จองรายการที่ 2031 ครับ
+++Premium พระเครื่องราคาพิเศษ(ปิดกระทู้ชั่วคราว)
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 กันยายน 2009.
หน้า 446 ของ 451
-
-
ขอจองรายการที่ 2031
-
จอง 2031 ครับ
-
รายการที่ 2032 ตะกรุด อาจารย์อิฏฐ์ วัดจุฬามณี
100 บาท รับมากับมือไฟล์ที่แนบมา:
-
-
จอง 2032 ครับ
-
รายการที่ 2033 ขุนแผน ตะกรุดหลวงปู่สรวง
1000 บาท
ตะกรุดนี้เช่าต่อจากคนที่ได้มาจากนที่ไปหาหลวงปู่ที่บ้านละลม (ไม่รู้จริงหรือเปล่า) ตอนนั้อยากได้มากเช่ามา 2000 ขุนแผนเช่ามา 700 แล้วไฟล์ที่แนบมา:
-
-
จองรายการ 2033........................
-
จอง 2033 ครับ
-
momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ไม่ทันซักรายการเลยหมอ 555 -
-
ตามสัญญา วันนี้จะเล่าเรื่อง ตะกรุดชินเงิน กรุวัดพระแก้ว เป็นไปได้หรือไม่ ????
-
ประวัติจากเว็บ
ตะกรุดเนื้อชินวัดพระแก้วนั้นสันนิฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสงครามเก้าพัทเลยทีเดียวในการสร้างตะกรุดครังนั้นก็เพื่อแจกเหล่าทหารเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการออกรบขับไล่สตรูที่รุกรานแผ่นดินในสมัยนั้นกรรมวิธีในการสร้างนั้นก็เริ่มจารการเขียนอักขระเลขยันต์ลงบนแผนตะกั่วเสร็จแล้วจึงนำมาหลอมละลายแล้วนำมาเทใส่ในรางไม้ไผ่และเมื่อตะกั่วแห้งแข็งตัวก็จะนำมาตัดด้วยมีดหรือขวานเพื่อนำไปแจกทหารจะสังเกตุว่าไม่มีตะเข็บและบางดอกอาจมีการจารอักขรเลขยันต์กำกับด้านนอกอีกทีเป็นกรณีพิเศษคนโบราณเรียกตะกรุดรางไม้ไผ่เนื่องจากสร้างในยุคสงครามจึงเน้นด้านคงกระพันชาตรีแคล้วคลาดเป็นพิเศษและสมัยก่อนเล่าต่อๆมาว่าตะกรุดอยู่คนอยู่เพราะหลังจากเสร็จสงครามแล้วนักรบที่รอดชีวิตกลับมาก็จะนำตะกรุดกลับมาไว้ที่หอศาสตราวุธดังเดิมตามความเชื่อของคนโบราณ -
วิเคราะห์ตามความเป็นจริง.................
ตะกรุดวัดพระแก้วไม่มีจริง แต่ะกรุดที่มี คือ ตะกรุดวัดพระแก้ววังหน้า ที่แตกกรุจากการรื้อวังหน้าใน ปี 2503 พร้อมกับพระพิมพ์โคนสมอ และพระบูชาต่างๆ โดยตะกรุดนี้คือ ตะกรุดของนักรบในสงคราม 9 ทักที่รอดชีวิต ได้นำตะกรุดมาคืนในหอศาสตราวุธ ก่อนกลับไปเป็นไพร่หลวง ไพร่สม ต่อไป ตามกฏหมายตราสามดวง
คำแนะนำ ตะกรุดนี้สร้างมาเพื่อการรบเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะหาไม่ครอบครองทำไมถ้าไม่ได้ทำสงคราม และตามเว็บส่วนใหญ่ได้เอาตะกรุดสมัยอยุธยา มาขายเป็นตะกรุดวัดพระแก้วเสียอีก จึงต้องเลือกดอกที่มีคราบกรุวังหน้าชัดเจน จึงจะตอบได้ ถ้าเปนคราบของการจมน้ำนั้น อยุธยาแน่นอน -
เลือกอีก 5 หมายเลขนะครับ...ถ้าเลือกซ้ำท่านอื่นขออภัยด้วย..ไม่สะดวกเปิด
เลือก 50 52 41 23 16 -
สมเด็จวัดละครทำ สมเด็จในตำนาน มีจริงหรือไม่ ???
