นั่งสมาธิได้ยินเสียงแล้วตกใจ เจ็บแปล๊บที่กลางอก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Ukie, 3 ธันวาคม 2017.

  1. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    สวัสดีค่ะ
    รบกวนสอบถามค่ะ เพิ่งกลับมานั่งสมาธิได้สักพักหลังจากห่างหายไปพอสมควร ปฏิบัติโดยการดูลมหายใจสูดลมแบบสบายๆไม่เพ่งไม่จ้อง คู่กับการเป็นแค่ผู้ดูเวลาที่จิตไหลไปกับความคิด ไปกับเรื่องราว เมื่อระลึกรู้ก็จะเอาจิตกลับมาที่ลมหายใจ (ไม่หงุดหงิดกับอาการที่จิตไปคิด)

    สอบถามค่ะ
    1.นั่งไปนานๆ จิตเริ่มเข้าสมาธิ จะรับรู้ได้ว่าจิตเปลี่ยน คือ รับรู้ได้ว่าจิตกำลังเลื่อนเข้าสู่สมาธิ แต่ยังไม่ลึกมากอะไร เคยแลกเปลี่ยนถามกับเพื่อน เพื่อนบอกนั่งไป ไม่เคยรู้สึกถึงอาการที่จิตเปลี่ยนเลย แต่ก็เห็นนั่งได้เป็นชั่วโมง เป็นไปได้ไหมคะ ที่เพื่อนไม่เคยสังเกต หรือเห็นอาการที่ จิตเลื่อนเข้าสู่สมาธิอย่างที่ว่ามา

    2.ปฏิบัติแบบดูกายดูจิตอยู่ค่ะ เคยเห็นอาการเกิดดับของอารมณ์มาบ้าง ที่เห็นชัดๆแรงๆคืออารมณ์โกรธ มันผุดขึ้นกลางหน้าอก ก็จะแค่เฝ้าดูและอาการนั้นก็จะค่อยๆดับลง แต่เปรียบเทียบกับเมื่อวาน นั่งสมาธิจนนิ่งระดับหนึ่ง ได้ยินเสียง แล้วตกใจ กายไม่สะดุ้งแต่มีอาการเจ็บแปล๊บที่กลางอก คืออยากจะสอบถามว่า

    เวลาโกรธ และเห็นอารมณ์ที่ผุดขึ้นกลางอกมันเป็นอารมณ์ที่รุนแรงกว่า เพราะความโกรธเปรียบเหมือนไฟ เราก็แค่รู้สึกอึดอัดที่กายคือ อึดอัดบริเวณกลางหน้าอกที่อารมณ์มันผุดขึ้นแค่นั้น แล้วทำไมอาการตกใจมันถึงได้ทำให้เจ็บขนาดนั้น ซึ่งเสียงที่ทำให้ตกใจก็มี เสียงคนเคาะตะหลิวทำกับข้าว และเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ (ตั้งไว้ 1 ชม.)
    เพื่อทำสมาธิ คือ อาการตกใจของจิต มันทำให้กายเจ็บแปล๊บขนาดนี้เลยเหรอคะ ที่สงสัย (เพราะตอนเห็นโกรธ ไม่เจ็บแบบนี้เลย)

    ขอบคุณค่ะ ขออภัยหากถามวกไปวนมา ^3^
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เจ็บแปล๊บ เนี่ยะ มันเข้าไป คว้า บัญญัตกะโหลกกะลา
    เหมือนคน ภาวนาไม่เป็น ทำนอง ต้องหาพิธีแก้กรรม
    แผ่กุศล เจ้ากรรมนายเวร ไหม

    หรือ เห็น เจ๊บแปล๊บ แล้ว ก็ หยุดลงแค่นี้ เห็นแค่ เจ็บแปล๊บ
    เป็นเพียง สภาวะธรรม เกิด แล้วก็ดับ

