คลังเรื่องเด่น
-
น้ำมนต์ และคาถาหนุนปลุกพระของดีของ เจ้าคุณนรฯ อรหันต์กลางกรุง
น้ำมนต์ และคาถาหนุนปลุกพระของดีของ เจ้าคุณนรฯ อรหันต์กลางกรุง
น้ำมนต์พระพิรุณ น้ำฝนนั้น คนโบราณถือว่า เป็นน้ำจากฟ้า เป็นน้ำบริสุทธิ์ คนโบราณมักจะหาภาชนะปากกว้างไปตั้งไว้กลางแจ้งเพื่อรองรับน้ำฝน แล้วนำมาอาบมากิน มาผสมยารักษาโรค เรียกกันว่า “น้ำฝนกลางหาว” จากลักษณะดังกล่าวซึ่งจัดว่าเป็นของดีจากธรรมชาติ ที่คนโบราณเข้าใจนำมาใช้ทั้งเป็นตัวผสมที่บริสุทธิ์ในการผสมยาในอดีต ในสมัยที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ยังมีชีวิต การรดน้ำพระพุทธมนต์ หรือ การรดน้ำมนต์ ของท่านค่อนข้างจะแปลกแตกต่างจากพระองค์อื่นๆ ซึ่งได้มีการบันทึกและอธิบายไว้ จากการให้คำอธิบายไว้จากปากของท่านเจ้าคุณนรฯถึงการรดน้ำมนต์ตนเองแบบเจ้าคุณนรฯว่าทำได้และทำเช่นไรดังการบันทึกนี้
พันเอกจิต ธนะโชติ อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการรดน้ำมนต์ของพระคุณเจ้าในพระอุโบสถว่า เมื่อมีผู้ต้องการให้พระคุณเจ้ารดน้ำมนต์ให้ ก็จะต้องไปเอาแก้วที่มีอยู่ข้างตุ่มน้ำมนต์ลายมังกร ที่อยู่ข้างรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทร์ มาถวายท่านเจ้าคุณนรรัตน ฯ ท่านจะรับไปแล้ว ท่านจะสั่งให้นั่งคุกเข่ารออยู่เบื้องหน้าท่าน... -
"เล่าเรื่องหลวงปู่แหวน" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"เล่าเรื่องหลวงปู่แหวน"
" .. อำนาจความรักอย่างใหญ่ยิ่ง จริงใจ ใสสะอาด เคยปรากฏงดงามแล้วแก่จิตใจ ที่เคยได้ฟังเล่าจากผู้ประสบผลงดงามอย่างชื่นใจที่สุดคือ "ญาติโยมผู้หนึ่งเคยได้ยินกิตติศัพท์มหัศจรรย์ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่"
ที่เล่าขานกันว่า "นายทหารอากาศเคยเห็นท่านลอยอยู่บนฟ้า ขณะที่ขับเครื่องบินผ่านวัดดอยแม่ปั๋ง" ญาติโยมผู้นั้นตื่นเต้น อยากที่จะได้ไปกราบนมัสการท่านที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่ชอบอิทธิฤทธิ์ทั้งหลาย วันหนึ่งก็ได้ไปกราบหลวงปู่ท่านสมปรารถนา ช่วงนั้นท่านยังไม่ชรานัก ยังเดินเหินพูดจาปราศรัยได้สะดวกดีมาก
ญาติโยมผู้นั้นกลับมาเล่าอย่างชื่นอกชื่นใจว่า "หลวงปู่ท่าน น่ารักที่สุด ยิ้มก็น่ารัก เสียงก็น่ารัก โดยเฉพาะนัยน์ตาในแว่นสี่เหลี่ยมขาวใสของท่านทำให้ญาติโยมผู้นั้นเล่าว่ากลับมาได้ ๕-๖ วันก็ต้องเดินทางไปดอยแม่ปั๋งกันอีก"
ทั้งที่สมัยนั้นการเดินทางเข้าไปให้ถึงวัดดอยแม่ปั๋งไม่ได้สะดวกสบายเช่นทุกวันนี้ ต้องแล่นรถเลียบเหวไปอย่างที่ทำให้ผู้หญิงทั้งหลายตัวเกร็งไปตามกันด้วยความอดเสียวไส้ไม่ได้ แต่ก็เทียวไปเทียวมานับไม่ถ้วนในช่วงนั้น... -
สาธุดังๆ!!! "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" มอบพระคาถาแคล้วคลาดที่ท่านใช้ประจำ เห็นผลแน่นอน!! หากทำตามที่บอก!!!
สาธุดังๆ!!! "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" มอบพระคาถาแคล้วคลาดที่ท่านใช้ประจำ เห็นผลแน่นอน!! หากทำตามที่บอก!!!
คาถาแคล้วคลาด
พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน
พุทธังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิ โส ภะคะวา
ธรรมมังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิ โส ภะคะวา
สังฆังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโส ภะคะวา ฯ|
•คาถาบทนี้ เป็นคาถาที่พ่อท่านคล้าย ท่านใช้สวดภาวนาเวลาออกเดินทาง เดินธุดงค์ในป่า เดินบิณฑบาต หรือเมื่อจะเข้าผจญภัย เป็นคาถาแคล้วคลาดปลอดภัย ศักดิ์สิทธิ์นักแลฯ
ประวัติพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน เทวดาเมืองคอน
ประวัติพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน , ประวัติพ่อท่านคล้าย วัดพระธาตุน้อย
พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน วัดพระธาตุน้อย พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า "พ่อท่านคล้าย" ประวัติพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองคอน วัตถุมงคลพ่อท่านคล้าย
พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" นามตามสมณศักดิ์ท่านคือ พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อท่านคล้าย นามเดิมว่า "คล้าย สีนิล" เกิดตรงกับ... -
เรียนแล้วต้องลอง!!!"หลวงพ่อปาน"หนีมาเที่ยวบางกอกด้วยพลังจิต แต่ไม่พ้นสายตาอาจารย์"หลวงพ่อสุ่น" ห้ามใช้บ่อยๆ!!
เรียนแล้วต้องลอง!!!"หลวงพ่อปาน"หนีมาเที่ยวบางกอกด้วยพลังจิต แต่ไม่พ้นสายตาอาจารย์"หลวงพ่อสุ่น" ห้ามใช้บ่อยๆ!!
