@*@ ... IMPRESSION...&*&

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 17 พฤษภาคม 2012.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "เขมาเขมสรณาคมน์"
    พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2497







    ถ้าหลักฐานเรียกว่า โสฬสกิจ เรียกว่าแค่นี้สำเร็จโสฬส
    กิจแล้ว โสฬสกิจแปลว่ากระไร กิจ 16 ที่เขาวางไว้เป็นหลัก ว่า

    "เสร็จกิจ 16 ไม่ตกกันดาร เรียกว่านิพพานก็ได้"

    นี่แหละ !! เสร็จกิจ 16 ล่ะ

    ทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ในกายมนุษย์ 4
    ทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ในกายทิพย์ 4 เป็น 8
    ทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ในกายรูปพรหม 4 เป็น 12
    ทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ในกายอรูปพรหมอีก 4
    มันก็เป็น 16

    นี้เสร็จกิจทางพุทธศาสนา ทางพระอรหัตแค่นี้ นี้ทาง
    ปฏิบัติเทศนาดังนี้เป็นทางปฏิบัติ ไม่ใช่ทางปริยัติ นี่ทางปฏิบัติ
    อันนี้แหละ พระพุทธศาสนาในทางปริยัติดังแสดงแล้วในตอน
    ต้น พุทธศาสนา

    ในทางปฏิบัติดังแสดงแล้วในบัดนี้ แต่ปริยัติปฏิบัติ ที่
    เรียกว่าเข้าถึงปฏิบัติ เดินสมาบัติทั้ง 8 นั้นเป็นทุกขสัจ
    สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ได้เข้าเห็นพระโสดา บรรลุถึงพระ
    โสดา นั่น ปฏิเวธแท้ๆ ทีเดียว ได้เข้า ถึงพระโสดาแล้ว ทั้งหยาบ
    ทั้งละเอียด

    เมื่อพระโสดาเดินสมาบัติทั้ง 8 ดูทุกขสัจ สมุทัย
    สัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ในกายทิพย์เข้าทั้งหยาบทั้งละเอียด
    ได้บรรลุพระสกทาคา เมื่อถึงพระสกทาคาทั้งหยาบทั้งละเอียด
    เห็นเข้านั่นเป็นตัวปฏิเวธแท้ๆ ทีเดียว รู้แจ้งแทงตลอดในสกทา
    คาเข้าแล้ว

    เมื่อพระสกทาคาเข้าสมาบัติทั้ง 8 ดูทุกขสัจ
    สมุทัยสัจ นิโรธ สัจ มรรคสัจ ในกายรูปพรหมเข้าเห็นในสัจธรรม
    ทั้ง 8 ชัดอีกได้บรรลุพระอนาคา นี้ที่ได้เห็นตัวพระอนาคา ทั้ง
    หยาบทั้งละเอียด และทั้งธรรมที่ทำให้เป็นพระอนาคา นั่นเป็น
    ตัวปฏิเวธแท้ ๆ ทีเดียวรู้แจ้งแทงตลอดเห็นจริงทีเดียว เห็น
    ปรากฏทีเดียว

    เมื่อพระอนาคาเข้าสมาบัติ ดูทุกขสัจ สมุทัยสัจ
    นิโรธสัจมรรคสัจ ทั้งหยาบทั้งละเอียด เห็นชัดในทุกขสัจ สมุทัย
    สัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ได้บรรลุพระอรหัต เมื่อเห็นกายพระอรหัต
    ทั้งธรรมที่ ทำ ให้เป็นกายพระอรหัตทั้งหยาบทั้งละเอียดเห็นชัด
    ทีเดียว นั่น เห็นชัดอันนั้นแหละ ได้ชื่อว่าเป็นปฏิเวธแท้ๆ เชียว รู้
    แจ้งแทงตลอด

    นี้ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ดังนี้ ศาสนามีทั้งปริยัติ
    ปฏิบัติ ปฏิเวธ ดังนี้ ถ้าว่านับถือศาสนา ปฏิบัติศาสนา
    เข้าปริยัติไม่ถูก ปฏิเวธ ก็ไม่ถูก มันก็ไปต่องแต่งอยู่นั่น เอาอะไร
    ไม่ได้ สัก 10 ปี 100 ปี ก็เอาอะไรไม่ได้ ถึงอายุจะแก่ปานใด
    จะโง่เขลาเบาปัญญาปานใด ถ้าเข้าถึงทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรจ
    สัจ มรรคสัจไม่ได้ ไม่เห็นทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ
    ดังแสดงมาแล้วนี้ จะปฏิบัติศาสนา เอาเรื่องเอาราวไม่ได้

    ถ้าว่าคนละ โมฆชินโณ แก่เปล่า
    เอาอะไรไม่ได้ เอา เรื่องไม่ได้

    เหตุนี้แหละทางพุทธศาสนาจึงนิยมนับถือนัก ในเรื่อง สัจธรรม
    ทั้ง 4 นี้
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ถาม- ผู้เจริญวิชชาธรรมกาย (ของแท้) ยังติดในรูป

    ไม่สามารถหลุดพ้นได้ จริงหรือไม่ ?








