Where is buddha?Where are buddhist?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Enriona, 7 มีนาคม 2008.

  1. Enriona

    Enriona สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">โลกเกิดมาเป็นล้านๆปี ตั้งแต่ยังไม่มีอะไร
    ผ่านยุคมาหลายยุคแต่มนุษย์เป็นยุคสุดท้ายที่เกิดมา จนถึงปัจจุบัน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="22%"></TD><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD width="55%" bgColor=limegreen>[FONT=MS Sans Serif, Default Font].ยุคก่อน Dinosaur กำเนิด ยุคที่ 1[/FONT]</TD><TD align=middle width="20%" bgColor=royalblue>[FONT=Default Font, MS Sans Serif]<SCRIPT language=JavaScript> now = new Date(); var thday = new Array ("อาทิตย์","จันทร์","อังคาร","พุธ","พฤหัส","ศุกร์","เสาร์"); var thmonth = new Array ("มกราคม","กุมภาพันธ์","มีนาคม","เมษายน","พฤษภาคม","มิถุนายน", "กรกฎาคม","สิงหาคม","กันยายน","ตุลาคม","พฤศจิกายน","ธันวาคม"); document.write("วัน" + thday[now.getDay()]+ "ที่ "+ now.getDate()+ " " + thmonth[now.getMonth()]+ " " + (0+now.getYear()+543)); </SCRIPT>วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=limegreen cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG] [FONT=Default Font, MS Sans Serif]จากการศึกษาทางธรณีวิทยาพบว่า เราสามารถแบ่งชั้นหินออกเป็นยุคต่าง ๆ ได้ถึง 4 ยุคด้วยกัน คือ

    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]1. มหายุค พรีแคมเบรียน (Precambrian Era) 570-3500 ล้านปีก่อน[/FONT]

    ในยุคนี้เป็นยุคแรกที่มีสิ่งมีชีวิตชนิดแรกถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตดังกล่าวจะมีลักษณะ แตกต่างจากมนุษย์หรือสัตว์ที่เรารู้จัก ทั้งนี้เพราะมันเป็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบง่ายที่สุด มีเพียงเซลล์เดียว เท่านั้น ไม่เหมือนดังเช่นมนุษย์ที่มีเซลล์อยู่ภายในร่างการนับล้าน ๆ เซลล์ การดำรงชีวิตของเราขึ้นอยู่กับเจ้าเซลล์ จำนวนมากมายมหาศาลเหล่านี้ แต่เนื่องจากเซลล์ดังกล่าวมีขนาดเล็กมาก เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ จึงจำเป็น ต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูง ๆ เข้ามาช่วย จึงจะทำให้สามารถมองเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบง่าย ๆ เหล่านี้ได้ นักวิทยาศาสตร์ ได้ตั้งชื่อให้มันว่า "โปรคารีโอต (Prokaryote)" ปัจจุบันนี้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะ เช่นนี้ ได้แก่ เชื้อบัคเตรี เป็นต้น เมื่อเวลาผ่านไป 2,000 ล้านปี โปรคารีโอต เริ่มมีการพัฒนาตนเองให้มีความซับซ้อนมากขึ้น โครงสร้างภายในเริ่มมีอวัยวะมากขึ้น ภายในเริ่มมีนิวเคลียส ภายในจะบรรจุ DNA และสารพันธุกรรมอยู่เป็นจำนวนมากเซลล์ที่มี การวิวัฒนาการจนมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นนี้ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "ยูคารีโอต (Eukaryote)" ภายใน ผนังเซลล์จะมีอวัยวะที่ทำหน้าที่แจกจ่ายพลังงานให้แก่เซลล์ มีอวัยวะที่สร้างสายพันธุกรรมเพื่อให้ลูกหลานมีลักษณะที่เหมือน เซลล์พ่อแม่ทุกประการ ช่วงเวลาของยุคแห่งการปรับเปลี่ยนทางวิวัฒนาการนี้จะกินเวลาประมาณ 2,000-3,000 ล้านปี หลังจาก นั้นจึงเริ่มเข้าสู่ มหายุค พาลีโอโซอิค ซึ่งเป็นยุคที่มีสิ่งมีชีวิตที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เริ่มถือกำเนิดขึ้น
    [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=salmon>[FONT=MS Sans Serif, Default Font].ยุคก่อน Dinosaur กำเนิด ยุคที่ 2[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=salmon cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[FONT=MS Sans Serif, Default Font][​IMG]2. มหายุค พาลีโอโซอิค (Paleozoic Era) 280-570 ล้านปีก่อน[/FONT] [FONT=Default Font, MS Sans Serif]
    มหายุคพาลีโอโซอิค แบ่งเป็นยุคย่อย ๆ คือ
    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]1. ยุค แคมเบรียน (Cambrian) 500-570 ล้านปี[/FONT]
    สิ่งมีชีวิตที่มีการพัฒนาขึ้นมาในยุคนี้ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกระดูกสันหลัง และดำรงชีวิตอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิพอเหมาะไม่เย็นจนเกินไป เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนี้เริ่มมีพืชทะเล จำนวนมากเกิดขึ้นมา นักวิทยาศาสตร์พบว่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกค้นพบในยุคนี้ ได้แก่ "ไทรละไบ (Trilobite)", "บราคิโอพอด(Brachiopods)","ซิสทอยด์(Cystoid)","เซฟาโลฟอด(Cephalopod)" และสัตว์จำพวกหอยทาก โดยจะพบจำนวนของไทรละไบ และ บราคิโอพอด อยู่ประมาณ 90% ของจำนวนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]2. ยุค ออโดวิเชียน (Ordovician) 480-500 ล้านปี[/FONT]
    สิ่งมีชีวิตในยุคนี้ก็ยังจะเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังอยู่เช่นเดิม เนื่องจากสภาพแวดล้อม ของอุณหภูมิเริ่มที่จะอบอุ่นมากขึ้น ทำให้สาหร่ายทะเลและปะการังเริ่มมีจำนวนมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่ถือกำเนิดในยุคนี้ ได้แก่ "ไบรโอซัว(Bryozoan)" , "กาสโตรพอด(Gastropod) " , "พีลีไซพอด(Pelecypod)" , "ออสตราโคเด(Ostracode)" และสัตว์ในตระกูล "อีซิโนเดิร์ม(Echi noderm)" เช่น " กราฟโตไลท์(Graptolite)" , "ปลาดาว(Starfish)" ,"บลาสทรอยด์(Blastoid)" ,"ไครนอยด์(Crinoid)" ,"ควึสโตอิด(Cystoid)" เป็นต้น สัตว์เหล่านี้ล้วนดำรงชีวิตอยู่ในน้ำทะเล และเริ่มมีสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเป็นพวกแรก คือ ปลาขนาดเล็ก ชื่อว่า "ออสตราโคเดิร์ม(Ostracoderm)" จึงนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังมาเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง เป็นครั้งแรก

