LOST Theory

Discussion in 'Black Hole' started by nondanun, Feb 14, 2010.

  1. nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 6, 2005
    Messages:
    5,980
    Featured Threads:
    13
    Ratings:
    +32,612
    [SIZE=-1]ข้อมูลเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กโลก

    เป็นที่ ทราบกันดีว่าชั้นของสนามแม่เหล็กโลกนั้นปกป้องโลกของเราจากกระแสพลาสมาที่ ส่งออกมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเราเรียกกันว่า “ลมสุริยะ” เราจะเห็นปรากฏการณ์ที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของสนามแม่เหล็กโลกได้จาก ปรากฏการณ์ “ออโรรา” ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ โดยลมสุริยะจะเข้ามาประทะกับอะตอมอันหนาแน่นของก๊าซที่ชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการคายพลังงานปรากฏเป็นแสงสีต่างๆ สวยงาม บริเวณแนวส่วนที่มีปรากฏการณ์ ออโรรานี้เราเรียกกันว่า “วงแหวนออโรรา” ตามรูป



    รูปแสดงวงแหวน ออโรราและสนามแม่เหล็กโลก

    ระยะเวลาหลายแสนปีที่ผ่านมา

    ขอ ตั้งสมมติฐานที่ว่าในอดีตหลายแสนปีก่อน ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นต่อระบบสุริยะของเรา (อาจเป็นดาวหางดวงใหญ่โคจรเฉียดเข้ามา หรืออาจเป็นการกระทบกันของดาวเคราะห์บางดวง หรืออาจเป็นเหตุการณ์ที่ดวงจันทร์ดาวเสาร์แตกทำลายไป หรือเกิดเหตุการณ์ที่สนามแม่เหล็กโลกสลับขั้วกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณสองสามแสนปีต่อครั้ง ฯลฯ) ทำให้เกิดความผิดปรกติของสนามแม่เหล็กโลกขึ้น และเกิดมีความหนาแน่นของสนามแม่เหล็กที่ผิดปรกติในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคตอน ใต้ ผลกระทบดังกล่าวทำให้เกิด บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กความเข้มข้นสูงครอบคลุมบริเวณเล็ก ๆ ในมหาสมุทรไว้ ภายในบริเวณดังกล่าวก็เกิดความผิดเพี้ยนของสนามแม่เหล็ก เช่นเข็มทิศจะหมุนไปมาไม่หยุดหรือชี้ไปในทิศที่ไม่ถูกต้อง เกิดการสร้างสภาวะแรงโน้มถ่วงผิดปรกติซึ่งหนุนร่วมกับแรงดึงดูดของดวงจันทร์ ทำให้มีปรากฏการณ์น้ำขึ้น น้ำลง อย่างรุน แรงผิดปรกติไปจากที่อื่น ๆ และก่อเกิดภูเขาไฟที่มีความรุนแรงมากขึ้น

    ระยะเวลาหลายพันปีต่อมา

    เนื่องจากเกิดการประทุขึ้นของภูเขาไฟอย่างรุนแรงในบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการฟอร์มตัวของเกาะที่เกิดจากลาวาและหินร้อนจากภูเขาไฟ ในบริเวณนี้เองได้ก่อเกิดเกาะที่ลึกลับขึ้น โดยสภาพของเกาะก็มีภูมิประเทศที่ผิดจากเกาะหรือแผ่นดินทั่วไปคือ เป็นเกาะที่มีภูเขาสูงชันและมีหน้าผาเป็นหุบเหวลึก มีพื้นราบเล็กน้อย

    ระยะเวลา 12,000 ถึง 10,000 ปีก่อนคริสตกาล

    สำหรับ นักเดินเรือโบราณที่ท่องไปในทะเลยุคนั้น เกาะลึกลับนี้ก็ได้ถูกค้นพบและเนื่องจากมีพลังอำนาจที่ผิดธรรมชาติ ชนเผ่าโบราณก็ตระหนักถึงการมีอยู่ของพลังและความลึกลับ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงไปสู่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิและเรื่องภูติผี สัยศาสตร์ต่าง ๆ และอาจเป็นไปได้ว่าชนเผ่าโบราณได้จัดสร้างสถานที่หรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ไว้ เพื่อเป็นที่สำหรับสักการะบูชาเทพเจ้า และเพื่อขออนุญาติในการศึกษาความลึกลับต่างๆ บนเกาะ แต่อย่างไรก็ตาม คงมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ชั่วร้ายรุนแรงทำให้ชนเผาโบราณต้องออกไปจากเกาะ และได้มีการก่อสร้างรูปปั้นขนาดยักษ์บนชายฝั่งของเกาะแห่งนี้เพื่อจะเป็นจุด สังเกตุให้กับคนอื่น ๆที่อาจเดินทางผ่านมา ไม่ให้เข้ามาไกล้หรือเข้ามาที่เกาะซึ่งอาจนำความหายนะมาให้ได้ สัณณิฐานว่ารูปปั้นขนาดยักษ์นี้ไม่ใช่เป็นรูปมนุษย์แต่เป็นรูปของสิ่งที่มี ความน่ากลัวอย่างมาก เอาไว้เตือนคนที่พบเห็น จากรูปที่เห็นในปัจจุบัน เป็นเท้าขนาดยักษ์ที่ใส่รองเท้าแตะและมีสี่นิ้ว


    รูปปั้นขนาดยักษ์อาจเป็นแบบนี้


    ช่วงปลายทศวรรษที่ 1800

    ใน ช่วงทศวรรษที่ 18 มีอดีตกัปตันเรื่องและเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่นาม แม็คนัส ฮันโซ ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มการค้าอังกฤษที่มีชื่อว่า นิวเวิร์ล ซี เทรดเดอร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการค้าทาสในยุคนั้น บริษัทของ แม็คนัสได้เข้าบริหารท่าเรือที่ 18 ถึงท่าหมายเลข 27 ใน พอร์ทเม้าท์ ประเทศอังกฤษ และมีกองเรือในสังกัด 15 ลำ สามลำเป็นเรือค้าทาส แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวการค้าทาสได้ถูกยกเลิกไปในแถบยุโรปและอเมริกาแล้ว แต่ในแถบมหาสมุทรอินเดีย การค้าทาสยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในเรือค้าทาสของ แม็คนัส มีชื่อว่า เรือแบล็คร็อค เป็นเรือที่มีลูกเรือประจำการ 40 คน และมีทาสอีกจำนวนหนึ่ง ในเวลาที่ แม็คนัส ไม่ได้แล่นเรือก็เป็นที่รู้กันว่าเขาได้พำนักอยู่ที่คฤหาสในกรุงลอนดอน


    เรือพาณิชย์โบราณ


    ปี คศ 1882

    แม็ค นัส ฮันโซได้ล้มเลิกกิจการ และล้มละลาย เขาขายทรัพย์สินที่มีอยู่ใน นิวเวิร์ล ซี เทรดเดอร์ พร้อมเรือ 15 ลำให้กับกลุ่มการค้า อีส โอเชียน เทรด กลุ่มผู้ซื้อนี้เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดยักษ์ที่รับช่วงธุรกิจต่อและแปลงเรือค้า ทาส เรือรบให้กลายเป็นเรือพาณิชย์ยุคใหม่ แต่การณ์นี้ก็ไม่ได้หยุด แม็คนัส เขายังได้ดำเนินธุรกิจต่อโดยเป็นผู้นำในการเดินเรือผจญภัยและค้าขายอีกหลาย ปีต่อมา นอกจากนี้ก็ยังค้าขายทาสแบบใต้ดินอีกด้วย



