ภาวนาอย่างไรจึงจะทำให้เกิดญาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Prasit5000, 18 มกราคม 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อืม....ไช่แล้ว...ตอนนี้ มารู้ความสำคัญของ พระสูตรและพุทธวจนะ แล้วล่ะ
    ฝึกสติปัฏฐานมาดี แต่ขาดพลังปัญญาจากพระพุทธเจ้านี่เอง..เลยหลงเป็นพระอรหันต์ เป็นพระเจ้าไป...ช่วงนึง

    ไช่ๆ ที่อาจารย์พุทธะหนึ่ง..สอนมาชี้มาก็คือ มาจาก พุทธวจน นี่เอง...ผมไม่เคยอ่านพระไตร ไง.....ทีนี้เข้าใจละ
    ว่า ปฏิบัติ เมื่อมีสัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาสติแล้ว ค่อยไปอ่าน..พระไตร พระสูตร จะได้ เกิดปัญญา...ในการเข้าถึงธรรมนี่เอง...อิอิ ปริยัติ..เคยอ่านแต่นวโกวาท ..
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ขั้นตอนการเรียนรู้ ไช่แล้ว มันต้อง ปฏิบัติ คู่ปริยัติ...

    ปฏิบัติสติปัฏฐานสี่ก่อน เพื่อให้เกิดญาณทัศนะ...เวลาไปอ่านพระไตร จะได้ ไม่ ตีความไปเองผิดๆ....ไช่แล้ว พระธรรมคือตัวแทนของพระ ศาสดาที่เหลืออยู่...นั่นเอง....สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ธรรมะ บัญญัตตรยางค์ หรือ ฮับ ฌาณ1 2 3 4 ...ก ว จิ ธ
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ฮิ้วววววววว....หวังว่าจะไม่เพี้ยน..ตาม นิวรณ์ ไปหรอกนะ..ถ้าไปอ่านพระสูตร พระไตร..โดยไปคิดไปตีความเอาเอง...ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติ...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เรื่อง จิตนี้ รับ พระไตรปิฏก ไม่ได้ ท่องเท่าไหร่ ก็จำไม่ได้ สู้ แพ้ทริกซ์:) ม่ายล่าย

    ไม่ใช่เพราะ ขาดการอ่าน จิฮับ อ่านให้ตาย จิตก็รับไม่ได้ อันนี้ มันเป็น เพราะ เวรกรรม ฮับ

    ไม่เชื่อ ลองไปท่อง สักสองสาม วรรค เดี๋ยวก็ลืม เวรกรรมให้ผล ไม่ใช่อย่างอื่นหลอก


    พวก อ้างภาษา เข้าใจง่าย เอา สันติ ไปกิน ได้เลย
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เฮ้ยยย การปฏิบัติ มันต้องมีขั้นมีลำดับ ที่ถูกต้องตามเส้นทางดิ....จะมาอิ่ม ก่อนกิน ได้ไง....คิดเอาเอง..ม๊ายยยยยยดั๊ย...นะจ๊ะๆ
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เฮ้ยยยยย อย่าดูถูกกันสิ....ธรรมภัทรปัญโญนะเฟ้ย....แต่อย่ามา ตะล่อมให้บวชนะเฟ้ย...ไม่ได้คิดจะช่วยใครแปลพระธรรมนะเว้ย..ถึงมีความสามารถ ทำได้ก็เถอะ.(โม้เอาไว้ก่อนไง)....ใครให้แปลพระสูตร ใครให้จำพระสูตรกันเล่า...เขาให้ทำความเข้าใจ ให้ได้ก็จบแล้วด้วยปัญญา....อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เคยได้ยินคำบาลีเป่า พวก มากบริบท

    มากบริบท แปลกลับเป็น บาลี จะได้ ปรมะ ( บรม สุดยอด )

