Law of Attraction การควบคุมกฏแห่งแรงดึงดูดให้ทำงานให้เราอย่างมีประสิทธิภาพ

มาขอบคุณเจ้าของกระทู้กับมาให้กำลังใจทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ถ้ามีคน

อ่านกระทู้นี้แล้วนำไปใช้ในชีวิต ผมว่าโลกใบนี้จะต้องดีวันดีคืนแน่ๆครับ



Little bit lost, lonely, cold, fear. But hold on & feel strong.

And can getting used to lit the fuse to it. Like to know who

been talking to myself forever. And how wish knew me

better. Still sitting on a shelf but never. Never see a sun

shine brighter. And it feel like me on a GOOD DAY

 

งั้นเรามาช่วยกัน ใช้กฏแห่งการดึงดูด ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและจิตใจ มีคนดีคนเก่งคนกล้ามาบริหารพัฒนาประเทศ เชิดชูพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินไทย
ตลอดกาล ด้วยกันนะครับ อิอิ ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น ยกมือขึ้นนนนนนน 555+

 

ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "จงใช้ชีวิตในแต่ละวันราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของคุณ"

ดิฉันนึกถึงคำนี้เมื่อเพื่อนรักคนหนึ่งของดิฉันถามดิฉันว่า "อะไรน่าเสียใจกว่าระหว่างการลงมือทำตามฝันแล้วผิดพลาดกับการไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดๆ แล้วนึกเสียใจไปชั่วชีวิต"

หลายครั้งในชีวิตที่ผ่านมา ดิฉันได้ทำสิ่งผิดพลาดไปหลายสิ่ง ตั้งแต่การเลือกคนที่จะมาใช้ชีวิตร่วมด้วย การตัดสินใจในเรื่องงาน การตัดสินใจเลือกทางเดินของชีวิต ณ ช่วงเวลาที่ชีวิตผ่านความเจ็บปวดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด ดิฉันก็เหมือนคนทั่วๆไปที่พร่ำบอกกับตัวเองว่า "รู้งี้ไม่ทำ..." แล้วจ่อมจมกับความเจ็บปวดที่เป็นเพียงความเจ็บปวดจากการไม่ได้อย่างที่ใจเราต้องการเท่านั้นเอง

มาถึงวันนี้ ดิฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยต่อสิ่งต่างๆที่เคยทำผิดพลาด ดิฉันยอมรับความผิดพลาดจากการตัดสินใจบนพื้นบานของการมองเฉพาะด้านที่ว่า "เราจะได้อะไรจากการตัดสินใจ" ไม่ว่าจะเป็น

การเลือกคู่ครอง ดิฉันยังเชื่อว่ามันมีการชั่งน้ำหนักระหว่างความได้กับความไม่ได้ของตัวเอง เช่น เราจะได้เงินจากเขาโดยไม่ต้องทำงานหนักอีกเพราะเขาดูรวย น่าจะเลี้ยงดูเราจนสุขสบายตลอดชีวิตจะหาไม่

เราจะได้ความรัก เอาใจใส่จากเขา

เราจะพ้นจากเกมตามล่าหาคู่เสียที ฯลฯ

ดิฉันไม่เคยย้อนถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่ดิฉันต้องการ
ถ้าจะบอกว่าความรัก มันก้คงเป็นความรักที่คาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเป็นฝ่ายได้รับ

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดิฉันจึงบอกว่า การไม่ทำอะไรน่าเสียใจเสียยิ่งกว่า เพราะถ้าดิฉันไม่ทำผิดพลาด ดิฉันก็คงไม่รู้บทเรียนของชีวิตและรู้ว่าอะไรคือความต้องการของตนเองอย่างแท้จริง

ชีวิตของเรา คือความรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยมของเรา

ทำไมเราจึงจะยอมเสียโอกาสที่จะมี/จะเป็น/ทุกอย่างตามที่เราต้องการ จงใช้ชีวิตราวกับว่านี่คือวันสุดท้ายของคุณ

หากคุณยังไม่เคยบอกใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน คนรักว่าคุณรักพวกเขาและรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งกับความรักความช่วยเหลือของพวกเขาที่มีต่อคุณ จงบอกเขา...

จากนั้นลองนั่งลง หลับตา หายใจเข้าลึกๆ นึกถึงชีวิตของคุณที่ผ่านมา...
ปากกา กระดาษพร้อมในมือ

ถามตัวเองว่า "ทำไมคุณจึงมีชีวิตที่ห่างไกลจากจุดที่คุณฝัน"
จงตอบคำถามด้วยคำว่า "เพราะว่า..."