    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]3. ยุค ซิลูเรียน 395-480 ล้านปี[/FONT]
    สภาพอุณหภูมิของน้ำในยุคนี้มีความเหมาะสมกับการดำรงชีวิตมากขึ้น สัตว์ น้อยใหญ่จำนวนมากเริ่มแพร่พันธุ์กันอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ในน้ำมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ บนบกก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ทั้งนี้เพราะเริ่มปรากฏว่าบนบกเริ่มมีพืชปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ยุคนี้จึงจัดว่าเป็นยุครอยต่อที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้

    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]4. ยุค ดีโวนีอัน (Devonian) 345-480 ล้านป[/FONT]ี
    ในยุคนี้สิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ในน้ำเริ่มมีบางส่วนที่ปรับตัวขึ้นมาอาศัยอยู่บนบก แต่อยู่ได้ไม่นานนักก็ต้องกลับลงไปในน้ำชั่วคราว จึงทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตกลุ่มใหม่ขึ้น เรียกว่า "สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ" ปลาในยุคนี้มีการพัฒนาอย่างมาก ทำให้นักวิทยาศาสตร์เรียกยุคนี้ว่า ยุคของปลา มีการพัฒนาระบบการหายใจ จากเดิมที่ใช้เหงือกมาเป็นใช้ปอดสำหรับหายใจ ซึ่งปลาที่ปอดหายใจนี่เองนั่นได้ลองขึ้นมาใช้ชีวิตบนบก

    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]5. ยุค คาร์บอนนิเฟอรัส (Carboniferous) 280-345 ล้านปี [/FONT]
    เป็นยุคที่มีถ่านหินเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากมาย นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งชื่อยุคนี้ว่า ยุคกำเนิดคาร์บอน สภาพ ภูมิอากาศในยุคนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับสภาพบรรยากาศในอดีต ทำให้บนบกเริ่มมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเริ่มมีจำนวนมากขึ้น ในยุคนี้มีแมลงเกิดขึ้นมากมายและ พืชในยุคนี้ก็เจริญเติบโตมากขึ้นอย่างนานาพันธุ์จนกระทั่ง เป็นป่ารกทึบ ทำให้แมลงสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างกว้างขวาง

