สลับกับ
    แชมพูชนิดอ่อน / การรับประทานเลซิทิน เกลือแร่
    สังกะสี แมกนีเซียม วิตามินบี 6 และ บี 12 มีส่วน
    ช่วยลดอาการ / ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
    ริดสีดวงทวาร
    เกิดจากท้องผูก เบ่งมาก ทำให้เส้นเลือดดำ
    ของบริเวณทวารหนักโป่งพอง
    เพชรสังฆาตช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร /
    ข้าวกล้อง มีสารอาหารและกากใยมากป้องกันท้องผูก /
    วิตามินอีในเมล็ดทานตะวันช่วยลดอาการ
    เริม งูสวัด
    เกิดจากเชื้อไวรัส เริมพบได้ทุกเพศทุกวัย
    หายเองได้ มักเป็นซ้ำที่เดิมมักเกิดภายหลังมีไข้
    ร่างกายอ่อนเพลีย เครียด ระหว่างมีประจำเดือน
    เป็นตุ่มน้ำใสอยู่เป็นกลุ่ม โดยรอบจะเป็นผื่นแดง ตุ่ม
    จะแห้งเป็นสะเก็ดหายเอง งูสวัดมักเป็นในผู้ใหญ่
    เป็นแล้วมักไม่เป็นซ้ำ จะเป็นเม็ดผื่นแดงแล้วกลายเป็น
    ตุ่มสีเหลืองขุ่นขึ้นตามแนวเส้นประสาท แล้วค่อยๆยุบ
    จนแห้งเป็นสะเก็ด จะหายไปเองใน 2 – 3 สัปดาห์
    สารสกัดจากใบพญายอมีฤทธิ์ ฆ่าเชื้อไวรัส
    โดยตรง
    ลมพิษ
    พบบ่อยทุกเพศทุกวัย ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
    อาการจะเดิดขึ้นทันทีหลังจากสัมผัส สูดดม รับประทาน
    สิ่งที่แพ้ ลักษณะเป็นวงแดง ขนาดและรูปร่างต่างๆกัน
    เนื้อในวงจะนูนและสีซีดกว่าขอบเล็กน้อย รู้สึกคัน
    หากเกาจะทำให้ผื่นแดงลามขึ้นมาอีก
    น้ำมันหอมระเหยในใบพลูมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค
    ทำให้ปลายประสาทชา ลดอาการอักเสบและคันได้
    สิว
    เกิดจากการอุดตันเนื่องจากผนังท่อทางออก
    ของต่อมไขมันบวมขึ้นมาปิดท่อทางออกของมันเอง
    เหตุที่ผนังท่อบวมเกิดจากการระคายเคือง ขัดถู
    กรรมพันธุ์ ความเครียด ผักผ่อนไม่พอ ฮอร์โมนเพศ
    อย่ารบกวนผิว เช่น อย่าล้างหน้าบ่อยเกิน
    2 ครั้งต่อวัน / อย่าเช็ดถูหน่แรง / ห้ามบีบแกะสิว
    อักเสบ / ป้องกันและขจัดการอุดตัน / แก้ไขการ
    อักเสบของคอมมิโดน
    สิวเทียม
    เกิดจากการล้างหน้าบ่อย ใช้สิ่งชะล้างมาก
    เกินไป (สิวจากความสะอาดเกินไป) เป็นตุ่มจากการ
    ระคายเคือง ผิวเกิดปฎิกริยาต่อต้าน ไม่ใช่เม็ดสิว
