ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 29 กันยายน 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    <!--coloro:#0000ff--><!--/coloro-->เสด็จดับขันธปรินิพพาน
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
    พระองค์ทรงเผยแผ่พระธรรมคำสอนขัดเกลากิเลสมนุษย์โลก
    โดยไม่หยุดยั้งต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนานถึง 45 พรรษา

    เมื่อถึงคราวจะเสด็จดับขันธปรินิพพานก็ยังเหนือกว่าศาสดาใด ๆ ในโลก
    คือทรงรู้วาระที่จะดับขันธ์ล่วงหน้าถึง 3 เดือน ทรงประกาศล่วงหน้าเลยว่า

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->สาวกทั้งหลาย อีก 3 เดือนข้างหน้าจะถึงกำหนดที่เราต้องดับขันธแล้ว
    ฉะนั้นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
    ผู้ใดมีอะไรสงสัยในธรรมะจงมาถามเราเถิด<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    สั่งอย่างนี้แล้วก็เสด็จออกประกาศพระศาสนาต่อไปไม่หยุดพัก เสด็จผ่านเมืองสำคัญ
    แหล่งสำคัญที่มีประชาชนอยู่กันมาก ทรงเทศน์โปรดผู้ที่มีกำลังบุญพอที่จะตรัสรู้ธรรมได้
    เพื่อให้เป็นกำลังสำคัญ ในการประกาศพระศาสนาแทนพระองค์

    สำหรับพระอรหันต์รุ่นแรก ๆ พระองค์ก็สั่งว่า
    เมื่อเราจากพวกเธอไปแล้วเธอจะต้องจัดหมวดหมู่ธรรมะที่เราสอนไว้ให้ดี

    พูดง่าย ๆ ก็คือ สั่งให้ทำพระไตรปิฎก เราจึงได้พระไตรปิฎกไว้เป็นหลักฐานจนถึงทุกวันนี้
    ที่เหนือกว่านั้นคือ
    ก่อนที่จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงสรุปคำสอนไว้ให้อย่างยอดเยี่ยม

    พวกเราเรียนตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม มีใครบ้างสามารถสรุปความรู้ที่เรียนมาได้ทั้งหมด
    ร้อยทั้งร้อยสรุปไม่ลงหรอก เพราะรู้ไม่จริง
    โดยทั่วไปความรู้ที่เกิดแก่ใครก็ตามมักพัฒนาเป็นขั้นตอนอยู่ 3 ระดับ

    ระดับแรกเรียกว่า <!--coloro:#800080--><!--/coloro-->รู้จำ<!--colorc--><!--/colorc--> คือท่องมาบ้าง พ่อแม่บอกให้บ้าง

    ระดับที่ 2 <!--coloro:#0000ff--><!--/coloro-->รู้จริง<!--colorc--><!--/colorc--> คือเมื่อเติบโตขึ้น ย่ำโลกมากเข้า มีประสพการณ์มากขึ้น
    ความรู้ที่ได้มาจากระดับแรกก็เปลี่ยนจากรู้จำป็นรู้จริง
    อธิบายถ่ายทอดให้คนอื่นรู้ตามได้บ้าง แต่ก็มีขอบเขตจำกัด เจอของแปลกใหม่ก็มืดตื้อเหมือนกัน

    ระดับที่ 3 <!--coloro:#ff8c00--><!--/coloro-->รู้แจ้ง<!--colorc--><!--/colorc--> คือรู้รอบไปทั้งหมดทั้งที่มาที่ไป
    รู้วิธีนี้ต้องฝึกสมาธิจนใจสงบเกิดดวงปัญญาสว่างโพลง
    สามารถอธิบายขยายข้อความรู้ที่ลึกล้ำได้ ค่อย ๆ นึกแล้วจะเห็นความสว่างปรากฎขึ้น

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านรู้จำ รู้จริง แล้วรู้แจ้ง
    แต่พวกเรารู้งู ๆ ปลา ๆ ต้องฝึกสมาธิจึงจะสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้เต็มขึ้น

    สิ่งอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ใคร ๆ ก็ทำไม่ได้อย่างพระองค์ คือ
    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระองค์ทรงทำงานจนวินาทีสุดท้าย<!--colorc--><!--/colorc-->
    แม้พละกำลังจะหมดแล้ว ก็ยังอนุญาตให้สุภัททะปริพพาชกเข้าเฝ้าถามปัญหา
    และเทศน์โปรดจนได้เป็นพระอรหันต์ในคืนวันที่พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานนั่นเอง