<.... หลวงพ่อปาน หนีอาจารย์ไปเที่ยว ....>
วันหนึ่งหลวงพ่อปาน นั่งเล่นอยู่หน้าสะพาน สะพานท่าน้ำ หน้าวัดบางปลาหมอ ใจก็นึกอยากจะมาเที่ยวบางกอก ( กรุงเทพฯ ) พอนึกดังนั้นในใจก็นึกลองวิชา วาโยกสิณที่หลวงพ่อสุ่นสอนให้
ไอ้ร่างกายมันก็มาเบา กำหนจิตมาถึงมาลงที่สนามหลวงได้ ตั้งใจว่าจะลงที่สนามหลวงก็มาถึงบางกอกได้ เดินเที่ยวเสียพักหนึ่ง ก็ทำวาโยกสิณกลับวัด เวลาจะกลับก็ไปที่ลับ ๆ นึกถึงวาโยกสิณขึ้นมามันก็กลับมาถึงที่สะพานตามเดิม
แต่ว่าการหนีเที่ยวอย่างนั้น มีรึจะหนีพ้นสายตาของหลวงพ่อสุ่น ผู้เป็นอาจารย์ก็หาไม่ หลวงพ่อสุ่น ท่านจำวัดอยู่ในกุฏิ
ท่านก็รู้ว่าลูกศิษย์แอบหนีไปเที่ยว พอหลวงพ่อปานกลับมาอาบน้ำเสร็จ ขึ้นไปหาท่าน ท่านถามว่า
" ปาน วันนี้ไปเที่ยวบางกอกมาเรอะ ไปซื้ออะไรมาบ้างล่ะลูก "
หลวงพ่อปานบอก " ไม่ได้ซื้ออะไรหรอก ขอรับ "
หลวงพ่อสุ่นท่านก็เลยสั่งว่า " การแสดงอิทธิฤทธิ์ทำได้นะลูกนะ แต่อย่าให้ชาวบ้านเขาเห็นนะ การแสดงฤทธิ์จงอย่าให้ชาวบ้านเขาเห็น... -
มีวิธีเช็คยังไงครับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่รับพยากรณ์แล้ว
มีวิธีเช็คยังไงครับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วกรณีไม่ได้อภิญญาและไม่ได้มโนมยิทธิตั้งสมาธิยกพระพุทธรูปเสี่ยงทายที่พระธาตุพนมพอจะเชื่อได้ไหมครับรบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบทีครับ -
"ไม่โกรธ คือให้อภัย" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"ไม่โกรธ คือให้อภัย"
" .. "อันความไม่โกรธนั้น ไม่ได้เป็นคุณเป็นประโยชน์หรือเป็นผลดีแก่ใครยิ่งกว่าแก่ตัวเอง" จึงควรอย่างยิ่งที่จะปฎิบัติ เพื่อความไม่โกรธ ในขั้นต้นแม้เพียงเมื่อกำลังขับรถหรือนั่งอยู่ในรถ "ผู้มีธรรมถือเหตุผลเป็นสำคัญเสมอ" ไม่ว่าใครจะทำผิดมาแล้วมากน้อยเพียงไหน หากเห็นเหตุผลที่กระทำไปเช่นนั้นจักอภัยให้ได้อย่างง่ายดาย
"การตั้งใจจริงที่จะไม่โกรธขณะขับรถ พร้อมกับใช้ปัญญาหาเหตุผลมาประกอบเพื่อไม่ให้เกิดความโกรธ" ก็คือการตั้งใจจริงที่จะเข้าใจเหตุผลความจำเป็น ของคนที่ขับรถอื่น ๆ ด้วยมารยาทอันชวนให้โกรธและเมื่อเหตุผลความจำเป็นของเขาแล้ว "ก็จะอภัยให้ได้ ไม่โกรธ"
"การฝึกใจไม่ให้โกรธ จึงเท่ากับเป็นการฝึกให้อภัยในความผิดของผู้อื่น" ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่รู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม "นับเป็นการบริหารจิตอย่างยิ่งวิธีหนึ่ง" ที่จะให้ผลดีแก่ผู้บริหารเอง
เท่าที่เคยได้ยินมา "รถหรือคนขับรถที่ถูกโกรธมากที่สุดคือรถโกยสารประจำทาง" หรือคนขับรถโดยสารประจำทาง เห็นแทบทุกคัน ทุกสาย ที่พูด ๆ กันให้ได้ยิน ก็เพราะขับไม่เกรงใจใคร ชอบเบียดชอบแซง เพราะรีบร้อนจะไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา "ชนเป็นชน ตายเป็นตาย"... -
พระสยามเทวาธิราชคือใครมาจากไหน? ... หลวงพ่อฤๅษีลิงดำมีคำตอบ!!!!
พระสยามเทวาธิราชคือใครมาจากไหน? ... หลวงพ่อฤๅษีลิงดำมีคำตอบ!!!!
พระสยามเทวาธิราชนี่เริ่มมีเมื่อสมัยก่อนรัชกาลที่๔มีนะแต่ก่อนพระเจ้าแผ่นดินสมัยนั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อนี้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญขออย่างนั้นอย่างนี้ต่อมาสมัยรัชกาลที่๔ท่านเป็นนักปราชญ์เป็นนักบาลีก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า พระสยามเทวาธิราชหมายถึงว่าเทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศสยาม
ทีนี้ที่ถามว่าให้คุณให้โทษทางไหน ... ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบให้คุณนี่ก็ไม่รู้แต่ท่านเป็นเทวดา ... เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ
เมื่อปี๒๕๑๘ปีนั้นพระเจ้าอยู่หัวนิมนต์เข้าไปที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณพอเข้าไปทำบุญ... วันจักรี...... -
ไม่อยากจน ต้องทำตาม!!! พระคาถาปัจเจกโพธิ์"หลวงพ่อปาน" หลวงพ่อฤาษีลิงดำยืนยัน เห็นผลแน่นอน!!
ไม่อยากจน ต้องทำตาม!!! พระคาถาปัจเจกโพธิ์"หลวงพ่อปาน" หลวงพ่อฤาษีลิงดำยืนยัน เห็นผลแน่นอน!!
อานิสงส์คาถาพระปัจเจกโพธิ์
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ในปัจจุบันนี้ภาวะทางเศรษฐกิจย่ำแย่ ตามบริษัทห้างร้านต่างๆ ต่างคนต่างบ่นกันพึมพำ ชาวบ้านหรือก็หนักใจ เมื่อพูดถึงเรื่องจนก็ทำให้นึกถึง คาถาวิระทะโย
พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา
วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหมฯ
คาถาบทนี้มีความสำคัญมาก พวกเราทุกคนควรจะทำให้ได้เป็นพื้นฐานไว้ก่อน คาถาบทนี้ทำขึ้นน้อยๆ ถ้าเงินมันขาดมือจะชดใช้กันทัน ถ้าหากทำขึ้นเต็มอัตรา เงินจะเหลือใช้ แต่ต้องทำเป็นสมาธินะ
การทำสมาธินี่ไม่ต้องนั่งก็ได้ ถ้าว่างตอนไหนก็นึกว่ามันเรื่อยไป ขายของอยู่ ทำงานอยู่ พอว่างนิดก็ว่าไป เดินไปนึกขึ้นได้ก็ว่าไป
คาถาวิระทะโย นี้ใครทำเป็นสมาธิได้ ถ้าทำถึงอุปจารสมาธิ ตอนนี้เงินไม่ขาดตัวแน่ ถ้ามีความจำเป็นมากจริงๆ มักจะหาได้ทัน ถ้าเข้าถึงขั้นปฐมฌานตอนนี้ละขังตัว ไม่ใช่พอใช้นะ เหลือใช้เลย แต่ต้องทำได้ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปนะ
คาถาบทนี้มีคนใช้ได้ผลมาเยอะแล้ว คนที่ใช้ได้ผลคนแรกสุดคือ... -
ปิดรับบริจาค บุญด่วน.....ช่วยชีวิตพญากระบือ ๒ ตัว
แจ้งให้ทราบ.....ข่าวดีครับ
วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๐ มีเงินเพียงพอที่จะช่วยไถ่ถอนชีวิตพญากระบือทั้ง ๒ ตัวแล้วครับ
เงินที่ล้นเหลือนั้น จะนำมาทำบุญสร้างห้องน้ำของวัดครับ
#เหลือเวลาเพียง 4 วันเท่านั้น !! จะช่วยได้ทั้ง 2 ตัวหรือปล่าว??