    เรื่อ แบล็ค ร็อคได้ออกจากท่าหมายเลข 23 จากท่าพอร์ตเม้าท์ มุ่งหน้าสู่ทวีปแอฟริกาเพื่อแลกเปลี่ยนแร่จากอินโดนีเซียและทองจากปาปัว นิวกินี แต่เป็นที่ทราบกันว่าเรือแบล็ค ร็อคกลับมีทาสอยู่เต็มเรือ? จากการบัญชาการโดย แม็คนัส และลูกชาย เรือแบล็ค ร็อคได้ใช้เวลาหลายปีในการค้าทองที่มหาสมุทรอินเดีย ตอนใต้ ในช่วงเวลานี้ แม็คนัส คงได้พบกับมหาราชาแห่งอินโดนีเซีย บาหลี ในกลางทศวรรษที่ 1800 ได้เกิดสงครามรบพุ่งขึ้นหลายครั้งในอาณาจักรบาหลี ในที่สุดมหาราชาและราชวงศ์ก็ล่มสลายไป


    เส้นทางการเดินเรือจากพอร์ตเม้าท์ไปอินโดนีเซีย




    อนาจักรบาหลีโบราณ

    ใน ช่วงที่แม็คนัสพำนักอยู่ที่นี่ เขาได้เรียนรู้เรื่องราวของ ฮินดูและแนวทางธรรมะ นอกจากนี้เขายังได้ค้นพบหรือมีการได้มาของแผนที่การเดินเรือยุคโบราณที่นัก เดินเรือโบราณได้ใช้นำทาง ซึ่งแสดงตำแหน่งของเกาะลึกลับดังกล่าว เรือแบล็ค ร็อคก็ออกเดินทางอีกครั้งมุ่งหน้าไป ปาปัวนิวกินี ในระหว่างเดินทาง ก็ทราบว่าเรือแบล็ค ร็อคได้แล่นออกจากท่าและมุ่งหน้าฝั่งตะวันออก ซึ่งแทนที่จะมุ่งหน้าไปตะวันตกสู่แอฟริกา จนในที่สุดเรือแบล็ค ร็อคก็หายสาปสูญไป ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นอีกเลย



    บน เรือแบล็ค ร็อคได้บรรทุกทาสอยู่จำนวนหนึ่งและได้นำ ไดนาไมท์ไปด้วย ลูกชายของแม็คนัส อาจมีหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะการใช้งานไดนาไมท์ก็เป็นได้
    จากการยืนยันโดย ราเชล แบล็ค ในวิดิโอ Lost Experience ที่ว่า อัลวา ฮันโซ มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับบรรพบุรุษของเขาในการค้าทาสและธุรกิจเดินเรือ ซึ่งเป็นหลักฐานแวดล้อมที่ยืนยันได้ว่า แม็คนัส เป็นเจ้าของเรือและเรือดังกล่าวไม่ใช่เรือสำหรับบรรทุกนักโทษแต่เป็นเรือค้า ทาส ดังนั้นก็หมายความว่า เขาไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุระเบิดที่อยู่บนเรือแต่อย่างใด แต่เขามีความพยายามที่จะค้นหาเกาะลึกลับโดยอาศัยแผนที่การเดินเรือโบราณ เพื่อค้นหาความลับของพลังในการมีชีวิตยืนยาวและบรรเทาความเจ็บป่วย (รักษาความเจ็บป่วยให้หาย เช่นกรณีของล็อค) ซึ่งซ่อนอยู่ในป่าลึกบนเกาะ

    เป็น ที่รู้กันว่ารูปปั้นยักษ์ขนาด 30 ฟุตที่ชนเผ่าโบราณได้สร้างไว้บนเกาะเพื่อเตือนไม่ให้ใครรุกล้ำเข้ามาใกล้ ได้บรรจุความลับหรือปริศนาที่จะนำไปสู่การไขความลับบนเกาะ มีหลายคนได้พยายามค้นหาเกาะลึกลับและบางคนก็ค้นพบเบาะแสเชื่อมโยงไปสู่พลัง พิเศษ แต่ก็ไม่มีใครได้กลับออกมาอีกเลย

    ในการเดินทางผจญภัยของเรือ แบล็ค ร็อคได้ประสบกับพายุใหญ่และพัดพาให้เรือออกนอกเส้นทางและสูญเสียระบบนำร่อง ไป หลังจากพายุสงบลงก็ได้มาพบกับเกาะที่กำลังค้นหาโดยโชคชะตาที่น่าประหลาดใจ จากทฤษฎีน้ำขึ้นน้ำลงและความผิดปรกติของระดับน้ำทะเลบนเกาะนี้ เชื่อได้ว่า ขณะที่เรือ แบล็ค ร็อคแล่นเข้าสู่เกาะ ระดับน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงสุดพอดี ทำให้เรือสามารถแล่นลึกเข้าไปในเกาะได้และทอดเสมออยู่บริเวณเชิงเขาภายใน เกาะ ลูกเรือก็ได้สำรวจลึกเข้าไปในเขตที่ แดเนียล รุซโซ กล่าวว่าเป็นเขต Dark Territory และจะนำความเจ็บป่วยมาสู่คนที่เข้าไปในเขตนั้น

    ในขณะเดียวกัน ระดับน้ำทะเลก็ลดระดับลงอย่างมากอีกครั้ง ทำให้เรือ แบล็ค ร็อคต้องติดอยู่ภายในนเกาะตลอดไป



    เหตุการณ์ น้ำทะเลขึ้นลงอย่างผิดปรกติก็ได้เกิดขึ้นอีก (แต่ไม่รุนแรงเท่าอดีต) ในตอนหนึ่งของ Lost Season 1 ซึ่งชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเที่ยวบิน โอเชียนิค แอร์ไลน์ 815 ถูกน้ำและคลื่นโถมอย่างรุนแรงพัดพาชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่ลงทะเลไป พวกที่รอดตายก็พยายามวิ่งขึ้นไปบนที่สูงกว่าบนชายฝั่งเพื่อไม่ให้คลื่นซัดลง ทะเลไป


    รูปแสดงเหตุการณ์ที่เรือแบล็ค ร็อคติดอยู่บนเกาะได้อย่างไร


    อาจ เป็นไปได้ว่า ลูกเรือของ แบล็ค ร็อคได้เดินสำรวจเกาะและค้นพบรูปปั้นยักษ์ ซึ่งพวกเขาได้ใช้ระเบิดที่นำมากับเรือ ระเบิดรูปปั้นเพื่อค้นหาเบาะแสที่จะนำไปสู่การค้นพบพลังลึกลับบนเกาะก็เป็น ได้ หลังจากนี้เราก็ไม่มีทางทราบได้ว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างกับลูกเรือและพวกเขาค้นพบอะไร คาดเดาว่า แม็คนัสและลูกชายได้ค้นพบบางส่วนของความลับในการมีชีวิตยืนยาว และสุดท้ายแม็คนัส ฮันโซก็จบชีวิตลงบนเกาะ ศพของเขาได้รับการฝังใกล้ ๆ กับเรือแบล็ค ร็อค ซึ่งยืนยันได้จากข้อความที่ แคลวิน เขียนบนประตูนิรภัยของสถานี สวอน


    เรือแบล็ค ร็อคที่ถูกค้นพบโดย แดเนียล รุสโซ

    ก่อนวาระ สุดท้ายของแม็คนัส ลูกชายของเขาคงค้นพบทางที่จะออกไปจากเกาะและพลังของกระแสแม่เหล็กที่ล้อมรอบ เกาะ ลูกชายของแม็คนัสได้นำความลับของเกาะไว้กับเขาและตกทอดไปสู่ทายาทของเขา


