1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]

    ภาพนี้ถ่ายที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา 25 พฤศจิกายน 2005
     
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ตัวอย่างของภาพที่ถ่ายเครื่องบินแล้วเข้าใจผิดว่าเป็น UFO

    [​IMG]
    ถ่ายได้เมื่อ 22 กันยายน 2004 ที่รัฐวินคอสซิน

    [​IMG]
     
  3. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ตัวอย่างภาพ ที่ปลอมโดยใช้โมเดล

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
     
  4. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพถ่ายของ เอ็ดเวิร์ด วอลเตอร์ ผู้ซึ่งอ้างว่าถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป 14 ครั้ง ที่รัฐฟลอริด้า ทางสมาคม MUFON ของสหรัฐฯได้เข้าไปสอบสวน
    ผลปรากฏว่า พบโมเดลจําลองที่เขาทําขึ้นมาซ่อนอยู่ใต้หลังคาบ้าน
     
  5. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]
    ภาพถ่ายของนายจอร์จ อดัมสกี้ ผู้ซึ่งอ้างว่าติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้
    จากการตรวจสอบภาพโดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า มันคือกระดาษสีดําที่แปะ
    ฟลิม์ภาพถ่ายไว้เท่านั้นเอง (ภาพบน) ส่วนอีกภาพหนึ่งถูกพิสูจน์ว่า เป็นการใช้เครื่องทําครัวและหลอดไฟมาประกอบกัน (ภาพล่าง)

    [​IMG]

    [​IMG]
    นาย จอร์จ อดัมสกี้ผู้อ้างว่าติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักเขียนนิยาย และบาเทนเดอร์ เขาอ้างว่า มนุษย์ต่างดาวได้พาตนไปดวงจันทร์ ที่นั่นมีทะเลสาปและสัตว์ป่ามากมาย (ขณะนั้นเป็นเวลาก่อนที่อพอลโลจะลงดวงจันทร์หลายปี)ภายหลังที่เขาเสียชีวิต คนสนิทจึงออกมาเปิดเผยว่า เรื่องการติดต่อมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดนั้น คือนิยายที่เขาเขียนขึ้นมาแล้วเอามากุเรื่องหลอกลวงคนอเมริกันทั้งประเทศ
     
  6. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    คำว่า"ยูเอฟโอ"นี้มันมาจาก UFO=Unidentified flying Objectหรือถอดพอได้ใจความตามภาษาไทยว่า"วัตถุบินที่ไม่สามารถจำแนกได้"หรือรวบรัดเอาง่ายๆว่า จานผี ซึ่งมันก็เป็นอะไรสักอย่างที่สับสนอยู่เหมือนกัน ถ้าท่านพูดกับบุคคลที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้มา แล้วพวกเขาก็จะคิดขึ้นมาทันทีว่า-มันเป็นจานบินที่ขับขี่โดยมนุษย์ตัวเล็กๆสีเขียว-ซึ่งไม่ถูกต้องเลย

    ยูเอฟโอนี้มันหมายถึง"วัตถุหรือปรากฏการณ์ใดๆในอากาศซึ่งผู้พบเห็นไม่สามารถที่จะอธิบายได้" ซึ่งมันอาจจะเป็นลูกไฟประหลาดหรือประเภทของดาวตก,เมฆที่ก่อตัวเป็นรูปร่างแปลกประหลาด
    กลุ่มหมู่บินหรือการบุกของกองเรือรบ

    ยูเอฟโอส่วนมากที่สุดคือเหตุการณ์โดยธรรมชาติที่ห่างไกลจากคำอธิบายของนวนิยายในทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ถ้าท่านเกิดความรู้สึกที่อยากจะหาเรื่องหาราวขึ้นมาในวันนี้แล้วละก็คำว่า"บิน"นี้มันก็อาจจะรวมได้ทั้ง บางสิ่งบางอย่างที่มันตกลงมา จากฟากฟ้าหรือแม้แต่กลไกอะไรสักอย่างที่มันลงมาสู่พื้นดิน

    เฝ้าดูท้องฟ้า

    ถ้าหากท่านมีความอดทนเฝ้าได้นานพอ ก็อาจจะพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดบนท้องฟ้า แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เราจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะได้เจอ บางทีมันอาจไม่เหมาะกับท่าน เพราะต้องใช้ความอดทนอย่างมาก และก็ต้องชอบเรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์ด้วย และนี่คือสิ่งที่ท่านจะต้องรู้ไว้ถ้าสนใจจะศึกษาเรืองนี้อย่างจริงจัง..

    เมื่อเราเห็นอะไรที่แปลกประหลาดแล้วส่วนใหญ่เรามักจะเข้าข้างตัวเองว่ามันเป็นUFO แต่เมื่อความจริง ปรากฏออกมา 95%มันเป็นสิ่งที่สามารถอธิบายได้ แต่มีเพียง5% เท่านั้นที่ยังไม่สามารถรู้แน่ว่ามันเป็นอะไร แต่สิ่งที่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นอะไรนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นUFOเสมอไป..

    ถ้าเราไม่สังเกตให้ดีแล้วเหตุการณ์นี้ก็เป็นที่น่าขบขันอย่างยิ่ง เช่นเรื่องของ นักเฝ้าดูท้องฟ้า 2 คนที่เมืองนอร์ทแฮมตันไซร์หลงผิดคิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นUFO


    แต่เมื่อมีการสำรวจแล้วพบว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นนกเค้าแมวที่กินเห็ดเรืองแสงชนิดหนึ่ง เข้าไปจึงทำให้มันปล่อยแสงเรืองๆ ออกมาในที่มืด

    เมื่อมนุษย์อวกาศขึ้นไปกับยานอพอลโล2 ได้รายงานว่าพวกเขาได้เห็นวัตถุเรืองแสงที่ไม่อาจ อธิบายได้ และก็ได้ถ่ายรูปเห็นเพียงรางๆเท่านั้น
    ต่อมาวัตถุนั้นกลับปรากฏออกมาว่าเป็นกลุ่มน้ำที่ถูกฉีดออกมาจากยานของพวกเขา ในระหว่างการโคจรรอบก่อนหน้านี้และภาพถ่ายนั้นก็เป็นภาพของดาวเทียมรัสเซียที่ ยิงขึ้นไปเมื่อ2-3ปีก่อน


    เราสามารถที่จะแบ่งประเภทสิ่งที่มนุษย์เข้าใจผิดว่าเป็นUFOออกได้เป็น2 ชนิด คือ สิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น ทั้งขับเองและไม่ได้ขับ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติจากดาวตกจนถึงรูปแบบของบรรยากาศ

    สิ่งที่ทำให้เราเข้าใจผิดว่าเป็นUFO บางครั้งก็เป็นเพียงแค่ เครื่องบินธรรมดา เช่นเครื่องบินทิ้งระเบิดของ U.S.A. ที่มีลักษณะแบนราบจึงดูคล้ายกับUFOรูปไข่ถ้าเรามองจากด้านข้างของมัน

    และยานอวกาศสเตลย์ซึ่งมีปีกสีดำและไม่สามารถเห็นได้ในจอเรดาร์ จึงทำให้ผู้คนคิดว่าเป็นUFOชนิดแบนราบ ซึ่งตอนนี้ก็มีการเปิดเผยตัวต่อสาธารณชนแล้ว

    แต่ก็ยังมีข่าวเกี่ยวกับยานออโรรา ซึ่งยืนยันกันว่ามีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมสีดำ ขนาดใหญ่จึงเป็นสาเหตุให้ผู้คนคิดว่าเป็นจานบินกันมากขึ้น และภาพเหล่านี้เองทำให้เราคิดไปเอง ว่าได้มองเห็น UFO..