แต่ที่แน่ๆ ได้ 1 ตัว 2 ชีวิตแล้ว
#ยอดสูงสุด ณ.ตอนนี้ 66,421 บาท ต้องการยอดอีก 34,579 บาท
บัดนี้ถึงสิ้นเดือนนี้
---------------------------------------------------
วอนช่วยพญากระบือ 2 ตัวนี้ด้วย
หลวงพ่อพระครูสุนทรวรการ เจ้าอาวาสวัดจอเจริญ
บอกบุญมายังญาตธรรมทุกท่าน โปรดช่วยไถ่ถอนชีวิตพญากระบือท้องแก่จากโรงฆ่าสัตว์
นำมาเลี้ยง ที่วัดจอเจริญ ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย
ใว้เป็นที่ศึกษาแก่เยาวชนรุ่นและเพาะขยายพันธ์แจกจ่ายต่อไป
--------------------------------------------------
ตามบัญชีชื่อ พระครูสุนทรวรการ ประเสริฐ ทิพย์ทอง
ธ.กสิกรไทย สาขา บิ๊กซี เชียงราย023-8-32845-4
--------------------------------------------------
กำหนดเวลาบัดนี้ถึงสิ้นเดือนนี้ ในราคาตัวละ 51,000 บาท
--------------------------------------------------
#ลักษณะพญาควาย
มีลักษณะ "หน้าดอก -... -
อภินิหารหลวงปู่บุญ!!! แปลงกายเป็นพญาเสือโคร่ง
มีเรื่องเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่ในย่าน อ.นครชัยศรี ต่อๆกันมาว่า หลวงปู่บุญ ท่านสำเร็จวิชา "สำเร็จธาตุ" เป็นวิชาเดียวกันกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท สามารถเสกใบไม้เป็นต่อแตน เสกหัวปีเป็นกระต่าย ให้พิศวงต่อผู้พบเห็นกันมาแล้ว หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว ก็มีคุณวิเศษไม่แพ้กัน เรื่องมีอยู่ว่า ในปีหนึ่งหลังช่วงประมาณออกพรรษาได้มี พระรูปหนึ่ง ชื่อ "อาจารย์ฮวด วัดดอนมโนราห์" ได้เดินทางมาหาหลวงปู่บุญโดยอ้างว่าอยากให้หลวงปู่บุญแนะทางในเรื่องวิปัสสนาและสอบอารมณ์ จะมาขอพักที่วัดสักเดือน ผ่านไปสองถึงสามวัน ก็แล้วอาจารย์ฮวด ก็ยังไม่ขึ้นไปหาหลวงปู่บุญตามที่เคยแจ้งถึงวัตถุประสงค์ที่มาวัดกลางบางแก้ว วันๆก็เอาแต่คุยอวดอุตริถึงความสามารถของตน ในการลงตะกรุดได้ขลังยิงแทงไม่เข้า มีวิชาผ้ายันต์เมตตา เจอสาวๆจะหลงรัก สามารถล่วงรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ และยังคุยว่าที่มาวัดกลางบางแก้วนี้เพราะหลวงปู่บุญเชื้อเชิญให้มาช่วยเหลืองานปลุกเสก บนกุฏิอาจารย์ฮวดวันๆ พลุกพล่านไปด้วยพระเณรและฆราวาส ที่เชื่อในคำอวดอ้างของอาจารย์ฮวด วัดดอนมโนราห์ เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาหลวงปู่ตลอด... -
"ตลาดแห่งมรรคผลพระนิพพาน" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"ตลาดแห่งมรรคผลพระนิพพาน"
" .. กาลเวลาจะมาทำลายกิเลสไม่ได้ สถานที่จะมาทำลายกิเลสก็ไม่ได้ "ต้องธรรมเท่านั้นทำลายกิเลสได้" เราเมื่อปฏิบัติตามนี้แล้วไม่สงสัย "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ทรงมรรคทรงผล ตั้งแต่สมาธิปัญญาจนกระทั่งถึงมรรคผลนิพพาน" ประหนึ่งว่า "ตลาดร้านค้า แห่งมรรคผลนิพพานอันใหญ่โตที่สุด ไม่มีอะไรเกินศาสนาพุทธเรา"
เอ้า .. ก้าวเข้าไปห้างร้านใหญ่ ๆ เป็นยังไง หรือตลาดใหญ่ ๆ เป็นยังไง สินค้าต่าง ๆ มีเต็มอยู่นั้น สมบัติเงินทองมีเท่าไรซื้อมา ๆ ได้ทั้งนั้นไม่อัดไม่อั้น เพราะมีเต็มอยู่แล้วด้วยสินค้าประเภทต่าง ๆ
นี่ก็เหมือนกัน "ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีตั้งแต่สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ จนกระทั่งวิมุตติสมบัติหรือนิพพานสมบัติ แล้วก็สวรรค์ชั้นพรหม" ไปจากไหน ถ้าไม่ใปจากอำนาจแห่งคุณงามความดีที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้วนี้ "เรียกว่า ตลาดแห่งมรรคผลนิพพานมีสด ๆ ร้อน ๆ" หากตั้งใจประพฤติปฏิบัติแล้วต้องรู้ต้องเห็น "เพราะธรรมะเป็นอกาลิโก"
"ขอให้ บรรดาลูกหลานทั้งหลาย ได้นำไปประพฤติปฏิบัติกันเถิด" จะเกิดมหามงคลแก่เราทั้งหลายทั่วหน้ากัน .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
กำลังใจของเราเป็นเครื่องรับ กำลังวัตถุมงคลเป็นเครื่องส่ง - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
กำลังใจของเราเป็นเครื่องรับ กำลังวัตถุมงคลเป็นเครื่องส่ง
ถาม : พลังของวัตถุมงคล กับพลังจิตของเราในการปฏิบัติ อย่างไหนจึง..?
ตอบ : ต้องเสริมกัน ที่ต้องเสริมกันเพราะว่ากำลังใจของเราเป็นเครื่องรับ กำลังวัตถุมงคลเป็นเครื่องส่ง ถ้าเครื่องส่งมาไม่มีเครื่องรับก็ไร้ประโยชน์ เครื่องรับดีไม่มีเครื่องส่งก็ไร้ประโยชน์ แต่ถ้ากำลังใจตัวเองมั่นคงจริง ๆ ย่อมคุ้มตัวเองได้อยู่แล้ว
กำลังใจคนมีอยู่หลายระดับ ระดับแรก..รักษาตัวเองไม่ได้ รักษาคนอื่นไม่ได้ ประเภทนี้แย่สุด ๆ อาศัยเกาะชาวบ้านเขาอย่างเดียว ระดับที่สอง..รักษาตัวเองได้ รักษาคนอื่นไม่ได้ระดับนี้เอาตัวรอดได้ แต่ถ้าไปกับหมู่คณะก็ไม่สามารถที่จะช่วยหมู่คณะได้
ระดับสุดท้ายก็คือ รักษาตัวเองได้ รักษาหมู่คณะได้ กำลังใจอย่างนี้ถือว่าดีที่สุด เพราะว่ากำลังใจรักษาตัวเองได้ไม่พอ ถึงเวลาคนอื่นเขามาพึ่งยังช่วยเหลือคนอื่นเขาได้ด้วย
ถาม : เราเก็บวัตถุไว้ที่บ้านทั้งหมด แล้วเราอาราธนาช่วยเรา จะได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่ากำลังส่งท่านพอที่จะส่งถึงหรือไม่ ? ไม่ใช่เราเก็บอยู่ที่บ้านแล้วไปอาราธนาที่อเมริกา กำลังส่งอาจจะถึงแต่ เครื่องรับเราห่วย... -
เมตตาพลานุภาพ!! "หลวงปู่ขาว" เทศน์สยบช้างใหญ่!! ไพเราะจับใจ...ช้างฟังยังเคลิ้ม!!