    ปท หรือ บท หรือ บาท หรือ ท่ามาก นั่นแหละ

    ปทปรมะ ไง พวก มากบริบท ต้องอย่างงั้น ต้องอย่างงี้

    ถ้า ภาวนาเป็น ฉับ ฉับ ฉับ ฉับชน ลูกเดียว

    ถ้า ตำราจ๋า ฌาณจิต เอกัคคตา มีใน ทุกดวงจิต ที่ ขึ้นวิถี ฮะเอ่อ(ของชาวบ้าน ภาษาโบราณ)
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จะกล่าวโทษว่า เขาเรื่องมาก พิถีพิถัน ไม่ได้นะ...เพราะ ครูอาจารย์ อาจจะพาเขาทำไปทำมา...ทำมาทำไป..ไปไปมามา..มามาไปไป ไปแล้วไม่มา มาแล้วลืมไป...แบบนั้น..ก็ได้ คงไม่มีใครอยาก ช้า อยากหลง มั้ง...นอกจากพวกชอบ อภิญญาความวิเศษ เพราะอยากมี อยากเห็น อยากได้..เต็ม.อก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  10. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ..น้าจร-ผมว่าคุณนี่ ไม่ศึกษาแล้วยังอวดรู้อีกนะ ครับ..
    ขออภัยผมไม่อยากกล่าวคำนี้เลย แต่กลัวคนอื่นจะเข้าใจผิด ผมว่าน้าจร ไปหาความรู้มาก่อนแล้วค่อยมาโต้กันด้วยเหตุผลดีกว่า
    คุณเข้ารก-เข้าป่าคนเดียวไม่เป็นไร แต่มาดึงคนอื่นเขวด้วยทำให้ผมต้องมาตามยืนยันคำโพสต์ของผม..ปฏิจจสมุปบาท คือการอาศัยกันและกันเกิด เขาทำงานพร้อมกันทั้ง 12 ห่วงโซ่
    คุณไปเปิดยูทูป-กูเกิล ฟังจากท่าน อาจารย์วศิน อินทสระ ก็ได้ อย่ามาคิดเอง-แต่งเอง คุณต้องรู้คุณภาพ ตนเองก่อนที่เอาความเห็นส่วนตัวมาแสดง ผมจำคำ พุทธวจน มาแสดง ไม่ใช่ผมคิดเองนะคัรบ ..
    น้าจร ไปนอนไปถ้าไม่อยากได้ความรู้ก็อย่าก่อกวน-มันทำลายความตั้งใจของคนอื่น ผมไม่ได้มาอวดตัว ผมมาเผยแพร่ แลกเปลี่ยนความเห็น ถ้าอยากได้ความรู้ก็ไปค้นคว้ามาโต้..ไม่ใช่มาด้นเดาเอาความเห็นตนเองเป็นหลัก หยุดเถอะคับ ผมอายแทน
     
  11. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    น้าจร..คุณไม่เอาความรู้มาโต้ แต่เอาความเห็นตนเองมาโต้ ทั้งที่ภูมิธรรมไม่ถึง-ทั้งเก่าและใหม่-ไม่รู้ ก็ยังมาเถียง กล้าแสดงความเห็นที่ไม่มีพื้นฐาน แหล่งที่มา วิชาการ การอ้างอิง ไม่ค้นคว้า-ไม่ออกจากกะลาเลย น่าสงสารครับ
    ที่ผมโพสต์มา เป็นคำพุทธวจน..ไม่ได้คิดเอง ไม่ใช่คำของผม คุณต้องรู้จัก การเรียนรู้แบบปราศจากอคติก่อน..ไปศึกษามาก่อนแล้วเอาความเห็นที่คุณ มองไม่ตรงกับผม มาโต้ ตามหลักวิชาการ คำสอน ไม่ใช่มั่วไปหมด ภาษาชาวบ้าน คิดเอง-เออเอง-น่าอายครับ
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อืมมมมม..นะ..ก็ดีแล้วที่ยังรู้จักอาย..แทนผม
    เพราะผมอายแทนคุณ...มาเยอะละ

    ไม่เถียงละ ไม่อยากเพี้ยนตาม อิอิ
     
  13. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    พอตำหนิ ก็โกรธแทนที่จะไปค้นคว้ามาโต้..มาไล่ผมให้จนเพื่อคนอื่นก็จะได้ความรู้ด้วย มีแต่อัตตาแบบนี้ ..ไม่ไปไหนแน่ น้าจร..โกรธอะดิ..ด่าผมมาหลายความเห็นโดนโต้เข้าหน่อย คนแก่งอนเลยดิ อิอิ โอ๋..อย่าโกรธนะครับ สาธุ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ค้นคว้า บ้าดิ...ไม่ไช่ ไอสไตน์ นะ...อิอิ
     
