53.ไปไหว้พระเมืองสามน้ำกัน…

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 20 พฤศจิกายน 2012.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ๕๓

    ...ไปไหว้พระเมืองสามน้ำกัน…




    งง ป่าว เมืองสามน้ำคือที่ไหน จังหวัดอะไร ทีแรกสร้อยฟ้ามาลาก็ งง ไม่เคยได้ยิน แต่เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จัก เมืองสามน้ำก็คือจังหวัดสมุทรสงครามนั่นแหละ แล้วที่มาจากคำว่าเมืองสามน้ำคืออะไร ก็คือ สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดที่มีทั้งเขตพื้นที่ที่เป็นน้ำเค็ม น้ำกร่อย และน้ำจืด จึงได้ชื่อว่าเมืองสามน้ำ

    วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา พี่สาวของสร้อยฟ้ามาลาได้ชวนไปแก้บนกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ที่ดอนหอยหลอด กับเจ้าแม่สาวิตรีที่วัดภุมรินทร์กุฎีทอง จะว่าไปก็เป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกับตอนก่อนของกระทู้ สายน้ำ อัมพวา ที่คราวนั้นพี่สาวได้ไปบนขอให้ได้ย้ายที่ทำงาน พอกลับมาทำงานก็มีคำสั่งย้ายสมความปรารถนา งานนี้ก็ชวนคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยพร้อมกับแมงปอแก้วผู้ริเริ่มการบน แต่คราวนี้ดอกกุหลาบ ๕๐๐ ดอก ประทัด ๕๐๐ นัดถวายกรมหลวงชุมพรฯ ชุดไทย ๑ ชุด พวงมาลัยกี่พวงจำไม่ได้ แล้วก็ของหอมถวายเจ้าแม่สาวิตรี...



    a.gif
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00nhi.gif
      00nhi.gif
      ขนาดไฟล์:
      44.6 KB
      เปิดดู:
      5,825
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    วันนี้ล้อหมุน ๐๗.๓๐ น. แวะซื้อเสบียงตอนเช้าที่ตลาดแถวๆ บ้าน แล้วก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม ขับไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็วไม่มาก ไม่เกิน ๑๒๐ ส่วนมากขับอยู่ที่ ๙๐ –๑๐๐ อากาศปลอดโปร่งแต่เช้าท่าทางแสงแดดจะดีทั้งวัน พวกเราไปถึงศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ที่ดอนหอยหลอดก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าๆ ลานจอดรถหน้าศาลเกือบเต็มแล้วแต่โชคดีเมื่อมาถึงมีช่องว่างให้จอดใกล้กับบันไดทางขึ้นศาลก็เลยไม่ต้องขนดอกกุหลาบไกล

    [​IMG]
    คุณยายจ๋า ลืมถอดหมวกก่อนไหว้หรือเปล่าจ๊ะ​

    วันนี้ถือโอกาสลองเลนส์กล้องใหม่เสียเลย ถอดเลนส์เก่าเก็บใส่กระเป๋าเพราะเลนส์เก่าขนาด ๑๘-๒๐๐ mm.(เลนส์เดียวเที่ยวทั่วไทย) เกิดอาการงอแงมานานตั้งแต่ครั้งที่ไปเที่ยวประเทศลาว(กระทู้ โอ้ดวงจำปา มาลางามยิ่ง มิ่งเมืองลาวเอย) ระบบกันสั่นของเลนส์ทำงานดีเกินไป ซูมทีไรชิ้นเลนส์ข้างในสั่นเห็นได้ชัด พอโฟกัสทีก็สั่นเป็นช่วงๆ ภาพก็เลยไม่ค่อยชัด บางทีโฟกัสได้แล้วกำลังกดชัตเตอร์ ชิ้นเลนส์ก็กระตุกจนภาพที่ต้องการหลุดกรอบไปเลย จึงต้องถึงเวลาที่ต้องส่งเคลมประกันแล้ว... ส่วนเลนส์ที่ซื้อมาใหม่เป็นเลนส์ชนิดULTRA WIDE ก็ไม่เคยถ่ายรูปช่วง WIDE มากๆ อย่างนี้... ไปอ่านบทความต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อเห็นว่ามีคนขายทิ้งเยอะเพราะคุมภาพยาก Perspective ภาพสูง ไหนๆ ก็ตัดสินใจแล้วก็ลองกันสักตั้ง ซึ่งถ้าจะใช้วิธีในการถ่ายภาพแบบที่เคยชินเป็นอันเลิกได้เลย..... ด้วยว่าสร้อยฟ้ามาลาเคยเขียนกระทู้ ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แล้วจึงไม่ขอลงอีกนะ หาอ่านได้จากกระทู้เก่า จ้า....


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9959_1a.jpg
      IMG_9959_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      460.8 KB
      เปิดดู:
      3,742
    • IMG_9964_1a.jpg
      IMG_9964_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      456.1 KB
      เปิดดู:
      3,683
    • IMG_9960_1a.jpg
      IMG_9960_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      383.8 KB
      เปิดดู:
      3,620
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    เมื่อแก้บน ถวายดอกกุหลาบแดง ๕๐๐ ดอก ประทัด ๕๐๐ นัดแล้ว ก็จัดแจงหาที่หาทางเปิดปิ๊คนิค ตั้งวงเล็กๆ แถวๆ นั้น และซื้ออาหารทะเล ตอนนี้เวลาสิบโมงครึ่งกว่า นั่งนานไม่ได้แล้วเพราะต้องรีบไปแก้บนที่วัดภุมรินทร์กุฎีทองเพราะหลักการแก้บนต้องถวายของก่อนเพล สร้อยฟ้าฯ จึงต้องรีบบึ่งรถออกจากศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เพื่อให้ไปถึงวัดภุมรินทร์กุฎีทองก่อนเวลาพระฉันเพล และ GPS เจ้ากรรมที่เพิ่งชาร์ตไฟไว้เต็มเมื่อคืน ตอนนี้เปิดเครื่องไม่ติด คาดว่าแบตเตอรี่เสื่อม แล้วสายชาร์ตติดรถก็ไม่ได้เอามาเสียด้วย ต้องใช้ความจำ แต่ปรากฏว่าจะเลี้ยวเข้าทางเข้าวัดผิด ยังดีที่ยังไม่ได้เลี้ยวไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลาเข้าไปอีก ต้องโทษป้ายบอกทาง บอกไม่เคลียร์ เพราะป้ายดันไปตั้งก่อนถึงถนนทางเลี้ยวเข้าสวนแห่งหนึ่งซึ่งที่จริงต้องเลยไปอีกหน่อยถึงจะเลี้ยว และตรงที่จะเลี้ยวเข้าไปนั้นตอนนี้ได้ทำเป็นวงเวียนเล็กๆ อยู่กลางถนน ซึ่งที่จริงเมื่อคราวก่อนก็มีวงเวียนแล้วนะแต่ไม่จำเอง..... พวกเรามาถึงวัดภุมรินทร์กุฎีทองประมาณสิบเอ็ดโมงนิดๆ จอดรถได้ก็ตรงขึ้นเรือนไทยก่อนเดี๋ยวไม่ทันเวลา พระท่านที่อยู่บนเรือนไทยคงพอจะจำคณะพวกเราได้ ก็ถามว่าเคยมาเมื่อเดือนก่อนๆ ใช่ไหม ก็เลยตอบไปว่า มาเมื่อเดือนพฤษภาคม ต้นปี พระท่านจึงบอกว่า อ๋อ เมื่อไม่กี่วันนี้ก็มีคนมาแก้บนเหมือนกันแล้วก็มาบนเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมเหมือนกัน.... พวกเราก็ถวายสังฆทานก่อน แล้วก็ถวายของของแก้บนเจ้าแม่สาวิตรี.... ถวายเสร็จก็มีคนอื่นเข้ามาไหว้เหมือนกัน....และด้วยว่าสร้อยฟ้ามาลาเคยเขียนกระทู้ ไหว้พระเมืองแม่กลอง ซึ่งมีข้อมูลของวัดภุมรินทร์กุฎีทองแล้ว จึงไม่ขอลงซ้ำอีกนะ ท่านใดสนใจหาอ่านได้จากกระทู้เก่า จ้า.....