    ถ้า เห็นเจ๊บแปล๊บเกิด แล้วก็ดับ ไม่มีการ หลงโลก ไปเห็น
    เป็นเรื่องเจ้ากรรมนายเวร เวรกรรม อันนี้ ให้กำหนดรู้ ความพ้น
    ความห่างออก จาก เวทนากาย นั้นออกมา

    แล้วเพิ่มการสังเกต ความยินดี ยินร้าย แสร้งทำเฉยๆ เวทนาจิต
    เกิดดับ ด้วย

    เอาตรงนี้ก่อน

    พอได้ตรงนี้ ตอนที่สังเกต จิตเลื่อนเข้าสมาธิ ถึงจะเห็นชัด
    ว่า เวทนาจิตก็ส่วนนึง ปุญญาภิสังขาร(สมาธิ)ก็ส่วนนึง การเลื่อน
    การเคลื่อน(วิญญาณ)ก็ส่วนนึง กายเจ็บไม่เจ็บ ก็อีกส่วนนึง
    การระลึกได้ว่าทุกสภาพธรรมตกภายใต้ไตรลักษณ์ ไม่ใช่
    สัตว์ตัวตนบุคคลเราเขา เป็นเพียง สังขตธรรม นี้ก็อีกส่วนนึง

    เวทนา สังขาร วิญญาณ รูป สัญญา ให้มัน กระจายตัวออกมา

    แยกธาตุ แยกขันธ์ ให้เป็นก่อน ถ้าแยกไม่เป็น ปัญญาจะไม่เกิด

    ปัญญาไม่เกิด จะกลายเป็น ปฏิบัติอะไรมา จะ เที่ยววิ่งมาตั้งกระทู้
    ให้ คนโง่ ภาวนาไม่เป็น ลากไป แก้กรรม แก้เวร เสียขนมปัง ฯลฯ
     
  3. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณค่ะ
    ปฏิบัติแบบดูกายดูจิต เพื่อเห็นการเกิดดับ ตามที่แจ้งไปค่ะ ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เพียงแค่เฝ้าดูเฉยๆค่ะ แต่ที่มาตั้งกระทู้ถาม เพราะสงสัยที่ตกใจแล้วเจ็บแปล๊บว่าทำไมเจ็บกว่า อาการที่เวลาจิตมีอารมณ์โกรธ เลยมาตั้งกระทู้ถามค่ะ

    ไม่กลัวโดนลาก ไปแก้กรรมค่ะ เลยจุดนั้นมาแล้ว ขอบคุณที่ตอบนะคะ อ่านแล้วยังมีงงบ้างเพราะเพิ่งเริ่มปฏิิบัติแบบดูกายดูจิตได้ 14 วัน แต่จำหลักๆได้ค่ะ ว่าไม่เข้าไปแทรกแซงจิต ปล่อยให้จิตเป็นอิสระมีหน้าที่แค่ดู แค่รู้และไม่ประคองจิต

    ไว้สงสัยจะถามเพิ่มนะคะ ขอบคุณค่ะ ^0^
     
  4. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628

    ตอบข้อ 1 ส่วนใหญ่ที่ไม่รู้สึกถึงอาการเปลี่ยนไปของจิตเพราะในขณะที่นั่งสมาธิ คนเรามักจะคิดไปเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยครับ จิตอาจจะสงบบ้าง แต่ไม่ได้ตั้งใจดูอาการของจิตก็เลยไม่รู้ แต่ถึงจะรู้หรือไม่ก็ตาม แต่ในขณะที่นั่งนั้น จิตจะสงบแน่นอน ไม่มากก็น้อย เพียงแค่ไม่รู้อาการของจิตเท่านั้น

    ตอบข้อ 2 เหตุที่นั่งสมาธิอยู่แล้วตกใจกับเสียงเพราะ ตอนนั้นจิตเราส่งออกนอกครับ สติตามไม่ทัน ขอยกคำตอบที่เคยมีคนนำไปถามครูบาอาจารย์มาให้อ่านกันครับ