  15. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ผมเปิดกะทู้ใหม่ละ อันนี้ยาวเกินแต่เนื้อหาคงเดิมครับ-ไปกะทู้ใหม่เลยครับ
     
  16. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    .....ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมา ผิดถูกอย่างไรผมก็อ่าน อ่านเพื่อ ปรับความเข้าใจ อ่านเพื่อ ทราบ หลักคิดของแต่ละท่าน ระดับผู้นำ

    .......ถ้าญาณ คือปัญญาที่รู้ได้จากการเข้าไปรู้เห็นความจริง อยากถามว่า นามธรรมตัวใหนเป็นผู้รู้

    .......ผมจะยกพระสูตรอีก คงไม่ว่ากัน
    ......."
    [๖๙๖] ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณในขณะแห่งโลกุตรมรรค
    อย่างไร ฯ
    ในขณะโลกุตรมรรค จิตเป็นใหญ่ในการให้เกิดขึ้น และเป็นเหตุ
    เป็นปัจจัยแห่งญาณ จิตอันสัมปยุตด้วยญาณนั้น มีนิโรธเป็นโคจร ญาณเป็นใหญ่
    ในการเห็น และเป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งจิต ญาณอันสัมปยุตด้วยจิตนั้น มีนิโรธ
    เป็นโคจร ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและด้วยญาณ ในขณะแห่งโลกุตรมรรค
    อย่างนี้ ฯ

    .......จิตเป็นใหญ่ในการให้เกิด
    .......ญาณเป็นใหญ่ในการเห็น

    ....ถ้าไม่ภาวนาให้เกิดญาณ แล้วจะตรัสรู้ได้อย่างไร
     
  17. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    .....ผมจะอุปมา นะครับ

    ......ถ้าเราจะข้ามแม่น้ำสายหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่ง ก็ศึกษาวิธีข้ามจากผุ้เชี่ยวชาญ แล้วก็ทำความเข้าใจในการข้าม แล้วก็ทดลองข้ามตามตำราแล้วก็กลับมาทบทวน วิธีข้ามจาก ผุ้เชียวชาญ กับอีกคนกลุ่มหนึ่ง ดุ่มๆ ก็กระโดดข้ามไปเลย แต่ก็ข้ามไม่ได้ แล้วมาดูถูกคนที่เขาศึกษา อยู่ในขั้นทดลองซ้อมได้ไง

    ......ถ้ายังข้ามไม่ได้ก็อย่า กล่าวว่ากันเลยครับ หรือว่าท่านข้ามไปได้แล้ว
     
  18. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228

    .......ท่านหมายถึงเอา สติ เข้าไปจับ ทั่วไปหมด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใช่หรือไม่ เช่นนี้จิตของท่านก็จะกวัดแกว่งไปมา เป็นจิตที่ฝุ้งซ่าน

    ......หลักของสติปัฏฐานสี่ สอนให้สร้างสติที่บริสุทธิ์ คือจิตที่จ่อกับสิ่งสิ่งเดียว

    ......สัมปชัญญะจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีสติเกิดขึ้นก่อน การฝึกแต่สติ จะเป็นสติปัฏฐานสี่ไม่ได้เลย ต้องคู่กันเสมอ
    .......การสร้างสัมปชัญญะ ทำไมต้อง เอาสติที่เกิดจากจิตที่ฟุ้งซ่าน ทำไมไม่เอาจากสติที่อยู่กับสิ่งๆเดียว
    ......การเดินจงกรม เราก้าวเท้า มีสติรุ้ว่าก้าวเท้า ตามด้วยสัมปชัญญะ รู้สึกตัวว่าก้าวเท้า เราก็มีสตินิ่งกับสิ่งเดียวคือการก้าว เราทำอานาปานสติ เราก็มีสตินิ่งกับสิ่งเดียวคือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