    ภาพขยายข้อความบนประตูนิรภัย ที่เกี่ยวกับการตายของแม็คนัส ฮันโซ


    ช่วงระหว่างปี คศ 1900

    ใน ระหว่างปลายปี 1930 หลานชายของแม็คนัส ซึ่งก็คือ อัลวา ฮันโซ เริ่มต้นมีชื่อเสียงขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเขาได้ผลิตยุทธปัจจัยให้กับรัฐ ภายหลังสงคราม อัลวา ก็กลายเป็นผู้นำในการผลิตยุทธปัจจัยทางสงครามให้กับ NATO การที่เป็นผู้ผลิตอาวุธและยุทธปัจจัยรวมถึงระเบิด กลายเป็นเรื่องของธุรกิจของตระกูลมาแต่ยุคก่อน ๆ ในช่วงเวลานี้เข้าใจว่าความลับเรื่องการมีอยู่ของเกาะลึกลับ พลังที่ทำให้มีชีวิตยืนยาว ยังเป็นความลับไม่ตกมาถึงเขา แต่อัลวา ก็มีการทำธุรกิจที่เชื่อมโยงอยู่กับกลุ่มธุรกิจใหญ่อีกสองกลุ่มคือ กลุ่ม ปาร์ค เฮฟวี่อินดัสตรีและกลุ่มวิทมอร์ คอร์ปอเรชัน ต่อมาน่าจะเป็นไปได้ว่า อัลวาได้ล่วงรู้ความลับเรื่องเกาะมาบ้าง ทำให้เขาเริ่มก่อตั้งมูลนิธิ ฮันโซขึ้น เพื่อที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ของข้อมูลที่เขาได้มา



    อัล วา ฮัลโซ เป็นผู้ต้นคิดและก่อตั้ง เป็นผู้บริหารสูงสุดของมูลนิธิ ฮันโซ ซึ่งจะมุ่งไปที่การศึกษาค้นคว้าวิธีที่จะทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น การปรับปรุงพัฒนาพันธุกรรม และการสร้างสังคมแบบยูโธเบียขึ้น เขาได้มุ่งเน้นการวิจัยอย่างต่อเนื่องในด้านการพัฒนามนุษยชาติและสนับสนุน การวิจัย วิทยศาสตร์บริสุทธิ เพื่อสร้างแนวทางที่ดีกว่าในการดำรงชาติพันธ์มนุษย์ไว้ ในช่วงเวลานี้ อัลวาได้ก่อตั้ง สถาบันสุขภาพจิต ซานตา โรซา ขึ้นเพื่อมุ่งศึกษา อาการเจ็บป่วยทางจิตใจและช่วยหาทางบำบัดให้กับมนุษย์

    ปี คศ 1950

    กลุ่ม ธุรกิจ อีส โอเชียน เทรด ถูกซื้อโดยกลุ่ม อัลวาและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น อัลไลน์ โคเปนเฮเกน มารีน เมอร์ชานต์ ทำให้อัลวา ได้กลับเข้ามาสู่ธุรกิจดั้งเดิมของพ่อและบรรพบุรุษของเขาที่ได้ทำมาในอดีต

    ปี คศ 1960

    ช่วง วัยกลางคนของอัลวา หรือราวต้นปี 1960 นี้ เขาก็ได้รับการหว่านล้อมในเรื่องของเกาะลึกลับที่มีข้อมูลส่วนที่ยังขาดไปใน การปลดล็อคของความลับในการมีชีวิตยืนยาว ปัญหาอย่างหนึ่งคือ เขายังไม่ทราบจุดที่ตั้งที่ชัดเจนของเกาะลึกลับว่าอยู่ที่ใด และเทคโนโลยีในยุคนั้นก็ยังไม่สามารถจะช่วยค้นหาเกาะลึกลับได้

    ปี คศ 1962

    ใน ปีนี้ได้เกิดวิกฤตการณ์ คิวบา ที่เกือบจะทำให้สหรัฐอเมริกาและสหภาพ โซเวียตก่อสงคราม นิวเคลียร์ล้างโลกขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว มหาอำนาจทั้งสองได้ตกลงที่จะใช้ความพยายามร่วมกัน ที่จะทำให้แน่ใจว่า เหตุการณ์ขัดแย้งดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก นักวิทยศาสตร์และนักกลยุทธทั้งหลายจากทั่วโลกได้ก้าวเข้ามาร่วมทำงาน ในแผนที่จะมั่นใจได้ว่า มนุษย์ชาติจะยังคงอยู่รอดไปได้ในโลกนี้

    นัก คณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน นามว่า เอนโซ วาเลนเซตติ ได้รับการร้องขอจาก สหประชาชาติ ในการคิดค้น อัลกอริธึมอันสลับซับซ้อน (อาจเรียกได้ว่าเป็น จุดเริ่มของคณิตศาสตร์พยากรณ์หรือ วิชาการด้านอนาคตประวัติศาสตร์ (psychohistory) ตามที่ ฮาริ เซลดอน แห่งสถาบันสถาปนาได้คิดขึ้นในอีกพันปีต่อมา ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณที่ซับซ้อน ซึ่งสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ) เพื่อใช้ในการคำนวณและพยากรณ์ล่วงหน้าถึงวันสิ้นโลก ตามธรรมดาการคำนวณและวิเคราะห์โดยอาศัย ระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย เราก็จะได้ผลลัพธ์ที่เป็นตรรกะและชัดเจนตามข้อมูลที่ใส่เข้าไป แต่เนื่องจากการคำนวณเรื่องอนาคต จำเป็นต้องนำเอาเรื่องของสภาพจิต (เจตคติ) มนุษย์มาเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยในการคำนวณด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้แม่นยำขึ้น ดังนั้นการคำนวณด้วยสมการของ เอนโซ วาเลนเซตตินั้นต้องการส่วนประกอบพิเศษ คือ ปัจจัยด้านกระบวนความคิดหรือสภาพจิตใจที่จะเป็นผลปัจจัยเข้าไปรบกวนและ เปลี่ยนแปลงผลการคำนวณ



    ดัง นั้น สมการของ เอนโซ วาเลนเซตติ มีความสามารถในระดับการหาผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ที่แม่นยำต้องอาศัยมนุษย์ที่ มีความสามารถพิเศษทางจิตเข้ามาช่วยเท่านั้น เช่นคนที่เป็นออทิสติกซึ่งจะมีความปราชเปรื่องอัจฉริยะเรื่องการคำนวณ ปัจจัยอีกประการหนึ่งคือ เวลา การคิดค้นอัลกอลิธึมที่สลับซับซ้อนต้องอาศัยเวลาหลายปีและนักวิเคราห์ระดับ อัจฉริยะหลายคน

    เป็นที่ยืนยันจาก ราเชล แบล็ค ในวิดิโอ Lost Experience ที่ว่า สมการของ วาเลนเซตติ ต้องการอัจฉริยะที่มีความพิเศษหลายคน (กลุ่มคนออทิสติก ที่เชี่ยวชาญการคำนวณในระดับเทพ) เข้ามาช่วยคิด จากการที่มีทรัพยากรไม่จำกัดและการทุ่มงบประมาณในการนี้ อัลวา ได้หนุนหลังและสนับสนุน วาเลนเซตติ เพื่อให้สามารถหาผลลัพธ์ที่ไกล้เคียงมากที่สุด โครงการ Mathematical Forecasting Initiative ก็ได้กำเนิดขึ้น โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะใช้การคำนวณ เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าและแนวโน้มในอนาคต โดยการวิเคราะห์สถานะปัจจุบันและสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์เพื่อการคำนวณ