เมตตาพลานุภาพ!! "หลวงปู่ขาว" เทศน์สยบช้างใหญ่!! ไพเราะจับใจ...ช้างฟังยังเคลิ้ม!!
คืนวันหนึ่งในพรรษา "หลวงปู่ขาว อนาลโย" กำลังนั่งภาวนาอยู่ในกุฏิเล็กๆ ขณะนั้นมี "ช้างใหญ่" ตัวหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาในบริเวณด้านหลังกุฏิและตรงเข้ามาหาท่าน เผอิญว่าด้านหลังกุฏินั้นมีก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งบังอยู่ ช้างจึงไม่สามารถเข้ามาถึงตัวท่านได้
เมื่อช้างใหญ่ตัวนั้นเข้ามาถึงหินก้อนนั้นแล้วก็เอางวงสอดเข้ามาในกุฏิจนถึงกลดและมุ้งบนศีรษะของหลวงปู่ขาวที่กำลังนั่งภาวนาอยู่ เสียงสูดลมหายใจดมกลิ่นดังฟูดฟาดๆ จนกลดและมุ้งไหวไกวไปมา เย็นไปถึงศีรษะของท่าน
หลวงปู่ขาวไม่มีที่พึ่งที่อาศัยจึงนั่งบริกรรม "พุทโธ" อย่างฝากจิตฝากใจฝากเป็นฝากตายไว้กับ "พุทโธ" จริงๆ
เป็นเวลาสองชั่วโมงเศษๆ ที่ช้างใหญ่ตัวนั้นยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหนีไปไหน ราวกับจะคอยตะครุบหลวงปู่ขาวให้แหลก นานๆ ถึงจะได้ยินเสียงลมหายใจและสูดกลิ่นท่านอยู่นอกมุ้งสักครั้งหนึ่ง แล้วก็เงียบไป
และแล้วช้างใหญ่ตัวนั้นก็เดินไปทางด้านตะวันตกของกุฏิ แล้วเอางวงล้วงเข้าไปในตะกร้ามะขามเปรี้ยวข้างต้นไม้ออกมากิน เสียงเคี้ยวดังกร้วมๆ อย่างเอร็ดอร่อย... -
พ่อค้าบังอาจ!!! ไม่รู้จัก "หลวงปู่ศุข" เสียแล้ว!! แอบยิงนกวัด ถากไม้ศาลาทำฟืน เจอสวนแบบจังๆ เสกกะลาครอบช้างทั้งฝูง อัศจรรย์จริงๆ!!!
พ่อค้าบังอาจ!!! ไม่รู้จัก "หลวงปู่ศุข" เสียแล้ว!! แอบยิงนกวัด ถากไม้ศาลาทำฟืน เจอสวนแบบจังๆ เสกกะลาครอบช้างทั้งฝูง อัศจรรย์จริงๆ!!!
ตำนานหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระเถราจารย์ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านเป็นชายชาตรี ใช้ชีวิตกลางแจ้งเพื่อศึกษาชีวิตของราษฎรตามหัวเมืองต่าง ๆ และที่สำคัญท่านชื่นชอบพุทธเวท ไสยเวท เป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้เมื่อพระองค์เสด็จประพาสไปที่ใด หากทราบว่ามีพระอาจารย์ดีเรื่องอาคมเป็นที่ศรัทธาของคนทั่วไป พระองค์จะไปกราบนมัสการสนทนาในเรื่องของธรรมะและพุทธาคมอยู่เป็นนาน พร้อมกับฝากตัวเป็นศิษย์อีกด้วย ในจำนวนพระเกจิอาจารย์มีชื่ออยู่ในยุคนั้นที่เสด็จในกรมทรงศรัทธามากเป็นพิเศษและไปมาหาสู่บ่อย ๆ คือ “หลวงปู่ศุข” หรือ “ท่านพระครูวิมลคุณากร” แห่งวัดปากคลองมะขาวเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท
แล้วก็เป็นเรื่องที่น่าแปลง เมื่อกล่าวถึงพุทธาคมของหลวงปู่ศุข ก็จะต้องเขียนเรื่องกรมหลวงชุมพรฯ และถ้าหากเขียนเรื่องเสด็จในกรมในเรื่องความขมังเวท ก็จะต้องมีเรื่องของหลวงปู่ศุข เข้ามาเกี่ยวข้องกันจนแยกไม่ออก
หลวงปู่ศุข เกิดเมื่อปี... -
หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป เมตตาเทศนาเรื่อง"พลังจิตมีอำนาจและใช้งานได้จริงไหม"มาฟังกัน
หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป เมตตาเทศนาเรื่อง"พลังจิตมีอำนาจและใช้งานได้จริงไหม"มาฟังกัน
ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
เมื่อ31 มีนาคม พ.ศ. 2502 อุปสมบทที่วัดธาตุมีชัย บ้านโคกคอน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
เมื่อ31 มีนาคม พ.ศ. 2502 อุปสมบทที่วัดธาตุมีชัย บ้านโคกคอน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ได้รับฉายาว่า "ปัญญาปทีโป"
พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูอดุลย์สังฆกิจ พระกรรมวาจาจารย์ คือ พระครูพิพิธธรรมสุนทร
เวลาต่อมา ท่านออกธุดงค์ไปต่อไป และได้ผ่านไปพบวัดร้าง คือ วัดอรัญญวิเวก (สำนักสงฆ์อรัญญวิเวก) ท่านพักอยู่ไม่นาน แต่การปฏิบัติธรรมของท่านเจริญก้าวหน้า จึงได้รับความสงบมาก การทำความเพียรด้านอื่นๆ ก็ไม่ติดขัด เพราะสถานที่สงบเงียบและวิเวกดี การปฏิบัติธรรมของท่านเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ชาวบ้านมีศรัทธาจึงพร้อมใจกันสร้างกุฏิให้ท่านใหม่ ...จวบจนปัจจุบัน ท่านยังคงพำนักอยู่ ณ วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) แห่งนี้
--------------
ที่มา
http://www.tnews.co.th/contents/216001 -
บทเรียนและข้อแก้ไขในการปฏิบัติธรรมที่พระอาจารย์จวน และหลวงปู่เทสก์ มอบให้แก่พระอาจารย์เปลี่ยนคืออะไร
บทเรียนและข้อแก้ไขในการปฏิบัติธรรมที่พระอาจารย์จวน และหลวงปู่เทสก์ มอบให้แก่พระอาจารย์เปลี่ยนคืออะไร
พระอาจารย์เปลี่ยน ออกเดินทางไปบ้านมาย แล้วก็เดินทางต่อไปถ้ำจันทร์ ได้พบท่านพระอาจารย์จวนไปปฏิบัติธรรมอยู่บนต้นไม้ในเหว ต้นไม้ต้นนี้ขึ้นมาจากเหวข้างล่างสูงจนเลยสันเขา ท่านใช้ไม้สองแผ่นพาดไปที่ต้นไม้ องค์ท่านไปนั่งและนอนเพื่อปฏิบัติธรรม อยู่ตรงกิ่งที่ได้พาดไว้ ท่านพระอาจารย์จวนได้พูดธรรมะให้ฟังสั้นๆ ว่า “เธอนี้มันติดสมมุติ ต้องเปลี่ยนสมมุติให้รู้ ข้ามสมมุติให้ได้” พระอาจารย์เปลี่ยนฟังแล้ว ก็พอใจ คุ้มกับความเหนื่อยยากที่ได้ตรากตรำฟันฝ่าเอาชีวิตไปพบ เนื่องจากบริเวณถ้ำจันทร์ไม่มีที่พัก หลังจากถามธรรมะท่านพระอาจารย์จวนพอสมควรแล้ว พระอาจารย์เปลี่ยนจึงเดินทางไปพักที่สำนักสงฆ์บ้านหนองแวง ได้ไปปักกลดพักอยู่ใต้ร่มไม้ ฝึกปฏิบัติธรรม ตามข้อแนะนำทันนี่