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9990_1a.jpg
      IMG_9990_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      340.7 KB
      เปิดดู:
      3,567
    • IMG_9988_1a.jpg
      IMG_9988_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      387 KB
      เปิดดู:
      3,863
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]

    ก่อนที่จะมาแก้บน และไหว้พระ สร้อยฟ้าฯ ได้ search หาข้อมูลเมื่อว่าแก้บนเสร็จแล้วจะไปไหว้พระที่วัดไหนกันต่อดี ด้วยหลายๆ วัดที่น่าสนใจก็ไปมาแล้วและตอนนี้ข้อมูลในอินเตอร์เน็ทก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก มีแต่วัดซ้ำๆ เกือบทั้งนั้น และบางวัดก็อยู่ไกลเกินไปจึงต้องค่อยๆ ตัดออกไปทีละวัด นั่งหาและประมวลผลอยู่นานจึงตกลงวางแผนว่าจะไปวัดบางแคใหญ่ วัดบางแคน้อย ซึ่งสองวัดนี้อยู่ใกล้กัน ถัดจากวัดบางแคน้อย ก็จะไปวัดอินทารามซึ่งต้องขับรถลึกเข้าไปในสวนดงมะพร้าวแต่ลึกเท่าไหร่ ไม่รู้ และจากนั้นก็จะไปวัดประดู่เท่าที่ดูแผนที่คร่าวๆ กะไว้ได้ว่าใกล้ๆ เขตแดนของจังหวัดราชบุรี ด้วยวัดที่เลือกที่จะไปนี้เห็นว่ามีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง และแต่ละวัดก็เก่าใช้ได้เลย......



    a.gif
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2023
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    พรุ่งนี้มาเล่าใหม่ วันนี้ง่วงแล้วหล่ะ......
     
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    เมื่อแก้บนและไหว้พระที่วัดภุมรินทร์กุฎีทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปตามแผนการที่วางไว้คือวัดบางแคใหญ่ ซึ่งเมื่อคราวที่ไปวัดค่ายบางกุ้ง หลวงพ่อนิลมณี ก็ผ่านวัดนี้ ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีประวัติอย่างไร แต่พอกลับมาค้นหาข้อมูลกลับพบว่ามีอะไรที่น่าสนใจอยู่มาก เสียอยู่อย่างหนึ่งประวัติความเป็นมาน้อยไปหน่อยนะ...




    วัดบางแคใหญ่
    ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง บริเวณปากคลองบางแค ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม หลักฐานทางโบราณคดี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยมาแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งท่านเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์) สมุหพระกลาโหม เดิมดำรงตำแหน่ง เจ้าเมืองราชบุรี ท่านได้รับราชโองการจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ นำทัพไทยขับไล่พม่า ในศึกสงคราม ๙ ทัพ โปรดให้ไปขัดตาทัพที่ราชบุรีเมื่อปี พ.ศ.๒๓๖๔ หลังจากเสร็จสิ้นสงคราม ท่านได้นำความทรงจำระหว่างที่เดินทัพ ผ่านหมู่บ้านมอญ หมู่บ้านกระเหรี่ยง และการพักทัพในครั้งนั้น ได้ให้ช่างฝีมือในสมัยรัชกาลที่ ๒ เขียนลงบนแผ่นไม้ฝากุฏิอดีตเจ้าอาวาส โดยฝีมือ “อาจารย์คงแป๊ะ” ซึ่งไม่ได้เปิดให้ชมทั่วไปต้องขออนุญาต


    [​IMG]

    ตรงทางเข้าพระอุโบสถวัดบางแคใหญ่มียักษ์ทวารบาลยืนอยู่ ๒ ตน ซ้ายขวา รอบพระอุโบสถมีระเบียงคตล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน เปิดให้เป็นทางเข้าด้านหน้าซุ้มประตูกึ่งกลางระเบียงคต อีกด้านหนึ่งอยู่ด้านขวาเป็นซุ้มประตูเดินออกไปชมภาพเขียนอายุ ๒๐๐ ปี และอนุสาวรีย์เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ สมุหพระกลาโหม ในระเบียงคตประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และปางสมาธิ ขนาดต่างๆ กัน


    [​IMG]
    ทวารบาล ซุ้มประตู​
    ตัวพระอุโบสถนับอายุได้ราว ๒๐๐ ปี ลักษณะของพระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องลดชั้น ๒ ชั้น ช่อฟ้าใบระกาไม้ประดับกระจก หน้าบันไม้แกะสลักประดับกระจกภาพพระนารายณ์ทรงครุฑ มีประตูทางเข้า ๒ ประตู ซุ้มประตูทรงมงกุฎ ด้านข้างเป็นช่องหน้าต่างด้านละ ๕ ช่อง ซุ้มหน้าต่างปูนปั้นยอกแหลม ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๓๘ ง. วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๑


    [​IMG]

    หลวงพ่อศรีสมุทรพุทธโคดม เป็นพระประธานในพระอุโบสถ มีพระอัครสาวก ผนังด้านในอุโบสถทั้งสองด้านเป็นเป็นสีพื้นเรียบๆ บานหน้าต่างเป็นแผ่นไม้แบบเก่าๆ ที่กำลังมีการบูรณะเปลี่ยนบานหน้าต่างและบานประตู


    [​IMG]

    บริเวณรอบพระอุโบสถมีเจดีย์รายอยู่หลายองค์ องค์ที่อยู่ด้านหน้ามีขนาดใหญ่กว่าองค์อื่นๆ สูงเกือบเท่าหลังคาโบสถ์ ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในละแวกวัด และท่านเจ้าอาวาส (พระครูโฆษิตสุตคุณ) ซึ่งเกิดที่บ้านนี้ กล่าวไว้ว่าวัดนี้เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์) สร้างให้กับภรรยาหลวงของท่านจึงได้ชื่อว่า วัดบางแคใหญ่ นอกจานี้ท่านได้สร้างวัดบางแคน้อยให้ภรรยาน้อยของท่านด้วย ภายหลังมีการสร้างวัดบางแคกลางขึ้นอีก แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ ๒ วัดแรกแต่อย่างไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0038_1a.jpg
      IMG_0038_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      487.8 KB
      เปิดดู:
      3,831
    • IMG_0039_1a.jpg
      IMG_0039_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      342.4 KB
      เปิดดู:
      3,519
    • IMG_0049_1a.jpg
      IMG_0049_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      358.3 KB
      เปิดดู:
      3,651
    • IMG_0050_1a.jpg
      IMG_0050_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      397.8 KB
      เปิดดู:
      3,761
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    หลักฐานทางโบราณคดี ที่ปรากฏที่ผนังภายในด้านหน้าอุโบสถซึ่งเป็นแผ่นหินชนวนมีตัวอักษรภาษาไทยอ่านได้ความชัดเจนว่า วันอาทิตย์ เดือนห้า ขึ้นค่ำหนึ่ง จุลศักราชพันร้อยเจดสิบสาม ปีมะแม ตรีศก เจ้าพญาวงษาสุรศักดิ์ ผู้วามีสมุหะพระกลาโหม ได้ส้างพระอารามนีแล้ว แต่ณะวันสุกร เดือนสิบ แรมสิบค่ำ พุทธศักราชล่วงแล้วได้สองพันสามร้อยห้ามสิบเจด ปีจอ ฉอ-ศก
    หากถอดความเป็นภาษาไทยที่อ่านได้ง่าย คือ วันอาทิตย์เดือนห้า ขึ้นหนึ่งค่ำ จุลศักราชหนึ่งพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสาม ปีมะแม เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ ผู้ว่าสมุหพระกลาโหม ได้สร้างพระอารามนี้แล้ว ณ วันศุกร์ เดือนสิบ แรมสิบค่ำ พุทธศักราชล่วงแล้วได้สองพันสามร้อยห้าสิบเจ็ด ปีจอ ฉอศก

    คือเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ ได้สร้างวัดนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๓๕๗ เป็นช่วงต้นแผ่นดินรัชกาลที่ ๒ แห่งราชวงศ์จักรี วัดนี้ดูจากแผนผังของวัดพอจะคำนวณประวัติวัดได้อย่างหยาบ ๆ คือ


    [​IMG]

    ๑. จากพระพุทธรูปหินทรายแดงรอบพระระเบียง นิ้วพระหัตถ์กางแบบปาละ หน้าพระเป็นรูปไข่แบบอู่ทองหน้านาง เห็นได้ชัดว่าจะเป็นประติมากรรมสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา แสดงว่าอาจจะนำมาจากที่อื่นหรือเป็นของเก่าแก่ดั่งเดิมของวัด อย่างใดอย่างหนึ่ง ล่วงมาในสมัยอยุธยา หรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการเอาปูนมา ปั้นพอกพระศิลาทรายแดงไว้ บางองค์ก็ทำทรงเครื่องด้วย ซึ่งจะมีพระพุทธรูปด้านหน้าอุโบสถ ๒ องค์ และด้านหลังอุโบสถ ๑ องค์ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง พุทธลักษณะ และเครื่องทรงจะเป็นแบบสมัยสุโขทัย พระพุทธรูปโดยรอบอีก ๕๓ องค์ พุทธลักษณะและเครื่องทรงจะเป็นแบบอู่ทอง ทั้งหมดนี้สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย



    ๒. สิ่งที่บอกอายุของวัดคือ ใบเสมาหินทรายแดงขนาดเล็กสมัยอยุธยา ตระกูลอัมพวา เป็นแบบเดียวกับวัดหลวงพ่อบ้านแหลมและวัดโบราณสมัยอยุธยาตอนปลายในเขตจังหวัดสมุทรสงครามโดยทั่วไป บ่งว่ามีการปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดขึ้นมาใหม่สมัยอยุธยาตอนปลาย

    [​IMG]

    ๓. หลักฐานอีกประการหนึ่งคือ เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสองสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อยู่บนลานหน้าพระอุโบสถที่มีพระระเบียงล้อมรอบ เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสองนี้เป็นแบบสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือสมัยพระเพทราชาโดยตรง ต่อมาสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศใช้เจดีย์ย่อมุมยี่สิบแปด เช่น เจดีย์ที่สร้างไว้หน้าอุโบสถ วัดบรมพุทธาราม (สร้างสมัยพระเพทราชา) เจดีย์ย่อมุมสิบสองสมัยพระเพทราชาที่แท้ อยู่หน้าอุโบสถวัดพญาแมนริมคลองสระบัว จังหวัดอยุธยา วัดสมัยอยุธยาตอนปลายจะสร้างเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมยี่สิบสองบ้างย่อมุมยี่สิบแปดบ้างอยู่หน้าโบสถ์เสมอ เช่น วัดกำแพงแก้ว ตำบลสะพานไทย อำเภอบางบาล วัดพรหมนิวาส จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (วัดนอก) จังหวัดสมุทรปราการ วัดในวรวิหาร จังหวัดสมุทรปราการ ดังนี้ เป็นต้น

    ๔. กฎีสงฆ์หลังที่มีภาพเขียนนั้น เดิมเป็นเรือนไทยมีเสาต่ำมาภายหลังทางวัดรื้อลงแล้วก่อห้องข้างล่างเป็นปูน มีเสาแน่นหนายกเรือนสูงขึ้น ด้วยภาพเขียนถูกทอดไม้กระดานเป็นชิ้น ๆ เอามาปะติดปะต่อในภายหลัง โดมมีการเขียนชอล์กตัวเลขกำกับแผ่นไว้บนภาพเขียน ดังนั้นหากกล่าวโดยรวม ๆ วัดบางแคใหญ่น่าจะเป็นวัดมีมาแต่สมัยอยุธยาแล้วและเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์มาสร้างปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๒(พ.ศ.๒๓๕๗)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0043_1a.jpg
      IMG_0043_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      379.5 KB
      เปิดดู:
      3,563
    • IMG_0062_1a.jpg
      IMG_0062_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      326.5 KB
      เปิดดู:
      3,606
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]

    ภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า ๒๐๐ ปี เป็นงานศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้เป็นภาพเรื่องราวของสงคราม ๙ ทัพ เขียนบนฝาผนังเรือนไม้ทรงไทย ข้างอุโบสถวัดบางแคใหญ่ ภายในยังมีโบราณวัตถุสมัยเดียวกันอยู่อีกหลายชิ้น
    เรือนเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ ที่นี่ได้พบกับผู้ดูแลและผู้บรรยายประวัติของท่านเจ้าพระยา บอกว่าภายในบ้าน ซึ่งปัจจุบันคือกุฎิหลังหนึ่งภายในวัด สามารถถ่ายรูปได้ทั้งหมดยกเว้นภาพจิตรกรรม ๒๐๐ ปี เรื่องสงคราม ๙ ทัพ

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    ซึ่งเขียนบนฝาประจันเพียงด้านเดียว ภาพคงเหลือเพียงลายเส้น และสีบางส่วน เนื่องมาจากกาลเวลาที่ยาวนานทำให้มีการลบเลือนเกิดขึ้น บางส่วนแทบจะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้ถึงคุณค่ามหาศาลประเมินราคาไม่ได้ของผลงานชิ้นนี้ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนและรับไปดูแล

    [​IMG]


    แต่เมื่อสอบถามจากผู้ดูแลได้รับคำตอบว่ากรมศิลปากรไม่สามารถบูรณะได้เนื่องจากภาพเขียนสีนี้เป็นภาพเขียนสีโบราณซึ่งปัจจุบันไม่สามารถผสมสีโดยเฉพาะส่วนผสมของสีที่มีความใกล้เคียงกับของเดิมได้ ยังไงหล่ะเนี่ยะ ไปหาข้อมูลของคนอื่น เขาบอกว่าเคยบูรณะมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนและถ่ายรูปได้ พอมาดูเสียเองกลับถ่ายรูปไม่ได้และไม่สามารถบูรณะได้ สรุปแล้วยังไงหล่ะ ???? งง จะสรุปว่าเคยหรือไม่เคยได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร และบูรณะได้หรือไม่ได้ หรือจะปล่อยให้สูญสลายไป ไม่เข้าใจ.....แล้วถ้าไปยืนอยู่ไกลๆ สุดมุมศาลาเลยนะแล้วซูมถ่ายรูปไม่เปิดแฟลชด้วยจะได้ป่าวอ่ะ.... แต่ๆๆๆๆ ที่จำได้เคยเห็นคุณจิตต์ประภัสสร ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยเมื่อครั้งงานบุญสร้างพระพุทธรูปที่วัดค่ายบางกุ้งสาม สี่ปีที่แล้ว......