พี่ๆช่วยผมวิเคราะห์หน่อย -
ลองตอบวิเคราะห์ดูสัก 2 คนแล้วจะเล่าต่อครับ
ที่จะเล่ามาทั้งหมด จะเชื่อมกับวิธีการอธิษฐานพระที่จะเล่าในตอนวันท้ายๆ ครับ -
มาเร็วไปเร็วจริงๆไม่ทันเลย 5555
-
โดย อาจารย์ไพรพนา ศรีเสน
พ.ศ. ๒๕๕๐
วัดลครทำ เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ใน ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดกรุงเทพฯ (ธนบุรี เดิม) ใกล้กับวัดระฆัง สร้างในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ ในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ร.๒) ผู้สร้างวัดนี้มีอาชีพเป็นนายโรงละครนอกชื่อนายบุญยัง ชาวบ้านเรียกกันว่า นายบุญยัง ละครนอก เหตุที่เรียกกันอย่างนี้ก็เพราะในยุคนั้น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นยุคที่มีการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการและวัฒนธรรมที่เคยมีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งศิลปะแขนงหนึ่งทางด้านการแสดง คือ ละคร ก็ได้มีการแบ่งเป็นละครใน และละครนอก (ละครในฝึกเฉพาะในวังเป็นผู้หญิงล้วน ส่วนละครนอกฝึกภายนอกวังเป็นผู้ชายล้วน และห้ามใช้ผู้หญิง) ในสมัยนั้นมีละครอยู่สองคณะคือละครในของเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี และละครนอกของนายบุญยัง นายบุญยังมีฐานะดีมากอันเนื่องมาจากเป็นนายละคร และเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้ ชาวบ้านได้ช่วยกันตั้งชื่อว่า “วัดละครทำ” ตั้งแต่นั้นมา
เรื่องราวของวัดละครทำนั้นมีเรื่องเกี่ยวข้องกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี คือท่านได้สร้างพระเจดีย์นอนสององค์ไว้ที่วัดนี้ โดยหลักฐานจากเรื่องเล่าในหนังสือประวัติเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ของพระมหาเฮง อิฏฐาจาโร ฉบับ พ.ศ. ๒๔๙๙ และอีกหลายๆท่าน ดังความว่า
“ ในการก่อสร้างนั้นปรากฎว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างถาวรวัตถุหลายอย่าง และท่านมักสร้างของแปลกๆ ของโตๆ ท่านได้สร้างพระเจดีย์นอนที่หลังโบสถ์วัดละครทำไว้สององค์หันหน้าเข้าหากัน (ปัจจุบันรื้อทิ้งแล้ว) มูลเหตุที่ท่านได้สร้างพระเจดีย์นอนนั้นเล่ากันว่าเกิดจากท่านได้ปรารภว่า แต่เดิมพระเจดีย์ที่สร้างกันนั้นสำหรับบรรจุ พระธรรม เรียกกันว่า “ พระธรรมเจดีย์ “ แต่ในกาลปัจจุบันความประสงค์แปรเปลี่ยนไปเป็นเพื่อบรรจุอัฐิธาตุของสกุลวงศ์ หรืออุทิศให้ผู้ตาย จัดเป็นอนุสาวรีย์เฉพาะบุคคล ดังนั้นท่านจึงได้สร้างพระเจดีย์นอนไว้เป็นปริศนาธรรม ซึ่งมีความหมายว่า ต่อไปเบื้องหน้าจะไม่มีผู้ใดสร้างพระธรรมเจดีย์อีกแล้ว “
พระอาจารย์จิ้ม กันภัย (พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม) ปัจจุบันมรณภาพเมื่อ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒ สิริอายุ ๘๕ ปี (๕๐ พรรษา ) จำพรรษาอยู่ที่วัดดงมูลเหล็ก บางกอกน้อย เป็นผู้ที่ได้ครอบคลองพระสกุลสมเด็จไว้มากมาย
ได้เล่าถึงมูลเหตุในการสร้าง พระเจดีย์นอน ความว่า