    งดล้างหน้าด้วยสบู่ (ใช้น้ำเปล่า) / ห้าม
    เช็ดถูหน้าแรง (ผ้าสะอาดซับหน้า) / ไม่ต้อง
    รับประทานยาหรือทายาเม็ดตุ่มจะค่อยๆลดไปเอง
    ภายใน 7 – 14 วัน
    เสียงอื้อในหู
    กิงโกไบโลบา หรือใบแปะก๊วย ช่วยลดอาการ
    สะโพก น่องลาย
    เกิดจากผิวหนังขยายตัวไม่ทันกับการเพิ่ม
    ขนาดของเนื้อเยื่อใต้ผิว เกิดการแตกปริของผิว
    ครีมที่มีส่วนผสมของยูเรียสามารถป้องกันและ
    บรรเทาอาการได้มาก ควรเริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อย่างสู่วัยรุ่น
    ก่อนการแตกของผิว
    ส้นเท้าแตก มือลอก
    เป็นการอักเสบของผิว ผิวจะแห้งลอก
    ระคายเคือง และมักมีอาการคัน
    ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของยูเรีย มอยซ์เจอร์
    และวิตามินอีทำให้ผิวนุ่มนวลขึ้น / หลีกเลี่ยงการสัมผัส
    กับสิ่งระคายเคืองโดยตรง / ไม่ใช้ผงซักฟอกหรือสบู่ถู
    บริเวณที่มีปัญหา เพราะเป็นการเพิ่มความระคายเคือง /
    ไม่ใช้แปรงขัด เพราะย้ำรอยแตกให้กว้างขึ้น / การใช้
    สารช่วยให้ผิวนุ่มดีกว่าทาสารกัดกร่อนผิว
    เส้นผมแตกปลาย
    เส้นผมขาดการบำรุงหรือถูกสิ่งกระทบจาก
    ภายนอกเป็นประจำ เช่น แสงแดด ดัดผม ดรายผม
    โกรกผม จะเริ่มกรอบแห้งและกระด้าง เพราะขาด
    น้ำมันมาหล่อเลี้ยง และจะเริ่มแตกแยกออกเป็นสอง
    แฉกบริเวณปลายผม
    ตัดเล็มช่วงปลายผม / ใช้แชมพูที่มีแพน
    ธีนอลและใช้ครีมนวดผมหลังสระผมทุกครั้ง
    อดบุหรี่
    หญ้าดอกขาว ลดอาการอยากสูบบุหรี่
    อารมณ์แปรปรวน
    เกิดขึ้นเมื่อย่างเข้าวัยหมดประจำเดือน
    เนื่องจากอยู่ในภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
    ไฟโตรเอสโตรเจน ในถั่วเหลืองชดเชยการ
    ขาดฮอร์โมน
    ไอ ระคายคอจากเสมหะ
    อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส
    น้ำมันหอมระเหยในขิงมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ
    แบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดหนอง ลดอาการระคายคอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2011
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ชามะละกอ ช่วยล้างพิษ