    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพเหล่านี้ไปขอยืมจากเว็ปอื่นมาหล่ะ ซึ่งก็จะมีทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังบนเรือนกุฎิเจ้าอาวาส และจิตรกรรมผาผนังในหอพระไตรปิฎก​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 37090_6941.jpg
      37090_6941.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.6 KB
      เปิดดู:
      3,762
    • 37254_1693.jpg
      37254_1693.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.6 KB
      เปิดดู:
      3,505
    • 37330_1690.jpg
      37330_1690.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.1 KB
      เปิดดู:
      3,512
    • 37533_1669.jpg
      37533_1669.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      5,484
    • 37655_1683.jpg
      37655_1683.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.2 KB
      เปิดดู:
      3,781
    • 37669_1682.jpg
      37669_1682.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.2 KB
      เปิดดู:
      3,513
    • 37809_1674.jpg
      37809_1674.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.8 KB
      เปิดดู:
      3,620
    • 37980_670.jpg
      37980_670.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.9 KB
      เปิดดู:
      4,464
    • 38019_1672.jpg
      38019_1672.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.7 KB
      เปิดดู:
      3,509
    • 83216.jpg
      83216.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144 KB
      เปิดดู:
      3,450
    • bk.jpg
      bk.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.8 KB
      เปิดดู:
      3,549
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    ประวัติเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์(แสง วงศาโรจน์)
    ท่านยายเดื่อ เป็นธิดาของท่านยายเจ้าเมือง ท่านยายเจ้าเมืองเป็นพี่นางของสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์ มหานาคนารี ซึ่งเป็นพระชนนีของสมเด็จพระอมรินทราพระบรมราชินี (ท่านนาง) พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ (พระบรมราชินีพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี จึงถือได้ว่าตระกูลวงศาโรจน์สืบสายหนึ่งมาจากราชนิกูลบางช้าง ราชนิกูลสายนี้มักรับราชการสนองพระเดชพระคุณในแถบสมุทรสงคราม สมุทรสาคร ต่อมาถึงราชบุรีด้วย) ซึ่งมีนิวาสถานเดิมอยู่ที่อัมพวา
    เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์) เดิมท่านมีบรรดาศักดิ์ใดไม่ทราบ ทราบแต่ว่ามีความดีความชอบมาโดยสม่ำเสมอ ตั้งแต่ครั้งต้นแผ่นดินรัชกาลที่ ๑ กล่าวคือในขณะที่ผู้บิดาคือพระยาราชบุรี(เสน วงศาโรจน์) ได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาราชบุรี หลังจากปราบดาภิเษกเสร็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว พ.ศ.๒๓๒๕ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานบรรดาศักดิ์นายแสงในคราวเดียวกันตามนี้ว่า "ให้นายแสง เป็นพระสมุทรสงคราม" (เจ้าเมืองสมุทรสงคราม)
    ต่อมาได้เป็นพระยาราชบุรี คนที่ ๒ เมื่อเจ้าพระยามหาเสนา (บุญมา) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระยาราชบุรี (แสง วงศาโรจน์) ขึ้นเป็นเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ที่สมุหพระกลาโหม ต้นสกุล วงศาโรจน์


    เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์) เกิด วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๓๑๑ ตรงกับขึ้น ๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด สัมฤทธิ์ศก จุลศักราช ๑๑๓๐ ท่านมีน้องชายร่วมสายโลหิตอยู่ ๑ ท่าน คือพระยาราชบุรี (เนียม วงศาโรจน์) ท่านเป็นบุคคลที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาท่านได้สร้างวัดไว้หลายแห่ง คือ วัดอัมรินทราราม (วัดตาล) ตั้งอยู่ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี สร้างวัดบางแคใหญ่ สร้างวัดบางแคน้อย ที่ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

    เจ้าพระยาวงษาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์) ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๓๖๕ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปี มะเมีย สัมฤทธิ์ จุลศักราช ๑๑๘๔ อายุได้ ๕๔ ปี ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งราชวงศ์จักรี บุตรหลานของท่านที่มีชื่อเสียง คือ พระยาราชบุรี (กลั่น) เจ้าเมืองราชบุรี พระยาราชบุรี (โนรี) เจ้าเมืองราชบุรี พระยาราชบุรี (กุ้ง) เจ้าเมืองราชบุรี พระยาราชบุรี (กุ้ง) มีธิดาคือ ท่านผู้หญิงอู่ เป็นภรรยาของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธ (เทศ บุญนาค)

    [​IMG]

    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอหาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งในงานศพของเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ ท่านได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระเมรุท้องสนามหลวง ดังประกาศต่อไปนี้
    ประกาศเรื่อง ทำพระศพเจ้านายแลเสนาบดี ที่พระเมรุกลางเมือง
    ปีชวดฉศก

    มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศแก่พระราชวงศานุวงศ์แลข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในให้ทราบทั่วกันว่า ที่พระเมรุที่พระราชทานเพลิงพระศพพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธรนั้น ให้รอไว้ไม่ให้รื้อ ครั้นเมื่อวันจันทร์เดือน ๙ แรม ๒ ค่ำ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้ากนิษฐาน้อย สิ้นพระชนม์ลง ทรงพระราชดำริว่า พระศพพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร ได้ทำในที่พระเมรุท้องสนามหลวงแล้ว พระศพพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากนิษฐาน้อย จะไปทำ ณ ที่อื่นก็จะเป็นที่เห็นไปว่าทรงนับถือแต่พระเจ้าลูกยาเธอมากกว่าพระเจ้าน้องยาเธอไป การแต่ก่อนก็เคยมีเป็นอย่างมาแล้ว เมื่อพระเมรุในท้องสนามหลวงยังมีอยู่ พระศพพระราชวงศานุวงศ์ที่ไม่เป็นพระศพ ฝังแล้ว ก็โปรดฯให้ทำที่ท้องสนามหลวงติดต่อกันมา พระศพเจ้านายพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ แลพระศพพระพี่นางเธอ พระองค์เจ้าใย ก็ได้โปรดฯให้เชิญมาตั้งที่พระเมรุแล้วพระราชทานเพลิง ณ ท้องสนามหลวง เพราะฉะนั้นครั้งนี้เมื่อเคารพพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลเสร็จแล้ว ครั้น ณ วันพุธเดือน ๓ แรม ๒ ค่ำ จะได้เชิญพระศพพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้ากนิษฐาน้อยไปตั้งที่พระเมรุท้องสนามหลวงสดับปกรณ์มีเทศนา มีงาน ๓ วัน วันศุกร์เดือน ๒ แรม ๔ ค่ำ จะได้พระราชทานเพลิง เป็นการเสร็จ