    เพราะว่านาซา(NASA)หรือองค์การอวกาศอื่นๆส่งดาวเทียมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่ตกกลับลงมาบนพื้นโลกและเศษวัตถุที่ตกลงมาก็มีการเผาไหม้เป็นปกติธรรมดา และมันก็ทำให้บางคน เข้าใจผิด คิดว่าเป็นวัตถุแปลกประหลาด??

    ลักษณะของสภาพอากาศที่แปลกประหลาดก็สามารถทำให้เราคิดว่าเป็นUFOได้และภาพที่มีชื่อเสียง มากที่สุดคือ "กลุ่มเมฆที่มีลักษณะเป็นเลนส์"ซึ่งมักจะรวมตัวกันแน่นหนามีขอบกลมและมักจะถูกทำขึ้น เป็นชั้นจากการกระทบกันของอากาศที่ร้อนและเย็นจึงเห็นว่าเหมือนกับจานบินไม่มีผิด


    กลุ่มเมฆน็อคติลูเซนท์(NoctilucentClouds)คือกลุ่มไอน้ำที่เบาบางมารวมตัวกันอยู่รอบๆฝุ่นและลอยตัวอยู่ ในบรรยากาศที่สูงขึ้นไปเมื่อมันต้องแสงดวงอาทิตย์ที่กำลังอัสดง มันก็จะส่องแสงเรืองรองออกมาซึ่งเมฆที่ว่านี้ก็ เกิดขึ้นได้ยาก
    ก็อย่าคิดว่ามันเป็นยานอวกาศแล้วกัน..


    ถ้าหากว่าท่านเห็นอะไรสักอย่างที่ท่านไม่สามารถอธิบายได้อย่างแท้จริงแล้วละก็ ต่อไปนี้คือสิ่งที่ท่านจะต้องปฏิบัติ
    ทำการบันทึก :
    ก่อนอื่นให้พยายามถ่ายภาพเอาไว้หลาย ๆ ภาพเท่าที่จะทำได้ ท่ามกลางความตื่นตระหนก ก็ให้พยายามอยู่ในความสงบแล้วถ่ายภาพให้ชัด ถ้าท่านสามารถทำได้ก็ให้ถ่ายภาพวัตถุนั้นเข้ากับเครื่องหมายอะไรสักอย่างที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น ต้นไม้ หรือผู้คน
    และมุมของวัตถุรายละเอียดทุกอย่าง
    พยานคนอื่น :
    ยิ่งมีผู้เห็นวัตถุสิ่งใดมากเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งจะมีโอกาสเอาจริงเอาจังมากขึ้นเท่านั้น ก็บอกให้เขาถ่ายภาพ เขียนภาพ และเขียนการพิจารณา ของพวกเขาลงด้วย รวมทั้งชื่อและที่อยู่ของพวกเขาเอาไว้ด้วยก็จะช่วยได้
    นี้คือสิ่งที่สำคัญ :
    มันไม่ยากเลยที่ใครสักคนจะพูดออกมา เช่น "ไม่ใช่ มันสูงกว่านั้น และมันก็เป็นสีเทามากกว่าที่เป็นสีดำนะคุณ" ก่อนที่ท่านจะรู้
    เขาก็จะเปลี่ยนเรื่องของท่าน เพราะว่าท่านเริ่มที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมา และแล้วความจริงก็จะสูญหายไป
    บอกผู้คน :
    ในส่วนนี้อาจจะเป็นการพิสูจน์เล่ห์เหลี่ยมได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เกิดความอึดอัดขัดขวาง ถ้าท่านมั่นใจอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ท่านเห็นนั้น มันไม่ใช่ไอเอฟโอ (IFO) และท่านก็เตรียมที่จะคอยช่วยเหลือเรื่องของท่าน ด้วยการติดต่อกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ ส่วนมากที่สุดเหตุการณ์นี้ ก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่
    IFO=วัตถุบินที่จำแนกได้

    ความจริงอยู่ที่นั่น

    อาจจะไม่มีความสงสัยว่าส่วนมากของสิ่งแปลกประหลาดที่ผู้คนเห็นกันอยู่บนท้องฟ้านั้น สามารถที่จะอธิบายได้ไม่ยาก ทฤษฎีใหม่ ๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาตลอดเวลาเพื่อครอบคลุมสิ่งที่แปลกประหลาด (น้อยมาก) เหล่านั้นให้มากที่สุด ซึ่งปรากฏว่ามันเลื่อนไหลไปสู่ประเภทที่ "ไม่มีคำอธิบาย" ซะอีก ส่วนมากที่เกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้าและการลักพาตัวไปในไม่ช้าก็ปรากฏว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง หรือความคิดที่ปรารถนาจะพัฒนาจนเกินไป การร่วมกันกระทำอย่างลับ ๆ ในระหว่างรัฐบาลและมนุษย์ต่างดาว ก็ปรากฏว่ามีการผสมการหลอกลวงกันมากขึ้น และลักษณะที่ไม่ไว้วางใจของนักยูเอฟโอวิทยา ซึ่งถูกผู้มีอำนาจโกหกมาแล้วในอดีต

    สำหรับในขณะนี้ ความจริงนั้นก็คือ มันจะต้องยังคงมีเปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ที่ยังไม่มีคำอธิบายอยู่อีก เวลาจะเป็นเครื่องตัดสินเองแหละว่ามันยัง ค้นไม่พบปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือว่าเหตุการณ์อันแท้จริงของความเป็นอยู่นอกเขตดาวนพเคราะห์ของเรา แม้บางสิ่งบางอย่างมันกำลังดำเนิน อยู่และเราก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุ

    สิ่งที่จำเป็นนั้นก็คือการพิสูจน์: การพิสูจน์อย่างเข้มแข็งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และนั่นก็คือทำไมโลกจึงต้องการนักสืบยูเอฟโอ ผู้ที่มีความซื่อสัตย์เหมือนดังที่ ท่านสามารถจะออกไปสู่ที่นั่นแล้วสืบหาความจริงกันโดยไม่โง่ไปกับการเห็นภาพผิด ๆ อย่างเห็นได้ชัด หรือว่าโอนเอนไปกับเสียงพูดคุยว่าจะมีคนมาทำร้าย เกี่ยวกับการรวมหัวกันคิดอุบายลับ ๆ ขึ้นมา อย่าตกลงไปในหลุมพรางในการเห็นภาพยูเอฟโอ เพราะว่าท่านกำลังสืบหามันอยู่ ให้จำเอาไว้ว่าโลกนี้มีมุมที่แปลกประหลาด ที่อยู่ก่อนที่ท่านจะเริ่มต้นพื้นที่ให้กับมนุษย์ต่างดาว

    http://www.student.chula.ac.th/~46455218/index.html
     
  7. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +707
    อ่ะโห ท่านร่ายมาซะยาว

    ขอบคุณมากครับ
     
  8. FenderMan

    FenderMan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +566
  9. FenderMan

    FenderMan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +566


    อันนี้ตัดต่อ100000% ครับ ผมเคยลองทำจานบินภาพตัดต่อแล้วเอามาโพสว่าตัดต่อเป็นแบบไหน ดังภาพนั้นลักษณะเดียวกับที่ตัดต่อกันเลยครับ

    ผมได้ทำตัดต่อภาพขั้นต่ำมาให้ดูครับ ที่เป็นขั้นต่ำ เพราะ หาภาพมาไม่ได้ดีครับ คือว่า พิกเซล ของUfoกั พิกเซลของViweที่หามาได้ต้องตัดกันครับ ไม่ใ่ช่ว่า Ufoมี7แสนพิกเซล ส่วนวิวว์ที่หามาได้มี5ล้านพิกเซล แบบนี้จะดูออกครับ ซึ่งวิธีแก้ก็ต้องปรับภาพให้ดำๆครับ

    ซึ่งรูปที่ผมนำมาเป็นการตัดต่อขั้นต่ำ รูปแรกก็ตามนั้นครับ UFOลำขวาพิกเซลสูงมากๆวิวนั้นก็สูงแต่มืดโดย ภาพแรกมี2ลำ

    ภาพ2 พิกเซล ของUFO นั้นคงไม่มากเท่าไร เพราะเอามาจากรูปของคุณ wellrider ซึ่งภาพที่คุณ wellrider โพสมาไม่ชัด เพราะกล้องละมั้ง แต่ภาพอาคารNasaนั้นชัดมาก จึงอาจจะไม่ตัดกัน แต่ผมมีเวลาจำกัดจึงทำมาให้ดูเล่นๆครับ ว่าภาพหลอกๆเป็นแบบไหน ภาพจริงๆผมเชื่อว่าก็มีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • UFOFAKE.jpg
      UFOFAKE.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      114
    • UFUFUFUFUUF.jpg
      UFUFUFUFUUF.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51 KB
      เปิดดู:
      119
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2007
  10. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ขอบคุณคุณFenderMan<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_674078", true); </SCRIPT>ครับที่มาช่วยวิเคราะห์
    ภาพจานบินหลอกๆน่าจะเยอะมากๆเพราะเทคโนโลยี่ในปัจจุบัน แนบเนียนมาก 555

    เชื่อไหมครับว่ามีนิตยสารดังเล่มนึง ดันให้ผู้อ่านทําภาพจานบินหลอกๆส่งมาประกวดกัน แล้วพอลงในนิตยสารก็ไม่บอกว่าเป็นการส่งประกวดภาพปลอม ทําเนียนเหมือนใครไปถ่ายรูปจานบินมาได้ก็มาลง ว่างั้น ..คนอ่านก็ไม่รู้ก็เชื่อคิดว่าเป็นภาพจริงๆทั้งหมด ต่อมาภาพพวกนี้ ( มีเป็น 100 เลยครับ ) แพร่ออกมาตามอินเทอร์เน็ต ตามหนังสือต่างๆ ก็เลยกลายเป็นว่า ภาพจริงภาพปลอมปนกันมั่วไปหมด

    คุณFenderMan<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_674078", true); </SCRIPT> ลองไปหาหนังสือ "ท้าพิสูจน์ จานบิน" ที่เขียนโดย ดร.วิชัย เชิดชีวศาสตร์มาอ่านดู ภาพจานบินปลอมๆบางภาพ นักวิจัยฝรั่งมะกันยังเผลอเชื่อว่าเป็นภาพจริงเลย ครับ
     
  11. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    เรียบเรียงการพบเห็นจานบินในเมืองไทย

    มีบันทึกไว้ว่า
     
  12. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    เดือนตุลาคม ค.ศ. 2000 ชาวคอร์กิโนหลายคน เห็นดวงแสงลึกลับ ลอยวูบลงสู่พื้นดิน แล้วพุ่งกลับขึ้นไปในอากาศ ทิ้งรอยไหม้จนหินละลาย ซึ่งต่อมาหินละลายดังกล่าว ได้รับการตรวจสอบจากนักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ที่ลงความเห็นว่าหินได้รับความร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

    นอกจากแสงลึกลับแล้ว ที่นี่ยังมีชายผู้หนึ่งซึ่งอ้างว่าเขาสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้มานานแล้ว ล่าสุดเมื่อปี 2002 เขาก็อ้างว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังยางนอกโลกถึง 3 วัน ซึ่งงานนี้เขาไม่ได้อ้างลอยๆ นะ เขามีพยานหลักฐานอันน่าทึ่ง และยังไม่อาจพิสูจน์ค้านได้ว่าเป็นการทำปลอม หรือกุเรื่องขึ้นเสียด้วย

    ชายผู้มีประสบการณ์พิเศษคนนี้ ชื่อ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า เขาอ้างว่าเขาเคยติดต่อ กับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้ง มนุษย์ต่างดาวของ โอลิเวียร่า ไม่ใช่ทอล ดาร์ค แอนด์ แฮนซัม แต่เป็นทอล บลอนด์ ผิวขาวร่างสูง ผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าจาง โดยมีแก้วตาสีเหลืองอ่อนวางตามตัวตามแนวตั้งเหมือนตาแมว ฟังดูไม่น่าเกลียดเหมือนตัวอีทีโอลิเวียล่า บอกเราว่ามนุษย์ต่างดาวใช้สิ่งที่เรียกว่าแสงพลาสม่า เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับเขาทางโทรจิต

    เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2002 คืนนั้น

    โอลิเวียร่า หายตัวไปจากห้องนอน ทิ้งไว้แต่รอยไหม้รูปร่างคนนอนบนผู้ปูเตียงและบนฝ้าเพดาน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน อีก 3 วันต่อมมจู่ๆ เขาก็กลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น และเขาอ้างตลอดว่า เวลาที่เขาหายไปนั้นเขาถูกนำตัวไปยังยานต่างดาว

    โอลิเวียร่า บอกว่าเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเขาได้รับการติดต่อ ทางโทรจิตผ่านแสงพลาสม่า ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมานำตัวเขาไปในคืนดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุการณ์จะมีสัญญาณนำมาให้รู้ โดยจะเกิดฝนก้อนหินตกลงมา

