บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วางจิตให้ผ่องใส
    วางใจให้สงบ
    วันนี้วันพระ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อใดที่เราใช้ความอยากเป็นตัวขับเคลื่อนการกระทำต่างๆ เราจะพบว่ามันมีความสุขที่ได้ทำ และเมื่อแรงของความอยากหมดไป การกระทำหรือกิจกรรมนั้นๆ กลายเป็นตัวทุกข์จนทำให้เลิกรา ไม่อยากทำอีก กลายเป็นนับหนึ่งไม่ถึงร้อย
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อคืนเห็นเปรตชาย รูปร่างสูงใหญ่ไม่นุ่งผ้า ปรากฏให้เห็นในสมาธิ ญาติใครตายแล้วไปเป็นเปรต ตอบๆ เค้ามาขอส่วนบุญ มาพร้อมกับไฟนรก น่าสงสาร

    คนๆ นี้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ มีนิสัยใจคอที่เต็มไปด้วยโทสะ ตายแล้วจึงตกนรกถูกเผาด้วยเพลิงโทสะแห่งตน เสื้อผ้าก็ไม่มีใส่

    สวดบทจักรพรรดิ์แล้วสัพเพให้ไป ไฟนรกที่ร้อนแผดเผาพลันสงบลงกลายเป็นความเย็น ค่อยยังชั่วหน่อย ทุกครั้งที่มีสัตว์ขึ้นมาจากนรกมาขอส่วนบุญ เราจะรู้สึกร้อนเหมือนถูกเผา จำสภาวะได้และทุกครั้งมักจะเป็นเปรต เป็นสัตว์นรก

    โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    โกรธครั้งหนึ่งตกนรกครั้งหนึ่ง
    โมโหครั้งหนึ่งตกนรกครั้งหนึ่ง
    โลภครั้งหนึ่งตกนรกครั้งหนึ่ง

    วันๆ กิเลสโลภโกรธหลง เกิดกี่ครั้ง ก็ตกนรกตามจำนวนนั้น นี่คือตอนเป็น นรกตอนเป็นก็คือทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้

    ทีนี้ตอนตาย ตายปุ๊บเกิดปั๊บเลย เกิดเป็นสัตว์นรกประเภทต่างๆ พร้อมไฟนรกที่เกิดจากกิเลสตอนเป็น ระดับความรัอนของเพลิงนรกที่เผาผลาญก็เท่ากับระดับกิเลสที่เคยเกิดเมื่อตอนเป็น

    เรื่องจริงนะ เมื่อเรารักษาศีล (ศีลคือการสำรวมกาย วาจา ใจ) ศีลก็จะรักษาเรา

    ความสำรวมจะเกิดได้ก็ต้องมีสติและสัมปชัญญะ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อเกิดมาแล้วไม่ยอมฝึกตน ฝึกจิต ภพภูมิก็จะเป็นครูฝึกให้ นรกเป็นครูฝึกให้ เวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์ไปจนกว่าจิตจะจดจำ จะเข็ดขยาด แล้วเข้าสู่หนทางฝึกตนฝึกจิตไปเองในที่สุดของการได้เกิดในครั้งต่อไป

    กฏแห่งกรรมและภพภูมิคือครูฝึกสัตว์
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คนเดียวปั้น...ต่างกันแค่ห้วงเวลา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอขอบคุณทุกผัสสะที่กระทุ้งกิเลสที่ยังมีอยู่ให้ได้รู้ จิตยังเพลิน จิตยังหลง แต่สติมั่นคง ค่อยเป็นค่อยไป
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในอดีตเห็นห้องพระของบ้านใครๆ ก็จะเป็นโต๊ะหมู่เป็นชุดสวยงาม บ้านเราไม่มีโต๊ะหมู่เพราะจน มีเพียงหิ้งพระเล็กๆ ที่มีพระแก้วมรกตเป็นพระประธานของที่บ้าน ต่อมาพ่อก็นำพระเชียงแสนที่ได้รับมาจากการเป็นประธานทอดผ้าป่า แล้วพระพุทธรูปองค์อื่นๆ ก็เริ่มทะยอยมาบ้านเราจากงานบุญต่างๆ ทีนี้ก็เริ่มเยอะ เราก็มาคิดเรื่องโต๊ะหมู่บูชา คำว่า "โต๊ะหมู่คือโต๊ะหลายๆ ตัวที่นำมาตั้งเรียงกัน จัดให้เป็นหมวดเป็นหมู่ ลดหลั่นกันไป ในเวลานั้นเราคิดได้อย่างนั้น ไม่รอช้า เราจึงนำโต๊ะทุกตัวที่มีอยู่ในบ้านที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือนำมาใช้ได้แค่เฉพาะกาล นำมาจัดตั้งวางเรียงกันแล้วปูผ้าขาว นำพระพุทธรูปมาจัดวางที่โต๊ะตามลำดับของการได้มา พระพุทธจะอยู่รวมกับหมวดพระพุทธ เรียงตามพรรษา พระสงฆ์จะอยู่โต๊ะที่เป็นหมวดพระสงฆ์ พระบรมสารีริกธาตุได้มาภายหลัง จัดให้อยู่สูงสุด พระโพธิสัตว์และเทพแยกโต๊ะออกมาต่างหาก ถ้าซื้อโต๊ะหมู่สำเร็จรูปคงหลายหมื่น คนจนเนาะทำงานตอนนั้นเงินเดือนยังไม่ถึงหมื่นเลย ต้องใช้ปัญญาดัดแปลงไป