    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระอรหันต์องค์สุดท้ายในยุคพุทธกาลที่พระบรมศาสดายังทรงพระชนม์ คือ พระสุภัททะ
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    ความอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งที่ศาสนาอื่น ๆ ไม่มี
    ก็คือ<!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->การแต่งตั้งศาสดาไว้ปกครองศิษย์ต่อไป<!--colorc--><!--/colorc-->

    ไม่มีศาสดาองค์ใดที่ทำได้รัดกุมเท่าพระองค์
    ได้มีผู้ทูลถามว่า <!--coloro:#800080--><!--/coloro-->เมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วจะตั้งใครเป็นศาสดาปกครองสงฆ์ต่อไป
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->พระองค์ทรงตอบชัดเจนดีมากว่า
    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->ธรรมะและวินัยที่ได้ตรัสไว้ดีแล้ว จะเป็นศาสดาแทนพระองค์<!--colorc--><!--/colorc-->

    พระองค์ไม่ตั้งบุคคล
    เพราะพระธรรมคำสั่งสอนทั้ง 84,000 ข้อเป็นหลักที่ดีเยี่ยมแล้ว
    ศาสนาอื่น ๆ เมื่อศาสดาตายก็แบ่งกันใหญ่เพื่อปกครองสาวกแทบจะฆ่ากันตาย
    ในพุทธศาสนาไม่เป็นเช่นนั้น เพราะพระองค์ทรงเตรียมการไว้พร้อมแล้ว

    ขอฝากผู้เฒ่าทั้งหลายหัดเตรียมตัวตายไว้บ้างนะ
    คือเตรียมอย่างที่พระพุทธองค์เตรียม จัดมรดกให้เรียบร้อย ยุติธรรม

    - ลูกคนไหนนิสัยดี ไม่ดีอย่างไร ก็ทำเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจง แนะนำตักเตือนให้ชัดเจน
    - มรดกที่เป็นทรัพย์สินเขาอาจเอาไปขายกินหมด แต่มรดกคำสอนที่เป็นลายลักษณ์อักษร
    แม้ตัวผู้รับตายแล้วก็ยังอยู่ตกทอดต่อไปไม่สูญหายไปเสีย
    - รักลูกก็ต้องทำให้เรียบร้อยอย่างนี้

    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำงานจนวินาทีสุดท้าย<!--colorc--><!--/colorc-->

    นอกจากนั้นยังปรากฎความอัศจรรย์ในวาระสุดท้าย ให้คนรุ่นหลังได้เคารพบูชาอีก
    คือ<!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน<!--colorc--><!--/colorc-->
    ตรงกันหมดในวันเพ็ญกลางเดือน 6 ไม่มีศาสดาใดทำได้
    เรามีศาสดาที่วิเศษสุดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นอย่าดิ้นรนไปหาศาสดาที่ไหนอีกเลย

    เท่านั้นยังไม่พอ เพื่อความเรียบร้อย พระองค์ยังได้สั่งถึงการถวายพระเพลิงพระสรีระของพระองค์ว่า

    พระศพของพระองค์นั้นให้เอาผ้า เอาสำลีพัน แล้วใส่เครื่องหอมเป็นชั้น ๆ
    แล้วไม่ต้องจุดไฟเพราะใครจะจุดไฟอย่างไรก็ไม่ติด
    เนื่องจากพระองค์อธิษฐานไว้ว่า เมื่อถึงเวลาสมควรไฟจะเกิดสว่างพรึบขึ้นมาเอง

    ยิ่งกว่านั้น เมื่อถวายพระเพลิงแล้วพระบรมสารีริกธาตุจะแตกออกเป็น 84,000 ชิ้น
    เท่าจำนวนหัวข้อธรรมที่พระองค์
    ได้ทรงสั่งสอนไว้ ให้แจกจ่ายกันให้ทั่วถึง
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    มรดกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    <!--colorc--><!--/colorc-->
    มรดกพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากมาย ทั้งที่เป็นคุณธรรมและวัตถุ