    ตอบ -


    เคยกล่าวแล้วว่า เขาไม่รู้ว่าติดรูปคืออะไร เพราะเขาเข้าใจผิดว่าเรื่องธรรมกายเป็นนิมิต


    และกระผมจะบอกให้ชัดเจนกันตรงนี้ พระคุณเจ้าโปรดทราบ โจมตีกันมานานแล้วว่า ธรรมกายวัดปากน้ำติดนิมิต ติดรูป กระผมอยากจะเรียนถามว่า มีอยู่ตรงไหนที่พระพุทธเจ้า ไม่ให้ใช้นิมิต มีไหม ! ใครเอามาแสดงให้ดูหน่อยได้ไหมครับ ผมจะประกาศให้ก้องทั่วโลก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ไม่มีใครเอาบทนี้มาดูเลย นี่ หลักทำนิพพานให้แจ้ง

    “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อไม่เป็นผู้โดดเดี่ยว ยินดียิ่งในความเงียบสงัด จักถือเอานิมิตแห่งสมาธิจิตวิปัสสนาจิตให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มีได้

    เมื่อไม่ถือเอานิมิตแห่งสมาธิจิตวิปัสสนาจิตให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักยังสัมมาทิฏฐิแห่ง วิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มีได้

    เมื่อไม่ยังสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักยังสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้

    เมื่อไม่ยังสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลบริบูรณ์ได้แล้ว จักละสังโยชน์ทั้งหลายได้นั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้

    เมื่อไม่ละสังโยชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำนิพพานให้แจ้งได้นั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มี ได้เลย”

    “ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่คลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ ไม่ตามประกอบความยินดี ความพอใจในหมู่อยู่แล้วหนอ เป็นผู้โดดเดี่ยวยินดียิ่งในความเงียบสงัดแล้ว จักถือเอานิมิตแห่งสมาธิจิตวิปัสสนาจิตได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้

    เมื่อถือเอานิมิตแห่งสมาจิตวิปัสสนาจิตได้แล้ว จักยังสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มีได้”

    คิดดูเถอะ..พระพุทธเจ้าน่ะตรัสให้ทำนิมิต มันเรื่องอะไรเราจะไปปฏิเสธนิมิต มันเป็นฐานสำคัญ นิมิตเป็นอุบายรวมใจให้มาหยุด เพราะใจมันมีตัวตนที่ไหน จะให้ใจหยุด ถึงได้สอนกัน บางท่านก็บอกว่า สมาธิแบบธรรมชาตินั่นถูกต้องแล้ว เท่านี้ก็พอแล้ว ความจริงพอหรือไม่พอ ให้ดูอริยมรรคมีองค์ 8 : สัมมาสมาธิ คือ การเจริญฌานทั้ง 4 ตั้งแต่ปฐมฌานน่ะ มันต้องยกอารมณ์ขึ้นสู่วิตก วิจาร ตรึกตรองประคองนิมิต นั่นแปลว่า มันเริ่มมาตั้งแต่บริกรรมนิมิต อุคคหนิมิตถึงปฏิภาคนิมิตจึงจะได้อัปปนาสมาธิ จึงจะยกอารมณ์ขึ้นสู่วิตก วิจาร แล้วจึงจะกำจัดถีนมิทธะ และวิจิกิจฉาได้ ประกอบด้วยปีติกำจัดพยาบาท สุขกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะ และเอกัคคตากำจัดกามฉันทะ นั่นแหละนิวรณ์ 5 ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติแท้ๆ มีสติพิจารณาในนิวรณ์ 5 อยู่ที่ไหน ? ก็อยู่ที่มีสติพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ 5 นั่นแหละ ไม่ได้มีอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้น ใครตั้งนิมิตขึ้นถูกต้องร่องรอยพระพุทธศาสนาเลย มันผิดที่ไหนกันครับ

    เกจิอาจารย์บางท่านบอกให้พิจารณานิมิตเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็คือพิจารณาให้เห็นนิมิตตามที่เป็นจริงว่านี่..สังขารนิมิต ไม่ว่าจะเอาอะไรมาพิจารณา จะเป็นเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ก็ยกขึ้นมาพิจารณานี่ ก็ให้พิจารณานิมิตนั้นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะนิมิตนั้นเป็นของจริงโดยสมมติ เมื่อพิจารณาแล้วถูกต้องตรงถึงธรรมกาย จะไปปฏิเสธได้ยังไง นิมิตมันต้องเกิดด้วย และถ้านิมิตไม่เกิด หรือไม่ได้ใช้นิมิตแล้วจะยังสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้อย่างไร นี้มีอยู่ใน ฉักกนิบาต อังคุตรนิกาย ไปเปิดดูได้ทุกท่าน เป็นพระพุทธวจนะด้วย ไม่ใช่เป็นของพระอรหันต์ธรรมดาด้วยซ้ำไป

    เพราะฉะนั้น นิมิตนี่เป็นของต้องมี สมถภูมิ 40 น่ะบอกไว้ชัดเจนเลย กสิณ 10 นี่มันชัดอยู่แล้วก็มันนิมิตอยู่แล้วนี่ จริงๆ แล้ว แม้ อนุสสติ 10 อสุภะ 10 ก็ต้องเห็นนิมิต แต่นิมิตที่เห็นอย่าง อนุสสติ นี่ยังไม่แท้ แปลว่า พิจารณาจริงๆ จะเอาแน่ๆ เช่น เอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าคนที่เห็นนิพพาน สัมผัสนิพพาน ซ้อนนิ่งอยู่กลางนิพพานทั้งรู้ทั้งเห็นและได้อารมณ์พระนิพพาน ส่งกระแสพระนิพพานมันผิดตรงไหน แต่นั่นนิพพานไม่เรียกว่านิมิต แต่ว่าสัมผัสได้ด้วยอายตนะที่ละเอียดเสมอกัน