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center><TBODY><TR><TD>น้ำเพื่อสุขภาพ.น้ำผลไม้.น้ำปั่น

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]หาก เปรียบร่างกายของคนเราเหมือนจานใส่อาหาร ลองนึกดูว่าจาน 1 ใบ เราใส่อาหารที่มีความมัน แม้เพียงเล็กน้อย ก็ยังทิ้งคราบ หากเราล้างไม่สะอาดก็ยังมีความมันบางส่วนตกค้างอยู่ ลำไส้ของเราก็เช่นกัน เรารับประทานอาหารเข้าไปทุก ๆ วัน ไม่มีการล้าง แน่นอนว่าย่อมเกิดการตกค้างของไขมันต่าง ๆ ซึ่งเราอาจไม่รู้ตัว แต่พอเดินเข้าตรวจที่โรงพยาบาลทีหนึ่งก็ตกใจที่คอเลสเต อรอลพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน (ค่ามาตรฐานปกติ
    ไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) ดังนั้นเราก็ควรหมั่นล้างลำไส้ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกวัน และเมื่อล้างลำไส้แล้ว ก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อไปบำรุงร่างกายเพิ่มขึ้นด้วย

    การทำ ‘ชามะละกอ’ ดื่มเพื่อล้างลำไส้ หากอยากให้ได้ประโยชน์ ไม่ควรเติมน้ำตาล แต่เราสามารถเติมใบชารสต่าง ๆ ที่เราชอบเพื่อกลบกลิ่นมะละกอดิบที่บางคนอาจไม่ชอบ ตัวอย่างของหลักการรับประทานอาหารง่าย ๆ ที่ควรจำ ก็คือ หากเรารับประทานอาหารที่มันหรือเลี่ยนมาก ๆ เช่น ข้าวขาหมู, พิซซ่า, ชีส หรือเนื้อติดมันต่าง ๆ ก็ไม่ควรรับประทานของหวานตามเข้าไป เพราะของหวานจะไปช่วยเร่งปฏิกิริยาให้ไขมันธรรมดากลายเป็นไขมันฝ่ายร้ายที่ มาเป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา แต่ให้เปลี่ยนเป็นรับประทานกระเทียม หรือดื่มชามะละกอตามลงไป เพราะสารของมะละกอที่ถักทอกับสารของใบชา ทำให้ช่วยย่อยไขมันและล้างไขมันออกจากผนังลำไส้ ควรดื่มเพื่อล้างเป็นประจำ ดื่มแทนน้ำอัดลมได้ก็จะดีมาก
    วิธีทำชามะละกอ
    วัตถุดิบ
    1. มะละกอดิบ 1 ลูก
    2. ใบชากลิ่นที่ชอบ จะเป็นชาเขียว, ชาจีน, ชาใบหม่อน ฯลฯ
    3. จะเพิ่มดอกเก๊กฮวย, ใบเตย หรือรากเตยลงไปด้วยก็ได้ เพราะดอกเก๊กฮวย ใบเตยจะบำรุงหัวใจ รากเตยก็ช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้มีกำลัง แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ก็ได้

    วิธีทำ
    1. ปอกเปลือกมะละกอดิบ แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นแบบชิ้นฟัก ให้ได้ประมาณ 15 – 20 ชิ้น
    2. นำมะละกอที่หั่นใส่หม้อ แล้วเติมน้ำ 2 ลิตร ตั้งไฟให้เดือด ตักมะละกอที่สุกแล้วออก (หากจะใส่ดอกเก๊กฮวย, ใบเตย หรือรากเตยให้ใส่หลังจากต้มมะละกอไปแล้วพักหนึ่ง)
    3. นำใบชากลิ่นที่ชอบใส่ลงไปพอประมาณแล้วต้มต่อ ไม่ควรเกิน 5 นาที
    4. จากนั้นกรองกากชาทิ้งไป พักน้ำที่ชงชาไว้จนเย็น บรรจุขวดแช่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่มได้ 2 วัน

    ชามะละกอ ช่วยล้างพิษ
    ข้อควรจำ
    เมื่อ เริ่มต้นทำการล้างลำไส้ด้วยชามะละกอแล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด ผัดที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมเยอะ ๆ คือรับประทานได้ แต่ก็ควรจำกัดให้อยู่ในปริมาณน้อย ๆ แล้วดื่มชามะละกอไปล้างลำไส้ทุกวันเมื่อมีเวลาว่าง ถ้าจะให้ดีต้มแล้วดื่มแทนน้ำเปล่า หรือดื่มสลับกับน้ำเปล่าตลอดวันเลยยิ่งดี

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    @@สมุนไพร ไล่ยุง@@

    โครงงานเศษเทียนผสมสมุนไพรไล่ยุง ชื่อโครงงาน เศษเทียนผสมสมุนไพรไล่ยุง
    ผู้จัดทำ นายกิตติศักดิ์ ญาณกาย
    นางสาวอรวรรณ ภูทองแหลม
    นางสาวอรสุดา พงษ์ละออ
    ครูที่ปรึกษา นางสุภาพรรณ ดาษถนิม
    นางสุพรรณี ถนอมสงัด
    ผลงาน โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ปีการศึกษา 2549

    จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
    1. เพื่อเป็นการนำเศษเทียนที่เหลือใช้แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
    2. เพื่อศึกษาว่าเศษเทียนผสมกับพืชสมุนไพรไล่ยุงได้
    3. เพื่อศึกษาชนิดของสมุนไพรกับการไล่ยุง

    สมมติฐาน
    1. เศษเทียนผสมกับพืชสมุนไพรไล่ยุงได้
    2. เศษเทียนผสมใบตะไคร้หอมปั่นตากแห้ง สามารถไล่ยุงได้ดีกว่าเศษเทียนผสมเปลือกมะกรูดปั่นตากแห้งและเศษเทียนผสมเปลือกส้มปั่นตากแห้ง

    ขอบเขตการศึกษา

    เศษเทียนที่หลอมเหลวแล้วผสมใบตะไคร้หอม ปั่นตากแห้ง เปลือกมะกรูดปั่นตากแห้ง และ
    เปลือกส้มปั่นตากแห้ง