    มรดกที่เป็นคุณธรรมได้แก่ธรรมะที่พระองค์ตรัสแสดงไว้ตลอด 45 พรรษา
    เป็นหมวดหมู่ที่เราเรียกว่า <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->พระไตรปิฎก
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    มรดกที่เป็นสถาบันผู้สืบต่อพระศาสนาได้แก่สถาบันสงฆ์
    ซึ่งสืบทอดต่อเนื่องกันมานาถึง 2,500 ปีเศษแล้ว โดยไม่ขาดสาย

    มรดกในรูปที่เป็นวัตถุคือวัดวาอาราม ซึ่งมีอยู่มากมาย คงเหลือปรากฎสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
    ให้เป็นศูนย์รวมของผู้ใฝ่ใจในการปฏิบัติธรรม พระองค์ทรงมอบมรดกเหล่านี้ไว้ให้เรา
    เราจึงได้อยู่กันร่มเย็นเป็นสุขจนถึงทุกวันนี้

    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า<!--colorc--><!--/colorc-->
    ได้อาศัยพระพุทธศาสนา ได้อาศัยคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้รู้จักทำความดีละเว้นความชั่ว

    อยู่เป็นสุขมาจนถึงวันนี้ แล้วได้คิดได้เตรียมอะไรตอบแทนท่านบ้าง

    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->เมื่อวันที่หลวงพ่อบวช หลวงพ่อคิดอย่างนี้<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->จะบวชจะอาศัยพระศาสนา เพื่อให้เป็นสุข เพื่อให้เป็นสุข<!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->
    เมื่อได้พึ่ง
    <!--colorc-->
    <!--/colorc--><!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->พระศาสนาแล้ว ก็จะพยายามให้พระศาสนาได้พึ่งเราบ้าง<!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->
    ด้วยการก้มหน้าก้มตาศึกษาธรรมะ เอาไว้เทศน์สอนประชาชน
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->จะอุทิศชีวิต อุทิศกายใจสร้างวัดขึ้นมาเพื่อให้พระศาสนาได้อาศัย<!--colorc--><!--/colorc-->

    ใครที่รอบวชตอนแก่ใกล้ตาย พอบวชไม่นาน ก็ใส่โลง
    อย่างนี้เรียกว่าอาศัยพระศาสนา แต่พระศาสนาไม่ได้อาศัยเราเลยนะ
    พวกเราทั้งหลายทั้งหญิงชาย แม้จะยังไม่ได้บวช

    แต่เมื่อได้อาศัยพระศาสนาเป็นสุขตลอดมา
    ก็ขอให้ช่วยกันคิดว่าจะตอบแทนอะไรแก่พระศาสนาบ้าง เช่น
    เราจะปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ ให้เกิดความสุข
    เมื่อมีความสุขแล้วมาช่วยกันประกาศศาสนา ชักชวนให้คนทำความดีกันต่อไป
    อย่างนี้พระศาสนาได้อาศัยบ้าง

    เรามาวัดมานั่งบนศาลา นั่งในเต้นท์ นั่งสมาธิฟังเทศน์สะดวกสบายอย่างนี้
    เราอาศัยพระศาสนา ก่อนจะกลับเก็บกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อย
    อย่างนี้ถือว่ายอมให้ศาสนาได้อาศัยบ้าง ไม่ใช่พอฟังเทศน์จบ

    <!--coloro:#9932cc--><!--/coloro-->หลวงพ่อปูเสื่อได้ ก็เก็บ<!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:#9932cc--><!--/coloro-->เองด้วยนะครับ สร้างศาลาไว้ก็ช่วยกวาดถูไว้ให้สะอาดด้วย
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    มองกว้าง ๆ เรา ฝึกใจให้ได้ว่า ได้อาศัยที่ไหน ก็ควรให้ที่นั้นได้อาศัยเรา ทั้งทางโลกและทางธรรม
    คิดได้เช่นนี้แล้วชาตินี้อยู่เป็นสุขแน่นอน นึกถึงความดีของเราแล้วก็ชื่นใจ

    ที่เราได้ให สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้พึ่งเรา
    เราไม่ใช่คนรกโลก มีประโยชน์ต่อโลก นึกแล้วก็ชื่นใจ
    ใจมันฟู ถึงคราวหลับตาลาโลกก็ลาอย่างมีสุข