    ค่ำวันที่ 15 กันยายน 2002 เวลาประมาณ 19.13 น. เพื่อนบ้านใกล้เคียงของ โอลิเวียร่า ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียงอะไร ร่วงกรูกราวอยู่บนหลังคา เมื่อออกมาดูพบว่าเป็นก้อนหินกลมๆ ก้อนเล็ก ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า หลายคนช่วยเก็บก้อนหิน บางคนก็ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย

    เขาเล่าว่า ในขณะที่เขานอนอ่านหนังสืออยู่ยนเตียงสักครู่ก็มีแสงสีม่วงสว่างไปทั้งห้อง แสงนั้นรวมตัวเข้าเหมือนฟองสบู่ ร่างของเขาลอยทะลุเพดาน รู้สึกเหมือนกระดูถูกยืดออก แต่ไม่มีความเจ็บปวด ครั้งลอยพ้นผ่านหลังคาบ้านไป ลำแสงสีม่วงก็พลิกร่างเขาให้ยืนขึ้น เมื่อไปถึงยานต่างดาว ( ซึ่งเขาไมได้บอกว่ามันเป็นอย่างไร ) เขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในฟองอากาศ ใบใหญ่ ซึ่งมีผิวบางใส คล้ายๆ ว่าข้างในคงจะคล้ายๆ ห้องฆ่าเชื้อ ปรับพลังงานให้สมดุลย์อะไรทำนองนั้น จากนั้นมนุษย์ต่างดาวผมบลอนด์ร่างสูง ก็พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของยาน ซึ่งเป็นห้องกว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมนุษย์ต่างดาวให้เขาดูจอภาพ อันเป็นภาพเกี่ยวกับโลก ระบบสุริยะ และกาแล็คซี่ของเรา มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ( พ.ศ. 2555 ) จะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแล็คซี่จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมาก ดวงอาทิตย์ทุกดวงในแกแล็คซี่ จะสะท้องแสงนั้นไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วหน้ากัน โลกของเราจะปั่นป่วน ด้วยพายุสุริยะทั้งแสงอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น

    คำทำนายของมนุษย์ต่างดาว ที่ว่าจะเกิดอาเพศขึ้นทั่วทั้งจักรวาลในวันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ น่าแปลกที่ว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2012 นั้นเป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายาอีกด้วย
     
  13. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากครับ
     
  14. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    **บทสัมภาษณ์ระหว่างนายแพทย์ไทยกับมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ชื่อ พาราซิทัลและดาวศุกร์ ชื่อ เอ็ดดี้**

    1.ถาม-(หมอเทพนมฯ) ทำไมท่านจึงมาติดต่อกับผม เพราะบังเอิญหรือเพราะอะไร?

    ตอบ-การมาติดต่อกับท่าน ไม่ใช่เพราะเหตุบังเอิญ พวกเราติดต่อกับสายพันธุ์เดียวกันเท่านั้นหรือจะเรียกตามภาษามนุษย์ว่า มีกรรมพัวพันกันก็ได้ มนุษย์ต่างดาวจะมาที่โลกนี้ใน 3 รูปแบบ คือ

    1)มาในรูปมนุษย์ต่างดาว อย่างพวกเราขณะนี้

    2)มาในแบบถูกส่งมาจุติให้เป็นมนุษย์ ท่านได้ถูกส่งลงมายังโลกนี้ห้าพันกว่าปีแล้ว มีหน้าที่ประสานงานระหว่างมนุษย์กับต่างดาว

    3)วิญญาณของมนุษย์ต่างดาวเข้าสิงอยู่ในตัวมนุษย์

    2.ถาม-วิญญาณหรือจิต มีจริงหรือไม่?

    ตอบ- วิญญาณ หรือจิต หรือพลังงานชีวิต มีจริง ในสิ่งที่มีชีวิตทั่วจักรวาล พลังชีวิตนี้ ไม่มีใครทำลายได้ เมื่อมนุษย์ตาย ร่ายกายเน่าเปื่อยไป แต่วิญญาณยังคงอยู่ และจะต้องไปจุติตามการกระทำ หรือกรรมที่ตนทำไว้ อาจไปเกิดเป็นสัตว์ก็ได้ พวกที่เกิดเป็นมนุษย์อีก มักเกิดใกล้สถานที่ที่กำเนิดในชาติก่อน มีจำนวนน้อยที่ไปเกิดข้ามทวีป และมีจำนวนน้อยมากอย่างยิ่ง ที่ไปเกิดในอีกดาวหนึ่ง......


    [​IMG]

    3.ถาม-ท่านนับถือศาสนาอะไร? มีศาสนาแบบมนุษย์ไหม?

    ตอบ-พวกเรานับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหมือนกัน มีองค์เดียวที่สูงสุด และทุกชีวิตมาจากหนึ่งเดียวนี้ ตามความจริงซึ่งท่านจะได้เรียนรู้และทราบในศตวรรษใหม่ที่จะมาถึง ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ มีพระผู้สร้าง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอยู่ 1 องค์ ที่สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมาแต่เริ่มแรก แต่การบริหารจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างๆนั้น มีคณะกรรมการจัดการระหว่างดวงดาว ซึ่งบรรดาศาสดาต่างๆของโลกมนุษย์ก็เป็นกรรมการอยู่ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ไม่ควรมาเปรียบเทียบกันว่าศาสนาของฉันดีกว่าศาสนาของเธอ เพราะศาสดาทุกท่าน ก็มาจากที่เดียวกันหมด และถูกส่งลงมาช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์เป็นระยะๆไป.....
    4.ถาม-ท่านอายุเท่าใด? และพวกท่านมีตายบ้างไหม?

    ตอบ(ท่านพาราซิทัล)-เราอายุหลายพันปี ตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงปัจจุบัน เคยเห็นพวกเราตายแค่ 3 คน ตายจากอุบัติเหตุยานอวกาศตก ทางด้านโรคต่างๆ เราสามารถพิชิตได้หมดแล้ว ขอให้ถามท่านเอ็ดดี้ ผู้ตรวจจักรวาลบ้าง

    ท่านเอ็ดดี้- ท่านพาราซิทัลพูดถูกต้องแล้ว พวกเราอายุยืนมาก......

    5.ถาม-ขอให้ท่านให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับมนุษย์คู่แรกบนโลกนี้ว่า มาจากไหนกันแน่? มาจากลิงใช่หรือไม่?