    อุปกรณ์ในการทดลอง
    1. ใบตะไคร้หอม เปลือกมะกรูด เปลือกส้ม ที่ปั่นให้ละเอียดแล้วนำไป ตากแห้ง
    2. เศษเทียน
    3. สีเทียน
    4. แก้ว
    5. ไส้เทียน ยาว 45 นิ้ว
    6. กระดาษที่รองก้นแก้ว สูง 45 นิ้ว
    7. ไม้ 8.เครื่องปั่นผลไม้
    9.บีกเกอร์ ขนาด 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร
    10.บีกเกอร์ ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร
    11.ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์
    12.แท่งแก้วคนสาร
    13.เตารีด
    14.ไม้ขีดไฟ
    15.เครื่องชั่ง
    16.ตู้ ขนาดกว้าง 18 นิ้ว จำนวน 3 หลัง
    17.ยุง
    18.กระชอน
    19.ที่กรอง

    ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง
    ตัวแปรต้น เศษเทียน ใบตะไคร้หอมปั่นตากแห้ง เปลือกมะกรูดปั่นตากแห้ง เปลือกส้มปั่นตากแห้ง
    ตัวแปรตาม ไล่ยุงได้
    ตัวแปรควบคุม
    * เศษเทียนที่หลอมเหลวแล้ว 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร
    * ใบตะไคร้หอมปั่นตากแห้ง 5,10 กรัม
    * เปลือกมะกรูดปั่นตากแห้ง 5,10 กรัม
    * เปลือกส้มปั่นตากแห้ง 5,10 กรัม
    * ตู้ขนาดกว้าง 18 นิ้ว ยาว 45 นิ้ว สูง 45 นิ้ว จำนวน 3 หลัง
    * ยุงในตู้จำนวนหลังละ 50 ตัว
    * ใช้เวลาในการทดลอง 30 นาที
    * สถานที่ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์โรงเรียนเทศบาล ๒

    ผลการทดลอง
    1. เศษเทียนผสมใบตะไคร้หอมปั่นตากแห้งไล่ยุงได้ดีรองลงมาคือเศษเทียนผสมเปลือกมะกรูดปั่นตากแห้งและเศษเทียนผสมเปลือกส้มปั่นตากแห้ง( ไม่กรองกากสมุนไพร )
    2. เศษเทียนผสมใบตะไคร้หอมปั่นตากแห้งไล่ยุงได้ดีที่สุดรองลงมาคือเศษเทียนผสมเปลือกมะกรูดปั่นตากแห้งและเศษเทียนผสมเปลือกส้มปั่นตากแห้ง แห้ง ตามลำดับ และพบว่ายุงตายด้วย
    ( กรองกากสมุนไพรออก)

    สรุปผลการทดลอง

    * จะเห็นว่าเศษเทียนผสมใบตะไคร้-หอมปั่นตากแห้งไล่ยุง ได้ดีที่สุดรองลงมาคือเศษเทียนผสมเปลือกมะกรูดปั่น ตากแห้งและเศษเทียนผสมเปลือกส้มปั่นตากแห้ง ตามลำดับ และพบว่ายุงตายด้วย( กรองกากสมุนไพรออก)
    * เศษเทียนที่เหลือใช้แล้วสามารถนำมาผสมกับสมุนไพรให้เกิดประโยชน์ได้
    * ทำให้ทราบชนิดของสมุนไพรสามารถไล่ยุงได้

    ข้อเสนอแนะการทดลอง
    1. เมื่อผสมสีเทียนอาจได้ไม่ตรงตามต้องการ เช่น ผสมสีฟ้าได้เป็นสีฟ้าอมเขียว เพราะเศษเทียนมีสีเหลืองจึงทำให้สีคลาดเคลื่อน

    ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
    ด้านการศึกษา
    1. ทำให้ทราบประโยชน์ของเศษเทียนที่เหลือใช้แล้ว
    2. ทำให้ทราบว่าเศษเทียนสามารถผสมกับพืชสมุนไพรไล่ยุงได้
    3. ทำให้ได้ทราบว่าชนิดของสมุนไพรสามารถไล่ยุงได้
    ด้านเศรษฐกิจ
    สามารถนำผลิตภัณฑ์ที่ได้ไปจำหน่ายเป็นการเสริมรายได้แก่ครอบครัว
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    "น้ำปั่นบำรุงผิว"