    ถาม : เวลาเรานั่งกรรมฐาน ก็จะมีหมาไปด้วย หมาก็จะนั่งใกล้ ๆ คราวนี้หมาเห่าเราก็ตกใจแล้วกลัว ก็เลยออกจากสมาธิเลย

    ตอบ : ลักษณะตกใจจริง ๆ เกิดจากสภาพที่จิตของเราไปสนใจข้างนอกโดยไม่รู้ตัว พอไปสนใจข้างนอก เมื่อมีอะไรมากระทบประสาทตา หรือประสาทหู เราก็จะรีบดึงจิตกลับมาเพื่อรับรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

    อาการของจิตที่กลับมาเร็วเกินไป จะมีอาการที่เราเรียกกันว่า "ตกใจ"


    แสดงว่าตอนนั้นจิตไม่เป็นสมาธิ ถ้าจิตเป็นสมาธิอย่าว่าแต่หมาเห่าเลย ฟ้าผ่ายังเฉย ๆ ดีแล้วจ้ะ..สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัววัดอารมณ์ของเรา ถึงเวลาหมาไม่เห่าก็แหย่ให้เห่า จะได้รู้ว่าเราไปถึงไหนแล้ว


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  5. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ส่วนสาเหตุที่เจ็บกลางอกก็เพราะจิตเราวิ่งกลับมาที่กลางอกนั่นเองครับ
    วิธีแก้ก็คือ พยายามอยู่กับคำบริกรรมหรือภาวนา เหมือนกันกับตอนที่เราอยู่กับความโกรธ
    แค่เปลี่ยนจากความโกรธเป็นการภาวนา เท่านี้เวลามีอะไรมากระทบ เราก็ไม่เจ็บแล้ว

    สังเกตุเวลาเราโกรธ เราไม่ได้ตั้งใจโกรธ แต่จิตเรายึดถือความโกรธไปเองโดยที่เราไม่ได้บังคับ
    การภาวนาก็เหมือนกัน เราก็ภาวนาแบบไม่ไปบังคับ เพียงแต่ยึดถือการภาวนาเป็นอารมณ์เบา ๆ เท่านั้น อยู่กับอารมณ์ภาวนาเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ เท่านั้นพอ
     
  6. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณนะคะ
    จะค่อยๆทำความเข้าใจ แล้วไปปรับใช้เวลาทำสมาธิครั้งต่อๆไปค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ ^_^
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.ได้ ถ้าไม่สังเกตก็ได้สนใจที่จะ ไม่รู้

    ถ้าตั้งใจสังเกต ก็รับรู้ได้
    จิตสามารถรับรู้ได้ครับ ว่าจิตเคลื่อนเข้าสมาธิระดับไหน ถ้าเราวางกำลังใจระดับไหน อยู่ระดับไหน แล้วกำลังเคลื่อนไปไหน ครับ


    2.ไม่ต้องไปสนใจ สะเทือนใจ ก็ออกอาการที่ร่างกาย ได้

    แนะนำสรุปให้สั้นๆ ว่า
    การดูจิตนั้น ไม่ใช่การไปตามดู อารมณ์ต่างๆที่เกิด เพราะ อารมณ์ต่างๆ มันไม่ใช่ตัวจิต เมื่อไม่ใช่ จิต ก็คือ ผิดทาง ไม่ใช่การดูจิต ครับ

    อารมณ์ต่างๆ ที่ จขกท เข้าใจว่าเป็นการดูจิตนั้น มันไม่ใช่ จิต ครับ

    เราปฏิบัติ ภาวนาในกรรมฐานกองไหน ก็ควรที่จะรู้ว่า กรรมฐานกองนั้นๆ ที่เราปฏิบัติ คืออะไร ในกรรมฐาน 40 กอง ไม่มีกองไหนสอนให้เราไหลออกไปกับความคิด ครับ