    อัล วา ได้จัดสร้างพื้นที่เล็ก ๆ อย่างลับ ๆ ใน สถาบันสุขภาพจิต ซานตา โรซาและอีกสถานที่หนึ่งคือ สถาบัน วิค เพื่อที่จะใช้สำหรับนำผู้ที่มีความสามารถพิเศษเช่น กลุ่มอัฉริยะ ออทิสติก (คนที่เคยดูเรื่อง A Beautiful Mind คงรู้จักคนกลุ่มพิเศษนี้) เข้ามาช่วยในการคำนวณหาสมการ โดยพื้นฐานของ สมการ วาเลนเซตติ เป็นการพิจารณาจาก แกน สถาวะแวดล้อมที่จะก่อให้เกิดการทำลายตัวเองของมนุษยชาติ ดังนี้

    ปัจจัย: สภาพแวดล้อม
    สงครามทั่วไป
    สงครามเคมี
    สงครามนิวเคลียร์

    ปัจจัย: มนุษย์
    ประชากรล้นโลก
    โรคระบาด, โลกร้อน
    เหตุทางชีววิทยา

    ข้อมูล เกี่ยวข้องกับมนุษยชาตินั้นได้รวบรวมมาจากปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้น ซึ่งจะนำไปกรอกลงในสมการคำนวณ การใช้ แกน สภาวะแวดล้อมปัจจุบันและปัจจัยที่เกี่ยวข้องด้านมนุษย์ได้นำมาสู่ค่าตัวเลข ชุดหนึ่ง แต่ละค่าจะแทนด้วยแต่ละปัจจัย คือ 4, 8, 15, 16, 23, 42




    หลัง จากที่ตัวเลขเหล่านี้ถูกค้นพบ การคำนวณตามสมการในขั้นตอนต่อไปของ วาเลนเซตติก็จะได้ผล ซึ่งจะสามารถทำนายอนาคตของมนุษยชาติได้ เหล่าอัจฉริยะออทิสติกผู้ปราชเปรื่องก็จะมุ้งเน้นไปยังการคำนวณของชุดตัวเลข ใหม่เทียบกับการคำนวณจากชุดตัวเลขจำนวนปี และผลที่ได้ก็เป็นที่น่าแปลกใจแก่อัลวาและทีมของเขา ผลที่ได้ทำนายถึงจำนวนปีและเดือนที่แน่นอนจนกระทั่งถึงวันที่มนุษย์ทำลาย ล้างตัวเอลและโลกทั้งมวล


    ในเรื่องวันสิ้นโลกนี้ เป็นการยากที่เราจะทราบว่าองค์ประกอบสุดท้ายคืออะไรกันแน่ที่เป็นเหตุให้ เกิดการทำลายล้างในอนาคต แต่สมการก็ได้ให้เบาะแสมาอันหนึ่ง
    ประการแรก เป็นที่ปรากฎว่า ตัวเร่งปฏิกริยาสุดท้ายอาจเป็นสภาวะแวดล้อมทั้งมวล, ธรรมชาติของโลกและสนามแม่เหล็ก ข้อมูลของ วาเลนเซตติ แสดงว่า สถานะการของสนามแม่เหล็กที่ผิดปรกติอย่างรุนแรงได้เกิดขึ้นแล้ว แต่เหตุการณ์นี้หรือจะเป็นตัวเร่งให้มนุษยชาติกระทำ หรือเป็นตัวเร่งให้ธรรมชาติทำงาน สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบในเวลานั้นคือ มีความเป็นไปได้ว่าชั้นบรรยากาศของสนามแม่เหล็กโลกได้ลดระดับลงมาซึ่งจะเกิด ผลร้ายขึ้น



    จาก จุดที่ทราบล่วงหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการย้อนรอยทางวิศวกรรม ของสถานการณ์ดังกล่าว ก็พบว่าได้มีการก่อตัวที่ผิดปรกติของชั้นบรรยากาศสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ ตระหนักถึงการมีอยู่ของวงแหวน ออโรราวงที่สามที่เกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ นัดวิเคราะห์แสดงผลออกมาว่า การมีอยู่ของสนามแม่เหล็กที่ผิดปรกตินี้ จะทำให้สนามแม่เหล็กโลกขาดความสมดุลอย่างช้า ๆ และเป็นไปได้มากว่า สนามแม่เหล็กโลกอาจพังทลายลงเนื่องจากสถาวะผิดธรรมชาติ ซึ่งผลที่ตามมาก็จะกระทบกับทุกชีวิตบนโลกและเป็นไปได้ว่าจะเป็นตัวเร่งปฎิ กริยาตัวสุดท้าย ทำให้เข้าสู่การทำลายล้างตามที่ได้แสดงในสมการของ วาเลนเซตติ


    อัลวา ฮันโซ ในวิดีโอปฐมนิเทศ

    อัล วา ได้รับการหว่านล้อมว่า แหล่งที่มาของสภาวะผิดปรกติของสนามแม่เหล็กโลกนี้อยู่บริเวณเกาะลึกลับนั่น เอง ความพยายามบรรเทาตัวเร่งปฏิกริยานี้อาจทำได้สองแนวทาง

    1 วงแหวน ออโรราวงที่สามที่อยู่บริเวณ มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้จะต้องถูกสลายลง หรืออย่างน้อยจะต้องถูกควบคุมให้มีความสมดุล

    2 ทุกชีวิตบนโลกจำเป็นต้องถูกปรับปรุง หรือพัฒนาให้สามารถอยู่ภายใต้สถานะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนไปหรือลดลงจากเดิม

    สมการ วาเลนเซตติ คำนวณผลได้อย่างละเอียดและชี้ให้เห็นว่า ปัญหาของสนามแม่เหล็กเป็นปัจจัยสุดท้ายที่เป็นตัวเร่งเหตุการณ์ที่จะก่อให้ เกิดการสิ้นโลกได้ อัลวา ยังตระหนักว่าหนทางเดียวที่จะสามารถช่วยให้มวลมนุษย์อยู่รอดปลอดภัยนั้นอยู่ บนเกาะลึกลับนั่นเอง ในช่วงเวลานี้ อัลวาก็ได้เริ่มโครงการในการศึกษาและพยายามที่จะแก้ปัญหาในประเด็นเรื่อง สนามแม่เหล็กโลก ดังนั้นโครงการ Electromagnetic Research Initiative (ERI) ก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้น




    โครงการต่าง ๆ ที่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมูลนิธิ ฮันโซ


    ใน ปี คศ. 1967 อัลวา ฮันโซ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ สหประชาชาติ ในเรื่องของการค้นพบ ของ วาเลนเซตติและการลดลงของบรรยากาศสนามแม่เหล็กโลก และเขาได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีอำนาจทำทุกวิถีทางที่จำเป็นในการปกป้อง โลกไว้ “ จากรุ่งอรุณของมนุษยชาติ ผู้คนได้รับพรในการใฝ่รู้ กระหายใคร่รู้ ซึ่งเป็นพรอันวิเศษ ซึ่งเป็นความปรารถณาให้ต้องรู้มากขึ้น ให้มองไปยังเบื้องหน้า พิจารณาและยอมรับในข้อเท็จจริง และจินตนาการในสิ่งที่เป็นไปได้” อัลวา ฮันโซ กล่าวไว้ในที่ประชุม UN Security Council, 1967 จากความเข้าใจอย่างถ่องแท้และการสนับสนุนของ สหประชาชาติ อัลวา เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักคิดที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก

    สหประชาชาติ ปี 1967


    ต่อ มาได้มีการร่วมทุนระหว่างมูลนิธิ ฮันโซ, ปาร์ค เฮฟวี่อินดัสตรี และ วิทมอร์ คอร์เปอร์เรชันขึ้น ตระกูล วิทมอร์เป็นผู้กุมบังเหียนของกลุ่มการค้า วิทมอร์ ซึ่งมีบริษัทในเครือหลัก ๆ คือ วิทมอร์ คอนสตัคชันและ วิทมอร์ แลป ชาร์ล วิทมอร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งบริษัท วิทมอร์ คอนสตัคชันนี้เปรียบเสมือนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำกิจการหลายอย่าง ไม่เว้นแม้แต่อุปกรณ์ตรวจสอบการตั้งครรภ์