อีกองค์คือหลวงปู่เทสก์ ด้วยหลวงปู่เป็นห่วงเรื่องการอดอาหารของพระอาจารย์เปลี่ยน ได้ตักเตือนเมื่อพระอาจารย์เปลี่ยนไปหาที่ จ.ภูเก็ต ว่า “อาหารการกินเป็นเรื่องของขันธ์ 5 เราฉันเพียงเล็กน้อย 5 ช้อน 10 ช้อน เพื่อเลี้ยงขันธ์ 5 ให้อยู่ได้ ไม่กิน มันตาย... -
ภาวนา ให้ใจอยู่ใน พุทโธ - หลวงตา มหาบัว
DrSeripiput Srimuang :-
Published on Feb 9, 2013
Playlist...
2:00 หลวงปู่มั่นสอนธรรมให้หายสงสัย มั่นใจในพระนิพพาน
6:00 จิตเสื่อม 1 ปี 5 เดือน - วิธีแก้ไข ภาวนาให้ใจอยู่ใน พุทโธ
18:00 จิตสงบ ติดในสมาธิ 5 ปี - ออกรู้ด้านปัญญา อสุภ - ละกามราคะ ปฏิฆะ
28:00 วิธีปฏิบัติธรรมสู่ อนาคามี -
38:00 ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต - ธรรมธาตุ - สมมติขาดไม่เหลือ กิเลสหมดสิ้น
54:02 พระพุทธเจ้าสอนให้ดูใจ - สอนให้มาดูจิตด้วยสติ ให้นำคำบริกรรม พุทโธ มาติดแนบกับจิต
1:09:00 ปฏิบัติธรรมที่บ้านนาสีนวล - บริกรรม พุทโธ พุทโธ
1:16:00 ปัญญา - หลงสังชาร สังขารกลายเป็นสมุทัย ให้เข้าพักในสมาธิ
1:25:30 ภาวนามยปัญญา - ปัญญาที่เกิดจากการภาวนา - 1. พิจารณากายให้เป็นอสุภะ ให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 2.พิจารณา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 3.อวิชา - ขันธ์๕ เป็นเพียงเครื่องมือของอวิชา - ละอวิชา จะเห็นแสงสว่างจ้า - อาโลโก อุปาทิ - สันทิฏฐิโก - เข้าถึงธรรมธาตุ พระนิพพาน -
"เล่าเรื่องหลวงปู่ฝั้น" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"เล่าเรื่องหลวงปู่ฝั้น"
" .. ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม สกลนคร "เคยเล่าให้ศิษยานุศษย์ฟังว่า ศิษย์ผู้หนึ่งของท่านมีความทุกข์ใจมาก เพราะถูกขอยืมเงินไปสองแสนบาท" ซึ่งในเวลากว่า ๒๐ ปี มาแล้วนับว่าจำนวนมาก "สัญญาว่าจะใช้คืนเมื่อนั้นเมื่อนี้ แต่ถึงเวลาแล้วก็ไม่ได้คืน" จำเป็นต้องใช้
ไปขอคืน ก็ปฏิเสธบิดพริ้วต่าง ๆ นานา เจ้าของเงินจำเป็นต้องใช้จริง ๆ แต่ก็ไม่สามารถขอคืนได้ "ได้อ้อนวอนขอให้ท่านอาจารย์ท่านช่วยภาวนาให้ได้เงินคืน เพราะจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ไม่ได้คืนต้องแย่แน่"
ท่านอาจารย์ท่านได้เล่าว่า "ท่านช่วยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากจะบอกให้วิธีให้ช่วยตัวเองทำเอง ตามท่านบอกแล้วจะได้เงินจำนวนนั้นคืนแน่และท่านก็บอกวิธีให้เขา" เขาก็ทำตามและเขาก็ได้รับเงินคืนตามจำนวนที่ให้ยืมไป
วิธีท่านอาจารย์ฝั้นท่านบอกศิษย์ของท่านเพื่อให้ได้เงินคืน ก็คือ "ทุกครั้งที่สวดมนต์ไหว้พระแล้ว ให้อธิษฐานจิตขอให้ผู้เป็นลูกหนี้นำเงินจำนวนนั้นมาคืนเถิด" อธิษฐานจิตให้แน่วแน่ แล้วก็หยุดความคิดถึงเงินนั้นให้เด็ดขาดไป "เพ่งจิตไปที่คำภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ" นั้นเอง
ภาวนาไปเรื่อย ๆ จะกี่วันกี่เดือนกี่ปี... -
ผลของกรรมดี-ชั่ว มีคุณและมีโทษในตัว (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
ผลของกรรมดีและกรรมชั่ว มีคุณและมีโทษในอยู่ตัว คุณหรือโทษจะปรากฏตามการวางใจรับผลนั้น ผลของกรรมดีที่เกิดแก่ผู้ใดก็ตาม แม้ผู้นั้นวางใจรับไม่ถูก ไม่ประกอบด้วยปัญญา ผลดีก็จะไม่สมบูรณ์ ทั้งผลร้ายก็จะต้องตามมา
การทำใจให้รับผลของกรรมดีอย่างถูกต้อง
ผู้ได้รับผลของกรรมดีคือการได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดี คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข นั่นเอง ต้องรับให้ดี ต้องรับให้ถูก
วิธีทำใจให้รับโลกธรรมอย่างถูกต้องที่สุดก็คือให้คิดว่า ลาภก็ตามยศก็ตาม สรรเสริญก็ตาม สุขก็ตาม ล้วนอยู่ในลักษณะของไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ต้องเปลี่ยน แปลง และไม่เป็นไปตามความปรารถนาความต้องการ ได้รับผลดีของกรรมดีคือ ได้รับโลกธรรมฝ่ายดีเมื่อไร เมื่อนั้นให้คอดถึงไตรลักษณ์ทันที จะได้รับผลดีของกรรมดีที่ดียิ่งกว่าผลดีทั้งนั้น
การคิดถึงไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ต้องแปรปรวน เปลี่ยนแปลง และไม่เป็นไปตามความปรารถนาความต้องการ คือการทำความดีทางใจ เป็นมโนกรรมที่ดี จึงย่อมได้รับผลที่ดีตรงตามเหตุที่ได้กระทำ
ที่จริงมโนกรรม กรรมทางใจคือคิดดีนั้น แม้ตั้งใจจริงที่จะทำก็น่าจะง่ายกว่า กรรมทางกาย ทางวาจา... -
การเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆและสงครามนิวเคลียร์
ปัจจุบัน ผมเองยังเตรียมการรับมือภัยพิบัติต่างๆมาตลอดครับ แม้ว่าจะยังไม่พร้อมเต็มที่ก็ตาม และผมได้ศึกษาและเตรียมวางแผนรับมือภัยพิบัตินิวเคลียร์เอาไว้ด้วย พบว่าในบรรดาภัยพิบัติทั้งหลายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ภัยพิบัติจากสงครามนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่รับมือได้ยากที่สุด และต้องเตรียมการนานหลายปี เนื่องจากผลกระทบจากสงครามนิวเคลียร์นั้นกว้างขวางมากและส่งผลยาวนานหลายปีครับ ถ้าจะรอให้สัญญาณของสงครามชัดเจนแล้วค่อยเตรียมตัวคงจะไม่ทันเวลา การเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆย่อมดีกว่าครับ
ก่อนที่จะเข้าเรื่องต่อไป ผมอยากสอบถามว่ามีท่านใดบ้างที่ได้คิดวางแผนหรือเตรียมการรับมือภัยพิบัติใหญ่หรือสงครามนิวเคลียร์กันบ้างครับ (เพื่อนๆสมัยก่อนก็ห่างหายกันไปเยอะเลย ถ้าจำกันได้ก็แวะมาทักทายกันหน่อยนะครับ) ขอบคุณครับ -
"โทษของการถือทิฏฐิมานะ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
"โทษของการถือทิฏฐิมานะ"
" .. การแสดงความเคารพนอบน้อม การกราบการไหว้คุณพระรัตนตรัยอย่างนี้น่ะ "มันก็เป็นการทำลายทิฏฐิมานะ" อันมันถือมั่นอยู่ในใจนมนานหลายชาติหลายภพแล้ว
ถือว่าเราแหละคนหนึ่ง "เราไม่กลัวใคร ใครด่ามาเราก็ต้องด่าตอบ ใครตีมาเราก็ตีตอบ" เราไม่กลัวใคร ไอ้ความนึกคิดอย่างนี้ "ท่านเรียกว่า ทิฏฐิมานะ"
ความเห็นว่า "มีตัวมีตนมีเรามีเขา มันทำให้จิตกระด้างกระเดื่อง" ไม่ยอมสละสิ่งที่ชั่วร้ายออกจากจิตใจ ผู้กระด้างกระเดื่องแบบนั้นแหละ
ถ้ามีใครทะเลาะวิวาท "มาดุด่าว่ากล่าวเข้าไป ทนไม่ไหว ก็หาว่าเขาดูถูกดูหมิ่นตนก็โกรธ เมื่อโกรธแล้วก็ต้องด่าตอบ" ต้องว่าตอบไปในทางไม่ดี ก็เลยเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันขึ้น ต่างฝ่ายต่างก็ใช้อาวุธ คือ "ปาก" ทิ่มแทงหัวใจของกันและกัน "นี่โทษของการยึดถือมานะทิฏฐินะ"
มันเป็นเหตุ "ให้คนเราแข็งกระด้างกระเดื่อง" ไม่วางตนให้เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ "ประพฤติไปตามอำนาจของมานะทิฏฐิ" มันก็ได้ทะเลาะวิวาทกันอยู่วันยันค่ำอย่างนั้นแหละ .. "
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "เหตุปัจจุบันของชีวิต"
โดย... -
“พระอาจารย์จวน” เจอยักษ์ที่ถ้ำบูชาพอรู้ว่าชาติที่แล้วเป็นใครได้แต่สลดสังเวชใจพร้อมแผ่เมตตาให้เท่านั้น!!!
“พระอาจารย์จวน” เจอยักษ์ที่ถ้ำบูชาพอรู้ว่าชาติที่แล้วเป็นใครได้แต่สลดสังเวชใจพร้อมแผ่เมตตาให้เท่านั้น!!!
ถ้ำบูชานี้ แต่ก่อนมีวัตถุโบราณ มีพระพุทธรูปโบราณ ชาวบ้านไปค้นพบก็จะนำไปออกขายบ่อยๆ มีข่าวเล่าลือกันว่า แม้พระพุทธรูปทองคำยังหลงเหลือในถ้ำในเขตภูวัวนี้ เพราะพวกพราน พวกชาวป่าในสมัยโบราณได้เคยหลงทางไปพบเห็นกันมาแล้ว แต่ไม่มีใครกล้านำออกมา ด้วยเกรงอำนาจเทพารักษ์ที่บำรุงรักษาสถานที่เหล่านั้น จึงเพียงโจษขานให้ลูกหลานฟังต่อๆกันมา พวกญาติโยมสมัยนี้ก็อยากได้เห็นได้กราบบูชา จึงมารบเร้าข้าพเจ้า พวกเขาเองช่วยกันค้นหากันเท่าไรก็ไม่พบจนเต็มสติปัญญาแล้วไม่เห็นพบ ขอให้พระ ให้เณรช่วยหาด้วยก็ไม่พบ
วันหนึ่งระหว่างข้าพเจ้า(พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ )ภาวนา ได้นิมิตไปว่ากำลังค้นหาพระ แต่ไม่เห็น ปรากฏไปเห็นยักษ์ตนหนึ่ง เป็นยักษ์ผู้หญิง รูปร่างสูงใหญ่มาก ตัวดำสนิทผมยาวรุงรัง มีแต่ผ้านุ่ง เปลือยกายท่อนบนตลอด อกยานใหญ่ .....ใหญ่จริงๆ ท้องก็อ้วนใหญ่ ยืนตระหง่านอยู่ที่น้ำตกสะอาม ข้าพเจ้าเห็นยักษ์ก็เดินเข้าไปถาม “ท่านมายืนอยู่ที่นี่ทำไม”
เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นยักษ์ อยู่ที่น้ำตกสะอามนี่... -
ยอดธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
..ชื่อว่า “ปัญญา” ไม่ใช่ว่า ถ้าไม่สงสัยจะเอาธรรมอันนั้นมาเทียบทำไม ธรรมนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง ธรรมปฏิบัติเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ นำ “พุทธสมบัติ” กับ “อัตสมบัติ” ที่ตนปฏิบัติได้มาเทียบเคียงกันดู ถ้าตรงกันแล้วก็ยอมรับ และปลงใจสนิท หายกังวล
เฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติดังที่ว่า “สัจธรรม” ก็ดี “สติปัฏฐานสี่” ก็ดี ท่านพูดเกี่ยวโยงกันไป เวลาเราปฏิบัติแบบนั้น คือ พิจารณากายแล้ว พิจารณาเวทนา พิจารณาจิต พิจารณาธรรม นี่ผิดวันยังค่ำ! แน่ะ! เพราะธรรมชาตินี้เกี่ยวโยงกันอยู่ตลอดเวลา
เราจะพิจารณาในแง่ใด ก็พิจารณาได้ เมื่อถนัดแง่ใด ที่ควรพิจารณาก่อน
ส่วนมาก พิจารณากาย ทีนี้เวลา “เวทนา” เกิดขึ้น มันก็ต้องปล่อย “กาย” ไป จับ “เวทนา” แล้วเข้ามาผสมผเส คละเคล้ากันกับ “กาย” แยกระหว่าง “เวทนา” กับ “กาย” ให้เข้าใจกันได้ชัดเจน
แล้วแยกระหว่าง “เวทนาของกาย” กับ “เวทนาของจิต” เทียบเคียงกันอีก แยกส่วนแบ่งส่วนกันอีก
เพราะ “กาย, เวทนา, จิต, ธรรม” อยู่ด้วยกัน
ในขณะเดียวกันก็แยก “กาย” คือ พิจารณา “กาย” และแยก “เวทนา” ให้ทราบว่า กาย กับ เวทนา เป็นอันเดียวกันหรือไม่ นั่นแน่ะ!