    แต่เทวตานุสสตินี่มันชัดอยู่แล้วมันต้องเห็น แต่ไม่เห็นก็ได้ ก็นั่งท่องเอาว่าเทพยดามี เขาทำกุศลสำคัญ มีศีลกุศล ทานกุศล ภาวนา กุศล เป็นต้น เลยไปเกิดเป็นเทพยดา มีหิริโอตตัปปะ อย่างนี้ก็ได้...ก็ลองดูสิว่า ใจมันสงบได้เท่าไร กระผมว่าสงบได้นิดเดียว แต่ถ้าเป็นผู้สื่อกับเทวดาได้ โดยวิธีการที่ถูกต้องไม่ใช่โดยบังเอิญหรือถูกหลอก อันนั้นล่ะดีที่สุด เป็นนิมิตของจริงโดยสมมติ รู้เลยว่าเทวธรรมมีอะไร อย่างชัดเจนและถ้าคนถึงเทวกายได้เห็นเทพยดา ผมรับรองว่า สงบครับ..สงบแน่ ๆ เพราะขึ้นชื่อว่าสมถกัมมัฏฐาน ต้องสงบจากกิเสลนิวรณ์

    ดังนั้น นิมิตคือ สื่อที่ทำให้ใจรวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกสิณ 10 อาโลกกสิณเป็นกสิณครอบจักรวาล เป็นกสิณกลาง ไม่ว่าบุคคลจะมีอัธยาศัยอย่างไรก็ตาม ใช้กสิณนี้กสิณเดียวครอบได้หมด ใช้แก้ไขป้องกันได้เลย กสิณก็คือนิมิตนั่นแหละ

    และแม้แต่คนที่ทำวิปัสสนาไม่ว่าจะสายไหนก็เอานิมิตทั้งนั้น ท่านสูดลมหายใจเข้าออก ท่องพุทโธๆ ไป พอจิตละเอียดหนักท่านเห็นอะไรล่ะ ให้ไปถามผู้ที่ถึงจุดนี้ได้ทุกคน..ก็เห็นดวงใสครับ กระผมเชื่อแน่และรับรอง 100% ว่าหลวงพ่อมั่นนี่ท่านเห็นดวงใส แล้วท่านก็เอาเข้ากลางดวงนั้น กลางของกลางดวงนั้น แต่ท่านปฏิเสธการเอาดวงออกนอก ท่านบอกมันไม่ถูกต้อง แต่ดวงใสอยู่ในใจของท่าน อยู่ศูนย์กลางข้างในกายท่าน พิจารณาเช่นนี้ครับ ทิพพจักขุ ทิพพโสต เกิดตรงนั้น เห็นแจ้ง เห็นชัด ก็เห็นจากตรงนั้น ไปถามเอาเถอะครับ

    ยุบหนอพองหนอ นั่งภาวนาก็เห็นครับ ทำไมจะไม่เห็น เห็นตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำไป ไปถามดูก็ได้ แต่ก็เห็นด้วยใจหรือจะพิจารณาอะไรก็ตาม ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม เรารู้จักหรือไม่ก็ตาม นึกออกไปเห็น เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ไม่ใช่นั่งท่องเอานะครับ เห็นน่ะนิมิตทั้งนั้น แต่ต้องเห็นด้วยใจ ทีนี้..นิมิตมันไปหมดตรงไหน ? ไปดูเถอะครับ ตำราวิสุทธิมรรค ท่านแสดงไว้ว่าเมื่ออริยมรรคญาณจะเกิดขึ้นปหานสังโยชน์กำลังแห่งสมถะและวิปัสสนา มีกำลังเสมอกัน จิตยึดหน่วงเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ ในขณะเดียวกันปหานสังโยชน์กิเลสเครื่องร้อยรัดให้ติดอยู่กับโลกได้ ได้ชื่อว่าท่านออกจากภาคทั้ง 2 คือสังขารนิมิตและตัณหาปวัตติ อุภโตวุฏฐานะ ไปดูได้ในปัญญานิทเทส ปวัตติ คือเครื่องปรุงแต่ง ก็ตัณหานั่นแหละหรือสัญโญชน์ อุภโตวุฏฐานะ คือออกจากภาคทั้ง 2