    <TABLE border=0 width=590 height=344><TBODY><TR><TD height=24 width=238>[​IMG]</TD><TD width=342></TD></TR><TR><TD colSpan=2>

    </TD></TR><TR><TD rowSpan=11 align=middle></TD><TD></TD></TR><TR><TD>ส่วนประกอบ</TD></TR><TR><TD>1.กีวี่ 1 ลูก</TD></TR><TR><TD>2.แอปเปิ้ลเขียว 1 ลูก</TD></TR><TR><TD>3.แตงกวาลูกใหญ่ หนักประมาณ 150 กรัม 1 ลูก</TD></TR><TR><TD>4.เกลือ ครึ่ง ช้อนชา</TD></TR><TR><TD>5.น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ</TD></TR><TR><TD>6.น้ำต้มสุก ครึ่ง ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD>7.น้ำแข็ง ครึ่ง ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>วิธีทำ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>1.ล้างผลไม้ให้สะอาด แล้วปอกเปลือกกีวี่ออก แล้วหั่นแตงกวา แอปเปิ้ล กีวี่ เป็นชิ้นพอประมาณ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>2.ใส่แตงกวา แอปเปิ้ล กีวี่ ลงในเครื่องปั่นแล้วเติมน้ำต้มสุกและน้ำเชื่อมและเกลือลงไปจากนั้นปั่นพอละเอียด</TD></TR><TR><TD colSpan=2>เติมน้ำแข็งลงไปปั่นจนละเอียด เป็นอันเสร็จ ชิมรสหากชอบหวานให้เพิ่มน้ำเขื่อม</TD></TR><TR><TD colSpan=2>3.รินน้ำใส่แก้วตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟ</TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 สิงหาคม 2011
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    "น้ำปั่นลดคอเลสเตอรอล"




    [​IMG]


    <TABLE border=0 width=590 height=344><TBODY><TR><TD>ส่วนประกอบ</TD></TR><TR><TD>1.แตงกวาญี่ปุ่น 2 ลูก</TD></TR><TR><TD>2.แอปเปิ้ลเขียว 2 ลูก</TD></TR><TR><TD>3.คื่นช่ายฝรั่งเฉพาะก้าน 1 ก้าน</TD></TR><TR><TD>4.เกลือ 1 ช้อนชา</TD></TR><TR><TD>5.น้ำแข็ง 1 ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD>6.น้ำต้มสุก ครึ่ง ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD>7.น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>วิธีทำ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>1.ล้างแอปเปิ้ล แตงกวา คื่นช่ายให้สะอาด จากนั้น หั่นแตงกวาเป็นชิ้นเล็กคื่นช่ายหั่นเป็นท่อนเอาส่วนที่แก่ๆ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>ทิ้งปอกเปลือกแอปเปิ้ลเขียวแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก </TD></TR><TR><TD colSpan=2>2.น้ำแอปเปิ้ล แตงกวา คื่นช่ายใส่ลงไปในเครื่องปั่น ใส่น้ำต้มสุก เกลือ น้ำเชื่อมลงไปปั่นให้เข้ากัน จากนั้น</TD></TR><TR><TD colSpan=2>ใส่น้ำแข็งลงไปปั่นให้ละเอียด ชิมรส หากชอบหวานก็เติมน้ำเชื่อมได้อีก</TD></TR><TR><TD colSpan=2>3.รินน้ำใส่แก้วตกแต่งให้สวยงาม</TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><MAP id=Map name=Map><AREA href="index.html" shape=rect coords=504,4,593,27><AREA href="photoFruit.html" shape=rect coords=598,3,689,27><AREA href="http://fruit-fruit.ob.tc/-board.php " shape=rect coords=694,3,794,27><AREA href="mailto:brees-123@hotmail.com" shape=rect coords=800,3,879,27></MAP>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2011
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    "น้ำแอปเปิ้ลเขียว"

    [​IMG]


    <TABLE border=0 width=590 height=344><TBODY><TR><TD colSpan=2>"น้ำแอปเปิ้ลเขียว"

