Mega-tsunami คลื่นยักษ์ล้างโลก!!

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย วิทย์, 29 มิถุนายน 2006.

  1. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD align=left>[SIZE=+2]Mega-tsunami คลื่นยักษ์ล้างโลก[/SIZE] </TD></TR><TR><TD align=left background=/images/dotted_line.gif> </TD></TR><TR><TD align=left><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>** หมายเหตุ บทความข่าวนี้ถูกเขียนและโพสต์ไว้บน วิชาการ.คอม ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 2544

    นักธรณีวิทยาเตือนหลายประเทศในมหาสมุทรแอนแลนติกอาจถูกถล่มด้วยคลื่นยักษ์ที่อาจมีความสูงหลายร้อยเมตร สูงกว่าตึกระฟ้าทุกตึกบนโลก นักธรณีวิทยาเรียกปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า แมกกะซูนามิ ( Mega-tsunami ) ซึ่งมีความรุนแรงกว่าคลื่นซูนามิธรรมดานับสิบเท่า จากหลักฐานทางธรณีวิทยาพบว่า คลื่นดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต และมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยเริ่มก่อตัวจากหมู่เกาะเล็กๆในมหาสมุทรแอตแลนติก

    หลักฐานแรกที่แสดงให้เห็นถึงพลังอันมหัศจรรย์และน่าสพึงกลัวของธรรมชาติน้ีพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1953 เมื่อนักธรณีวิทยาชาวอเมริกัน 2 คือ George Plafker และ Don Miller คนได้่ทำการสำรวจหาน้ำมันที่อ่าวลิทูยา ( Lituya Bay ) ในรัฐอาลาสก้า สหรัฐอเมริกา แทนที่ทั้งสองจะพบน้ำมัน พวกเขากับพบหลักฐานทางธรณีวิทยาว่าบริเวญอ่าวดังกล่าว ได้เคยถูกซัดกระหน่ำด้วยคลื่นยักษ์ ซึ่งมีความสูงกว่า 150 เมตร เทียบได้เท่ากับความสูงของตึก 50 ชั้น การค้นพบนี้ทำให้นักธรณีวิทยาทั้งสองประหลาดใจมาก เพราะไม่ปรากฎว่ามีคลื่นชนิดใดในประวัติศาสตร์ที่จะมีความสูงถึงขนาดนั้น แม้แต่คลื่นยักษ์ที่ทรงพลังที่สุดคือซูนามิ

    George Plafker ใด้กล่าวกับนักข่าวบีบีซีว่า ในขณะนั้นมืดแปดด้านไม่รู้เลยว่าจะมีพลังงานอะไรที่สามารถสร้างคลื่นยักษ์ได้สูงขนาดนั้น เพราะแม้แต่คลื่นซูนามิอันทรงพลังที่สุดซึ่งเกิดจากแผ่นดินใหวนั้นยังมีความสูงแค่ 10 ถึง 15 เมตร แต่คลื่นที่ถล่มอ่าวลิทูยาสูงกว่าถึง 10 เท่า

    คลื่นยักษ์ซูนามิ ( Tsunami ) เป็นที่รู้จักกันมานานสำหรับนักธรณีวิทยา คลื่นซูนามิที่รุนแรงสุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1946 เมื่อคลื่นยักษ์สูง 10 เมตร พัดเข้าถล่มชายฝั่งเมือง Hilo ในหมู่เกาะฮาวาย โดยที่ประชาชนบนเกาะไม่มีทางรู้ตัว เพราะจุดกำเนิดของซูนามิอยู่ห่างจากเกาะฮาวายนับพันกิโลเมตร เหตุการณ์ครั้งนั้นพรากชีวิตผู้เคราะห์ร้ายไปมากกว่า 100 คน เมื่อหลายปีมาแล้ว คนไทยเคยตื่นกลัวกับข่าวของคลื่นยักษ์ซูนามิ ถึงกับเคยมีข่าวลือใหญ่โตว่าจะมีคลื่นยักษ์ซูนามิถล่มเกาะภูเก็ตเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยนั้นมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกถล่มด้วยซูนามิ เมื่อเทียบหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค เช่น ฮาวาย ญี่ปุ่น ออสเตเลีย หรือตามชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา

    คลื่นยักษ์ซูนามินั้น เกิดจากการคลื่นตัวของเปลือกโลกใต้ทะเล ซึ่งมีพลังงานมหาศาล ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่สามารถเคลื่อนที่ข้ามมหาสมุทรใหญ่ๆ ไปถล่มชายฝังของอีกซีกโลกได้อย่างสบายๆ อย่างไรก็ตามขนาดความสูงของคลื่นซูนามินั้นมีลิมิตไม่เกิน 10 ถึง 15 เมตร ความสูงของคลื่นนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่ให้กำเนิดมัน การเกิดแผ่นดินใหวในบริเวณใต้มหาสมุทรนั้น อาจจะทำให้เปลือกโลกบริเวณนั้นแยกตัวออกจากกัน เปลือกโลกด้านหนึ่งอาจจะยกตัวสูงขึ้น เป็นผลทำให้เกิดแรงดันมหาศาล ดันน้ำทะเลที่อยู่เหนือมันสูงขึ้น เป็นปริมาณเท่าๆกับที่แผ่นดินถูกยกขึ้น น้ำทะแลที่ถูกแผ่นดินดันขึ้นมาแทนทีนั้น จะวิ่งออกไปด้วยความเร็วมหาศาล และเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งมันก็จะดันตัวสูงขี้น เท่ากับขนาดของพื้นดินที่เลื่อนขึ้นมา เกิดเป็นคลื่นยักษ์ซูนามิพัดเข้าถล่มชายฝั่ง ถึงกระนั้นก็ตามแผ่นดินใหวที่รุนแรงที่สุด ก็สามารถที่จะยกผิวโลกใต้ทะเล ให้เลื่อนสูงขึ้นได้มากที่สุดประมาณ 10กว่าเมตร มันจึงเป็นตัวกำหนดขนาดของคลื่นซูนามิไปในตัว และเป็นไปไม่ได้เลยที่กระบวนการนี้จะทำให้เกิดคลื่นสูงถึง 150 เมตรดังที่ถล่มอ่าวลิทูยา

    นักธรณีวิทยาไม่ต้องรอนานเพื่อที่จะทราบคำตอบ 5 ปีหลังจากนั้น เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1958 คลื่นยักษ์ก็ได้ถล่มอ่าวลิทูยาอีกครั้ง ด้วยความสูงเกือบครึ่งกิโลเมตร สูงกว่าตึกทุกตึกบนโลกมนุษย์ นักธรณีวิทยา George Plafker และ Don Miller ได้บินกลับไปสำรวจพื้นที่อีกครั้ง ในที่สุดเขาก็พบคำตอบของปริศนา

    คลื่นยักษ์ดังกล่าวเกิดจากการที่ภูเขาในบริเวณใกล้เคียงได้เกิดถล่มลง หินจากภูเขาสูงปริมาณมหาศาล ได้ถลายหล่นลงจากความสูงกว่า 1100 เมตร เมื่อมันกระทบกับพื้นน้ำก็จะปลดปล่อยพลังงานมหาศาล เกิดเป็นคลื่นยักษ์ขนาดมหึมาเข้าถล่มพื่นที่อ่าวใกล้เคียง ซึ่งนักธรณีวิทยาเรียกคลื่นดังกล่าวว่า แมกกะซูนามิ ( Mega-tsunami )