    อนึ่ง ณ วันพุธ เดือนยี่ เจ้าพระยานิกรบดินทรมหินทรมหากัลยาณมิตรถึงอนิจกรรมลง ทรงพระราชดำริว่า การศพท่านเสนาบดีที่สมุหนายกผู้ใหญ่ เหมือนอย่างครั้งในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระเมรุยังอยู่ ศพเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ แลศพพระยาอุไทยธรรมกลาง ก็ทรงพระกรุณาโปรดฯให้ทำที่ท้องสนามหลวง ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระเมรุที่ท้องสนามหลวงยังมีอยู่ ศพเจ้าพระยาอภัยภูธร แลศพพระยาราชมนตรี ก็ทรงพระกรุณาโปรดฯให้ทำที่พระเมรุ ณ ท้องสนามหลวงเป็นอย่างมาแล้ว ครั้งนี้ศพเจ้าพระยานิกรบดินทรมหินทรมหากัลยาณมิตร จะทำ ณ ที่อื่นก็จะต้องกะเกณฑ์กันทำเมรุแลโรงโขนโรงหุ่นโรงครัวโรงงาน การก็จะลำบากแก่นายด้านนายงานทั้งปวงไป เพราะฉะนั้นจึงโปรดฯให้ทำที่พระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง แต่การทั้งปวงสุดแต่เจ้าภาพ ในหลวงเป็นแต่ผู้ช่วยในการศพนั้น ท่านทั้งหลายทั้งปวงพระองค์ใด องค์ใด ผู้ใด จะมาก็ได้ไม่มาก็ได้ จะช่วยก็ได้ไม่ช่วยก็ได้

    จากประวัติของท่านเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ที่ผู้ดูแลสถานที่และเป็นผู้บรรยายด้วยนั้นมีเรื่องเล่าที่นอกเหนือจากจารึกในประวัติศาสตร์เรื่องสงคราม ๙ ทัพ แต่สร้อยฟ้าฯ ขอไม่นำมาลงไว้ และต้องขอขอบคุณท่านผู้ดูแลที่ช่วยบรรยายให้ความรู้เรื่องต่างๆ และช่วยเผยแผ่ประวัติของท่านเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ หากใครต้องการทราบในเรื่องอีกแง่มุมนึง สามารถไปสอบถามได้จากผู้ดูแลสถานที่นะ.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0077_1a.jpg
      IMG_0077_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      458.5 KB
      เปิดดู:
      3,556
    • IMG_0086_1a.jpg
      IMG_0086_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      343.7 KB
      เปิดดู:
      4,094
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ก่อนจะออกจากวัดบางแคใหญ่ได้สอบถามผู้ดูแลว่าวัดบางแคน้อยไปทางไหน ได้รับคำตอบว่าให้ออกไปทางเดิมแล้วเลี้ยวขวา ไม่ถึง ๕ นาทีก็ถึงวัด ทางเข้าวัดจะอยู่ขวามือใกล้กับทางเข้าโรงพยาบาลอัมพวา ถ้าเลี้ยวผิดหน่อยเดียวได้เข้าโรงพยาบาลเลยนะ....


    [​IMG]


    วัดบางแคน้อย

    ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง สร้างเมื่อ ปีพ.ศ.๒๔๔๑ โดย คุณหญิงจุ้ย (น้อย) วงศาโรจน์ (สร้อยฟ้าฯ ***แต่จากประวัติของวัดบางแคใหญ่ ทำไมบอกว่าวัดบางแคน้อยสร้างโดยเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์โดยสร้างให้กับภรรยาคนเล็กของท่าน ส่วนวัดบางแคใหญ่สร้างให้กับภรรยาหลวง***) เดิมอุโบสถของวัดสร้างบนแพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้นโพธิ์ ต่อมาพระอธิการรอด เจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ ได้สร้างอุโบสถบนพื้นดิน ในปี พ.ศ.๒๔๑๘ ต่อมา อุโบสถหลังเดิมได้ชำรุดทรุดโทรม พระอธิการเขียว เจ้าอาวาสองค์ที่ ๖ ได้สร้างอุโบสถขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ.๒๔๙๒ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๐ อุโบสถหลังเดิมเกิดชำรุดอีก เนื่องจากขาดแคลนวัสดุและคุณภาพ เพราะตอนสร้างอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ (สร้อยฟ้าฯ ***ตรงนี้อ่านทีครั้งแรกเกิดสงสัย ว่า พ.ศ.๒๕๔๐ เลยเวลาสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไปนานแล้ว แต่พออ่านดีๆ ก็พระอุโบสถหลังใหม่ถูกสร้าง ในปี พ.ศ.๒๔๙๒ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงทำให้วัสดุการสร้างพระอุโบสถไม่ค่อยดีนัก***) พระครูสมุทรนันทคุณ (หลวงพ่อแพร) จึงได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0109_1a.jpg
      IMG_0109_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      356.7 KB
      เปิดดู:
      3,856
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    อุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ภายในจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมดซึ่งก็หาดูได้ยาก เนื่องจากต้องใช้งบประมาณ เวลาและฝีมือการแกะสลักที่ปราณีต บรรจง โดยใช้ช่างที่มีความชำนาญ อุโบสถหลังนี้จึงมีความงดงามมากและหาดูได้ยากยิ่ง

    [​IMG]

    สิ่งที่น่าสนใจภายในอุโบสถ คือ

    ไม้มะค่าโมงซึ่งใช้เป็นแท่นรองพระประธานมีขนาดใหญ่มาก คือกว้าง ๒ เมตรครึ่ง ยาว ๓ เมตร หนา ๔ นิ้ว

    ชุกชีพ(ฐานปูนสำหรับประดิษฐาน) พระประธานเป็นไม้แกะสลักในทรงจอมแห

    พื้นอุโบสถปูด้วยไม้ตะเคียนทอง หนา ๒ นิ้ว กว้าง ๔๐ – ๔๔ นิ้ว เรียงกัน ๗ แผ่นเต็มพื้นอุโบสถ

    ฝาผนังพื้นเป็นไม้แกะสลัก หนา ๓ นิ้ว แกะสลักเป็นรูปคน สัตว์ ต้นไม้ และแกะเสริม รวมหนาถึง ๖ นิ้ว

    ฝาผนังด้านตรงข้ามพระประธานเป็นไม้แกะสลักรูปปางชนะมาร
    ฝาผนังด้านซ้าย ขวา ของพระประธานเป็นไม้แกะสลักรูปพระเจ้าสิบชาติ

    ฝาผนังด้านหลังพระประธานเป็นไม้แกะสลัก การประสูติ ตรัสรู้ นิพพาน

    [​IMG]

    ฝาผนังใต้ธรณีหน้าต่าง ๒ ข้าง แกะสลักฝังด้วยไม้โมกมันรูปพระเวสสันดร

    จั่วด้านหน้าและหลังเป็นไม้แกะสลัก
    ฝาผนังใต้ธรณีหน้าต่าง ๒ ข้าง แกะสลักฝังด้วยไม้โมกมันรูปพระเวสสันดร จั่วด้านหน้าและหลังเป็นไม้แกะสลัก ด้านข้างทั้งสองเป็นคูหาหลงรักปิดทอง คันทวยเป็นไม้ลงรักปิดทอง

    จะเห็นได้ว่าเป็นอุโบสถที่มีความสวยงาม มีคุณค่าทางด้านศิลปะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่างแกะสลัก เป็นช่างฝีมือจากเพชรบุรี ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านแกะสลักไม้เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงถือว่าอุโบสถวัดบางแคน้อยเป็นศิลปะสถานที่มีคุณค่ามาก และถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดสมุทรสงครามอีกด้วย



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0132_1a.jpg
      IMG_0132_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      466.9 KB
      เปิดดู:
      3,684
    • IMG_0133_1a.jpg
      IMG_0133_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      483.9 KB
      เปิดดู:
      4,251
    • IMG_0138_1a.jpg
      IMG_0138_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      437.6 KB
      เปิดดู:
      3,457
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]

    พระประธาน
    พระพุทธสมุทร ศรีพิชัยวิสุทธิมุนี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธานในอุโบสถวัดบางแคน้อย คาถาบูชาพระพุทธสมุทร ศรีพิชัยวิสุทธิมุนี คือบทสวดถวายพรพระ (พาหุงฯ) ด้านหน้าพระอุโบสถประดิษฐานพระพระพุทธสมุทร ศรีพิชัยวิสุทธิศาสดา (หลวงพ่อโชคดี) เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ห้ามปิดทององค์พระทั้งสอง เบื้องหลังพระพุทธสมุทร ศรีพิชัยวิสุทธิมุนีพระประธานในอุโบสถ มีภาพไม้แกะสลักที่สวยงามเรื่องการประสูติและปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เบื้องซ้ายและเบื้องขวาประดิษฐานพระรัตนธาตุในบุษบกขนาดเล็กที่สร้างไว้อย่างสวยงาม
    พระบรมสารีริกธาตุวัดบางแคน้อย เข้ามาถึงลานจอดรถของวัดจะสะดุดตากับองค์พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานบนบุษบก บริเวณฐานมีพระสาวกล้อมรอบ มีเทพรักษาทั้งสี่ทิศ หน้าพระอุโบสถมีศาลาสำหรับจุดธูปเทียนบูชาพระ โดยมีพระพุทธรูป และรูปเหมือนพระอริยสงฆ์หลายรูปให้ปิดทองขอพรเป็นสิริมงคล


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0112_1a.jpg
      IMG_0112_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      519.8 KB
      เปิดดู:
      3,400
    • IMG_0119_1a.jpg
      IMG_0119_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      534.5 KB
      เปิดดู:
      4,465
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    บุษบกวัชรอาสน
    บุษบกพระบรมสารีริกธาตุ ประดับตกแต่งอย่างงดงามมาก อยู่ลานกลางแจ้ง ริมแม่น้ำแม่กลอง มีเทพประจำทั้งสี่ทิศ องค์ซ้ายทิศตะวันออกหันหน้าไปทางแม่น้ำแม่กลองพอดี ท้าวธตรัฎฐะเป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา ทั้งหมด องค์ขวาท้าววิรุฬหกะเป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศใต้
    ท้าววิรูปักษ์ เป็นผู้ปกครอง นาคะเทวดาทั้งหมดอยู่ทางทิศตะวันตก ท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรรณ เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดาทั้งหมดอยู่ทางทิศเหนือ ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ องค์นี้ เป็นผู้รักษาโลกมนุษย์ด้วย จึงได้ชื่อว่า ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวโลกบาล ๔



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    ส่วนบนกุฏิของวัดบางแคน้อยยังเป็นสถานที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ไว้ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ได้เข้ามาสักการะขอพรเพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย (ตรงนี้ไม่ทราบ ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปกราบท่าน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0095_1a.jpg
      IMG_0095_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      437.4 KB
      เปิดดู:
      4,302
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    ที่วัดบางแคน้อยแห่งนี้ จะมีลานกว้างๆ มาก สามารถจอดรถได้หลายคัน และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่อากาศแจ่มใส พระอาทิตย์ทำงานเต็มที่ ส่วนเมฆสงสัยลาพักร้อน แสงแดดจึงแรงโดนอบแห้งหน้าดำอีกแล้วหล่ะ.... ได้เวลาพอสมควร พวกเราก็ได้เดินทางไปยังวัดต่อไป นั่นคือ วัดอินทาราม ได้เปิดหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ทเห็นว่าเป็นวัดเก่าแก่จึงลองไปดูแต่ทางที่จะไปเป็นถนนลาดยางเลาะเลี้ยวไปตามสวนมะพร้าว อย่างที่บอกแต่แรกว่า GPS เปิดไม่ได้จึงต้องอาศัยป้ายบอกทาง จะหลงหรือไม่หลงทางต้องวัดดวงกันหน่อย ถ้าใครเคยขับรถมาละแวกนี้จะทราบดี ทางไม่กว้างมีแต่ดงมะพร้าวและมีทางสามแยกสี่แยกเต็มไปหมดเหมาะแก่การหลงทางเป็นอย่างยิ่งต้องสังเกตป้ายดีๆ ทั้งขาไปและขากลับ ใช้เวลาจากวัดบางแคน้อยมาถึงวัดอินทารามประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ วันนี้ที่วัดมีการทอดกฐินและเททองหล่อพระพุทธรูป คนเยอะมากแต่ทำพิธีกันตรงลานวัดหน้าพระอุโบสถหลังเก่า

    [​IMG]

    วัดอินทาราม
    เป็นวัดโบราณที่สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๓๐๐ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ โบสถ์มหาอุตม์ สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต อายุ ๓๐๐ ปี มีโบสถ์หินอ่อนที่สร้างขึ้นมาใหม่ ประดับด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง บานหน้าต่างและบานประตูเป็นไม้สักแกะสลักสุภาษิตสอนใจ เบื้องล่างเป็นห้องขนาดใหญ่ สำหรับทำพิธีลอดใต้โบสถ์สะเดาะเคราะห์ ท่าน้ำของวัดเป็นอุทยานปลาตะเพียนนักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้ส่วนหนึ่งของวัดจัดเป็น ศูนย์ฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ใช้สมุนไพรควบคู่กับการปฏิบัติธรรมรักษาผู้ติดยาเสพติด



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0163_1a.jpg
      IMG_0163_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      366.5 KB
      เปิดดู:
      2,838
    • IMG_0162_1a.jpg
      IMG_0162_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      383.7 KB
      เปิดดู:
      2,833
    • IMG_0168_1a.jpg
      IMG_0168_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      442 KB
      เปิดดู:
      2,860
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    พอดีไปเจอเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณ ผู้เขียนใช้ชื่อเรื่องว่า อาถรรพ์ที่วัดอินทาราม บอกว่านำมาจากพลังจิตดอทคอม แต่หาในพลังจิตไม่เจอกระทู้นี้ สงสัยคงจะลงมานานแล้ว ลองอ่านเล่นๆ กันนะ....


    [​IMG]

    อาถรรพ์ที่วัดอินทาราม

    หากใครเคยขับรถไปแถวอำเภอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม จะพบว่าละแวกนี้จะมีแต่ร่องสวนลำคลองเป็นระยะๆ ชาวบ้านในแถบนี้มีอาชีพทำสวนผลไม้ ยึดอาชีพดั้งเดิม ทำการค้าขาย ดำเนินชีวิตกันไปแบบสงบร่มเย็น และท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของเรือกสวนไร่นานี่เอง ปรากฏว่าในแถบละแวกนี้มีวัดต่างๆ อยู่มากมาย ส่วนมากมักจะอยู่ติดกับแม่น้ำ ชี้ให้เห็นว่าคนสมัยก่อนต้องอาศัยน้ำเป็นหลัก ในการที่จะสร้างเป็นชุมชนเป็นหมู่บ้านต่างๆ ขึ้นมา มีวัดเก่าแก่อยู่วัดหนึ่งที่แฝงตัวอยู่กับธรรมชาติและอยู่ติดลำน้ำ นั่นคือ “วัดอินทาราม”

    วัดอินทาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ ตำบลเมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