    ตอบ-มนุษย์ไม่ได้พัฒนามาจากลิงอย่างที่เข้าใจกัน ตามความเป็นจริง มนุษย์เพศชายคนแรกที่พวกท่านเรียกว่า"อาดัม"นั้น ถูกสร้างขึ้นมาที่ดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งนอกระบบสุริยะของท่าน พระผู้สร้างได้ให้พวกเรา นำมนุษย์ผู้นั้นมาไว้ยังโลกนี้ และต่อมาได้สร้างมนุษย์เพศหญิง ที่พวกท่านเรียกว่า "อีฟ" ขึ้นมาอีกคนหนึ่ง และให้นำมาอยู่ด้วยกัน จนสืบเชื้อสายมีลูกหลานกันมากมายไปทั่วโลก พวกเราเปรียบเสมือนบรรพบุรุษของพวกท่านเหมือนกัน มีหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือพวกท่านอยู่เสมอมา ในระยะ 200 กว่าปีที่ผ่านมา มนุษย์เจริญทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมามาก แต่ทางด้านศีลธรรม และจริยธรรม กลับพัฒนาได้น้อยมาก เมื่อมนุษย์ค้นพบพลังงานใหม่ เช่นพลังปรมาณู ก็นำไปใช้สร้างอาวุธทำลายล้างกัน แทนที่จะนำไปใช้ในด้านพัฒนาสุขภาพและสันติภาพ......


    6.ถาม-ถ้าพระผู้สร้างมีจริง และเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตขึ้นมาจริงอย่างที่ท่านบอก สิ่งนี้ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาหรือไม่?

    ตอบ- พระผู้สร้าง ได้สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมา แต่ท่านได้ให้อิสระเสรีภาพกับมนุษย์ทุกคน ที่จะทำดี หรือทำชั่วก็ได้ หากทำดี ก็ได้รับผบตอบแทนที่ดี ทำชั่ว ก็ได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี นับว่ายุติธรรมที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? ฉะนั้น ไม่ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาเลย และนี่คือ ความจริงของกฎจักรวาล........


    7.ถาม-สิ่งมีชีวิตในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ แบ่งเป็นระดับอย่างไรบ้าง? และพวกท่าน(มนุษย์ต่างดาว)เป็นผี หรือเทวดา หรืออะไรกันแน่?

    ตอบ-พลังงานชีวิต หรือจิตวิญญาณในจักรวาลนี้ แบ่งเป็นระดับต่างๆมากมาย จะเรียกว่า "ภพภูมิ" หรือ"มิติ"ก็ได้ มนุษย์อยู่ในมิติที่ 3 มีความกว้าง ยาว ลึก แต่ไม่สามารถควบคุม"เวลา"ได้ พวกเราอยู่ในมิติสูงกว่าพวกท่านหลายมิติ เราอยู่สูงกว่ามิติ"ผี" แต่เราก็ยังไม่ใช่พวกเทพ หรือพรหม อย่างที่พวกท่านเชื่อว่ามี เราเป็น"มนุษย์"อีกชนิดหนึ่ง ที่อยู่ยังดาวดวงอื่น มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์ และศีลธรรมสูงกว่าพวกท่านมาก ความโกรธ โลภ หลง ในพวกเรา แทบไม่มีเหลืออยู่เลย เรามีจิตวิญญาณที่เป็นอมตะแบบพวกท่าน แต่เราก็มี"ร่าง" ที่ไม่คล้ายกับพวกท่านนัก และมี"ยานบิน" ที่ทำให้เราเดินทางไปยังดาวต่างๆได้อย่างรวดเร็วกว่าแสง พวกเราเป็นสมาชิกของสมาคมระหว่างดวงดาว ซึ่งมนุษย์ยังไม่ได้เป็น แต่คาดว่า มนุษย์คงสามารถพัฒนาตัวเองให้เข้าเป็นสมาชิกได้ในศตวรรษที่ 21 นี้ หากมนุษย์สามารถลดกิเลส โกรธ โลภ หลง ลงได้ เทวดาและพรหมนั้นมีจริง เราสามารถติดต่อได้ทางจิต แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พวกเขามักเรียกพวกเราว่า"มนุษย์พิเศษ" ส่วนผีนั้น ไม่มีร่างถาวร มีแต่จิต และส่วนมาก ไม่สามารถออกไปจากโลกนี้ได้เกิน 50 กม. เพราะมีสิ่งที่บังคับควบคุมไว้ แต่"มนุษย์ต่างดาว"ไม่มีข้อจำกัดนี้......


    8.ถาม-มนุษย์ต่างดาว จะมายังโลกนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากใครก่อนหรือเปล่า?

    ตอบ- มนุษย์พิเศษจากดาวอื่นๆ จะมายังโลกนี้ ต้องขออนุญาตจากสมาคมระหว่างดวงดาวก่อนเสมอ หรือถูกส่งให้มาช่วยเหลือในบางเรื่อง แต่เมื่อมาถึงโลกนี้ ก็ยังต้องรายงานกับ"ผู้ตรวจโลก" ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ มนุษย์ต่างดาวที่แอบมาก็มีเหมือนกัน คือ มาโดยไม่ขออนุญาตก่อน ส่วนมากพวกนี้เป็นพวก"ไม่ดี" ซึ่งมีอยู่เหมือนกัน แต่เป็นจำนวนน้อย ปีที่แล้ว มีพวกกลุ่มไม่ดี ได้แอบเข้ามาในโลกของท่าน ด้วยยานอวกาศลำใหญ่ขณะมิติเปิด ขณะนี้สำหรับประเทศไทย กลุ่มไม่ดีลอยอยู่ในบริเวณเขาผีปันน้ำ ในภาคเหนือของประเทศท่าน หากพบยานบินสีดำ อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อันตรายมาก......




    9.ถาม-มนุษย์ต่างดาวเช่นพวกท่าน หน้าตาคล้ายพวกเราไหม? หายใจด้วยออกซิเจนหรือไม่? กินอาหารและขับถ่ายอย่างไร?

    ตอบ-ผู้ที่มาจากดาวดวงอื่น ที่มีหน้าตาคล้ายมนุษย์มากที่สุด คือ พวกที่มาจากกลุ่มดาวลูกไก่ และดาวพระศุกร์ เราจากดาวอังคาร(ท่านพาราซิทัล) หน้าตาไม่เหมือนพวกท่าน ตาจะใหญ่ดำ คางแหลม แบบในรูปที่ท่านวาดไว้ สูงกว่ามนุษย์ มือมี 3 นิ้ว และไม่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง แต่รู้ว่าใครเป็นเพศชาย เพศหญิง มนุษย์ต่างดาวเพศชาย มักตัวโตกว่าผู้หญิง เราไม่หายใจด้วยออกซิเจน แต่หายใจด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว เรามีปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ ไม่กินอาหารเหมือนพวกท่าน เรากินพลังงานชนิดหนึ่ง กินหนึ่งครั้งอยู่ได้หลายเดือน เราไม่มีกระเพาะอาหาร ลำไส้ ทวารหนัก ฉะนั้นพวกเราไม่ต้องขับถ่ายทั้งหนักและเบาระหว่างเดินทางในอวกาศ ความแตกต่างเหล่านี้ เป็นของธรรมดา "ท่านเอ็ดดี้" ก็หน้าตาเป็นสี่เหลี่ยม ตากลมใหญ่ แปลกไปจากเราอีก แต่เขาใจดีมากนะ หน้าตาแตกต่างกัน ไม่ได้หมายความว่าคุยกันไม่ได้.....




