ท่าเรือที่เขาพิงกัน
ออกจากถ้ำลอดมาได้ ก็ไปเขาตาปู เราจะถ่ายรูปเขาตาปูได้ต้องขึ้นมาที่เกาะเขาพิงกันแล้วเดินข้ามมาอีกฝั่งของเกาะเพื่อจะมาถ่ายรูปเขาตาปู เขาพิงกันเหตุที่ชื่อนี้เพราะภูเขาหินลูกนี้แตกออกจากกัน หินที่เล็กกว่าได้เลื่อนลงมา ส่วนฐานจมลงไปในดิน ส่วนบนยังคงพิงกันอยู่
.oO เรื่องสั้น ปั้นแต่ง Oo.
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 22 กุมภาพันธ์ 2012.
หน้า 156 ของ 169
-
-
เขาพิงกัน
-
เขาตาปู ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลด้านนอก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา คิดเป็นระยะทางประมาณ ๑๕ กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานฯ ตามลำคลองเกาะปันหยีจังหวัดพังงา อยู่ทางด้านเหนือในเวิ้งอ่าวของเกาะเขาพิงกัน เขาตาปูมีลักษณะเป็นเกาะเดี่ยว รูปร่างคล้ายตาปู มีศัพท์เฉพาะทางธรณีวิทยาว่า เกาะหินโด่ง (Stack) การชมเขาตาปูต้องชมในระยะไกลจากเรือ หรือจากสันดอนของเกาะเขาพิงกัน ไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้
เขาตาปู เป็นเขาหินปูน (Limestone) มีอายุยุคเพอร์เมียน (Permian) หรือประมาณ ๒๙๕ - ๒๕๐ ล้านปี เนื่องจากหินปูนมีคุณสมบัติสึกกร่อนจากการละลายน้ำได้ง่าย ดังนั้นเกาะต่างๆ ในบริเวณอ่าวพังงาจึงมีรูปร่างแปลก ๆ และมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการผุพังทำลายของเนื้อหิน
-
กำเนิดของเกาะตาปู
มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลสมัยโบราณ เดิมเขาตาปูและเกาะเขาพิงกันด้านตะวันออกมีสภาพเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน และอยู่บนผืนแผ่นดิน การเคลื่อนไหวของเปลือกโลกในเวลาต่อมาทำให้เกิดมีรอยเลื่อนใหญ่เป็นแนวยาวพาดผ่านพื้นที่อ่าวพังงาด้านตะวันตก เรียกว่ารอยเลื่อนคลองมะรุ่ย รอยเลื่อนนี้ทำให้เกิดรอยเลื่อนย่อยๆ ติดตามมาดังจะเห็นได้จากรอยเลื่อนที่เขาพิงกัน รอยเลื่อน รอยแตก และรอยแยกที่พบในหินปูนเขาตาปู นอกจากนั้น รอยเลื่อนยังทำให้เกิดการหักพังของหินขึ้นในบริเวณรอยต่อระหว่างเขาตาปูและเขาพิงกันทางด้านตะวันออก ทำให้เขาตาปูแยกออกมาเป็นเขาลูกโดด แผ่นดินเขาตะปูและเขาพิงกันได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลที่แผ่ขยายเข้ามาท่วมในช่วงหลังสุดเมื่อประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่เขาพิงกัน และเขาตะปูมีสภาพเป็นเกาะ โดยบริเวณเขาตะปูเป็นหัวแหลมยื่นออกไปในทะเล ต่อมาหัวแหลมถูกคลื่นกัดเซาะและขัดเกลา จนกระทั่งมีรูปทรงเรียวและขาดออกจากตัวเขาพิงกัน จนมีสภาพเป็นเกาะหินโด่ง
-
น้ำทะเลที่ขึ้นสูงสุดเมื่อประมาณ ๖,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา มีระดับสูงกว่าระดับปัจจุบันประมาณ ๔ เมตร การขึ้นลงของน้ำทะเล ได้กัดเซาะเขาตาปูให้เกิดเป็นแนวรอยน้ำเซาะหิน เว้าเข้าไปที่ระดับดังกล่าว ต่อมาน้ำทะเลลดระดับลงมาอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ ๒.๕ เมตร จากระดับน้ำทะเลปัจจุบัน ระดับน้ำทะเลใหม่ได้กัดเซาะส่วนล่างของเกาะตะปูให้เกิดเป็นรอยน้ำเซาะหินแนวใหม่ คือ ระดับที่เป็นส่วนคอดกิ่วที่สุด และเป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตเช่น หอย เพรียง เกาะอาศัยอยู่โดยรอบเมื่อได้นำซากหอยนางรมที่ติดอยู่ในแนวรอยกัดเซาะนี้ไปหาอายุโดยวิธีคาร์บอนรังสี (C14) ได้อายุประมาณ ๒,๖๒๐ + ๕๐ ปี แสดงว่ารอยคอดกิ่วนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลเมื่อเวลาประมาณ ๒,๕๐๐ ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นน้ำทะเลจึงลดระดับลงมาอยู่ที่ระดับปัจจุบัน ส่วนที่คอดกิ่วที่เกิดขึ้นเมื่อ ๒,๕๐๐ ปีที่ผ่านมานี้เอง ทำให้เขาตาปูมีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ
เขาตาปูมีปัญหาการพังทลาย อันเกิดจากการกัดเซาะกัดเซาะของน้ำทะเล การขุดเจาะเนื้อหินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์จำพวกหอยนางรม เพรียง ปู ฯลฯ ความแรงของคลื่นลมในฤดูมรสุม การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลก เนื่องจากปฏิกิริยาเรือนกระจกอันอาจมีผลให้คลื่นลมเปลี่ยนความเร็ว และสุดท้ายคือการ ถูกรบกวนด้วยกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การจอดเรือโดยการทิ้งสมอการผูกเรือไว้รอบเกาะ รวมทั้งคลื่นจากเรือหางยาวที่วิ่งรอบเกาะ
-
เขาตาปูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง จนมีภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาถ่ายทำที่เขาตาปูนี้ ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์ ตอนเพชฌฆาตปืนทอง(The Man with the Golden Gun) และเขาตาปู ยังได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า "James Bond Island" อีกด้วย.... หนังตั้งแต่สร้อยฟ้าฯ ยังไม่เกิด มาถึงปัจจุบันยังดังไม่เลิก... -
-
เที่ยวดูเขาพิงกันกับเขาตาปูแล้ว แต่ยังซึมซับกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติไม่เต็มที่ ก็ถูกเรียกให้ขึ้นเรือเพื่อไปทานอาหารกลางวันบนเกาะปันหยี มันเป็นเรื่องสนุกนะที่มองธรรมชาติของภูเขาเหล่านี้แล้วคิดหาเหตุผลไปด้วยในขณะที่มองดูว่า ทำไมถึงมีรูปร่างอย่างนี้ ซึ่งจากการนึกๆ หาเหตุผลส่วนตัว พอกลับมาค้นคว้าหาคำตอบทางวิชาการตามเว็ปไซด์ต่างๆ เหตุที่เกิดขึ้นของภูเขาเหล่านี้ใกล้เคียงกับที่คิดเลย...
..............................................................
[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2684782/[/MUSIC]
..............................................................
-
ขึ้นเรือกันเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าสู่เกาะปันหยี
-
พวกเรามาทานอาหารกลางวันเกาะปันหยี ทางไกด์ให้เวลาถึงบ่ายสองโมงครึ่งในการเดินเล่นบนเกาะและช้อปปิ้ง มาดูหน้าตาของอาหารกลางวันมื้อนี้กันก่อน อยากจะบอกว่าทอดมันอร่อยมาก.... -
-
-
-
-
-
จัดการกับอาหารเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเดินย่อย เห็นเขาบอกว่าบนเกาะปันหยีมีโรงเรียนที่มีสนามฟุตบอลกลางน้ำทะเลด้วย แล้วเป็นเรื่องตื่นเต้นตรงไหน ไม่เข้าใจ... งั้นเราลองมาดูกันนะ ด้วยลักษณะของเกาะปันหยีเป็นภูเขาสูงโด่งขึ้นไปและบ้านเรือนก็สร้างอยู่บนน้ำแล้วจะเอาสนามฟุตบอลใหญ่ๆ ที่ไหนมาเล่นกันหล่ะ เมื่อไม่มีที่เล่นฟุตบอล จึงเกิดสนามฟุตบอลลอยน้ำขึ้นมา ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างเกิดจากความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลจนเป็นที่มาของทีมปันหยี เอฟซี ลองเข้าไปดูโฆษณาของ TMB ชุด"Make THE Difference"ได้นะ จะประทับใจและเห็นความสวยงามของเกาะปันหยีด้วย...
-
<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/QRQsSLuDPjU?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
-
-
-
ช่วงนี้ก็เดินเล่น ชมเกาะปันหยีไป ซื้อของไป คอยเวลาเรือมารับ
หน้า 156 ของ 169