    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]6. ยุค เพอร์เมียน (Permian) 225-280 ล้านปี[/FONT]
    ในยุคนี้สัตว์ไร้กระดูกสันหลังได้ลดน้อยลงไป แต่สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ บางชนิดเริ่มเป็นสัตว์เลื้อยคลาน และกลับมาอาศัยอยู่บนบกอย่างถาวร สัตว์เลื้อยคลานที่มีความสำคัญอย่างมากชนิดหนึ่งคือ "พีลีโคซอร์(Pelycosaur)" บริเวณกลางสันหลัง จะมีครีบยาวติดกันตลอดทั้งลำตัว คาดกันว่าครีบดังกล่าวน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการว่ายน้ำ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เจ้า พีลีโคซอร์ นั้น น่าจะเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลของไดโนเสาร์นั่นเอง

    [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=blueviolet>[FONT=MS Sans Serif, Default Font].ยุคก่อน Dinosaur กำเนิด ยุคที่ 3[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=blueviolet cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG] [FONT=Default Font, MS Sans Serif]
    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]3. มหายุค เมโสโศอิค (Mesaozoic Era) 65-225 ล้านปี[/FONT]
    ในยุคนี้มี 3 ยุค คือ ยุค ไตรแอสสิก ,ยุคจูราสสิก และยุคครีเตเซียส ในยุคไตรแอสสิกนี้ สภาพอากาศในขณะนั้นจะมี สภาพร้อนและแล้งมากขึ้นกว่าในอดีต ทำให้ต้นไม้ใหญ่น้อยในเขตร้อนสามารถเจริญเติบโตได้ดีมาก จนกระทั่ง "ไดโนเสาร์ ตัวแรก"ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ ไดโนเสาร์กลุ่มแรกที่ได้กำเนิดขี้นมาจะมีขนาดเล็ก เดิน 2 เท้า และมีลักษณะพิเศษ คือ เท้ามีลักษณะคล้ายกับเท้าของนก ต่อมาในยุคจูราสสิกนี้ จัดว่าเป็นยุคที่เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก บรรดาพืชพรรณธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ไดโนเสาร์จำนวนมากขยายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีร่างกายใหญ่โต ซึ่งส่วนใหญ่จะกินพืชเป็นอาหาร และยุคนี้ยังได้ ถือกำเนิด นก ขึ้นมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย ต่อมาในยุคครีเตเชียสนี้ จัดว่าเป็นยุคที่ไดโนเสาร์นั้นรุ่งเรื่องที่สุด เพราะยุคนี้ไดโนเสาร์ ได้มีการพัฒนาพันธุ์ออกมาอย่างมากมาย
    [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=mediumslateblue>[FONT=MS Sans Serif, Default Font].ยุคก่อน Dinosaur กำเนิด ยุคที่ 4[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=mediumslateblue cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG] [FONT=Default Font, MS Sans Serif]
    [FONT=MS Sans Serif, Default Font]4. มหายุค ซีโนโซอิก (Cenozoic Era) 65 ล้านปี จนถึงปัจจุบัน[/FONT]
    ในยุคนี้จัดว่าเป็นยุคที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีจำนวนมากที่สุด และมีวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นก็คือ "มนุษย์" นั่นเอง บรรพบุรุษที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ มากที่สุด ก็คือ "โฮโม อีเรคตัส" หรือ "มนุษย์วานร"นั่นเอง
    [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ศาสนามาจากไหน