    เราปฏิบัติในกรรมฐานกองไหนอยู่ ถ้าฟุ้งซ่าน เพลอไม่รู้ตัวว่าฟุ้งซ่านไปกับความคิด เมื่อเรามีสติทันรู้ตัวแล้ว ก็ให้กลับมาภาวนาในกรรมฐานเดิม ตัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป เพราะเป็นตัวขวางผลการปฏิบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2017
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จิตเห็นจิต

    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี



    โยม๑ : เราปฏิบัติไปนี่ คือผมจะท่อง สัมมาอรหัง ไปเรื่อยๆ นะครับ ดูลมหายใจบ้าง บางทีก็ไม่ได้ดู บางทีมันก็ลืมลมหายใจ สักพัก ดู สักพักหนึ่งจิตมันก็คิดของมันเอง คือเราเห็นมันคิด อยู่ในความคิดของมัน คิดออกมายาวๆ ผมก็มองอยู่ เอ๊ะ เราไม่ได้คิดหรือนี่ ทั้งๆ ที่เป็นความคิดของเรา สักพักหนึ่งก็มอง มอง สักพัก เอ๊ะ มันจะคิด ออกมาเป็นลูกๆ ครับ เป็นลูกๆ แล้วคิดตรงๆ ออกมาทางซ้ายทางขวา เสียงค่อยบ้าง ค่อยบ้างดังบ้าง ไม่เท่ากัน แต่มันคิดของมันเอง ทั้งๆ ที่เป็นความคิดของเรา

    แล้วสักพักก็เลย เอ๊ะ ยังไง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่า พอมองสักพักหนึ่ง เอ่อ อันนี้หายไป มันก็เกิดเป็นภาพ เป็นนิมิตมาให้เห็น นิมิตนี่ ผมก็ เอ๊ะ มันเหมือนตาเนื้อเห็น นั่งสมาธิอยู่นี่ เอ๊ะ มันก็ไม่ พอดี...สอนมา อย่าตกลงกับนิมิต บุญเยอะอย่าให้ตกกับนิมิต ก็เลยไม่เอาไง พอไม่เอาปุ๊บ ก็มาดูตัวผู้รู้ พยายามปุ๊บ ทีนี้ตัวเราหายไปเลย ทีนี้พอตัวหายปุ๊บ ก็เหลือแต่อวกาศเวิ้งว้าง มัน แต่ว่าตัวรู้ยังรู้อยู่ ทีนี้ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไร อยู่พักหนึ่ง หนึ่งนาที แล้วผมก็เลยออก ออกจากอันนี้มา

    หลวงพ่อ : กำหนดอะไร กำหนดอะไรหรือเปล่า

    โยม๑ : ไม่ได้กำหนดนะอาจารย์ มองจิตอย่างเดียว

    หลวงพ่อ : มองเฉยๆ มองจิตเนอะ

    โยม๑ : มองจิตอย่างเดียว เห็น เขาคิดของเขาเอง แล้วสักพักหนึ่ง ตัวสัญญามันจะโผล่ขึ้นมาเต็มเลยครับอาจารย์ มันออกเหมือนเม็ดฝนเลย เป็นความคิดในอดีตทั้งหมดเลย เป็นร้อยๆ เรื่อง แป๊บเดียวนี่ ภายในเสี้ยววินาทีน่ะ อู้ฮู ผมก็มอง มองไม่ทันเลย แต่รู้ว่าเป็นความคิดในอดีตทั้งหมดเลย เป็นความจำในอดีตทั้งหมด แล้วก็ หมือนคนบ้าเลยครับ เอ๊ะ ก็เลยออกจากสมาธิ ไม่ไหวแล้ว