    .......ผมเคยได้ฟังท่านผุ้หนึ่งอธิบายไว้(ถ้าจำไม่ผิด คือพระสารีบุตร ไม่แน่ใจ) ท่านกล่าว อุปมา การทำสติจากลมหายใจเข้าออก อุปมาดัง ฟังเรื่อยที่ชักเข้าออก ให้จับสติ ตรงที่ ซี่ฟังเรื่อย ลากผ่าน

    ......ลมหายใจเข้า ถ้าสมมุติ ดังฟังเรื่อย มีสักสิบซี่ แต่ละซี่ให้สติ หนึ่งครั้ง แต่ละครั้งที่สติมี ก็ตามด้วยสัมปชัญญะ ก็หมายความว่า หายใจเข้าหนึ่งครั้ง ได้สติ สิบครั้ง สัมปชัญญะสิบครั้ง หายใจออกก็เช่นกัน

    ......ผมไม่เห็นด้วย ที่สร้างสติจากจิตที่ฟุ้งซ่าน ผมเห็นด้วยจากการสร้างสติจากจิตที่ไม่ฟุ้งซ่าน และต้องตามด้วยสัมปชัญญะเสมอ
     
  19. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    การภาวนาให้เกิดญาณ เมื่อยกอุบายขึ้นมาพิจารณา จิตนั้นจะละเอียดจนเข้าเป็นสมาธิ ก็จะติดอยู่กับอุบายนั้นๆ
    ก็จะเกิด ปิติ ปัสสัทธิสุข ตลอดจนถึง เอกัคคตา และสงบนิ่งที่อุเบกขา ก็จะหยุดชมฌานของตนเท่านั้น
    การเดินมรรค ต้องถอยจิต มาพิจารณาไตรลักษณ์ ด้วยอำนาจ สติ สมาธิ โดยปราศจาก สังขาร สัญญาใดๆ ทั้งหมด จะมีความรู้เกิดขึ้น ความรู้ นี้แหละ คือญาน
     
  20. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228

    .......ผมสรูปคำกล่าวของคุณไม่ได้ วนไปมา

    ......ถ้าผมจะสรูปอย่างนี้ได้หรือเปล่า คุณกล่าวว่า ญาณ เกิด หลังวิปัสสนา
    ......วิปัสสนา คืออะไรครับ ที่คุณอธิบาย ว่า วิปัสสนา คือการรู้อริยสัจจ์สี่
    ......แล้วคำว่าแจ้งในปฏิจจสมุปบาท นั้น งงมากเลยครับ

    ......ที่ผมเรียนมานะ วิปัสสนา คือการรุ้ ความเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์ห้า ด้วยญาณ เรียกว่าวิปัสสนาญาณ
    ......ส่วนปฏิจสมุปบาท ท่านอธิบายการมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ เป็นวนรอบ เวลาตรัสรุ้ มันจะต้องตัดตรง ที่เรียกว่า อวิชชา ก็จะตัดวนรอบทั้งหมดได้

    ......ที่ผมอธิบายว่า ถ้าไม่มีญาณ จะเกิดวิปัสสนาญาณได้อย่างไร

    .....ภาวนาอย่างไรจึงจะเกิดญาณ เป็นขั้นแรก
    .....เมื่อเกิดญาณ แล้วจะทำอะไรต่อ ก็เอาจิตที่เป็นสมาธิ จิตที่เป็นสมาธิ ก็คือจิตที่เป็นสติบริสุทธิ์ น้อมให้เห็นไตรลักษณ์ เช่นเห็นว่าไม่มีเราใจจิต จิตไม่มีในเรา เมื่อเกิดญาณ ก็จะละสักกายะทิฏฐิได้

    .....ท่านลองไปอ่าน ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน สิครับ ท่านพิจารณาขันธ์ห้า ยืนอยู่บนพื้นฐานที่ สัมปชัญญะที่แน่น

    .......การเกิดญาณมิได้มีแต่ในศาสนาเราเท่านั้น คนนอกศาสนาก็ทำได้ เพียงแต่เกิดญาณแล้วเอาไปทำอะไร ถึงจะเกิดประโยชน์สุงสุด

    .......ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม ใจคนเป็นประชาธิปตัย ไม่มีใครสามารถ เป็นเผด็จการ บังคับให้ใครมาเชื่อตามตนได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...