    เมื่อก่อนจะยึดติดกับอามิสบูชา ต้องมีดอกไม้สดๆ สวยๆ หอมๆ ธูปก็ต้องเป็นธูปหอม เข้าไปห้องพระก็ไปนั่งดมๆ แล้วเกิดความชอบ ความสงบ เป็นสมาธิ นี่จิตเค้าติดอย่างนี้ นั่งสมาธิก็สูดดมกลิ่นธูปไป จิตสงบได้เพราะกามคุณห้า 555 ในเวลานั้นนะ พอเราศึกษามากเข้า รู้เห็นมากเข้า เราก็มาละออก มาฝึกตนใหม่ สิ่งที่เคยทำมามันคือการยึดนี่หว่า แม้จะยึดดี จิตก็ยึดติดอยู่ดี ไม่ได้สงบเองอันเกิดจากธรรมภายใน ไม่ใช่อิสระที่แท้จริง ก็มาฝึกละออกจากความยึดต่างๆ เออไม่มีดอกไม้สดๆ สวยๆ ให้มองให้ดม ก็เป็นสมาธิได้เหมือนกันนี่หว่า ไม่ต้องจุดธูปจุดเทียน จิตก็สว่างได้นี่หว่า หลับตาก็เห็นพระ ลืมตาก็เห็นพระ มีพระอยู่ในใจแล้วใช้ได้ เราก็ฝึกของเราไปอย่างนี้ การพัฒนาจิตตนต้องเห็นรูรั่วก่อน แล้วก็ตามอุดไป อย่าไปจมแช่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันจะทำให้เนิ่นช้า
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตอนนี้ก็ดำเนินการเรื่องของที่ระลึกงานผ้าป่าสามัคคี 1000 กอง สร้างบันไดทางขึ้นหน้าพระอุโบสถ วัดภูเพียง จังหวัดน่านค่ะ เราได้ประธานอุปถัมภ์มาร่วมบุญอีกหนึ่งคน คือน้องตุ้ย

    น้องตุ้ยกำลังดำเนินงานจัดทำของที่ระลึกในส่วนที่ยังขาดอยู่ 500 ชิ้น เราตกลงกันว่าเป็นองค์ปู่พญานาค ขนาดสูง 5 นิ้ว เนื้อเรซิ่น ใช้วิธีหล่อค่ะ แล้วก็จะนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดภูเพียงราวปลายปีนี้ ที่เล่าไปทั้งหมดเป็นแผนงานที่จะดำเนินการค่ะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง

    ที่เลือกเรซิ่น เพราะเป็นวัสดุที่ทนทาน ดูแลรักษาง่ายกว่าทองเหลือง ไม่ต้องมาขัดล้างเหมือนทองเหลือง น้ำหนักเบากว่า

    องค์พญานาคที่กำลังจัดสร้าง ได้แก่ องค์ปู่ศรีสุทโธเศียรเดียว และองค์ศรีสัตตะนาคราช 7 เศียร

    ขออนุโมทนาในกุศลจิตของน้องตุ้ยด้วยค่ะ สาธุ และขออำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงยังบุญทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยประกอบมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้น้องตุ้ย มีความสุข ความเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรม คิดสิ่งใดสำเร็จสมหวังทุกประการเทอญ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เป็นคนหูเบา ฟังมาจากเพื่อนอีกที เพื่อนบอกว่าพญานาคจะมาดูแลมนุษย์นับจากนี้ไป 5 ปี ใครที่บูชาพญานาคจะมั่งมีศรีสุข เค้าว่างั้นนะ เราก็เลยเล่ิอกจัดสร้างพญานาคให้ผู้ร่วมบุญได้รับไปบูชา เผื่อว่าจะได้มั่งมีศรีสุข มีทรัพย์มาร่วมทำบุญทำทานกันอีก
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,678
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    ..ท่านเทพสงสัยกดผิด(เร็วเกินไปแบบสายฟ้าแลบ อิอิ)
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    “ ยะถา นะ สักกา ปะฐะวี สะมายัง
    กาตุง มะนุสเสนะ ตะถา มะนุสสาติ ”