    หลวงพ่อ : ไม่มีสติเนาะ มันมีของเรานี่ พูดถึง ตอนนี้นะ มันต้อง เดี๋ยวเราจะขอปูพื้นก่อนเนาะ ปูพื้นก่อนนิดหนึ่ง ถ้าไม่ปูพื้นเลยนี่ เวลาพูดไปแล้ว เดี๋ยวต่างคนต่างจับประเด็น แล้วสับสน ขอปูพื้นนิดหนึ่ง ว่าในการทำสมถะ ในการทำสมถะนี่นะ กรรมฐาน ๔๐ ห้องนี่ มันมีตั้ง ๔๐ วิธีการ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่คำบริกรรมใช่ไหม
    http://www.sa-ngob.com/media/audio/y51/02/a23-02-51am.mp3
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    untitled-1nn-jpg.jpg

    ดูจิตเมื่ออารมณ์สงบแล้ว ให้สติจดจ่ออยู่ที่ฐานเดิมเช่นนั้น
    เมื่อมีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น ก็ให้ละอารมณ์นั้นทิ้งไป มาดูที่จิตต่อไปอีก ไม่ต้องกังวลใจ พยายามประคับประคองรักษาให้จิตอยู่ในฐานที่ตั้งเสมอๆ สติคอยกำหนดควบคุมอยู่อย่างเงียบๆ (รู้อยู่) ไม่ต้องวิจารณ์กิริยาจิตใดๆ ที่เกิดขึ้น เพียงกำหนดรู้แล้วละไปเท่านั้น เป็นไปเช่นนี้เรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ เข้าใจกิริยาหรือพฤติแห่งจิตได้เอง (จิตปรุงกิเลส หรือกิเลสปรุงจิต)

    อย่าส่งจิตออกนอก กำหนดรู้อยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้น อย่าให้ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก เมื่อจิตเผลอคิดไป ก็ให้ตั้งสติระลึกถึงฐานกำหนดเดิม รักษาสัมปชัญญะให้สมบูรณ์อยู่เสมอ

    http://palungjit.org/threads/วิธีเจริญสมาธิภาวนา-ดูจิต-โดยหลวงปู่ดูลย์.618465/
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    images?q=tbn:ANd9GcTFf_XcUlUVB7C-W3X_Yh3eyP8oPSfcJ1f1GrIoav1ma2c0elDg.jpg

    ดวงจิตจริงมีดวงเดียว
    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    “พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เอกะจะรัง จิตตัง…จิตดวงเดียวเที่ยวไป” ไอ้ที่บอกเป็นหลายดวง คืออารมณ์เข้ามาสิงจิตอยู่ใช่ไหม.. อย่างจิตมีความโกรธ จิตมีความโลภ จิตมีความหลง ใช่ไหม.. จิตมีความรัก อารมณ์ของจิตก็ต่างกันไป นั่นมันเป็นอารมณ์ไม่ใช่ดวงจิต ดวงจิตจริงมันดวงเดียว” ..

    ที่มา https://www.facebook.com/MotanaboonCom
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล


    จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ


    ดูจิต​

    Y9553852-6.jpg

    Y9553852-7.jpg
    ^
    ^
    ^

    อย่าไปตามรู้หรือรู้ตาม

    หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถามเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2546

    ความคิดไม่ใช่จิต


    กราบนมัสการหลวงตาที่เคารพอย่างสูงยิ่ง ที่ว่า ความคิดไม่ใช่จิต เมื่อปฏิบัติตามที่ท่านสอนภาวนาแล้วรู้สึกโล่ง แต่สักพักจะเห็นอาการหมุน ๆ ของกิเลส วนเวียนๆ อยู่อย่างนี้ บางทีก็ติดสัญญา ควรดำเนินต่อไปอย่างไรเจ้าคะ ขอรบกวนอีกข้อเจ้าคะคือเวลาลืมตาภาวนาแล้วเป็นสมาธิดีแต่หลับตาไม่ค่อยเป็น ทำอย่างไรจะหลับตาทำสมาธิได้เจ้าคะ หรือหากอิริยาบถใดเป็นสมาธิแล้วก็ให้รักษาคงไว้ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