    ทั้นทีที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจถึงกลไกการเกิดคลื่นยักษ์ด้วยปรากฎการณ์ดินถล่ม ( landslide ) พวกเขาก็เริ่มกังวลว่าแมกกะซูนามิอาจเกิดขึ้นได้อีก หากมีการเกิดดินถล่มครั้งใหญ่ จึงได้เริ่มออกค้นหาร่องรอยทางแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่ๆในอดีต ซึ่งอาจจะบอกเราได้ถึงการถล่มครั้งต่อๆไปในอนาคต จากการศึกษาของนักธรณีวิทยาพบว่า พื้นที่ๆล่อแหลมต่อการเกิดแผ่นดินถล่มครั้งมหึมา ก็คือบริเวณเกาะภูเขาไฟขนาดใหญ่ๆ ซึ่งเกาะลักษณะดังกล่าวกระจายอยู่ตามมหาสมุทรทั่วโลก เกาะภูเขาไฟเหล่านี้กำเนิดมาเป็นเวลาหลายล้านปี เริ่มจากการประทุของภูเขาไฟใต้พื้นมหาสมุทร เมื่อลาวาที่ใหลออกมาเย็นตัวลงก็จะจับตัวกันแข็ง ทับถมกันชั้นแล้วชั้นเล่า จนกระทั้งสูงพ้นผิวมหาสมุทรขึ้นมา เกาะเหล่านี้ไม่ค่อยจะมีเสถียรภาพนัก ทุกๆหนึ่งหรือสองพันปีมักจะพบว่า หนึ่งในเกาะเหล่านี้ถล่มลงสู่พื้นมหาสมุทร สำหรับการเกิดแผ่นดินถล่มบนเกาะภูเขาไฟ ซึ่งขนาดใหญ่พอที่จะเกิดเมกกะซูนามินั้น ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่หมู่เกาะในหมาสมุทรอินเดีย เมื่อ 4,000ปีที่แล้ว ซึ่งคลื่นเมกกะซูนามิที่สร้างขึ้นวิ่งถล่มชายฝั่งทวีปออสเตเลีย โดยใช้เวลาเดินทางเพียงแค่แปดชั่วโมงเท่านั้น

    ด้วยเหตุที่ว่าปรากฎการณ์แผ่นดินถล่มของเกาะภูเขาไฟนี้ เกิดขึ้นในอดีตเก่ากว่าประวัติศาสตร์ของเรา จึงไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวมาก่อน มีเพียงหลักฐานที่เชื่อถือได้จากทางธรณีวิทยาเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมาก จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดเดาได้ยากว่า เกาะใดจะเกิดปรากฎการแผ่นดินถล่ม

    ในจำนวนเกาะภูเขาไฟที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งหมด มีอยู่เกาะหนึ่งที่ส่งสัญญานอันตรายที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด ถ้าหากเกาะดังกล่าวถล่มลง มันจะสร้างคลื่นยักษ์เมกกะซูนามิ ซึ่งอาจจะพัดข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เข้าซัดถล่มชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา นักธรณีวิทยาพบว่าเกาะภูเขาไฟที่อาจจะมีการเกิดดินถล่มครั้งต่อไป อาจจะเป็นเกาะแห่งหนึ่งในหมู่เกาะ แคนนารี (Canary Islands) ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่ง ของทวีปแอฟริกา เกาะดังกล่าวมีชื่อว่า ลาพาล์มา (La Palma)

    ในราวๆทศวรรษที่ 90 นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ได้เดินทางไปสำรวจภูเขาไฟบนเกาะดังกล่าวซึ่งชื่อว่า Cumbre Vieja ซึ่งยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและพร้อมจะประทุ พวกเขาพบว่าโครงสร้างของภูเขาไฟบนเกาะนั้นค่อนข้างประหลาด เนื่องจากมีน้ำขังอยู่ข้างในเป็นจำนวนมาก ลึกเข้าไปในภูเขาไฟบนเกาะลาพาล์มา ประกอบด้วยหินสองชนิด ชนิดหนึ่งทำตัวคล้ายฟองน้ำดูดซับน้ำไว้จนเต็ม ในขณะเดียวกันก็มีโครงสร้างเป็นหินแข็งที่ไม่ยอมให้น้ำซึมผ่านวางตัวอยู่ในแนวดิ่ง เหมือนเป็นเขื่อนกักน้ำฝนอยู่ภายในปล่องภูเขาไฟ