    อุปกรณ์ตรวจครรภ์ด้วยตนเองจาก วิทมอร์ แลป

    ปาร์ค เฮฟวี่อินดัสตรี (PHI) เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตและอยุ่ภายใต้การบริหารที่ยิ่งใหญ่ของ ปาร์ค มินซู ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของวงการอุตสาหกรรม ปาร์ค มีบุตรีคนหนึ่งชื่อ ซัน ต่อมาได้แต่งงานกับ จิน โซ วอน


    ปาร์ค มินซู พ่อของซัน


    ซัน บุตรีของ ปาร์ค มินซู เจ้าพ่อแห่งปาร์ค เฮฟวี่อินดัสตรี

    ใน การร่วมทุนครั้งนี้ได้มีการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ โดยแบ่งเป็น มูลนิธิ ฮัลโซ ควบคุมและดูแลโครงการทั้งหมดและรวมถึงการปฏิบัติงานในโครงการ ปาร์ค เฮฟวี่อินดัสตรี เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ทางอุตสาหกรรมและวัตถุดิบทั้งหมด วิทมอร์ คอนสตรัคชัน เป็นผู้ดูแลจัดหาอุปกรณ์ทาง อิเล็คทรอนิคและเทคนิคทั้งหมด วิทมอร์ แลป เป็นผู้จัดหาเคมีภัณท์และยา ในการทำงานร่วมกันของทั้งสามกลุ่มบริษัท เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาและเยียวยาสถานการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าอนาคตจะยังมีมนุษยชาติต่อไป


    ดร. เจอราร์ล และ คาร์เรน เดอร์กรูธ

    ดร. เจอราร์ล และ คาร์เรน เดอร์กรูธ ผู้ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในยุคนั้นได้ค้นพบและริเริ่ม การทกลองผลกระทบของมนุษยชาติต่อบรรยากาศสนามแม่เหล็กโลก โดยพวกเขาได่ก่อตั้ง โครงการ D.H.A.R.M.A initiative ขึ้น



    DHARMA เป็นตัวอักษรที่มาจาก Department of Heuristic and Research on Material Applications อัลวา ได้เลือกคำนี้มาใช้อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ชื่อนี้นำเสนอ องค์ความรู้ที่ได้มาจากบรรพบุรุษย์ของตนนั่นเอง คำว่า Dharma เปรียบเสมือนกับคำอธิบายที่ว่า เป็นหนทางอันถ่องแท้ (ตามพุทธศาสนา คำว่า ธรรมะ หมายถึง การกำหนดรู้ตามจริง)



    โครงการ DHARMA Initiative ประกอบด้วยพนักงานของมูลนิธิ ฮันโซ, วิทมอร์และปาร์ค แต่มีการดูแลและรับผิดชอบคนละส่วนแยกจากกัน ซึ่ง อัลวา ฮันโซ เป็นผู้เลือกพนักงานจากมูลนิธิ ฮันโซ เพื่อให้เข้าร่วมโครงการด้วยตัวเองเขาเอง พวกที่เข้าร่วมโครงการเหล่านี้เรียกตัวเองว่า Hanso Group (H.G) และอยู่ภายใต้ผู้นำโครงการคือ ดร. เจอราร์ล และ คาร์เรน เดอร์กรูธ

    จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่นำมาใช้งาน ทำให้ DHARMA Initiative ได้ค้นพบที่ตั้งของเกาะลึกลับและสามารถที่จะเข้าถึง ศึกษาความลับต่าง ๆ ที่มีอยู่ ทีมสำรวจจาก D.I.H.G (Dharma Initiative Hanso Group) ได้จัดสร้างแผนที่ของเกาะขึ้นและพิจารณาถึงตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมในการ ก่อสร้าง สถานที่สำหรับการทดสอบวิจัยของ วาเลนเซตติ อุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมสนามแม่เหล็ก ได้ถูกติดตั้งขึ้นบนเกาะโดย D.I.H.G เพื่อที่จะได้ควบคุมสถานะที่ไม่แน่นอนของสนามแม่เหล็กในอาณาบริเวณนี้ (วงแหวนออโรรา วงที่สาม) โดยมีการลดและควบคุมไม่ให้การผิดปรกติของสนามได้บางส่วน แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ในระหว่างช่วงที่มีการทดสอบอุปกรณ์ตรวจจับสนามแม่เหล็กก็ได้เกิดอุบัติเหตุ ขึ้น ทำให้มีผลต่อสนามแม่เหล็กรอบเกาะและวงแหวนออโรรารอบ ๆ เกาะเกิดการคายสนามแม่เหล็กอย่างรุนแรง เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลต่าง ๆ ตามมามากมายในโลก ดูเหมือนว่าในภาวะปรกติ สนามแม่เหล็กบริเวณเกาะมีความผิดปรกติและมีความไม่เสถียรอย่างมาก ดังนั้นจึงมีการใช้อุปกรณ์ควบคุมความไม่เสถียรดังกล่าว ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย และได้มีการกำหนดวิธีการที่จำเป็นในการควบคุมสภาวะดังกล่าวโดย ใช้การป้อนรหัสตัวเลขที่ต้องป้อนลงในระบบทุก ๆ 108 นาทีซึ่งจะทำให้เชื่อได้ว่า สนามแม่เหล็กจะคงสภาพในระดับที่ปลอดภัย

    อัล วา ฮันโซ ได้พิจารณาที่จะมุ่งความพยายามไปสู่การพัฒนามนุษยชาติ โดยจัดทำเกาะแห่งนี้ให้อยู่ในสถานะเริ่มต้นของสังคมยูโธเปีย ซึ่งเป็นที่ ๆ มนุษยชาติที่ได้รับการปรับปรุงแล้วสามารถอยู่ได้ ภายใต้การโจมตีของสถาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง แต่สำหรับ ชาร์ล วิทมอร์แล้ว เขามีแผนที่จะทำอย่างอื่นแตกต่างไปจากจุดประสงค์ของ อัลวา


    เบนจามิน ไลนัส หนึ่งใน Other

    เบน จามิน ไลนัส ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำได้เสนอตัวที่จะเข้ามาทำงานที่เกาะนี้ เพื่อศึกษาถึงผลกระทบของสนามแม่เหล็กที่กระทำต่อสมองมนุษย์ ในช่วงเวลาต้นปี คศ 1970 สถานีวิจัยค้นคว้าใต้ดินก็ได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์คือ

    - เพื่อจัดการควบคุมสภาวะแวดล้อมและปัจจัยมนุษย์ ในเรื่องที่จะเปลี่ยน core numerical factors

    - เพื่อศึกษาผลกระทบของสนามแม่เหล็กต่อสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ

    เครื่อง ส่งวิทยุได้ถูกติดตั้งขึ้นบนเกาะและส่งกระจายเสียงในระบบเข้ารหัสความถี่และ เข้ารหัสข้อมูล ถ้ามีทีมใดสามารถเปลี่ยนแปลงค่าตัวเลขใด ๆ ใน core value ได้ พวกเขาก็จะส่งข้อมูลน้ออกไป

    ในปี คศ. 1975 วิดิโอ ปฐมนิเทศน์ (Orientation) ได้ถูกบันทึกขึ้น ซึ่งอัลวา ฮันโซ เองเป็นผู้ดำเนินเรื่อง วิดิโอดังกล่าวได้ใช้สำหรับฉายแนะนำให้แก่ผู้ที่จะมาปฏิบัติงานบนเกาะ อธิบายถึงเรื่องของโครงการ dharma initiative