    “ แผ่นดินนี้มนุษย์ไม่สามารถทำให้ราบเรียบได้ทั้งหมด ฉันใด

    เราก็ไม่สามารถทำให้มนุษย์ทั้งหลายมาอยู่ในอำนาจของเราได้ ฉันนั้น ”
    (ขุ.ชา.เอก.๒๗/๗๓๑/๑๖๖)

    เราจะทำปฐพี คือแผ่นดินใหญ่นี้ให้ราบเรียบเสมอกันหมด ย่อมเป็นสิ่งเหลือวิสัย ฉันใด

    จักนำมนุษย์ทุศีลผู้มีทิฏฐิต่างกันมาทำให้เป็นคนดีมีศีลไม่ได้ทุกคนฉันนั้นเหมือนกัน

    แม้จะกล่าวเพื่อหวังเกื้อกูลว่า พวกท่านจงรับศีล ก็ไม่อาจนำมาได้ด้วยอำนาจของตน ด้วยว่าคนที่เป็นบัณฑิตเท่านั้น ย่อมติเตียนปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉา มุสาวาท สุราเมระยะมัชฌะปะมาทัฏฐาน ว่าเป็นอกุศล แต่คนพาลไม่เชื่อสังสาระ ไม่ต้องการศีลแม้แต่น้อยนิด พวกเขาจึงไม่อาจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้แม้แต่น้อย ยังสำคัญว่าเป็นการประกอบสุจริต การนำคนเหล่านั้นมาย่อมเหลือวิสัยเช่นกัน

    เพราะฉะนั้นการให้ศีลแก่คนที่ได้ประสบพบเห็นทั่วไปจึงไร้ผลอันน่าปรารถนา จึงควรให้แก่คนที่ขอเท่านั้น เพราะความศรัทธาเลื่อมใสในคุณของศีลแล้วขอ ย่อมก่อประโยชน์แก่เขาทั้งปัจจุบันและอนาคตกาล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อ่านง่ายได้สาระ

    ทศกุศลกรรมบถสูตร (มหาปารมิตาหทัยสูตร)

    พระตรีปิฎกธราจารย์ศึกษานันทะ แห่งราชวงศ์ถัง
    แปลจากสันสกฤตพากย์สู่จีนพากย์

    (ประมาณปี พ.ศ.๑๒๓๓ ถึง ๑๒๔๘)

    พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก แปลไทย เมื่อ ๒๒-๒๔ เมษายน ๒๕๕๓

    ข้าพเจ้าได้สดับมาดั่งนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในนาคมณเฑียรแห่งสาครนาคราช พร้อมด้วยมหาภิกษุจำนวนแปดพันองค์ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์สามหมื่นสองพันองค์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงรับสั่งกับนาคราชว่า บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย เหตุที่มีสัญญาแห่งจิตต่างกัน การกระทำกรรมจึงต่างกัน เพราะเหตุนี้จึงมีการเวียนว่ายไปในภูมิต่างๆ

    ดูก่อนนาคราช เธอทัศนารูปลักษณะต่างๆ ของ(ผู้ที่อยู่ใน)สมาคมที่นี้และห้วงมหาสาคร ว่ามีความต่างกันอยู่หรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะจิตก็หาไม่ ไม่ว่าการทำกุศลหรืออกุศล ไม่ว่าการเป็นไปของกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็ตาม อันว่าจิตนั้นไร้ซึ่งรูป ไม่อาจเห็นหรือจับต้องเอาได้ เป็นเพียงสิ่งที่ไม่จริง ธรรมทั้งปวงแม้นประชุมกันขึ้น ที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งการควบคุมได้ ไร้ซึ่งตัวตน(อัตตา) และไร้ที่ตั้งแห่งตัวตน(มมังการ)

    แม้จะล้วนเกิดขึ้นตามกรรม ก็ปรากฏขึ้นไม่เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไร้ซึ่งผู้กระทำให้เป็นไป เหตุนี้แล สรรพธรรมจึงล้วนเป็นอจินไตย(1)สวภาวะ(2)ที่ว่าก็เป็นดุจมายา อันผู้มีปัญญาจึงรู้ว่าเมื่อตนเองประพฤติกุศลกรรมแล้ว ขันธ์ อายตนะ ธาตุที่เกิดขึ้นนั้นจะงดงามทั้งสิ้น ผู้ที่ได้พบเห็นจะไม่รังเกียจเลย

    [1] อจินติตสูตร ว่าด้วยอจินไตย ๔ กล่าวว่า
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ อย่างนี้ไม่ควรคิด ผู้ที่คิดก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า
    อจินไตย ๔ คืออะไรบ้าง คือ