    [​IMG]

    จากคำเล่าของชาวบ้าน ทราบว่า สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยมีหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานและเป็นที่กราบไหว้ สักการะของชาวบ้าน ซึ่งได้ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์เก่า เมื่อมาถึงวัดอินทารามตอนกลางวันดูไม่น่ากลัวเท่าใดนัก มีร้านค้าอยู่บริเวณริมถนนหน้าวัด แต่ทว่าพอตกยามค่ำคืนเมื่อใด บรรยากาศของวัดแห่งนี้จะเงียบเชียบและวังเวงขึ้นมาในทันที ผู้เขียนเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ตามคำบอกเล่าของ “คุณประยงค์ กลิ่นธูป” ที่ได้บอกว่าเมื่อประมาณ ๖ -๗ ปีก่อน ได้พาลูกชายมาบวชและบำบัดอาการติดยาที่วัดแห่งนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันว่า วัดอินทารามจะเปิดรับบำบัดพักฟื้นผู้ติดยาด้วยสมุนไพร จึงจะพบเห็นผู้คนเข้าออกบ่อยๆ รวมไปถึงพระเณรที่บวชใหม่อยู่ตลอดเวลา
    ตัวคุณประยงค์เองก็พาลูกชายมาบำบัด ช่วงคืนแรกก็ยังอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนตามประสาคนเป็นห่วงลูก
    แต่จากนั้นก็ปล่อยให้พักอยู่กับทางวัดเพื่อทำการรักษาตามขั้นตอน ปรากฏว่าให้หลัง ๒ -๓ วันเณรลูกชายก็โทรมาบอกว่า “อยู่ไม่ไหวแล้วผีหลอก” ตอนแรกคุณประยงค์ฟังนั้นก็นึกในใจว่าสงสัยลูกชายจะหาข้ออ้างจะไม่อยู่รักษา หรือไม่ก็คงจะมีอาการเสี้ยนยาจนมีอาการหลอนก็เลยไม่สนใจอะไร แต่พอเห็นลูกชายโทรมาหนักๆ เข้าก็เลยบอกว่าจะมานอนเป็นเพื่อนก็ได้ คุณประยงค์จึงกลับมาเยี่ยมลูกชายที่วัดแห่งนี้ และได้สอบถามว่าเป็นอย่างไร เณรลูกชายก็บอกว่าตอนกลางคืนในคืนแรกก็เดินจะไปนั่งเล่นรินน้ำ พอผ่านตรงบริเวณข้างโบสถ์ ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่มาก มีอายุนับดูแล้วอย่างน้อยๆ ร่วม ๒๐๐ ปี เพราะวัดแห่งนี้ว่ากันว่าสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และสมัยโบราณแถวนี้ก็เป็นชุมชน เป็นเมืองค้าขาย ลุ่มแม่น้ำเวลาศึกสงคราม จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมในด้านการลำเลียงเสบียงอาวุธต่างๆ ปรากฏว่าช่วงที่เณรเดินผ่านบริเวณโบสถ์เก่าแก่หลังนี้ จู่ๆ ก็เหมือนมีลมพัดวูบมาจากด้านหลังจนรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา เณรก็เลยตัดสินใจหันกลับไปมอง ครั้งแรกก็ไม่เห็นมีอะไร พอเดินต่อไปสัก ๒ – ๓ ก้าว พอหันมามองให้มั่นใจอีกทีภาพที่เห็นคือร่างของผู้หญิงรูปร่างเจ้าเนื้อ สวมชุดแบบชาวบ้านโบราณที่นุ่งผ้าโจงกระเบนมีผ้าดิบมัดไขว้ที่บริเวณอกกำลังยืนอุ้มลูกอยู่ในมือ

    แต่ที่เณรช็อกและกลัวจนแทบเสียสติก็คือ ร่างของผู้หญิงที่มาปรากฏนั้นมาแต่ตัวไม่มีหัว

    ถ้าเห็นเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ว่าไปอย่าง อาจจะยังไม่ค่อยน่ากลัวหรือปักใจเชื่อเท่าใดนัก แต่เณรบอกว่าเห็นจนจำติดตาได้ แล้วภาพนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป การที่วิญญาณมาปรากฏให้เห็นก็คือการมาขอส่วนบุญ แต่ตอนนั้นคุณประยงค์ยังเข้าใจว่าลูกชายตาฝาดไปเองมากกว่า เพราะสมัยนี้แล้วจะยังเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ก็ดูจะงมงายเกินไป ขนาดตัวเองแก่จนป่านนี้ยังไม่เคยเจอผีเลย จึงทำให้ตัดสินใจจะนอนเป็นเพื่อนเณรสักคืนหนึ่ง และในคืนนั้นเองคุณประยงค์ก็นอนหลับฝัน ในฝันนั้นเหมือนอยู่ในสมัยก่อน คูณประยงค์ได้เห็นกลุ่มผู้ชายถือดาบลักษณะเป็นโจร ปล้นฆ่าชิงทรัพย์ สักยันต์ เดินอยู่ขวักไขว่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนจะหายไปในความมืด และในฝันคุณประยงค์ก็เห็นคนถูกฆ่าตายอยู่ ๓ -๔ คน คงไม่น่าตกใจอะไร ถ้าในฝันนั้นไม่มีศพผู้หญิงที่ถูกฟันคอขาดร่วมอยู่ด้วย โดยหญิงคนที่ปรากฏในฝันนุ่งโจงกระเบนมีผ้าดิบมัดไขว้อยู่ที่หน้าอก พอเช้าขึ้นมาคุณประยงค์ไม่ทันจะเล่าว่าฝันอะไร เณรลูกชายทักขึ้นก่อนว่าเมื่อคืนพ่อนอนละเมออะไรทั้งคืน ดิ้นไปดิ้นมาจนเณรกลัว คุณประยงค์จึงเชื่อว่าที่เณรเห็นกับที่ตนเห็นเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน
    หากแต่ในฝันนั้นคุณประยงค์ไม่เห็นศพเด็กเหมือนอย่างที่เณรลูกชายเห็นมากับตาเท่านั้น


    [​IMG]

    คุณประยงค์จึงคุยกับลูกว่า ให้ไปจุดธูปบอกกล่าวตรงที่ลูกชายพบเห็นวิญญาณแม่ลูกอ่อนหัวขาดอุ้มลูกน้อย ขอให้เขาช่วยปกป้องรักษาให้ลาขาดจากยาเสพติด แล้วก็จะหมั่นทำบุญส่งไปให้ ปรากฏว่าลูกชายก็ตั้งใจเลิกยาได้ดีขึ้น ได้กลับบ้านและไม่หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเลย เรื่องราวทั้งหมดได้จากปากคำของผู้เคยสัมผัสกับอาถรรพ์ลี้ลับภายในวัดอินทาราม ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เพียงใด โปรดใช้วิจารณญาณพิจารณากันดู.....

    ...... จบข่าว.......​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0210_a.jpg
      IMG_0210_a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      398.5 KB
      เปิดดู:
      3,132
    • IMG_0200_1a.jpg
      IMG_0200_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      395.6 KB
      เปิดดู:
      3,815
    • IMG_0184_1a.jpg
      IMG_0184_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      417.8 KB
      เปิดดู:
      4,317
    • IMG_0177_1a.jpg
      IMG_0177_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      350.1 KB
      เปิดดู:
      2,858
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    จากเรื่องเล่า ถ้าลองพิจารณาดูแล้วจะเห็นได้ว่า บริเวณที่ตั้งของวัดอินทารามตั้งแต่โบราณเป็นแหล่งชุมชนและเป็นเส้นทางการค้าขายทางน้ำ แต่ แต่ แต่ ทำไมประวัติของวัดหายากจัง ใครเป็นผู้สร้างวัด และประวัติของหลวงพ่อโตก็ไม่มีให้อ่านกันเลย น่าเสียดาย.....