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->พระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    เมื่อได้ศึกษาประวัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตลอดแล้ว จะเห็นว่า
    ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ท่าน ทรงเป็นแบบฉบับของผู้เพียบพร้อมด้วยพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อชาวโลก คือ

    <!--coloro:#ff8c00--><!--/coloro-->พระบริสุทธิคุณอันยิ่งใหญ่<!--colorc--><!--/colorc--> ด้วยการบำเพ็ญเพียรขัดเกลากิเลส สร้างความดีข้ามภพข้ามชาติอันยาวนาน
    ด้วยบุญบารมี ด้วยความวิเศษบริสุทธิ์อย่างยิ่ง จึงทำให้พระองค์ท่านได้จุติลงมาเป็นพระพุทธเจ้า

    <!--coloro:#9932cc--><!--/coloro-->พระปัญญาธิคุณอันยิ่งใหญ่<!--colorc--><!--/colorc--> ทำให้ทรงพิจารณาสภาวะโลก สภาวะธรรมอย่างเที่ยงแท้
    อยู่เหนือความมัวเมาของชาวโลก ทรงเลือกสละความสุขทางโลก
    เพื่อแสวงหาความสุขอันเป็นอมตะ ด้วยความพากเพียรวิริยะอุตสาหะอันแรงกล้า
    จนตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญานด้วยพระองค์เอง

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->พระกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่<!--colorc--><!--/colorc--> เมื่อตรัสรู้แล้ว แทนที่จะทรงเสวยวิมุติสุขเพียงลำพัง กลับเสียสละความสุขสงบส่วนพระองค์เผยแผ่ธรรมะแก่ชาวโลก เพื่อโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ ทรงเมตตาโปรดสั่งสอนเวไนยสัตว์
    เป็นระยะเวลาติดต่อกันถึง 45 พรรษา ตราบจนเสด็จดับขันธปรินิพพาน

    พระเกียรติประวัติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฎอย่าง ชัดเจนว่า
    พระพุทธองค์ทรงเป็นแบบฉบับของมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในการขัดเกลากิเลสในกมลสันดานของมนุษย์ชาติ
    ทรงเป็นผู้จุดประทีปแสงสว่างให้ปรารกฎ ให้ปรากฎแก่ใจมนุษย์
    ขับไล่ความไล่ความมืด ทำลายอวิชชาให้ดับสิ้นไป ส่องทางไปสู่พระนิพพาน อันเป็นอมตสุขชั่วนิรันดร์

    ในโลกนี้จะมีศาสดาองค์ใดเล่าที่จะทรงพระคุณต่อมวลมนุษย์เทียบเท่าละอองธุลีของพระองค์ได้
    ศึกษาเปรียบเทียบศาสนาด้วยเหตุผล
    เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสดาของศาสนาต่าง ๆ เปรียบเทียบกันแล้ว เราก็ย่อมจะเห็นภาพแจ่มชัดว่า

    ศาสดาท่านใดที่เทียบพร้อมไปด้วยพระคุณอันยิ่งใหญ่เป็นเลิศกว่าศาสดา ทั้งปวง
    ศาสดาท่านใดที่มีคุณความดีแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
    เมื่อเปรียบเทียบกัน ตั้งแต่ประวัติกำเนิด การค้นคว้าสัจจธรรม ตลอดจนการเผยแพร่พระศาสนา ทุกขั้นตอน

    <!--coloro:#0000ff--><!--/coloro-->ประวัติกำเนิดศาสดา
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    ประวัติการบังเกิดขึ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงให้เห็นว่า
    พระองค์ท่านได้บำเพ็ญสร้างสมความดีขัดเกลากิเลสข้ามภพข้ามชาติอันยาวนาน
    ทรงความบริสุทธิ์เหนือมวลมนุษย์ทั้งหลาย ถึงพร้อมด้วยบุญบารมีทั้งปวง
    จึงทรงได้บังเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าในภพสุดท้ายนี้

    มีศาสดาองค์ใดบ้าง ที่มีประวัติการบำเพ็ญเพียรสะสมความดี สร้างบุญบารมี เทียบเท่าพระองค์ท่าน

    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->การศึกษาค้นคว้าธรรมะ<!--colorc--><!--/colorc-->