ทุกครั้งที่เราตอบคำถามว่าทำไม มันจะเจาะลึกเพื่อให้เราค้นหาคำตอบลึกลงไปเรื่อยๆ
จงตอบคำถามของคุณต่อไปเรื่อยๆเมื่อมีคำตอบผุดขึ้นมา เช่น

ทำไมฉันจึงมีรายได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการแบบนี้มานานหลายปี
คำตอบอาจจะออกมาว่า...
เพราะว่าฉันนไม่มีโอกาสแบบใครเขา
ทำไมไม่มีโอกาส
เพราะฉันไม่รู้จักใครกว้างขวางพอที่จะแนะนำงานที่ฉันพึงพอใจและให้ผลตอบแทนที่ดีได้
ทำไมฉันไม่รู้จักใคร
เพราะแค่ทำงานทุกวันนี้ ฉันก็หมดแรงหมดเวลาแล้ว กลับถึงบ้านก็เหนื่อย
ทำไมฉันถึงหมดแรง หมดเวลา
เพราะว่าฉันมีหลายอย่างต้องทำเหลือเกิน ไหนจะงานบ้าน ไหนจะต้องทำนั่นนี่...
ทำไมคนอื่นจึงทำทุกอย่างเสร็จสิ้นได้ในเวลา ขณะที่ฉันไม่มีเวลา
เพราะว่าฉันไม่เคยจัดสรรเวลา ฉันไม่เคยบริหารชีวิตตัวเอง

ลองค้นลงไปเรื่อยๆ คำตอบจะบอกคุณเองว่า ทั้งหมดนั้นเกิดจากการที่คุณไม่ลงมือทำมากกว่าการลงมือ...

นับจากวันนี้...
จงเป็นผู้ที่ควบคุมชะตาชีวิตของคุณเองในขณะที่คุณสามารถมีความสุขกับมันได้

เกมบทที่ 7

หายใจเข้าลึกๆ หลับตาลงและจินตนาการว่า...
มีคนบอกคุณว่า คุณจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสัปดาห์
เอาละ คุณอาจตกใจสุดขีด เสียใจ แล้วจากนั้นเมื่อสติคุณกลับมา ถามตัวเองว่าคุณจะทำอะไรต่อไป

ขอให้คุณมองย้อนกลับไปในชีวิตที่ผ่านมาของคุณ คุณใช้ชีวิตแบบไหนแล้วอีกสองสัปดาห์ที่เหลือคุณจะใช้ชีวิตแบบไหน จะเหมือนเดิมหรือแตกต่างออกไป...

ลองมองกลับไปที่ชีวิตแต่ละวันของคุณและคนในครอบครัวคุณ
คุณมักจะผลัดวันประกันพรุ่งในการให้ความสุขกับตนเองออกไปหรือไม่
คุณมักบอกตัวเองตอนที่คุณยังเรียนหนังสืออยู่ว่า "ไว้ฉันเรียนจบ ฉันจะ..."
เมื่อจบแล้ว คุณก็บอกตัวเองว่า ไว้ฉันทำงานได้ก่อน ฉันจะเก็บเงินแล้วฉันจะ...
เมื่อคุณทำงานไปสักระยะหนึ่ง คุณมีคนรักและจะแต่งงาน
"ไว้ฉันแต่งงานก่อน แล้วฉันจะ..."
จากนั้นคุณมีลูก คุณอาจจะบอกตัวเองว่า "ไว้ลูกฉันโตก่อน ฉันจะ..."
คุณว่าคนเราเป็นแบบนี้กันบ้างไหม

ทำไมสิ่งอื่นๆทั้งหมดจึงควรมาก่อนความฝันของคุณ ทำไมมันจึงมาพร้อมกันไม่ได้
ทำไมคุณจึงต้องสูญเสียเวลาและโอกาสอันมีค่าด้วยการหยุดชีวิตของคุณไว้ก่อน
จนกว่า...อะไรก็ตาม คนอื่น สิ่งอื่นจะเกิดขึ้นก่อน
ทำไมคุณจึงไม่มีค่าพอสำหรับเวลาของคุณ

นั่นเพราะว่า นี่คือสิ่งที่สังคม สิ่งที่โลกวางโปรแกรมลงไปในจิตใต้สำนึกของเรา
สังคมบอกให้เราไม่เชื่อว่าเราจะมีสองสิ่งพร้อมๆกันไม่ได้
ต้องมีสิ่งหนึ่งก่อนแล้วคุณจึงจะได้รับอีกสิ่งหนึ่ง
เช่น คุณต้องมีเงินก่อน คุณจึงจะมีความสุขได้ เป็นต้น

เพราะเราเชื่อว่าเรามีเวลาอีกหลายสิบปี
เราจึงทำตามโปรแกรมที่ว่า เราจึงต้องมีสิ่งนั้นก่อนจึงจะมีสิ่งนี้ได้
แล้วสุดท้ายเราก็พบว่าเราไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆเลย

ตอนนี้คุณคงมีรายการยาวเหยียดสำหรับเวลาสองสัปดาห์ที่เหลือของคุณ
จงสำรวจลึกลงไปในตนเอง พุ่งความคิดจดจ่อลงไปในตนเองอย่างเรียบง่าย
จงโฟกัสที่ "สิ่งที่คุณเป็น" ไม่ใช่ "สิ่งที่คุณทำ"

มันสำคัญมากที่จะดึงดูดชีวิตที่คุณปรารถนา
ถ้าเพียงคุณรู้ว่า คุณอยากเป็นอะไร ทำไม และทำไม

 

มีความขัดแย้งอย่างหนึ่งระหว่างการปรารถนาสิ่งหนึ่ง
และการพร้อมที่จะได้รับสิ่งนั้น
ไม่มีใครพร้อมสำหรับสิ่งนั้น
จนกว่า...พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถได้สิ่งนั้นมา
ดังนั้น...ก่อนที่สิ่งใดจะเข้ามาหาเราได้
เราต้องมีจินตนาการภาพและเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา

นโปเลียน ฮิลลฺ์

มีอยู่ครั้งหนึ่งในชีวิตของดิฉันที่ฉันต้องเผชิญความแร้นแค้นในชีวิต
ดิฉันต้องเช่าบ้านเก่าๆหลังหนึ่งในชุมชนแวดล้อมที่ไม่ค่อยดีนัก
สุนัขราคาแพงของดิฉันที่หอบหิ้วกันมาโดนยาเบื่อตาย
รถฉันถูกชนแล้วที่สำคัญฉันไม่ได้จ่ายค่าประกัน ค่างวดรถ

สิ่งต่างๆดูแย่มาก ดิฉันรู้สึกว่าชีวิตดิฉันช่างจนตรอกเหลือเกิน
น้ำตาดิฉันไหลอาบแก้มเมื่อนั่งลงไหว้พระที่บ้าน(ตอนนั้นดิฉันกำลังจนตรอกถึงขนาดที่กำลังตัดสินใจจะนำพระในบ้านไปขาย ซึ่งคงได้เงินมาโขอยู่ แต่สองจิตสองใจเพราะนี่คือมรดกของครอบครัวที่ดิฉันได้รับไว้เพียงคนเดียว)

ดิฉันมีกรรมอะไรนักหนา ดิฉันจึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ หรือนี่คือเจ้ากรรมนายเวรที่จ้องจะกระทำดิฉันจนถึงที่สุดกระนั้นหรือ

คำถามนี้วนเวียนในหัวดิฉันตลอดช่วงเวลาแห่งความแร้นแค้น ดิฉันพยายามทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำอะไรเพื่อลดกรรม แต่มันก็ทำให้ชีวิตยิ่งแย่ลง จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่ดิฉันตื่นนอนแล้วคิดว่าวันนี้จะต้องทำอะไร

ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นว่า
ถ้าเธอไม่ต้องการมีชีวิตแบบนี้อีกต่อไป เธอต้องหยุดทำแบบเดิมๆ เสียที
หยุดวิ่งตามหาหมอดูที่เก่งๆเพื่อจะถามวิธีที่จะหลุดจากชีวิตทุกข์ยากนี้
หยุดวิ่งไปทำบุญด้วยความหวังแค่ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะเมตตาโดยไม่รู้สึกตระหนักและซาบซึ้งกับบุญที่ทำอยู่

คุณผู้อ่านที่รักคะ...ลองคิดดูซิว่า
หากเรากำลังอยู่ในช่วงภาวะที่จนตรอก
ความคิดการกระทำต่างๆก็ดูจะจนตรอกตาม
เราต้องมองตัวเองให้พ้นจากสถานการณ์ยุ่งยากเสียก่อน
การคิดในจุดที่ยุ่งยากและเป็นทุกข์ไม่อาจทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ได้

ความคิด สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูดส่งผลต่อความรู้สึกเรา
ความรู้สึกนั้นก็ส่งผลไปถึงการกระทำและสิ่งที่ปรากฏขึ้นในชีวิต
แล้วการกระทำของเราก็ส่งผลต่อความเป็นจริงของเรา
จากนั้นความเป็นจริงนั้นจะกลายเป็นชีวิตเราในที่สุด

การจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปในแง่ดีเราต้องเริ่มต้นที่ว่า...
เราจะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกอย่างไร
เราจะปล่อยให้ตัวเองรับฟังอะไรและพูดคุยเกี่ยวกับอะไร