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    อ่ะ เมื่อพวกเราไหว้พระที่วัดอินทารามแล้ว ก็ต้องคลำทางย้อนกลับเพื่อจะไปยังวัดต่อไป ก็คือ วัดประดู่ พระอารามหลวง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีก เมื่อตอนหาข้อมูลการเดินทาง ครั้งแรกเลยจากวัดบางแคน้อยก็จะตรงไปยังวัดประดู่ แต่พอดูๆ เข้าเห็นว่าจะต้องผ่านวัดอินทาราม ก็เลยแวะวัดอินทารามก่อนจึงค่อยไปวัดประดู่ จากวัดอินทารามขับรถไปประมาณ ๑๕ นาที ก็จะถึงวัดประดู่

    [​IMG]

    กระบวนเรือเสด็จประพาสต้น เคยมาจอดเรือตรงนี้ เคยเสด็จมาตรงนี้ ​



    อ้อลืมเล่าไปอย่างนึง ตอนที่อยู่วัดภุมรินทร์กุฎีทอง ได้ปล่อยปลาแล้วก็ลูกตะพาบน้ำ ๑ ตัวด้วย แต่ตรงบริเวณนั้นปากคลองที่ตัดกับแม่น้ำแม่กลองจึงทำให้มีคลื่นแรง ลูกตะพาบที่ปล่อยไปว่ายน้ำไม่ไหวถูกคลื่นซัดก็เลยเก็บกลับมาจะมาเลี้ยงที่บ้าน แต่ก็เห็นว่ายังเหลือลูกตะพาบน้ำอีกหนึ่งตัวที่กำลังรอคนมาซื้อไปปล่อยก็เลยเหมามาอีก ๑ ตัว เก็บกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงวัดประดู่ พระอารามหลวง นี้ เห็นว่าคลองที่ผ่านวัดนั้น มีน้ำที่นิ่ง ก็เลยได้ซื้อปลาไหลปล่อยพร้อมกับลูกตะพาบน้ำอีก ๒ ตัว....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    [​IMG]


    วัดประดู พระอารามหลวง
    ตั้งอยู่ ตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่ปรากฏพบว่ามีแก่นไม้ประดู่ด้านหนึ่ง เจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมยาวขนาดเท่าใบลานใช้เป็นที่อัดใบลาน ได้นำไปไว้ที่ศาลเจ้าพ่อประดู่ นอกจากนี้ วัดประดู่ ยังเป็นวัดที่มีเรื่องเล่าและประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจมากมาย มีทั้งขุมสมบัติมหาศาลและลายแทงสมบัติ ที่มีรูอยู่เก้าแห่ง รูปไหนแห้ง และเปียกให้แทงรูนั้น มีบางคนเคยเห็นเป็ดเงินและเป็ดทองคำออกมาเดินเล่นน้ำฝนและหายลงไปในสระ มีพระพุทธรูปทองคำหน้าตักประมาณสองศอก ดำหายลงไป และมีเรือชะล่าใหญ่จมลงไปในสระ มักมีนักแสวงโชคมาขุดหาสมบัติแต่สุดท้ายมักคว้าน้ำเหลวปัจจุบัน ได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ทับปิดสระน้ำไปแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0223_1a.jpg
      IMG_0223_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      387 KB
      เปิดดู:
      2,694
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    วัดประดู่ นับว่าเป็นวัดประวัติศาสตร์ ใน สมัยหลวงปู่แจ้ง ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายังวัดประดู่ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ และทรงเสวยพระกระยาหารเช้าที่วัดประดู่ พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาต่อหลวงปู่แจ้ง สมัยนั้นหลวงปู่แจ้งเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาววัดประดู่ เมื่อพระองค์เกิดพระราชศรัทธาต่อหลวงปู่แจ้ง ได้นิมนต์หลวงปู่แจ้งเข้าไปในพระบรมมหาราชวังหลายครั้งด้วยกัน ที่สำคัญพระองค์ได้ถวายเครื่องราชศรัทธาที่สำคัญๆ อันทรงคุณค่าไว้ให้หลวงปู่แจ้งเช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ปิ่นโต สลกบาตร เป็นต้น

    [​IMG]

    กระทั่งใน พ.ศ.๒๕๔๓ จึงได้จัดตั้ง พิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ๒ ชั้น ๕ หลังคาแฝด ปิดทองฝาสกลทั้งหลัง เพื่อให้ ประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเครื่องราชศรัทธาและเป็นสมบัติของชาติสืบต่อไป และเพื่อเป็นแหล่งฝึกอบรมและพัฒนาเยาวชนให้เป็น ยุวมัคคุเทศก์ อีกด้วย

    [​IMG]

    ภายในพิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธาได้เก็บรักษาเครื่องราชศรัทธาต่างๆ มากมาย อาทิ พระแท่นบรรทม ตาลปัตร พระนามาภิไธยย่อ จปร. และตาลปัตรนารายณ์ทรงครุฑพร้อมปอกหลังสำหรับคลุม ตู้เล็กและตู้ทึบ ปิ่นโต บาตรพร้อมฝาบาตรไม้ฝังมุกตัวย่อ สพปมจ. ย่อมาจากคำว่าสมเด็จพระปรมินทรามหาจุฬาลงกรณ์ กาน้ำทองแดงมีตราสัญลักษณ์ กี่ใส่ยาฉุน ถาดใส่ของ ตะเกียงเจ้าพายุ นาฬิกาปารีส เป็นต้น ส่วนชั้นล่างนั้น พระมหาสุรศักดิ์ อติสกโข ซึ่งท่านเป็นผู้ที่คิดค้นประติมากรรมชิ้นแรกที่ใช้ดินสอพองของไทย มาปั้นเป็นหุ่นรูปเหมือนดังเช่น รูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส รูปเหมือนแฝดสยามอินจัน รูปนิมิตผีบ้านผีเรือน แม่นาค แม่ย่านาง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ รูปปั้นครูเอื้อ สุนทรสนาน (สุนทราภรณ์) และรูปปั้นคุณปู่ใหญ่ ยังมีสุข (กรรมการวัดที่มีดำริสร้างพระอุโบสถและกุฏิหลังใหม่) ไว้ชั้นล่างให้ได้ชมกัน



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0252_1a.jpg
      IMG_0252_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      404.8 KB
      เปิดดู:
      3,013
    • IMG_0260_1a.jpg
      IMG_0260_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      431.7 KB
      เปิดดู:
      2,760
    • IMG_0257_1a.jpg
      IMG_0257_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      378.4 KB
      เปิดดู:
      2,698
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  20. คนวิเศษ

    คนวิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +1,861
    เล่าเรื่อง สนุกดีครับ ขอบคุณครับ เหมือได้ไปเองเลย
    บางวัดก็ได้ไปมาแล้ว เช่นบางแคน้อย บางแคใหญ่
    วัดบางแคน้อยสวยมากครับ ยิ่งตอนกลางคืน
    เคยนั่งเรือชมหิ่งห้อยตอนกลางคืนและจะมี
    ขึ้นไปไหว้พระที่บางแคน้อยรวมอยู่ในทิปด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...