    คำตอบ

    หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาธรรมของคุณให้
    เมื่อเช้าวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ ณ วัดป่าบ้านตาด ดังนี้

    โยม : กราบนมัสการหลวงตาที่เคารพอย่างสูงยิ่ง ที่ว่าความคิดไม่ใช่จิต เมื่อปฏิบัติตามที่หลวงตาสอนภาวนาแล้วรู้สึกโล่ง แต่สักพักจะเห็นอาการหมุน ๆ ของกิเลส วนเวียนๆ อยู่อย่างนี้ บางทีก็ติดสัญญา ควรดำเนินการต่อไปอย่างไรเจ้าคะ

    หลวงตา : นั่นละมันคิด ให้ระงับจิตอย่าให้มันคิดเข้าใจไหม มันวนเวียนมันออกไปเป็นความคิดไปแล้วนั่นน่ะ ความคิดกับจิตไม่ใช่อันเดียวกัน แต่เกิดขึ้นจากจิตเข้าใจเหรอ อย่าปล่อยให้มันคิด เวลาจะต้องการความสงบให้สงบด้วยธรรมบทใดก็ได้อย่างที่เขาเคยปฏิบัติเข้าใจไหมล่ะ เช่น พุทโธ เป็นต้น ก็ได้ ให้สติตั้งอยู่ อย่างวันนี้พูดกันชัดเจนแล้วนะ เอ้า ว่าไป

    โยม : คือเวลาลืมตาภาวนาแล้วเป็นสมาธิดีกว่าหลับตาภาวนา ทำอย่างไรถึงจะหลับตาแล้วทำสมาธิได้เจ้าคะ หรือหากอิริยาบถใดเป็นสมาธิแล้วก็ให้รักษาคงไว้ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

    หลวงตา : เราอย่าเผลอ หลับตาก็ไม่เผลอ ลืมตาก็ไม่เผลอมันก็เป็นสมาธิได้ทั้งหลับตาทั้งลืมตานั้นแหละ ถ้ามันหลับตาดี ลืมตาไม่ดี แสดงว่าสมาธิคอยแต่จะล้ม แบบนี้ ยังหาหลักเกณฑ์ไม่ได้เข้าใจไหม เอ้า เป็นอย่างนั้นนี่

    http://palungjit.org/threads/ความคิดไม่ใช่จิต.12434/#post-105958
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]


    โยม : ถามว่าจิตกับความคิดใช่อันเดียวกันหรือไม่ครับ

    หลวงตา : ไม่ใช่อันเดียวกัน

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แนะนำ ลองฟังอ่านคำเทศน์สอน ของครูบาอาจารย์ ดูครับ

    ลองพิจารณาดูครับ จขกท.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2017
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ยินดีด้วยครับ "จิตเริ่มเข้าสมาธิ จะรับรู้ได้ว่าจิตเปลี่ยน คือ รับรู้ได้ว่าจิตกำลังเลื่อนเข้าสู่สมาธิ" นี่เป็นอาการของ "สติ" ที่ทำหน้าที่ "รู้" เฉย ๆ สามารถทรงตัวอยู่ได้ ด้วยตัวมันเอง

    +++ ส่วนเพื่อนคุณที่บอกว่า "ไม่เคยรู้สึกถึงอาการที่จิตเปลี่ยนเลย" นั้น เป็นเพราะ "สติ" ยังไม่สามารถตั้ง "ฐาน" ด้วยตัวมันเองได้

    +++ ข้อแนะนำเสริมในบริเวณนี้คือ "ให้ รู้ ต่อไป ในขณะที่ จิตทรงสมาธิ แล้ว เนื้อของสมาธิเปลี่ยนไป จากระดับหนึ่งสู่อีกระดับหนึ่ง (ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน)"