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>แอปเปิ้ลเขียวเป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว กรอบ มีกลิ่นหอมมีสรรพคุณคือ ช่วยขับของเสีย ออกจาก</TD></TR><TR><TD colSpan=2>ร่างกายเป็นยาระบายอ่อน ๆช่วยย่อยอาหาร และในแอปเปิ้ลยังมีกำมะถัน ช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรง </TD></TR><TR><TD rowSpan=9>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR><TD>ส่วนประกอบ</TD></TR><TR><TD>1.แอปเปิ้ลเขียว 2 ลูก</TD></TR><TR><TD>2.เกลือ ครึ่ง ช้อนชา </TD></TR><TR><TD>3.น้ำเชื่อม 1ส่วน4 ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD>4.น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD>5.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ</TD></TR><TR><TD>6.น้ำแข็งทุบ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>วิธีทำ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>1.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>2.ใส่แอปเปิ้ลลงในเครื่องปั่นแล้วเติมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม และ เกลือลงไป ปั่นจนละเอียด ชิมรสหากชอบหวาน</TD></TR><TR><TD colSpan=2>ให้เพิ่มน้ำเชื่อมอีก จากนั้นให้กรองเอาแต่น้ำโดยใช้ผ้าขาวบางพาดบนภาชนะ หรือแก้วที่ปากใหญ่แล้วใช้มือ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>หรือ ยางรัด ดึงให้ผ้าตึง จากนั้นเทน้ำผลไม้ลงไป ปล่อยให้น้ำผลไม่ไหลผ่าน อย่าบีบน้ำ หรือ คน เพราะ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>จะทำให้น้ำข้นไม่น่าดื่ม</TD></TR><TR><TD colSpan=2>3.รินใส่แก้วใส่น้ำแข็งตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟ</TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    สูตรลดความเครียดผ่อนคลายประสาท


    <!-- using Like-Button-Plugin-For-Wordpress [v3.1] | by GB-World -->
    [​IMG]สูตรน้ำสมุนไพรที่จะช่วยลดความตึงเครียดและผ่อนคลายประสาท จากส่วนผสมของ
    • แอปเปิ้ล ช่วยลดความตึงเครียด เพราะอุดมไปด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6
    • บีตรูต ดีต่อตับ ไต และลำไส้ตอนล่าง เพราะช่วยทำความสะอาดและกระตุ้นการทำงานของอวัยวะดังกล่าว รวมทั้งช่วยฟอกเลือด ฟอกไต บำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง เนื่องจากในผลบีตรูตเปี่ยมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 และบี6 กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และสังกะสี
    • ขึ้นฉ่าย มีสรรพคุณบำรุงตับ แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และนอนหลับได้ดีโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ รับประทานเป็นประจำจะช่วยแก้ปัญหานั้นได้ ในทางตรงกันข้าม หากคุณผู้ชายรับประทานขึ้นฉ่ายจะทำให้อสุจิลดลงไปร้อยละ 50 ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

    ส่วนผสม
    • แอปเปิ้ล 1 ถ้วย
    • บีตรูต 1 ถ้วย
    • ขึ้นฉ่าย 2 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
    วิธีทำ
    สำหรับขั้นตอนการปรุง หั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ส่วนบีตรูตและขึ้นฉ่ายหั่นพอหยาบ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสามชนิดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ ก่อนดื่มสามารถเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่นได้
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=font7 vAlign=top align=middle colSpan=2 height=50>สปา สครับขัดผิวสวย ง่ายๆด้วยผลไม้