    ทีนี้ ออกจากสังขารนิมิตนี่ครับ วิชชาอื่นกระผมอธิบายไม่ได้เพราะไม่รู้จัก แต่วิชชาธรรมกายน่ะให้พิสดารกายสุดกายหยาบกายละเอียด จนจิตละเอียดหนัก สมถพละคือกำลังสมาธิ และวิปัสสนาพละมีกำลังเสมอกัน แล้วจิตยึดหน่วงเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ นี่พิสดารละเอียดไปจนจิตละเอียดหนัก จนวางอุปาทานในขันธ์ 5 ได้ชั่วคราว หรือ สำหรับพระอรหัตมรรคก็ต้องได้ถาวร หรือปล่อยความยินดีในฌานสมาบัติ ธรรมกายหยาบตกศูนย์ ธรรมกายละเอียดปรากฏเข้าไปในอายตนะนิพพาน หรือซ้อนเข้าไปในพระนิพพาน หรือปรากฏอยู่ในอายตนะนิพพาน ก็ได้อารมณ์พระนิพพาน นั่นจิตยึดหน่วงเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ จึงออกจากภาคทั้ง 2 คือ จิตละเอียดหนัก พ้น..หลุดจากสังขารนิมิต คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ในภพ 3 ตั้งแต่มนุษย์หยาบ มนุษย์ละเอียด ทิพย์หยาบ ทิพย์ละเอียด พรหมหยาบ พรหมละเอียด อรูปพรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ไปจนสุดละเอียด จึงวางอุปาทานในขันธ์ 5 ได้เบื้องต้นในระดับโคตรภูญาณเป็นเพียงชั่วคราว แต่จะไปได้โดยเด็ดขาดตามระดับภูมิธรรม ที่ปฏิบัติได้ เมื่อมรรคจิตเกิดปหานสัญโญชน์ ได้ตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้ เช่น โสดาบันบุคคล ก็ปหานสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสได้ แล้วเข้าผลสมาบัติไปเลย ธรรมกายรู้เลยครับ เพราะมันดับหยาบไปหาละเอียด ส่วนหยาบเมื่อมรรคจิตเกิดสมบูรณ์ปหานสังโยชน์ นั่นธรรมกายมรรค เมื่อธรรมกายมรรคเกิดขึ้นธรรมกายผลก็ตามมาเลยชั่วขณะจิตเข้าผลสมาบัติ เพราะมีนิพพานเป็นอารมณ์ มันตรง..เข้าใจได้เลย ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก แต่ว่า..วิธีอื่น สายอื่น กระผมไม่เข้าใจว่าละสังขารนิมิตได้โดยวิธีไหน..ผมไม่ทราบ..ไม่เข้าใจเพราะฉะนั้นเรื่องนิมิตได้ โปรดเข้าใจได้เลยว่า พระพุทธเจ้าไม่มีตรัสไว้ตรงไหนเลยว่า..เธอ อย่าใช้นิมิต ถ้าใครเอามา ให้ผมดูสักนิดเถอะครับ
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ดวงธรรม และ ธรรมกาย เป็นรูปหรือนาม ???? ช่วยตอบด้วย






    เมื่อสมัยเกือบ ๒๐ ปีมาแล้วก่อนท่านกับผมลาออกนิดหน่อย ท่านยังไม่ได้บวช ผมเคยถามปัญหาธรรมท่านอย่างหนึ่ง พอดีมีคนอื่นมาขัดจังหวะ ท่านเลยยังไม่ได้ตอบผม ปัจจุบันนี้อายุผมเกือบจะ ๗๐ แล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบ ผมจึงขอเรียนถามท่านเสียที่นี่อีกครั้งนะครับ ผมถามอย่างนี้ครับ ดวงธรรม และธรรมกายทั้งหลายนี้ เป็นนามธรรม หรือรูปธรรมครับ ผมเรียนถามเท่านี้ละครับ ผมตีไม่แตกซะที
    เรื่องที่ถามไป ขอเจริญพรตอบสั้นๆ ไว้ก่อนว่า เฉพาะเรื่อง “ดวงธรรม” ที่ทำให้เป็นกายโลกิยะ (มนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม) ส่วนที่รับรู้ เป็นนามธรรม ส่วนที่ถูกรับรู้เป็นรูปธรรม กล่าวคือ ส่วนที่ขยายส่วนหยาบจากธาตุละเอียดของนามขันธ์ ๔ คือ เห็น-จำ-คิด-รู้ นั้นก็คือ “ใจ” ซึ่งเป็นนามธรรมนี้ตั้งอยู่ในท่ามกลางดวงกาย
    ซึ่งขยายส่วนหยาบจากธาตุละเอียดของรูปขันธ์ ซึ่งเห็นเป็นดวงใสอยู่ชั้นนอก และมีธาตุละเอียดของมหาภูตรูป ๔ คือ ธาตุน้ำ-ดิน-ไฟ-ลม และอากาศธาตุ ตั้งอยู่ภายในดวงกายนั้นแหละ ส่วนนี้เป็นรูปธรรม และยังมีเจตสิกธรรมที่เป็นบุญกุศล, บาปอกุศลหรือกลางๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิตที่เป็นกุศล/อกุศล/กลางๆ อีกด้วย ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เป็น “สังขารธรรม” ทั้งสิ้น จึงเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นสังขตธรรมสังขตลักษณะคือความเกิดปรากฏ ๑ ความเสื่อมสลายปรากฏ ๑ เมื่อตั้งอยู่ความแปรปรวนปรากฏ ๑ (อุปฺปาโท ปญฺญายติ วโย ปญฺญายติ ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ)
    ส่วน “ธรรมกาย” ที่บรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นธรรมธาตุที่บริสุทธิ์ (วิราคธาตุ) ล้วน ๆ ของพระอริยเจ้า-พระอรหันตเจ้าที่ยังมีชีวิต คือยังครองเบญจขันธ์อยู่ชื่อว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ” ที่เบญจขันธ์แตกทำลายแล้วชื่อว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ” เฉพาะพระนิพพานธาตุของพระอรหันต์เป็น วิสังขารธรรม” ที่ไม่ตกอยู่ในอาณัติแห่งพระไตรลักษณ์ มีสภาวะที่เป็นนิจจัง ปรมัง สุขังและธุวัง (ธุวํ-ยั่งยืน หรือ สสฺสตํ มั่นคง หรือ ตาทิ-คงที่) เป็นอมตํ ปทํ เป็นอสังขตธรรมที่มีอสังขตลักษณะคือไม่ปรากฏความเกิด ๑ ไม่ปรากฏความเสื่อมสลาย ๑ (และ) เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑ (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ น วโย ปญฺญายติ น ฐิตสฺส อญฺยถตฺตํ ปญฺญายติ) นี้แหละที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระปัญจวัคคีย์ผู้บรรลุพระโสดาบันบุคคลแล้ว ด้วยอนัตตลักขณสูตร มีความตอนหนึ่งว่า
    “รูปํ ภิกฺขเว อนตฺตา รูปญฺจ หิทํ ภิกฺขเว อตฺตา อภวิสฺส. นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย. ฯเปฯ ยสฺมา จ โข ภิกฺขเว รูปํ อนตฺตา. ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สวตฺตติ.”
    “ภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา ภิกษุทั้งหลาย ก็ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูปนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ.... ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะรูป[นี้]แลเป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป[นี้]จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ”
    <!-- google_ad_section_end -->
    [/COLOR][/B]
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ทุก1-14 พฤษภาคม อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้) ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี
    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]