    ๑. พุทธวิสัยแห่งพระพุทธทั้งหลาย เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ผู้ที่คิดก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า
    ๒. ฌานวิสัยแห่งผู้ได้ฌาน เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ผู้ที่คิดก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำปากเปล่า
    ๓. วิบากแห่งกรรม เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ผู้ที่คิดก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า
    ๔. โลกจินดา (ความคิดในเรื่องของโลก) เป็นอจินไตยไม่ควรคิดผู้ที่คิดก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แล อจินไตย ๔ ไม่ควรคิด ผู้ที่คิด ก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า.
    (พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 235)

    [2] สวภาวะ แปลว่า ความเห็นที่ว่าสรรพสิ่งล้วนมีคุณลักษณ์เฉพาะของตัวเอง เช่น รถยนต์มีสวภาวะของความเป็นรถยนต์ จึงทำให้เป็นรถยนต์ แต่นัยยะของพระสูตรนี้ มุ่งแสดงให้เห็นว่าทุกสรรพสิ่งล้วนว่างเปล่าจากสวภาวะ กล่าวคือ ทุกสิ่งไม่ได้มีคุณลักษณ์เฉพาะที่แท้จริงเลย สรรพสิ่งเกิดขึ้นมาได้ ล้วนเป็นเพราะมีเหตุปัจจัยจากสิ่งอื่น หรือเพราะการอิงอาศัยกับสิ่งอื่นๆ ในรูปแบบของปฏิจจสมุปปบาทหรืออิทัปปัจจัยตา เช่น เพราะมีประตู ล้อ พวงมาลัย เครื่องยนต์ ฯลฯ มาประกอบกันจึงเกิดเป็นรูปร่างของรถยนต์ขึ้นมา ซึ่งรถยนต์ที่แท้นั้นไม่ได้มีอยู่จริง หรือแม้แต่ประตู ล้อ พวงมาลัย เครื่องยนต์ ฯลฯ ก็ไม่ได้มีความเป็น ประตู ล้อ พวงมาลัย เครื่องยนต์ ฯลฯ อยู่ด้วยเช่นกัน เพราะแต่ละสิ่งล้วนเกิดจากการประกอบกันขึ้นของแร่เหล็ก และสารทางเคมีอื่นๆ สรุปคือ สรรพสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่ง หรือหลายสิ่งประกอบกันเข้า เมื่อหลายๆสิ่งรวมเป็นสิ่งเดียวแล้ว เราจึงสมมุติชื่อเรียกสิ่งๆนั้นต่อไป

    กายนี้ ว่าเป็นบ่อเกิดแห่งกุศลมงคลร้อยพันโกฏิประการ อันเป็นอลังการลักษณะทั้งปวง มีความโอภาสรุ่งเรืองอยู่ ครอบคลุมไปในมหาชนทั้งปวง แม้นท้าวมเหศวรพรหมราช(1)จำนวนหาประมาณโกฏิไม่ได้(จะมาอยู่รวมกันรัศมี) ก็ยัง(ถูกบดบังไว้)ไม่ปรากฏ อันผู้ที่ได้เพ่งพิศกายแห่งตถาคตนั้น ล้วนจะตระการตา

    อีกเธอจงพิจารณามหาโพธิสัตว์ทั้งหลายนี้ ที่มีรูปกายงดงาม บริสุทธิ์ อลังการ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการบำเพ็ญกุศลธรรมแล้วจึงเกิดเป็นบุญกุศลขึ้น อีกบรรดาเทพ นาค และหมู่สัตว์ในคติแปด(2)เหล่านี้ผู้มีเดชานุภาพยิ่งใหญ่ ก็ล้วนมีเหตุจากกุศลกรรมแล้วจึงเกิดเป็นบุญกุศลขึ้นเช่นกัน

    สรรพสัตว์บรรดามีในมหาสาครนี้ ที่มีรูปลักษณะหยาบช้า บ้างใหญ่โต บ้างเล็ก ก็ล้วนเกิดจากสัญญานานาประการที่ระลึกอยู่ในจิตของตนเองทั้งสิ้น แล้วกระทำอกุศลกรรมทั้งหลายทางกาย วาจา ใจ เหตุนี้จึงต้องรับวิบากผลเอง ตามแต่กรรมที่ทำทั้งสิ้น ในบัดนี้เธอพึงศึกษาบำเพ็ญอย่างนี้ แลจงยังให้สรรพสัตว์แทงตลอดซึ่งเหตุและผล แล้วประพฤติกุศลกรรมเถิด

    ในข้อนี้เธอจงเห็นถูกอย่างนี้ ไม่หวั่นไหว อย่าตกสู่ความเห็นทั้งสอง คือ อุจเฉททิฏฐิ และ สัสสตทิฏฐิ (3) อีก ในหมู่ผู้เป็นบุญเกษตร(4)ทั้งหลายก็จงยินดีที่จะให้ความเคารพและบูชา เหตุนี้พวกเธอทั้งหลาย ก็จะได้รับการเคารพและบูชาจากมนุษย์และเทวดาทั้งหลายเช่นกัน