    มูลเหตุของการเกิดศาสนา
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->มูลเหตุของการเกิดศาสนา
    1. ความไม่รู้ (อวิชชา) หมายถึง ความไม่รู้ในเหตุผลของสิ่งต่าง ๆ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้มนุษย์เชื่อว่าเป็นการกระทำของอำนาจอันลึกลับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดความเชื่อทางศาสนา
    การบูชาบรรพบุรุษ เกิดจากความเชื่อว่าวิญญาณมีอยู่แล้ว อวิชชาในเรื่องวิญญาณนี้เป็นพื้นฐานของศาสนาทั่ว ๆ ไป เรียกความเชื่อในลักษณะนี้ว่า วิญญาณนิยม (Animism)
    2. ความกลัว สาเหตุที่มนุษย์เกิดความหวาดกลัว มาจากความไม่รู้เบื้องต้น เช่น กลัวภูเขาไฟระเบิด ฟ้าผ่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ฯลฯ มนุษย์ไม่สามารถหาคำตอบให้ตนเองได้ จึงเกิดความกลัวตามสัญชาติญาณ ดังนั้น จึงต้องการหาที่พึ่งทางจิตใจและเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น จึงต้องทำพิธีบวงสรวงให้เป็นที่พอใจของเทพเจ้าต่าง ๆ ทำให้เกิดพิธีกรรมของศาสนาตามมา
    3. ความต้องการที่พึ่งทางใจ มนุษย์ต้องการขจัดความทุกข์ทรมาน ความโหดร้ายของภัยธรรมชาติ จึงคิดหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้เกิดความเชื่อในพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างก็ต้องการศูนย์รวมกำลังใจในการต่อสู้กับศัตรูของเผ่าอื่น ๆ ทำให้เกิดความเชื่อในเรื่องวิญญาณของบรรพบุรุษ และเทพเจ้าประจำเผ่าต่าง ๆ เป็นต้น
    4. ความต้องการความสงบสุขของสังคม มนุษย์คิดค้นศาสนาขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือจัดระเบียบสังคมให้มีความสงบสุข ป้องกันมิให้มนุษย์เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
    5. ความต้องการรู้แจ้งในสัจธรรม ศาสนาบางศาสนา เกิดจากการใช้ปัญญาแสวงหาสัจธรรมหรือความจริงในชีวิตมนุษย์ เพื่อให้หลุดพ้นจากความทุกข์และมีหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดังจะเห็นได้จากการเกิดของพระพุทธศาสนา
    6. ความเลื่อมใสศรัทธาและความจงรักภักดี มนุษย์ได้รับการถ่ายทอดความเชื่อจากบรรพบุรุษให้เคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวรูป เทพเจ้า ฯลฯ เพื่อให้เกิดความสุขความเจริญแก่ชีวิตและได้วิวัฒนาการกลายมาเป็นศาสนาในที่สุด
    7. ความยกย่องบูชาบรรพบุรุษและบุคคลสำคัญ การบูชาบรรพบุรุษประจำเผ่าและชนชาติของตน ที่เรียกว่า
     
  2. คริสตีน

    คริสตีน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    กลัวอะไรค๊า??
     
  3. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ก็เพราะไม่รู้ไง เพราะสิ่งนั้นแหละ ที่คุณทำอยู่ทุกวัน เถียงกันในเรื่องนิพพาน

    และเชื่อว่าเราต้อง ตาย

    เราไม่ตายเป็นไปได้ไหมล่ะ คุณก็บอกไม่ได้

    แล้ว ก็บอกมีจิต มีวิญญาณ แล้วไอ้ ที่ โคลนออกมามันคืออะไร

    แล้ว ในยุคเกิดโลกศาสาไปอยู่ไหน ไดโนเสาร์มีศาสนาไหม

    เชื่อได้ แต่ไม่ใช่ งมงายยยยยยยยยยยย
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ตาย ไม่ตาย เป็นทุกข์, กลัว ไม่กลัว เป็นทุกข์, รู้ หรือไม่รู้ เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปฏิบัติ ในทางที่พระองค์แนะนำเพื่อให้พ้นทุกข์อย่างเดียว เป็นที่สุดแล้ว อย่าเถียงกันเพื่อเอาชนะกันเลย สาธุ สาธุ
     
  5. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">เกิดมาไม่เคยเห็นใครไม่ทุก

    แต่จะคิดว่ามันเป้นเรื่องธรรมชาติ

    ก็ไมทุกข์ใช่ไหมก็มันง่ายไงครับ

    แค่อยากจะเสนอถึงเรื่องว่า

    ธรรมชาติสร้าเรามา และเราก็ควรจะให้ธรรมชาติช่วยเรา

    ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จริงไหม
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    มีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า

    ลองคิดสิ เราน่าจะมีอายุ สักคนละ 200 ปีนะ

    จะได้ช่วยกันใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้หมดเร็วๆ

    แล้วจะได้ออกไปหาดาวอื่นอยู่น่าสนุกไหมล่ะ

    มีอะไรใหทำอีกเยอะแยะ คุณทั้งหลาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...