    "การให้ธรรมะพ่อแม่ เป็นการทดแทนพระคุณที่สูงที่สุด"





    ลูกเอ๋ย....ในยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน

    ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง ใจน้อย โกรธง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม

    จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น


    ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด สักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่อาจช่วยให้ท่านมีความสุขได้เต็มที่ เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอนอันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน
    หาได้ร่าเริงผ่องใสไม่


    ..........เจ้าจงจำไว้ว่า การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ


    การให้ธรรมะ ด้วยหลักธรรมง่ายๆ ให้พ่อแม่ของเจ้า


    พาท่านไปทำบุญทำทาน สอนให้รู้การปฏิบัติบูชา สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตา

    ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุกภพทุกชาติ


    ถือว่า เป็นการทดแทนพระคุณที่สูงที่สุด


    ...........เจ้าจงจำไว้ นะลูกเอ๋ย...........






    "อมตะวาจา อันเป็นคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี"
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]






    [​IMG]
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ถอดเทปหลวงป๋า..."เคล็ดลับความเข้าใจในการปฏิบัติ"..1

    ท่านผู้ถอดเทป ถอดตั้งแต่ 51.46


    สำหรับผู้ที่ถึงธรรมกายแล้ว ทำๆไป มันหายไป หรือบางทีไม่มั่นคงเห็นๆหายๆ
    ข้อนี้ก็เพราะว่า ในชีวิตประจำวันของเรา เราปล่อยใจให้ เผลอสติให้
    ไปยึดมั่นถือมั่น ในสรรพสิ่งทางโลก ด้วย ตัณหา และทิฐิมากไป เผลอสติมากไป
    ด้วยความกิเลสประเภทโลภะ โทสะโมหะ ของเรา เมื่อมันเข้าไปยึดมั่น
    โดยที่เราไม่เข้าไปรวมใจไปหยุดบ่อยๆเนื่องๆแล้วนั้นแหละ
    ไอ้คุณธรรมหรือธาตุธรรมของเรา มันก็ถูกปิดบังโดยฝ่ายบาปอกุศล
    ซึ่งเขาสอดละเอียดมา เป็นดึงดูด ออกจากศูนย์ ย่อยแยกธาตุธรรมให้กระจายออก รวมกันไม่ติด

    อาตมาจะพูดเฉพาะนิดเดียว ในวิชชา แต่ว่า นั้น เป็นอวิชชาของภาคดำ
    วิชชาของภาคขาว นั้น จะต้องนำเข้ามาสู่ศูนย์กลาง แล้ว ก็รวมธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ เข้าไปถึงสุดละเอียด
    เพื่อเข้าถึงธรรมขาว และมีสภาวะที่เป็นการกำจัดธรรมดำ นี้มันจะต้องเป็นอย่างนั้น
    เพราะฉะนั้นท่านจึง ต้องพึงพิสดารกายอยู่บ่อยๆเสมอ ไปสู่สุดละเอียด และจรดใจอยู่ที่สุดละเอียด
    ยิ่งทำสูงขึ้นไปถึงอายาตนะนิพานเพียงใด หยุดไปที่สุดละเอียดของพระนิพพาน
    หรือธาตุล้วนธรรมล้วนที่สุดที่เราเข้าถึงได้ นั้นแหละ เรียกว่า มีพระนิพพานเป็นอารมณ์
    ตกกระแสพระนิพพาน อาการเป็นอย่างนั้น แต่ต้องทำบ่อยๆ ทำเนืองๆ เมื่อทำบ่อยเพียงใด
    เราก็ตกกระแสมากเพียงนั้น ใจเราก็บริสุทธิ์มาก
    มันต้องทำบ่อยๆ ทำเนืองๆ เดินยืนนั่งนอน เราต้องทำเสมอ ที่นี้อาการที่ทำนั้น
    มีเคล็ดลับต่อไปว่า เราต้องไม่ลืมพิจารณาสติปัฏฐานสี่ นะ กิเลสของเรา ทุกเมื่อ
    ไม่ว่าใจเราออกนอกกายไปทำงานทำการ พบเพื่อนฝูง พบอารมณ์ที่ไม่งาม ชอบใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง
    นี่ เราต้องรีบหลบ เข้าไปในที่ปลอดภัย คือกลางของกลางที่สุดละเอียดอยู่เสมอ
    นี่เราต้องทำ เมื่อมันทำอย่างนี้แล้วก็ ธาตุธรรมเราก็แก่กล้า
    ด้วยความที่มันจะเผลอสติไปบ่อยๆ ก็ลดลง ลดลง มันเป็นอย่างนี้ แล้วที่นี้
    ในขณะที่เราพิสดารอยู่เสมอ เดินยืนนั่งนอน จำไว้ทุ่มไปสุดใจ
    อันนี้ก็เป็นเคล็ดลับเหมือนกัน ธรรมะจะเป็น จำไว้นะ
    เห็นดวงให้หมุดเข้าไปเห็น ณ ภายใน อย่างมองเห็นอย่างนี้ อย่างดูอย่างนี้ หรืออย่างดูจากนี่ไปนี่
    แต่เบื้องต้น มันทำไม่เป็น มันจะต้องดูอย่างนี้
    บางคนก็สอนเห็นองค์พระ เห็นเศียรก่อน มันไม่ใช่ มันเป็นเบื้องต้น นึกให้เห็นอย่างนั้น มันเป็นเบื้องต้น
    แต่คนเป็นแล้วนึกให้เห็นหมดทั้งดวง นึกให้เห็นหมดทั้งองค์พระ นี่เบื้องต้นนะ
    แต่เบื้องกลาง เบื้องปลาย ถ้ามันเห็น ใสขึ้นมา นึกเข้าเป็นเห็นศูนย์กลางจำไว้
    มุดเข้าไปเห็นศูนย์กลาง ใจก็หยุดเข้าไปข้างใน หยุดในหยุดกลางของหยุดในหยุด
    เห็นดวงใหม่ มุดเข้าไปในศูนย์กลางใหม่เข้าไปอีก มันก็ละเอียดเข้าไป
    ใจก็หยุดแน่น เมื่อเห็นกายในกาย ที่พิสดารกายไม่ขึ้น จรดนิ่งๆ
    อย่าใจร้อน จรดนิ่งๆ อย่าใจร้อน ประเดี๋ยวเดียว พอเขาขึ้นมา ดับหยาบไปหาละเอียด
    ดับหยาบไปหาละเอียดเป็นธาตุธรรมที่ละเอียดๆ เป็นธรรมกายที่ละเอียดๆ ต่อไป ที่สุดละเอียด ใจจรดอยู่นั้นนิ่งไม่เลิกไม่รา