    10.ถาม- ผมอยากถามว่า มาตรฐานของดาวอังคาร ดูเพศชายว่าหล่อ หรือเพศหญิงว่าสวย เหมือนมนุษย์ดูหน้าตาและรูปร่างหรือเปล่า?

    ตอบ- ไม่ใช่เลย ความหล่อและความสวย ไม่มีความสำคัญในโลกของเราเลย เราดูความ"งาม"ของเพศตรงข้าม คือ 1)ดูว่ารัศมีออร่า ที่ออกมารอบตัวและศีรษะของเขา เป็นสีที่บริสุทธิ์ เช่น สีขาวมากน้อยแค่ไหน? 2)ดูที่ความคิดอ่านของเขา เวลาเขาคิด ก็ออกมาเป็นคลื่นไฟฟ้า ให้พิจารณาได้แล้วว่า คิดดี คิดบริสุทธิ์หรือไม่? ถ้าคิดดี คิดถูกต้อง วาจาและการกระทำที่ตามมาก็จะดีตาม พวกเราถือสัจจะสำคัญกว่าชีวิต ไม่มีการพูดปดกันหน้าตาเฉย อย่างในโลกมนุษย์เลย เพราะหากพูดปด อีกฝ่ายก็ทราบทันที และตัวเองก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นเลย.......

    11.ถาม-พวกมนุษย์สงสัยว่า ถ้าท่านไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านมีลูกกันได้อย่างไร? แต่งงานกันหรือไม่?

    ตอบ- พวกเราเคยมีอวัยวะสืบพันธุ์ ตั้งนมนานมาแล้ว แต่หลังจากมีการพัฒนาทางด้านโคลนนิ่งมากเข้า เพศหญิงไม่ต้องอุ้มท้อง 9 เดือน แบบผู้หญิงของท่าน เพราะไม่ยุติธรรมต่อเพศหญิง เมื่อพัฒนาโน่นนี่กันมากขึ้น อวัยวะเพศก็หย่อนความสำคัญลงไป ไม่ค่อยได้ใช้กันบ่อย ขณะนี้ถ้าเราชอบพอกัน อยากไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เราก็มีพิธีแต่งงานง่ายๆ มีคล้ายพระ ทำพิธีให้ และไปอยู่ด้วยกัน มีบ้านที่รัฐบาลสร้างไว้ให้แล้ว เมื่ออยากมีลูกกัน ทั้ง 2 คนก็ยืนจ้องตากัน เอา 2 มือแตะกัน "ปิ๊ง"เดียว ลูกตัวเล็กๆก็ลอยลงมาในแคปซูลน้อยๆ และก็เลี้ยงให้โตขึ้นมา ต้องไปเข้าโรงเรียนด้วย คล้ายของมนุษย์ ทุกครอบครัวถูกกำหนดว่า มีลูกได้ไม่เกิน 2 คน หากมีเกิน 2 คน จะถูกลงโทษ คือ ตายไปแล้ว ไม่ได้เกิดอีกเลย ซึ่งทุกคนกลัวมาก บางดาวแค่จ้องตากัน ก็มีลูกได้แล้ว แปลกไหม? ต่อไปโลกของท่าน อาจเป็นแบบของเราก็ได้........
     
  15. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    12.ถาม-โลกดาวอังคารของท่าน ทำไมสหรัฐอเมริกา ส่งจรวดไปแล้ว ไม่เจอผู้คนเลย และท่านมีระบบการปกครองอย่างไร?

    ตอบ-โลกของเรา เคยมีบรรยากาศ มีน้ำ เช่นโลกของท่าน แต่พวกเรากันเอง ก็ทำลายสิ่งแวดล้อมจนหมดสิ้น และทำสงครามกันด้วย คนต้องหนีลงไปอยู่ใต้ดินสำหรับผู้ที่รอดตาย เราอยู่ลึกลงไปหลายกิโลเมตร เรายังใช้ระบบบการปกครอง ที่มีหัวหน้า คล้ายพระเจ้าแผ่นดิน ทุกคนก่อนเกิด ถูกกำหนดไว้แล้วว่า ต้องเกิดมาเป็นเพศอะไร? และโตขึ้นทำอาชีพอะไร? เช่น เราถูกกำหนดให้เกิดเป็นทหาร จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ โลกของท่านดีกว่า ที่เกิดแล้วเลือกเรียนอะไรก็ได้ตามใจชอบ จะเป็นคนดีหรือคนชั่ว ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง โลกของเราต้องเป็นคนดีเท่านั้น เป็นคนเลวไม่ได้ คนเลวจะถูกกำจัดออกไปทันที และไม่ได้เกิดอีกเลย......

    13.ถาม-โลกของท่านมีนรกและสวรรค์ไหม? และการกลับชาติมาเกิดมีจริงหรือไม่?

    ตอบ-ในระบบสุริยะของพวกเรา ในทางช้างเผือก มนุษย์เป็นดาวนพเคราะห์ดวงเดียว ที่มีทั้งนรกและสวรรค์ ดาวนพเคราะห์อื่นๆไม่มี เพราะเขาทำดีกันหมด ไม่มีคนทำชั่ว ที่ต้องถูกไปลงโทษในนรก แต่โลกของท่าน ก็มีดี ที่ตายไปแล้วได้เกิดอีก ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่าน ถ้าท่านทำดี ชาติต่อไป ก็ดีขึ้นกว่าเดิมม หากทำชั่ว ก็ตกนรก หรือเกิดเป็นสัตว์ หรือมนุษย์ที่แย่กว่าเดิม การกลับชาติมาเกิด มีจริง ส่วนมากจะเวียนว่ายตายเกิดในโลกของตัวเอง บางคนอาจจะเกิดข้ามดาว แต่มีน้อยมาก ที่จะทำได้เช่นนั้น ต้องพิเศษจริงๆ.....




    14.ถาม-ผมมีรูปถ่ายจากแฟ้มลับของเคจีบี ที่เพิ่งเปิดเผย อ้างว่าเป็นภาพจานบินตกในรัสเซีย ราว 40 ปีมาแล้ว และมีมนุษย์ตัวเล็กๆสีเขียวตายอยู่ในนั้น และเขานำมาผ่าศพดู ท่านดูแล้วคิดว่าภาพเหล่านี้เป็นของจริงหรือภาพหลอกลวง?