    ในการศึกษาค้นคว้าสัจจธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บำเพ็ญเพียรปฏิบัติพระองค์ทุกรูปแบบ
    ตามลำดับขั้นตอน

    ด้วยพระปัญญาธิคุณ อันล้ำเลิศที่ทรงเห็นสภาวะที่แท้จริงของโลก

    ด้วยพระวิริยะอุตส่าห์ ที่แลกด้วยชีวิต

    ด้วยพระขันติ อดทนต่อความทุกข์ทรมานทั้งปวง

    ด้วยพระปณิธาน อันแน่วแน่มั่นคง

    พร้อมด้วยพระบารมีอันวิเศษสุด ที่สะสมมาถึงยี่สิบอสงไขยกับแสนกัป
    จึงทรงบรรลุธรรมด้วยพระองค์เอง

    มีศาสดาองค์ใดบ้างที่มีประวัติแสดงการศึกษาธรรมะเป็นขั้นตอน จนบรรลุธรรม ตรัสรู้แจ้งด้วยพระองค์เอง
    ดังสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->หลักธรรมคำสั่งสอนธรรมะ<!--colorc--><!--/colorc-->

    ถ้าจะศึกษาหลักธรรมะของศาสดาแต่ละท่าน ลองพิจารณาว่าคำสั่งสอนในศาสนาต่าง ๆ นั้น

    - พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุด้วยผลหรือไม่
    - คำสั่งสอนมีความเหมาะสมแก่บุคคลที่มีภูมิปัญญาต่าง ๆ อย่างไร
    - การปฏิบัติตามคำสั่งสอนเหล่านั้น ได้ผลอย่างไรบ้าง

    เราก็จะเห็นได้ว่า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น
    - พิสูจน์ได้ทุกกาลเวลา
    - พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
    - มีความลุ่มลึกเหมาะสมกับภูมิปัญญาของสัตว์โลกที่มีอัธยาศัยแตกต่างกัน
    - พิสูจน์ได้ด้วยเหตุผล ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นความจริง ตลอดเวลา
    - เมื่อปฏิบัติแล้วก็ได้ผลสำเร็จ ประสพความสุข ความเจริญ ตามขอบเขตความสามารถการปฏิบัติธรรม
    เกิดประโยชน์ตั้งแต่ส่วนตน ครอบครัว และส่วนรวม

    มีธรรมะ คำสั่งสอนในศาสดาใดบ้างที่เพียบพร้อมด้วยคุณความดีทั้งปวง เสมอด้วยศาสนาพุทธ

    <!--coloro:#0000ff--><!--/coloro-->ประวัติการเผยแผ่ศาสนา<!--colorc--><!--/colorc-->

    เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว แทนที่จะเสวยวิมุติสุขเฉพาะพระองค์
    กลับมีน้ำพระทัยเมตตาที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ให้แก่ชาวโลก
    เพื่อให้มนุษย์ชาติได้รับสันติสุขอันแท้จริง ดังเช่นพระองค์ท่าน

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->พระกรุณาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<!--colorc--><!--/colorc-->นั้น
    ยิ่งใหญ่นักแผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกจักรวาล

    พระองค์ท่านจึงทรงบากปั่นเผยแผ่ธรรมะคำสั่งสอนต่าง ๆ ทุกขั้นตอน โดยไม่ปิดบังหวงแหน
    เพื่อโปรดสัตว์ให้ได้รับความสุขอันเป็นอมตะ จนตลอดพระชนมชีพ

    ด้วยเหตุนี้จึงปราฎ ประจักษ์พยานชัดเจนว่า
    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->สาวกของพระองค์ท่าน สามารถศึกษาและปฏิบัติธรรม จนหมดกิเลสตามพระองค์ท่านมากมาย<!--colorc--><!--/colorc-->
    จนมีพระอรหันต์หลายรูป เช่น
    พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระอัญญาโกณฑัญญะ พระอัสสชิ พระอานนท์
    พระอนุรุทธ พระปุณณมันตานี ไล่เรียงรายชื่อกันเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน
    ยืนยันได้ว่าหมดกิเลสแล้ว เมื่อปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ท่าน