    [1] อรรถกถาว่า คือ พรหมที่อยู่รูปพรหมชั้นสูงสุด ผู้บรรลุฌานสี่ เป็นใหญ่ในภพทั้งสาม มีอำนาจและรัศมีรุ่งเรืองที่สุดในหมู่สัตว์ในไตรภูมิ

    [2] อัษฐคติ หรือ คติ ๘ หรือ คณะ๘ มี ๑.เทพ ๒.นาค ๓.ยักษ์ ๔.คนธรรพ์ ๕.อสูร ๖.ครุฑ ๗.กินนร ๘.มโหราค

    [3] ทิฏฐิ ๒ (ความเห็น, ความเห็นผิด - view; false view)
    ๑. สัสสตทิฏฐิ (ความเห็นว่าเที่ยง, ความเห็นว่าอัตตาและโลกเที่ยงแท้ยั่งยืนคงอยู่ตลอดไป - eternalism)
    ๒. อุจเฉททิฏฐิ (ความเห็นว่าขาดสูญ, ความเห็นว่าอัตตาและโลกซึ่งจักพินาศขาดสูญหมดสิ้นไป - annihilationism)

    [4] หมายถึง สมณะ ผู้มีศีล สมาธิ ปัญญา ในพระพุทธศาสนา

    ดูก่อนนาคราช พึงทราบไว้ว่าโพธิสัตว์มีธรรมอยู่ประการหนึ่ง สามารถตัดทุกข์แห่งอบายมรรคทั้งปวงได้ อันประการหนึ่งนั้นเป็นเช่นไรเล่า? ก็คือทุกทิพาราตรี ได้ตามระลึก ตรึกคิด พิจารณาอยู่ซึ่งกุศลธรรมเป็นเนืองนิตย์ จะยังให้กุศลธรรมทั้งหลายเจริญขึ้นทุกขณะจิต ไม่ให้อกุศลแม้แต่น้อยเข้ามาเจือปนได้ จึงจะสามารถยังให้อบายทั้งปวงขาดสิ้นลงไป กุศลธรรมจะบริบูรณ์ จะได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ทั้งหลายและหมู่พระอริยบุคคลอื่นๆ อยู่เสมอ

    อันกุศลธรรมนั้น ก็คือ มนุษย์ เทวดา พระสาวกโพธิ พระปัจเจกโพธิ พระอนุตรสัมโพธิ ก็ล้วนอาศัยธรรมนี้เป็นมูลฐานทั้งสิ้น จึงจะสำเร็จได้ จึงได้ชื่อว่า ?กุศลธรรม? ธรรมนี้ก็คือ ?หนทางแห่งการทำความดีสิบประการ? (1) ก็สิบประการนั้นเป็นเช่นไรเล่า ก็คือการสามารถไกลจาก

    การพล่าพลาญชีวิต
    การลักขโมย
    การผิดกาม
    การพูดเท็จ
    การพูดกลับกลอกสองลิ้น
    การพูดวาจาหยาบคายชั่วร้าย
    การพูดเพ้อเจ้อโปรยเสียซึ่งสารประโยชน์
    ความโลภ
    ความโกรธ และ
    ความเห็นผิด อยู่เป็นนิจ
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ความผูกพันคือความยึดมั่นถือมั่น ตัดให้ขาดได้ยากยิ่ง
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อคืน (29/3/60) ฝันดี๊ดี ฝันว่าได้ทองคำห่อเบ้อเร่อ

    ได้พบเจอเจ้านายเก่า แล้วเราก็ถามว่านี่ก็เลยปีใหม่ เลยตรุษจีนมาแล้วนะ ยังไม่เห็นเจ้านายให้รางวัลสักที เจ้านายไม่พูดแต่ยิ้มให้ แล้วส่งของที่ห่อด้วยกระดาษขาวหุ้มพลาสติกใสมัดหนังยางหลายๆ ห่อให้ชายอีกคนนำมาแจก แต่ละคนได้รับกันคนละห่อ แต่เราได้รับเป็นหอบเลย ก็สงสัยว่าของในห่อคืออะไร มันแข็งๆ คนอื่นพอได้รับก็แกะออกดู เป็นแหวนทองคำ ทุกๆ คนที่แกะห่อออกมาล้วนเป็นเครื่องประดับทองคำ ได้ไปคนละช่ิ้น คงไม่ต้องบอกว่าที่เราหอบอยู่คืออะไร เป็นทองคำแท่งจ้า....ฝันนะ