มันอาจจะยากสักนิดในตอนเริ่มต้น เมื่อปัญหายังมองเห็นอยู่ตรงหน้า
ขอให้คุณเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม
จงควบคุมพลังความคิดและพลังแห่งอารมณ์และความรู้สึกของคุณ
เพื่อสร้างความเป็นจริงในชีวิตคุณให้ได้

ถ้าคุณรู้ว่า...
คุณคือส่วนหนึ่งเชื่อมโยงพลังแห่งความเป็นไปได้ที่สูงส่งในตัวเราแต่ละคน
คุณก็คงไม่รู้สึกกังวล ไม่มั่นใจ

เพราะคุณรู้ว่าคุณมีพลังอำนาจบางอย่างในการสร้างความเป็นจริงในชีวิตคุณ
การตระหนักรู้ถึงความจริงข้อนี้จะมอบความกล้าหาญและความมั่นใจ
ในทุกการกระทำที่คุณไม่เคยเชื่อว่าจะเป็นไปได้

เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกถึงพลัง ความเป็นหนึ่งเดียว
นั่นคือคุณสามารถควบคุมสภาวะแวดล้อมคุณได้แล้ว
แล้วที่สำคัญคือ...
เมื่อคุณทำได้ผลครั้งหนึ่ง มันก็จะได้ผลในอีกครั้งต่อไปๆ

กฏแห่งแรงดึงดูดจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจถึงการบรรลุเป้าหมายของคุณ
เข้าใจในสถานการณ์ของคุณ
เข้าใจการกระทำของคุณ
รวมถึงความพร้อมจะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจและความเชื่อของตัวคุณเอง

ถ้าหากวันนี้ คุณรู้สึกว่าด้อยเมื่อเทียบกับใครสักคน
ขอให้ทำความเข้าใจว่า...
ไม่มีใครบังคับคุณให้อยู่ในบทบาทนั้นได้หรอก
มีแต่คุณเท่านั้นที่ยอมให้ตัวเองอยู่ในบทบาทนั้นเอง

แก่นของกฏจักรวาลคือความเชื่อของคุณสร้างความเป็นไปได้ในชีวิตคุณ
ความคิดที่จำกัดตัวคุณคือสิ่งที่คุณเลือกมาทำร้ายตัวเอง
จงสลัดข้อจำกัดทิ้งไป
จำไว้ว่า ถ้าคุณต้องการมัน คุณสามารถมีมัน

เกมบทที่ 8
ลองดูว่าคุณเข้าใจอย่างไร
ลองบอกชื่อคนที่ประสบความสำเร็จมากๆอย่างที่คุณไม่กล้าฝันถึง
ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ที่ทำเงินได้มากๆอย่างเช่น บิลล์เกต วอร์เรน บัฟเฟต
หรือจะเป็นนักเขียนที่ดังชั่วข้ามคืน
ใครก็ได้ที่คุณคิดว่าอยู่ในจุดที่คุณเอื้อมไม่ถึง
บุคคลเหล่านี้มีใครเหมือนคุณบ้างหรือไม่
ถ้าไม่ ทำไมจึงไม่เหมือน
ทำไมพวกเขาประสบความสำเร็จขณะคุณไม่
หาข้อสรุปออกมาด้วยตัวคุณเอง
จากนั้นดูซิว่าคุณจะทำความเข้าใจนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

 

เหมือนที่ Wil Smith พูด ว่า
If you're not make someone else life better, so you're wasting your time.

เพื่อนๆคงคุ้นกับนักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดัง Will Smith
แต่เพื่อนเคยรู้จัก เขา จริงๆ แบบนี้ไหม
เขาเป็นคนที่พูดว่า

Why would you be realistic?
What's a point of to be realistic?

ลองชมดูนะคะ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=pfWGoLj1JCM"]YouTube - Your words and thoughts have physical power - Will Smith[/ame]

ตอนท้ายเป็นฉากในหนังที่
คุณพ่อกะคุณลูกในชีวิตจริง
มาเล่นเป็นพ่อลูกกัน
พ่อเขาบอกกะลูกว่า
Don't let someone tell you that you can't do something, not even me.
You've got a dream, you gotta protect it.
People can't do something themselves, they gonna tell you can't do it.
You want something, go get it, period.