    ส่วนผู้ที่ยังไม่หมดกิเลส <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ก็ได้รับความสุข ความสำเร็จตามลำดับขั้นการปฏิบัติธรรมะของตน
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->นี่คือความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<!--colorc--><!--/colorc-->

    ท่านทั้งหลายทราบไหมว่า ยังไม่มีศาสดาใด ๆ ในยุคปัจจุบันที่จะประกาศว่า
    ลูกศิษย์ของฉันจำนวนมากมายเรียนรู้ได้สำเร็จความรู้อย่างฉันแล้ว
    จึงเป็นหลักประกันได้ว่า ถ้าพวกเราทุกคนตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมอย่าง

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างที่พระอรหันต์ในอดีตได้ปฏิบัติมาแล้ว
    ก็จะทำให้พวกเรา สามารถหมดกิเลสตามพระองค์ท่านได้

    <!--coloro:#a0522d--><!--/coloro-->ภาวะความเป็นพระพุทธเจ้า เป็นสภาพประชาธิปไตย<!--colorc--><!--/colorc-->
    ผู้ใดมีความเพียรพยายาม ขัดเกลากิเลสของตนสะสมบุญบารมีโดยไม่ย่อท้อ ถอยหลัง
    ก็จะบรรลุธรรมสูงสุดได้ ตามที่พระองค์ท่านตรัสสอนไว้

    การปฏิบัติธรรม ไม่ว่ายุคใด สมัยใด มีแต่ได้ประโยชน์ไม่สูญเปล่า พยานมีพร้อม
    ตั้งแต่พุทธกาลสืบทอดมาถึงหลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ ไม่ขาดสาย
    จนมาถึงพวกเราในยุคนี้ตามรอยบาทพระศาสดา
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พวกเราจงภูมิใจเถิด<!--colorc--><!--/colorc-->
    ที่ปู่ย่าตาทวดของเราได้เลือกนับถือศาสนาพุทธเป็นสิ่งยืนยันว่า
    บรรพบุรุษของเรามีสติปัญญาไม่โง่เขลา ไม่ดื้อ ไม่โมเม
    แต่เป็นผู้ที่ประกอบด้วยเหตุและผล จึงรักษาบ้าน รักษาเมือง รักษาชาติ ศาสนา
    ให้เราได้อยู่สุขสบายจนถึงทุกวันนี้

    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ภูมิใจเถิดว่า บรรพบุรุษของเรามีปัญญา<!--colorc--><!--/colorc-->
    สำคัญอยู่แต่ว่า เราจะสะสมปัญญาตามปู่ย่าตาทวดได้ไหม

    สิ่งที่หลวงพ่อวิตก ก็คือพวกเราในยุคนี้ มักจะหลงตัวเองว่า
    ฉันเก่งกว่าปู่ย่าตาทวด แล้วดูถูกบรรพบุรุษของเรา

    เมื่อสมัยหลวงพ่อเป็นนิสิตนักศึกษา มองไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า
    ก็เลยเที่ยวแสวงหาว่า
    ศาสนาไหนหนอที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สงสัยตามประสาเด็กๆ ว่า
    ทำไมประเทศที่นับถือศาสนาอื่น ๆ เช่น ...
    ก็มีหลายประเทศที่เป็นมหาอำนาจ
    แต่ประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ก็มีแต่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นที่เจริญรุ่งเรือง

    ส่วนบางประเทศกลับเป็นเมืองขึ้นชาติอื่น เยอะแยะ
    เมื่อได้มีโอกาสไปศึกษาต่างประเทศ ก็ได้รู้ว่า
    ศาสนาอื่นไม่ได้ดีกว่าศาสนาพุทธ

    การที่ชาวต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนายังไม่เจริญเท่าที่ควรนั้นก็คือ

    1. <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ประกาศตนเป็นชาวพุทธ<!--colorc--><!--/colorc--> แต่ไม่รู้จักคำสอนของพุทธศาสนา เรียกว่า เป็นชาวพุทธโดยทะเบียน

    2. <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ศึกษาธรรมะรู้แล้ว แต่ไม่ทำ<!--colorc--><!--/colorc--> เช่น
    รู้จักศีลห้า ท่องก็ได้ อาราธนาศีลก็ได้ แต่ไม่รักษา
    รู้ว่าคอรัปชั่นไม่ดี แต่ก็ทำ
    รู้ว่ากินเหล้าไม่ดี แต่ก็กิน
    รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าดี แต่จะสวดมนต์ทบทวนคำสอนของท่านก็ขี้เกียจ
    แล้วยังจะบ่นว่า เมืองไทยไม่เจริญ