    </TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2><TABLE class=border cellSpacing=0 cellPadding=0 width=298 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=1><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=30></TD></TR><TR><TD class=font6 colSpan=2>ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าโดยเฉลี่ยร่างกายคนเรามีการผลัดเซลล์ผิวทุก 28 วัน ดังนั้นการขัดผิวเดือนละ 2 ครั้ง นั้นละกำลังดี ผิวหน้าและผิวกายไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกัน ที่ใช้สำหรับผิวหน้าต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมสครับที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ที่มีความเป็นกรดสูงสำหรับคนผิวแห้ง
    วัตถุดิบทำสปาที่บ้าน
    1.สครับนุ่มๆมะเขือเทศ พืชที่ไดรับการันตีเรื่องความกระจ่างใส เนียนนุ่ม เหมาะกับทุกสภาพผิว สามารถผสมกับวัตถุดิบหลายอย่างได้อย่างลงตัวเพื่อเพิ่มความงามให้สาวๆ
    2.สครับเส้นใย มะขามเปียกหรือสับปะรด ผลัดเซลล์ผิวได้ดีที่เดียว เพราะมีวิตามินซีเยอะ ส่วนเรื่องของความสะอาดไม่ต้องพูดถึง สะอาดจนขี้ไคลเกลี้ยงเกลาเลยทีเดียว แต่ผลไม้สองชนิดนี้มีความเป็นกรด สาวผิวแห้งควรระวัง หากคุณเป็นคนที่ชอบสคับแต่ผิวแห้งเราแนะนำส้มเช้งก็ให้คุณสมบัติที่ไม่ต่างจากผลไม้ทั้งสองชนิดนี้
    3.ใยบวบ ช่วยในการขัดผิวตัวได้ดีเยี่ยม แต่มะละกอจะเหมาะกว่าเพราะมีความละเอียดอ่อนนุ่มและมีวิตามินซี
    4.มะนาว ช่วยในเรื่องของผิวที่หยาบกร้านบริเวณข้อศอก ส้นเท้าให้นุ่มขึ้น แต่ถ้าจะมาใช้กับใบหน้าก็ไม่ว่ากัน ถ้ากลัวแสบแนะนำ
    5.แตงกวาจะเหมาะกับคนผิวแห้ง ช่วยให้ใบหน้าคุณเปล่งปลั่งสดชื่นขึ้น ไม่แสบด้วย
    6.สุดท้ายมะพร้าว มีน้ำมันช่วยบำรุงผิวให้ผลลัพที่อ่อนนุ่ม ๆไม่เหมาะกับสาวผิวมัน
    เมื่อรู้วัตถุดิบที่ใช้ทำสครับไปแล้ว ลองเลือกที่ถูกใจและเหมาะกับผิวที่สุดดูคะ ลักษณะของสคับที่ดี ต้องไม่ข้นและเหนียวจนเกินไป ต้องหนืดเล็กน้อยจับตัวอยู่บนผิวได้สะดวกแก่การขัด


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    " น้ำทับทิม "

    <TABLE border=0 width=590 height=344><TBODY><TR><TD height=24 width=238></TD><TD width=342></TD></TR><TR><TD colSpan=2>

    </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom rowSpan=10 align=middle>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR><TD>ส่วนประกอบ</TD></TR><TR><TD>1.ทัพทิม 1 ลูก หนัก 250 กรัม </TD></TR><TR><TD>2.น้ำต้มสุก 2 ส่วน 3 ถ้วยตวง</TD></TR><TR><TD>3. เกลือ 1 ส่วน 4 ช้อนชา</TD></TR><TR><TD>4. น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ</TD></TR><TR><TD>5.น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ</TD></TR><TR><TD>6.น้ำแข็งทุบ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>วิธีทำ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>1.ผ่าทับทิม แกะเอาแต่เม็ดในออก</TD></TR><TR><TD colSpan=2>2.ใส่เม็ดทัพทิมลงในเครื่องปั่นแล้วเติมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม และ เกลือลงไป ปั่นจนละเอียด ชิมรสหากชอบ</TD></TR><TR><TD colSpan=2>หวานให้เพิ่มน้ำเชื่อมอีก จากนั้นให้กรองเอาแต่น้ำโดยใช้ผ้าขาวบางพาดบนภาชนะหรือแก้ว ที่ปากใหญ่</TD></TR><TR><TD colSpan=2>แล้วใช้มือหรือ ยางรัด ดึงให้ผ้าตึงจากนั้นเทน้ำผลไม้ลงไป ปล่อยให้น้ำผลไม่ไหลผ่านอย่าบีบน้ำ หรือ คน </TD></TR><TR><TD colSpan=2>เพราะจะทำให้น้ำข้นไม่น่าดื่ม</TD></TR><TR><TD colSpan=2>3.รินน้ำใส่แก้วใส่น้ำแข็งตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟ</TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...