และ แยกจิต แยกอารมณ์ ที่เป็นอยู่ภายในจิต... -
"เล่าเรื่องหลวงปู่ชอบ" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"เล่าเรื่องหลวงปู่ชอบ ฐานสโม"
" .. ญาติโยมวัดบวรนิเวศวิหารและวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์เล่าว่า "เคยได้ประจักษ์ในอิทธิฤทธิของการปฏิบัติพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวกับท่านพระอาจารย์ชอบ ฐานสโม" และเคยเล่าให้ฟังด้วยความปิติโสมนัสมหัศจรรย์ในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
"ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อให้บรรดาผู้สนใจในเรื่องอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ได้ซาบซึ้งในพระพุทธศาสนา" ที่เป็นเพียงจุดเล็กน้อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่แห่งพระธรรมคำทรงสอน ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงนำให้มีผู้รู้ตามเสด็จ "ได้พ้นทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ได้เป็นผู้ชนะที่ไม่กลับแพ้อีกต่อไป"
เรื่องที่ปรากฏประจักษ์แก่ญาติโยม "วัดญาณสังวรารามฯ เมื่อ ๒๐ - ๓๐ ปีมาแล้ว เมื่อท่านพระอาจารย์หลวงปู่ชอบ ท่านยังมีชีวิตอยู่" ยังมิได้ละสังขารไปเช่นขณะนี้ "ครั้งนั้นเกิดฝนแล้ง น้ำตามอ่าง ตามห้วยในบริเวณวัดญาณสังวรารามฯ แห้งขอด ผู้คนเดือดร้อน"
ญาติโยมผู้หนึ่ง "นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่หลวงปู่ท่านเคยเป็นพญานาคราช ที่ได้ยินผู้เล่าให้ฟัง โดยไม่เคยได้ฟังโดยตรงตรงจากหลวงปู่ท่าน เพราะไม่เคยรู้จักท่าน"... -
เป็นเกียรติแก่ชาวไทย...พระอาจารย์ อารยวังโส ภิกษุไทยศิษย์พระป่าสายหลวงปู่มั่น ได้รับเลือกให้ เข้าร่วมประชุมพุทธศาสนาระดับโลก!!
เป็นเกียรติแก่ชาวไทย...พระอาจารย์ อารยวังโส ภิกษุไทยศิษย์พระป่าสายหลวงปู่มั่น ได้รับเลือกให้ เข้าร่วมประชุมพุทธศาสนาระดับโลก!!
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 – 19 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดีย ได้จัดการประชุม “พุทธศาสนา ในศตวรรษที่21” ณ หอประชุมใหญ่ของรัฐบาล ที่กรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย ซึ่งการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยครั้งก่อนจัดที่ กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ส่วนในการประชุมในครั้งนี้ก็จัดขึ้นเพื่อ หารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับบทบาทของพระพุทธศาสนาต่อสถานการณ์วิกฤติการณ์ของโลก ซึ่งกำลังร้อนแรงในทุกๆ ด้าน
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์พุทธ อีกทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างสูง เนื่องจากนักบวช ทุกนิกายของพุทธศาสนาได้เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย อาทิ องค์ดาไลลามะ และพระสังฆราชจากประเทศต่างๆ ทั้งศรีลังกา บังคลาเทศ กัมพูชาและพม่า
ส่วนตัวแทนของเมืองไทย คือ “พระอาจารย์อารยวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย” จ.ลำพูน ซึ่งได้รับนิมนต์เฉพาะจงจากวัฒนธรรมอินเดีย ทั้งนี้เพราะพระอาจารย์อารยวังโส ได้รับการยอมรับนับถือ ให้เป็น “คุรุ” หรือ”กูรู จี”... -
อภิญญาทางจิต ของเจ้าคุณนรฯ แรง!!! สามารถส่งจิตรักษาข้ามทวีป จนฝรั่งยังศรัทธาตามหาตัว
อภิญญาทางจิต ของเจ้าคุณนรฯ แรง!!! สามารถส่งจิตรักษาข้ามทวีป จนฝรั่งยังศรัทธาตามหาตัว
คุณบรรจง มีแสงพราว บรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ได้ตีพิมพ์ข่าวการสัมภาษณ์ฝรั่งจากสหรัฐอเมริกา ที่ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มานมัสการพระคุณเจ้า ท่านเจ้าคุณนรรัตน ฯ ถึงวัดเทพศิรินทร์ เขาได้เล่าว่า เป็นโรคปวดหัวข้างเดียวมาเป็นเวลานาน เป็นอาการอันทรมานมาก แม้จะทุ่มเทรักษาไปสักเท่าใด ก็ไม่ดีขึ้น คืนหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนอนหลับสนิทนั้น ก็พลันนิมิตเห็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มาปรากฏร่างที่ข้างเตียงเขา แล้วกล่าวกับเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า จะรักษาอาการปวดหัวให้ จากนั้นได้เอามือลูบศีรษะให้หลายครั้ง แล้วเป่าลมซ้ำ ทำให้เขาหายปวด พอตื่นขึ้น อาการปวดหัวก็ค่อยบรรเทาลง จึงอธิษฐานให้มารักษาอีก ปรากฏว่า ฝันเห็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาอีก มาเอามือลูบหัว และเป่าหัวให้อีกหลายครั้งติดต่อกัน จนครั้งสุดท้าย ได้บอกกับเขาว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หายแน่นอน ท่านอยู่เมืองไทย ฝรั่งนายนั้นเมื่อหายดีแล้ว ก็ลงทุนมาตามหาถึงประเทศไทย เดินทางไปจนถึงภาคเหนือ จนไปพบภาพของท่านที่ร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง จึงสอบถามได้ความว่า... -
สิ่งลี้ลับมีจริง!!!คนจมน้ำตายหาจนเหนื่อยครบ3วันยังไร้วี่แวว ร้อนถึง!!"ท่านมหาวัฒน์"ต้องมาเจรจายามค่ำคืน ไม่เกิน5นาที อะไรเกิดขึ้น??