    ถามว่า ใครถ่วง
    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ก็คนที่ไม่รักษาศีลนั่นแหละ ถ่วงไว้
    <!--colorc--><!--/colorc-->
    ถ้าใครเคยไปต่างประเทศ จะรู้ว่า เมืองไทยดีแล้ว สะดวก สบายที่สุด เรามีของดีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว
    อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ บรรพบุรุษก็มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด

    จริงอยู่ ในยุคนี้ เราอาจจะเห็นว่า มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ดีกว่าสมัยก่อน
    แต่ความจริง ความฉลาดในเรื่องชีวิต ในเรื่องธรรมะ
    เรายังห่างบรรพบุรุษของเรามาก ยังตามท่านไม่ทัน
    เพราะฉะนั้น อย่ามัวหลงทนงตัว ภูมิใจกับเทคโนโลยีอยู่เลย ลองศึกษาเรื่องคุณธรรม
    ที่ปู่ย่าตายายเรา สะสม แสวงหาไว้ดีกว่า ไม่งั้นก็อยู่ไปวัน ๆ ไม่มีบุญติดตัว

    ในเมื่อเรามีสติปัญญา เราก็ต้องรู้จักเลือกทำความดีให้มาก ๆ แล้วเราจะเลือกเกิดได้
    เรามีสติปัญญา เราเลือกผู้นำได้ เราก็เลือกเดินตามพระพุทธเจ้า
    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ข้อสำคัญ เมื่อเลิกทางเดินที่ดีที่สุดแล้ว เลือกผู้นำที่ดีที่สุดแล้ว ระวังอย่าหลงหลุดไปข้างทางเสีย<!--colorc--><!--/colorc-->

    ขอให้พวกเราทั้งหลาย พระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ต่างพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ด้วยใจเป็นธรรมว่า

    พวกเราควรจะเชื่อถืออะไร ไม่เชื่ออะไร พวกเราควรจะนับถืออะไร ไม่นับถืออะไร
    เมื่อพิสูจน์ได้ว่า
    ไม่มีศาสดาองค์ใดในโลก จะวิเศษสุดประเสริฐสุด เทียบเท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราแล้ว
    ก็ควรเคารพบูชาท่านอย่างสุดหัวใจ

    ใครคิดอยากจะไปทัวร์ต่างประเทศ ไปกราบไหว้ผู้วิเศษก็ยกเลิกเสีย
    เงินทองจะได้ไม่รั่วไหลออกนอกประเทศเสียเวลาเปล่า ๆ ด้วย

    ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน ให้สมกับเป็นชาวพุทธ แล้วจะรู้เองว่า
    พระธรรมคำสอนของท่าน มีคุณค่าล้ำค่าเพียงใด
    สำหรับหลวงพ่อได้ติดตามรอยพระบาทสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นขั้นตอนอย่างนี้แล้ว

    ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนก็ตาม ก็จะตั้งใจปฏิบัติธรรมตามที่พระองค์ได้ตรัสสั่งสอนไว้ทุกประการ
    จะขอติดตามพระองค์ไปเข้านิพพานให้ได้

    <!--coloro:#0000ff--><!--/coloro-->ประวัติศาสตร์แสดงหลักฐานไว้แล้วว่า<!--colorc--><!--/colorc-->
    ผู้ปฏิบัติตามรอยพระบาทพระองค์ท่านได้สำเร็จบรรลุธรรมมากมาย
    ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ผู้ทรงศีล หลวงปู่ หลวงตาของเรา
    ท่านก็ได้ถวายชีวิต
    ศึกษาพระธรรมสืบทอดพระศาสนาจนมาถึงพวกเราทุกวันนี้แล้ว