    การทดลองหลากหลายรูป แบบก็ได้เริ่มจัดทำขึ้นภายในสถานีทดลองบนเกาะ โครงการต่าง ๆ มีทั้งทดลองการกระทำต่อมนุษย์ สัตว์และรวมถึงสิ่งมีชีวิตในทะเลด้วย และได้มีการบันทึกผลต่างๆ และรายงานเก็บไว้ คนงานที่ทำงานในแต่ละสถานีและคณะวิจัยก็ทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งทำให้เกิดความเครียดและเกินความทนทานของคนทั่วไป (ทั้งนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่นการที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวบนเกาะเป็นเวลานาน) ทำให้บางครั้งการปฏิบัติการก็ต้องหยุดลง มีการค้นพบว่า จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานเพื่อให้การทดลองเป็นไปอย่างไม่ ติดขัด ดังนั้นจึงมีการจัดตั้งสถานีทดลองด้านจิตวิทยาขึ้น เพื่อช่วยเหลือพนักงานและทีมวิจัยที่ปฏิบัติงานอยู่ ในเวลาเดียวกันนี้ มีบริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่แถบ ซานฟราน ซิสโกซื่อว่า บริษัท อพอลโล แคนดี้ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิต ช็อคโกแล็ตแท่งยอดนิยม ยี่ห้อ อพอลโล บริษัทนี้ได้เกิดปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง ซึ่งต่อมา อัลวาได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือไม่ให้ล้มละลาย จากนั้นมูลนิธิ ฮันโซ ก็ได้จัดทำ ช็อคโกแล็ตแท่งรุ่นใหม่จาก อพอลโลซึ่งมีส่วนผสมพิเศษแจกจ่ายให้กับพนักงานต่างๆ ที่ทำงานอยู่บนเกาะ (อาจเป็นการผสมกับยาออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท) ทำให้คนงานทั้งหมดรู้สึกผ่อนคลายและสามารถทำงานได้ตามที่มอบหมายไม่มีการ แข็งขืนสติแตกและควบคุมได้ ซึ่งเป็นเสมือนการสะกดให้ทุกคนตระหนักถึงการทำงานว่า การที่มาทำงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้มนุษยชาติอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุข ทุกคนที่มาทำงานนี้เป็นคนที่ดี

    แท่ง ช็อคโกแล็ต อพอลโล ที่ช่วยผ่อนคลาย

    ในปี คศ. 1980 จากส่วนหนึ่งของการวิจัยทางจิต ได้มีการจัดทำวิดิโอ ปฐมนิเทศน์อีกชุดหนึ่ง สำหรับใช้ทำการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมและจิตของมนุษย์ซึ่งเก็บไว้ที่สถานี สวอนและสถานีเพิร์ล เป็นเวลากว่าปีในการวิจัยบนเกาะ ได้มีการจัดทำเรื่องที่เกี่ยวกับสนามแม่เหล็กเช่น

    - ผลของสนามแม่เหล็กที่กระทำต่อโครงสร้าง DNA ของสิ่งมีชีวิต

    - ผลของสนามแม่เหล็กที่กระทำต่อระบบเนื้อเยื่อ และประสาท รวมถึงส่วนเชื่อมโยงของระบบประสาทในสมอง ที่จะสามารถทำให้เกิดความผิดปรกติต่อจิตใจ ของผู้ที่อยู่ในสนามแม่เหล็กดังกล่าว

    - การทดลองสนามแม่เหล็กที่กระทำเสมือนเป็นหน่วยความจำและแหล่งพลังงานของความ ทรงจำ ที่จะบันทึกและแสดงประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไว้ได้ เสมือนมีเหตุการณ์นั้น ๆ อยู่ตรงหน้า

    จากการทดลองพบว่า มนุษย์ไม่สามารถทนอยู่ภายใต้สนามแม่เหล็กเข้มข้นเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดความผิดปรกติของสมอง ผลที่เกิดขึ้นคือ ทำให้เกิดภาวะเป็นโรคจิต (บ้า) เกิดภาวะคลุ้มคลั่งทำอันตรายต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ และอาจฆ่าตัวตายได้ในที่สุด

    จากการวิจัย ค้นพบว่า มนุษย์บางคนมีสวิทช์พิเศษที่อยู่ภายใน DNA กลุ่มที่ไม่มีบทบาทมากนักในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ทำให้มนุษย์กลุ่มนี้สามารถมีชีวิตอยู่ภายใต้สภาวะสนามแม่เหล็กผิดปรกติได้ดี ส่วนคนอื่น ๆ อาจต้องมีการฉีดสารกระตุ้นพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดผลกระทบนี้ โดยการฉีดสารกระตุ้นเข้าไปในกระแสโลหิต สารพิเศษดังกล่าวจะช่วยยับยั้งทำให้ขบวนการที่ DNA เสียหายและสภาวะจิตพังทลายช้าออกไป ซึ่งจำเป็นต้องฉีดยานี้ทุก 8 วัน โดยจะไม่มีผลข้างเคียงในการที่ต้องเลิกใช้ภายหลัง

    ในวันที่ 7 ธันวาคม 1981 หน่วยตรวจสอบจาก ฮันโซ กรุ็ป (H.G) ได้เข้ามาบนเกาะและตรวจสถานีวิจัยต่าง ๆ รวมถึงโครงการที่ได้วิจัยไปโดยหัวหน้าทีมตรวจสอบ นำโดย อัลวา ฮัลโซ เอง

    ในปี คศ. 1984 อัลวา ฮัลโซ ตระหนักว่า สารต่อต้านที่ฉีดให้กับทีม D.I.H.G นั้น มีผลข้างเคียงทำให้เกิดการกลายพันธ์ภายใต้สนามแม่เหล็กบนเกาะ ผลกระทบการกลายพันธ์ทำให้ทีม D.I.H.G ทั้งหมดมีภาวะที่สามารถอยู่รอดได้บนเกาะ มีลักษณะทางกายภาพที่แข็งแรงมากกว่ามนุษย์ทั่วไป สามารถตอบรับและซึมซับสนามแม่เหล็กได้อย่างดี แต่มีภาวะจิตใจที่ไม่ปรกติมั่นคง หากมีสภาวะวิปลาสขึ้นได้และอาจเกิดผลร้ายแรงที่ไม่สามารถแก้ไขเยียวยาได้

    ใน เรื่องนี้ เราเห็นได้จากข้อความที่ถูกเขียนขึ้นบนฝาผนังประตูนิรภัยที่ว่า “Aegrescit Medendo” แปลได้ความว่า การเจ็บป่วยนี้มีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อได้รับการรักษา (โดยฉีดยากระตุ้น) หรือ หมายความว่ายิ่งป้องกันก็ยิ่งแย่ลง หลังจาก อัลวา ฮันโซได้รับทราบข้อมูลนี้แล้ว เขาและชาร์ล วิทมอร์ ก็ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินขึ้นบนเกาะ และส่งทีมทหารเข้ากวาดล้างสมาชิกบนเกาะทั้งหมดซึ่งก็คือทีม D.I.H.G บนเกาะ ทำให้เกิดการสังหารหมู่เหลือเพียงสมาชิกเพียงหยิบมือที่รอดจากเหตุการณ์นี้ ไปได้และหลีกเร้นเข้าไปในส่วนลึกของเกาะ

    ข้อความที่ว่าเรื่องการฉีดยาป้องกันยิ่งทำให้มีผลกระทบ

    คน กลุ่มนี้ที่เราพอรู้จักก็เช่น เบนจามิน ไลนัส, มีส บีย์ คลู ผู้ชายที่ซื่อ ซีคี, พิคเก็ต, แดนนี่, อีธาน รอม, กูดวิน, ทอม และคนอีกจำนวนหนึ่ง