    +++ เมื่อคุ้นเคยแล้ว ก็จะค่อย ๆ พัฒนาเข้าสู่กอง "ปัญญาญาณทัศนะ" หรือ "วิปัสสนาญาณทัสสนะ" ได้ด้วย "ฐานสติ" ที่มีเสถียรภาพ ได้ด้วยตัวมันเอง
    +++ "ปฏิบัติแบบดูกายดูจิต" นั่นคือ "ภาษา" ที่คุณใช้เรียกวิธีปฏิบัติ แต่ อาการที่แท้จริงที่คุณเป็นอยู่ คือ "รู้" ทั้ง กาย+จิต นั่นเอง

    +++ อารมณ์ทุกชนิด ในขณะที่เกิด มันจะเป็นอาการ "ผุด" ขึ้นมาจากบริเวณ "ลิ้นปี่" แล้วมาแสดงผลในบริเวณ "หน้าอก" เป็นลักษณะของ "ปื้นแผ่น แผ่กว้าง" เป็นบริเวณ "หย่อม แห่งความรู้สึก"

    +++ ณ ขณะที่ "อาการของอารมณ์" กำลัง "เกิดขึ้นและทรงตัวอยู่" และ "ฐานสติ ที่คุณกำลังฝึกอยู่" มีอยู่ด้วย

    +++ อาการของ "หย่อมอารมณ์" นั้น สามารถ "แยกตัวออกจาก ฐานสติ" ได้ ด้วยอำนาจแห่ง "ฐานสติ" นั่นเอง

    +++ ทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะ "รู้ชัด" ได้ด้วยตัวคุณเอง
    +++ เหตุที่มัน "รุนแรงกว่า" เพราะมันมีการ "ปรุงแต่ง คิดให้มันเสริมความรุนแรง เติมให้มันตลอดเวลาที่ปรุงอยู่นั้น" เหมือน "เติมความโกรธ ด้วย ความคิด"
    +++ การ "เติมความโกรธ ด้วย ความคิด" ก็เหมือนกับการ "เติมน้ำมันใส่กองไฟ" นั่นเอง
    +++ เหตุที่ "หย่อมอารมณ์ จำกัดแค่ ในบริเวณหน้าอก" เพราะ "ฐานสติ" สามารถตั้งอยู่ได้บ้างแล้ว

    +++ หาก "ฐานสติ" ไม่มีอยู่เลย "ขนาดของหย่อมอารมณ์" จะใหญ่จน "ครอบคลุมได้ทั้งตัว" ที่เรียกว่า "โดนอารมณ์ ครอบงำ จนมืดมิดทั้งตัว" และคุณจะอยู่ใน "ครอบของอารมณ์ และ ตกเป็นทาส" ของมัน
    +++ อาการตกใจ คือ อาการที่ "จิตหดกระแทก กลับเข้าสู่กาย แบบเฉียบพลัน" เกิดการ "รวมศูนย์ แห่งการ ตกกระทบ" มายัง ณ จุดที่ "เจ็บแปล็บ" นั้น ๆ

    +++ อาการตกใจ คือ อาการที่ "จิตไร้การปรุงแต่ง" และเป็นอาการของ "กิริยาจิต รวมศูนย์ เฉียบพลัน" (ภาษาใกล้เคียงคือ "จิตมัน "ยิง" ตัวมันเอง กลับเข้ามา")

    +++ ณ จุดรวมศูนย์ (จุดที่ถูกยิงทางจิต) สามารถทำให้เกิดอาการ "เจ็บแปล็บ (ถูกยิง)" ได้ ตรงนี้ให้คุณ "เก็บเป็นข้อมูล ส่วนบุคคล" เพราะมันเป็น "ประสพการณ์" โดยตรง ของตัวคุณเอง

    +++ ตรงนี้เป็น "ปรากฏการณ์" ที่จะสามารถทำให้คุณ "ไขปริศนา ในเรื่อง จิตและพลังจิต" ได้ในอนาคต รวมทั้ง "จุติจิต" เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