    ทำไมเราจะเจริญรอยตามท่านไม่ได้

    เมื่อได้ศึกษาด้วยเหตุผล ด้วยประจักษ์พยานแน่ชัดแล้วว่า ไม่มีศาสดาใด ๆ ในโลก
    ที่จะเพียบพร้อมไปด้วยพระคุณอันยิ่งใหญ่เทียบเท่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราแล้ว
    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ขอให้ภาคภูมิใจในพระบรมศาสดาของเรา
    ขอให้เคารพบูชา
    พระบรมศาสดาพวกเราอย่างหมดหัวใจ
    ขอให้ตั้งใจทุ่มเททำความดี ตามที่พระองค์สั่งสอน โดยไม่ต้องลังเลสงสัยใด ๆทั้งสิ้น<!--colorc--><!--/colorc-->

    เมื่อนั้น เราจะประจักษ์ใจด้วยตัวเอง ยิ่งขึ้นว่า
    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ไม่มีความยิ่งใหญ่ใด ๆ ในโลก จะเหนือกว่าความยิ่งใหญ่ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<!--colorc--><!--/colorc-->


    <!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ด้วยอำนาจบารมีธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย
    จงประมวลเข้าด้วยกัน เป็นตบะ เป็นเดชะ เป็นพลวปัจจัย
    ส่งเสริมดลบันดาล อภิบาลคุ้มครอง ปกป้องรักษา
    ให้ทุกท่านในทีนี้ จงปราศจากเสียซึ่ง สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย
    สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไรใด ๆอย่าได้มาแผ้วพาน
    ให้เป็นผู้ที่สามารถเข้าถึงธรรมกาย บรรลุพระนิพพานได้โดยง่าย จงทุกท่านเทอญ<!--colorc--><!--/colorc-->

    ป.ล. เนื่องจากเนื้อหาเดิมยาวมาก ผมได้นำมาส่วนใหญ่แต่ไม่ทั้งหมด
    ดังนั้นหากมีเนื้อหาไม่ต่อเนื่อง หรือตกหล่นข้อความสำคัญไปบ้าง
    <!--coloro:#ff0000--><!--/coloro-->ผมขออภัยทาน มาณ ที่นี้ ด้วยครับ


    <TABLE border=0 width=350 background=../pics/banner350.gif align=center height=70><TBODY><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE border=0 cellPadding=5 width=290 bgColor=#ffffff align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=1 width=280 bgColor=#dddddd align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#cccccc align=center height=22><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=center background=../pics/_top3.gif>
    บทเพลงแผ่เมตตา
    </TD></TR></TBODY></TABLE><EMBED language=-1 height=69 type=audio/x-ms-wma width=280 src=http://www.dhammathai.org/radio/sound/Illimitable.wma bgcolor="CCCCCC" autoplay="true" cache="true" enablejavascript="true" controller="true" filename="" showcontrols="true" showstatusbar="true" rate="1" balance="0" currentposition="0" playcount="1" currentmarker="0" invokeurls="true" volume="0" mute="0" enabled="true" enablecontextmenu="0" audiostream="true" autosize="0" animationatstart="true" allowscan="true" allowchangedisplaysize="true" autorewind="1" baseurl="" bufferingtime="5" clicktoplay="false" cursortype="0" displaybackcolor="50" displayforecolor="16777215" displaymode="0" displaysize="4" enablepositioncontrols="-1" enablefullscreencontrols="0" enabletracker="-1" selectionstart="-1" selectionend="-1" sendopenstatechangeevents="-1" sendwarningevents="-1" senderrorevents="-1" sendplaystatechangeevents="-1" showaudiocontrols="-1" showpositioncontrols="-1" showtracker="-1" autostart="true" border="0"> </EMBED></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!--colorc-->
    <!--/colorc-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2008
  4. ทรัพย์พระฤาษี

    ทรัพย์พระฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    โมทนาด้วยครับ


    <TABLE class=webtitle2 height=76 width="53%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=10>พระนิพพาน ไม่ใช่ภาษาพูด


    </TD></TR><TR><TD height=10>ไม่ใช่ภาษาเขียน แต่เป็นภาษาปฏิบัติ


    </TD></TR><TR><TD height=10>( คำสอนของ พระองค์ที่ 10 )


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​



    [​IMG]




    [​IMG][​IMG][​IMG]ผมมีบทความดีๆเกี่ยวกับในหลวง อยากให้ลองอ่านกันครับ[​IMG][​IMG][​IMG]
    คลิกนี้
    http://palungjit.org//showthread.php?t=150879
     

แชร์หน้านี้

Loading...