    พวก Other ยกเว้น อเล็กซานดร้า ซึ่งเป็นบุตรีของแดเนียล รุชโซ

    ในปี คศ 1985 ผู้รอดตายกลุ่มเล็ก ๆ ของ D.I.H.G ได้พยายามตีโต้เพื่อเข้าควบคุมสถานีทดลองต่างๆ จากกลุ่มทหารของ Dharma Initiative ทำให้เกิดการประทะกันของทั้งสองฝ่าย หลังจากการประทะครั้งนี้ กลุ่ม D.I.H.G ได้คิดที่จะเชื่อมโยงข่ายการสื่อสารระหว่างสถานีทดลองทั้งหมดภายในเกาะ โดยมีการติดตั้ง DHARMATEL เซอร์เวอร์ ฮับสื่อสาร ระบบเคเบิลและโครงข่ายที่เชื่อมโยงตลอดทั้งเกาะ สายเคเบิลเชื่อมชายชายฝั่งของเกาะและเกาะหลักอีกแห่ง (หมู่บ้านยูโทเปีย หรืออีกชื่อหนึ่งคือ บาร์รัค ซึ่งเป็นที่อยู่หลักของทีมในโครงการ Dharma initiative ในหุบเขา ต่อมาถูกครอบครองโดยกลุ่ม D.I.H.G) เพื่อที่จะให้เป็นความลับ สายเคเบิลนี้มีการพรางโดยทาสีทับเพื่อไม่ให้ถูกสังเกตพบได้ อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมสนามแม่เหล็กถูกติดตั้งบนเกาะ เพื่อลดทอนความไม่เสถียรลงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้

    สิ่งของอุปโภค และบริโภครวมถึงยาต้านผลกระทบของสนามแม่เหล็กถูกจัดส่งมาที่เกาะโดยร่มชูชีพ ทุก 6 ถึง 8 เดือนต่อครั้ง โดย D.I.H.G ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งให้กับทีมที่ยังอยู่บนเกาะ ในการจัดส่งนี้ สนามแม่เหล็กจะต้องถูกควบคุมให้อยู่ในสถาพปรกติเสียก่อนที่เครื่องบินจะทิ้ง ร่มชูชีพลงมาได้ ดังนั้นจึงมีการจัดทำระบบควมคุมแบบอัตโนมัติที่จะคอยปรับสมดุลของสนามแม่ เหล็กบนเกาะและสามารถปิดระบบทั้งหมดบนเกาะ ที่จะทำให้เสมือนกับเกาะนี้ไร้ร่องรอยไม่มีอยู่ในแผนที่



    ในปี คศ 1985 นี้เองที่ อัลวา ฮันโซได้ออกห่างไปจากเกาะและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอีก ซึ่งเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบของสนามแม่เหล็กแต่อย่างใด อาคารที่อยู่อาศัยบนเกาะหลักก็ถูกทิ้งร้าง สถานีวิจัยทั้งหมดก็ทำงานไปโดยอัติโนมัติ หรืออาศัยคนประจำการจำนวนไม่กี่คน เข้าใจว่ากลุ่ม D.I.H.G ต่อมากลายเป็น the other ก็ได้เข้าครอบครองและอาศัยอยู่บนเกาะหลัก และปล่อยสถานีวิจัยไว้ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอีก


    เคลวิน โจ อินแมน

    ในปี คศ 1987 เคลวิน โจ อินแมน ได้เข้าร่วมงานกับ Defense Intelligence Agency (DIA) ในฐานะของกองทหาร สหรัฐประจำการที่ คูเวต ในช่วงเวลานั้นเขาทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของ ผู้พัน แซม ออสติน ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเคท (เคทเทอร์รีน ออสติน) ในระหว่างช่วงปลายปี 1989 ต่อต้นปี 1990 นั้น ก็ได้มีการต่อสู้กันเป็นระยะระหว่างกลุ่ม D.I.H.G กับกองทหาร Dharma Initiative ซึ่งสุดท้ายทีมทหารทั้งหมดก็ได้ถอนออกไปจากเกาะ



    แซม ออสติน พ่อบุญธรรมของ เคท

    ปี คศ 1990 เดวิท วิทมอร์บุตรของ ชาร์ล วิทมอร์นับได้ว่าเป็นผู้กว้างขวางและเป็นเศรษฐีที่มีอิทธิพลมากที่สุดในช่วง นี้ ส่วน เพเนโลป วิทมอร์บุตรีของ ชาร์ล ก็ถือได้ว่าเป็นหญิงที่มีความยิ่งใหญ่ในเครือกลุ่มบริษัท วิทมอร์ คอร์ปอเรชันเช่นกัน



    เพเนโลป วิทมอร์

    อลิซาเบท (ลิปบี้) ฮัลโซ เป็น สมาชิกคนสำคัญของมูลนิธิ ฮันโซ ได้แต่งงานกับเดวิท วิทมอร์ (บุตรชายของ ชาร์ล วิทมอร์ เจ้าของอาณาจักร วิทมอร์ คอร์ปอเรชัน) และก็ได้กลายมาเป็น อลิซาเบท วิทมอร์ ซึ่งเราเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าก่อนหน้านี้ ลิปบี้ มีความสัมพันธ์ใดกับ อัลวา ฮัลโซ และยังไม่ชัดเจนว่า ลิปบี้แต่งงานกับใครหลังจาก เดวิท ตายลง (ตาม deleted scene ใน DVD เราเข้าใจว่า ลิปบี้อาจแต่งงาน 3 ครั้ง)


    อลิซาเบท (ลิปบี้) ผู้มีอดีตลึกลับ

    ปี คศ 1991 ได้เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่ 1 ซายิด จาร์ราห์ ทหารแห่งหน่วย รีพลับลิกัน การ์ด ถูกทหารของสหรัฐจับตัวได้ในคูเวต และเขาก็ได้พบกับ เคลวิน โจ อินแมนและผู้พันแซม ออสตินต่อมา ในช่วงเวลานั้น ซายิด ถูกสอนในเรื่องการทรมานและเค้นความลับข้าศึก เพื่อให้ช่วยกองทหารสหรัฐ ในฐานะล่าม และจากประสบการณ์ที่เคยเป็นทหารอยู่ในเมือง ทาร์ริกทำให้เขาสามารถช่วยงานทหารสหรัฐได้มาก ต่อมาซายิดก็ถูกปล่อยตัวที่ทะเลทรายในคูเวต ซึ่งเป็นการพบกับ เคลวิน โจ อินแมนเป็นครั้งสุดท้าย และสงครามอ่าวก็สิ้นสุดลง ต่อมา เคลวิน โจ อินแมน ได้เข้ามาทำงานร่วมกับโครงการ Dharma Initiative


    เคลวินได้พบกับซายิดเป็นครั้งสุดท้าย

    ปี คศ 1991-1995 Dharma Initiative ได้ส่งทหารสองนายเข้าประจำการที่สถานี สวอน แม้ว่าได้มีการถอนทหารไปจนหมดแล้วก็ตาม ทหารทั้งสองมาบนเกาะเพื่อจะเข้าควบคุมและดำเนินการกับระบบบางอย่างบนสถานี สวอนให้ทำงานได้ต่อไป ทหารทั้งสองคือ เคลวิน โจ อินแมนและแซม ราสซินสกี ต่อมา แซมได้ฆ่าตัวตาย (นอกจากนี้ยังมีทีมของ มิคาอิล บาคูนินท์ เข้ามาที่เกาะในปี 1993 แต่แยกไปอยู่อีกสถานีหนึ่งชื่อ เฟรม) ทั้งนี้เพื่อให้ปลอดภัยจากกลุ่ม D.I.H.G ที่เหลืออยู่บนเกาะ คนที่มาใหม่จะถูกห้ามไม่ให้ออกไปนอกสถานีวิจัย โดยอ้างเรื่องของโรคระบาดบนเกาะและสถานีแต่ละแห่งก็จะมีประตูนิรภัยในกรณี ที่ต้องการป้องกันตนเองจากการโจมตีภายนอก