สิ่งลี้ลับมีจริง!!!คนจมน้ำตายหาจนเหนื่อยครบ3วันยังไร้วี่แวว ร้อนถึง!!"ท่านมหาวัฒน์"ต้องมาเจรจายามค่ำคืน ไม่เกิน5นาที อะไรเกิดขึ้น??
พระอาจารย์มหาวัฒน์ วัดสว่างหัวนาคำ กาฬสินธุ์
#เรื่องจะเล่ามีอยู่ว่า (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะช่วงเดือน พฤศจิกายน ปี 55) มีข่าวคนจมน้ำตาย ที่หนองสาธารณะ ที่บ้านหัวนาคำ ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ทราบชื่อ คือ นายรพิน อายุ 43 ปีเป็นข่าวใหญ่พอสมควรในเมืองกาฬสินธุ์ ที่เป็นข่าวใหญ่คงเป็นเพราะ การหาศพ ที่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน หรือหาอย่างไรก็หาไม่เจอ หาอยู่ 2คืน 3วัน ยังหากันไม่เจอ (เป็นธรรมดาที่ต้องมีไทยมุง ตอนนั้นน่าจะ 1000-2000คนได้) คนในหมู่บ้านช่วยกันดำน้ำหาก็ไม่เจอศพ ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหัวนาคำ เลยติดต่อประสานทีมดำน้ำจาก จ.ขอนแก่น มาดำหาอยู่เต็มวันก็ไม่เจอ เลยใช้วิธีนำอวนมาลากหาก็ไม่เจอ เมื่อหมดวิธีทางนี้เลยไปหา หมอดู และพระที่มีชื่อเสียงตามวิสัยความเชื่อของคนไทยเรา แต่ไม่ว่าจะอาจารย์ท่านใดก็ยังหาไม่เจอ บอกอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
จนถึงเย็นวันที่3 ญาติผู้ตกน้ำเลยไปนิมนต์พระอาจารย์ท่านนี้ ทราบชื่อว่า พระอาจารย์มหาวัฒน์ วิวฑฺฒนเมธี... -
เส้นทางแห่งการสั่งสมบารมี!! หลวงปู่มั่นเล่า "พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔)" คือ "พระเจ้าปเสนทิโกศล" กลับชาติมาเกิด เพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนา!!
เส้นทางแห่งการสั่งสมบารมี!! หลวงปู่มั่นเล่า "พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔)" คือ "พระเจ้าปเสนทิโกศล" กลับชาติมาเกิด เพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนา!!
สมัยหนึ่ง เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลกษัตริย์แห่งกรุงสาวัตถี ผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนา พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทรงถวายความอุปถัมภ์ดูแลพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์อย่างดี พระองค์เองเสด็จเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลถามปัญหาธรรมและฟังพระพุทธโอวาทอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งพระองค์เคยเสด็จไปหาพระพุทธเจ้าเพื่อให้พระองค์ช่วยทำนายฝันให้ และฝันดังกล่าวได้เป็นคำพุทธทำนายต่อเหตุการณ์ในอนาคต
ท่านพระอาจารย์(หลวงปู่มั่น)เล่า ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระเจ้าปเสนทิโกศลไว้ว่า
ครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ที่พระเชตวัน พระพุทธเจ้าทรงปรารภถึงความชราภาพของพระองค์ทั้งสองว่า
"ตถาคตและพระองค์ก็ย่างเข้าสู่วัยชราแล้ว ไม่ช้าตถาคตก็จะปรินิพพาน และก็เช่นกัน พระองค์ก็จะเสด็จสวรรคต ตถาคตไม่กลับมาสู่ภพนี้อีก ส่วนพระองค์เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร และเป็นพระสหายของตถาคต ยังต้องกลับมาสร้างบารมีต่อ... -
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ - กษัตริย์ผู้เคยครองสมณเพศ แต่กลับไม่ปรารถนานาในพุทธภูมิ!! ข้อยืนยันจากบทพระราชนิพนธ์ !!
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ - กษัตริย์ผู้เคยครองสมณเพศ แต่กลับไม่ปรารถนานาในพุทธภูมิ!! ข้อยืนยันจากบทพระราชนิพนธ์ !!
ในสมัยโบราณผู้คนมักทำกุศลแล้วประกาศเจตนารมณ์ที่จะแสวงหาโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า แม้แต่พระพระมหากษัตริย์ก็มักประกาศพระราชปณิธานเช่นนั้น เช่น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นต้น ความจริงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมิใช่พระมหากษัตริย์สยามพระองค์แรกและพระองค์เดียวที่มีความปรารถนาในพระโพธิญาณ อย่างน้อยเราก็พบว่า มีพระมหากษัตริย์อีก ๓ พระองค์ที่ปรารถนาในพุทธภูมิ คือ พระมหาธรรมราชาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย (ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง) สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ขอเล่าถึงความปรารถนาในพระโพธิญาณของพระเจ้าตากสินมหาราช ว่า พระองค์ทรงอธิษฐานเสี่ยงทายว่าจะได้บรรลุซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณที่วัดกลางดอยเขาแก้วก็มิใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่พงศาวดารกล่าวถึงปรารถนาแห่งพระโพธิญาณของพระเจ้าตากฯ
ดังเมื่อครั้งเสร็จศึกอะแวหวุ่นกี้ปี ๒๓๑๙... -
พญานาคขึ้นมาขอฟังธรรมจากหลวงปู่แฟ๊บ
พรรษาที่ ๑๐ หลวงปู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่ภูกิ่ว อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่ภูกิ่ว หลวงปู่ได้รับความลำบากและขัดสนในเรื่องของอาหารมาก แต่การภาวนาขณะที่อยู่ที่นี่ หลวงปู่ได้ปัญญาธรรมให้พิจารณาถึงความทุกข์ที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้มากมาย และมีอยู่คืนหนึ่งขณะกำลังภาวนาอยู่ พญานาค ๓ ตัวมากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่ตลอดคืน หลวงปู่ได้บอกถึงลักษณะของพญานาคที่ได้เห็นไว้ว่า มีลักษณะคล้ายงูจงอาง แต่มีขนาดตัวยาวและใหญ่มาก ประมาณต้นมะพร้าว มีเกล็ดคล้ายแก้วสีฟ้าใส มีสีสวยงามมาก
ในพรรษานั้น มีโยมจากบ้านโพนไคและบ้านจาร อำเภอบ้านม่วง ได้ตามไปนิมนต์ให้กลับมาวัดป่าดงหวาย ดังนั้นเมื่อออกพรรษาแล้วจึงกลับมาที่วัดป่าดงหวาย
พรรษาที่ ๑๑ จนถึงปัจจุบัน การก่อสร้างศาลาของวัดป่าดงหวายยังไม่สำเร็จ เมื่อหลวงปู่กลับมาที่วัดป่าดงหวายในครั้งนี้ หลวงปู่ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาต่อจนแล้วเสร็จ และสร้างกุฏิเพิ่มขึ้นอีกหลายหลัง แต่การปฏิบัติภาวนาของหลวงปู่ก็ไม่ได้ย่อหย่อนลงเลย การภาวนาของหลวงปู่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีนิมิตที่สำคัญๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น...
หน้า 385 ของ 412