คราวหนึ่ง ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๑๔ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้มาเป็นพระอุปัชฌาย์ที่วัดละครทำและได้ปรารภกับสานุศิษย์ถึงการสร้างพระเจดีย์นอนและการบรรจุพระสมเด็จเพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่ประชาชนในกาลข้างหน้าจึงได้สร้างพระสมเด็จตะกั่วห่อใบชาขึ้น (เรียกว่าพระสมเด็จตะกั่วห่อชา) โดยการทำพิมพ์ของช่างจากทีมบ้านช่างหล่อใช้แบบของพระสมเด็จในสกุลวัดระฆัง และจัดทำขึ้นมาใหม่ในบางส่วนเป็นพิมพ์สองชิ้นประกบกันแบบกดปั๊ม และตัดขอบในภายหลัง (ซึ่งน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าพิมพ์ของพระสมเด็จตะกั่วห่อชาชุดนี้มีพิมพ์ของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมปะปนมาหลายพิมพ์ และน่าเชื่อได้ว่าน่าจะจัดสร้างในเวลาใกล้เคียงกับพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมด้วย) ทำพิธีลงพระสูตรคาถาร่วมกับพระสมเด็จวัดระฆังชุดปิดทองทึบ (ชุดปิดทองทึบ เป็นชุดที่เก็บไว้บนเพดานวิหารวัดระฆัง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกรุสุดท้าย)
พระสมเด็จตะกั่วห่อชา พระอาจารย์จิ้ม กันภัย ( พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม) ได้เล่าให้ฟังว่าในสมัยนั้นมีชาวจีนที่มีความเคารพนับถือเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้นำชาชั้นดีมาถวายมากมาย (การรักษาคุณภาพของชาในสมัยโบราณในประเทศจีนนั้น หนึ่งในหลายๆวิธีที่คือการห่อด้วยแผ่นตะกั่วบางๆ ) และตะกั่วห่อใบชาเหล่านี้เองที่เป็นที่มาของการสร้างพระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ พิมพ์แม่แบบทำด้วยหินลับมีด และโลหะลักษณะกดปั๊มแล้วตัดขอบเป็นพิมพ์นิยมซึ่งเป็นพระสมเด็จเนื้อโลหะหลังแบบทุกองค์ มีความหนาประมาณ ๐.๖ มิลลิเมตร โลหะตะกั่วบางอ่อนนิ่ม ผิวพระแห้ง ปรากฏสนิมแดง สนิมตะกั่ว คราบไขขาว คราบปูน และคราบฝุ่นบางๆ เกาะติด ที่สำคัญมีลักษณะสึกกร่อนไปตามกาลที่ถือเป็นหลักการตามแห่งธรรมชาติ บางองค์ด้านหลังมีจารพระคาถาไว้ด้วย (แต่พบเป็นส่วนน้อยมาก) มีด้วยกันหลายพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ฐานเส้นด้าย พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ฐานแซม พิมพ์ทรงประมูล พิมพ์สามเหลี่ยม (หน้าหมอน) ฯ ล ฯ หรืออาจกล่าวได้ว่าพระสมเด็จเนื้อผงของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี มีพิมพ์อย่างไร พระสมเด็จตะกั่วห่อชาก็จะเป็นพิมพ์อย่างนั้น
การค้นพบ ในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๓–๒๕๐๔ ทางวัดละครทำได้รื้อพระอุโบสถหลังเดิมเพื่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ โดยได้พบพระชุดนี้ในพระอุโบสถ และในวิหาร ส่วนในพระเจดีย์นอนทั้งสององค์ที่นักสะสมพระในสมัยนั้นเข้าใจว่าจะมีพระสมเด็จกลับไม่มี (ในเรื่องนี้ คุณธงชัย พลอยช่าง สกุลเดิม อิศรางกูร ณ อยุธยา ในปัจจุบันมีอายุ ๖๘ ปี เป็นผู้ชำนาญการทางด้านช่างปั้นพระปฏิมากร เล่าว่า ขณะนั้นมีอายุได้ ๑๙ ปี ได้มีโอกาสเข้าไปดูพระชุดนี้ในพระอุโบสถ และในวิหาร เห็นว่ามีจำนวนมาก ประมาณพันเศษเห็นจะได้ ตอนแรกยังไม่มีใครรู้มากนักแต่ต่อมาสักสองสามวันเห็นจะได้นักสะสมพระก็แห่กันมาเต็มวัด แต่พระส่วนใหญ่จะตกอยู่กับหลวงตาจิ้ม ส่วนท่านเองได้มาสี่องค์ ซึ่งได้ใส่ตลับขึ้นคอบูชามาจนถึงปัจจุบัน) ซึ่งพระสมเด็จส่วนใหญ่หรือแทบจะทั้งหมดตกอยู่กับ พระอาจารย์จิ้ม (พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม) เนื่องด้วยได้ทราบข่าวจากช่างที่ทำการรื้อบูรณะ ซึ่งเป็นสานุศิษย์ ท่านจึงได้ขอบูชาไว้เป็นส่วนใหญ่ นักสะสมพระรุ่นเก่าๆพอจะทราบอยู่บ้างแต่เนื่องจากพระส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้จึงไม่แพร่หลาย คงแจกให้เฉพาะผู้ที่มีความศรัทธา และสานุศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นซึ่งในปัจจุบันถือเป็นวัตถุโบราณ และเป็นมงคลวัตถุที่หายากมาก และไม่นิยมทำการตลาดในแง่พุทธพาณิชย์ แต่ในแง่ “พุทธคุณ และอิทธิคุณ” ในคราวที่ไปกราบนมัสการ หลวงพ่อวงศ์ หรือพระครูบาชัยยะวงศ์สา แห่งวัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน ได้นำ พระสมเด็จวัดพระแก้ว พระสมเด็จปิดทองทึบ และพระสมเด็จตะกั่วห่อใบชาวัดละครทำ ไปให้ท่านตรวจสอบด้วยฌานสมาบัตร ท่านได้กล่าวว่ามีมงคลพระคาถาพุทธคุณและอิทธิคุณแห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สูงมาก ในคราวนั้นมี พระอาจารย์จิ้ม กันภัย ( พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม ) นายแพทย์วัฒนะ ฐิตะดิลก นายแพทย์สำเริง รัตนระพี ดร.ชัยพร พิบูลศิริ นายสุคนธ์ เพียรพัฒน์ นายเถกิงเดช คล่องบัญชี ร่วมอยู่ในพิธีดังกล่าว
ทรงพุทธคุณ และอิทธิคุณ “อิทธิคุณ” คือ พระคาถาในทางไสยศาสตร์ หรือไสยเวททั้งสองด้านคือขาวและดำ “พุทธคุณ” คือ คำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า หรือการกล่าวถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า เพราะการเริ่มบทสวดที่จะเจริญพระคาถาใดๆจะต้องเริ่มจากบทสวดในการคำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ แต่ส่วนใหญ่พุทธศาสนิกชนจะนิยมเรียกว่า “พุทธคุณ” ซึ่งก็น่าจะมีส่วนถูกต้อง
อ้างอิง
๑. ประวัติวัดทั่วราชอณาจักร เล่ม ๒ กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๒.
๒. จากเรื่องเล่าในหนังสือประวัติเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ของพระมหาเฮง อิฏฐาจาโร ฉบับ พ.ศ. ๒๔๙๙
๓. จากหนังสือ สี่สมเด็จ เรียบเรียงโดย นายสุคนธ์ เพียรพัฒน์ สำนักพิมพ์ แออล ซี เพรส ๒๕๒๗
๔. ประวัติเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต ) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม เรียบเรียงโดย พระมหาสมคิด ปิยวัณโณ ป.ธ.๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐
๕. ประสบการณ์ตรง พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม (พระอาจารย์จิ้ม กันภัย) วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ
๖. ประสบการณ์ตรง คุณธงชัย พลอยช่าง ช่างปั้นพระปฏิมากร บ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย กรุงเทพฯไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สมเด็จเนื้อตะกั่วเก่าๆนี้ ผมเคยไปเดินสนามพระได้มาองค์หนึ่ง ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร เช่ามา 900 คนขายก็ไม่รู้เหมือนกัน สืบข้อมูลไปปรากฏว่า เป็นสมเด็จวัดละครทำ ฉะนั้นของแบบนี้ถ้ามันจะมามันก็มาเองครับ
ไม่แนะนำให้ไปแสวงหา เพราะผมหารูปในเน็ต ไม่ว่าจะขาย 2500 หรือ 25000 ก็เป็นพระไม่แท้ทั้งสิ้น
องค์ที่แท้เป็นรูปของ พลเอกจงศักดิ์ พานิชกุล อดีตเจ้ากรมเสมียนตรา ที่แนบมาด้วย ไม่ใช่จะไปหาได้ง่ายๆ
หน้า 446 ของ 451