    จากการศึกษาในห้องแล็ป ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หากภูเขาไฟดังกล่าวประทุขึ้นเมื่อใด ความร้อนจากหินละลาย บวกกับความดันของน้ำที่ขังอยู่ในปล่องภูเขาไฟ จะทำให้เกิดแผ่นดินถล่มครั้งมหึมา นักธรณีวิทยาคำนวนว่า การระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะนี้จะทำให้ดินและหินนับล้านๆ ตันถล่มลงสู่มหาสมุทรอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถที่จะสร้างคลื่นยักษ์เมกกะซูนามิได้อย่างสบายๆ ปัญหาที่เหลือสำหรับนักวิทยาศาสตร์คือ เมื่อไหร่ภูเขาไฟดังกล่าวจึงจะประทุขึ้นอีกครัง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอน ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาพบว่า ภูเขาไฟ Cumbre Vieja เคยประทุมาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี 1646, ปี 1712 และครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1949 ประมาณว่าทุกๆ 100-200 ปี ครั้งสุดท้ายนั้นเมื่อประมาณ 50 ที่แล้ว จึงอาจะเป็นไปได้ว่ามันอาจจะประทุขึ้นอีกในศตวรรษหน้า ซึ่งถ้าหากเป็นจริงดังที่นักธรณีวิทยาคาดการณ์ไว้ คงสร้างความเสียหายให้มนุษย์ชาติอย่างไม่ต้องสงสัย


    **********************************************************************
    วิชาการดอทคอมขอไว้อาลัยแก่ผู้สูญเสียชีวิตในเหตุการณ์คลื่นยักษ์ซุนามิที่ภายใต้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ขออย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเลย
    วิชาการทีม
    *********************************************************************


    [​IMG] ข่าวและข้อมูลเพิ่มเติมจาก

    http://news.bbc.co.uk/hi/english/sci/tech/newsid_956000/956280.stm

    http://news.bbc.co.uk/hi/english/uk/newsid_966000/966968.stm

    http://www.bbc.co.uk/science/horizon/mega_tsunami_transcript.shtml

    http://www.bbc.co.uk/science/basics/articles/001012art_naturaldisasters1.shtml
    ภาพแสดงที่ตั้งของหมู่เกาะแคนนาร ในมหาสมุทรแอตแลนติก
    [​IMG] ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซูนามิ แนะนำโดยคุณพวงร้อย

    คอมพิวเตอร์เอนิเมชั่นแสดงความเสียหายเนื่องจากคลื่นซูนามิพัดเข้ากระทบฝั่ง
    โดย Professor Nobuo Shuto แห่ง Disaster Control Research Center,
    Tohoku University, ประเทศญี่ปุ่น
    http://www.geophys.washington.edu/tsunami/general/physics/runup.html

    อีกอันคือ คอมพิวเตอร์เอนิเมชั่นแสดงผลกระทบของซูนามิซึ่งเกิดขึ้นจากแผ่นดินใหว
    ในประเทศชิลี แล้วแผ่อิทธิพลไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อปี ค.ศ. 1960
    http://www.geophys.washington.edu/tsunami/general/historic/models_60.html
    http://www.geophys.washington.edu/tsunami/general/physics/characteristics.html
    และรายละเอียดของซูนามิครั้งนี้ที่นี่ครับ
    http://www.geophys.washington.edu/tsunami/general/historic/chilean60.html

    สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับซูนามิอย่างระเอียดในรูป pdf file มีให้ค้นคว้าเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้ครับ
    http://www.pmel.noaa.gov/tsunami-hazard/BackgroundPapersintrochpts1-2.pdf
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มาจาก
    http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=24&Pid=5775
     

แชร์หน้านี้

Loading...