    ตอบ-จานบินตกทั่วโลกมาแยะแล้ว ในรัสเซีย ในจีนก็ตกหลายครั้ง ในประเทศไทยของท่าน ก็ตกที่ อ.สันกำแพง จ.เชีงใหม่ ในปี ค.ศ.1958 ท่านเอ็ดดี้รู้ดี เพราะรอดมาได้ รูปที่รัสเซียเปิดเผยนั้น เป็นรูปจริง มนุษย์ต่างดาวตัวเล็กๆเขียวๆ มี 4 นิ้ว ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเขามาจากดาวดวงอื่น จะให้รูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ คงเป็นไปไม่ได้ น่าสงสารเขานะ.....

    15.ถาม-เพื่อนของผม ถ่ายภาพมนุษย์มีแสงออกมาจากตัว ที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เมื่อเดือนมีนาคม 2542 เวลากลางคืน ท่านบอกได้ไหมว่า เขาเป็นชาวบ้านหรือมนุษย์ต่างดาว หากเป็นมนุษย์ต่างดาว เขามาทำไมในป่าทึบ?

    ตอบ- ผู้ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีแสงออกมาจากตัว ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ที่มิติเปิด คล้ายสามเหลี่ยมเบอมิวดา และบรรดายานอวกาศต่างๆ สามารถผ่านเข้า-ออกได้ง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ที่มีแร่ธาตุหายาก ที่ใช้ในการเดินทางในอวกาศ เราเคยบอกท่านแล้ว เกี่ยวกับแร่ธาตุชนิดนี้ ว่าคล้ายแร่ธาตุที่ท่านเรียกว่า"เหล็กไหล"ไงล่ะ เราจะไม่บอกว่า เขามาจากที่ไหน บอกแต่เพียงว่า เขาไม่ใช่มนุษย์และไม่ใช่ผี!!!......




    16.ถาม-เมื่อ 6 สิงหาคม 2542ผมได้รับเชิญจากองค์การนาซ่าและInternational Space University ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมาจัดประชุมอยู่เงียบๆอยู่ที่มหาวิทยาลัยสุรนารี ให้ไปพูดถึงเรื่อง"การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยูเอฟโอ และผู้ขับขี่ยานบินในประเทศไทย พ.ศ.2540-2542" และได้รับคำชมเชยจากฝรั่งนักวิชาการ 300 กว่าคนว่า ทำวิจัยได้ดีมาก ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องที่นาซ่าคิดจะไปยึดดาวอังคารทำเหมืองแร่ และส่งคนไปอยู่ 50,000 คน ใน 20 ปีข้างหน้านี้ และทำไมจานบินของท่านมาแล้ว ไม่ยอมบินลงมาต่ำตามที่ขอร้องให้ฝรั่งเห็นทั่วกัน?

    ตอบ-เราไปฟังอยู่ตลอดเวลา และไม่พอใจอย่างมาก ที่เขาคิดจะไปยึดดินแดนที่มีเจ้าของแล้ว เช่นที่เคยทำมาในโลกนี้ในอดีต ขอบอกสั้นๆว่า หากรบกัน ก็ไม่มีทางสู้พวกเราได้ ขอให้บอกแก่พวกเขา 3 ข้อ คือ

    1)จานบินและมนุษย์ต่างดาวนั้น มีจริง และได้มาเยือนโลกนี้ เป็นเวลานานหลายพันปีแล้ว มนุษย์เปรียบเสมือนลูกหลานของเรา

    2)มนุษย์ต่างดาว ไม่ต้องการมายึดครองโลกนี้ ในทำนองเดียวกัน มนุษย์ก็ไม่ควรคิด จะไปยึดครองดวงดาวของเรา เพราะมีเจ้าของแล้ว และไม่มีทางสู้เราได้

    3)ขอให้มนุษย์ใช้สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาโลกนี้ดีกว่า รวมทั้งเตรียมรับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้ในปีหน้า(ค.ศ.2000 หรือ พศ.2543)

    ยานอวกาศของเรา ได้บินไปให้ท่านและบางคนเห็นแล้ว เราไม่บินลงต่ำ เพราะคิดว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกที่คิดจะไปยึดดาวของเรา.....




    17.ถาม- เมื่อ 19 มีนาคม 2539 มีผู้ถ่ายภาพประหลาดได้ ที่พระเมรุพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี แสงนั้นเป็นแสงอะไร?(จะนำลงภาพปาฏิหาริย์ในเว็บฯนี้ต่อไป-Webmaster)

    ตอบ-ขอตอบสั้นๆว่า กลุ่มเทพชั้นสูงมาแสดงคารวะต่อพระบรมศพ ไม่ใช่จานบินมาอย่างที่เข้าใจกัน.....

    18.ถาม-ผมได้รับเชิญให้ไปพูดในสัปดาห์วิทยาศาสตร์ของ ม.สงขลานครินทร์ เมื่อ 19 สิงหาคม 2542 ซึ่งท่านได้สั่งให้ผมไปพูดเตือนชาวใต้เกี่ยวกับปี 2000 แต่ทำไม"จานบิน" ไปปรากฏที่อ่างเก็บน้ำของ ม.สงขลาฯ ทุกคืน เป็นเวลาถึง 10 วัน ก่อนผมไปถึง ผมไม่ได้ร้องขอมากเพียงนั้น........




    ตอบ-เราเป็นห่วงชาวใต้ของท่านมาก เกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ จึงไปหลายครั้ง ในปีหน้า เราจะพยายามช่วยให้หนักกลายเป็นเบา ได้ขอให้ท่านพูด อย่าให้เขาตกใจกลัว จนขาดสติ ที่บอกเขาว่า ให้ช่วยเหลือกัน มีความเมตตากรุณาต่อกันมากขึ้นนั้น ดีแล้ว ให้หมั่นสดับรับฟังข่าวสารต่างๆอยู่เสมอ รู้จักที่ๆปลอดภัย หากเกิดภัยพิบัติ อย่าประมาท เราหวังว่า ทุกท่านจะปลอดภัยในปีหน้า 2543 ส่วนคืนวีนที่ 19 สิงหาคม 2542 อากาศไม่ดี เราบินกันมา 3 ลำ ในระยะสูง แต่ให้ท่านถ่ายภาพได้ชัดๆ ตั้งแต่หัวค่ำแล้วไม่ใช่หรือ? ที่ดูคล้ายดวงอาทิตย์นั่นแหละ......