 

ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกันค่ะ
จะบอกว่า หนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงชีวิตที่ผ่านมาเช่นกัน ชอบมากค่ะ
แล้วขอบคุณ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดอยากจะเล่าหรือแชร์ประสบการณ์ก็เชิญเลยนะคะ รู้สึกอายจังที่มาปลอกเปลือกชีวิตตนเองกลางสาธารณะแบบนี้

 

ขออนุโมทนาด้วนนะค่ะ

อ่านแล้วรู้สึก มีพลัง อย่างไงอย่างงันเลยค่ะ

มีความสุขเวลา คิดแล้วมันจะเป็นจริง มีความสุขมากค่ะ

เคยมีประสบการณ์ เหมือนกันนะค่ะ เช่น

- เดี่ยวเราก็ได้ดูDVDมาดอนน่า ผ่านไปประมาณ 5 เดือน ค่ะ ได้สมใจ

-เดี่ยวเราเรียนเลขไปก็รู้เรื่อง ไม่กี่วัน เข้าใจรู้เรื่องหมดเลยค่ะ

แค่เราคิดว่าเป็นจริง เดี่ยวมันก็เป็นจริงขึ้นมาเองค่ะ

;k05 ;k05 ;k05 ;k05 ;k05 ;k05

 

ขอบคุณประสบการณ์ดีๆอันมีค่าของคุณริสา ที่เล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือกครับ

ขอบคุณถ้อยคำให้กำลังใจจากคุณตุ๊ต๊ะครับ

ในช่วงชีวิตนี้ ทุกคนคงเคยถามตนเองว่า ทำเต็มที่แล้วหรือยัง

เต็มที่ในที่นี้ คือ การลงแรงเต็มที่ ไม่มีเวลากิน ไม่มีเวลานอน รึเปล่า

เคยทำแบบนี้เหมือนกันตอนจะสอบเข้า สอบเลื่อนชั้น

แต่ยิ่งทำ มันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ อ่านตอนหลัง ลืมตอนหน้า
อ่านไปอ่านมา เริ่มลืมทั้งหน้าและหลัง
มึนๆงงๆ ทั้งๆที่ทำเต็มที่แล้ว ขลุกอยู่กับตำหรับตำราสารพัด
หลายๆวันติดๆกัน ทั้งวันทั้งคืน คิดอยู่ในใจว่า เต็มที่กว่านี้คงไม่มีแล้ว

แล้วปัญหาจริงๆมันอยู่ตรงไหน??

ทุกๆท่าน คงทราบปัญหาของผมแล้วใช่มั๊ยครับ

 

จักรวาล ภายในตัวเรา
สร้าง จักรวาลที่ล้อมรอบเรา

 

ถ้าตอบว่าไม่ทราบ คุณเซลจะมาเล่าต่อไหมคะ เล่าขยักสองครั้งแล้ว
ต่อมอยากรู้อยากเห็นพุ่งปริ้ด

พูดถึงตอนเอ็นทรานซ์ น่าแปลกมากที่ตอนนั้นไม่ได้กังวลเลย
ไม่ค่อยได้อ่านได้ติวสักเท่าไหร่ ไปติวก็แอบกินขนมหลังห้อง เหล่หนุ่มๆ
เรียนก็งั้นๆ มีดีอย่างเดียวคืออ่านหนังสือเร็ว
ตอนนั้นมั่นใจว่าเอ็นท์ติดแน่ ทั้งที่ไม่ได้ติวอะไร้ลย มั่นอย่างแรง
เพื่อนสนิทที่อยู่เตรียมอุดม ยังเคยว่าถ้าไม่ติดนี่จะไม่สงสารสักนิด
เพราะชวนเขาเถลไถลตลอด

บอกไม่ถูกรู้แต่ว่าตัวเองติดแน่
ขนาดหลอกพ่อขอรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
ประกาศผล เพื่อนที่อยู่เตรียมที่เครียดแบบคุณเซลนี่ละค่ะ ทั้งสองคนไม่ติด
ริสาติดคนเดียวในกลุ่มเพื่อน ส่วนเพื่อนอีกคนเขาก็จ้องจะไม่ติดอยู่แล้วเพื่อไปเรียนนอก

ริสาได้คณะอันดับที่่สองสมใจ เพราะอยากอยู่หอ
ถ้าอันดับหนึ่งต้องอยู่บ้านต่อไป แค่คิดก็เซ็งแล้วค่ะ ตอนนั้นอยากมีอิสระ

จะว่าไปก็ใช้กฏแรงดึงดูดตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะคะนี่
เชื่อมั่น แล้วเชื่อเต็มหัวใจ

ยังไงมาเล่าต่อนะคะ

 

ผลออกมาติดครับ ได้คณะที่ต้องการ
แต่ไม่ดีใจเลยซักนิด รู้แต่ว่า โล่งอก สอบเสร็จซะที

เพราะความกังวล ความเครียดสารพัด ที่มี กลัวไม่ติด
นี่แหละ เป็นตัวกำหนด

เรียนไป เรียนมา ก็ต้องไปสู้กับความกังวล ความเครียด ความคาดหวังต่างๆนาๆ

ความเชื่อมั่นที่มี มันเลยครึ่งๆกลางๆ

ทำอะไรก็เหนื่อยกว่าชาวบ้านเค้า แต่ได้ผลแค่เพียงนิดเดียว

 