    เดินอยู่ ก็ครึ่งหนึ่งของใจ ถ้าเราทำงานก็ลดเหลือ1 ใน 4
    ถ้าเผลอสติไปมีสติรู้เมื่อไร ว่างเมื่อไรทำใหม่ อยู่อย่างนั้น ใจก็สะอาด
    มันก็พิสดารขึ้นเรื่อย แต่ต้องทุ่ม ใจต้องจรด นะ หยุดอยู่ที่สุดละเอียดอยู่ตลอดเวลา ขึ้นมา ตลอดเวลาจึงจะได้
    จึงจะชนะธาตุธรรมภาคดำ แล้วก็ชนะแบบว่า ขาดลอยอีกด้วย (56.24น)

    แต่ว่าบางทีถ้าเราเผลอเมื่อไหร่เราก็โดนป๊อกลงไปเมื่อนั้น
    มานั่งธรรมทั้งหมดต้องเข้าใจอย่างนี้
    แล้ว เมื่อเราเข้าไปสุดละเอียดธาตุธรรมที่สุดละเอียดเมื่อไหร่
    ภาคผู้เลี้ยง ผู้สอด ผู้ส่ง ผู้สั่ง ผู้บังคับ ผู้ประครองถึงต้นธาตุต้นธรรมของเราก็จะเชื่อมถึงกันหมด
    บุญศักดิ์สิทธิ์บารมีรัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิเฉียบขาด
    ซึ่งเป็นธาตุล้วน ธรรมล้วน ของต้นธาตุต้นธรรมก็ส่งถึงเรามากเท่านั้น
    เมื่อส่งถึงเรามากเราก็มีโอกาสบำเพ็ญบารมีมากทำความดีได้มาก
    เมื่อทำความดีได้มาก ภาคผู้เลี้ยงเค้าก็จะเก็บเหตุฝ่ายบุญฝ่ายกุศลทับทวีกลับไปยังต้นธาตุต้นธรรมให้มีกำลังสูงขึ้น
    เมื่อมีกำลังทับทวีสูงขึ้นเพียงไรเราก็มีสิทธิอำนาจในการบำเพ็ญบารมีช่วยตนเองช่วยผู้อื่นได้มากเพียงนั้น
    เข้าใจละยังที่นี้ต้องทำอย่างนี้ เมื่อเข้าไปสุดละเอียดแล้วเราจึงจะรู้ว่าหน้าที่สำคัญของเรา
    มันหน้าที่ช่วยตัวเองด้วยและช่วยสัตว์โลกอื่นด้วย ไม่ใช่หน้าที่เอาตัวรอด
    หน้าที่เอาตัวรอดนั้นถูกมารเค้าหลอก หลอกเอาไปเข้านิพานเฉยๆ
    สบายอยู่ในนั้นเลยไม่ต้องทำอะไร ไม่เกิดไม่แก่ ไม่เจ็บไม่ตายอยู่นั้น ช่วยใครก็ไม่ได้แล้ว
    ช่วยได้ระหว่างที่ตนมีชีวิตอยู่ เข้านิพานก็เลยจุ่มปุ๊กอยู่นั้น
    แต่ก็สบายก็ยังดีแต่นั้นมารเค้าปัดไปนิดนึงถูกหลอก
    แต่จริงๆแล้วหน้าที่แต่ละคนหรือแต่ละสัตว์โลกช่วยตัวเองด้วยและช่วยผู้อื่นด้วยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
    แต่ถ้าบำเพ็ญบารมีให้สูงขึ้นไปสูงขึ้นไปมันรู้จิตรู้หน้าที่ของเรามากยิ่งกว่านั้น
    นั้นก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวใครเข้าไปรู้แค่ไหนเข้าใจนะ