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=tbl1 vAlign=top height=70>การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ "ยูเอฟโอและผู้ขับขี่ยานบิน" ในประเทศไทยได้ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2540 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2541 โดยการทำสมาธิส่งโทรจิตไปยังผู้ขับขี่ยูเอฟโอขอให้นำยานบินมาปรากฏให้เห็นด้วยตาเปล่าและสามารถบันทึกภาพได้ด้วยกล้องถ่ายรูปและกล้องวิดีโอ ใน 8 จังหวัดของประเทศไทย คือ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ นครปฐม กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา และประจวบคีรีขันธ์ พบว่าจากการติดต่อทางจิต 15 ครั้ง ยูเอฟโอมาปรากฏให้เห็นและบันทึกภาพได้ทั้งหมด 17 ครั้งตามที่ขอ (ยูเอฟโอมาตามนัด = 100%) ในระยะเวลา 13 เดือน นับจำนวนยูเอฟโอได้ทั้งหมด 80 ลำ และมีประชาชนที่ยอมรับว่าเห็นหรือถ่ายภาพได้ทั้งหมดราว 1,600 คน ยูเอฟโอที่มาปรากฏบนท้องฟ้ามีหลายรูปแบบ เช่น รูปจาน (เห็นมากที่สุด) รูปกลมขาว รูปซิการ์ รูปสามเหลี่ยม รูปกระดานโต้คลื่น รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปคล้ายหลอดไฟฟ้า ฯลฯ ยานบินเหล่านี้มักบินสูงกว่าเครื่องบินโดยสารธรรมดา แต่บินลงมาใต้ได้ บินได้เร็วมากหรืออาจลอยอยู่กับที่ ไม่มีเสียง ไม่มีควัน บินถอยหลังก็ได้ ลักษณะบินขึ้นๆ ลงๆ คล้ายแมลง เช่นเดียวกับที่เห็นในต่างประเทศ ยานบินบางประเภทสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้หรือบินแล้วเลือนหายไปชั่วขณะและกลับมาปรากฏใหม่อย่างรวดเร็ว โดยการนัดพบแต่ละครั้งโดยเฉลี่ยจะเห็นยูเอฟโอประมาณ 4 ลำต่อครั้ง (พิสัย = 1-22 ลำ/ครั้ง) ปรากฏการณ์เห็นยูเอฟโอทั้งด้วยตาเปล่าและด้วยกล้องถ่ายรูปและกล้องวิดีโอ จะนานราว 1-4 ชั่วโมง ยูเอฟโอทุกลำบินอย่างมีทิศทางแน่ชัดเหมือนมีคนขับขี่บังคับยานบินอยู่ เช่น บินรอบสถานที่นัดพบเป็นเวลานานนับชั่วโมงจึงจะบินจากไปในเวลาคืนมืดสนิท (หลัง 19.00 น.) ยูเอฟโอจะมีไฟกะพริบสีต่างๆ ที่แตกต่างจากเครื่องบินทั่วไป และบางลำสามารถฉายไฟสว่างจ้าลงมายังพื้นดินได้อีกด้วย ยูเอฟโอมักจะมาในเวลากลางคืนมากกว่าเวลากลางวัน มี 2 ใน 17 ครั้ง ที่เห็นผู้ขับขี่ยานบินอยู่ในยูเอฟโอ เห็นและถ่ายภาพผู้ขับขี่ยูเอฟโอออกมายืนข้างยานบินได้อีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้น การศึกษาวิจัยใน 13 เดือนที่ผ่านมาพอสรุปได้ 3 ข้อคือ

    1. การติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอด้วยการทำสมาธิขอให้นำยานมาปรากฏ ประสบผลสำเร็จ 100% แสดงว่าการส่งโทรจิตติดต่อทำได้จริง
    2. ยานบินมีจริง มีหลายรูปแบบ และจากหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ค้นพบ ทำให้เชื่อว่ายูเอฟโอเหล่านี้ไม่ใช่ยานบินของมนุษย์
    3. ผู้ขับขี่ยูเอฟโอมีจริง และจากหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ค้นพบ ทำให้เชื่อว่าผู้ขับขี่ยูเอฟโอเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นมนุษย์จากโลกนี้</TD></TR><TR><TD class=tbl1></TD></TR></TBODY></TABLE>



    ------คัดลอกจากหนังสือ จานบินในประเทศไทย
    เขียนโดย ดร.เทพนม เมืองแมน------------
     
  16. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ประวัติความเป็นมาของ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอและผู้ขับขี่ยานบิน

    เมื่ออายุ 10 กว่าขวบ ขณะที่อยู่กรุงเทพฯ พบปรากฏการณ์ประหลาดกับตัวเองที่มีแสงส่องจากเมฆลงมาที่ตัวหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งถึงกับเป็นลมล้มลง มีรอยแดงที่หน้าอกเป็นวงกลม แสงมักส่องลงมาจากเมฆ และคิดว่ามีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังม่านเมฆนั้น
    พ.ศ.2497 (อายุ 19) เห็นยูเอฟโอ 2 ลำ (รูปร่างกลม มีโคมสีเงิน มีหน้าต่างรอบ) ขณะไปตั้งแคมป์กับเพื่อนชาวอเมริกันที่รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา ในตอนเช้าราว 10.00 น. มีคนเห็นทั้งหมดมากกว่า 1,000 คน เป็นระยะเวลานานถึง 2 ชั่วโมง เมื่อเครื่องบินขับไล่ 2 ลำของสหรัฐขึ้นสกัด ยูเอฟโอ 2 ลำก็พุ่งตัวตรงขึ้นในแนวตั้งอย่างรวดเร็วและหายไปในพริบตาในท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆเลยทำให้สนใจเรื่องยูเอฟโอมาตั้งแต่นั้นเป็นอย่างมาก ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ จึงได้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมยูเอฟโอ และติดตามเรื่องนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการทำสมาธิก็ได้ปฏิบัติมาราว 20 ปีเศษ
    พ.ศ.2535 เริ่มทำสมาธิอย่างจริงจังเพื่อติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอจากคำแนะนำของ ดร.อาจอง ชุมสาย แต่ติดต่อไม่ได้ยานบินไม่มาปรากฏให้เห็นหลังการทำสมาธิ
    พ.ศ.2537 เริ่มรู้สึกตัวว่าติดต่อได้กับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ถ่ายภาพยูเอฟโอได้ที่ใกล้สะพานแม่น้ำแคว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2537 เวลาประมาณ 10 โมงเช้า มีความรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวก่อนยูเอฟโอจะมา และความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งก่อนยูเอฟโอมา หรือเมื่อเขามาคอยอยู่แล้ว
    พ.ศ.2538 ต้นเดือนมกราคม ได้ไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ คนขายบอกว่าไม่มี ยังไม่ได้ขนมาจากร้านเก่า แต่มีผู้หญิงไทยสาวสวยคนหนึ่ง ที่กำลังยืนจ้องอยู่และเข้ามาบอกว่า เธอได้รับคำสั่งให้พาไปซื้อหนังสือยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว รออยู่ตั้งนานแล้วไม่เห็นสนใจ ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวทันสมัยผมยาวเลยไหล่นุ่งกางเกงบลูยีนส์ ยืนยันว่ามีหนังสือพวกนี้แน่ในร้านนี้ และพาไปดูที่หลังร้าน ระหว่างเดินไปเธอถามว่า เชื่อไหมว่ามนุษย์ต่างดาวที่หน้าตาเหมือนพวกคุณ เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งนานแล้ว ? ก็ตอบไปว่าไม่ทราบ เธอยิ้มแล้วถามว่า ไม่ทราบจริงๆ หรือแกล้งไม่ทราบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...