การให้ไม่ใช่หน้าที่ หากแต่เป็นโอกาส

หลังจากดิฉันผ่านชีวิตมาจนถึงช่วงขณะนี้
สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือการรู้จักให้
ดิฉันไม่ได้กำลังจะบอกว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ให้มาตลอด

ไม่จริงเลยค่ะ ดิฉันน่าจะจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่คิดจะให้โดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทน
พูดง่ายๆคือ เห็นแก่ตัวนั่นเอง

ทำบุญน้อยนิดก็จบมืออธิษฐานนานกว่าเงินทำบุญ
ช่วยเหลือใครก็หวังว่าเขาจะจดจำได้และตอบแทนในวันข้างหน้า
ด้วยราคาที่คูณผลกำไรทวีคูณ

จนกระทั่งวันนี้ที่ดิฉันได้ตระหนักว่า
ผู้ให้จะได้รับเสมอ

วันนี้ดิฉันพาคุณแม่ไปเที่ยวตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง สมุทรปราการ
คนเยอะ ข้าวของแยะ อาหารการกินมากมาย
พวกเราเข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนกระทั่งมาหยุดที่ร้านริมน้ำร้านหนึ่ง

หน้าร้านมีตั้งตู้บริจาคช่วยเหลือเด็กยากจนในจังหวัดนครราชสีมา
มีป้าคนหนึ่งถือไมค์คอยเรียกร้องให้คนบริจาค
จากคนแน่นๆ พอบ่ายคล้อยก็เริ่มจางลง
แต่คุณป้ายังคงประกาศไมค์ต่อไป โดยไม่เหน็ดเหนื่อย
แม้กล่องรับเงินจะยังว่างเปล่า

ดิฉันลุกเดินไปที่กล่องรับบริจาค
แล้วหยิบเงินหนึ่งพันบาทหย่อนลงตู้โดยไม่ได้คิดอะไร
คุณป้าท่านนั้นก็กล่าวขอบคุณออกไมค์ทั้งอวยพรทั้งชมดิฉันจนรู้สึกกระดากเขินอาย ชมว่าทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งใจดี หัวใจดิฉันพองฟูเพราะบ้ายอ
ได้แต่รีบกลับมานั่งรอคนอื่นที่เดิม

เสียงคำชมคุณป้าอาจจะมีมนต์ขลังที่ใครๆก็อยากได้คำชมก็ได้
ไม่นานก็มีหญิงสาวอีกคนเดินไปบริจาค
คำชมต่างๆก็พรั่งพรูราวคำอวยพรจากสวรรค์
ขอให้สวย ขอให้รวยแบบนี้ตลอดไป

ในตอนขากลับ เราพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในรถ
ดิฉันเล่าถึงเงินบริจาคและคำชม
พี่สาวดิฉัน(ถ้าเธอจะมาอ่านก็โทษทีที่เอามาเล่า)
ก็บอกว่าศรัทธาอะไรมากมายขนาดนั้น
ดูคุณป้ากับกล่องบริจาคไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
ถ้าจะบริจาคก็น่าจะทำกับสมาคมที่บริหารจัดการเป็น
หรือไม่ก็ให้สักจำนวนที่จะไม่เสียดายเงินถ้าเกิดพวกเขาจะไม่ใช่กลุ่มคณะนั้นจริงๆ

ดิฉันเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว
หนังสือพูดถึงการให้ว่า
หากบุคคลคนหนึ่งทำสิ่งต่างๆเพื่อคนอื่นจนเป็นนิสัยอย่างแท้จริง
โดยไม่ต้องใช้สติ
พลังแห่งจักรวาลทั้งมวลจะส่งเสริมในทุกสิ่งที่คนคนนั้นกระทำ

การให้นำไปสู่การได้รับ
มันเปิดพื้นที่ของการหมุนเวียนพลังงานที่ดีและดึงดูดพลังงานที่ดีเข้าสู่ชีวิตคุณ
ผู้คนทุกคนต่างรู้จักที่จะให้ด้วยกันทุกคน
แต่สิ่งที่ผิดคือ
ผู้คนมักยึดติดกับเงินของตนมากไป
หรือไม่ก็ พวกเขาคิดว่ามันเป็นแผนการหลอกที่จะลวงเอาเงินของตนไป

การให้จึงออกไปอย่างเอื่อยๆ เหมือนธารน้ำที่ไหลเอื่อย
และนั่นคือเหตุผลที่ว่า...
ทำไมพวกเขายังไม่ได้รับกลับคืน