    พอตื่นมาก็พิจารณาฝันว่าหมายถึงอะไร ฝันนี้บอกเรื่องอะไร จนสายรู้สึกหิว วันนี้หิวเร็วเดินไปร้านยายตุ่มซื้อเหนียวไก่มากินดีกว่า ถูกและอิ่ม

    ขณะที่ยืนรอยายตุ่มจัดเหนียวไก่ใส่ถุง ก็หันมองไปทางซ้ายมือ เอ๊ะ! อะไรสีเหลืองๆ อร่ามอยู่ตรงนั้น พระพุทธรูปนี่หว่า ใครสร้างพระ สร้างเอาไปที่ไหน ใช้สายตายาวให้เป็นประโยชน์ เค้าติดป้ายว่าเชิญร่วมสร้างพระพุทธชินราช เพื่อเป็นพระประธานนำไปประดิษฐานที่วัดในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผ้าป่าสามัคคี อดคิดถึงผ้าป่าที่ตัวเองกำลังจัดอยู่ไม่ได้ ก็เลยอธิษฐานขอบารมีพระพุทธชินราชช่วยให้สำเร็จ

    รับของและเงินทอนจากยายตุ่ม เดินตรงแน่วไปที่องค์พระ หยิบแบงค์ยี่สิบขึ้นมาจบขอร่วมบุญสร้างพระประธานด้วยนะคะ บอกไปในใจ เพราะไม่เห็นมีใครอยู่สักคนก็เลยยืนคุยกับพระพุทธรูป 555

    นี่ไงคือคำทำนายฝันของเมื่ิอคืน....เอวัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พระพุทธรูปแห่งภาคตะวันออก ที่มีผู้ศรัทธามากล้น
    มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เลื่องลือ และยังเป็นพระพุทธรูปประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีฉลู
    .....หลวงพ่อโสธรค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ก๊อปมาฝาก จากเฟสบุคค่ะ

    การละสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ข้อ เพื่อเข้าสู่ความเป็นพระอริยะเบื้องต้น (พระโสดาบัน)

    ไปเห็นตามเวปต่างๆ กระทู้ต่างๆ มักจะมีคำถามว่าทำอย่างไร ใช้วิธี อุบายอะไร ไปละกิเลสสังโยชน์ด่านแรก เพื่อปิดประตูอบาย ตายแล้วไม่ต้องตกนรก

    ก่อนอื่นมารู้จักกิเลสสังโยชน์ 3 ข้อนี้ก่อน พูดบ่อยมาก ความจริงน่าจะเลิกพูดได้แล้ว เพราะไม่มีคนสนใจ 555

    1. สีลัพพตปรามาส ความยึดมั่นถือมั่นในศีลพรต ว่าดีแล้ว บริสุทธิ์แล้ว จนไปดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น หรือไม่รักษาศีลอย่างจริงจัง
    2. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยต่างๆ ในคำสอนและการปฏิบัติ
    3. สักกายทิฏฐิ ความยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย ตัวตน ว่าเป็นเรา เป็นของเรา ว่าเป็นเขา เป็นของเขา รัก หวงแหน

    จะบอกอุบายในการละทีละข้อนะ

    ก่อนอื่นต้องรู้หลักของการภาวนาและมีการสั่งสมการภาวนา ปัจจัยให้เกิดการภาวนา ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    มีการรักษาศีล 5 8 10 227 และกุศลกรรมบท 10 เรียกว่ามีใจรักศีล มีการทำสมาธิแนวไหนก็แล้วแต่ๆ ได้สั่งสมกำลังสมาธิมาแล้วพอสมควร จนเป็นฐานกำลังให้จิตยกขึ้นสู่การเจริญปัญญา (วิปัสสนา)

    เมื่อมีใจรักศีล เฝ้าดูแลศีลของตนไม่ให้ทะลุ หรือด่างพร้อย ไม่ดูหมิ่นผู้อื่นเรื่องศีล ทำได้อย่างนี้จนเป็นปกติก็เท่ากับละกิเลสสังโยช์ข้อ 1 สีลัพพตปรามาสแล้ว

    มีใจรักในพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน และเชื่อว่าพระธรรมคำสอนนั้นทำให้เป็นพระอริยะได้ มีใจหนักแน่น ไม่ลังเล สงสัยในคำสอนและหลักปฏิบัตินั้นๆ ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าวต่างๆ ไม่เชื่อในพิธีกรรมต่างๆ ที่ไม่ใช่พุทธ อย่างนี้ก็เป็นการละกิเลสสังโยชน์ ข้อ2 วิจิกิจฉา

    ข้อที่ 3 นี้เชื่อว่ามีคนไม่เข้าใจมากที่สุด จึงละออกกันไม่ได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ถูกสอนเรื่องความเป็นเจ้าของแล้ว ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน และสังคมที่ตนเป็นอยู่ ข้อนี้ต้องใช้อุบายธรรมจากกองกรรมฐาน ข้อมรณานุสสติ เจริญกรรมฐานเรื่องตาย ให้เห็นจริงๆ ว่าทุกคนล้วนต้องตาย เราก็ตาย เขาก็ตาย ทุกคนล้วนตายกันหมด จึงไม่มีเราหรือเขาตั้งอยู่บนโลกนี้จริงๆ