    ปี คศ 2000 เดวิท วิทมอร์ได้ซื้อเรือยอร์ท ลำหนึ่งและตั้งชื่อว่า อลิซาเบทต่อมาเขาก็ป่วยและตายลง (ในช่วงต้นปี 2001) แต่ก็มีคำล่ำลือว่าเขาไม่ได้ตายจริงแต่เป็นการลวงเพื่อที่เขาจะได้ลบตัวเอง ไปจากโลกนี้และเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเต็มตัวในโครงการ Dharma Initiative ในฐานะผู้แทนจาก วิทมอร์ คอร์ปอเรชัน

    วันที่ 8 เมษายน เกิดปัญหาระบบทั้งหมดบนเกาะขัดข้อง ทำให้ระบบอัติโนมัติที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กไม่ทำงานและจำ เป็นต้องใช้วิธีการแบบแมนนวลใช้คนป้อนระหัสเข้าไปในระบบทุก 108 นาที

    ชา ร์ล วิทมอร์มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้ เดสมอน ฮูมเข้ามายุ่งเกี่ยวกับลูกสาวคือ เพเนโลป ในการนี้บริษัท วิทมอร์ คอร์ปอเรชันก็ได้จัดการแข่งขันเรือขึ้นในชื่อว่า “Widmore Sailing Championship Race” และชาร์ลได้สั่งให้ อลิซาเบท (ลิปบี้) วิทมอร์ ไปตามหา เดสมอน เพื่อมอบเรือให้เขาเข้าแข่งขัน

    ซาร์รา (เชฟเพอร์ด) ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กับพ่อของ แชนนอน รุทเทอร์ฟอร์ด แต่แจ็ค ตัดสินใจที่จะผ่าตัดช่วยชีวิตซาร์รา แทนที่จะเป็นพ่อของ แชนนอน ทำให้พ่อของ แชนนอนต้องตายลงจากการตัดสินใจของแจ็คในครั้งนั้น แต่แจ็คก็ทำการผ่าตัด ซาร์ราด้วยความหวังริบหรี่ในการที่จะไม่ทำให้ ซาร์ราต้องเป็นอัมพาต


    ในวันต่อมาแจ็คได้ไปออกกำลังกายที่สนาม กีฬาและได้พบพูดคุยกับ เดสมอน ในเรื่อง การเลือกสิ่งที่ต้องทำและการใช้ชีวิตที่เหลือ ต่อมา เดสมอนก็ได้พบกับ เพเนโลป วิทมอร์ซึ่งทั้งสองได้บอกลากัน เป็นการตัดสินใจของ เดสมอนที่ต้องการตัดใจจาก เพเนโลป ในขณะที่ เพเนโลปยังไม่คิดเช่นนั้น

    ส่วน พ่อของแจ็ค (คริสเตียน เชฟเพอร์ด) ผู้ซึ่งเบื้องหลังเป็นสมาชิกอาวุโสของโครงการ Life Extension Project หนึ่งในโครงการของมูลนิธิ ฮันโซ ได้ทำการทดลองลับ ๆ กับซาร์รา ช่วยทำให้ซาร์รา ไม่ต้องเป็นอัมพาตอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งต่อมาแจ็คกลับมาจากการออกกำลังกายในเช้าวันนั้นและแวะไปเยี่ยม ซาร์รา แจ็คก็พบกับความประหลาดใจว่า ซาร์รา ไม่ได้เป็นอัมพาตหลังการผ่าตัดอย่างที่เขาคิดไว้ สองปีต่อมา แจ็คได้แต่งงานกับ ซาร์รา (ปี 2003)


    คริสเตียน เป็นหนึ่งในสมาชิกอาวุโสของโครงการ Life Extention project

    อีกแปดเดือนต่อมา เด สมอนก็ได้ฝึกฝนในการที่จะเข้าร่วมแข่งเรือ และต่อมาเขาก็ได้หายสาปสูญไปในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งคาดว่า อาจมีการดัดแปลงเรือให้ออกนอกเส้นทางและมุ่งไปสู่เกาะ จากคำบอกเล่าของ เดสมอนที่ว่า ได้พบกับพายุรุนแรงและหลังจากคลื่นลมสงบเขาก็ได้เกยตื้นที่เกาะแห่งหนึ่ง คล้ายกรณีของเรือ แบล็คร็อค ต่อมาเป็นที่ทราบว่า เคลวิน โจ อินแมน ได้พบกับ เดสมอนและนำเขามาไว้ที่ สถานี สวอน

    ปี 2001 ในวันที่ 15 สิงหาคมเกิดปัญหาระบบการสื่อสาร DHARMATEL ขัดข้อง ทำให้สถานีทดลองต่าง ๆ ไม่สามารถติดต่อกันได้

    ช่วงระหว่างปี 2000 ถึง 2003
    ใน ช่วงเวลานี้ เดสมอน ถูกหลอกและอาศัยอยู่ในสถานี สวอนกับ เคลวิน โจ อินแมน เพื่อให้ช่วยกันกดปุ่มป้อนคำสั่งควบคุมระบบสนามแม่เหล็ก เพเนโลป ทราบระแคะระคายในเรื่องที่พ่อของเธอมีส่วนร่วมในเรื่องที่ เดสมอน หายสาปสูญไประหว่างแข่งเรือ ดังนั้น เธอจึงใช้ความพยายามและทรัพยากรทั้งหมดที่มีทุ่มหาเบาะแส เช่น การว่าจ้าง เฮนรี่ เกล ให้พยายามหาเกาะลึกลับที่น่าจะเป็นที่กุมขัง เดสมอน ในทะเลแปซิฟิก เฮนรี เกล ได้ออกเดินทางโดยบอลลูนทดลองของ วิทมอร์ แลป และค้นพบเกาะลึกลับในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ตายเสียก่อนที่จะส่งข่าวให้กับ เพเนโลป


    เฮนรี เกล(ตัวจริง) ตายเสียก่อนที่จะแจ้งข่าวให้ เพเนโลป

    ปี คศ 2003 วันที่ 6 มกราคม ปัญหาระบบขัดข้องที่เกิดขึ้นบนเกาะทำให้ ต้องหันมาใช้ระบบดั้งเดิมที่ใช้ในช่วงปี 1980

    ปี คศ 2004 วันที่ 22 กันยายน เกิดเหตุการณ์สนามแม่เหล็กรุนแรง โดยไม่มีการควบคุม เนื่องจาก เดสมอน ได้ติดตาม เคลวิน โจ อินแมนออกไปนอกสถานี สวอนและเกิดพลั้งมือ ทำให้ เคลวิน โจ อินแมนตาย และเขาก็กลับมากดปุ่มควมคุมไม่ทัน ทำให้เกิดสถาณการณ์สนามแม่แหล็กพุ่งสูงสุด บังเอิญเครื่องบิน สายการบิน โอเชียนิค เที่ยวบิน 815 ที่บินออกจากสนามบิน คิงส์ฟอร์ด สมิท ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย จะมุ่งหน้าไป แอล เอ บินผ่านเข้ามาและประทะกับอำนาจสนามแม่เหล็กที่รุนแรงจนทำให้เครื่องบิน แตกออกเป็นสามท่อน และตกลงบนเกาะลึกลับ


    ที่มา
    Bloggang.com : MuChaLuCha : LOST Theory
    [/SIZE]
     

Share This Page