    +++ ให้ "รู้" ปรากฏการณ์ทางจิต ไปเรื่อย ๆ สะสมประสพการณ์ไปเรื่อย ๆ เมื่อสามารถ "เข้าใจในกระบวนการ การทำงานของจิต" ได้ทั่วถึงแล้ว ก็จะสามารถหาทางออกจาก "วังวน" ของจิตได้ ด้วยตัวของ "ฐานสติ" เอง
    +++ ถูกต้องแล้ว ปล่อยให้มัน "ปริวัตร คลี่คลาย แปรเปลี่ยน" ไปด้วยตัวของมันเอง โดยไร้ "การแทรกแซงใด ๆ" ตรงนี้คืออาการของ "ฐานสติ" ที่ถูกต้อง

    +++ ให้ "อยู่กับ ฐานสติ (อยู่กับ "รู้" ของหลวงปู่ดูลย์)" ไปเรื่อย ๆ จนได้นิสัยใน "รู้" ก็จะได้ "มหาสติปัฏฐาน 4" ครบสมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง นะครับ
     
  16. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ คนละแบบกัน "คนที่ตกจากฌาน คือ คนที่เข้าฌานหรือเข้าสมาธิแบบ ไม่รู้ตัว"

    +++ แต่ของคุณ Ukie "เข้าสมาธิแบบรู้ตัว" จึงเป็น คนละเรื่อง


    +++ ผู้ที่เข้าฌานหรือสมาธิ ด้วยวิธีการ "เพ่ง หรือ ดู" จะไม่สามารถพูดคำนี้ออกมาได้ "รับรู้ได้ว่าจิตกำลังเลื่อนเข้าสู่สมาธิ" นี่คืออาการของ "ฌานฤษี"

    +++ แต่ผู้ที่พูดว่า "รับรู้ได้ว่าจิตกำลังเลื่อนเข้าสู่สมาธิ" นั้น คือ ผู้ที่ "เข้าฌานหรือสมาธิ ด้วย มหาสติปัฏฐาน 4" และนี่คือ "สมาธิพุทธ"


    +++ สมาธิพุทธ จะรู้อาการของ "ฌานหรือสมาธิ" ได้ทั้งหมดตั้งแต่ "ฌาน/สมาธิ/เกิดขึ้น" "ฌาน/สมาธิ/ตั้งอยู่" "ฌาน/สมาธิ/ดับไป"

    +++ ของคุณ Ukie อยู่ในขั้นตอนของ การรู้จัก "ฌาน/สมาธิ/เกิดขึ้น" หากรักษาระดับการฝึกต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่นานก็จะรู้จัก "ฌาน/สมาธิ" ทั้งหมดทุกขั้นตอน ได้เอง


    +++ ยามใดที่ "สติเป็นสมาธิ" ยามนั้น "สติย่อม รู้ สมาธิ" ตลอดเวลา และไม่มี "อาการ หลง ในสมาธิ" เจือปนอยู่เลย

    +++ ดังนั้น "อาการตกจากฌาน" จึงไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ หากคุณ sathu-sathu ทำได้เมื่อไร ก็จะ "รู้" ได้ชัดเจนเอง นะครับ
     
  18. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    ขอบคุณที่อธิบายค่ะ ส่วนตัวนั่งสมาธิยังไม่เป็นเลยค่ะ... T-T
    พอรู้สึกขนลุก ลามมาตั้งแต่แขน หลัง ก็กลัว ลืมตาทันทีค่ะ... ยังนั่งไม่ได้อะไรก็กลัวแล้วค่ะ -__-!
     
  19. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณนะคะ ^_^
     
  20. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณนะคะ ละเอียดๆ ละเอียดมากๆ ไขให้ทุกประโยค กระจ่างมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จะพยายามต่อไปค่ะ จะค่อยๆอ่านทบทวนหลายๆรอบนะคะ ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...