    ที่กล่าวไปทั้งหมดก็เป็นอุบายแนวทางในการละกิเลสสังโยชน์เบื้องต่ำเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น อุบายจะส่งผลหรือไม่ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยด้วย ต้องสร้างเหตุให้เกิดมรรคผล ด้วยการสั่งสม ทาน ศีล ภาวนา ทำเหลาะๆ แหละๆ ผลก็เหลาะๆ แหละๆ ไปนึกเคร่งตอนแก่จะไม่ทันการณ์ บังเอิญเจอโรคภัยไข้เจ็บซะก่อน ตายพอดี

    หวังว่าคงจะมีประโยชน์บ้างนะคะ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบค่ะ
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษีเทศนาเรื่องนิพพาน

    ขุนราชฤทธิ์บริรักษ์ (ถาม) :
    อันว่า"นิพพาน ปรมัง สุญญัง" เป็นอันว่านิพพานเป็นสูญอย่างยิ่ง คือหมายความว่าสูญเลย คำว่าสูญเลยเป็นที่สงสัยอย่างเกล้ากระผมซึ่งมีกิเลสหนา คำว่าสูญเลยตามตำราบอกว่าขันธ์นั่นสูญ รูปขันธ์ก็หายไป วิญญาณขันธ์ก็หายไป แล้วสังขารขันธ์ก็หายหมด ทีนี้เกล้ากระผมไม่ทราบว่าอะไรเหลือ เมื่ออะไรมันหายหมด เพราะ "นิพพาน ปรมัง สุญญัง" นี่ เพราะฉะนั้นในฐานะพระเดชพระคุณสมเด็จเป็นนักปราชญ์ผู้มีความเปรื่องในธรรม โปรดได้อธิบายให้เกล้ากระผมเพื่อเป็นแนวทางซักหน่อย ก็จะเป็นพระคุณและได้บุญกับสาธุชนผู้ที่นั่งฟังอีกด้วยเป็นอย่างมาก

    สมเด็จ (ตอบ) :
    คำว่า "นิพพาน" นี้ต้องเข้าใจว่ามีหลักแห่งความจริงของคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุขัง" "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง" ถ้าในหลักแห่งความจริงของพระสัมมาสัมพุทธโคดมแล้ว คำว่า "นิพพาน" ในโลกมนุษย์นี้ ก็คือว่า มนุษย์ผู้ใดปฏิบัติตนให้อยู่ในจิตแห่งความว่าง ให้อยู่ในจิตแห่งความนิ่ง ให้อยู่ในจิตแห่งความสิ้นจากสรรพกิเลสที่รอบล้อมอยู่ในตัว เขาเรียกว่า ....
    ใจกลางแห่งนิพพานตั้งอยู่เมือง
    รอบล้อมต่อเนื่องกำแพงอันแสนหนา
    ผู้ใดหาทางทะลุอยู่ในเมือง
    มนุษย์ผู้นั้นย่อมถึงนิพพาน
    "นิพพาน"ในโลกมนุษย์นี้เขาเรียกว่าปฏิบัติจิตให้ว่างที่สุด นานเท่านาน ผู้นั้นถึงนิพพานแห่งการเป็นมนุษย์ คือ "สุญญัง" นี้แหละเขาเรียกว่าสูญจากอาสวกิเลส สูญจากการป็นทาสอารมณ์แห่งการเป็นมนุษย์ จิตวิญญาณนี้พุ่งสู่แดนอรหันต์ ไม่ใช่สูญทั้งจิตและวิญญาณ ถ้าสูญทั้งจิตและวิญญาณ จะเอาอะไรไปเสวยกรรม สภาพการณ์วิญญาณที่สูญนั้นเขาเรียกว่า วิญญาณธาตุในเบญจขันธ์ วิญญาธาตุนี้เป็นอุปาทาน รูปนี้ประกอบขึ้นด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณธาตุจึงอยู่เป็นกาย แต่วิญญาณอีกอันหนึ่งเขาเรียกว่าวิญญาณซึ่งวนเวียนอยู่ในกฏแห่งวิฏสงสารนั้นแหล่

    เรื่องวิญญาณนี้เป็นเรื่องละเอียด ในหลักการแห่งวิญญาณของเทพพรหมชั้นสูงนั้น เปรียบเสมือนหนึ่งในหลักทั่วไปของมนุษย์ ก็คือว่าเป็นอากาศ สภาวการณ์ท่านรู้ว่ามีอากาศ แต่ท่านไม่สามารถจับอากาศขึ้นมาเป็นตัวตนได้ นั่นคือสภาวะของวิญญาณเทพพรหมชั้นสูง