    วันนี้ก็เลยเล่าให้ฟังเรื่องทั้งหมดเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจความเป็นมา
    และความที่เราจะต้องเป็นไปเพื่อจะได้ทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ
    ด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยสติปะฐานทั้งสี่ กายเวทนา จิตธรรม
    เพื่อละธรรมดำยังธรรมขาวให้เจริญ เมื่อยังธรรมขาวให้เจริญแล้วสัมมาวายาโมก็เจริญ
    ความเพียรชอบในสี่สถาน เมื่อมันเจริญขึ้นนั้นแหละ สัมมาวายาโมเจริญขึ้น
    สติปัฏฐานสี่ก็ชัดเจนขึ้นเจริญขึ้น อิทธิบาทสี่ อินทรีห้า พละห้า โพชฌงค์เจ็ดมันก็เจริญตาม
    ไปตามอย่างนั้นและนี่แหละองค์ธรรมเครื่องตรัสรู้และมรรคแปดก็เกิดแล้วเจริญขึ้นตามส่วนของแต่ละคน
    มันเจริญขึ้นมาจากธาตุธรรมนะจะบอกให้ จากธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้นะ
    ถึงได้ว่าเป็นบุญเป็นบารมีและเป็นอุปบารมี ปรมัตถบารมี
    เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายต้องบำเพ็ญทั้งทานทั้งศีลภาวนาอย่าให้ขาดเกิดมาจะได้ไม่เสียชาติเกิด
    แล้วก็ไม่เสียทีที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาได้ยินได้ฟังได้เรียนรู้ได้ปฏิบัติ
    เฉพาะฉะนั้นท่านทั้งหลายได้เข้าใจวิธีปฏิบัติแล้ว เอาละเราเตรียมนั่งกัน







    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/QnnVG7MeEDk?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/QnnVG7MeEDk?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2013
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]







    [​IMG]


    อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์

    วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตนแล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้วแต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ

    ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน (เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดาวดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น

    พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่ ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับหลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่ทีนี้ต่อมา

    หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่างที่พูดนี้ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อสดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมากรวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก

    แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริงเวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มีการใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑. เช้ามืด และประการที่ ๒. ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับ มาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอก วะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ



    ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่านมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้
    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่ม

    ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด



    ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน

    ก็รวมความว่ากำลังไล่เรื่อยกัน


    บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์....

    (จากหนังสือ อ่านเล่น เล่ม 6 โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)




    ขอบคุณ เมื่อหลวงปู่ปานให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำไปเรียนธรรมกาย « ศูนย์พุทธศรัทธา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2013
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]




    [​IMG]



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2775497/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2013
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • อย.jpg
      อย.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.4 KB
      เปิดดู:
      380
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    "วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลยลูกหลานเอ๋ย
    จงสร้างความดีให้กับตัวเอง
    และก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง
    นี่เป็นเรื่องสำคัญตัวเราพ่อให้หัวใจ
    แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองแล้ว
    อยู่ในตัวเราแล้วจะไปแสวงหาพ่อที่ไหน
    จะไปแสวงหาแม่ทีไหนอีกเล่า<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]



    .


    ~การสนใจเรื่องบุคคลภายนอกนั้น คือ อาการของจิตฟุ้งซ่าน แส่ส่ายไปในกุศลบ้าง-อกุศลบ้าง ไม่ลงอารมณ์อุเบกขารมณ์ จิตไม่เป็นกลาง ความหลังของคนอื่นที่ทำไม่ดี ให้วางไปเสีย อย่าจำเอาไว้ เป็นการเก็บกรรมของบุคคลอื่นเอาไว้ไม่รู้ลืม ทำ-ทำไม มีประโยชน์อะไร แล้วทำอย่างนั้นสามารถทำให้เราไปพระนิพพานได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็จงอย่าทำ ต้องหมั่นหักห้ามนิวรณ์ด้วยอานาปานุสสติ ให้พยายามแก้ไข ถ้ารับไม่อยู่ก็ปล่อยให้มันคิดไป มีกิเลสอะไรเกิดขึ้นกับความคิดนั้น ๆ แล้วจักเห็นความเลวของจิตของตนอีกมากมายที่ชอบไปยุ่งกับเรื่องของบุคคลอื่น จำไว้ว่านี่ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน เป็นอาการจิตที่ชินไปกับกิเลสอันชอบไปข้องอยู่กับโลกนั่นเอง จงอย่าทำ เลิกได้เป็นดี~

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๑๔ หน้า ๓๕
    รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    
    พระราชพรหมยานมหาเถระ
    หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]






    พบใครได้ดวงหรือแช่อิ่มองค์พระ(มองเฉยๆ โดยไม่เจริญวิชชาสะสางธาตุธรรม)

    ช่วยกันแนะนำให้ต่อวิชชานะครับ


    เพระการเห็นองค์พระ เป็นเพียงแค่ " ฌาณ " เท่านั้นเอง
    ( และ ยังสามารถทำอกุศลกรรมได้ ถ้าไม่อาศัย
    ญาณพระธรรมกายเพื่อสะสางกิเลส ตัณหา และดับอวิชชา ตัดสังโยชน์ )

    " ธรรมกายของแท้ 1 คน ช่วยคนได้ครึ่งเมือง "







    [​IMG]