หากคุณปล่อยตัวเองให้อยู่ในกระแสพลังงานที่ปล่อยออกไปอย่างแรง
พลังงานสะท้อนกลับย่อมคืนมามากขึ้นๆ
มันเหมือนคุณตีลูกเทนนิสกระทบผนัง
แรงสะท้อนกลับจะเร็วยิ่งขึ้น

ขณะที่ดิฉันหย่อนเงินลงกล่องบริจาคที่เขียนด้วยลายมือโย้ๆว่า เพื่อเด็กยากจน
คุณป้าที่กำลังพูดไมค์นั้นตื่นเต้นมาก เธอดูแปลกใจและไม่คาดฝัน
ความรู้สึกของดิฉันตอนนั้นคือ ดิฉันชอบที่เวลาเธอตื่นเต้นและมีความสุข
ไม่ว่าเธอจะนำเงินไปใช้ทำอะไร ซื้ออะไร ดิฉันก็มีความสุขไปกับเธอด้วย

ดิฉันนึกถึงตอนที่ดิฉันได้รับจากผู้อื่น
มีเพื่อนรักคนหนึ่งของดิฉันมักมอบคำแนะนำมีค่าแก่ดิฉัน
ดิฉันคงลืมแสดงความตื่นเต้นให้เธอเห็น
เธอจึงอาจไม่สุขนักกับคำแนะนำที่ให้ดิฉัน
ดิฉันสัญญาว่าจะจดจำความตื่นเต้นของคุณป้าไปบอกเธอ
เธอจะได้มีความสุขไปกับดิฉันด้วย


แล้วก็มีเรื่องไม่น่าเชื่อ...
ขณะที่เราแวะซื้อของที่ร้านแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้สักสองชั่วโมง
ดิฉันก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากเยอรมัน
เพื่อขอซื้อและเป็นตัวแทน

แม้พี่และคนอื่นๆว่าไม่เกี่ยวกัน
เพราะดิฉันติดต่อลูกค้ารายนี้หลายครั้งแล้ว
แต่ใจดิฉันว่าเกี่ยว

การหย่อนเงินลงกล่องบริจาคเป็นการส่งข้อความถึงจักรวาล
ประกาศให้จักรวาลรู้ว่า ดิฉันมีความเจริญรุ่งเรืองแล้ว
และอยู่ในกระแสของพลังการเงินอันไหลคล่อง
ดิฉันจึงดึงดูดเอาพลังการเงินเข้ามา มากขึ้นๆ

ดิฉันไม่ได้จะบอกว่าคุณผู้อ่านจะต้องหยอดเงินบริจาคทีละพัน สองพัน
ถ้าคุณยังไม่รู้สึกว่าพร้อม
หากแต่อยากจะให้คุณผู้อ่านลองฝึกนิสัยการเป็นผู้ให้ให้ติดนิสัย
เพื่อสร้างแรงดึงดูดของคุณขึ้นมา

ให้เงิน คุณได้เงิน
ให้เวลา คุณได้เวลา
ให้คำแนะนำ คุณได้คำแนะนำ

บางทีคุณอาจคิดแย้งในใจว่า จะเป็นไปได้อย่างไร
ถ้าเกิดว่าคุณให้เงินออกไปแล้วเงินคุณจะมีน้อยลงละ
คำตอบอาจจะใช่และไม่ใช่
การที่คุณให้เงินออกไป ไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะได้รับเงินกลับคืนที่มากกว่า
หากแต่ว่า...
จักรวาลจะคอยดูแลทุกสิ่งที่คุณกระทำให้รุ่งเรือง
สมกับความมีน้ำใจของคุณ

นี่คือข้อเท็จจริงที่จะนำคุณไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้
มันจะนำคุณไปสู่เส้นทางที่คุณปรารถนา
คุณจะร่ำรวยด้วยความสุขและเบิกบานอย่างแท้จริง

เกมบทที่ 9

ขอให้คุณคิดถึงบุคคลคนหนึ่งหรือหลายๆคนก็ได้
คนที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีใครบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกดีต่อเป้าหมายของคุณ ต่อความฝันของคุณ

จงมอบเงินให้แก่เขา หรือมอบบางสิ่งที่หลั่งไหลจากหัวใจคุณสู่เขา
จงอย่าขี้เหนียวที่จะมอบจำนวนเพียงน้อยนิด
จงอย่าให้ด้วยความรู้สึกขาดแคลนจนไม่กล้าที่จะให้
จงมอบโดยปราศจากการคาดหวังการตอบแทนคืนจากบุคคลคนนั้น
แต่จงคาดหวังที่คุณจะได้รับความรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์มากขึ้นๆกลับคืนสู่คุณ

หากคุณไม่พบว่าจะมีผู้ใดที่จะมอบให้
และหากดิฉันเป็นคนหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ
โปรดมอบเงินนั้นให้กับดิฉัน