    ทีนี้วิญญาณเหล่าวิสุทธิเทพ วิญญาณเหล่าพรหมสุทธาวาส วิญญาณเหล่าอรหันต์ จะเปรียบให้เข้าใจในโลกมนุษย์นี้จะเปรียบเป็นอะไรเล่า อันนี้อาตมาภาพขอแถลงไขเปรียบเสมือนหนึ่งว่าวิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณละเอียด สภาวการณ์แห่งการเป็นวิญญาณละเอียดเหล่านี้ไซร้ ท่านจะต้องฝึกสมาธิใช้จิตสัมผัสเสมือนหนี่งเปรียบคือ ลม ท่านลองโบกมือดูสิ ว่ามีลมไหม เมื่อท่านโบกมือย่อมเกิดลม นักวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าเป็นชั้นด็อกเตอร์ก็ยังไม่สามารถเอาหน้าลมออกมาตีแผ่ให้มนุษย์ดูได้ ทั้งๆ ที่มนุษย์ทุกคนยอมรับว่ามีลม เพราะฉะนั้นวิญญาณแห่งวิสุทธิเทพ วิญญาณแห่งเทพพรหมชั้นสูง วิญญาณแห่งอรหันต์ จึงเปรียบง่ายๆ เป็นภาษามนุษย์ว่า ลม

    ทีนี้วิญญาณเหล่าอมรมนุษย์ วิญญาณเหล่าผีเปรต อสรุกาย วิญญาณเหล่าเจ้าที่เจ้าทางเหล่านี้ วิญญาณจำพวกนี้ยังมีกายหยาบ ฉะนั้นต้องเข้าใว่า เมื่อท่านสิ้นจากโลกมนุษย์นี้แล้วไซร้ ท่านจะต้องไปเกิดในปรภพแห่งการเสวยกรรมวิบากที่ไม่เหมือนกัน เพราะต่างกรรมต่างวาระ ต่างคนต่างสร้างมาไม่เหมือนกัน ทีนี้สภาวการณ์แห่งการสร้างกรรมไม่เหมือนกันก็คือว่าท่านที่สิ้นจากโลกมนุษย์ก็ยังเป็นวิญญาณปุตุนั้นก็จะเป็นกายหยาบหลุดออกจากกายเนื้อ ทีนี้ถ้าท่านบำเพ็ญในหลักแห่งวิสุทธิมรรค แห่งการเป็นพระอรหันต์ แห่งการเป็นพระพรหมสุทธาวาสแล้วไซร้ ท่านต้องละลายกายทิพย์เหลือแต่วิญญาณ ทีนี้วิญญาณแห่งกายที่มีกายหยาบเหล่านี้แหล่ ที่บางครั้งสามารถปรับในการรวมกระแสแห่งอำนาจที่ตนมีเป็นกายเป็นรูปร่างให้มนุษย์เห็นได้เป็นบางครั้งบางคราว

    ทีนี้ปัญหาเหล่านี้ ท่านจะถึงหลักแห่งการถึงโลกอีกโลกหนึ่ง แห่งโลกทิพยอำนาจนี้ ท่านจะไปได้อย่างไรเล่า ภาวการณ์แห่งการที่จะท่านจะไปโลกเหล่านี้ได้แล้วไซร้ ท่านจะต้องบำเพ็ญในด้านจิตวิญญาณ ตามที่องค์สัมมาสัมพุทธโคดมวางในหลักการให้เราเหล่านุษย์ทั้งหลายเจริญรอยตามท่าน ก็คือว่ามี ศีล สมาธิ ปัญญา

    คัดลอกจาก....หนังสือ ธรรมะ จากดวงวิญญาณบริสุทธ์ สมเด็จโต ชุด ของดีที่คนมองข้าม พระปัญญาวรคุณ วัดพนาสนฑ์ จ.นราธิวาส รวบรวม พิมพ์ครั้งที่ ๗ ปี 2536
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หมดเรื่องเล่าค่ะ ไม่รู้จะเล่าอะไร นั่งสมาธิ เดินจงกรม ก็ไม่มีสภาวะ ไม่มีนิมิต เหมือนเดินข้ามภูเขาสูงชันมาแล้วพบกับที่ราบ ราบเรียบ จิตไหวแล้วดับ การเกิดดับยังมีอยู่ แต่ว่าน้อยลง

    โลกก็ยังคงเป็นโลกอยู่อย่างนั้น รู้ทุกขเวทนาแต่ไม่ทุกข์ เวลาที่มองดูเพื่อนๆ เห็นช่องว่างที่ห่างออกไป คงจะใกล้ได้ปิดตัวเองแล้วค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...