    ทุก1-14 พฤษภาคม กลางปี

    และ 1-14 ธันวาคม



    อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้)

    ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี

    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ




    หรือใครที่ได้ดวงธรรมเบื้องต้นแล้ว......ขอเชิญ



    [​IMG]




    หมายเลขโทรศัพท์ ที่วัดหลวงพ่อสดฯ รับรอง สำหรับการใช้ติดต่อ


    090-595-5162 ปชส.1
    090-595-5164 ปชส.2
    081-586-8685 ปชส.1 (พระมหาสมชาติ สุชาโต)
    090-595-5166 ปชส.1 (พระมหาพร้อมไพบูลย์)
    090-595-9562, 083-032-8907 ปชส.1 (พระมหาอธิโชค)
    086-660-4140 พระมหาธีรชัย ธีรชโย
    086-604-3665 พระมหาอนุชา จนฺทปภาโส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2013
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]






    พบใครได้ดวงหรือแช่อิ่มองค์พระ(มองเฉยๆ โดยไม่เจริญวิชชาสะสางธาตุธรรม)

    ช่วยกันแนะนำให้ต่อวิชชานะครับ


    เพระการเห็นองค์พระ เป็นเพียงแค่ " ฌาณ " เท่านั้นเอง
    ( และ ยังสามารถทำอกุศลกรรมได้ ถ้าไม่อาศัย
    ญาณพระธรรมกายเพื่อสะสางกิเลส ตัณหา และดับอวิชชา ตัดสังโยชน์ )

    " ธรรมกายของแท้ 1 คน ช่วยคนได้ครึ่งเมือง "







    [​IMG]




    ทุก1-14 พฤษภาคม กลางปี

    และ 1-14 ธันวาคม



    อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้)

    ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี

    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ




    หรือใครที่ได้ดวงธรรมเบื้องต้นแล้ว......ขอเชิญ



    [​IMG]




    หมายเลขโทรศัพท์ ที่วัดหลวงพ่อสดฯ รับรอง สำหรับการใช้ติดต่อ


    090-595-5162 ปชส.1
    090-595-5164 ปชส.2
    081-586-8685 ปชส.1 (พระมหาสมชาติ สุชาโต)
    090-595-5166 ปชส.1 (พระมหาพร้อมไพบูลย์)
    090-595-9562, 083-032-8907 ปชส.1 (พระมหาอธิโชค)
    086-660-4140 พระมหาธีรชัย ธีรชโย
    086-604-3665 พระมหาอนุชา จนฺทปภาโส
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นคนละสำนักปฏิบัติธรรม - คนละคณะบริหาร - คนละนโยบายวัตถุประสงค์ - คนละกิจกรรม กับ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
    ไม่ใช่สาขาของวัดพระธรรมกาย







    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นสายเดียวกับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หรือไม่ ?
    ตอบ หลวงพ่อ พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นศิษย์ของพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสและอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    พระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) นั้นท่านเป็นศิษย์โดยตรง และสืบทอดวิชชาธรรมกายทั้งหมด จากพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)*

    ส่วนเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วรปุญฺญมหาเถร ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน ก็เป็น พระอนุสาวนาจารย์ ของหลวงพ่อ พระเทพญาณมงคล และท่านยังเป็นรองประธานสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย แห่งนี้ด้วย

    ดูเพิ่มเติมที่ ประวัติสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย และ ประวัติวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม











    **********************************************************

    คำถามที่ถามบ่อย (FAQ)

    คำถามทั่วไป
    1. วัดนี้ (วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม) เป็นวัดเดียวกันกับ วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หรือไม่ ?
    2. วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นสาขาของวัดพระธรรมกาย หรือไม่ ?
    3. วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นสายเดียวกับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หรือไม่ ?
    4. เนื่องจาก มีท่านผู้สอนวิชชาธรรมกายหลายท่าน เช่น ที่ราชบุรี มีสำนักสวนแก้วที่แม่ชีหวานใจเป็นผู้สอน, ที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี, อ.การุณย์ บุญมานุช จ.จันทบุรี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ. ดังนั้นหากต้องการฝึกฝน จะพิจารณาอย่างไรว่าควรฝึกในที่ใด ?
    การเข้ารับการอบรม/ปฏิบัติธรรม
    1. ในวันอุโบสถ ฆราวาสสามารถไปอยู่ปฏิบัติธรรมและพักที่วัดได้หรือไม่ ?
    2. ถ้าประสงค์จะไปพักและปฏิบัติธรรมที่วัดในช่วงระยะ ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน จะได้หรือไม่ ? และจะต้องขออนุญาตอย่างไร ? ขอทราบรายละเอียดด้วย
    3. การอบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี และปลายปี ฆราวาสจะมาเข้ารับการอบรมด้วยได้หรือไม่ ? ในรูปเห็นมีแต่พระภิกษุเต็มไปหมด ?
    4. ในการอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปี ฆราวาสจะมาเข้าอบรมในช่วงสั้นๆ เช่น ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน จะได้หรือไม่ ?
    5. มาอบรมที่วัดหลวงพ่อสดฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่ ?
    6. การมาเข้ารับการอบรม ต้องเตรียมอะไรมาบ้าง ?
    การบรรพชาอุปสมบท
    1. การติดต่อเพื่อขอบวชที่วัดนี้ ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
    การติดต่อกับวัด
    1. ถ้าจะส่งเงินมาที่วัด จะทำอย่างไร ?
    2. เดินทางมาที่วัดได้อย่างไร ?
     
  20. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...