ผ่านตู้รับบริจาคเพื่อเด็กยากจน มูลนิธิเพื่อสุนัขพิการและอื่นๆที่เห็นสมควร
จากนั้นจงรอคอยเก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณหว่านออกไปในจักรวาล

สาธุ

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=WLXK5nPl1V4&feature=fvwrel"]YouTube - Free Hugs เชิญ "กอด" ฟรี[/ame]
ให้กอดได้ปล่ะคะ

อะไรนะ ได้ยินคุณพูดว่า
อยากเห็นแบบนี้ในเมืองไทย รึ

มีแล้วค่ะ นี่ไง ที่ Bangkok
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=HxZ27b6N8RU&feature=related"]YouTube - Free Hugs Campaign Bangkok - Finally!!!![/ame]

มีใครอยากได้อ้อมกอดฟรีๆบ้าง ขอเสียงหน่อย
เชิญออกมา พร้อมกับป้าย FREE HUGS มาเจอกันได้เลย


disclosure:
ดูคลิปแล้วขนลุกไปหมดเลย get high ง่ายๆเลย woo hoo!!!
ถ้าใครฟุบๆอยู่ให้ดูแล้วหายเลย
ใครดีดีอยู่ก็ดูได้ ดูทุกเช้า ทุกวันของคุณจะเป็นวันใหม่สดใสจัดเต็มๆ

 

แวะมาเล่าว่า เช้านี้ ได้โอกาส ได้ ให้
ยังง่วนอยู่เลยค่ะ ขณะแว๊บมาพิมพ์อยู่นี่
คือ ได้ช่วยเพื่อน กรอกใบสมัครเปิดบัญชีฯ
เป็นภาษาอังกฤษค่ะ คือเพื่อนเขาภาษาฯไม่ค่อยแข็งแรงค่ะ
งานเราเองอาจช้าออกไปอีกหนึ่งหรือสองชั่วโมง
แต่อะไรที่งอกเงยขึ้นกับเพื่อนเราคนนั้น
คงประเมินค่ามิได้ค่ะ
ไม่ได้มาอวดค่ะ มาเชิญชวนทุกท่าน
ตื่นขึ้นมา แล้วลองหาเหยื่อ
เอ๊ยไม่ใช่ หาผู้โชคดีของท่านในวันนี้
เจอเหยื่อแล้ว กลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ รอฟังค่ะ

 

เข้ามาซึมซับแสงสว่าง ขอบคุณทุกการแบ่งปันครับ

ความรู้สึกให้ที่ออกจากใจ มันสุดยอดจริงๆ

วันไหนทำได้ เท่ากับ วันนั้นเรามีกำไรชีวิตแล้ว

เดี๋ยวต้องไปหากำไรให้กับชีวิตบ้างแล้วครับ

​

 

สำนวนการใช้คำช่างเหมาะเจาะกับเนื้อหา นับว่าเป็นนักเขียนที่ดีได้เลยครับ

ผมคนนึงครับ ที่ถูกแรงดึงดูดขั้วลบซะจนทำให้ชีวิตซวนเซไป
ถ้าไม่เจอพระธรรม คงเป็นอีกคนที่อยู่ในกลุ่ม "คนบ้า"

 

อิอิ ส่วนมากอยู่แต่บ้าน พูดให้นํ้าลายสอ เดี๋ยวต้องไปลองหาเหยื่อนอกบ้านดู วันนี้ได้นิดหน่อยเพราะไปวัดไทยที่แมรี่แลนด์ ได้ถวายอาหาร เงิน ให้ค่าตังลูกเพื่อนไปซื้อขนม นอกบ้านส่วนมากจะเจอโอมเลสบึ้กๆแถวไฟแดง ก็ให้ค่ะ\ไม่คิดไร
ขอบคุณคุณ สริสสา แลทุกท่านที่ช่วยกระตุ้นต่อมความอยาก(ให้) ฬให้แล้วมีความสุขเจงๆค่ะ ขอบอก;aa2;aa2

 

แวะมาเล่า (อีกแล้ว) ว่า ได้ไปส่งสตางค์ช่วยเหลือหัวใจเด็กน้อย
ที่ มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี
ปกติ ก็ช่วยสนับสนุนอะไรอยู่เนืองๆ
แต่อันนี้ อยากให้เครดิตเต็มๆกะกระทู้นี้ที่ให้แรงบันดาลใจค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและแบ่งปันประสบการณ์กันค่ะ

 

มาขอบคุณแทนหัวใจเด็กๆ ค่ะ
ดิฉันหวังว่าแรงบันดาลใจในการให้ของคุณ threeam และพวกเรา
จะทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้น

ขอบคุณหัวใจที่งดงามค่ะ